หลักเกณฑ์ในการตัดสินโครงงาน YSC

คณะกรรมการตัดสินเน้นการพิจารณาในเรื่องต่อไปนี้
- ในรอบข้อเสนอโครงงาน เน้นการพิจารณาข้อเสนอโครงงาน ไม่ใช่การพิจารณาผลงานที่เสร็จเรียบร้อย หรือลงมือทำการทดลองแล้ว
- สิ่งที่ผู้พัฒนาได้ทำในปีนี้ หรือ มีการพัฒนาการต่อยอดจากโครงงานเดิมพิจารณาเฉพาะเนื้อหาในส่วนที่พัฒนาเพิ่มในรอบการแข่งขัน YSC ปีนี้
- ผู้พัฒนาได้ทำตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ดีเพียงใด ขั้นตอนในการทดลองใช้วิธีการที่ดีหรือไม่
- รายละเอียดและความถูกต้องของงานวิจัยตามที่ออกแบบ และบันทึกในสมุดบันทึกข้อมูลโครงงาน
- ผู้พัฒนามีแนวทางในการพัฒนาผลงานที่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชุมชม สังคม สิ่งแวดล้อม หรือนำผลงานที่ได้ไปใช้งานจริงหรือไม่
คณะกรรมการพิจาณราคัดเลือกโครงงานที่ออกแบบการทดลองคิดค้นอย่างดีมีความละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้คณะกรรมการให้ความสำคัญกับผู้พัฒนาที่สามารถพูดถึงผลงานของตนได้อย่างมั่นใจเต็มที่ ไม่ควรท่องจำบทพูด ผู้พัฒนาต้องแสดงให้คณะกรรมการเห็นถึงความเข้าใจในโครงงานของตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ คณะกรรมการอาจสอบถามเพื่อทดสอบความรู้ซึ้งในโครงงาน เช่น บทบาทของแต่ละคนในการทำโครงงาน สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ และงานที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต เป็นต้น
เกณฑ์ในการตัดสินรอบคัดเลือกข้อเสนอโครงงาน
หลักเกณฑ์ | โครงงานวิทยาศาสตร์ | โครงงานวิศวกรรมศาสตร์ |
การกำหนดปัญหาและความสำคัญของโครงงาน (Problem Formulation and Significance) 15 คะแนน | ปัญหาการวิจัย (Research Problem): ระบุปัญหา/ประเด็นหรือความต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง และเชื่อมโยงกับหลักฐานเบื้องต้นหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้อง | ปัญหาทางวิศวกรรม (Engineering Problem): กำหนดปัญหา/ประเด็นหรือความต้องการได้อย่างเฉพาะเจาะจง และเชื่อมโยงกับหลักฐานเบื้องต้นหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้อง และขอบเขตของการใช้งาน |
ช่องว่างองค์ความรู้หรือช่องว่างงานวิจัย (Research/Knowledge Gap): สามารถระบุ “สิ่งที่รู้อยู่แล้ว–สิ่งที่ยังไม่รู้” ที่เป็นการเพิ่มคุณค่าทางวิชาการในสาขาหรือมีศักยภาพต่อการประยุกต์ใช้ | ความต้องการและข้อจำกัด (Requirements and Limitations): สามารถระบุสิ่งที่ต้องการเพื่อการแก้ไขปัญหา และอธิบายถึงข้อจำกัดที่เกี่ยวข้อง | |
เป้าหมายการวิจัย (Research Goal): มีคำถามวิจัย/วัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับปัญหาและช่องว่างองค์ความรู้หรือช่องว่างงานวิจัยที่ระบุ ระบุสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได้หรือระบุแนวทางการแก้ปัญหาที่สามารถทดลองได้ | เป้าหมายทางวิศวกรรม (Engineering Goal): มีเป้าหมายที่สามารถวัดผลและสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการ/ข้อจำกัดที่กำหนด และระบุแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาได้ | |
กรอบแนวคิดโครงงาน (Conceptual Framework) 15 คะแนน | การออกแบบวิธีการทดลอง (Methodology Design): อธิบายวิธีการและขั้นตอนในการทดลองที่น่าเชื่อถือหรือแบบแผนที่ยอมรับได้ กำหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม ได้ถูกต้องและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษาและช่องว่างองค์ความรู้หรือช่องว่างงานวิจัยที่ระบุ | การออกแบบต้นแบบ (Prototype Design): อธิบายวิธีการและขั้นตอนในการสร้างและการออกแบบต้นแบบได้ถูกต้องและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษาและความต้องการ/ข้อจำกัดที่กำหนด |
การวางแผนวิจัย (Research Plan): มีการวางแผนการทดลองและวิธีการทดลองได้ครอบคลุมและเหมาะสมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด | การวางแผนโครงการ (Project Plan): มีการสำรวจทางเลือกต่าง ๆ เพื่อจะตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมและเหมาะสมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด | |
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 30 คะแนน | ความคิดริเริ่ม (Originality): สามารถที่จะสร้างผลลัพธ์/การค้นพบ/แนวทาง/การตีความแบบใหม่ในเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งอาจไม่ต้องเป็นเรื่องใหม่/ไม่เคยมีการศึกษา โดยใช้แนวทางหรือวิธีการจากบริบทอื่น เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในบริบทที่สนใจ | |
ความคิดแปลกใหม่ (Novelty): สามารถที่จะสร้างผลลัพธ์/การค้นพบ/แนวทางใหม่ โดยยังไม่เคยมีการศึกษา/นำเสนอมาก่อน (know-how) เช่น การค้นพบเทคนิคใหม่ที่มีความเฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม ความแปลกใหม่เพียงอย่างเดียวไม่ได้บอกถึงประโยชน์ การนำไปใช้ได้จริงในบริบท หรือมีผลกระทบ (ดังนั้นต้องมีความคิดริเริ่ม หรือ Originality ด้วย) | ||
องค์ความรู้ (Knowledge) 10 คะแนน | การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review): มีการอธิบายรายละเอียดเชิงวิพากษ์และ/หรือเชิงตรรกะที่ได้จากงานวิจัยที่มีมาก่อนหน้าหรือจากวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ต้องการนำเสนอ นอกจากนี้อาจมีการอธิบายความน่าสนใจในมุมมองที่แตกต่างกัน ความถูกต้อง หรือความคิดเห็นเชิงเปรียบเทียบกับหลักฐาน | |
ผลกระทบและผลที่คาดว่าจะได้รับ (Potential Impact and Expected Results) 10 คะแนน | โครงการคาดว่าจะสามารถสร้างผลกระทบหรือมีศักยภาพในการต่อยอดเพื่อนำไปสู่การใช้งานจริงได้มากน้อยเพียงใด โดยสามารถพิจารณาได้จาก 3 ประเด็น คือ ผลผลิต (Output): สิ่งที่จะได้เป็นชิ้นเป็นอันจากโครงการวิจัย โดยสามารถที่จะให้ผลงานที่มีคุณค่า และตอบโจทย์ตามเป้าหมายของโครงการ ผลลัพธ์ (Outcome): ผลที่เกิดขึ้นที่สามารถต่อยอดขยายออกไปจากงาน โดยสามารถที่จะสร้างความแตกต่างหรือสร้างความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นให้กับสาขางานวิจัย และสามารถเผยแพร่หรือต่อยอดได้ ผลกระทบ (Impact): ประโยชน์ที่เกิดขึ้นหรือการพัฒนาที่เกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากผลผลิตและผลลัพธ์ โดยสามารถที่จะสร้างประโยชน์ที่มีผลกระทบต่อวงการวิทยาศาสตร์ หรือก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ ที่ดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม | |
การจัดทำข้อเสนอโครงการ (Proposal) 20 คะแนน | หัวข้อ (Title) และบทคัดย่อ/บทสรุป (Abstract/Synopsis): มีความชัดเจน และเที่ยงตรง โดยสามารถบอกถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของโครงการ สรุปวิธีการที่ใช้ และอธิบายสิ่งที่คาดว่าจะค้นพบที่สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ | |
องค์ประกอบของข้อเสนอโครงการ (Proposal Components): มีเนื้อหา/หัวข้อต่าง ๆ ครบถ้วนตามรูปแบบของข้อเสนอโครงการ สามารถอ่านแล้วเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเป้าหมายของโครงการคืออะไร | ||
การจัดเรียงเนื้อหาและภาษาการเขียน (Content Organization and Writing Style): มีรูปแบบการจัดเรียงเนื้อหาและใช้ภาษาการเขียนได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และตามหลักวิชาการ ใช้คำศัพท์เทคนิคได้เหมาะสม และสามารถนำเสนอเนื้อหาได้ไปเป็นตามลำดับ ทำให้ติดตามและเข้าใจได้ง่าย | ||
แหล่งอ้างอิง (References): มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ และถูกต้องตามหลักวิชาการ |
เกณฑ์ในการตัดสินรอบนำเสนอผลงาน (รองชนะเลิศ) และรอบชิงชนะเลิศ
หลักเกณฑ์ | โครงงานวิทยาศาสตร์ | โครงงานวิศวกรรมศาสตร์ |
การกำหนดปัญหาและความสำคัญของโครงงาน (Problem Formulation and Significance) 10 คะแนน | ปัญหาการวิจัย (Research Problem): ระบุปัญหา/ประเด็นหรือความต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง และเชื่อมโยงกับหลักฐานเบื้องต้นหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้อง | ปัญหาทางวิศวกรรม (Engineering Problem): กำหนดปัญหา/ประเด็นหรือความต้องการได้อย่างเฉพาะเจาะจง และเชื่อมโยงกับหลักฐานเบื้องต้นหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้อง และขอบเขตของการใช้งาน |
ช่องว่างองค์ความรู้หรือช่องว่างงานวิจัย (Research/Knowledge Gap): สามารถระบุ “สิ่งที่รู้อยู่แล้ว–สิ่งที่ยังไม่รู้” ที่เป็นการเพิ่มคุณค่าทางวิชาการในสาขาหรือมีศักยภาพต่อการประยุกต์ใช้ | ความต้องการและข้อจำกัด (Requirements and Limitations): สามารถระบุสิ่งที่ต้องการเพื่อการแก้ไขปัญหา และอธิบายถึงข้อจำกัดที่เกี่ยวข้อง | |
เป้าหมายการวิจัย (Research Goal): มีคำถามวิจัย/วัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกับปัญหาและช่องว่างองค์ความรู้หรือช่องว่างงานวิจัยที่ระบุ ระบุสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได้หรือระบุแนวทางการแก้ปัญหาที่สามารถทดลองได้ | เป้าหมายทางวิศวกรรม (Engineering Goal): มีเป้าหมายที่สามารถวัดผลและสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการ/ข้อจำกัดที่กำหนด และระบุแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาได้ | |
กรอบแนวคิดโครงงาน (Conceptual Framework) 10 คะแนน | การออกแบบวิธีการทดลอง (Methodology Design): อธิบายวิธีการและขั้นตอนในการทดลองที่น่าเชื่อถือหรือแบบแผนที่ยอมรับได้ กำหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม ได้ถูกต้องและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษาและช่องว่างองค์ความรู้หรือช่องว่างงานวิจัยที่ระบุ | การออกแบบต้นแบบ (Prototype Design): อธิบายวิธีการและขั้นตอนในการสร้างและการออกแบบต้นแบบได้ถูกต้องและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษาและความต้องการ/ข้อจำกัดที่กำหนด |
การวางแผนวิจัย (Research Plan): มีการวางแผนการทดลองและวิธีการทดลองได้ครอบคลุมและเหมาะสมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด | การวางแผนโครงการ (Project Plan): มีการสำรวจทางเลือกต่าง ๆ เพื่อจะตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมและเหมาะสมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด | |
กระบวนการทดลองหรือสร้างสิ่งประดิษฐ์ (Execution) 20 คะแนน | กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Process): การทดลองที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์ | กระบวนการทางวิศวกรรม (Engineering Process): ต้นแบบที่พัฒนาขึ้นแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทางวิศวกรรมได้อย่างสมบูรณ์ |
การทดลอง (Experiment): มีการทดลองภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ที่เหมาะสมและเพียงพอ มีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ | การทดสอบต้นแบบ (Testing): ต้นแบบมีการทดสอบภายใต้เงื่อนไขที่หลากหลาย เพียงพอ และอย่างเป็นระบบ | |
ผลลัพธ์การทดลอง (Experimental Results): มีการวิเคราะห์ผลการทดลองที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง ผลการทดลองสามารถทำซ้ำได้ และแสดงถึงความถูกต้องและแม่นยำโดยประยุกต์ใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์และสถิติ อย่างเหมาะสม | ผลลัพธ์การทดสอบต้นแบบ (Testing Results): ต้นแบบที่ได้เป็นไปตามที่แนวคิดที่ได้ออกแบบ อาจมีการประยุกต์ใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์และสถิติได้อย่างเหมาะสม | |
การอภิปรายผลและสรุปผล (Discussion and Conclusion): มีการอภิปรายและสรุปผลการศึกษาที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษา และมีจำนวนข้อมูลสนับสนุนที่เหมาะสม | การอภิปรายผลและสรุปผล (Discussion and Conclusion): มีการอภิปรายและสรุปผลการศึกษาที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษา | |
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 20 คะแนน | ความคิดริเริ่ม (Originality): สามารถสร้างผลลัพธ์/การค้นพบ/แนวทาง/การตีความแบบใหม่ในเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งอาจไม่ต้องเป็นเรื่องใหม่/ไม่เคยมีการศึกษา โดยใช้แนวทางหรือวิธีการจากบริบทอื่น เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในบริบทที่สนใจ | |
ความคิดแปลกใหม่ (Novelty): สามารถสร้างผลลัพธ์/การค้นพบ/แนวทางใหม่ โดยยังไม่เคยมีการศึกษา/นำเสนอมาก่อน (know-how) เช่น การค้นพบเทคนิคใหม่ที่มีความเฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม ความแปลกใหม่เพียงอย่างเดียวไม่ได้บอกถึงประโยชน์ การนำไปใช้ได้จริงในบริบท หรือมีผลกระทบ (ดังนั้นต้องมีความคิดริเริ่ม หรือ Originality ด้วย) | ||
การนำเสนอปากเปล่า (Interview) 25 คะแนน | ความรู้และความเข้าใจ (Knowledge and Understanding): เข้าใจหลักการพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และเข้าใจถึงการแปลผล ข้อจำกัดของผลการทดลอง และการสรุปผลการทดลองที่ได้อย่างมีเหตุผล | |
การสื่อสารและการตอบคำถาม (Communication and Answering): สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการนำเสนอตามลำดับ เข้าใจง่าย และชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญได้ชัดเจน สามารถเปลี่ยนช่วงการตอบและส่งต่อระหว่างสมาชิกในทีมได้ราบรื่น ตอบคำถามได้กระชับ ชัดเจน มีลำดับความคิด และสามารถวิเคราะห์ได้ดี | ||
การค้นหาและสืบเสาะ (Inquiry and Investigation): มีการศึกษา ค้นหา สร้าง และสืบเสาะ ที่เป็นอิสระด้วยตนเอง โดยมีการให้คำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่เหมาะสม | ||
ผลกระทบ (Potential Impact): ตระหนักและอธิบายได้ว่าผลงานอาจสร้างคุณค่าหรือมีผลกระทบต่อวงการวิทยาศาสตร์ สังคม และ/หรือเศรษฐกิจอย่างไร | ||
การต่อยอดงานวิจัย (Further Research): มีแนวทางหรือสมมติฐานสำหรับการต่อยอดงานวิจัย/โครงการที่มีคุณภาพ และสอดคล้องกับหลักฐานที่มี | ||
การมีส่วนร่วม (Participation): สมาชิกทุกคนมีบทบาทและความรับผิดชอบชัดเจน เข้าใจทั้งภาพรวมและรายละเอียดของโครงงาน และสามารถตอบคำถามในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ (ในกรณีทำงานเป็นทีม) | ||
การนำเสนอโปสเตอร์ (Poster Presentation) 10 คะแนน | การจัดเรียงเนื้อหาและภาษาการเขียน (Content Organization and Writing Style): มีรูปแบบการจัดเรียงเนื้อหาและใช้ภาษาการเขียนได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และตามหลักวิชาการ ใช้คำศัพท์เทคนิคได้เหมาะสม และสามารถนำเสนอเนื้อหาได้ไปเป็นตามลำดับ ทำให้ติดตามและเข้าใจได้ง่าย | |
การแสดงผลและการออกแบบ (Visualization and Design): สามารถใช้รูปภาพ กราฟ ได้ถูกต้อง มีคำอธิบายประกอบที่ชัดเจน องค์ประกอบการการจัดวาง แบบอักษรและขนาดตัวอักษร และการเลือกใช้สีที่เหมาะสม ที่ทำให้โปสเตอร์ดูน่าสนใจ | ||
เอกสารและอุปกรณ์ประกอบ (Supporting Documents and Materials): มีเอกสารหรือสื่อประกอบที่สนับสนุนการนำเสนออย่างเหมาะสม และหรืออุปกรณ์สาธิตวิธีการใช้งานที่สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ | ||
ผลกระทบและผลที่คาดว่าจะได้รับ (Potential Impact and Expected Results) 5 คะแนน | โครงการสามารถสร้างผลกระทบหรือมีศักยภาพในการต่อยอดเพื่อนำไปสู่การใช้งานจริงได้มากน้อยเพียงใด โดยสามารถพิจารณาได้จาก 3 ด้าน คือ ผลผลิต (Output): สิ่งที่จะได้เป็นชิ้นเป็นอันจากโครงการวิจัย โดยสามารถที่จะให้ผลงานที่มีคุณค่า และตอบโจทย์ตามเป้าหมายของโครงการ ผลลัพธ์ (Outcome): ผลที่เกิดขึ้นที่สามารถต่อยอดขยายออกไปจากงาน โดยสามารถที่จะสร้างความแตกต่างหรือสร้างความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นให้กับสาขางานวิจัย และสามารถเผยแพร่หรือต่อยอดได้ ผลกระทบ (Impact): ประโยชน์ที่เกิดขึ้นหรือการพัฒนาที่เกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากผลผลิตและผลลัพธ์ โดยสามารถที่จะสร้างประโยชน์ที่มีผลกระทบต่อวงการวิทยาศาสตร์ หรือก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ ที่ดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม |