ผลการค้นหา :

SCI UPDATE : ถุงปลูก “Magik Growth” ใช้ซ้ำ นวัตกรรมรักษ์โลก
For English-version news, please visit : Magik Growth: Spunbond Nonwoven Fabric Grow Bag ปัญหาขยะพลาสติกกลายเป็นผู้ร้ายในวันที่สถานการณ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลกเลวร้ายเนื่องจากการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก ที่คร่าชีวิตสัตว์ทะเลนับไม่ถ้วนรวมถึงได้คืบคลานเข้ามาปนเปื้อนกับเมนูอาหารของมนุษย์ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการนำกลับมาใช้ซ้ำอย่างคุ้มค่า ไม่สร้างขยะเพิ่ม และไม่ทิ้งให้ปนเปื้อนกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะเป็นหนทางที่เราทุกคนต้องหันกลับมาทบทวนการใช้พลาสติกและลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

พนัส แอสเซมบลีย์ ร่วม สวทช. นำทีม พาสุดยอดสตาร์ทอัพ LogTech ศึกษาดูงานนวัตกรรมทวีปยุโรป รวด 3 ประเทศ!
พนัส แอสเซมบลีย์ และ สวทช. โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) นำทีม พา 3 สุดยอดสตาร์ทอัพ LogTech 2019 เข้าร่วมงานนวัตกรรมด้าน Logistics ที่ประเทศเยอรมนี และเบลเยี่ยม พร้อมเยี่ยมชม Startup Incubator ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก ระหว่างวันที่ 10 - 16 ตุลาคม 2562 ระหว่างวันที่ 10 - 16 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ทางโครงการ Panus Thailand LogTech Award 2019 โดยคุณพนัส วัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด และ คุณศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำทีมผู้ชนะเลิศในประเภทนิติบุคคลและบุคคลทั่วไป ได้แก่ ทีม บริษัท ชิปป๊อป จำกัด กับผลงาน Online logistic booking (ผู้ชนะเลิศอันดับ 1) ทีม บริษัท โอแซดที โรโบติกส์ จํากัด (รองชนะเลิศอันดับ 1) กับผลงานซอฟต์แวร์นําทางตัวเองโดยอัตโนมัติสําหรับโดรนในที่ที่ไม่มี GPS เพื่อการเช็คสต๊อกแบบอัตโนมัติ และทีม บริษัท ไอเวิร์ค อินเตอร์แอ็คทีฟ จำกัด (รองชนะเลิศอันดับ 2) กับผลงาน Airtalk - Logistic Collaboration แพลตฟอร์มให้บริการในรูปแบบแอปพลิเคชันและเว็บไซต์รวบรวมระบบขนส่งและการสื่อสาร เดินทางสู่ประเทศเยอรมนี เพื่อศึกษาดูงานนิทรรศการระดับนานาชาติเพื่อเทคโนโลยีและการบริการในท่าอากาศยาน “Inter Airport Europe 2019” ณ เมืองมิวนิค ต่อด้วยการพาเยี่ยมชม Luxembourg City Incubator หนึ่งใน Incubator ที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ใน House of Startups ประเทศลักเซมเบิร์ก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเข้าร่วมงานมหกรรมด้าน Logistics ระดับโลก “Transport & Logistics Antwerp 2019” ณ เมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ขอแสดงความยินดีกับเยาวชนไทยในโครงการ YSC คว้า 3 รางวัลในเวทีประกวดนานาชาติจากเกาหลี
For English-version news, please visit : Thai youths take home awards from an international science fair in Korea สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขอแสดงความยินดีกับเยาวชนไทย โครงการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ (YSC) ที่ชนะการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ Korea Science and Engineering Fair KSEF International 2019 (KSEF 2019) ณ ประเทศเกาหลี ได้แก่ นายปิยะวัฒน์ แก้วยม นายพศิน อ่ำวงศ์ และ นายวิชยุตม์ เกิดไชย นักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย พิษณุโลก ผู้พัฒนาโครงการ “การพัฒนาอัลกอริทึมตรวจนับจำนวนรถเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณรถกับมลพิษของอากาศบริเวณที่การจราจรหนาแน่นในเขตชุมชนจังหวัดพิษณุโลก” ซึ่งมี นางณัฐภัสสร เหล่าเนตร์ และนางดวงใจ พรหมมา เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา คว้าชัยได้ถึง 3 รางวัล คือ รางวัลเหรียญเงิน และ 2 รางวัล Special Award จาก International Avicenna Research Center: IARC และ Indonesian Young Scientist Association: IYSA ในงาน Korea Science and Engineering Fair KSEF International 2019 นายวิชยุตม์ เกิดไชย นักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย พิษณุโลก ตัวแทนเพื่อนในทีมกล่าวว่า ตนเองและเพื่อน ๆ สังเกตพบว่า ช่วงเวลาเร่งด่วน การจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนค่อนข้างหนาแน่น มีรถจอด รถเคลื่อนที่ช้า และมีการปล่อยควันพิษจำนวนมาก จากการศึกษาในชั้นเรียนพบว่า ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ซึ่งได้จากกระบวนสันดาปที่ไม่สมบูรณ์ของสารประกอบคาร์บอนที่อยู่ในเครื่องยนต์ของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถอื่น ๆ เป็นหนึ่งในก๊าซที่เมื่อได้รับเข้าร่างกายในระดับหนึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย สมองขาดออกซิเจน และถ้าได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในปริมาณมากอาจทำให้ร่างกายเกิดอาการขาดออกซิเจนเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิตได้ และเมื่อมีโอกาสไปเข้าค่ายเรื่องการบินโดรน จึงได้นำแนวคิดมาปรึกษาเพื่อน ๆ ในการนำวีดิโอจากโดรน มาทำ Image Processing พัฒนาอัลกอริทึมตรวจนับจำนวนและชนิดของรถ พร้อมคำนวณปริมาณ CO ที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงของรถตามเวลาจริง พร้อมนับการไหลของรถต่อ 1 หน่วยเวลาเพื่อที่จะนำข้อมูลไปเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขในพื้นที่ได้ในอนาคต (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ร่วมกับ SCB จัดค่ายถนนนักวิจัยรุ่นเยาว์ ปี 6 เสริมความรู้สะเต็ม ปูทางสู่นักวิทยาศาสตร์อนาคต
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง (JSTP) ฝ่ายพัฒนาบุคลากรวิจัย ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) จัดกิจกรรม “ค่ายถนนนักวิจัยรุ่นเยาว์” ปีที่ 6 เพื่อให้เป็นค่ายวิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมนักเรียนที่มีศักยภาพสูง ให้ได้รับโอกาสบ่มเพาะเรียนรู้ เปิดโลกวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมตามแนวทางสะเต็มศึกษา พร้อมฝึกกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์และพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ปูเส้นทางสู่การเป็นนักวิทยาศาสตร์ต่อไปในอนาคต โดยมีน้อง ๆ นักเรียนที่ได้รับคัดเลือกจาก สสวท. จำนวน 35 คนจาก 13 โรงเรียนทั่วประเทศ เข้าร่วมกิจกรรม ระหว่างวันที่ 15 -18 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ร่วมกับ TMA ขอเชิญผู้บริหาร-ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพด้านอาหาร เข้าร่วมงาน Food Innopolis International Symposium (FIIS) 2019
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) และ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ขอเชิญผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา รวมถึงนักวิจัย และนัก R & D หรือนวัตกรรมของบริษัทด้านอาหาร ตลอดจนสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน Food Innopolis International Symposium (FIIS) 2019 ภายใต้หัวข้อ “From Traditional to Innovation: The Art & Science of Food” ระหว่างวันที่ 9 - 14 พฤศจิกายน 2019 โดยจะมีงานเปิดตัวและประชุมหลัก (12-13 พ.ย.) ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อกฯ กรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายนวัตกรรมอาหารทั่วโลก ทั้งในอาเซียน เอเชียแปซิฟิก ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นเวทีสำหรับมืออาชีพในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เพื่อแสดงและแบ่งปันเทคโนโลยีพร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจ ตลอดจนพบกับกูรูด้านนวัตกรรมอาหารจากทั่วโลกที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ เช่น อเมริกา อิสราเอล อินโดนีเซีย อิตาลี และสหราชอาณาจักร เป็นต้น ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ http://tiny.cc/pnfxcz โดยมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fiisthailand.com หรือโทร. 0 2319 7677 ต่อ 122, 149
ข่าวประชาสัมพันธ์

‘นาโนเทค สวทช.’ ผนึกกำลัง TCELS โชว์ศักยภาพสารสกัดสมุนไพรไทยในงาน COSME 360 ํ
ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผนึกกำลังทีมไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมงาน Cosmetic 360 ํ โดยนาโนเทค สวทช. นำ 2 งานวิจัยสารสกัดสมุนไพรไทย ทั้งสารสกัดกระชายดำภายใต้ชื่อ BG139 และ สารสกัดบัวบก-ใบหมี่ภายใต้ชื่อ Litzella อวดโฉมในงาน COSME 360 ํ ที่ฝรั่งเศส หวังต่อยอดใช้ประโยชน์ด้านเวชสำอางเชิงพาณิชย์ กรุยทางสู่ ‘ไทย คอสเมโพลิส’ (Thai Cosmepolis) ดันไทยเป็นศูนย์กลางด้านเครื่องสำอางในระดับโลก โดยได้รับเกียรติจาก นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐฝรั่งเศส เข้าร่วมชมบูธนิทรรศการภายในงานด้วย (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉบับที่ 7 ประจำเดือนตุลาคม 2562
ข่าว
สวทช. มจธ. มจพ. ร่วมยกระดับผู้ประกอบการอุตฯ บรรจุภัณฑ์และโซ่อุปทานไทย
เนคเทค สวทช. อว. เปิดงาน NECTEC-ACE 2019 พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์มเอไอสัญชาติไทย
มท. จับมือ อว. นำเทคโนโลยี เนคเทค สวทช. ใช้พัฒนาเมือง ช่วยบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
สวทช. จับมือ ASEAN Centre for Energy สร้างเครือข่ายวิจัยพัฒนาพลังงานทดแทน
ศูนย์ A-MED สวทช. ติวเข้มเยาวชน พสวท. เรียนรู้เทคโนโลยีเกี่ยวกับฟัน
สรพ. ร่วมกับ สวทช. มอบรางวัลนวัตกรรมดีเด่น 2P Safety Tech ให้โรงพยาบาล
สวทช. และหน่วยงานใต้ อว. ร่วมงานมหกรรมจีน-อาเซียน ครั้งที่ 16 ณ ประเทศจีน
สวทช. คว้า 3 รางวัล ในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ปี 62
สวทช. อว. ผนึกพันธมิตร ผลักดัน “Smart Tambon Model”
สวทช. อ.สค. จับมือวิจัย “โคนม” แบบครบวงจร
บทความ
เปิดเส้นทางอพยพ “เหยี่ยวนกเขา” สู่การร่วมอนุรักษ์ในภูมิภาคอาเซียน
ปฏิทินกิจกรรม
ขอเชิญนักศึกษา ร่วมประกวดแนวคิดนวัตกรรมอาหาร ชิงทุนการศึกษากว่า 700,000 บาท
ขอเชิญ ผปก.SMEs ด้านอาหาร ร่วมโครงการ “PAD THAI ครั้งที่ 4”
ขอเชิญ ผปก. ร่วมศึกษาดูงานด้านสมาร์ทโฮมที่จีน
กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์
เปิดรับสมัครเยาวชนร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทาง วทน.
Download เอกสารฉบับเต็ม [9.69 MB]
NSTDA Newsletter ปีที่ 5 ฉบับที่ 7 ประจำเดือนตุลาคม 2562 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.

ผลงาน “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ของ สวทช. กระทรวง อว. ได้รับพระราชทานรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2562
For English-version news, please visit : Inventors of DentiiScan 2.0 named Outstanding Technologist 2019 17 ตุลาคม 2562- โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก, อะ ลักช์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพฯ : มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานแสดงความความยินดีแก่นักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2562 ในปีนี้ผลงานวิจัยพัฒนา “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สวทช. และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ผู้อำนวยการโครงการ “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ได้เข้ารับพระราชทานรางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2562” แล้ว จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562 ในวโรกาสที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 45 (วทท.45) ของ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย <ข่าวในพระราชสำนัก https://youtu.be/xbKh58O2sbc > (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.7 – ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ขอเชิญนิสิตนักศึกษา ร่วมสมัครประกวดแนวคิดนวัตกรรมอาหาร ชิงทุนการศึกษากว่า 700,000 บาท เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis: FI) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย FI Accelerator ร่วมกับ Food Factors บริษัทในเครือบุญรอดบริวเวอรี่ และ KCG Corporation ขอเชิญนิสิต นักศึกษาทุกชั้นปี ร่วมสมัคร “โครงการประกวดแนวคิดนวัตกรรมอาหาร Food Innopolis Innovation Contest 2019/20” ภายใต้หัวข้อการประกวด นวัตกรรมของวัตถุดิบพื้นถิ่น และ นวัตกรรมของโปรตีนแห่งอนาคต ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท อีกทั้งทริปศึกษาดูงานนวัตกรรมอาหารในต่างประเทศพร้อมอาจารย์ที่ปรึกษา (สำหรับรุ่นLight weight) โอกาสแสดงผลงานที่งาน THAIFEX และโอกาสร่วมงานกับ Food Factors และบุญรอดบริวเวอรี่ รวมถึงโปรแกรมสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจของเมืองนวัตกรรมอาหาร (สำหรับรุ่น Heavy Weight) สมัครและอัพโหลดเอกสารได้ ภายในวันที่ 25 ต.ค. 62 รุ่น Light weight ที่ https://forms.gle/jDKGeywih6HzXqJ2A รุ่น Heavy weight ที่ https://forms.gle/P4KQmPUzc6Dch4uT7 ติดตามข่าวสารและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Foodinnopolisinnovationcontest/ สวทช. ขอเชิญผู้ประกอบการ SMEs ด้านอาหาร ร่วมโครงการ PAD THAI ครั้งที่ 4" เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย FI Accelerator ขอเชิญผู้ประกอบการ SMEs ด้านอาหาร และบุคลากรของหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมอาหารขององค์กร และจดทะเบียนนิติบุคคลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี พร้อมมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวจากธุรกิจ Local สู่ Global เข้าร่วม “โครงการอบรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ด้านนวัตกรรมอาหารของไทย (PAD THAI ครั้งที่ 4)” โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด From Local to Global ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง รวมถึงโอกาสอื่น ๆ อีกมากจาก Food Innopolis สวทช. ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครออนไลน์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค. นี้ ที่ https://forms.gle/GsoC4rtiu5nWHgZL6 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก PADTHAI by Food Innopolis หรือผู้ดูแลโครงการ โทร. 091-7135433 (กรองจิตร), 082-441-4169 (สันติ) สวทช. ขอเชิญผู้ประกอบร่วมศึกษาดูงานด้านสมาร์ทโฮมที่จีน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมศึกษาดูงานด้าน Smart Home (สมาร์ทโฮม) เพื่อสร้างแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสำหรับบ้าน-อาคาร-สำนักงาน ระหว่างวันที่ 15 - 19 ธันวาคม 2562 ณ เมืองกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าชมงาน The 8th Guangzhou International Smart Home Exhibition โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ นายพงศธร ละเอียดอ่อน ร่วมเดินทาง รับสมัครเพียง 30 ท่านเท่านั้น ภายใน 30 พฤศจิกายนนี้ ค่าใช้จ่าย 49,500 บาท/ท่าน (ไม่รวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7 % และหักภาษี ณ ที่จ่าย 3 %) พักเดี่ยวเพิ่ม 7,000 บาท/ท่าน สำรองที่นั่งได้ที่โปรแกรม ITAP สวทช. คุณวลัยรัตน์ โทร. 0 2564 7000 ต่อ 1368, 1301 / มือถือ 093 956 1556 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อีเมล chanaghan@nstda.or.th กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ ถนนนักวิจัยรุ่นเยาว์ ปีที่ 615-18 ตุลาคม 2562 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมผึกทักษะทางวิศวกรรมเพื่อการพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์ ประจำปี 2562 หัวข้อ “3D modelling design and 3D Printer” สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม22 ตุลาคม 2562 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี ค่ายวิทยาศาสตร์ กิจกรรมรายงานความก้าวหน้าการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับ ม.ปลาย รุ่นที่ 2228-31 ตุลาคม 2562 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานเปิดรับสมัคร รับสมัครเยาวชนเข้าร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย รุ่นที่ 23 ประจำปี 2562รับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 29 พฤศจิการยน 2562 สมัครทางออนไลน์ได้ที่ https://www.nstda.or.th/jstp
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.7 – เปิดเส้นทางอพยพ “เหยี่ยวนกเขา” สู่การร่วมอนุรักษ์ในภูมิภาคอาเซียน
เปิดเส้นทางอพยพ “เหยี่ยวนกเขา” สู่การร่วมอนุรักษ์ในภูมิภาคอาเซียน
350 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางคือความสูงของ “เขาดินสอ” ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร หมุดหมายของ “นักดูนก” ประเทศในเอเชีย สหรัฐอเมริกาและยุโรป ต่างเดินทางมาท่องเที่ยวดูนกเป็นประจำทุกปีตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จนทำให้ “เขาดินสอ” ติดอันดับจุดดูเหยี่ยวและนกอพยพที่ดีที่สุด 1 ใน 5 ของโลก
เหยี่ยวและนกอพยพเรือนแสน ใช้เส้นทางอพยพเอเชียตะวันออกผ่านแผ่นดินใหญ่ (East Asian Continental Flyway) จากเขตไซบีเรียและจีน ลงมาตามแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านคาบสมุทรไทย-มาเลเซีย และหมู่เกาะของอินโดนีเซีย เส้นทางอพยพนี้ผ่าน “เขาดินสอ” อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเส้นทางที่ถือเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม ให้เหล่านักดูนกได้ศึกษาพฤติกรรมและจำแนกชนิดเหยี่ยวและนกอพยพเพื่อการอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
นายแอนดรูว์ เจ เพียร์ซ (Mr. Andrew J. Pierce) ผู้เชี่ยวชาญห้องปฏิบัติการนิเวศวิทยาการอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และคณะวิจัย เปิดเผยว่า เส้นทางอพยพเอเชียตะวันออก เป็นเส้นทางอพยพของเหยี่ยวที่มีข้อมูลและการศึกษาน้อยที่สุด ดังนั้นทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการนิเวศวิทยาการอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และ มูลนิธิศึกษาธรรมชาติเขาดินสอ จึงร่วมกันศึกษาเส้นทางของเหยี่ยวและนกอพยพเส้นทางนี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมเข้ามาช่วย ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อศึกษาข้อมูลเส้นทางการอพยพและจุดแวะพักที่สำคัญของเหยี่ยวนกเขา 2 ชนิด คือเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน (Chinese Sparrowhawk ชื่อวิทยาศาสตร์ Accipiter soloensis) และเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น (Japanese Sparrowhawk ชื่อวิทยาศาสตร์ Accipiter gularis) ที่มีการอพยพผ่านประเทศไทยบริเวณเขาดินสอ ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร เนื่องจากเขาดินสอตั้งอยู่บนพื้นที่ที่แคบที่สุดของทวีปเอเชีย ในคาบสมุทรไทย-มาเลเซีย (คอคอดกระ) ใกล้ชายฝั่งทะเลและมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 200-350 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่สามารถพบเห็นเหยี่ยวจำนวนมากรวมตัวอพยพผ่านบริเวณนี้
ทีมวิจัยได้ทำการจับเหยี่ยวนกเขาที่อพยพผ่านบริเวณเขาดินสอ ระหว่างเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม (ซึ่งเป็นช่วงที่มีเหยี่ยวอพยพผ่านเขาดินสอมากที่สุดของปี) ในปี 2559-2560 โดยการใช้ตาข่ายแบบพรางตาเพื่อทำการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียมพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 4% ของน้ำหนักตัวเหยี่ยว โดยติดที่ตัวเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน 4 ตัว และเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น 4 ตัว ในลักษณะสะพายหลัง (backpack) ซึ่งทุกขั้นตอนดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับเหยี่ยว
“จากการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียมให้กับเหยี่ยวนกเขาทั้ง 8 ตัวทำให้เราทราบว่า เหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน จะอพยพลงใต้ไปยังบริเวณเกาะสุมาตรา ฝั่งตะวันออกของเกาะ Nusa Tenggara ในประเทศอินโดนีเซีย และไปยังประเทศติมอร์-เลสเต ซึ่งเหยี่ยวชนิดนี้จะใช้เป็นพื้นที่อาศัยในช่วงฤดูหนาว (wintering grounds) ประมาณ 70-80 วัน และเมื่อถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์–พฤษภาคม เหยี่ยวจะอพยพกลับไปยังพื้นที่ผสมพันธุ์ทางตอนใต้ของจีน นอกจากนี้ข้อมูลจากเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน 4 ตัวที่ทีมวิจัยติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณฯ มีเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่สามารถจับสัญญาณการอพยพผ่านเขาดินสอได้อีกครั้งในปี 2561 ทำให้รู้เส้นทางการอพยพที่สมบูรณ์ของเหยี่ยวชนิดนี้ ซึ่งใช้ระยะทางในการอพยพทั้งสิ้น 14,532 กม. (ซึ่งมากกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก) และ 9,710 กม.
ในส่วนของเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นนั้น ทีมวิจัยสามารถติดตามสัญญาณไปถึงพื้นที่ของเกาะสุมาตรา และบอร์เนียว ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยในช่วงฤดูหนาวและใช้เวลาบริเวณนี้ประมาณ 130-170 วัน ก่อนที่จะอพยพกลับขึ้นทางเหนือ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ทีมวิจัยสามารถรับสัญญาณจากเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น ในช่วงอพยพกลับ โดยเหยี่ยวตัวนี้เดินทางออกจากพื้นที่อาศัยบนเกาะ Bangka ประเทศอินโดนีเซีย ไปยังพื้นที่ผสมพันธุ์ในเขตอามูร์ (Amur) ทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป ทำให้สรุปรวมระยะทางอพยพได้ทั้งสิ้น 7,699 กม. ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 50 วัน”
ผู้เชี่ยวชาญห้องปฏิบัติการนิเวศวิทยาการอนุรักษ์ มจธ. อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า การติดตามแส้นทางอพยพของเหยี่ยวทั้ง 2 ชนิดนี้ ยังทำให้ทีมวิจัยทราบอีกว่าพื้นที่อาศัยในช่วงฤดูหนาวหรือจุดหยุดพักที่สำคัญของเหยี่ยวทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นพื้นที่ที่มีมนุษย์เข้ามาใช้ประโยชน์และเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าดั้งเดิมให้กลายเป็นพื้นที่ทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพาราและพืชสกุลอะเคเซีย อย่างไรก็ตามเหยี่ยวจัดเป็นผู้ล่าชั้นสูงสุดบนห่วงโซ่อาหารจึงถือเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญของคุณภาพสิ่งแวดล้อม แต่เหยี่ยวหลายชนิดกำลังถูกคุกคามเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่อาศัย ดังนั้นการศึกษาลักษณะพื้นที่อาศัยในช่วงฤดูผสมพันธุ์และฤดูหนาวรวมถึงเส้นทางการอพยพและจุดแวะพักระหว่างทางจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์
นางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. โดยฝ่ายบริการวิจัยเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ เล็งเห็นความสำคัญในการทำวิจัยเรื่องการใช้เทคโนโลยีในการติดตามเส้นทางเหยี่ยวอพยพ เนื่องจากเหยี่ยวเป็นสัตว์ที่อพยพเป็นระยะทางไกลผ่านหลายประเทศในทวีปเอเชีย โดยเริ่มต้นจากรัสเซีย ผ่านไทยจนถึงจุดแวะพักในฤดูหนาวที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทีมวิจัยนำเทคโนโลยีเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียมพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อทำการติดตามการอพยพและระบุตำแหน่งของเหยี่ยวนกเขา 2 ชนิด โดยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีความแม่นยำในระยะ 0.5-1.5 กิโลเมตรและสามารถติดตามเส้นทางการอพยพและตำแหน่งของเหยี่ยวได้ ด้วยการดาวน์โหลดหรือตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ได้จากเว็บไซต์ https://www.argos-system.org/ หรือผ่านแอปพลิเคชัน CLS view บนมือถือ ซึ่งถือว่ามีความสะดวกและรวดเร็ว นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำทางสู่การอนุรักษ์และการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อนำร่องให้พื้นที่เขาดินสอจะเป็นต้นแบบที่สำคัญในการใช้องค์ความรู้และผลงานวิจัยไปถ่ายทอดและขยายผลสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวบนฐานความรู้ โดยเฉพาะการพัฒนางานวิจัยเชิงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก
นายชูเกียรติ นวลศรี ประธานมูลนิธิศึกษาธรรมชาติเขาดินสอ กล่าวว่า ด้วยบริเวณเขาดินสอ จ.ชุมพร มีพื้นที่ป่าโดยรอบกว่า 2,000 ไร่ ที่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มากจึงเป็นพื้นที่ดูเหยี่ยวที่ดีที่สุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกโดยมีสายพันธุ์เหยี่ยวที่พบแล้วจำนวน 38 สายพันธุ์ ทั้งนี้ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมจะเริ่มพบเหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่นอพยพ ตามด้วยเหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีนและเหยี่ยวผึ้ง ซึ่งจะมีจำนวนหนาแน่นมากขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ถึงสัปดาห์แรกของต้นเดือนตุลาคม นอกจากนี้ยังพบเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำอพยพผ่านบริเวณนี้จำนวนหลายหมื่นตัวต่อวันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม (ช่วงวันปิยมหาราช) ซึ่งสามารถเห็นได้มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังพบกลุ่มเหยี่ยวนกเขามากที่สุดในโลกถึง 6 ชนิดด้วย ดังนั้นการที่มีงานวิจัยสนับสนุนใช้องค์ความรู้นำการท่องเที่ยวจะนำไปสู่การอนุรักษ์อย่างถูกต้องทั้งในเชิงพื้นที่และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ปี 2545 จังหวัดชุมพรมีการจัดกิจกรรมชมเหยี่ยวอพยพโดยทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน กระทั่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมเหยี่ยวอพยพที่มีชื่อเสียงในระดับโลกในปัจจุบัน โดยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาจากประเทศในเอเชีย สหรัฐอเมริกาและยุโรป ตั้งใจเดินทางมาเที่ยวที่เขาดินสอทุกปีเพื่อชมเหยี่ยวอพยพแบบใกล้ชิด อย่างไรก็ดีการได้ทราบเส้นทางอพยพของเหยี่ยวจากการวิจัยนั้นได้ช่วยส่งเสริมให้พื้นที่เขาดินสอเป็นจุดศึกษาวิจัยและจุดชมเหยี่ยวอพยพที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียและของโลก ทำให้ผู้คนทั้งภูมิภาคอาเซียนตระหนักและสนใจถึงความสำคัญของเหยี่ยวรวมถึงภัยคุกคามที่เกิดกับเหยี่ยวและหันมาร่วมกันอนุรักษณ์ทรัพยากรในพื้นที่ของประเทศตนเองมากขึ้น และหวังว่าจะช่วยสร้างโอกาสให้พื้นที่เขาดินสอเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของประเทศไทยและของโลกต่อไป
ทั้งนี้ผู้สนใจดูเหยี่ยวอพยพสามารถเดินทางมาชมได้ ณ เขาดินสอ ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี
ข้อมูลเพิ่มเติม The Flyway Foundation, Thailand
เรียบเรียงโดย : อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.
ภาพโดย : ชูเกียรติ นวลศรี, Desmond Allen
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
บทความ

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.7 – สวทช. อ.สค. จับมือวิจัย “โคนม” แบบครบวงจร
สวทช. อ.สค. จับมือวิจัย “โคนม” แบบครบวงจร 4 ตุลาคม 62 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ลงนามความร่วมมือกับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพัฒนากิจการโคนมแบบครบวงจร หวังยกระดับกิจการโคนมด้วย วทน. เดินหน้าวิจัย ‘นมผงพันธุ์ไทย-นมอัดเม็ดพรีเมี่ยม-ผลิตภัณฑ์จากนมเพื่อผู้สูงวัย’ เฟสแรก 63-65 พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ นำร่องบุกอาเซียนปี 64นโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้น้ำนมดิบมีปริมาณเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่า ปี 2562 นี้ ความต้องการบริโภคนมจะเพิ่มขึ้น จากการที่หลายภาคส่วนร่วมกันรณรงค์การบริโภคนมของประชาชนในประเทศ โดยในปี 2562คาดว่า มีปริมาณการบริโภค 1,332,180 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 8% จาก 1,233,483 ตัน ของปี 2561 ในขณะเดียวกัน การส่งออก - การนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดนมพาณิชย์มีการผลิตเพิ่มขึ้น อีกทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการร่วมมือกันสนับสนุนการขยายตลาดส่งออกนมสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12814-20191004-nanotec
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.7 – สวทช. อว. ผนึกพันธมิตร ผลักดัน “Smart Tambon Model” ยกระดับคุณภาพชีวิตท้องถิ่นด้วย วทน.
สวทช. อว. ผนึกพันธมิตร ผลักดัน “Smart Tambon Model” ยกระดับคุณภาพชีวิตท้องถิ่นด้วย วทน. 26 กันยายน 2562 : สวทช. ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมพัฒนาที่ดิน และเครือเบทาโกร ลงนามความร่วมมือเพื่อยกระดับการพัฒนาท้องถิ่นด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม 5 ด้าน สร้างความรู้ ลดความเหลื่อมล้ำ นำร่องต้นแบบ 7 ตำบล 5 จังหวัด ภายใต้ “โครงการส่งเสริมการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวมในระดับตำบล : Smart Tambon” ณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ภายใต้โครงการ Smart Tambon Model เพื่อพัฒนาชุมชนทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ อาชีพ สุขภาพ การศึกษา สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญนั้น สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ที่มุ่งเน้นการวางรากฐานเพื่อพัฒนาประเทศไทยไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีภารกิจสำคัญ คือ “สร้างและพัฒนาคน” ให้เป็น Smart Citizen เปิดโอกาสที่เท่าเทียมกันในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ทุกช่วงวัย ลดความเหลื่อมล้ำ “สร้างและพัฒนาองค์ความรู้” ไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่า ขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาที่จะนำไปสู่นวัตกรรม บูรณาการงานวิจัย เพื่อตอบโจทย์ประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเป็นสำคัญ และ “สร้างและพัฒนานวัตกรรม” ไปสู่ประเทศฐานนวัตกรรม โดยจะต้องแปลงนวัตกรรมเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมชุมชน นวัตกรรมสังคม และนวัตกรรมเชิงธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่ม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green (BCG) Economy) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12795-20190926-smart-tambon
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย