ปัจจุบันระบบสุขภาพไทยกำลังเผชิญกับสิ่งที่ท้าทายจากรอบด้าน อาทิ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนจากสังคมชนบทสู่สังคมเมือง การเชื่อมต่อการค้าการลงทุนทั่วโลก ตลอดจนความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดยุทธศาสตร์ ที่จะพัฒนาความเป็นเลิศ 4 ด้าน คือ
1) Prevention& Promotion Excellence (ส่งเสริมสุขภาพและความป้องกันโรคเป็นเลิศ )
2) Service Excellence (บริการ เป็นเลิศ)
3) People Excellence (บุคลากรเป็นเลิศ)
4) Governance Excellence (บริหารจัดการ เป็นเลิศ)
อ่านเอกสารฉบับเต็ม

เป้าหมายและทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจ ปี 2560 – 2564
ยุทธศาสตร์ที่ 1 กำหนดบทบาทรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจนเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 เร่งการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
ยุทธศาสตร์ที่ 4 สนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับ Thailand 4.0 และ แผน DE
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลให้มีความโปร่งใส และมีคุณธรรม
อ่านเอกสารฉบับเต็ม

พิมพ์เขียว Thailand 4.0 โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน โดย กองบริหารงานวิจัยและประกันคุณภาพการศึกษา สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม เอกสารนำเสนอใน 7 หัวข้อเรื่องหลัก คือ
- โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน
- ห้าวาระในการขับเคลื่อน Thailand 4.0
- การปฏิรูประบบวิจัยเพื่อก้าวสู่ Thailand 4.0
- การปรับเปลี่ยนกลไกภาครัฐเพื่อรองรับ Thailand 4.0
- ระบบการบริหารจัดการขับเคลื่อน Thailand 4.0
อ่านเอกสารฉบับเต็ม

เอกสารวิชาการ ประเทศไทย 4.0 โดย สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เอกสารนำเสนอใน 7 หัวข้อเรื่องหลัก คือ
- ที่มาและความหมาย
- โมเดลประเทศไทย 4.0
- แนวคิดประเทศไทย 4.0
- กลไกขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0
- ข้อสังเกตสำหรับประเทศไทย
- สรุปแนวคิดเกี่ยวกับประเทศไทย 4.0
- บทสรุปและข้อเสนอแนะของผู้ศึกษา
อ่านเอกสารฉบับเต็ม

ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) โดย กระทรวงอุตสาหกรรม เอกสารนำเสนอใน 3 หัวข้อเรื่องหลัก คือ
- แนวคิดในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
- ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ระยะ 20 ปี
- แผนที่นำทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ระยะ 20 ปี
อ่านเอกสารฉบับเต็ม

ระบบราชการไทยในบริบทไทยแลนด์ 4.0 โดย สำนักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล สำนักงาน ก.พ. เอกสารนำเสนอใน 5 หัวข้อเรื่อง คือ
- การปฏิรูประบบราชการไทย
- ความท้าทายใหม่ของการพัฒนาภาครัฐใต้บริบทระบบราชการ 3.0 ไปสู่ระบบราชการ 4.0
- องค์ประกอบของการก้าวไปสู่ระบบราชการ 4.0
- กรอบแนวทางการปฏิรูประบบราชการเพื่อรองรับไทยแลนด์ 4.0
- ปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0
อ่านเอกสารฉบับเต็ม

ลองสังเกตกันไหมครับว่าสมัยก่อนเกษตรกรโดยส่วนมากมักปลูกพืชอิงราคาขายที่สูงหรืออิงการปลูกต่อเนื่องกันมายาวนานในครอบครัวแล้วก็พบว่าสินค้าการเกษตรเมื่อเก็บเกี่ยวมักได้ราคาขายต่ำกว่าที่คาดการณ์มากอันเกิดจากผลผลิตที่มีมากเกินความต้องการหรือการปลูกที่ยังขาดกลไกการแนะนำที่ดีจากข้อมูลสารสนเทศจากหน่วยงานภาครัฐและอีกมากมายหลายเหตุผลที่พี่น้องเกษตรกรยังคงต้องพบเจอ ทำให้ความทุกข์ยากยังคงเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทางของเกษตรกรไทยไปแล้ว (ทั้ง ๆ ที่เกษตรกรเราเองก็ไม่ได้อยากมีเพื่อนแบบนี้ซักเท่าไร)
แต่สำหรับเกษตรกรยุค 4.0 ไม่เหมือนก่อนแล้วนะครับ ก่อนจะปลูกอะไรก็ตามแต่ วันนี้เรามีตัวช่วยเพื่อหาคำตอบว่า “ปลูกอะไรดีหนอเพื่อที่จะได้ผลผลิตที่ดีบนพื้่นที่ของเรา” ฟังไม่ผิดครับ หาคำตอบด้วยข้อมูลบนพื้นที่ของเราจริง ๆ เช่นภาพด้านล่างนี้จะเป็นการใช้งานส่วนของโมเดลแนะนำพืชทดแทน Agri-Map Online ที่อิงข้อมูลบนแผนที่กันเลยครับ

ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนทำได้ยากแต่ทำได้แล้วจาก โครงการบูรณาการข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตร ในความร่วมมือของ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และอีกหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ดังนั้นข้อมูลที่สำคัญในทุกกระทรวงจะถูกบูรณาการเพื่อนำไปใช้ได้อย่างแท้จริง แล้วทำได้อย่างไร? คำตอบนั้นเกิดจากการบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่เชิงการจัดการด้านอุปสงค์และอุปทานของสินค้าการเกษตรในแต่ละพื้นที่ บนพื้นฐานการจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบ BIG DATA รวมถึงแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและวิเคราะห์โมเดลพืชทดแทนได้อีกด้วย ถ้าคุณเป็นเกษตรกรยุคใหม่หรือใส่ใจพัฒนาการเกษตร วันนี้อย่าลืมเข้าไปเยี่ยมชมโครงการนี้กันที่เว็บไซต์ https://www.what2grow.in.th และสามารถทดลองใช้ระบบดังกล่าวได้อย่างอิสระกันแล้ววันนี้ผ่านเว็บไซต์และ Smart Device ต่างๆ เห็นไหมครับเข้าถึงได้ง่ายหลายช่องทางและสะดวกมากทีเดียว หรือถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่า what2grow ตกลงช่วยเกษตรกรได้อย่างไร เราก็มีคลิปจาก what2grow มาให้รับชมกันสั้น ๆ ด้วยครับ ไปชมกันเลย
อย่าลืมนะครับ เกษตรกรไทย ยุค 4.0 มีข้อมูลและระบบช่วยเหลือคุณอย่างบูรณาการแล้ววันนี้ ก่อนจะปลูกอะไร อย่าลืมใช้ข้อมูลสารสนเทศให้เป็นประโยชน์เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่ามากกว่าที่เคยครับ หากคุณยังมีข้อสงสัยต่าง ๆ สามารถติดต่อทีมงานได้เลยครับ
ติดต่อทีมงาน
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
112 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง
จังหวัดปทุมธานี 12120
โทรศัพท์ 02-564-6900 ต่อ 2225, 2224
การจัดการสารสนเทศการวิจัย (Research Information Management-RIM) คือการรวบรวม การจัดการ และการใช้ประโยชน์ข้อมูลเมทาดาทาเกี่ยวกับกิจกรรมการวิจัย ซึ่งสามารถช่วยเชื่อมโยง landscape การสื่อสารเชิงวิชาการที่ซับซ้อนของนักวิจัย รวมถึงหน่วยงานต้นสังกัด ผลงานตีพิมพ์ ชุดข้อมูล ทุน โครงการ และรหัสประจำตัวของนักวิจัยเหล่านั้น ปัจจุบันห้องสมุดกำลังมีบทบาทสำคัญในการจัดการสารสนเทศการวิจัยในสถาบันต่างๆ ทั่วโลก
OCLC Research ตระหนักถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการจัดการสารสนเทศการวิจัยต่อห้องสมุดวิจัย และกำลังดำเนินการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจบทบาทของห้องสมุดและความต้องการของสถาบันในเรื่องการจัดการสารสนเทศการวิจัย โดย OCLC Research and euroCRIS (Current Research Information Systems) กำลังร่วมมือกันทำการสำรวจแนวทางการจัดการสารสนเทศการวิจัยในระดับนานาชาติ
เป้าหมายของการสำรวจเพื่อช่วยให้เข้าใจและรายงานสถานะของกิจกรรมการจัดการสารสนเทศการวิจัยทั่วโลก และเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับ
- ทำไมสถาบันจึงมีการนำ (กำลังพิจารณา) การจัดการสารสนเทศการวิจัยมาใช้
- อะไรคือตัวขับเคลื่อนหลัก
- สถาบันกำลังใช้ฟังก์ชั่นการทำงานของการจัดการสารสนเทศการวิจัยอย่างไร อะไรคือการใช้งานหลัก
- ใครคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และอะไรคือบทบาทของห้องสมุด
- อะไรคือกระบวนการและระบบซึ่งใช้งานอยู่ กระบวนการและระบบดังกล่าวทำงานร่วมกับระบบภายในและภายนอกอย่างไร อะไรคือขอบเขตของการทำงานร่วมกัน
- อะไรคือความแตกต่างเกี่ยวกับตัวขับเคลื่อน การใช้ และกระบวนการการจัดการสารสนเทศการวิจัยระหว่างระดับประเทศและระหว่างประเทศ
กลุ่มเป้าหมายของการสำรวจนี้ คือ มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และองค์กรอื่นๆ ที่สนับสนุนการวิจัยและการจัดการวิจัย (1 หน่วยงาน : 1 แบบสำรวจ)
ตอบแบบสำรวจ คลิกที่นี่
ผลการสำรวจจะถูกเผยแพร่ในปี ค.ศ. 2018 ละข้อมูลการสำรวจจะถูกเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา (CC – BY)
ที่มา
OCLC Research. (2017, October 10). An increasing role for libraries in research information management [Web page]. Retrieved from http://www.oclc.org/research/themes/research-collections/rim.html
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT (Massachusetts Institute of Technology) กำลังแปลงเอกสารของ ดร. โนม ชอมสกี (Noam Chomsky) ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและจะเผยแพร่ออนไลน์ (Digitization) ดร. โนม ชอมสกี เป็นนักภาษาศาสตร์ ซึ่งได้รับการยกย่องจากการเสนอทฤษฎีทางภาษาศาสตร์ที่ชื่อเรียกว่าไวยากรณ์ปริวรรตเพิ่มพูน (Transformative-Generative Grammar) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในงานชิ้นสำคัญที่สุดของวงการภาษาศาสตร์ ดร.ชอมสกี ยังเป็นนักปรัชญาและนักกิจกรรมทางการเมือง มีผลงานเขียนที่มีอิทธิพลอย่างมากจากการไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อของสื่อมวลชน ลัทธิจักรวรรดินิยมทางเศรษฐกิจ อนาธิปไตย การเมืองสงครามเย็น และสงครามเวียดนาม ปัจจุบัน ดร.ชอมสกี เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์และได้รับรางวัลศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแอริโซนา (University of Arizona)
ปี ค.ศ. 2012 บรรณารักษ์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์เริ่มต้นศึกษาเอกสารของ ดร.ชอมสกี หลังจากที่หอจดหมายเหตุของสถาบันฯ (MIT Libraries Institute Archives) ได้รับเอกสารส่วนตัวของ ดร.ชอมสกี จำนวน 260 กล่อง ตัวอย่างเอกสารจดหมายเหตุของ ดร.ชอมสกี เช่น
- บทความเรื่อง Systems of Syntactic Analysis ในปี ค.ศ.1953 ซึ่งนำไปสู่การตีพิมพ์ผลงานชิ้นสำคัญคือทฤษฎี Transformative-Generative Grammar
- บันทึกจากการบรรยายเรื่อง Manufacturing Consent ในปี ค.ศ. 1984 ที่มหาวิทยาลัยรัทเจอส์ (Rutgers University)
เอกสารโครงร่างแนวคิดที่ภายหลังถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อเรื่อง The Political Economy of the Mass Media ในปี ค.ศ. 1988
- จดหมายข่าวที่เผยแพร่โดย RESIST องค์กรต่อต้านสงครามที่ชอมสกีร่วมก่อตั้งในช่วงปี ค.ศ. 1967
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์หวังที่จะดิจิไทซ์เอกสารของ ดร.ชอมสกี กว่าแสนรายการเพื่อเผยแพร่ในรูปแบบออนไลน์ให้ผู้สนใจทั่วไปสามารถเข้าถึง คลิกที่นี่เพื่อเข้าดูตัวอย่าง unBoxing the Chomsky Archive
ที่มา
Jones, J. (2017, November 3). MIT is digitizing a huge archive of Noam Chomsky’s lectures, papers and other documents & will put them online [Web log post]. Retrieved from http://www.openculture.com/2017/11/mit-is-digitizing-a-huge-archive-of-noam-chomskys-lectures.html
American Chemical Society (ACS) ชนะคดีที่ยื่นฟ้อง Sci-Hub เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2017 Sci-Hub คือเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความวิชาการทางวิทยาศาสตร์จำนวนหลายล้านฉบับจากการละเมิดลิขสิทธิ์และให้บริการบทความดังกล่าวแก่ผู้ใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดย ACS ได้ยื่นฟ้อง Sci-Hub ด้วยข้อกล่าวหาการละเมิดลิขสิทธิ์ การปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า และการละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลในรัฐเวอร์จิเนียตัดสินให้ Sci-Hub จ่ายเงินชดเชยแก่ ACS จำนวน 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่ตัวแทนของ Sci-Hub ไม่ได้เข้าร่วมศาล
คำพิพากษาของศาลล่าสุดยังกล่าวว่าเสิร์ชเอนจิน (Search engine) เว็บโฮสติ้ง (Web hosting) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการรับจดโดเมนเนม (Domain name registrar) และผู้ใช้บริการจดโดเมนเนม (Domain name registry) หยุดการสนับสนุนหรืออำนวยความสะดวกแก่ทุกโดเมนเนมและเว็บไซต์ที่ Sci-Hub มีส่วนในการเข้าถึง การใช้ การทำซ้ำ และการแจกจ่ายงานอันมีเครื่องหมายการค้าหรืองานอันมีลิขสิทธิ์ของ ACS อย่างผิดกฎหมาย
Daniel Himmelstein นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย แสดงความคิดเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้สามารถนำคำพิพากษาของศาลมาเป็นมาตรฐานในการตัดสินคดีต่อๆ ไป สำหรับบุคคลที่สามบนอินเทอร์เน็ตซึ่งจะต้องถูกบังคับใช้คำสั่งการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล ความต้องการของ ACS เกี่ยวกับเสิร์ชเอนจินและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสร้างความวิตกกังวลแก่สมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร (Computer and Communications Industry Association – CCIA) Stephen McLaughlin นักศึกษาปริญญาเอกด้านสารสนเทศศึกษาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน ผู้ติดตามคดี ACS อย่างใกล้ชิดกล่าวว่า ในหลักการแล้วเสิร์ชเอนจินและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสามารถเลือกที่จะปฏิบัติตามคำสั่งได้ทันที แต่หากไม่ปฏิบัติตาม ACS ก็สามารถออกจดหมายเพื่อขอให้เสิร์ชเอนจินและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหยุดการทำงานของโดเมนต่างๆ ของ Sci-Hub
เมื่อต้นปีนี้ Sci-Hub ถูกศาลสั่งให้จ่ายเงินจำนวน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นค่าเสียหายแก่สำนักพิมพ์ Elsevier แต่ดูเหมือนว่า Alexandra Elbakyan นักประสาทวิทยาผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Sci-Hub จะจ่ายค่าเสียหายเพียงบางส่วน เพราะ Elbakyan ดำเนินงานเว็บไซต์ในรัสเซียซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจหรือคำสั่งศาล ศาลอื่นของสหรัฐฯ ตัดสินในปี 2015 ว่า Sci-Hub ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์และควรจะปิดตัวลง แต่เว็บไซต์ก็ยังโผล่ขึ้นมาอีกครั้งด้วยการใช้โดเมนอื่นๆ
การวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้ของ Himmelstein แสดงให้เห็นว่า Sci-Hub มีเนื้อหาทางวิชาการของ ACS 98.8% และเนื้อหาในวารสารที่บริการโดย Crossref 85% การเคลื่อนไหวอย่างมีเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตจะให้ความสนใจอย่างมากในเรื่องนี้
ที่มา
Chawla, D. S. (2017, November 6). Court demands that search engines and internet service providers block Sci-Hub [Web log post]. Retrieved from http://www.sciencemag.org/news/2017/11/court-demands-search-engines-and-internet-service-providers-block-sci-hub?utm_source=sciencemagazine&utm_medium=facebook-text&utm_campaign=scihubblock-16248