ผลการค้นหา :

Map Natural Rubber
แผนที่ความรู้ Knowledge Map เรื่อง ยางธรรมชาติ (Natural Rubber) เพื่อให้เห็นภาพรวมความรู้ เรื่อง ยางธรรมชาติ จากวงการวิจัย นวัตกรรมทั่วโลก ด้วยการวิเคราะห์และสรุปประเด็นสำคัญในรุปแบบที่เข้าใจง่ายจากบทความวิจัย (Research Publications) ทั่วโลก จำนวน 2,250 เรื่องและ สิทธิบัตรที่ได้รับการคุ้มครองจากประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของโลก จำนวน 6,689 เรื่อง ถือว่าเป็นการติดตาม ตรวจสอบ ความก้าวหน้าของงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางธรรมชาติของทั่วโลก ศวท. คาดหวังว่า แผนที่ความรู้เรื่อง ยางธรรมชาตินี้สามารถสนับสนุนและใช้ประโยชน์ในการติดตามรับรู้ให้เท่าทัน กับสถานการณ์โลก ใช้วางแผนนโยบายในการวิจัยพัฒนาเรื่องยางธรรมชาติของประเทศต่อไป
คำสำคัญ
ยางธรรมชาติ / Natural Rubber / บทความวิจัย / สิทธิบัตร / วิเคราะห์ / แผนที่
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
ยางธรรมชาติ
Patent Map / Knowledge map
Natural Rubber
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์ ฉบับที่
5/2551
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

แผนที่ความรู้ พลังงานชีวภาพฯ
ศวท./ STKS วิเคราะห์บทความวิจัยและสิทธิบัตร พลังงานทดแทนเรื่อง ไบโอดีเซล และ ก๊าซชีวภาพ (ไบโอก๊าซ) จากฐานข้อมูลวิชาการ ISI:WOS และ Delphion ผลการวิเคราะห์ พบหน่วยงานวิจัย สหรัฐอเมริกา (USDA ARS / Penn State Univ. / Univ. Idaho) เป็นผู้นำตามด้วย หน่วยงาน Indian Inst. Technol. และ Tsing Hua Univ.บทความวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงสูงสุด 131 ครั้ง คือ บทความจาก Univ. Dusseldort ประเทศเยอรมนี สิทธิบัตรไบโอดีเซล พบ บริษัท BDI Anlagenbau Gesellschaft MBH ถือครองสิทธิบัตรสูงสุด 3 เรื่อง ก๊าซชีวภาพ บทความวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงสูงสุด 102 ครั้ง มาจาก Hong Kong Univ. ประเทศผู้นำการวิจัย คือ อินเดีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ส่วนสิทธิบัตร พบ บริษัท Schmack Biogas AG ได้รับการคุ้มครองสูงสุด 11 เรื่อง
คำสำคัญ
ไบไอดีเซล / ก๊าซชีวภาพ / Biodiesel / Biogas / บทความวิจัย / สิทธิบัตร / วิเคราะห์ / แผนที่
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
พลังงานชีวภาพ ไบไอดีเซล/ไบโอก๊าซ
Patent Map / Knowledge map
Biodiesel / Biogas
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์ ฉบับที่
6/2551 - กุมภาพันธ์ 2551
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

เซลล์แสงอาทิตย์ Solar Cell
ผลการวิเคราะห์บทความวิจัยจาก ISI:WOS เรื่องนี้พบว่าประเทศจีนเ็ป็นผู้นำ 64 บทความจาก 489 บทความ ในขณะที่การวิเคราะห์สิทธิบัตร จำนวน 417 รายการ จากฐานข้อมูลสิทธิบัตร Delphion พบว่าบริษัท Micron technology inc. เป็นผู้นำได้รับการคุ้มครองสูงสุด 127 รายการ โดยรายละเอียดการวิเคราะห์ทั้งส่วนบทความและสิทธิบัตรได้จัดทำเป็นรายงานสารสนเทศวิเคราะห์ดังเอกสาร
คำสำคัญ
เซลล์แสงอาทิตย์ / Solar Cell / บทความงานวิจัย / สิทธิบัตร
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
เซลล์แสงอาทิตย์
Patent Map / Knowledge map
Solar Cell
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์ ฉบับที่
4/2551 - พฤศจิกายน 2550
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

โรคติดเชื้ออุบัติใหม่
รายงานแผนที่ความรู้ (Knowledge Mapping) เรื่องโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ได้แก่ ไข้หวัดนก ไข้เลือดออก และไข้มาลาเรีย เป็นรายงานที่รวบรวมและวิเคราะห์จากแหล่งสารสนเทศสำคัญ 2 แหล่งคือ ฐานข้อมูลบทความวิจัยสาขาแพทย์ Pubmed-Medline และฐานข้อมูลสิทธิบัตร Thomson: Delphion
คำสำคัญ
ไข้หวัดนก / ไข้เลือดออก / ไข้มาลาเรีย / วิจัย / สิทธิบัตร / Mapping
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (ไข้หวัดนก / ไข้เลือดออก / ไข้มาลาเรีย)
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์ ฉบับที่
1-3/2551 - ตุลาคม 2550
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

แผนที่สิทธิบัตร Embedded Technology
ศูนย์บริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS ทำการรวบรวมเอกสารสิทธิบัตรและเอกสารผลงานวิจัยตีพิมพ์เรื่อง เทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว (Embedded Technology) จากแหล่งบริการออนไลน์ที่ สำคัญ รวม 5 แหล่งคือ Delphion Patent / Espacenet EP Patent / IEEEXplore / ISI:Web of Science และ Elsevier Scopus และทำการวิเคราะห์เพื่อสรุปภาพรวม ผลการสืบค้น + วิเคราะห์ มีความแตกต่างกันบ้างเนื่องจาก ฐานข้อมูลแต่ละแหล่งมีระบบดัชนีแตกต่างกัน สรุปเอกสารสิทธิบัตรพบว่าบริษัทผู้นำ การขอยื่นจด/ได้รับสิทธิบัตร ได้แก่ บริษัท IBM/Samsung /Microsoft / Cannon / LG Electronic เป็นต้น มีจำนวนสิทธิบัตรที่ยื่นขอ/ได้รับการอนุมัติเพิ่มขึ้นทุกปี ตั้งแต่ปี 2000 (20 เรื่อง) - ปี 2008 (100 เรื่อง) จัดอยู่ในหมวดหมู่ IPC Class G06F (156 เรื่อง)
ส่วนเอกสารงานวิจัยตีพิมพ์จาก 3 แหล่ง ผลการวิเคราะห์ ใกล้เคียงกัน มีจำนวนบทความวิจัยเพิ่มขึ้นทุกปี แสดงบทความวิจัยที่ได้รับการอ้างอิงสูงสุด ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ปี 2004 พบเป็นบทความวิจัย ในหมวดหมู่ (ตามระบบของ ISI) เรื่อง Instruments+Instrumentation สูงสุด โดยมีประเทศผู้นำการวิจัยคือ สหรัฐอเมริกา/เยอรมนี / ฝรั่งเศล / อิตาลีและ สเปน
คำสำคัญ
ระบบสมองกล / embedded system / แผนที่สิทธิบัตร / แผนที่ความรู้
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
เทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว Embedded Technology
Patent Map / Knowledge map
Embedded System Technology
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์
4/2552 - 31 มกราคม 2552
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับในอาหาร
สิทธิบัตรเรื่อง Food Traceability สืบค้นจากฐานข้อมูล Thomson Delphion พบ 80 เรื่อง มีประเทศญี่ปุ่นขอยื่นมากที่สุด บริษัทที่ขอยื่นสูงสุด ชื่อ Scanvegt International A/S ตัวอย่างชื่อเรื่องสิทธิบัตรได้แก่ System for tracing animal products / IMPROVING THE TRACEABILITY OF MEAT/A PRODUCTION CONTROL TRACEABILITY SYSTEM AND METHOD เป็นต้น จัดอยู่ในหมวดหมู่ G06Q / A01K / A22B
เอกสารงานวิจัยตีพิมพ์จากฐานข้อมูล IEEE Xplore พบมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ตัวอย่างคำศัพท์ที่พบมาก เช่น traceability / RFID / Food Processing /ส่วนบทความวิจัยจากฐานข้อมูล ISI ให้ผลลัพธ์คำตอบการสืบค้นมากกว่า IEEE เพราะเป็นฐานข้อมูลรวบรวมแบบสหสาขาวิชา และให้รายละเอียดของแต่ละบทความละเอียดมากกว่า โดยพบว่ากลุ่มประเทศในทวีปยุโรปมีการทำวิจัยเรื่องนี้มาก เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์พบคำศัพท์ ได้แก่ identification / polymerase chain reaction / markers เป็นต้น
คำสำคัญ แผนที่ / Food Traceability / การตรวจสอบย้อนกลับอาหาร
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
เทคโนโลยีระบบการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร
Patent Map / Knowledge map
Food Traceability Technology
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์
5/2552 - 28 กุมภาพันธ์ 2552
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

Thomson Reuters ทำนายนวัตกรรมใหม่
บริษัท Thomson Reuters ทำการวิเคราะห์หานวัตกรรมใหม่ที่ร้อนแรงจากเอกสารสิทธิบัตรในช่วง 5 ปีย้อนหลัง และได้สรุปคาดการณ์ว่า นวัตกรรมใหม่ ใน 3 หัวข้อ คือ
1. เชื้อเพลิงชีวภาพจากสาหร่าย (Biofuels from Algae)
2. ข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือ (Cell Phone Data)+ โครงข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wireless Network Roaming)
3. นาโนเทคโนโลยี Lab-on-a-chip อุปกรณ์วินิจฉัยโรคแบบนาโนขนาดจิ๋ว
มีการเติบโตอย่างโดดเด่นมากในเอกสารสิทธิบัตรทั่วโลก ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 นี้ โดยบทความนี้ขอนำเสนอเฉพาะนวัตกรรมเรื่อง การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจากสาหร่ายเท่านั้น ส่วนอีก 2 นวัตกรรมจะนำเสนอในรายงานเรื่องต่อไป
บทนำ
ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย พลาสติกไม่ใช่เรื่องที่จะได้รับความสำเร็จ เชื่อมั่นอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการเงินและรถยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่เคย เป็น ในขณะนี้โลกกำลังประสบภาวะการตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงเสาหลักของ อุตสาหกรรมต่างๆได้สูญเสียความรุ่งโรจน์ของตนเองอย่างต่อเนื่อง พวกเรากำลังเฝ้ามองดูว่านวัตกรรมสาขาใดที่จะเป็นแหล่งเพาะที่สามารถมากอบกู้ เศรษฐกิจ และจะเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต
เพื่อหาคำตอบใน เรื่องนี้ แผนก IP Solutions Business ของ Thomson Reuters จึงได้ตรวจสอบหานวัตกรรมที่ร้อนแรงในช่วง ไตรมาสแรกของปี 2009 นี้
วิธีการ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตร จาก ฐานข้อมูล Derwent World Patents Index (DWPI sm) ซึ่งเป็นข้อมูล/บริการชุดหนึ่งของ Thomson Reuters ทำการวิเคราะห์หากิจกรรมของสิทธิบัตรทั่วโลกในสาขา Biofuels, Telecom และ Bio-related nanotechnology นับจำนวนสิทธิบัตรทั้ง 2 ประเภท คือ คำยื่นขอ & ได้รับการคุ้มครอง ในช่วงระยะเวลาในปี 2003 2008 และ มกราคม-มีนาคม 2009 จากนั้นนำไปเปรียบเทียบกับแนวโน้มการเติบโตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นวัตกรรมเรื่อง Biofuels Based on Algae
ขณะ นี้โลกกำลังแสวงหาพลังงานสะอาด (green energy) ซึ่งประกอบด้วยพลังงานตั้งแต่ wind turbines ไปจนถึง hydrogen-powered vehicles ในส่วนของเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuels) มีทั้งชนิดของแข็ง ของเหลว ก๊าซ ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากสิ่งมีชีวต ซึ่งนักนวัตกรรมในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพให้ความสนใจพัฒนา ในขณะที่เชื้อเพลิงชีวภาพยุคที่หนึ่งทำมาจาก น้ำตาล แป้ง น้ำมันพืช หรือ น้ำมันสัตว์ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการดึงมาจากแหล่งโซ่อาหารของมนุษย์มาจึงมีการ ริเริ่มผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพยุคใหม่ที่มุ่งเน้นวัตถุดิบที่ถาวรยั่งยืนมาก ขึ้นกว่าเดิม เชื้อเพลิงชีวภาพยุคที่ 2 ตัวอย่างเช่น การใช้ของเสียที่ได้จากสิ่งมีชีวิตจากส่วนที่ไม่เป็นอาหาร เช่น ลำต้น กิ่งก้านข้าวสาลี ซังข้าวโพด
สิ่งที่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่ กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ อาจเรียกเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพรุ่นที่ 3 คือการพัฒนาจาก สาหร่าย สาหร่ายถือเป็นสิ่งที่นำเข้าแบบชั้นต่ำ แต่ให้ผลิตผลิตสูง มีความสามารถในการผลิต เป็น 30 เท่าต่อเอเคอร์ เมื่อเทียบกับถั่วเหลือง ใครเป็นผู้นำในการคิดค้นนวัตกรรมนี้ และพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ Thomson Reuters นำเสนอผลการวิเคราะห์สิทธิบัตรเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้
Category Growth
Time Period
Total Biofuel Patents
Total Biofuel
from Algae Patents
Jan - Dec 2003
Jan - Dec 2008
Jan 2008 - Mar 2009
341
1,878
2,466
3
63
92
Most Active Countries (Jan 2008- Apr2009)
Rank
Country
Authority of Origin
Number
of Ducuments
% of Documents
1
WIPO
39
42.39%
2
United States
34
36.96%
3
China
8
8.7%
4
EPO
3
3.26%
5
Germany
2
2.17%
5
Great Britain
2
2.17%
5
Japan
2
2.17%
6
Brazil
1
1.09%
6
France
1
1.09%
.
Rangking
Patent Assignee
Number of
Document
% of
Document
Country
of
Origin
1
Alternative Fuels Group Inc.
2
2.17%
US.
1
Arisdyne Systems Inc.
2
2.17%
US.
1
Gen Atomics
2
2.17%
US.
1
Ouro Fino Participacoes & Empreendimento
2
2.17%
Brazil
1
Sartec Corp
2
2.17%
US.
1
Solix Biofuels Inc.
2
2.17%
US.
1
Univ.Colorado State Res. Found.
2
2.17%
US.
2
Afton Chemical Corp.
1
1.09%
US.
2
Air Liquide SA
1
1.09%
France
2
Albemarle Corp
1
1.09%
US.
2
Algepower LLC
1
1.09%
US.
ข้อสังเกต จากการวิเคราะห์
นวัต กรรมเรื่องเชื้อเพลิงชีวภาพ ในปี 2003 ด้วยการวัดปริมาณจำนวนเอกสารสิทธิบัตรทั่วโลก จากฐานข้อมูล Derwent World Patent Index พบมีจำนวนน้อยเพียง 341 เรื่องถือเป็นสาขาวิจัยพัฒนาขนาดเล็ก และมีผู้นำจากบริษัทในประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 70 และเป็นสิทธิบัตรที่ขอยื่นในประเทศญี่ปุ่น ร้อยละ 31
ในปี 2008 - 5 ปีต่อมา พบว่ากิจกรรมสิทธิบัตรในเรื่องนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 550 คิดเป็นจำนวน 1,878 เรื่อง
ใน ช่วงระยะเวลาล่าสุด (Jan 2008 - Apr 2009) จำนวนสิทธิบัตรเรื่องเชื้อเพลิงชีวภาพมีเพิ่มขึ้นเป็น 2,466 เรื่อง ประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีนเริ่มก้าวเข้ามาในเรื่องนี้ คิดเป็นร้อยละ 31 ที่ทำการยื่นขอในประเทศจีน บริษัทจีนมีส่วนแบ่งในตำเหน่งผู้นำ 10 อันดับแรกพร้อมกันกับบริษัทญี่ปุ่น
มีข้อถกเถียงกันอย่างมากในสื่อ ต่างๆ เกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ในแง่ผลกระทบที่มีการนำพืชผลที่ได้จากการเพาะปลูกที่เป็นอาหารมนุษย์มาผลิต เป็นพลังงานชีวภาพ
ในช่วงปี 2008-2009 บริษัทผู้นำ 11 บริษัท มีการยื่นขอสิทธิบัตรเรื่อง Biofuels จาก สาหร่าย เป็นหลัก โดยเป็นบริษัทจากสหรัฐอเมริกา 8 ใน 11 บริษัทนั้น ที่เหลือได้แก่บริษัทจาก บราซิล สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส โดยที่บริษัทจากจีน เยอรมนี และญี่ปุ่น ไม่ปรากฏอยู่ในรายการบริษัทผู้นำ 10 อันดับแรก
ตัวอย่างรายชื่อสิทธิบัตร เช่น
Pub. No.
Title
Assignee
Pub. Date
US20090246766A1
High throughput screening of genetically modified photosynthetic organisms
Sapphire Energy
2009-10-01
US20090221057A1
Algae breeder system for converting flue gases into biofuels, comprises enclosed tank for containing liquid medium, light source for tank, feedstock
inlet, flue gas source, sensor mechanism, control mechanism, and controlled
environment
-
2009-09-03
WO2009102989A1
LOW SHEAR PUMPS FOR USE WITH BIOREACTORS
SOLIX BIOFUELS, INC.
2009-08-20
WO2009094440A1
ALGAL CULTURE PRODUCTION, HARVESTING, AND PROCESSING
AQUATIC ENERGY LLC
2009-07-30
JP2006190502A2
Electrode for bio-fuel cell, has electroconductive porous membrane with parent micro-organisms property, as anode
TOKYO UNIV
2006-07-20
เกี่ยวกับฐานข้อมูล Derwent World Patent Index, DWPI
DWPI คือฐานข้อมูลที่รวบรวมเอกสารสิทธิบัตรทั้งประเภทการยื่นขอ (Applications) และ ประเภทที่ได้รับการคุ้มครอง (Grants) จากสำนักงานสิทธิบัตร 41 แห่งทั่วโลก รวบรวมและปรับปรุงเขียนใหม่ (Rewritten) ให้เป็นภาษาอังกฤษโดยกองบรรณาธิการของ DWPI จัดทำบทคัดย่อแบบสั้น มีการระบุให้ patent family (แสดงรายชื่อประเทศที่เอกสารสิทธิบัตร 1 เรื่องที่ทำการไปยื่นขอจากประเทศต่างๆทั่วโลก) แสดงประเทศแรกที่ยื่นขอ และเรียงลำดับตามที่ยื่นขอในประเทศต่างๆ ซึ่งแสดงเป็น Equivalent patents ขณะนี้ DWPI มีเอกสารสิทธิบัตร 16 ล้านเรื่อง ที่มีความเหมือนกัน ราว 10 ล้านเรื่อง และมีการเพิ่มข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ใหม่ราวปีละ 1 ล้านเรื่อง Basic Format ของฐานข้อมูล DWPI ได้แก่ บรรณานุกรมเอกสารสิทธิบัตร บทคัดย่อ (ภาษาอังกฤษ) Manual code Special Indexing ประกอบด้วย
Derwent Manual Code - Derwent คิดค้นระบบรหัสการจัดหมวดหมู่เอกสารสิทธิบัตรของตนเอง (Own proprietary patent Classification Codes) เรียกว่า Manual codes ระบบหมวดหมู่ แบ่งแยกออกเป็นหมวดย่อย ได้แก่ สาขาเคมี วิศวไฟฟ้าและวิศวเครื่องกล ตัวอย่างเช่น T01-S03 = Digital computers : Claimed software products
Derwent Assignee Codes - Derwent จัดทำรหัสบริษัทผู้ยื่นขอจดสิทธิบัตร แบบเป็นมาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย ตัวอักษร 4 อักษร ตัวอย่าง บริษัท Siemen มีรหัสว่า SIEI
สรุป DWPI มีความพิเศษ เพิ่มคุณค่าในการสืบค้นเอกสารสิทธิบัตรอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
Enhanced patent information database
Based on one record per invention (Patent family)
Concise abstract of complete patent document
Manually codes/indexd to allow consistent and accurate searching
Includes documents from over 41 major patent issuing authorities ( over 120 countries)
(JPO, USPTO, EPO, WIPO-China, Korea, Taiwanese Patent Office, Majority of European Offices)
Contain over 15.4 million records ( 33 million patents)
Updated every 3/4 working days
-----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
1. Doina Nanu June 2007 "DerwentWorld Patents Index (DWPI) - process outline " Available at : http://www.ucl.ac.uk/slais/epublishing-summerschool/6.4Nanu.pdf
2. Thomson Reuters June 2009 "Innovation Hot Spot IP Market Report- Mining patent data for tomorrow,s breakthroughs" Available at http://ip.thomsonreuters.com/media/pdfs/InnovationHotSpots_June2009.pdf
รายชื่อเอกสารสิทธิบัตร เรื่อง Biofuels + algae ที่สืบค้นได้จาก espacenet.com จำนวน 23 เรื่อง
Bio-Breeder System for Biomass Production
Hydroponic Growing Enclosure and Method for Growing, Harvesting, Processing and Distributing Algae, Related Microrganisms and their By Products
ALGAL CULTURE PRODUCTION, HARVESTING, AND PROCESSING
EXPRESSION OF NUCLEIC ACID SEQUENCES FOR PRODUCTION OF BIOFUELS AND OTHER PRODUCTS IN ALGAE AND CYANOBACTERIA
METHOD OF PRODUCING BIOFUEL USING SEA ALGAE
SYSTEMS AND METHODS FOR PRODUCTION OF BIOFUEL
INTEGRATED PROCESSES AND SYSTEMS FOR PRODUCTION OF BIOFUELS USING ALGAE
TRANSPORTABLE ALGAE BIODIESEL SYSTEM
HIGH EFFICIENCY SEPARATIONS TO RECOVER OIL FROM MICROALGAE
Method and device for producing biomass of photosynthesizing microorganisms/phototrophical algae and biomass of these microorganisms pigments
Harvesting of Biofuel algae feedstcock using tractive devices and fine net
ALGAE GROWTH FOR BIOFUELS
Growing algae in open water for use as a biofuel
METHODS OF ROBUST AND EFFICIENT CONVERSION OF CELLULAR LIPIDS TO BIOFUELS
Method And System For The Transformation Of Molecules,To Transform Waste Into Useful Substances And Energy
Method And System For The Transformation Of Molecules: A Process Used To Transform Waste Into Energy And Feedstock Without Releasing Carbon Dioxide Greenhouse Gas Emissions
Method and system for the transformation of molecules, this process being used to transform waste into useful substances and energy
PRODUCTION OF BIOFUELS USING ALGAE
Methods and compositions for production and purification of biofuel from plants and microalgae
PHOTOSYNTHETIC OIL PRODUCTION WITH HIGH CARBON DIOXIDE UTILIZATION
PHOTOSYNTHETIC CARBON DIOXIDE SEQUESTRATION AND POLLUTION ABATEMENT
ELECTRODE FOR BIOFUEL CELL AND BIOFUEL CELL
BIOFUEL CELL USING GREEN PLANT AND ENZYME FIXING ELECTRODE
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
Thomson Reuters ทำนายนวัตกรรมใหม่
Patent Map / Knowledge map
Innovation
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์ ฉบับที่
9 ตุลาคม 2552
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

วิวัฒนาการของการประเมินคุณภาพวารสารวิชาการ
วิวัฒนาการของการประเมินคุณภาพวารสารวิชาการ
The Evolution of Journal Evaluation
โดย นางรังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
สิงหาคม 2552
ชุมชนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโลก ได้พึ่งพาสิ่งพิมพ์วิชาการโดยเฉพาะวารสารวิชาการ (Scholarly Journal ) ให้เป็นแหล่งตีพิมพ์ผลงานเพื่อเผยแพร่ โดยมีการนำเสนอความคิดใหม่ การทดลองใหม่ การค้นพบความรู้ใหม่ หรืออื่นๆ ได้ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในสาขาวิทยาศาสตร์ทั่วโลก วารสารวิชาการส่วนใหญ่มีขนวบการ peer review และเมื่อพูดถึงวารสารวิชาการที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด (most influential journals) นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างพูดทันทีถึงค่า Impact Factor, IF ที่ตีพิมพ์ในบริการชื่อ Journal Citation Report, JCR ของบริษัท ISI Thomson Reuters เป็นบริการที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี
ค่า IF คือ ค่าเฉลี่ยของจำนวนการได้รับการอ้างอิงของบทความในวารสารชื่อหนึ่ง ต่อ จำนวนบทความที่พิมพ์ก่อนหน้านั้น ในช่วง 2 ปี JCR 2008 (ออกบริการรายปี) ชุดใหม่ล่าสุดที่เริ่มคิดค่า IF แบบช่วง 5 ปี
ที่ผ่านมามีการนำค่า IF ไปใช้ในทางที่ผิด (misuse) ซึ่งเป็นการกระทำที่สืบทอดกันมาจากรุ่นก่อนๆ ถือเป็นเรื่องน่ากลัว คือ มีการนำค่า IF ไปวัดถึงบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารรวมถึงวัดถึงผู้แต่งหรือ นักวิทยาศาสตร์อีกด้วย
การตัดสินคุณภาพของนักวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องยากยิ่ง ต้องในผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นเป็นผู้ประเมินด้วยขนวบการ peer review ประเมินคุณภาพในแต่ละบทความวิจัยโดยตรง
วิธีการคำนวณหาค่า IF คือวิธีการศึกษาในสาขา Bibliometrics ซึ่งมีคำจำกัดความดังนี้ “The statistical analysis of bibliographic data, mainly in scientific and technical literatures. It measures the amount of scientific activity in a subject category / journal / country/ topic or other area of interest. ”
นัก Bibliometrician มีการนำเสนอหน่วยวัดวารสารหลากหลายค่า เพื่อปรับปรุงแก้ไขตามคำวิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียง กันในชุมชนวิจัยวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อให้มีหน่วยวัดหลากหลาย ด้วยวิธีการที่อยู่บนหลักการของ จำนวนบทความ ( Number Publications) จำนวนการได้รับการอ้างอิง ( Number Citations) จำนวนการใช้ (Usage) และอื่นๆ มีการสรุปว่า ขณะนี้ ยังไม่มีหน่วยวัดที่สมบูรณ์ เพียงพอ ในการวัดถึงผลกระทบของวารสารที่แท้จริง ค่า IF เป็นเพียงผิวๆ / เส้นรอบวง (periphery) ของตาชั่ง
ขณะนี้ มีการนำเสนอหน่วยวัดคุณภาพวารสาร ชุดใหม่ ที่ชื่อ Eigenfactor ที่ทำการจัดอันดับวารสารวิชาการที่ทรงอิทธิพลด้วยวิธีการเดียวกับ Google จัดอันดับเว็บไซต์ ด้วยอัลกอธิธัมที่ชื่อ Network Theory ทำการจัดลำดับวารสารตามอิทธิพลหากมีการอ้างอิงบทความภายในเล่มในจำนวนมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ประวัติพัฒนาการของหน่วยวัด เพื่อประเมินคุณภาพวารสารวิชาการ มีมายาวนานกว่า 50 ปี ตามลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ (Timelines) ดังนี้
ปี ค.ศ. 1960 Dr. Eugene Garfield ได้นำเสนอแนวคิดในการนำข้อมูลการอ้างอิงมาวัดคุณภาพวารสาร โดยตีพิมพ์บทความนำเสนอให้วารสาร Science เมื่อปี 1955
ปี ค.ศ. 1963 เกิดฐานข้อมูล Science Citation Index เป็นการนำเสนอบทความวิจัยวิทยาศาสตร์ที่มีข้อมูลการอ้างอิง
ปี ค.ศ. 1970 เกิดฐานข้อมูล Social Science Citation Index เป็นการนำเสนอบทความวิจัยสังคมศาสตร์ที่มีข้อมูลการอ้างอิง
ปี ค.ศ. 1976 เกิดบริการ Journal Citation Report, JCR นำเสนอค่า Journal Impact Factor, JIF
ปี ค.ศ.1980 เกิดฐานข้อมูล Arts & Humanities Citation Index เป็นการนำเสนอบทความวิจัยมนุษยศาสตร์ที่มีข้อมูลการอ้างอิง
ปี ค.ศ. 1990 ISI นำเสนอข้อมูล Indicators datasets & Citation report
ปี ค.ศ. 1995 เกิดบริการแบบเว็บเบส ISI – Web of Knowledge
ปี ค.ศ. 2000 เกิดบริการ Essential Science Indicators, ESI
ปี ค.ศ. 2005 มีการเสนอหน่วยวัดคุณภาพงานวิจัย h index
ปี ค.ศ. 2007 มีการเสนอหน่วยวัดคุณภาพงานวิจัย Eigenfactor Metrics
จนถึงขณะนี้ วงการวิจัยวิทยาศาสตร์ มีหน่วยวัด คุณภาพงานวิจัยวิทยาศาสตร์ หลายค่า ได้แก่
1. Impact Factor, IF (Immediacy index, Cited half life)
2. H index
3. Eigenmetrics
4. Map & Research Fronts
5. Usage Statistics (ขณะนี้มีการนำเสนอหน่วยวัดที่ชื่อ usage factor ซึ่งกำลังมีการพัฒนาอยู่ที่ Oxford University Press)
จากหน่วยวัด 3 ค่าหลักข้างต้น ทุกๆหน่วยต่างก็ใช้ข้อมูลการอ้างอิง (citation count) เป็นสำคัญ
เหตุผลในการใช้ข้อมูลการอ้างอิง ในการวัด performance ของงานวิจัย คือ
การอ้างอิงถึงบทความอื่นๆ หมายความว่ามีการใช้ (use)/เป็นการตอบรับ(reception)/ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ (utility)/ การมีอิทธิพล (influence)/ มีความสำคัญ (significance) / มีผลกระทบ (impact) ฯลฯ แต่ไม่ได้วัดถึงคุณภาพ การประเมินคุณภาพต้องเป็นการตัดสินด้วยมนุษย์เท่านั้น
ข้อมูลการอ้างอิง เป็นดัชนีชี้ถึงผลกระทบต่อบทความวิจัยและมีผลประโยชน์ต่อชุมชนวิจัยทั่วโลก ถือเป็นการแสดงถึงรูปแบบการตรวจทานที่ยอมรับ (peer acknowledge) จากนักวิทยาศาสตร์กลุ่มงานวิจัยในสาขาเดียวกันนั้น
ขนวบการ peer review ยังคงเป็นวิธีการรากฐานของการประเมินคุณภาพงานวิจัย ฉะนั้นการวิเคราะห์เชิงปริมาณไม่ควรเข้ามาแทนที่การ peer review ควรเป็นเพียงสิ่งที่มาเสริมให้สมบูรณ์และใช้ให้ถูกต้องตามแต่ละกรณี
หน่วยวัด citation ดีพอสำหรับการวัด กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ หรือไม่
Citation metrics มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ Transparent โปร่งใส / Repeatable ใช้ซ้ำได้ / Understand เข้าใจได้
ข้อเด่นในการนำไปใช้ คือ
- สำหรับชุมชนที่ 3 ใช้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนได้
- เชื่อถือได้ เพราะมีแหล่งข้อมูลให้ตรวจสอบได้
- ปรับใช้ตามที่ต้องการได้
โดยหน่วยวัด 3 ประเภทที่สำคัญนั้น อยู่บนหลักการที่อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. Impact Journal Metrics
- เป็นการนับจำนวนการได้รับการอ้างอิง ต่อจำนวนบทความที่ตีพิมพ์ (ในวารสาร)
- เป็นวิธีที่ง่าย เข้าใจได้
- เป็นหน่วยวัดที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในชุมชนวิจัยทั่วโลก คือค่า JIF, Immediacy index, Time half life index
2. H Family
- อยู่บนหลักการเรียงลำดับจากสูงสุดไล่เรียง ของจำนวนบทความตีพิมพ์
- เป็นหน่วยวัดที่ง่าย เข้าใจได้
- สามารถนำประยุกต์ได้กับทุกระดับ คือ วารสาร นักวิทยาศาสตร์ สถาบัน ประเทศ
3. Influence Metric
- เป็นการให้ค่าน้ำหนักในการวัดของโครงสร้างเครือข่ายของการอ้างอิงทั้งหมด
- คิดหน่วยวัดเป็น 2 ค่าหลัก คือ Eigenfactor Influence (EI) / Article Influence (AI)
วิธีการคำนวณหาค่า Journal Impact Factor, JIF
คำจำกัดความ หมายถึงสัดส่วนระหว่าง จำนวนการได้รับการอ้างอิง / จำนวนบทความที่ตีพิมพ์
JIF = current year cites to items published in 2 preceeding years
Number of articles (citable items) exclude editorials, letter, news, meeting abs.
ตัวอย่างที่ 1 แสดงวิธีการคำนวณ 2 years JIF 2007 ของวารสาร A ดังนี้
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2006 =4541 ครั้ง cites item
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2005 =5827 ครั้ง
รวม จำนวนการอ้างอิงถึงวารสาร A ช่วง 2 ปี = 10368
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2006 = 773 เรื่อง item published/citable items
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2005 = 837 เรื่อง
รวม จำนวนการตีพิมพ์ ของวารสาร A ช่วง 2 ปี = 1610 เรื่อง
ฉะนั้น ค่า JIF- 2 years ของวารสาร A = 10368/1610
= 6.440
ตัวอย่างที่ 2 แสดงวิธีการคำนวณ 5 years JIF 2007 ของวารสาร A ดังนี้
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2006 =4541 ครั้ง
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2005 =5827 ครั้ง
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2005 =68931 ครั้ง
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2005 =6505 ครั้ง
มีจำนวนการอ้างอิงในปี 2007 ถึงบทความที่ตีพิมพ์ปี 2005 =5159 ครั้ง
รวม จำนวนการอ้างอิงถึงวารสาร A ช่วง 5 ปี =28925
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2006 = 773 เรื่อง
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2005 = 837 เรื่อง
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2005 = 1003 เรื่อง
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2005 = 970 เรื่อง
จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ปี 2005 = 957 เรื่อง
รวม จำนวนการตีพิมพ์ ของวารสาร A ช่วง 5 ปี = 4540 เรื่อง
ฉะนั้น ค่า JIF 5 years ของวารสาร A = 28925/4540
= 6.371
ประเด็นที่เกิดข้อถกเถียงของค่า JIF
- Citable items ไม่มีมาตรฐานและคำจำกัดความไม่แน่ชัด
- Citation Pattern ในแต่ละสาขาวิชามีความผันแปรแตกต่างกันอย่างมาก
- การคิดค่า แค่ช่วงระยะเวลาเพียง 2 ปี เป็นช่วงเวลาที่สั้นเกินไป
- ประเภทของบทความตีพิมพ์ (Review, Research article) มีความผันแปรในการอ้างอิงแตกต่างกัน
- คิดค่า JIF เฉพาะวารสาร ไม่มีสิ่งพิมพืประเภทอืนๆ
- เป็นการวัดที่บิดเบือนของการกระจายตัวของค่าต่างๆ
รูปภาพที่ 1 ข้อมูล JCR 2008
Source : http://the-aps.org/publications/journals/info/impact_factors.htm
ค่า h index
คำจำกัดความ “A scientist has index h if h of his/her np papers have at least h citation each, and the other (Np – h) papers have less than or equal to h citation each”
รูปภาพที่ 2 ค่า h index ของวารสาร Nature ปี 2009
Source : Database Scopus (Subscribed)
คุณลักษณะของการคิดคำนวณค่า h คือ
- เป็นการนับรวมทั้งปริมาณ (size) กับผลกระทบ(impact)
- สามารถปรับ ใช้วัดได้กับสิ่งพิมพ์ทุกประเภท
- มีข้อสังเกต ว่าทำไมไม่วัดที่ค่าเฉลี่ย (median)
วิธีการคำนวณหาค่า h ดังนี้ วารสาร Nature ปี 2009 ได้ค่า h = 15 (ณ สิงหาคม 2009)
ทำการเรียงลำดับรายการบทความวิจัย ตามจำนวนที่ได้รับการอ้างอิงสูงสุด ไล่เรียงลงไป ดังนี้
Document
Citation
1
34
2
25
3
23
4
22
5
21
6
21
7
20
8
20
9
19
10
18
11
16
12
16
13
16
14
15
15
15
16
15
อ้างอิงจาก ฐานข้อมูล Scopus เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552
ประเด็นที่เกิดข้อถกเถียงของค่า h
- เป็นการตัด / ไม่สนใจบทความที่มีจำนวนการได้รับการอ้างอิงสูง highly cited paper
- วิธีการใช้ ควรนำค่าที่คำนวณได้ไปใช้เปรียบเทียบกับสิ่งอื่นๆ
- ไม่มีกรอบของช่วงเวลา ค่า h มีแต่จะเพิ่มขึ้นเสมอ
- ใช้ค่านี้ เพื่อเป็นการยกย่อง / ชื่นชมแก่นักวิทยาศาสตร์
Eigenfactor
Eigenmetrics ประกอบด้วย 2 ค่า คือ
EigenFactor Influence Score (EI) กับ Article Influence Score (AI)
ค่า EI เป็นค่าที่มาจาก
- พิจารณาโดยใช้หลักการ Citation Network เพื่อใช้วัดถึง Citation Influence จัดอันดับวารสารแบบเดียวกับกูเกิ้ล จัดอันดับหน้าเว็บไซต์
- ใช้ข้อมูลดิบจาก JCR ของบริษัท ISI ในช่วงระยะเวลา 5 ปี
- คิดคำนวณค่าโดยการตัด self citation ออก
- แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของรูปแบบการอ้างอิงในสาขาวิชาต่างๆ
ค่า AI มีคุณลักษณะดังนี้
- เป็นค่าที่ใช้เทียบเคียงกับค่า IF ได้
- เป็นการวัดสัดส่วนของค่า EF ต่อปริมาณจำนวนบทความ
ประเด็นที่ถกเถียงเกี่ยวกับ Eigenmetric
- เข้าใจได้ยาก มีความสลับซับซ้อนมาก
- ไม่มีมาตรฐานในขนาดหรือปริมาณ
- เป็นการวัดระหว่างอิทธิพล (influence) กับผลกระทบ (impact)
รูปภาพที่ 3 แสดงหน่วยวัด EigenFactor ในค่า Eigenfactor score และค่า Article Influence score
Source : www.eigenfactor.org - Free/Open Access
สิ่งที่ควรรู้ เมื่อต้องการใช้หน่วยวัดเพื่อการประเมิน
- วิธีการวัด/นับแบบง่าย (simple count) จากจำนวนต่างๆ เช่นจำนวนบทความตีพิมพ์ / การได้รับการอ้างอิง / ค่าเฉลี่ยการอ้างอิงต่อบทความ ถือเป็นข้อมูลสถิติเบื้องต้นและเป็นพื้นฐาน ที่วัดในช่วงเวลาหนึ่งๆ รวมทั้งมีการใช้ค่ามาตรฐานทางสถิติต่างๆ เช่น ค่าเฉลี่ย mean / median
- เป็นการวัดข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่งๆ (time series data) 1ปี / 5 ปี / 25 ปี
- การวัดแบบคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ (percent share) ของจำนวนบทความ/การอ้างอิง ภายใต้ข้อมูลหลักเช่น สาขาวิชา หน่วยงาน ประเทศ
- ความคาดหวังในความถี่ในจำนวนของการอ้างอิง (expected citation counts) ที่มีต่อบทความ คิดบนพื้นฐาน ต่อปี ต่อวารสาร ต่อนักวิทยาศาสตร์
- สาขาวิชาที่เกิดใหม่ / ที่มีความเข็มแข็ง (emerging field & research strengths) เพื่อให้เข้าใจถึงการเปลียนแปลงรูปแบบการอ้างอิง หรือการอ้างอิงร่วมกันของสาขาวิชาใหม่
- การเทียบเคียงกับค่ามาตรฐาน (benchmarks for context) บนหลักการของสาขาวิชา เทียบในระดับโลก ประเทศ เพื่อให้เห็นผลกระทบ
- ปัจจัยที่มีผลต่อหน่วยวัดคุณภาพขึ้นกับ งบประมาณการวิจัย จำนวนนักวิจัย สิ่งอำนวยความสะดวกในการวิจัย
----------------------------------------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
Patricia Brennan 2009 “Bridging the Geographic Science Gap : Modes of Quantitative Analysis for Scientific Papers” Presented at the Council of Science
Editors 3 May 2009 available at https://www.councilscienceeditors.org/wp-content/uploads/v32n5p153.pdf
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

การแพทย์แบบจีโนมิกส์
ปี ค.ศ. 1953 วงการวิทยาศาสตร์ด้านชีวเคมีมีการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ คือ การค้นพบโครงสร้างหน่วยพันธุกรรมหรือยีน เป็นสายโมเลกุลดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสารเคมีประเภทเบส 4 ชนิด A, T, C, G เรียงลำดับกันเป็นเกลียวคู่ ต่อมามีการศึกษาค้นพบยีนของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่จุลินทรีย์ขนาดเล็กที่สุด พืช (ข้าว) จนถึงยีนมนุษย์
ความสำเร็จของโครงการจีโนมมนุษย์เมื่อ ปี ค.ศ. 2003 และโครงการ HapMap ก่อเกิดประโยชน์อย่างเอนกอนันต์ในวงการศึกษาวิจัยการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อการดูแลสุขภาพและรักษาโรคสำหรับมนุษยชาติ คือ องค์ความรู้จากการค้นพบข้อมูลหน่วยพันธุกรรมยีนที่เป็นรหัสสายยาว ประกอบด้วยลำดับเบส 2.9 พันล้านตัวอักษรเรียงตัวเป็นโมเลกุล ดีเอ็นเอของมนุษย์ ทำให้เกิดความเข้าใจลึกซึ้งถึงบทบาทยีน ถือเป็นศาสตร์ใหม่ล่าสุดในขณะนี้ ที่ช่วยให้ทราบถึงจุดบกพร่องยีนต้นเหตุของการเกิดโรค และสามารถนำไปสู่การคิดค้นสูตรยาใหม่เพื่อให้หน่วยพันธุกรรมตอบสนองในการรักษาโรค
การศึกษาจีโนมิกส์ Genomics คือศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้าหากลุ่มยีน หรือพันธุกรรมของเซลล์สิ่งมีชีวิต เพื่อหารูปแบบการจัดเรียงตัว/จัดกลุ่มของดีเอ็นเอ การทำงานของยีน และความสัมพันธ์ระหว่างยีน ความสัมพันธ์ของยีนกับสิ่งแวดล้อม ตามหลักการพันธุกรรม การแสดงออก ในรูปลักษณะ รูปร่างหน้าตา พฤติกรรม เป็นผลมาจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม จีโนมิกส์ช่วยให้เข้าใจกลไกของสิ่งมีชีวิตอย่างละเอียดลึกซึ้ง ปัจจุบันการแพทย์ยุคจีโนมิกส์ให้ความสนใจในการศึกษาวิจัยเรื่องการแสดงออกของยีนก่อโรค เช่นโรคมะเร็งต่างๆ อัลไซเมอร์ เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ/อุดตัน ดาวน์ซินโดม เป็นต้น
ศักราชใหม่ของการสาธารณสุข คือการตรวจสุขภาพระดับยีน เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพแบบ personalized medicine ค้นหาความผิดปกติในหน่วยพันธุกรรมแต่ละบุคคล เพื่อให้สามารถรู้ล่วงหน้าถึงความเสี่ยงในการเกิดโรค และปฏิบัติตัวในสิ่งแวดล้อม (อาหาร อากาศ) ให้เหมาะสม และใช้ยาได้อย่างเหมาะสม
การวิเคราะห์สารสนเทศวิชาการ เรื่อง การแพทย์แบบจีโนมิกส์
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กำหนดโครงการวิจัยเรื่อง การแพทย์ระดับจีโนม Genomics Medicine เป็นโครงการวิจัยในโปรแกรมคลัสเตอร์การแพทย์และสาธารณสุข ในปีงบประมาณ 2551 นี้ รวมถึงหน่วยงานวิจัยอื่นๆ ในประเทศไทย เช่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงบริษัทด้านสาธารณสุขต่างๆ ให้ความสนใจศึกษาในเรื่องนี้
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศวท.) มีภารกิจหลักคือให้บริการสารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนงานวิจัยของชุมชนวิจัย การติดตาม ตรวจสอบสารสนเทศ/ความรู้วิชาการเรื่องหนึ่งๆในระดับสากล สามารถทำได้ง่ายสะดวก รวดเร็วด้วยระบบฐานข้อมูลวิชาการออนไลน์ รวมถึงสามารถวิเคราะห์เอกสารงานวิจัยและสิทธิบัตร ด้วยเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี data/text mining ที่อำนวยความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง เพื่อให้ชุมชนวิจัยไทยได้รับทราบภาพรวม แนวโน้ม สามารถคาดการณ์ ก้าวทันกับวงการวิจัยทั่วโลกได้อย่างเท่าทัน
ศวท. รวบรวมสารสนเทศความรู้เรื่อง Genomics Medicine จากแหล่งสารสนเทศที่สำคัญ ได้แก่ผลงานวิจัย ISI : Web of Science / Pubmed ข่าวธุรกิจ LexisNexis สิทธิบัตร EPO Worldwide และทำการวิเคราะห์ผลการสืบค้นสรุปประเด็นต่างๆ แสดงเป็นรูปภาพ กราฟ แผนที่ เพื่อให้เข้าใจได้อย่างง่าย (Visualized expression)
ผลการวิเคราะห์แต่ละแหล่งข้อมูล สรุปได้ดังนี้ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้นำอันดับ 1 ของงานวิจัยตีพิมพ์และการจดสิทธิบัตร ตามด้วยประเทศ สหราชอาณาจักร เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น จีน หน่วยงานที่วิจัยสูงสุด คือ Duke University, USA. รายงานนี้แสดงรายการเรียงลำดับ Top 10 สถาบันวิจัย / คำสำคัญ / แสดง กราฟ แผนที่ เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ความรู้ในมิติต่างๆ
จาการวิเคราะห์สิทธิบัตร พบว่าบริษัท Bristol Myer Squipp มีการขอยื่นจดสิทธิบัตรสูงสุด เป็นเทคโนโลยีหมวด IPC4 – C12Q สูงสุด ส่วนเอกสารข่าวธุรกิจ พบหัวข้อข่าว Headline เรื่อง gene therapy สูงสุด ตามด้วย cancer gene therapy
ส่วนที่ 1 ผลงานวิจัยตีพิมพ์วารสาร Journal Research Publications
ฐานข้อมูล Pubmed http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/ ฟรี/Open Access ผลลัพธ์การสืบค้น genomics near medicine พบ 180 บทความ ฐานข้อมูลPubmed มีเนื้อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านการแพทย์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด รวมทั้งมีคุณสมบัติ/ความสามารถถ่ายโอนข้อมูลชุดที่ต้องการได้ในรูป text file ช่วยให้สามารถนำชุดข้อมูลไปวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ Data/Text Mining
ฐานข้อมูล ISI : Web of Science http://www.isiknowledge.com/ สืบค้น genomics same medicine พบผลลัพธ์ 166 เรื่อง ให้เรียงลำดับบทความตามการได้รับการอ้างอิง Times Cited
เอกสารสิทธิบัตร Patent Information Delphion Database : สืบค้นเฉพาะGranted Patent พบ 24 เรื่อง Matheo Patent สืบค้นด้วยโจทย์ genomics and medicine ฐานข้อมูลตอบ 278 รายการ
รายงานส่วนที่ 2 ข้อมูลธุรกิจ ข่าว จากฐานข้อมูล Lexis-Nexis
LexisNexis คือแหล่งบริการข้อมูลออนไลน์ ด้านกฏหมาย ข่าว ธุรกิจ (Legal, News and Business Information) ที่สำคัญแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยเอกสารประมาณ 5 พันล้านเรื่อง รวบรวมมาจาก 34,000 แหล่ง
รายงานสารสนเทศเชิงวิเคราะห์ แผนที่ความรู้ (สิทธิบัตร งานวิจัย)
การแพทย์แบบจีโนมิกส์
Patent Map / Knowledge map
การแพทย์ยุคจีโนมิกส์, genomics medicine
สารสนเทศเชิงวิเคราะห์ ฉบับที่
11/2551 สิงหาคม 2551
เรียบเรียงโดย
รังสิมา เพ็ชรเม็ดใหญ่
ศูนย์บริการความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี STKS
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
รายละเอียดเพิ่มเติม
สารสนเทศวิเคราะห์
สารสนเทศวิเคราะห์

รายงานผลการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2543
รายงานผลการสำรวจกลุ่มผู้ใช้อินเทร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2543 (PDF)
เอกสารเผยแพร่

คู่มือการทำแผนฉุกเฉินสำหรับปี ค.ศ. 2000
คู่มือการทำแผนฉุกเฉินสำหรับปี ค.ศ. 2000 (PDF)
เอกสารเผยแพร่

ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ... (PDF)
เอกสารเผยแพร่