ผลการค้นหา :

ตอนที่ 26 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/jn4lcn_Tb7E
เผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วย
ระดับนานาชาติ และชาติ
ดร.ศศิธร เอี้อวิริยะวิทย์ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนนักวิจัยหญิง 1 ใน 5 ราย จากประเทศในภูมิภาคอาเซียนและแอฟริกา เข้าร่วมโครงการ Young Female Scientist Programmer
ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) สวทช. ผลงานเรื่อง “แพลตฟอร์ม AMED Telehealth”
ดร.ศศิธร ศรีสวัสดิ์ ผลงานเรื่อง “The World Academy of Sciences (TWAS) Young Affiliates”
ดร.สุภาวดี อิงศรีสว่าง และคณะ ผลงานเรื่อง “โครงการพัฒนาดัชนีจุลินทรีย์ด้วยวิธีทางอณูชีววิทยาและดีเอ็นเอบาร์โค้ดเพื่อการประเมินสถานภาพของระบบนิเวศในลุ่มน้ำแม่โขง-ล้านช้าง (A Microbial-based Index to Assess the Ecological Status of the Lancang-Mekong River based on Molecular Approaches and DNA Barcoding: MekongDNA)”
ดร.วรินธร สงคศิริ และคณะ ผลงานเรื่อง “โครงการ Train-the-Trainer Program under Lancang – Mekong Cooperation to Enhance Production Capacity and People’s Livelihood by Improving the Value Chain for Cassava Cultivation and Application: Clean Cassava Chips, Native Starch, Modified Starch, Ethanol and Biogas Production”
ดร.ธวิน เอี่ยมปรีดี ผลงานเรื่อง “Development of a platform for rapid screening of senolytic agents and discovery of novel-aging compounds from Thai plants” และ “Bovine colostrum (ผลงานวิจัยของบริษัท เดวิด เอนเตอร์ไพรส์ แอนด์ ดีวีลอปเม้นท์ จำกัด)”
ดร.รัตน์จิกา วงศ์วนากุล ผลงานเรื่อง “Fenugreek extract (ผลงานวิจัยของ บริษัท ไอเดียทูเอ็กซ์เพิร์ท จำกัด)”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO

วารสารข่าว วิทย์ปริทัศน์ ฉบับที่ 8 เดือน สิงหาคม 2564
วารสารข่าว วิทย์ปริทัศน์ ฉบับที่ 8 เดือน สิงหาคม 2564
การประชุมประจำปี 2564
สมาคมนักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา (ATSA) ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน (OHESI) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (ATPAC) ได้จัดการประชุมสมาคมนักเรียนไทยในสหรัฐฯ และนักเรียนทุน พสวท. และทุนวิชาการโอลิมปิก ประจำปี 2564 20 – 22 สิงหาคม 2564 ณ โรงแรม Boston Marriott Copley Place นครบอสตัน รัฐแมสซาชูเซ็ตส์ ซึ่งจัดแบบระบบทางไกลและการประชุมในห้อง
การบรรยายช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2564
ศาสตรจารย์นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวเปิดงานและให้โอวาท
ปอว. ได้ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ กับนักเรียนไทย ให้ใช้ชีวิตแบบ “ไปให้ถึงอเมริกา” หมายถึงนอกจากเก็บเกี่ยววิชาความรู้แล้ว ให้รู้จักศึกษาเรียนรู้สภาวการณ์ในประเทศนั้นๆ แสวงหาประสบการณ์ที่มีคุณค่าในมิติอื่นๆ เช่นด้านสุนทรียศาสตร์ และการผูกมิตรเพื่อให้เป็นคนที่มีความสุข และมีเครือข่ายมิตรและเพื่อนร่วมงานในระยะยาว
นายมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตันกล่าวให้โอวาท
ให้นักเรียนได้ให้ความตระหนักและร่วมมุ่งแก้ไขปัญหาที่โลกกำลังเผชิญ เช่นโรคอุบัติใหม่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งติดตามการพัฒนาด้านเทคโนโลยีต่างๆ การศึกษาเรียนรู้ไม่ได้จบแค่วันสำเร็จวันรับปริญญาบัตร
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. บรรยายในหัวข้อ “โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และนิคมวิจัยสำคัญของไทย แหล่งพัฒนาองค์ความรู้และกำลังคน”
บรรยายถึงภาพรวมโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ของไทย ในปี 2564 ไทยมีอันดับความสามารถทางการแข่งขัน (IMD World Competitiveness 2021) อยู่ในอันดับที่ 28 จาก 64 อันดับ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 38 โดยค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.11 ของ GDP ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.14 ของ GDP ในปี 2564 รัฐบาลได้ให้การสนับสนุน
ดร.กิติพงศ์ พร้อมวงศ์ ผู้อำนวยการ สอวช. บรรยายในหัวข้อ “นโยบาย BCG Economy กับความจำเป็นต่อการเตรียมบุคลากรรุ่นใหม่”
บรรยายเกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Model) เป็นแนวทางการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยมุ่งเน้น 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ 1) เกษตรและอาหาร 2) พลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ 3) สุขภาพและการแพทย์ 4) การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี KMITL บรรยายในหัวข้อ “แนวทางพัฒนาอาจารย์และนักวิจัยในสถาบันการอุดมศึกษายุคใหม่”
กล่าวแนะนำในการพัฒนาความเป็นผู้นำ โดยหลักการสำคัญ คือต้องเป็นผู้กล้าที่จะทำในสิ่งที่ใหม่ที่ดี เน้นมิติการเป็นนักวิจัย เป็นกลุ่มบุคคลที่สร้างนวัตกรรมให้กับประเทศ และแนะนำให้อ่านหนังสือ How to Lead ของ David Rubenstein เป็นตำราชี้แนะแนวทางการมุ่งสู่ความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สสวท. บรรยายในหัวข้อ “บทบาท สสวท. กับการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี”
ศ.ดร.ชูกิจฯ กล่าวถึงภารกิจหลัก 3 ด้านของสสวท. คือ 1) มีหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทของประเทศ 2) พัฒนาครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีทุกสังกัด ทุกระดับชั้น และยกมาตรฐานโรงเรียน 3) พัฒนาส่งเสริมผู้ที่มีความสามารถพิเศษเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
รศ.ดร.วีระ จันทร์คง รองประธานสมาคมนักวิชาชีพไทยในอเมริกาและแคนาดา (ATPAC) บรรยายในหัวข้อ “นักวิชาชีพไทยในสหรัฐฯ กับการสนับสนุนงานของบ้านเมืองในบริบทโลกใหม่”
กล่าวถึงความสำคัญและหลักการที่นวัตกรรมสามารถนำประเทศไทยไปสู่ ประเทศไทย 4.0 ประเทศไทยต้องพัฒนากำลังมันสมองที่จะเป็นเชื้อเพลิงที่จะนำไปสู่การเติบโตของอุตสาหกรรมสำคัญ 10 อย่าง
Plenary และ Short Talk จากวิทยากรและนักเรียน
การบรรยายในรูปแบบ Plenary Talk เป็นการบรรยายเชิงวิชาการที่มีงานวิจัยสองหัวข้อหลักคือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิชาด้านสังคมศาสตร์
Plenary Talk 1 - ศ.ดร.วาสนา ยันตะสี ศาสตราจารย์จาก Oregon Health and Science University, School of Medicine, CEO ของบริษัท PDX Pharmaceuticals
บรรยายเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี Nanoparticles เป็นเทคโนโลยีในการรักษามะเร็งยุดใหม่ สำหรับการรักษามะเร็งระยะรุกลาม อาศัยการรักษาเชิงรุก เนื่องจากเซลล์มะเร็งสามารถเข้าไปสู่อวัยวะอื่นๆ ได้ง่าย และไม่ได้รุกลามไปเฉพาะเซลล์มะเร็ง ดังนั้นต้องให้ยากระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยใช้การส่งยาที่เรียกว่า multiple pathways delivery
Plenary Talk 2 - ศ.ดร Ian Baird ประธานศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ประจำมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison
บรรยายหัวข้อ Covid-19: Spatial Strategies and Politics in Thailand and the United States ซึ่งบรรยายเรื่องราวการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดตามพื้นที่ โดยสหรัฐฯ มีนโยบายการกระจายวัคซีนจากรัฐบาลกลางไประดับท้องถิ่นผ่านรัฐบาลท้องถิ่นในระดับ Counties เป็นผู้กำหนดนโยบาย ระดับองค์กรและบุคคล สำหรับวัคซีนนั้นไม่ใช่เฉพาะเรื่องคุณภาพของวัคซีน แต่หากมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ชี้ให้เห็นว่าการเกิดโรคโควิด-19 นี้ ทำให้เกิดการเพิ่มอำนาจของรัฐบาลเกือบทุกประเทศ
จาก Plenary Talks นี้ มุมมองของนักวิชาการสองศาสตร์ให้ข้อคิดกับประเทศไทยที่ยังมีข้อแตกต่างกับสหรัฐฯ ในด้านเงินสนับสนุนงานวิจัย การส่งเสริมงานวิจัยชั้นแนวหน้า ในด้านสังคมศาสตร์ชี้ให้เห็นของการบริหารจัดการระดับประเทศที่มีการรวมอำนาจและมีการกระจายอำนาจที่แตกต่างกัน
การนำเสนอผลงานแบบกลุ่มย่อยโดยนักเรียนทุน พสวท. และทุนโอลิมปิก
นักเรียนทุน พสวท. และทุนโอลิมปิกวิชาการจำนวน 20 คนได้นำเสนอผลงานแบบกลุ่ม โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย ตามสาขาการวิจัย ดังนี้
คณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 คน
นักเรียนได้กล่าวถึงงานวิจัยเรื่องวิทยาการเข้ารหัสลับสมัยใหม่ (modern cryptography) และการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) มาใช้ในการประมวลผล สกัดข้อมูลจากเว็บเพจ นอกจากนี้ยังมีการสนทนาผลลัพธ์ใหม่ของปัญหาดอกทานตะวัน (sunflower problem) ปัญหาเกี่ยวกับความต่อเนื่องบนพื้นผิวในปริภูมิสามมิติ อาจทำให้เกิดการพัฒนาด้านความเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูลของคอมพิวเตอร์ได้ในอนาคต
เคมี จำนวน 8 คน
นักเรียนได้นำเสนอผลงานวิจัยในหัวข้อเคมีบริสุทธิ์ การวิจัยในหัวข้อความสมดุลทางเคมีในระบบซับซ้อน และการกระตุ้นปฏิกิริยาในโมเลกุลขนาดเล็ก งานวิจัยนาโนการทดลองจุดนาโน (nanodots) ในย่านใกล้อินฟราเรด และการส่องภาพวัสดุนาโนด้วยเลเซอร์ งานวิจัยสารละลายประจุไฟฟ้าต้านแบคทีเรีย การบำบัดด้วยแสง การรู้จำแบบ (pattern recognition) ของโครงสร้างในเซลล์ประสาท และ การลดของเสียประเภทเคมีการทำการทดลอง
ฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์กายภาพ จำนวน 5 คน
นักเรียนนำเสนองานวิจัยเรื่องเทคนิคใหม่ทางฟิสิกส์ควอนตัม ในการวัดค่าฟังก์ชั่นคลื่น และงานวิจัยด้านวัสดุศาสตร์ในแกลเลียม ออกไซด์ (Gallium (III) Oxide) และการทดลองในกราฟีนสามชั้น (Trilayer graphene) งานวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์กายภาพโดยการสร้างโมเดลการผุกร่อนของหน้าดิน และการศึกษาพายุรุนแรงในแถบเอเชียตะวันออกเขตร้อน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ประเทศไทยอีกด้วย
ชีววิทยา จำนวน 3 คน
นักเรียนนำเสนองานวิจัยเรื่องการย้ายถิ่นฐานของกุ้งและโอกาสของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน (sustainable ecotourism) งานวิจัยไวรัส เนื้อเยื่อของไวรัสในปลาม้าลายสองสายพันธุ์ และความสำคัญของโปรตีนที่มีต่อถุงห่อหุ้มของไวรัส (envelope glycoproteins)
การเสวนาในหัวข้อ “วิจัยไทย ทำอะไรกันอยู่”
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) บรรยายในหัวข้อ “การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ของประเทศไทย”
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) มีจุดประสงค์หลักคือการสร้างนวัตกรรมและบริการเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอาเซียนภายใน 5 ปี ปัจจุบัน การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์หลักของ สทน. ประกอบด้วย เภสัชรังสีรักษามะเร็ง การยกระดับสินค้าเกษตร การฉายรังสีอาหารและผลไม้ และการยกระดับอุตสาหกรรม เป้าหมายในอนาคต คือ การเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเร่ง และพลังงานธรรมชาติที่สะอาด และยั่งยืนที่เกิดในดวงอาทิตย์ หรือพลังงานฟิวชั่น
รศ.ดร.พิมพ์ผกา ฮาร์ดิง บรรยายในหัวข้อ “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัสดุเชิงฟังก์ชันและนาโนเทคโนโลยี (FuNTech)”
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัสดุเชิงฟังก์ชันและนาโนเทคโนโลยี (FuNTech) เป็นองค์กรที่มีผู้ประสานงานในการทำวิจัยอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน หัวข้อการวิจัยหลักได้แก่ การประยุกต์ใช้พลาสม่าและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การจัดเก็บพลังงาน อุปกรณ์แปรรูปอาหาร
และนาโนเทคโนโลยี อยู่ระหว่างการขยายทรัพยากรทางการวิจัย และระบบตีพิมพ์ผลงานวิจัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผศ.ดร.สัมพันธ์ เนตยานันท์ ประธานบริหารหลักสูตรการเงิน คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร บรรยายในหัวข้อ “งานวิจัยด้านคณิตศาสตร์การเงิน”
ผศ.ดร.สัมพันธ์ฯ ได้แบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิต การเรียนและทำงานกับบุคลากร ชั้นนำระดับโลก และอธิบายงานวิจัยในสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งนำแนวคิดมาจากงานวิจัยในแขนงอื่น อาทิ ฟิสิกส์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และการเงิน และได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน การสร้างเครือข่ายทางสังคม การใช้ชีวิต
พิธีปิดประชุม
อทป.อว. ได้ให้ข้อคิดในการดำรงชีวิตและดำรงตน 5 ประการ ดังนี้
1. Positivist หรือการเป็นผู้นิยมเหตุผล (ไม่ได้แปลว่า การเป็นผู้คิดบวก)
คือการแสวงหาประสบการณ์การรับรู้โดยตรง รู้จักวิเคราะห์ ทดสอบ พิสูจน์ จะทำให้การพัฒนาวิธีคิดมีความถูกต้องและเป็นธรรม นำไปสู่การประสบความสำเร็จ มากกว่าที่จะคล้อยตามหรือเชื่อเพียงแต่การรับรู้ตามสื่อหรือกระแสต่าง ๆ
2. Optimist หรือการเป็นผู้มองโลกในแง่ดี (ซึ่งต่างจากโลกสวย)
การมองโลกในแง่ดี คือการที่เห็นทางออกของปัญหา มีความพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่และคิดว่าปัญหาที่มีจะสามารถแก้ไขได้ รวมทั้งพยายามช่วยคิดแก้ไขปัญหาในทางสร้างสรรค์ และไม่ใช้ความก้าวร้าว หรือวาจาไม่เหมาะสม
3. Humanist หรือการมีความเป็นมนุษย์
มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวไปมากในปัจจุบัน จะลดลงได้ ถ้าผู้คนลดการเอาเปรียบผู้อื่น และที่มีโอกาสมากหันมาช่วยเหลือคนที่มีโอกาสน้อยกว่าตน โดยไม่จำเป็นต้องคิดว่าหน้าที่ดังกล่าวเป็นของรัฐบาลหรือองค์กรกลางเท่านั้น
4. Environmentalist หรือการเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
หลักการของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาสิ่งแวดล้อมหลายด้านได้ทวีความรุนแรงขึ้น คนรุ่นใหม่ต้องใส่ใจกับการดำเนินชีวิตที่เป็นมิตรและรักษาสิ่งแวดล้อม
5. Gratitudist หรือการรู้คุณ
ฐานคิดด้านการรู้คุณ ช่วยสร้างความภูมิใจในชาติและบรรพบุรุษ และประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานดังกล่าวที่แน่นหนามีโอกาสเจริญเติบโตได้รวดเร็ว โดยเฉพาะ คนรุ่นใหม่ เห็นได้ที่จีนเป็นชนชาติที่ยึดมั่นในหลักการนี้แรงกล้า มีตัวเลขหลายอย่างเจริญแซงหน้ามหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น สังคมผู้สูงอายุที่เรากำลังเผชิญมีความจำเป็นต้องใส่ใจในค่านิยมนี้ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://static1.squarespace.com/static/5f7e0e2e76a05248ed76e064/t/617add868046607e1b232cdd/1635442060641/OST+Science+Review+September+2021+small.pdf
นานาสาระน่ารู้

เพิ่ม GDP 2 แสนล้านบาท ลดความเหลื่อมล้ำ 10 ล้านคน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในปี 2566
ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล 7 กุมภาพันธ์ 2565 - พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ครั้งที่ 1/2565
นายกรัฐมนตรี แสดงความเชื่อมั่นว่าการนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาประยุกต์ใช้ภายใน 2 ปี จะเพิ่ม GDP ได้เป็น 2 แสนล้านบาท จากการลงทุนของภาคเอกชน โดย 9 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าโครงการที่ขอรับการการส่งเสริมการลงทุนสูงกว่า 128,000 ล้านบาท ตัวอย่าง เช่น บริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ซึ่งมีแผนลงทุน 15,000 ล้านบาท เพื่อการผลิตพอลิเมอร์ย่อยสลายได้ด้วยเทคโนโลยีการผลิตพลาสติกชีวภาพที่ดีที่สุดในโลก และบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ลงทุนเพิ่ม 3 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ลงทุนในกิจการโปรตีนทางเลือก และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ เช่น บริษัท เจเนพูติก ไบโอ จำกัด ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์เซลล์และยีนบำบัดเพื่อการรักษาโรคสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด รวมถึงการออกมาตรการส่งเสริมการอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์แปลงสภาพ และการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแต่กิจการ BCG ที่ลงทุนในภูมิภาค
ตั้งเป้าลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนให้ได้ 10 ล้านคน เป็นต้นว่า การปรับเปลี่ยนจากการผลิตพืชไปสู่การผลิตเมล็ดพันธุ์ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรจำนวน 30,000 ครัวเรือน มีรายได้เฉลี่ย 120,000 บาท/ครัวเรือน ทำรายได้ให้ประเทศ 7,400 ล้านบาท ทั้งนี้การมีเมล็ดพันธุ์ดีเป็นพื้นฐานสำคัญในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลผลิตเกษตร นอกจากนี้ มีเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ก้าวพ้นความยากจน พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ครอบคลุมพื้นที่ 13 อำเภอ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มีเกษตรกรที่เกี่ยวข้อง 20,000 คน และมีคนจนในมิติเศรษฐกิจ 2,329 คน ด้วยการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปพัฒนาทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม ตลอดจนพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ นวัตกรชุมชน เชื่อมโยงการตลาดกับภาคเอกชน รวมถึงยกระดับเกษตรกรเพื่อการเป็นผู้ประกอบการ โดยมุ่งหวังว่าจะลดคนจนในมิติเศรษฐกิจลงได้ร้อยละ 50 ในระยะเวลา 3 ปี
เพิ่มจำนวนผู้เข้าถึงยา เวชภัณฑ์และเครื่องมือราคาแพงจำนวน 100,000 คน ซึ่งเป็นผลจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ประเทศไทยพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนในการรักษาต่ำลง ดังเห็นได้จากการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติเห็นชอบให้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับ BCG ใหม่ 2 รายการ ได้แก่ 1) การตรวจยีน BRCA1/BRCA2 ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 2) การผ่าตัดใส่รากฟันเทียม การรักษาที่มีความแม่นยำสูงจากการใช้ประโยชน์จากโครงการจีโนมิกไทยแลนด์ และระบบบริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
เพิ่มความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานไม่น้อยกว่า 1,000 ชุมชน โดยการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชีวมวล หรือพลังงานแสงอาทิตย์ ดังกรณีตัวอย่างของวัดศรีแสงธรรมและหมู่บ้านศรีแสงธรรมที่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เพียงพอและส่วนที่เหลือที่สามารนำไปสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านตันคาร์บอนเทียบเท่า จากการปรับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ในระบบการผลิต การใช้พลังงานทางเลือกในภาคขนส่ง ลดการสูญเสียขยะอาหาร การนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้เพื่อให้ลดการใช้ การนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการปลูกป่า
การเพิ่มพื้นที่ป่า 1 ล้านไร่ โดยเน้นการปลูกในพื้นที่เป้าหมายของรัฐ ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำนวน 2 แสนไร่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง Society for Mangrove Ecosystems (ISME) World Climate Foundation 1 แสนไร่
พัฒนาให้มีผู้มีทักษะสูงเพิ่มขึ้นทั้งในเกษตรกร แรงงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และผู้ประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs รวมกันไม่น้อยกว่า 3 แสนคน นอกจากนี้เป้าหมายการพัฒนาสตาร์ทอัพและผู้ประกอบที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ BCG จำนวน 1,000 ราย
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบมาตรการเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่
การจัดสรรงบประมาณ ได้มอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ พัฒนาแนวทางการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน BCG ให้สอดคล้องกับแนวทาง มาตรการและโครงการบูรณาการสำคัญที่บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการ BCG เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้สูงสุด สามารถเก็บเกี่ยวผลของการลงทุนที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และขยายแบบอย่างความสำเร็จไปในวงกว้างเพื่อให้สามารถผลักดันให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติได้สำเร็จ
ภาครัฐปรับยุทธศาสตร์บูรณาการ BCG เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ ในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่บูรณาการการทำงานในลักษณะจตุภาคีเพื่อพัฒนาโครงการ BCG เชิงพื้นที่โดยให้นำความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้งเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ และสร้างความมั่งคั่งแบบทั่วถึง
การสร้างระบบนิเวศเพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน มีมาตรการที่เกี่ยวข้องรวม 7 มาตรการ ได้แก่
การปลดล็อกอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์แปลงสภาพ เพื่อการต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับเอทานอลสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เรื่องนี้จะได้มอบให้กรมสรรพสามิตไปดำเนินการ
การลงทุนโครงสร้างคุณภาพเพิ่มเติม เพื่อผลักดันสินค้าไทยสู่มาตรฐานสากลหรือเป็นสินค้าพรีเมียม โดยเน้นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพที่สำคัญ
เร่งรัดการออก พ.ร.บ. ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ… เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชีวภาพ สำหรับอุตสาหกรรม BCG ที่ไม่ใช่อาหาร เพื่อให้มีกลไกการกำกับดูแลกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (LMOs) และเพิ่มความเชื่อมั่นของภาคเอกชนจากความชัดเจนของนโยบาย
การให้อุตสาหกรรมนวัตกรรม BCG ในพื้นที่นำร่องได้รับสิทธิประโยชน์การลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อการกระตุ้นให้ภาคเอกชนที่พร้อมลงทุนในธุรกิจ BCG โดยเฉพาะกลุ่มนวัตกรรมเร่งรัดการลงทุนที่มีแผนลงทุนมูลค่าไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวจะกระตุ้นการใช้วัตถุดิบและการจ้างในพื้นที่
การสนับสนุนการผลิตและการใช้ออโต้จีเนียสวัคซีน (Autogenous Vaccine) หรือ วัคซีนที่ผลิตจากเชื้อโรค (เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย) ในร่างกายของสัตว์ที่ป่วย สำหรับปศุสัตว์และสัตว์น้ำที่ได้มาตรฐานเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด ด้วยการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการผลิต Autogenous vaccine สำหรับปศุสัตว์และสัตว์น้ำที่ได้มาตรฐาน GMP รวมถึงประกาศ Sandbox
การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ฉลากสินค้า BCG เพื่อการขยายตลาด เพื่อให้ง่ายในการจดจำ เช่นเดียวกับฉลากสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5
การสนับสนุนให้ TAGTHAi เป็น Thailand Digital Tourism Platform หลักของประเทศ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง
4 การสนับสนุนภาคประชาสังคม ด้วยการให้การสนับสนุนการ จัดตั้ง National Food Bank การจัดตั้งเครือข่ายผู้ประกอบการผลิตอาหาร การให้ภาคเอกชนร่วมกันพัฒนาระบบสนับสนุนต่าง ๆ เช่น ระบบ Logistics และระบบบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน รวมถึงปรับกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนการบริจาคอาหารส่วนเกินในลักษณะเดียวกับ พ.ร.บ. บริจาคอาหารของประเทศเกาหลีใต้
นายกรัฐมนตรี ฝากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม (จตุภาคี) ร่วมกันดำเนินงานขับเคลื่อน BCG ให้เกิดผลโดยเร็ว รวมถึงทำงาน BCG เชื่อมโยงกันเพื่อการเป็นเจ้าภาพ APEC ที่สัมฤทธิ์ผล ทั้งนี้ผลของมาตรการดังกล่าวจะเอื้อให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานได้อย่างเป็นเอกภาพ ผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต ภายใต้การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนอันเป็นหลักการสำคัญของโมเดลเศรษฐกิจ BCG
BCG
ข่าวประชาสัมพันธ์

HI PETE เต็นท์ความดันลบ ลดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
การระบาดของไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายเชื้อรวดเร็วและหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดี ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศแทนสายพันธุ์เดลตาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในอนาคตยังรับประกันไม่ได้ว่าจะมีไวรัส SARS-CoV-2 กลายพันธุ์สู่สายพันธุ์ที่น่ากังวลเพิ่มขึ้นหรือไม่ ดังนั้นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และหน่วยงานพันธมิตร พัฒนา “HI PETE” เต็นท์ความดันลบสำหรับแยกผู้ป่วยติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และอำนวยความสะดวกในการแยกหรือกักตัวให้แก่ผู้ป่วยและผู้ดูแล
[caption id="attachment_29798" align="aligncenter" width="642"] ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ ทีมวิจัยการออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม (DIST) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช.[/caption]
[caption id="attachment_29799" align="aligncenter" width="700"] ทีมวิจัยการออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม (DIST) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช.[/caption]
ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ ทีมวิจัยการออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม (DIST) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. อธิบายว่า จากการที่ทีมวิจัยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอุปกรณ์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้แก่ประเทศมาตลอด 2 ปี ทำให้ตระหนักว่าปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศยังคงมีความต้องการห้องความดันลบสำหรับใช้แยกผู้ป่วยสูง เพราะนอกจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 แล้ว ยังมีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ที่ติดต่อได้ง่ายและมีความร้ายแรงอย่าง วัณโรค ซาร์ส และเมอร์ส ที่จำเป็นต้องใช้เช่นกัน ทีมจึงได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างระบบความดันลบ (Negative pressure unit) หรือระบบป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ จากการพัฒนา “PETE เปลปกป้อง (Patient Isolation and Transportation Chamber)” อุปกรณ์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มาต่อยอดในการผลิตอุปกรณ์สำหรับกักตัว โดยระบบสร้างความดันลบที่ทีมพัฒนาขึ้นมีจุดเด่นเรื่องระบบควบคุมการไหลเวียนของอากาศภายในพื้นที่ปิดที่ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกสบาย และอากาศจากภายในพื้นที่กักตัวผู้ป่วยจะผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C และกรองด้วย HEPA Filter แผ่นกรองคุณภาพสูง ซึ่งสามารถกรองอนุภาคได้ถึง 99.995% ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่ปล่อยสู่ภายนอกสะอาดและปลอดภัย
[caption id="attachment_29806" align="aligncenter" width="701"] PETE เปลปกป้อง (Patient Isolation and Transportation Chamber)[/caption]
“เต็นท์ความดันลบหรือผลิตภัณฑ์ HI PETE ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นมี 3 รูปแบบหลัก คือ เต็นท์สนาม เต็นท์แอร์ และเต็นท์พองลม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเรื่องขนาดพื้นที่และการดูแลผู้ป่วย ซึ่งการพัฒนา HI PETE ทีมวิจัยได้เลือกนำเต็นท์สำเร็จรูปมาออกแบบการติดตั้งระบบป้องกันการรั่วไหลของอากาศและระบบสร้างความดันลบ เพื่อช่วยลดต้นทุนในการผลิต และช่วยให้ผู้ติดตั้งประกอบอุปกรณ์ได้ง่ายเพราะเป็นเต็นท์รูปแบบมาตรฐานที่มีการใช้งานทั่วไป”
[caption id="attachment_29804" align="aligncenter" width="700"] “HI PETE” เต็นท์ความดันลบสำหรับแยกผู้ป่วยติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ[/caption]
ดร.ศราวุธ อธิบายถึงรูปแบบการใช้งานและจุดเด่นของเต็นท์ HI PETE ทั้ง 3 แบบว่า เต็นท์สนามมีจุดเด่นคือมีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ประมาณ 2 x 1.5 เมตร ติดตั้งง่ายด้วยคนเพียงคนเดียว เหมาะแก่การใช้งานในสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด แบบที่สองคือเต็นท์แอร์จะมีขนาดใหญ่กว่า มีลักษณะเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 2 x 2.5 เมตร สามารถวางฟูกขนาด 3.5 ฟุต มีพื้นที่ให้ผู้ป่วยลุกขึ้นยืนหรือเดินภายในเต็นท์ มีช่องพลาสติกใสให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลสื่อสารกันได้สะดวก ส่วนด้านอื่นๆ ของเต็นท์มีลักษณะปิดทึบเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความเป็นส่วนตัว เต็นท์รูปแบบนี้ใช้คนในการติดตั้ง 3-4 คน เต็นท์ทั้งสองรูปแบบข้างต้นเหมาะแก่การใช้งานในโรงพยาบาลสนาม พื้นที่กักตัวของชุมชน รวมถึงที่พักอาศัยของผู้ป่วย โดยต้นทุนในการผลิตอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท
[caption id="attachment_29805" align="aligncenter" width="701"] “HI PETE” เต็นท์ความดันลบสำหรับแยกผู้ป่วยติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ[/caption]
“ส่วนรูปแบบที่สามคือเต็นท์พองลม เต็นท์ชนิดนี้มีขนาดประมาณ 2 x 1.5 เมตร เหมาะแก่การใช้เป็นห้องความดันลบฉุกเฉินในสถานพยาบาล เพราะติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถติดตั้งได้ด้วยคนเดียว และใช้เวลาในการติดตั้งไม่เกิน 5 นาที มีช่องสำหรับทำหัตถการ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยได้สะดวกลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ระบบความดันลบของเปลประเภทนี้จะมี Smart Controller เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อควบคุมแรงดันภายในเปลแบบอัตโนมัติ ตรวจจับการรั่วไหลของอากาศสู่ภายนอก และมีระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเมื่อถึงกำหนด ราคาต้นทุนในการผลิตเต็นท์รูปแบบนี้อยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท ซึ่งถูกกว่าเต็นท์ความดันลบที่จำหน่ายทั่วไปในตลาด 2-3 เท่า และถูกกว่าการสร้างห้องความดันลบที่ได้มาตรฐานอย่างมาก
HI PETE ทั้ง 3 รูปแบบที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นผ่านการทดสอบมาตรฐานการรั่วซึม ISO14644 มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า IEC 6001-1: 2012 ความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า IEC 60601-1-2 และผ่านการทดสอบใช้งานจริงโดยผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่า HI PETE เป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ผู้ป่วยและผู้ดูแลรักษาได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานตามความเหมาะสม”
ดร.ศราวุธ เสริมว่า หากสถานพยาบาลใดไม่มีห้องความดันลบหรือมีความเสี่ยงว่าห้องความดันลบจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถใช้เต็นท์ความดันลบ HI PETE เพื่อทดแทนห้องความดันลบได้ทันที เพราะ HI PETE ผ่านการทดสอบมาตรฐานทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันการวิจัยและพัฒนา HI PETE ยังอยู่ในระดับสาธารณประโยชน์ มุ่งบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นหลัก อย่างไรก็ดีในอนาคตทีมวิจัยมีความตั้งใจที่จะพัฒนาสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่บริษัทเอกชนเพื่อให้เกิดการขยายผลการใช้งานไปสู่วงกว้างเพื่อสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
ผู้ที่สนใจสนับสนุนการส่งมอบ “เต็นท์ความดันลบ HI PETE” ให้แก่สถานพยาบาล ติดต่อได้ที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. หรืออีเมล์ pete@mtec.or.th ร่วมสนับสนุนการเข้าถึงอุปกรณ์การแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้แก่คนไทย
เรียบเรียงโดย : ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์คโดย : ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย : ภัทรา สัปปินันทน์ และเอ็มเทค สวทช.
BCG
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

ตอนที่ 25 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/xau3FLCbO0Aเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.จักรพล สุนทรวราภาส ผลงานเรื่อง “พี ลิกนิน แคร์ (P Iignin care)”ดร.ธีรพงศ์ ยะทา ผลงานเรื่อง “นวัตกรรมการนำส่งยาต้านจุลชีพทิลมิโคซินด้วยพาหะนำส่งระดับนาโนผ่านระบบทางเดินอาหารประสิทธิภาพสูงตรงเป้าหมาย”ดร.สรวง สมานหมู่ ผลงานเรื่อง “G-breath” หรือ เครื่องตรวจและบอกชนิดเบาหวาน”ดร.อภิรดา สุคนธ์พันธุ์ ผลงานเรื่อง “Herbal Extracts and Formulation Development of Nano-emulsions for Hair Growth”คุณวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย และคณะ ผลงานเรื่อง “การพัฒนาการวินิจฉัยการติดเชื้อวัณโรคชนิดมัยโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส ด้วยดีเอ็นเอเซนเซอร์”ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ และคณะ ผลงานเรื่อง “การตรวจหาเชื้อก่อโรคในอาหารหลาย ๆ ชนิดพร้อมกันด้วยแอนติบอดีอะเรย์”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO

ตอนที่ 24 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/jfPwSUlyEXQเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.จริยา สากยโรจน์ ผลงานเรื่อง “Butt rot disease in Thailand’s mangroves”ดร.เดือนเพ็ญ จาปรุง ผลงานเรื่อง “แอปตาเซนเซอร์สำหรับวิเคราะห์อัลบูมินในปัสสาวะเพื่อประกอบการคัดกรองโรคไตเรื้อรัง”ดร.พิศิษฐ์ คำหน่อแก้ว และคณะ ผลงานเรื่อง “ท่อดูดซับความร้อนด้วยอนุภาคนาโนกราฟีน-ซิลิกา สำหรับระบบพลังงานรวมแสงอาทิตย์เข้มข้น”ดร.ธีรพงศ์ ยะทา ผลงานเรื่อง “ตัวพาอนุภาคนาโน เพื่อการนำส่งยาในร่างกายอย่างแม่นยำ”ดร.สมเกียรติ เตชกาญจนารักษ์ ผลงานเรื่อง “สูตรผสมสารชีวบำบัดภัณฑ์สำหรับย่อยสลายคราบปนเปื้อนน้ำมัน”ดร.กิตติวุฒิ เกษมวงศ์ และคณะ ผลงานเรื่อง “ไข่ออกแบบได้”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO

วารสารข่าว วิทย์ปริทัศน์ ฉบับเดือน กรกฎาคม 2564
วารสารข่าว วิทย์ปริทัศน์ ฉบับที่ 7 เดือน กรกฎาคม 2564
10 อันดับสถาบันเทคโนโลยี ที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกับมหาวิทยาลัยดัง
มหาวิทยาลัยกับสถาบัน
การศึกษาระดับอุดมศึกษา มี 2 ประเภท คือ 1 มหาวิทยาลัย หรือ University กับ 2 สถาบัน หรือ Institute ในอดีต แรกเริ่มมหาวิทยาลัยใช้เพื่ออ้างถึงศูนย์การเรียนรู้ชนาดใหญ่ที่ให้การศึกษาระดับอุดมศึกษาแก่นักศึกษาที่ต้องการเชี่ยวชาญในสาขาวิชาเฉพาะ กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาขาด้านสังคมศาสตร์ กลุ่มสาขามนุษยศาสตร์ ในขณะที่สถาบันคือศูนย์การเรียนรู้ที่รัฐบาลหรือสมาชิกในชุมชนสร้างขึ้นเพื่อส่งต่อทักษะเฉพาะด้านให้กับผู้เรียนเพื่อช่วยให้มีความรู้ในการประกอบอาชีพ สถาบันมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เน้นด้านการศึกษา เช่น แฟชั่น เกษตรกรรม ศิลปะและเทคโนโลยีฯ ในภาพรวมคำว่า สถาบัน มีความหมายเล็กกว่า คำว่า มหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการที่เกิดขึ้นในหลายประเทศได้ทำให้นิยามนี้ เปลี่ยนไปโดยเฉพาะสถาบันเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก ตัวอย่างของสถาบันที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา คือ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT) ซึ่งเป็นสถาบันสอนด้านเทคโนโลยีลำดับต้น ๆ ของโลก ส่วนของไทย คือ กลุ่มสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (King Mongkut’s Institute of Technology) ซึ่งต่อมา วิทยาเขตธนบุรี และวิทยาเขตพระนครเหนือ เปลี่ยนชื่อว่า มหาวิทยาลัย ในขณะที่ วิทยาเขตเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ยังคงยืนหยัดที่ จะใช้ว่า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเช่นแรกเริ่มก่อตั้ง
Massachusetts Institute of Technology
อันดับที่ 4 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1861
Massachusetts Institute of Technology (MIT) เป็นสถาบันเทคโนโลยีเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในอันดับต้น ๆ ของ U.S. News & World Report และการจัดอันดับวิทยาลัยอื่น ๆ งานวิจัยที่พัฒนาอย่างเข้มข้น หุ่นยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ที่เก็บเกี่ยวพลังงานจากความแตกต่างของอุณหภูมิ รวมทั้งการพัฒนาเรดาร์ แผงวงจรดิจิทัลการพัฒนาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ไปจนถึงการค้นพบยีนก่อมะเร็ง (Oncogene)
MIT แบ่งออกเป็น 31 ภาควิชา ใน 5 คณะ
1. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมือง
2. คณะวิศวกรรมศาสตร์
3. คณะมนุษยศาสตร์ ศิลปะและสังคมศาสตร์
4. คณะการบริหารจัดการ
5. คณะวิทยาศาสตร์
Caltech
อันดับที่ 9 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองพาซาตินา รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้ง ปี ค.ศ. 1891
California Institute of Technology (Caltech) เป็นสถาบันเทคโนโลยีเอกชนในสหรัฐอเมริกาที่ศึกษาวิชา STEM เป็นหลัก นักวิชาการและผู้บริหารมุ่งเน้นความพยายามและทรัพยากรขึ้นในโครงการ เช่น Jet Propulsion Laboratory (JPL) ของ NASA
JPL เป็นศูนย์วิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โครงการปัจจุบัน ได้แก่ รถแลนด์โรเวอร์ Mars Curiosity, Mars Reconnaissance Orbiter และยานอวกาศ Juno ที่โคจรรอบดาวพฤหัสบดี ห้องปฏิบัติการยังมีหน้าที่รับผิดชอบช่วยพัฒนา FINDER เป็นเครื่องมือช่วยเหลือค้นหาบุคคลที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง โปรแกรมที่นักศึกษาทำโครงการวิจัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Summer Undergraduate Research Fellowship (SURF) ซึ่งนักศึกษาจะทำงานเพื่อพัฒนาโครงการวิจัยระยะเวลา 10 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังเปิดหลักสูตรบัณทิตศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์และสาขาวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา เคมี วิทยาการคอมพิวเตอร์ ธรณีศาสตร์ คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์
Georgia Tech.
อันดับที่ 35 U.S. News 2021 Best National Universities
นครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ก่อตั้งปี 1885
Georgia Institute of Technology (Georgia Tech)
สถาบันเทคโนโลยีรัฐและมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการวิจัย ภารกิจของ Georgia Tech คือการพัฒนาผู้นำที่พัฒนาเทคโนโลยีและปรับปรุงสภาพของมนุษย์ ภารกิจและแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของผู้คนทุกที่
Georgia Tech มีวิทยาลัย 6 สาขา บัณฑิตวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับสูง ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะบริหารธุรกิจ Georgia เป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัยมากที่สุดของประเทศ
Rensselaer
อันดับที่ 53 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองทรอย รัฐนิวยอร์ก ก่อตั้งปี ค.ศ. 1824
Rensselaer Polytechnic Institute (RPI)
สถาบันก่อตั้งบนหลักการของการนำวิทยาศาสตร์มาสู่ชีวิตประจำวัน และยังคงแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน นักเรียนหนึ่งในสี่มีส่วนร่วมใน Greek Life เน้นความเป็นผู้นำนวัตกรรม ความอดทน และวิวัฒนาการ นักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการวิจัยที่ Rensselaer ลำดับความสำคัญในการวิจัย 6 อันดับแรก ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม นาโนเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และเทคโนสารสนเทศ และสื่อและศิลปะ ทักษะทางเทคนิคจาก Rensselaer ไปสู่อาชีพที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ และอื่นๆ
WPI
อันดับที่ 66 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองวูสเตอร์ รัฐแมสซาซูเซตส์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1865
Worcester Polytechnic Institute (WPI) สถาบันเอกชน เพื่อสร้างและถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม โปรแกรมการวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาประกอบด้วยวิทยาการหุ่นยนต์ วัสดุศาสตร์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี WPI เช่น วิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและวิศวกรรมชีวภาพ พลังงาน และวิทยาศาสตร์ข้อมูล
VIRGINIA TECH (VT)
อันดับที่ 74 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองแบล็กส์เบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ก่อตั้งปี ค.ศ. 1872
Virginia Polytechnic Institute (Virginia Tech) สถาบันรัฐ อดีตสถาบันเทคนิคทางการทหารในแบล็กส์เบิร์ก ผลักดันขอบเขตความรู้โดยใช้แนวทางปฏิบัติแบบสหวิทยาการเพื่อเตรียมนักวิชาการให้เป็นผู้นำและนักแก้ปัญหา สาขาวิชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ Virginia Tech ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์; ธุรกิจ, การจัดการ, การตลาดและการบริการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ; วิทยาศาสตร์ครอบครัวและผู้บริโภค/ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ; และวิทยาศาสตร์ชีวภาพและชีวการแพทย์
STEVENS Institute of Technology (Stvens)
อันดับที่ 80 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองโฮไบเกน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1870
Stevens Institute of Technology (Stvens) สถาบันเอกชน เน้นย้ำถึงนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ เน้นการวิจัยในด้านโปรแกรมวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และการจัดการเป็นหลัก แม้ว่า Stevens จะเน้นหนักในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ แต่สถาบันจัดเป็นวิทยาลัยสี่แห่ง รวมถึงวิทยาลัยศิลปศาสตร์และอักษรศาสตร์ เนื่องจากหลักสูตรนี้เน้นการบรรจบกันของศิลปะและมนุษยศาสตร์ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Rochester Institute of Technology (RIT)
อันดับที่ 112 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองรอเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ก่อตั้งปี ค.ศ. 1829
Rochester Institute of Technology (RIT) สถาบันเอกชน เน้นการเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ และเปิดสอนหลักสูตร ศิลปะศาสตร์ ธุรกิจ และศิลปะและการออกแบบ รวมถึงการออกแบบสื่อใหม่ ระบบข้อมูลการจัดการ วิทยาศาสตร์การถ่ายภาพ การออกแบบอุตสาหกรรม เทคโนโลยีวิศวกรรมโยธา และเว็บและคอมพิวเตอร์มือถือ
New Jersey Institute of Technology (NJIT)
อันดับที่ 118 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองนวร์ก (Newark) รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1881
New Jersey Institute of Technology (NJIT) สถาบันรัฐ เป็นผู้นำระดับโลกในด้าน Solar – Terrestrial สาขาวิชา R&D ได้แก่ คณิตศาสตร์ประยุกต์ วัสดุศาสตร์ และวิศวกรรมชีวการแพทย์ นอกจากนั้น ที่นี่ยังมี อาจารย์ชาวไทย ศ.ดร. เมธี เวชารัตนา ประธานสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (Association of Thai Professionals in America and Canada – ATPAC) เป็นผู้สอนในปัจจุบัน
ILLINOIS TECH
อันดับที่ 124 U.S. News 2021 Best National Universities
นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1940
Illinois Institute of Technology (Illinois Tech) สถาบันเอกชน เปิดสอนหลักสูตรวิชาการ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ธุรกิจ จิตวิทยา การสื่อสารและการพัฒนาระดับวิชาชีพ และอื่น ๆ
ปัจจุบัน นักศึกษารับมือการวิจัยเชิงปฏิบัติในด้านวิทยาการหุ่นยนต์ข้อมูลมหัส (Big data) การพัฒนาเมืองยั่งยืน การแพทย์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแห่งสหรัฐอเมริกาและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) กำหนดให้ Illinois Tech เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการแห่งชาติในการศึกษาการป้องกันภัยทางไซเบอร์
Instituto Politeécnico Nacional
อันดับที่ 4 ของเม็กซิโก อันดับที่ 508 ของโลก ที่ตั้ง กรุงเม็กซิโก ซิตี ก่อตั้งปี ค.ศ. 1936
National Polytechnic Institute IPN มุ่งเน้นศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Science) วิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://static1.squarespace.com/static/5f7e0e2e76a05248ed76e064/t/6148b4bf72725905e432f6aa/1632154838007/OST+Science+Review+July+2021.pdf
นานาสาระน่ารู้

ระบุตัวเสือโคร่งในกรงเลี้ยงด้วยรหัสพันธุกรรม
ย่างเข้าสู่ปีขาล ยิ่งต้องขานรับการอนุรักษ์ “เสือ” เมื่อนับวันสัตว์ป่านักล่าต่างตกเป็นเหยื่อของการลักลอบค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย และมีจำนวนลดน้อยลงทุกที กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ใช้เทคนิคการค้นหาเครื่องหมายโมเลกุลที่บ่งบอก “รหัสพันธุกรรมเพื่อระบุตัวเสือโคร่ง (DNA fingerprint)” เพื่อจัดทำฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมเสือโคร่งในกรงเลี้ยงกว่า 2,400 ตัวทั่วประเทศ ป้องกันการสวมทะเบียนเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ ลดปัญหาอาชญากรรมเสือโคร่งในประเทศไทย
ดร.กณิตา อุ่ยถาวร กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรเสือโคร่งในป่าธรรมชาติของประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 200-250 ตัว เท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ขนาดใหญ่บางแห่ง ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นำระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพมาใช้ภายในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อติดตามสร้างระบบฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่สวนสัตว์สาธารณะพบว่ามีเสือโคร่งที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองได้อย่างถูกกฎหมายมากถึง 1,200 ตัว แต่ยังไม่มีระบบฐานข้อมูลที่ได้มาตรฐานรองรับสำหรับติดตามและให้ความคุ้มครองเท่าที่ควร ทำให้เมื่อพบการลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย บ่อยครั้งไม่สามารถจำแนกแหล่งที่มาได้ชัดเจนว่ามาจากประเทศใดหรือแหล่งใด
[caption id="attachment_29672" align="aligncenter" width="700"] เสือโคร่ง[/caption]
“ที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำฐานข้อมูลเสือโคร่งในกรงเลี้ยงโดยการใช้ภาพถ่ายเพื่อเปรียบเทียบลายเสือโคร่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้โปรแกรม Extract Compare ช่วยในการวิเคราะห์จำแนกเสือรายตัวได้อย่างถูกต้อง หากแต่ว่าวิธีนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถติดตามลูกเสือโคร่งแรกเกิดได้ ดังนั้นการจัดทำฐานข้อมูลพันธุกรรมร่วมด้วย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การจัดทำฐานข้อมูลของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงมีความรัดกุมหนักแน่นมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาความร่วมมือกับศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. ในการจัดทำโครงการการใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอเพื่อตรวจพิสูจน์พันธุกรรมของเสือโคร่งในเชิงนิติวิทยาศาสตร์”
[caption id="attachment_29671" align="aligncenter" width="700"] ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช.[/caption]
ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. กล่าวถึงการดำเนินงานในการตรวจพันธุกรรมเพื่อระบุตัวเสือโคร่งว่า ทางกลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นผู้เก็บตัวอย่างเลือดของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงกว่า 2,400 ตัวทั่วประเทศ และสกัดดีเอ็นส่งมาให้ทางศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สำหรับใช้จำแนกเสือ รวมทั้งยังทำการศึกษาเปรียบเทียบฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมของเสือโคร่ง ซึ่งปัจจุบันมีสายพันธุ์ย่อยทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ได้แก่ เสือโคร่งไซบีเรีย เสือโคร่งเบงกอล เสือโคร่งอินโดไชนิส เสือโคร่งสุมาตรา เสือโคร่งจีนใต้ และเสือโคร่งมลายู เพื่อเลือกเครื่องหมายโมเลกุล (molecular marker) ที่สามารถแยกความเป็นเอกลักษณ์ระหว่างเสือโคร่งแต่ละสายพันธุ์ได้
“ทีมวิจัยนำเครื่องหมายโมเลกุลที่ถูกคัดเลือกมาออกแบบสังเคราะห์ตัวตรวจจับ (probe) ซึ่งมีลักษณะเป็นดีเอ็นเอสายสั้นๆ ที่มีความจำเพาะต่อโมเลกุลเป้าหมาย จากนั้นนำไปใช้ในการตรวจหาเครื่องหมายโมเลกุลจากตัวอย่างเลือดของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงแต่ละตัว ด้วยเครื่อง SNP Genotyping MassArray เทคโนโลยีที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสารพันธุกรรมด้วยเทคนิคการวัดน้ำหนักมวล เนื่องจากในสายพันธุกรรมจะประกอบด้วยลำดับเบส 4 ตัว คือ Adenine, Cytosine, Guanine และ Thymine (A, C, G และ T) ซึ่งแต่ละตัวมีน้ำหนักมวลโมเลกุลไม่เท่ากัน จึงทำให้วิเคราะห์โมเลกุลของดีเอ็นเอที่ตรวจจับได้อย่างละเอียดและรวดเร็ว สามารถค้นพบลำดับเบสในดีเอ็นเอ หรือ “รหัสพันธุกรรมเพื่อใช้ระบุตัวเสือโคร่ง (DNA fingerprint)” ได้อย่างจำเพาะเจาะจง ไม่ต่างจากการตรวจลายนิ้วมือเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล”
ความร่วมมือในการใช้เทคโนโลยีค้นหาเครื่องหมายโมเลกุลเพื่อระบุตัวเสือโคร่งในกรงเลี้ยงครั้งนี้ นับเป็นการบูรณาการการทำงานครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลพันธุกรรม เพื่อจัดทำระบบทะเบียนประชากรของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบเสือโคร่งของกลางในคดีต่างๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันการสวมทะเบียนจากเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ และลดปัญหาการลักลอบค้าเสือโคร่งลงได้ในอนาคต ที่สำคัญยังตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy Model) ที่เป็นวาระของชาติ โดยตั้งเป้ามุ่งพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อคุ้มครอง ป้องกัน ทรัพยากรสัตว์ป่าของประเทศไทยให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน
BCG
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

เอนก เร่งเครื่อง BCG พลิกฟื้นทุ่งกุลาร้องไห้ด้วย วทน.
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำทัพหน่วยงานในสังกัด อาทิ สวทช. วว. สสน. หน่วยให้ทุน บพท. และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ จับมือกับ กระทรวงมหาดไทยและภาคี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และยโสธร ดำเนินงานมุ่งเป้าหมายการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) โดยใช้กลไกการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อน “โปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้” ได้ร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ZOOM MEETING เพื่อมอบนโยบายและแนวคิดการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ นำเสนอโครงการเร่งด่วน หรือ Quick Win project ต่อผู้บริหารจังหวัดและมหาวิทยาลัยในพื้นที่จากทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายธัญญวัฒน์ ชาญพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายชัยวัฒน์ แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และนายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โดยการประชุมออนไลน์ในแต่ละจังหวัดมีหัวหน้าส่วนราชการ , ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในพื้นที่ รวมทั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และจากภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมรับทราบนโยบาย
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้มอบนโยบายให้เร่งแก้จนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยมุ่งเป้าการขับเคลื่อนงานให้สำเร็จภายใน 1 – 2 ปี เช่น เน้นการทำเกษตรปลอดภัย เกษตรประณีต เกษตรมูลค่าสูง เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ การสร้างแบรนด์ (Branding) ของทุ่งกุลาเปลี่ยนจากความยากจนเป็นรุ่งเรือง สร้างสรรค์ ผลิตสินค้าแบรนด์ทุ่งกุลาให้คนในพื้นที่ทุ่งกุลามีความภูมิใจในการเป็นคนทุ่งกุลา สร้างผู้นำ BCG สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ทรหด อดทน มุมานะ รู้จักรับและปรับใช้เทคโนโลยี สามารถพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพและรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสวทช. และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยตั้งเป้าหมายให้ผู้ที่มีรายได้น้อย อย่างน้อยร้อยละ 50 ในพื้นที่ให้มีรายได้ก้าวพ้นเส้นความยากจน (มากกว่า 38,000 บาทต่อคนต่อปี) และยกระดับเกษตรกรต้นแบบอย่างน้อยร้อยละ 10 ของเกษตรกรในพื้นที่ และด้านประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพมาตรฐาน ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 10 ตามแนวทางการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการใช้ฐานทรัพยากรที่โดดเด่นและหลากหลาย และยังเป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่ ยกระดับให้ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารไทยที่มีคุณภาพครบวงจร เน้นการทำเกษตรพรีเมียม เกษตรมูลค่าสูง การผลิตที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกิดของเสียในกระบวนการผลิตน้อยที่สุด หรือเป็น zero waste และสามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ใช้กลไกตลาดนำการผลิต เน้นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ที่ผสานศิลปะวัฒนธรรมภูมิปัญญาของท้องถิ่น และนวัตกรรม สร้างแบรนด์ทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ 5 จังหวัดได้กำหนดคนจนพื้นที่เป้าหมายใน 7 อำเภอ 26 ตำบล และเกษตรกรต้นแบบใน 10 อำเภอ 39 ตำบล นำร่องโครงการเร่งด่วน (Quick win project) เพื่อการยกระดับสินค้าหลักในพื้นที่ อาทิ ข้าว พืชหลังนา โคเนื้อ ประมง ผักอินทรีย์ พืชสมุนไพร และผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และมูลค่าเพิ่ม โดยคาดหวังผลลัพธ์ที่จะนำไปสู่การยกระดับรายได้ เกิดอาชีพ การจ้างงานตลอดห่วงโซ่การผลิตในพื้นที่ ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ เกิดแบรนด์สินค้าพรีเมียมไปสู่ตลาดสากล เกิดเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรต่างๆ ในพื้นที่ที่สามารถเชื่อมโยงตลาด เกิดผู้ประกอบการใหม่ในพื้นที่ เกิดตลาดกลางในพื้นที่เชื่อมโยงกับตลาดสากล นอกจากนั้นแล้วที่ประชุมได้รายงานให้ทราบถึงการจัดตั้งคณะทำงานในระดับพื้นที่ คือ คณะทำงานขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม 5 จังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นประธาน มีหน้าที่จัดทำเป้าหมายและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนในแต่ละจังหวัด ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมาย ในระดับนโยบาย และการผลักดันให้เกิดความต่อเนื่องของกิจกรรมต่างๆ เพื่อเร่งแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป
BCG
ข่าวประชาสัมพันธ์

ตอนที่ 23 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/eYYRN1RK0zMเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.บุญล้อม ถาวรยุติการต์ และคณะ ผลงานเรื่อง “Innovatives Sillicone Gel-Coated Fabrics for Scar Reduction”ดร.สุพล มนะเกษตรธาร ผลงานเรื่อง “Glucose monitoring handheld device based on micro/nanoneedles”ดร.บุรินทร์ เกิดทรัพย์ ผลงานเรื่อง “Design for permanent magnet-assisted synchronous reluctance motors used for electric vehicle applications”ดร.กนกวรรณ ศันสนะพงษ์ปรีชา ผลงานเรื่อง “การพัฒนาอนุภาคนาโนลิโปโซม Auroginger อิมัลเจล สำหรับการนำส่งทางผิวหนัง ร่วมกับเทคนิค lontoporesis”ดร.ธิดารัตน์ นิ่มเชื้อ ผลงานเรื่อง “การเพิ่มมูลค่าชานอ้อย : การสกัดเซลลูโลสและนาโนเซลลูโลส และการประยุกต์ใช้เป็นวัสดุทางการแพทย์”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO

ตอนที่ 22 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/ZUZfd3UYSBU
เผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วย
ระดับนานาชาติ และชาติ
คุณเสกสรร พาป้อง ผลงานเรื่อง “Developing a Research Framework and Methodology of Social Life Cycle Assessment in Thailand”
คุณปริญญา จันทร์หุณีย์ และคณะ ผลงานเรื่อง “อุปกรณ์ช่วยพ่นยาชนิดทำได้ด้วยตนเอง”
คุณวุฒินันต์ หลงเจริญ และคณะ ผลงานเรื่อง “NavTU : แอปพลิเคชันนำทางบนมือถือแอนดรอยด์สำหรับผู้พิการไทยทางการมองเห็น”
Professor Dr. Timothy William Flegel ผลงานเรื่อง “การพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน (Early Mortality Syndrome: EMS)”
คุณสมบัติ รักประทานพร ผลงานเรื่อง “การพัฒนาการวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสในกุ้งด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดี”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO

วิธีสร้างสไลด์สำหรับการนำเสนองานวิจัย
1. ใช้ตัวอักษรเท่าที่จำเป็น
จำไว้ว่าผู้ฟังกำลังฟังและดูการนำเสนอ ถ้าใช้ตัวอักษรมากในสไลด์ ผู้ฟังส่วนใหญ่จะสนใจอ่านมากกว่าฟัง
2. ใช้รูปภาพ
ในบางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องใช้ตัวอักษร ถ้าใช้รูปภาพผู้ฟังจะสามารถฟังได้อย่างต่อเนื่องง่ายขึ้นในขณะที่ดูสไลด์
3. Control the pace of new information
อย่าใช้หัวข้อที่สรุปเนื้อหาในสไลด์ ตัวอย่างเช่น หัวข้อ Protein A is required for proper heart function ผู้ฟังจะรู้ทันทีผลของการทดลอง และผู้ฟังอาจหยุดฟัง ให้พูดถึงคำถามเกี่ยวกับงานวิจัยหรือการทดลองแทน
4. คำแนะนำอื่น ๆ
ถ้าใช้ตัวอักษร ต้องแน่ใจว่าผู้ฟังอ่านตัวอักษรได้อย่างง่าย
- ตรวจสอบการสะกดคำให้ถูกต้อง
- ทำให้มีเนื้อที่ว่างระหว่างบรรทัดหรือ paragraphs ควรใช้ช่องว่างระหว่างบรรทัด 10 pt
- ทำให้โครงสร้างไปในทางเดียวกัน ถ้ารายการเนื้อหาเป็นประโยคที่สมบูรณ์ ต้องทำให้เนื้อหาทั้งหมดเป็นประโยคที่สมบูรณ์ด้วย
- ใช้ตัวอักษรที่ดูเป็นมืออาชีพและชัดเจน และมีขนาดใหญ่ สามารถอ่านง่ายในขณะที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ฟังที่อยู่ด้านหลังห้องขนาดใหญ่สามารถมองเห็น ควรใช้ตัวอักษรอย่างน้อยขนาด 24
โดยสรุป สไลด์ต้องไม่อธิบายตัวเอง การนำเสนอที่ดีต้องการผู้นำเสนอสื่อสารรายละเอียดที่สำคัญให้ผู้ฟัง ทำให้สไลด์แนะนำเรื่องราวที่ผู้นำเสนอต้องการสื่อสาร แต่สไลด์ต้องไม่สื่อสารเรื่องราวโดยตัวเอง
ที่มา: Ben Mudrak. How to Build Great Slides for Your Research Presentation. Retrieved January 13, 2021, from https://www.aje.com/arc/writing-slides-for-your-research-presentation/
นานาสาระน่ารู้