รายงานข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากวอชิงตัน ฉบับที่11 เดือนพฤศจิกายน 2561

ย้อนรอย วทน. ซีกโลกใหม่ ที่เก่ากว่าที่คิด
ลาตินอเมริกา เป็นดินแดนที่มีประวัติอันยาวนานและมีอารยธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีหลายชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ เช่น ชนเผ่าโอลเม็ก (Olmec) มายา (Maya) แอสเต็ก (Aztec) ซาโปเต็ก (Zapotec) ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง ที่สร้างสถาปัตยกรรมยุคโบราณ และคิดค้นเทคโนโลยีในการสำรวจดาราศาสตร์ การทำปฏิทิน ไปจนถึงการแพทย์ หรือกลุ่มชนเผ่าอินคา (Inca) ชนเผ่าอัยมารา (Aymara) และชนเผ่ากัวรานี (Guarani) ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นตระกูลของคนในสาธารณรัฐเปรู รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียและสาธารณรัฐปารากวัย

อินคา (Inca)
อาณาจักรอินคาเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ผืนใหญ่ โดยมีศูนย์กลางทางศาสนา การเมือง และการทหารอยู่ที่เมืองกุสโค (Cusco) (ปัจจุบันเป็นเมืองในเปรู) ชาวอินคามีความเชี่ยวชาญในการสลักหินและการก่อสร้าง มีการเรียงก้อนหินที่ขนาบเข้ากันพอดีไม่มีการใช้โคลนช่วยในการทำให้หินติดกัน ตัวอย่างเมืองเร้นลับบนเขาสูง มาชู ปิกชู (Machu Picchu) – 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีการออกแบบทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยมบนเขาแอนดีส มาชูป ปิกชู ได้วางผังเมืองสอดคล้องกับธรรมชาติ และเอื้อต่อการดำรงชีพ มีการใช้หินสร้างให้เป็นชั้นลดหลั่นลงมาตามแนวเชิงเขาเพื่อสร้างเกษตรขั้นบันได ชาวอินคาเพาะปลูกพืชหลายชนิด หลักๆคือ มันฝรั่ง ข้าวโพด พริก ฝ้าย มะเขือเทศ ถั่วลิสง ควินัว และผักโขม ทั้งนี้ด้วยสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง หุบเขา และที่ราบต่ำ ชายทะเล รวมทั้งสภาพอากาศหนาวและร้อน เขตฝนตกและแห้งแล้ง มีการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านแปรรูปอาหารเก็บไว้ยามขาดแคล เช่น ผลิตแป้งจากมันฝรั่ง หรือการหมักข้าวโพดสด/แห้ง (มีชื่อเรียกว่า Chicha) ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ โดยเทคโนโลยีนี้ ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

อัยมารา (Aymara)
เป็นชนเผ่าพื้นเมืองเทือกเขาแอนดีส และพื้นที่ราบสูงอัลติพลาโน (Altiplano) ที่อยู่ในโบลิเวีย ชาวอัยมาราอาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้เป็นเวลาหลายศตวรรษก่อนยุคชนเผ่าอินคา การเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์กับวิถีชีวิตของชนเผ่าอัยมารายังไม่โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับยุคสมัยของชาวอินคา มีเพียงการรักษาทางการแพทย์ โดยใช้สมุนไพรที่ได้จากส่วนต่างๆ ของพืช ไม่ว่าจะเป็นราก ใบ หรือดอกไม้ และการดำรงชีวิตบนพื้นที่สูงกว่าหมื่นฟุต เช่น กรุงลาปาซ และเมืองเอล อัลโต (EI Alto) ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในฝั่งตะวันตกของโบลิเวีย นอกจากนี้ ชาวอัยมารามีการผลิตสิ่งทอจากวัสดุหลายประเภท เช่น ฝ้าย ขนสัตว์จากแกะ อัลปากา (Alpacas) และยามา (L lamas) ซึ่งนักมนุษยวิทยาหลายคนเชื่อว่า เป็นสิ่งทอที่มีการพัฒนาและมีความซับซ้อนมากที่สุดในโลกในยุคสมัยนั้นด้วย

กัวรานี (Guarani)
เป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในตอนล่างของแอ่งที่ราบลุ่มแม่น้ำอะเมซอนลงมาตามแม่น้ำอุรุกกวัยและปารากวัยตอนใต้ ในบริเวณโบลิเวียตะวันออกและปารากวัยในปัจจุบัน เชื่อว่าอารยธรรมกัวรานีเกิดในพื้นที่นี้เป็นเวลาอย่างน้อย 1,000 ปีก่อนการยึดครองของสเปนในช่วงกลางปี ค.ศ.1500 ชนเผ่ากัวรานีมีภาษาเป็นของตนเอง ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในภาษาทางการที่ใช้ในปารากวัย (ภาษาทางการอีกภาษา คือ ภาษาสเปน) มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ในอดีตชาวกัวรานีมีประมาณ 400,000 คน มีการปกครองที่เป็นอิสระ โดยหมู่บ้านหนึ่งจะมีประมาณ 10-15 ครัวเรือน ในแต่ละหมู่บ้านมีหัวหน้าคอยปกครองดูแล มีการปลูกพืช เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด รวมถึง เก็บน้ำผึ้ง ปัจจุบันมีชาวกัวรานีประมาณ 5 ล้านคนอาศัยอยู่ในปารากวัย และอีก 2ล้านคนในโบลิเวีย โดยอยู่ในเขตเมืองซานตาครูซในเขตที่ราบลุ่ม ซึ่งถือเป็นชาติพันธุ์ที่มีประชากรจำนวนมากชาติพันธุ์หนึ่งในลาตินอเมริกา มีประวัติศาสตร์เป็นมรดกสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ได้แก่ ดนตรี การเย็บปักถักร้อย ประเพณี และอาหาร

สาธารณรัฐเปรู
หนึ่งในประเทศในลาตินอเมริกาที่ร่ำรวยทางด้านทรัพยากร ความหลากหลายทางกายภาพและชีวภาพ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้าน วทน. โดยมุ่งเน้นพัฒนา 4 หัวข้อหลัก คือ
1.ระบบการบริหารจัดการคนเก่ง โดยจะพัฒนาความรู้ เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรให้เพิ่มมากขึ้น
2.การปฏิบัติตามเป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในด้าน อาหาร สุขภาพ น้ำสะอาด
3.การพัฒนาเพื่อเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ (The Fourth Industrial Revolution) มุ่งเน้นที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศ การพิมพ์สามมิติ ไบโอเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) พันธุกรรม
4.การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติจากธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

CONCYTEC
หน่วยงาน National Council for Science, Technology and Innovation เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและบรรทัดฐานทางด้าน วทน. ของประเทศ และมีหน้าที่หลักคือ
1.ส่งเสริมการพัฒนาทางด้าน วทน. ผ่านการดำเนินการร่วมกันระหว่างโครงการและความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ
2.เชื่อมโยงระบบ วทน. แห่งชาติระหว่างหน่วยงาน ภาคการศึกษา องค์กร ธุรกิจ และสังคม
3.มีส่วนร่วมในการพัฒนาให้กองทุน วทน. เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ CONCYTEC ยังทำหน้าที่ในการวางแผนกลยุทธ์ในการพัฒนา วทน. ของประเทศ
-ส่งเสริมการสร้างและถ่ายทอดความรู้ด้าน วทน. ให้มีความสอดคล้องกับงานวิจัยและความต้องการของประเทศ
-ส่งเสริมการสร้างทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ
-ปรับปรุงคุณภาพของศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
-เสริมสร้างกรอบทางกฎหมายด้าน วทน. ของประเทศ
-ส่งเสริมและพัฒนาสิ่งจูงใจใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นและเพิ่มกิจกรรม ด้าน วทน.

โครงการพัฒนาสมุนไพรสำหรับการเลิกสิ่งเสพติด
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลิมา ได้ริเริ่มโครงการความร่วมมือกับเปรูในด้านสมุนไพรในการพัฒนาสมุนไพร สำหรับการล้างพิษและเลิกสารเสพติด ซึ่ง ศ.ภญ. ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เป็นผู้ให้คำปรึกษาหลักของฝ่ายไทย โดยมุ่งเน้นพืชสมุนไพร 3 ชนิดที่พบได้ในเปรู ได้แก่ รางจืด เถาวัลย์เปรียง และ ย่านางแดง นับเป็นแนวคิดสำคัญที่ใช้มิติด้าน วทน. ในการส่งเสริมความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โดยอาศัยฐานงานวิจัยด้านทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความคล้ายคลึงกัน

รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวีย
โบลิเวียเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยแร่ลิเทียมแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นแร่สำคัญที่ใช้ผลิตแบตเตอรีและอุปกรณ์เก็บกักพลังงาน แต่ทั้งนี้ การพัฒนาทางด้าน วทน. ของประเทศยังไม่โดดเด่นมากนัก รัฐบาลโบลิเวียเริ่มผลักดันการพัฒนา โดยเฉพาะการศึกษา โดยมอบทุนการศึกษาให้นักศึกษาไปศึกษาต่อต่างประเทศและกลับมาทำงานให้กับประเทศบ้านเกิด ดังนั้น ภาคการศึกษาจึงมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก
กระทรวงศึกษาธิการ
โบลิเวียไม่มีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หรือหน่วยงานระดับกระทรวงที่รับผิดชอบงานด้าน วท. โดยตรง งานด้าน วทน. อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรม ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มมหาวิทยาลัยของรัฐ กลุ่มมหาวิทยาลัยกึ่งรัฐกึ่งเอกชน และกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชน

มหาวิทยาลัยแห่งชาติซานอันเดรส (Universidad Mayor de San Andrés – UMSA)
มหาวิทยาลัย San Andres เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุด ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่เป็นลำดับสอง (พ.ศ.2373) ของมหาวิทยาลัยในโบลิเวีย ตั้งอยู่กลางกรุงลาปาซ UMSA เป็นหนึ่งในศูนย์การศึกษาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ ในปี พ.ศ. 2560 QS ลาตินอเมริกาจัดอันดับมหาวิทยาลัย UMSA เป็นมหาวิทยาลัยโบลิเวียที่ดีที่สุดและอยู่ในตำแหน่ง 91 ของลาตินอเมริกาทั้งหมด

มหาวิทยาลัยคาทอลิก วิทยาเขตซานปาโบล (Catholic University- San Pablo)
มหาวิทยาลัยซานตาครูสเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน บริหารโดยหอการค้าอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยวของซานตาครูซ (CAINCO) มหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุด และอยู่ในลำดับ 6 ของโบลิเวีย มีคณะที่เปิดรับนักศึกษา 5 คณะ ได้แก่ บริหารธุรกิจ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ นิติศาสตร์ และมนุษยศาสตร์และการสื่อสาร

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2019/20190312-newsletter-washington-vol11-61.pdf

รายงานข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากวอชิงตัน ฉบับที่10 เดือนตุลาคม 2561

สถาบัน Smithsonian เป็นสถาบันด้านพิพิธภัณฑ์ การศึกษา และการวิจัยที่ใหญที่สุดในโลก ประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ 19 แห่ง และสวนสัตว์แห่งชาติ 1 แห่ง โดยเป็นสถาบันที่สำคัญแห่งการเก็บรักษามรดกของโลก การค้นพบความรู้ใหม่ๆ และศูนย์เผยแพร่และแลกเปลี่ยนชิ้นงานจัดแสดงและวิจัยที่สำคัญของโลก สถาบันเก็บรักษาและจัดแสดงสิ่งของที่สำคัญในด้านประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะ ตั้งแต่ซากฟอสซิลอายุเก่าแก่กว่า 3.5 ล้านปี จนถึงส่วนลงดวงจันทร์ของโครงการอพอลโล่ (Apollo lunar landing module) สถิติวัตถุจัดแสดงที่สถาบัน Smithsonian – สิ่งประดิษฐ์ งานศิลปะ และชิ้นตัวอย่าง กว่า 154 ล้านชิ้นใน Collection ของสถาบันทั้งหมด – สิ่งประดิษฐ์และชิ้นส่วนตัวอย่างกว่า 145 ล้านชิ้น ใน Collection ของ the National Museum of Natural History – บันทึกต่างๆ ในรูปแบบดิจิทัลกว่า 14 ล้านบันทึกเผยแพร่ใน the Collections Search Center – จำนวนสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ กว่า 2 ล้านชิ้นใน Smithsonian Libraries – วัตถุโบราณใช้พื้นที่กว่า 156,830 ลูกบาศก์ฟุตในหอจดหมายเหตุของสถาบัน

National Museum of African Art พิพิธภัณฑ์นี้ เป็นพิพิธภัณฑ์เพียงแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาที่จัดแสดงตัว อนุรักษ์ และศึกษาศิลปะ และวัฒนธรรมแอฟริกา ซึ่งสนับสนุนให้มีการค้นพบและสร้างความประทับใจ ในศิลปะของทวีปแอฟริกาและมนุษยศาสตร์

National Air and Space Museum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นแหล่งรวบรวมเทคโนโลยีด้านการบินและอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์การวิจัยทางประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนยีการบินต่างๆ รวมไปถึงวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ ธรณีวิทยา และภูมิศาสตร์ พิพิธภัณฑ์มีอยู่สองแห่งคือ พิพิธภัณฑ์ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งได้มีการจัดแสดงเครื่องร่อนของพี่น้องตระกูล Wright ในปี 1903 เครื่องบิน the Spirit of St. Louis ซึ่งเป็นเครื่องบินลำแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ยาน Apollo 11 และหินดวงจันทร์ 

National Air and Space Museum The Steven F. Udvar-Hazy Center ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดง the Lockheed SR-71 Blackbird, Boeing B29 และกระสวยอวกาศต่างๆ พิพิธภัณฑ์ National Air and Space Museum ของสถาบัน Smithsonian ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2489 ในแต่ละปีพิพิธภัณฑ์รองรับผู้เข้าเยี่ยมชมกว่า 7.5 ล้านคน จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดอันดับ 3 ของโลก และอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา

National Museum of the American Indian วัตถุประสงค์ของพิพิธภัณฑ์นี้ คือ การอนุรักษ์และพัฒนาองค์ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองของโลกฝั่งตะวันตก พิพิธภัณฑ์นี้มีอยู่ 3 แห่ง คือ The National Museum of the American Indian กรุงวอชิงตัน The George Gustav Heye Center นครนิวยอร์ก และ The Cultural Resources Center เมือง Suitland Maryland

George Gustav Heye Center พิพิธภัณฑ์ The George Gustav Heye Center เป็นพิพิธภัณฑ์หนึ่งของสถาบัน Smithsonian ตั้งอยู่ในเกาะ Manhattan รัฐนิวยอร์ก ได้จัดแสดงนิทรรศการและสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวกับกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน

Smithsonian American Art Museum พิพิธภัณฑ์ Smithsonian American Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมงานศิลปะที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด โดยมีชิ้นงานจากศิลปินกว่า 7 พันคน

National Museum of American History พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป้าหมายคือ เพื่อสร้างความเข้าใจในประวัติศาสตร์และความเป็นมาของสหรัฐฯ และชาวอเมริกัน โดยได้รวบรวมและจัดแสดงชิ้นงานและสิ่งของต่างๆ กว่า 3 ล้านชิ้น เช่น ต้นฉบับบทประพันธ์เพลงแห่งชาติของสหรัฐฯ ผืนธงชาติที่มีดาว 15 ดวง ซึ่งเป็นธงที่ใช้ครั้งแรกในสงครามปี พ.ศ. 2358 และแรงบันดาลใจในการประพันธ์เพลงชาติของสหรัฐฯ หมวกของ Abraham Lincoln และอื่นๆ

Anacostia Community Museum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมเอกสาร และสิ่งของต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลของชุมชนในประวัติศาสตร์และอยู่ติดกับกรุงวอชิงตัน ซึ่งมีผลต่อประวัติศาสตร์ และประเด็นสังคมร่วมสมัยของชุมชนในปัจจุบัน

Arts and Industries Building อาคารพิพิธภัณฑ์นี้เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองของกลุ่มพิพิธภัณฑ์ของ Smithsonian Institute เดิมมีชื่อว่า the National Museum หรือเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเก่า ซึ่งปัจจุบันนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ชั่วคราวและเป็นโรงละครสำหรับเด็ก

Cooper Hewitt Smithsonian Design Museum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เจาะจงไปที่งานออกแบบทั้งในประวัติศาสตร์และร่วมสมัย ที่สื่อให้เห็นถึงอิทธิพลของการออกแบบที่มีต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ Cooper-Hewitt นอกจากจะมีการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ แล้ว ยังมีการจัดโครงการเพื่อการศึกษาทั้งในและผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตชิ้นงานต่างๆ ที่จัดแสดงที่ Cooper-Hewitt มีทั้งแผ่นวอลเปเปอร์ ศิลปะเพื่อการตกแต่ง การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบสิ่งทอ ภาพวาดและงานพิมพ์ต่างๆ

Freer Gallery of Art เป็นห้องจัดแสดงงานศิลปะจากทวีปเอเชีย จักรวรรดิ์อียิปต์โบราณและงานศิลปะที่สำคัญบางชิ้นจากสหรัฐฯ ห้องจัดแสดงภาพแห่งนี้มีชิ้นงานทั้งสิ้นกว่า 25,000 ชิ้น ครอบคลุมช่วงเวลากว่า 6,000 ปี ในประวัติศาสตร์ Freer Gallery of Art ได้จัดแสดงชิ้นงานผ่านสื่อออนไลน์ ภายใต้โครงการ Google Art Project ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเรียกชมชิ้นงานต่างๆ ได้อย่างละเอียดเหมือนกับได้เห็นของจริง

Hirshhorn Museum and Sculpture Garden เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงงานปฏิมากรรมร่วมสมัยซึ่งเก็บและรักษาชิ้นงานต่างๆ จากยุคศตวรรษที่ 20 และ 21 สิ่งที่โดดเด่นสำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือตัวอาคารที่มีลักษณะคล้ายกับกระสวยอวกาศทรงกระบอกยกสูงจากพื้นด้วยเสาขนาดใหญ่ 4 ต้น และมีน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

National Zoo จัดเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 2 ล้านคนจากทั่วโลก สวนสัตว์นี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2432 ปัจจุบันนี้มีสัตว์กว่า 2,700 ตัว มากกว่า 390 สายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในสี่เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ National Zoo Park เป็นสวนสัตว์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในการดูแลรักษา วิทยาศาสตร์ การศึกษา และการอนุรักษ์สัตว์ 

Natural History พิพิธภัณฑ์นี้จัดเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิจัยที่ดีที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมเกิดความอยากรู้อยากเห็นการค้นพบ และการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของโลก ผ่านการวิจัย การจัดแสดงงาน และโครงการทางการศึกษาต่างๆ ในแต่ละปี มีผู้เยี่ยมชมหลายล้านคน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นฉากสำคัญหนึ่งของภาพยนต์ Night at the Museum ที่โด่งดังทั่วโลก

National Portrait Gallery สถานที่แสดงภาพวาดบุคคลแห่งนี้บอกเล่าเรื่องราวของสหรัฐอเมริการผ่านภาพวาดของบุคคลที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อประเทศ บุคคลดังกล่าวมีทั้งนักกวี ประธานาธิบดี นักแสดงและนักเคลื่อนไหวต่างๆ

National Postal Museum พิพิธภัณฑ์นี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือระหว่าง The United States Postal Service (กรมไปรษณีย์ของสหรัฐฯ) และสถาบัน Smithsonian พิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงต่างๆ ที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของการไปรษณีย์ของสหรัฐฯ และทั่วโลก การจัดแสดงแสตมป์และวิธีการส่งจดหมายต่างๆ

Renwick Gallery of the Smithsonian American Art Museum เป็นสถานที่จัดแสดงงานฝีมือ และงานศิลปะเพื่อการตกแต่งซึ่งมีตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน เช่น เครื่องดินเผา เครื่องแก้ว งานโลหะ และงานแกะสลักผลไม้ อาคารนี้ออกแบบโดย James Renwick Jr. ในปี พ.ศ. 2401 โดยเป็นอาคารแรกในสหรัฐฯ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์โดยตรง

Arthur M. Sackler Gallery เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะโบราณและร่วมสมัยจากทวีปเอเชีย Arthur M. Sackler เป็นชื่อของผู้บริจาคชิ้นงานกว่า 1,000 ชิ้นและเงินอีกจำนวน 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้แก่พิพิธภัณฑ์

 ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2019/20190312-newsletter-washington-vol10-61.pdf

 

8 Best practices ใน Data science

8 Best practices ใน Data science

  1. กำหนดเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ: ขั้นตอนแรกและถือว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับงานด้าน Data science คือ การกำหนดโจทย์ที่สำคัญทางธุรกิจที่ต้องการแก้ไข หรือ การกำหนดเป้าหมายที่สำคัญทางธุรกิจที่ต้องการบรรลุ การกำหนดโจทย์หรือเป้าหมายนี้ควรให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นโจทย์หรือเป้าหมายที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องเห็นร่วมกันว่าสำคัญ
  2. ระบุข้อมูลที่ต้องการ: คือการทำความเข้าใจว่ามีข้อมูลใดบ้างและข้อมูลที่มีอยู่นั้นเพียงพอที่จะตอบโจทย์หรือเป้าหมายที่สำคัญทางธุรกิจที่กำหนดไว้ในข้อ 1 หรือไม่ บ่อยครั้งที่ข้อมูลพื้นฐานไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้อง มีข้อผิดพลาด (error) หรือความผิดปกติ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำความสะอาด (clean) ข้อมูลเหล่านั้นก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์และผลลัพธ์
  3. ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม: ปัจจุบันมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลให้เลือกหลากหลาย ทั้งนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวรองรับข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องตลอดเวลา และ รองรับข้อมูลที่มีความซับซ้อนซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ อย่างไร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  4. ปกป้องฟีดข้อมูล: การโจมตีทางไซเบอร์ในองค์กรเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงจำเป็นที่องค์กรจะต้องใช้พัฒนากลไกเพื่อป้องกันเรื่องดังกล่าว เช่น Two-Factor Authentication หรือ การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (เช่น บริการธนาคารออนไลน์ที่ต้องยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่าน และ OTP) หรือ การเข้ารหัสและการแฮช (hash) ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือ การแบ่งย่อยข้อมูลและการผสมข้อมูลย่อยทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สุดท้าย เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในระบบจัดเก็บหรือคลังข้อมูลขององค์กร
  5. ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน: ในองค์กรควรมีการสร้างวัฒนธรรมของการทำงานร่วมกัน มีการเรียนรู้และการต่อยอดงานที่คล้ายคลึงกันที่คนอื่นๆ เคยทำไว้ก่อนหน้า เพื่อไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรกลับไปเริ่มนับ 0 รวมถึงการส่งเสริมทำงานร่วมกันกับชุมชนภายนอกองค์กร
  6. ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปลูกฝังความคิดเรื่องการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลภายในองค์กร บางกรณีข้อมูลที่ค้นพบอาจตรงข้ามกัน แต่สิ่งสำคัญคือการที่คนในองค์กรยินดีที่จะเข้าใจผลลัพธ์เหล่านี้และทำตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อจัดการกับผลลัพธ์ที่ได้
  7. จัดทำแผนปฏิบัติการ: คุณค่าที่แท้จริงจาก Data science ไม่ได้มาจากการค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ แต่เป็นการดำเนินการกับผลลัพธ์ที่ค้นพบ องค์กรควรมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนซึ่งระบุขั้นตอนการดำเนินงานและระบุผู้รับผิดชอบหรือผู้ขับเคลื่อนหลัก 
  8. ทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องเป็นประจำ: การทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องของโมเดลและผลลัพธ์เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานในองค์กรต้องพร้อมที่จะทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องของโมเดลและผลลัพธ์เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าโมเดลและผลลัพธ์มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่กำลังพัฒนา

ที่มาข้อมูล:

Mohammad, Z. (2017, March 30). 8 Best practices in data science [Blog post]. Retrieved from https://www.datascience.com/blog/eight-data-science-best-practices

Open Science คืออะไร

Open Science หรือ วิทยาการแบบเปิด คือ การเคลื่อนไหว (movement) เพื่อให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (หมายรวมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์) เช่น สิ่งพิมพ์ ข้อมูล ตัวอย่างทางกายภาพ และซอฟต์แวร์ และการเผยแพร่ทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์สามารถเข้าถึงแบบออนไลน์และไม่เสียค่าใช้จ่าย 

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development – OECD) นิยามความหมายของ Open science โดยเสนอว่า Open science หมายรวมถึง

  • การเข้าถึงแบบเปิดผลงานตีพิมพ์วิชาการทางวิทยาศาสตร์
  • การเข้าถึงแบบเปิดข้อมูลวิจัยและสื่อ
  • การเข้าถึงแบบเปิดแอพพลิเคชั่นดิจิทัลและ source code
  • การเข้าถึงแบบเปิดเพื่อนักวิทยาศาสตร์ สาธารณะ และบริษัทเอกชน
  • การยืนยันทางวิทยาศาสตร์ในฐานะเป็นสินค้าสาธารณะที่ดี

หัวใจสำคัญของ Open Science คือ Open ที่หมายถึง 5R ได้แก่

  1. Retain หมายถึง สิทธิ์ในการสร้าง เป็นเจ้าของ และควบคุมสำเนาของเนื้อหา (เช่นดาวน์โหลด ทำซ้ำ จัดเก็บ และจัดการ)
  2. Reuse หมายถึง สิทธิ์ในการใช้ซ้ำ เช่น ใช้บนเว็บไซต์ ใช้ในบทความฉบับพิมพ์ หรือสื่ออื่นๆ และ ใช้ในชั้นเรียน ใช้ในการวิจัย หรือใช้ในสถานท่ี่หรือโอกาสอื่นๆ
  3. Revise หมายถึง สิทธิ์ในการแก้ไข ปรับปรุง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลง เช่น การแปลจากภาษาหนึ่งเป็นภาษาอื่นๆ 
  4. Remix หมายถึง สิทธิ์ในการนำเนื้อหาจากต้นฉบับหรือเนื้อหาที่แก้ไขแล้วมารวมกับเนื้อหาอื่นๆ ซึ่งเผยแพร่ภายใต้แนวคิดแบบเปิดเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่
  5. Redistribute หมายถึง สิทธิ์ในการแชร์สำเนาเนื้อหาต้นฉบับ เนื้อหาที่มีการแก้ไข (revise) หรือเนื้อหาที่มีการรวมกัน (remix) แก่คนอื่นๆ 

อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีครบทั้ง 5R โดยหนึ่งในเครื่องมือสำหรับใช้ในการประกาศสิทธิ์หรือเงื่อนไขเหล่านี้ คือ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons License) ซึ่งประกอบด้วย 4 เงื่อนไข ได้แก่

  1. แสดงที่มา/อ้างที่มา (Attribution – BY) : อนุญาตให้ผู้อื่นทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงและนำเสนอชิ้นงานดังกล่าว และสร้างงานดัดแปลงจากชิ้นงานดังกล่าว ได้เฉพาะกรณีที่ผู้นั้นได้แสดงเครดิตของผู้เขียนหรือผู้ให้อนุญาตตามที่ระบุไว้ ใช้สัญลักษณ์
  2. ไม่ใช้เพื่อการค้า (Non-Commercial – NC) : อนุญาตให้ผู้อื่นทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงและนำเสนอชิ้นงานดังกล่าว และสร้างงานดัดแปลงจากชิ้นงานดังกล่าว ได้เฉพาะกรณีที่ไม่นำไปใช้ในทางการค้า ใช้สัญลักษณ์
  3. ไม่ดัดแปลง (No Derivative Works – ND) : อนุญาตให้ผู้อื่นทำซ้ำ แจกจ่าย หรือแสดงและนำเสนอชิ้นงานดังกล่าวในรูปแบบที่ไม่ถูกดัดแปลงเท่านั้น ใช้สัญลักษณ์
  4. อนุญาตแบบเดียวกัน (Share Alike – SA) : อนุญาตให้ผู้อื่นแจกจ่ายงานดัดแปลง เปลี่ยนรูปหรือต่อเติมงานได้เฉพาะกรณีที่ชิ้นงานดัดแปลงนั้นเผยแพร่ด้วยสัญญาอนุญาตที่เหมือนกันทุกประการกับงานต้นฉบับ หรือสรุปง่ายๆ ว่าต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันกับงานดัดแปลงต่อยอดใช้สัญลักษณ์

โดย 4 เงื่อนไขข้างต้นนี้สามารถเลือกมาสร้างเงื่อนไขได้ 6 แบบ ดังนี้

  1. Attribution CC – BY ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา
  2. Attribution CC – BY -SA ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มาและต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญาอนุญาตเดียวกัน
  3. Attribution CC – BY -ND ให้เผยแพร่ โดยต้องระบุที่มา แต่ห้ามดัดแปลง
  4. Attribution CC- BY -NC ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มาแต่ ห้ามใช้เพื่อการค้า
  5. Attribution CC- BY – NC – SA ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มาแต่ห้ามใช้เพื่อการค้าและต้องเผยแพร่งานดัดแปลงโดยใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกัน
  6. Attribution CC- BY – NC -ND ให้เผยแพร่ โดยต้องระบุที่มาแต่ห้ามดัดแปลงและห้ามใช้เพื่อการค้า

ตัวอย่างเหตุผลที่ต้องมี Open Science คือ

  1. เพื่อเปิดโอกาสแก่นักวิจัยพลเมือง
  2. เพื่อให้นักข่าวสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและรายงานข่าว
  3. เพื่อประเมินผลงาน โดยพิจารณาจากการเปิดเผยผลงาน นอกเหนือจากการพิจารณาจำนวนผลงานที่ตีพิมพ์เท่านั้น
  4. เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบอกรับทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดหรือศูนย์สารสนเทศ
  5. เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้ทราบว่าเงินที่เสียภาษีนั้นทำไปใช้ในการวิจัยเรื่องใด และได้ผลอย่างไร
  6. เพื่อนักศึกษาได้ข้อมูลประกอบการวิจัย
  7. เพื่อผู้วิจัยคนอื่นๆ ได้นำข้อมูลมาทดลองและใช้งาน เพื่อลดขั้นตอนและงบประมาณในการทำวิจัย โดยการใช้ข้อมูลซ้ำจากที่ได้มีการเก็บไว้ก่อนหน้า

ทั้งนี้ นอกจาการเคลื่อนไหวในส่วน Open Science แล้ว ยังมีการการเคลื่อนไหวในมุมหรือในมิติอื่นๆ เช่น Open Access (การเข้าถึงแบบเปิด) Open Data (ข้อมูลแบบเปิด) Open Government (รัฐแบบเปิด) และ Open Education (การศึกษาแบบเปิด)

Open Access หรือ OA (การเข้าถึงแบบเปิด) เป็นแนวคิดที่เริ่มต้นขึ้นในวงการนักวิจัยที่ต้องการผลักดันให้ผู้ใช้ปลายทางสามารถเข้าถึงสารสนเทศและความรู้ โดยเฉพาะผลงานวิชาการที่ตีพิมพ์ (Publication) ที่ได้จากการศึกษาหรือการวิจัยได้อย่างอิสระ ในรูปแบบออนไลน์และไม่เสียค่าใช้จ่าย ลักษณะสำคัญของ Open Access คือ อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เป็นเอกสารเนื้อหาฉบับเต็ม ผ่านการพิจารณาโดยผู้รู้ (Peer review) เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบเปิด ตัวอย่าง Directory of Open Access Journals หรือ DOAJ แหล่งรวบรวมวารสารที่มีการเข้าถึงแบบเปิด และ Directory of Open Access Books หรือ DOAB แหล่งรวบรวมหนังสือที่มีการเข้าถึงแบบเปิด

มีความพยายามผลักดันเรื่อง Open Access ยกตัวอย่าง Plan S เป็นความคิดริเริ่มสำหรับ open-access science publishing โดย Science Europe ซึ่งเป็นสมาคมขององค์กรกองทุนสนับสนุนการวิจัยที่สำคัญและองค์กรด้านการวิจัยในยุโรป ที่ระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2020 งานวิจัยที่ได้รับทุนต้องตีพิมพ์ผลงานในวารสารที่มีการเข้าถึงแบบเปิด หรือ Open Access Journals หรือ แฟลตฟอร์มที่มีการเข้าถึงแบบเปิดของผู้ให้ทุนวิจัย 

Open Research Data หรือ ORD (ข้อมูลการวิจัยแบบเปิด) คือ กระบวนการที่ทำให้ข้อมูลการวิจัยที่ได้จากขั้นตอนการวิจัย เช่น การทดลอง หรือ การสังเกตการณ์ สามารถเข้าถึงในรูปแบบออนไลน์และไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อความโปร่งใสในการใช้งบประมาณวิจัยและการดำเนินการวิจัย เป็นต้น

ตัวอย่างโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Open Research Data เช่น โครงการ Horizon 2020 โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป ซึ่งมีเงินทุนสนับสนุนสูงถึง 80,000 ล้านยูโร ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ปี 2014-2020 เพื่อให้นักวิจัยทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย หรือองค์กรไม่แสวงหากำไร ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างประเทศ หนึ่งในข้อกำหนดของผู้รับทุนในโครงการนี้คือต้องเผยแพร่ข้อมูลการวิจัยแบบเปิด งานวิจัยทุกอย่างต้องเปิด (Open by default) คือ เปิดเผยเป็นเรื่องปกติ ปกปิดเป็นข้อยกเว้น ภายใต้แนวคิด FAIR data คือ

  • Findability สามารถค้นหาได้
  • Accessibility สามารถเข้าถึงได้
  • Interoperability สามารถทำงานร่วมกันได้
  • Reusability สามารถนำมาใช้ซ้ำได้

แต่ทั้งนี้สำหรับงานวิจัยและข้อมูลวิจัยบางโครงการสามารถปิดได้แต่ต้องอธิบายเหตุผล (Open as possible, Close as necessary) 

Open Science และ Open Access ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้น แต่ยังไม่มีการยอมรับเรื่องดังกล่าวในระดับสากล และ ยังไม่มีความเข้าใจที่ตรงกันเกีี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในทุกส่วนของโลก คือ ยังพบว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องการเปิดเผย (Openness) และสิทธิ์ของผู้ใช้ในการเข้าถึงและใช้สื่อทางการศึกษาและทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในคลังดิจิทัล

 

ที่มาข้อมูล

  • บรรยายพิเศษ เรื่อง Open Science: Open Research Data โดย ศาตราจารย์ ดร.วิลาศ วูวงศ์ ในงานประชุมวิชาการเรื่อง การจัดการศึกษาและวิจัยสารสนเทศศาสตร์ในมิติใหม่ (New Dimensions for Information Science Education and Research) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10.45-12.00 ณ โรงแรม ไมด้า แกรนด์ ทราวดี นครปฐม
  • Smith, C. and Marsan, G. A. Open science: the policy challenges. Retrieved from https://jipsti.jst.go.jp/rda/common/data/pdf/lecture/Smith_Symposium.pdf
  • Vrana, R. (2015). Open science, open access and open educational resources: challenges and opportunities. 2015 38th International Convention on Information and Communication Technology, Electronics and Microelectronics (MIPRO), Opatija, 2015, pp. 886-890. doi: 10.1109/MIPRO.2015.7160399

Science & Technology Book Series

สวทช. ขอเชิญชวนน้องๆ และท่านที่สนใจอ่านหนังสือดีๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจเทคโนโลยี ซึ่ง สวทช. ได้จัดทำจำนวน 6 เล่ม ดังนี้
1. เศรษฐกิจชีวภาพ Bio Economy
2. เศรษฐกิจสีเขียว Green Economy
3. เศรษฐกิจอัจฉริยะ Intelligent Economy
4. เศรษฐกิจผู้สูงวัย Silver Economy
5. เศรษฐกิจร่วมใช้ประโยชน์ Sharing Economy
6. เทคโนโลยีควอนตัม Quantum Technology (มีหัวข้อที่ มว.เขียน 1 บท คือ นาฬิกาอะตอม)

ดาวน์โหลดฟรี  ชุดหนังสือวิทยาศาสตร์เพื่อประชาชน (Science and Technology Book Series) โดย : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(จุดประกายความคิดวิทย์สร้างชาติ)

https://www.mhesi.go.th/index.php/all-media/st-book-series.html

คลิกที่ภาพเพื่อ Download

 

Download ตรง

  1. เศรษฐกิจชีวภาพ Bio Economy
  2. เศรษฐกิจสีเขียว Green Economy
  3. เศรษฐกิจอัจฉริยะ Intelligent Economy
  4. เศรษฐกิจผู้สูงวัย Silver Economy
  5. เศรษฐกิจร่วมใช้ประโยชน์ Sharing Economy
  6. เทคโนโลยีควอนตัม Quantum Technology

รายงานข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 12 เดือนธันวาคม 2561

โครงการศึกษาดูงานด้านยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive) และระบบขนส่งอัจฉริยะ Smart Mobility)

เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2561 สำนักงานที่ปรึกษาวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี ณ กรุงบรัสเซลส์ (ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ได้เข้าร่วมการศึกษาดูงานโครงการศึกษาดูงานด้านยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive) และระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ณ ราชอาณาจักรเบลเยียม ร่วมกับคณะจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกรมเศรษฐกิจ กระทรวงต่างประเทศ โดยได้เข้าพบผู้แทนจากคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการคมนาคม (DG MOVE) เพื่อเข้ารับฟังการบรรยายเกี่ยวกับนโยบายด้านการขนส่งของสหภาพยุโรป และได้เยี่ยมชมบริษัท ยูมิคอร์ S.A. เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับการรีไซเคิลแบตเตอรี่และเทคโนโลยีด้าน Battery Storage และ UHT Battery Smelter

การประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการคมนาคม (DG MOVE)

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าภาคเอกชนของอียู ที่มีความรุดหน้าในทุกวันนี้ หัวใจสำคัญคือการทุ่มด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นหลัก นโยบายของอียูเน้นให้การสนับสนุนภาคเอกชนผ่านการส่งเสริมด้านงานวิจัยและเพิ่มขีดความสามารถและทักษะความเชี่ยวชาญให้กับบุคลากร รวมทั้งให้ข้อมูลความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมให้ความสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาระบบชาร์ตไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในปัจจุบันสหภาพยุโรปมีกรอบการดำเนินการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้ชื่อ 2030 “Climate & Energy Framework” โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกอียูจะต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มสัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2573

  • กำหนดสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยต้องลดลงร้อยละ 15% ภายในปี 2568 และร้อยละ 30 ภายในปี 2573
  • กำหนดสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่หรือระบบไฮบริดร้อยละ 30 ของจำนวนการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573

การเยี่ยมชมบริษัทยูมิคอร์ (Umicore)

บริษัทยูมิคอร์ได้ลงทุนที่เหมราช จังหวัดระยอง ผลิตรถ 2 ล้านคันต่อปี ยูมิคอร์ ได้วิจัยหลัก 5 สาขา ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมของบริษัท ยูมิคอร์ ได้แก่

  • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology)
  • การปรับปรุงกระบวนการทางเทคนิค (Technical Process Improvement)
  • การปรับปรุงกระบวนการที่ไม่ใช่ทางเทคนิค (Non-Technical Process Improvement)
  • การพัฒนาธุรกิจใหม่ (New Business Development)
  • สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย (Environment, Health & Safety)

การจัดฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการการเขียนข้อเสนอโครงการของสหภาพยุโรป Horizon 2020 และ Horizon Europe (FP9)

ความสำคัญของโครงการ EU Horizon 2020 และ Horizon Europe (FP9) ซึ่งเน้นงานวิจัยและนวัตกรรม 3 ด้าน คือ 1. ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ (excellent Science) 2. ความเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม (industrial leadership) และ 3. ตอบโจทย์ความท้าทายด้านสังคม (societal challenges)

รายละเอียดของการประชุม วัตถุประสงค์ของการอบรมเชิงปฏิบัติการมี 3 ข้อหลัก คือ

  1. เพื่อให้นักวิจัยไทยได้เรียนรู้โดยตรงจากผู้มีประสบการณ์ ในการส่งข้อเสนอโครงการในการขอทุนระดับยุโรป
  2. เพื่อให้นักวิจัยไทยได้ปฏิบัติการจริง ในการส่งข้อเสนอโครงการในการขอทุนระดับยุโรป
  3. แนะแนวทางที่ตรงจุด และตรงใจคณะกรรมการผู้ประเมินการให้ทุน เพื่อเพิ่มโอกาสการได้รับทุน ในการส่งข้อเสนอโครงการในการขอทุนระดับยุโรป

ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2019/20190226-newsletter-brussels-vol12-61.pdf

ห้องสมุดกรีนดิจิทัล (Green Digital Library)

ห้องสมุดกรีนดิจิทัล (Green Digital Library) ศูนย์สารสนเทศสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ศูนย์สารสนเทศสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการพัฒนาระบบการให้บริการข้อมูลสารสนเทศแก่ประชาชน เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเน้นการให้บริการออนไลน์ (E-Service) ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ทุกที่ โดยได้จัดทำ ระบบห้องสมุดออนไลน์ Mobile Application “ห้องสมุดกรีนดิจิทัล” (Green Digital Library) ทั้งในระบบ iOS และ Android

ปัจจุบันการเข้าถึงความรู้ด้านข่าวสารและสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญมากขึ้น แต่ห้องสมุดเดิมไม่ตอบโจทย์ Lifestyle การอ่านของคนรุ่นใหม่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำโครงการ Green Digital Library รวบรวมความรู้สิ่งแวดล้อมมาไว้ในที่เดียว ครอบคลุมสื่อสมัยใหม่จากหน่วยงานภาคีเครือข่าย ระบบ E-Library ที่มี Digital Content ให้อ่านฟรีจำนวนมาก ซึ่งในคลังดิจิทัล จะมีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ นิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ มัลติมีเดีย ของหน่วยงานดังต่อไปนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยาการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ องค์การสวนสัตว์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ

สามารถเข้าถึงได้ที่
Website : https://greendigitallibrary.deqp.go.th/
Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.bookdose.deqp
iOS : https://apps.apple.com/us/app/green-digital-library/id1447222604?ls=1

Continue reading “ห้องสมุดกรีนดิจิทัล (Green Digital Library)”

แผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับทบทวน 6.2 (พ.ศ. 2562-2566)

แผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับทบทวน 6.2 (พ.ศ. 2562-2566)

download
ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ 6 ด้าน คือ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันได้กำหนดเป้าหมาย เช่น ยกระดับรายได้เฉลี่ยของคนไทยให้มากกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม
ภายในประเทศ (GDP) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปี ผลิตภาพการผลิตรวมเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ต่อปีอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ในอันดับ 1 ใน 20 ของประเทศที่ได้รับการจัดอันดับโดย International Institute for Management Development (IMD) เป็นต้น  ดาวน์โหลดเอกสาร