หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
🛑(Facebook Live) รายการ “📺คุยเท่าที่รู้” ตอน ผู้ชาย(ปลูก)ไม้ประดับ
ขอเชิญมาร่วมสนทนาในรายการ "คุยเท่าที่รู้" ตอน ผู้ชาย(ปลูก)ไม้ประดับ . พบกับเรื่องราวของไม้ดอกไม้ประดับของเมืองไทย อาทิ ดอกปทุมมา และดอกกุหลาบ พร้อมประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญ . เช้าวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม 2564 เวลา 9:30 น.เป็นต้นไป Facebook: NSTDA (คลิก) กับ สามหนุ่มเช่นเคย อ.ลิขิต มณีสินธุ์ ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาดอกปทุมมา สยามทิวลิป ประสบการณ์กว่า 15 ปี ดร.ภัทรพงศ์ ชูปัญญา วิศวกร/นักวิจัย ผู้หลงไหลดอกกุหลาบ และเรียนรู้วิธีการปลูกกุหลาบด้วยตัวเอง คุณปฏิวัติ อ่อนพุทธา คนสัมภาษณ์ มือใหม่ในวงการไม้ดอกไม้ประดับ . ประเด็นในการสนทนา 1. เล่าประสบการณ์การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ กรณีศึกษา ดอกปทุมมา และดอกกุหลาบ 2. แนะนำความรู้การปลูก และการดูแลรักษาเบื้องต้น 3. ตลาดไม้ดอกไ้ม้ประดับเมืองไทย . ลงทะเบียนด่วน https://bit.ly/3wuqv41
ปฏิทินกิจกรรม
 
🛑(Facebook Live) “โควิด-19″ นักวิจัยไทย-ทำ ep1 ชุดตรวจวินิจฉัย – หลากหลายเทคโนโลยีเพื่อบ่งชี้ให้ชัด
🛑ตรวจหาแอนติเจน หรือตรวจหาแอนติบอดี หรือตรวจแบบแลมป์ (antigen rapid test, antibody rapid test, LAMP test) ชุดตรวจไหนใช้เมื่อไหร่ ใช้อย่างไร ฯลฯ   ที่นี่มีคำตอบ 👇👇 โควิดไลฟ์ทอล์ก “โควิด-19" นักวิจัยไทย-ทำ ep1 ชุดตรวจวินิจฉัย - หลากหลายเทคโนโลยีเพื่อบ่งชี้ให้ชัด   วันศุกร์นี้ 16 ก.ค. '64 / เวลา 14.00 เป็นต้นไป Facebook: NSTDA (คลิก) ห้ามพลาด สำหรับคนที่อยากเข้าใจ ชุดตรวจวินิจฉัยโควิด-19
ปฏิทินกิจกรรม
 
“อารี” รถส่งของบังคับทางไกล ลดสัมผัส ลดเสี่ยง เลี่ยงโควิด-19
  นับวันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ทุบสถิติ ‘New High’ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลการศึกษายังพบว่าสายพันธุ์ไวรัส SARS-CoV-2 ที่ระบาดในประเทศขณะนี้มากกว่า 50% คือ สายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2 อินเดีย) ที่แพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้ด้านสาธารณสุขของไทยอยู่ในภาวะตึงเครียด หลายโรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วย การขยายโรงพยาบาลสนามเต็มขีดจำกัด บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังเริ่มอ่อนล้า     นวัตกรรม “อารี” รถส่งของบังคับทางไกล (Remote-controlled Cart) ซึ่งคิดค้นและพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นับเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่สามารถใช้ขนส่งสัมภาระแทนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาระงาน ลดความเสี่ยง เลี่ยงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (Personal Protection Equipment; PPE) หรือ ชุดพีพีอี เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ใส่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจแล้วจะต้องกำจัดชุด PPE ทิ้งทันที ดร.ก่อเกียรติ เศษชัยชาญ นักวิจัย ทีมวิจัยการออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม เอ็มเทค สวทช. เปิดเผยถึงที่มาการออกแบบนวัตกรรมว่า เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างทีมวิจัยและบริษัท บุญวิศวกรรม จำกัด โดยมีบริษัท เมตริก วิศวกรที่ปรึกษาและสถาปนิก จำกัด ร่วมผลิต “อารี” รถส่งของบังคับทางไกล สำหรับใช้ในการขนส่งสัมภาระแทนบุคลากรทางการแพทย์ เช่น การส่งอาหารและยาให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่พักภายในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ลดการแพร่กระจายเชื้อระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วยโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิผล     “นวัตกรรม อารี รถส่งของบังคับทางไกล ออกแบบภายใต้แนวคิดการใช้อุปกรณ์ที่หาได้ในท้องตลาดและปลอดภัย ด้วยการนำรถเข็นขนส่งอาหาร มีความกว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร สูง 80 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 17 กิโลกรัม มีถาดสแตนเลสรองรับสัมภาระ 2 ชั้น มาดัดแปลงใส่กลไกไฟฟ้า อาศัยล้อเลื่อนของรถในการเคลื่อนที่ไปตามคำสั่ง และติดตั้งอุปกรณ์ขับเคลื่อนและระบบควบคุมทั้งหมดภายในตู้ไฟกันน้ำบริเวณด้านล่างของรถเข็น โดยรถอารีสามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่เกิน 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนั้นแล้วทีมวิจัยยังออกแบบให้รถเข็นมีรัศมีวงเลี้ยวต่ำสุด 0 เซนติเมตร หรือหมุนอยู่กับที่ได้เพื่อความสะดวกในพื้นที่แคบๆ สามารถควบคุมให้เดินหน้า-ถอยหลัง เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา ด้วยอุปกรณ์ควบคุมซึ่งเป็นคอนโทรลเลอร์บังคับวิทยุ” ดร.ก่อเกียรติ อธิบายต่อว่า สำหรับแบตเตอรี่สามารถชาร์จซ้ำได้ โดยมีระยะทางการขับเคลื่อนประมาณ 3 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รับน้ำหนักสัมภาระได้ไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม โดยที่ความเร็วไม่ลดลง และยังสามารถฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาดได้โดยตรง ที่สำคัญแม้จะเป็นอุปกรณ์รถส่งของบังคับทางไกลที่ใช้เฉพาะสถานการณ์ฉุกเฉิน ทีมวิจัยยังได้นำไปทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางไฟฟ้าโดยผ่านการทดสอบมาตรฐาน IEC 60601-1-2 (Electromagnetic Compatibility of Medical Devices) จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) เพื่อให้สามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ผู้ผลิตได้อย่างมีคุณภาพมาตรฐาน และมั่นใจได้ว่าจะไม่สร้างสัญญาณรบกวนต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์ “ผลการใช้งาน “อารี” ในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจที่โรงพยาบาลกลางและสถาบันประสาทวิทยา พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถขับเคลื่อนอุปกรณ์ผ่านรีโมตคอนโทรล ซึ่งควบคุมได้ทั้งความเร็วและการรับ-ส่งสัมภาระได้ตามที่ออกแบบไว้ ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อระหว่างผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ อีกทั้งประหยัดชุด PPE ได้จำนวน 10 ชุดต่อวัน ซึ่งชุด PPE นั้นมีราคาประมาณ 500 บาทต่อชุด” ปัจจุบันทีมวิจัยได้ทำการผลิตและส่งมอบ “อารี” รถส่งของบังคับทางไกล โดยการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานเอกชนและผู้มีจิตศรัทธาให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศแล้วจำนวน 40 แห่ง และตั้งเป้าว่าจะผลิตเพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลให้ครบจำนวน 90 คัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2564 6500 อีเมล AREE@mtec.or.th    
ข่าว
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
สวทช. ประกาศผล ‘คิโบะ โรบ็อต โปรแกรมมิ่ง ชาเลนจ์ ครั้งที่ 2’ ทีมเยาวชนจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี คว้ารางวัลชนะเลิศ เป็นตัวแทนประเทศเข้าแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย
14 กรกฎาคม 2564)Facebook Live เพจ NSTDA SPACE Education: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ องค์กรสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ แจ็กซา (Japan Aerospace Exploration Agency: JAXA) และหน่วยงานพันธมิตร ประกาศผลการแข่งขัน “โครงการ The 2nd Kibo Robot Programming Challenge” ผลปรากฏว่าได้ทีมอินเดนเทชัน เออเร่อ (Indentation Error) จากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เป็นทีมชนะเลิศการแข่งขัน เป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงแชมป์เอเชียทางออนไลน์ ถ่ายทอดสดจาก ศูนย์อวกาศสึกุบะ ประเทศญี่ปุ่น ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ กับภารกิจแข่งขันเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศ ที่ปฏิบัติงานอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station: ISS) ให้ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผย ว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สวทช. ร่วมกับ องค์กรสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือแจ็กซา (Japan Aerospace Exploration Agency: JAXA) และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน), สถาบันเทคโนโลยีอวกาศนานาชาติเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันจัดโครงการ The 2nd Kibo Robot Programming Challenge เพื่อพัฒนาขีดความรู้ความสามารถด้านสะเต็มศึกษาของเยาวชนไทย ซึ่ง สวทช. ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทย ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กับภารกิจการแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมหุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศ Astrobee ในระบบ Simulation ซ่อมแซมสถานีอวกาศที่ชำรุดเนื่องจากอุกกาบาตพุ่งชน เพื่อคัดเลือกผู้ชนะเพียง 1 ทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุด (จาก 176 ทีมทั่วประเทศที่สมัครเข้าร่วมโครงการ) เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงแชมป์เอเชียต่อไป “ผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมชนะเลิศได้แก่ ทีมอินเดนเทชัน เออเร่อ (Indentation Error)   ซึ่งมีสมาชิก 3 คน ประกอบด้วย เด็กชายเสฎฐพันธ์ เหล่าอารีย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นายกรปภพ สิทธิฤทธิ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และนายธฤต วิทย์วรสกุล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เป็นทีมที่คว้ารางวัลชนะเลิศ และได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงแชมป์เอเชีย ในรายการ The 2nd Kibo Robot Programming Challenge ร่วมกับตัวแทนเยาวชนอีก 10 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนปาล นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายน 2564” ดร.จุฬารัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม No.-won จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม BOT จากสถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และรางวัลทีมนำเสนอดีเด่น ได้แก่ ทีม We'll hack NASA with HTML จากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ตรัง ด้าน นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเสริมว่า ในปีนี้ มีเยาวชนสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 176 ทีม ถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก แสดงให้เห็นถึงความสนใจของเยาวชนไทยที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเข้าร่วมกิจกรรม โดยแบ่งออกเป็น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 41 ทีม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 98 ทีม ระดับมหาวิทยาลัย จำนวน 35 ทีม  และเป็นที่น่าดีใจที่มีทีมเด็กๆ ระดับประถมศึกษาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย จำนวน 2 ทีม ซึ่งประสบการณ์จากการเขียนโปรแกรมครั้งนี้ จะทำให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะด้านต่างๆ อย่างบูรณาการ ทั้งคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และภาษาคอมพิวเตอร์ และยังได้พัฒนาทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 อย่างการคิดวิเคราะห์และการทำงานร่วมกันเป็นทีม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้และประสบการณ์ที่เยาวชนได้รับจากการแข่งขันครั้งนี้ จะมีส่วนส่งเสริมต่อยอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต นายโอะโนะ อะสึชิ (Ono Atsushi) ผู้อำนวยการองค์กรสำรวจอวกาศญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ  กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีแก่เด็กและเยาวชนผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันทั้ง 176 ทีมว่ารู้สึกประทับใจในการตอบรับการเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกทีมเป็นอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนของการแข่งขันได้เห็นถึงความตั้งใจของทุกๆ ทีม ในการจะพัฒนาโค้ดเพื่อเอาชนะโจทย์การแข่งขันให้ดีที่สุด ภายใต้แนวคิดการทำงานจริงของ นักบินที่สถานีอวกาศในโอกาสวันประกาศผลผู้ชนะการแข่งขันของประเทศไทยวันนี้ ขอแสดงความยินดีกับทุกๆ ทีมที่ได้รับรางวัล และขอต้อนรับทีมผู้ชนะเลิศสู่การแข่งขันรอบชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศญี่ปุ่น หวังว่าทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลงานและการทำงานในอนาคตต่อไป สำหรับทีมตัวแทนประเทศไทยจะได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ The 2nd Kibo Robot Programming Challenge รอบชิงแชมป์เอเชียผ่านทางออนไลน์ โดยถ่ายทอดสดจาก ณ ศูนย์อวกาศสึกุบะ(TsukubaSpaceCenter)ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกันยายนปีนี้เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจะสื่อสารตรงไปที่สถานีอวกาศนานาชาติซึ่งมีนักบินอวกาศเป็นผู้ควบคุมการแข่งขันและได้สัมผัสกับศูนย์อวกาศสึกุบะซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นอีกทั้งยังเป็นสถานที่หลักสำหรับปฏิบัติการโครงการวิจัยอวกาศของญี่ปุ่น และนักบินอวกาศชาวญี่ปุ่นที่มีส่วนในสถานีอวกาศนานาชาติซึ่งจะได้รับการฝึกจากที่นี่ ทั้งนี้ศูนย์อวกาศสึกุบะ ตั้งอยู่ในเมืองวิทยาศาสตร์สึกุบะ จังหวัดอิบะระกิ ที่เปิดใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 มีอาคารนิทรรศการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมและมีแลนด์มาร์คสำคัญคือ ‘จรวด เอชทู’ จำลองขนาดเท่าของจริงตั้งอยู่ด้านหน้าอาคาร รวมทั้งแบบจำลอง ‘ยานคิโบะ โมดูล’ ขนาดเท่าของจริงแสดงอยู่ภายในอาคารด้วย ผู้สนใจติดตามข่าวความเคลื่อนไหวโครงการ The 2nd Kibo Robot Programming Challenge ได้ที่เว็บไซต์ https://www.nstda.or.th/jaxa-thailand หรือแฟนเพจ NSTDA SPACE Education
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
นายกรัฐมนตรีประกาศเดินหน้าแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ภายใน 7 ปี (พ.ศ. 2564-2570)
For English-version news, please visit : BCG Policy Board approves strategic plan and policy measures to drive BCG agenda 12 กรกฎาคม 2564 - พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) ครั้งที่ 2/2564 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) ครั้งนี้ มีการรายงานดัชนีเศรษฐกิจสีเขียว (Global Green Economy Index) ของประเทศไทยที่ดีขึ้น จากอันดับที่ 45 ในปี 2557 มาอยู่ในอันดับที่ 27 ในปี 2561 และตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Index) ที่มีอันดับดีขึ้น จากอันดับที่ 55 ในปี 2560 มาอยู่ในอันดับที่ 43 ในปี 2563 แล้วก็ตาม ด้วย “วาระโลก” เช่น ปัญหาโลกร้อน ปัญหาขยะ ปัญหาโรคระบาด การกระจายรายได้ รัฐบาลจึงมีการกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศด้านความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อเชื่อมโยงกับหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป็นการสานพลังของจตุภาคีทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาครัฐ และภาควิชาการ ขับเคลื่อนประเทศด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพ และวัฒนธรรมด้วยการจัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ 3 :  ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์ที่ 4 : เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยที่ประชุม ได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 และ 13 มาตรการหลักในการขับเคลื่อน ได้แก่ 1. พัฒนาคลังข้อมูลดิจิทัลของทุนความหลากหลายทางชีวภาพ ทุนวัฒนธรรม และทุนทางปัญญาด้วยการพัฒนาระบบ จัดเก็บ และเชื่อมโยงข้อมูลตามมาตรฐาน ใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการวางแผนอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ในการใช้โมเดล BCG สร้างเศรษฐกิจในชุมชน และเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว 2. เพิ่มพูนทรัพยากรชาติด้วยการผสานพลังของรัฐ เอกชน ชุมชน และหน่วยงานวิจัย โดยการส่งเสริมเอกชนในการปลูกและดูแลป่าทุกประเภทในพื้นที่ของรัฐด้วยกลไกและจัดสรรคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) รัฐ : เอกชน (ผู้ปลูกและดูแล) ในสัดส่วนโดยประมาณที่ 10 : 90 และเร่งการวิจัยพัฒนาพันธุ์ สร้างนวัตกรรม ระบบการบริหารจัดการ การดูแลรักษา การติดตามให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม 3. พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ BCG โดยเชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทานในแต่ละภูมิภาคเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการด้วยหลักการ BCG เชื่อมโยงการเกษตรทางเลือก/เกษตรสมัยใหม่ การแปรรูป การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน เชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับประเทศและเศรษฐกิจโลก 4. ปรับระบบการเกษตร สู่ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และมูลค่าสูง เน้นเกษตรพรีเมียม เกษตรปลอดภัย เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จากความหลากหลายของสินค้าเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์ ไม้ผล ไม้ตัดดอก ไผ่ ไม้เศรษฐกิจ แมลง สมุนไพร สัตว์เศรษฐกิจ ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงและสามารถใช้องค์ความรู้ที่เหมาะสมได้ รวมถึงการพัฒนาระบบเกษตรแบบองค์รวม เชื่อมโยง B C และ G ทั้งจังหวัด 5. พัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารริมทาง และอาหารท้องถิ่นด้วยการยกระดับด้วยเครื่องจักรผลิตอาหาร (Food Machinery) และมาตรฐานการประกอบอาหารที่ดี 6. สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ด้วยการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าจากฐานชีวภาพให้มีขั้นนวัตกรรมที่สูงขึ้น อาทิ สารสกัด สารประกอบฟังก์ชัน อาหารฟังก์ชัน ชีวเคมีภัณฑ์ เช่น โอลิโอเคมิคอล วัสดุชีวภาพ อาทิเช่น วัสดุคาร์บอนมูลค่าสูง ยา และวัคซีน เป็นต้น 7. สร้างตลาดเพื่อรองรับนวัตกรรมของสินค้าและบริการ BCG อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น โรงพยาบาลรัฐจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย สิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาคเอกชนและภาคประชาชน เช่น การลดภาษีให้กับโรงพยาบาลเอกชนที่จัดซื้อสินค้าที่ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย ส่งเสริมฉลากที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เช่น ฉลากคาร์บอนฟุตพรินต์ ฉลากสีเขียว ฉลากสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผลักดันกลไกราคาคาร์บอนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันสำหรับผลิตภัณฑ์วัสดุและเคมีชีวภาพ การจัดเก็บภาษีผู้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการปลดล็อกการซื้อ-ขายพลังงานชุมชน 8. ส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนและการท่องเที่ยวสีเขียว สร้างโมเดลการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น โมเดลอารมณ์ดีมีความสุข (Happy Model), ส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนและการท่องเที่ยวสีเขียวด้วยการใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนและการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral), สร้างคลัสเตอร์การท่องเที่ยวของจังหวัดหลักและกลุ่มจังหวัดรอง รวมถึงพัฒนาระบบการใช้จ่ายแบบระบบการชำระเงินเดียว (One Payment System) สำหรับการท่องเที่ยว เพื่อจัดทำคลังข้อมูลด้านการท่องเที่ยว 9. ยกระดับสินค้าและบริการ BCG สู่มาตรฐานการผลิตยั่งยืนด้วยการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมสีเขียว และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน 10. ยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการ BCG สู่มาตรฐานสากลด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบ เช่น โครงสร้างพื้นฐานทางด้านการวิจัยและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขยายขนาดการผลิต โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ เพื่อการวิเคราะห์ ทดสอบ การรับรองและขึ้นทะเบียนสินค้า BCG โดยเฉพาะสินค้าเกษตรพรีเมียม เกษตรปลอดภัย สารสกัด ชีวเคมีภัณฑ์ ยา วัคซีน เครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ 11. ส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) การประกอบการรูปแบบใหม่บนฐานเศรษฐกิจ BCG การบ่มเพาะผู้ประกอบการทั้งความรู้ด้านนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจ ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานในภาครัฐ และการส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งทุนและผู้เชี่ยวชาญในภาครัฐ 12. สร้างและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจ BCG ในทุกระดับ ตั้งแต่กลุ่มชุมชนและฐานราก กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs), กลุ่มผู้พัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง กลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startups) และผู้ประกอบการเทคโนโลยี 13. เชื่อมโยงกับสากลในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ การดึงดูดบุคลากร การค้า การลงทุน การสร้างและพัฒนาเครือข่ายวิจัย การค้าและการลงทุนทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และโลก รวมถึงการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุนจากต่างประเทศด้วยการให้สิทธิประโยชน์ การสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เหมาะสม เช่น สมาร์ทวีซ่า (Smart Visa) นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 และใช้ 13 มาตรการเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามพันธกิจของหน่วยงานด้วยการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยด้วย BCG โดยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในยุคหลังโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที อาทิเช่น  การผลักดันให้เกิดการพัฒนาภาคเกษตรด้วยรูปแบบการบูรณาการเชิงพื้นที่ โดยกำหนดพื้นที่นำร่องใน 5 จังหวัด (ราชบุรี ลำปาง ขอนแก่น จันทบุรี และพัทลุง) ใน 5 ภาค โดยพิจารณาความเข้มแข็งของแต่ละพื้นที่โดยตอบโจทย์   อุปสงค์และอุปทานของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ข่าว 30 ปี สวทช.
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “ปั้นแบรนด์ให้ปัง เบื้องหลังต้องเร็ว”
📢 "ปั้นแบรนด์ให้ปัง เบื้องหลังต้องเร็ว!!!" กลยุทธ์สร้างแบรนด์สุขภาพและความงามฉบับเร่งรัด จากผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ตั้งแต่สารตั้งต้น งานวิจัย พัฒนาสูตร ขึ้นทะเบียน จนออกสู่ตลาด ครบจบในที่เดียว 🏁อยากลงสนามแข่งธุรกิจ Health&Beauty ⚘ ต้องเร่งสปีดขั้นสูงสุด เพราะแค่คู่แข่งไม่เคยหยุด "รอ" 📌ฟังเคล็ดลับกลยุทธ์สร้างแบรนด์สุขภาพและความงามฉบับเร่งรัด 📌เคล็ดไม่ลับการเคลมประโยชน์ของสินค้าให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของ อ.ย. ✅ วิทยากร โดย ผู้ก่อตั้ง บริษัท พีช แอนด์ โค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาผลิตภัณฑ์สูตรแบบวงจร ✅ ร่วมเสวนาโดย ผู้บริหารแบรนด์ภายใต้บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ✅ ผู้บริหารจาก บริษัท เกร๊ต อีสเทอร์น ดรั๊ก จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาดีคอลเจน (Decolgen) 🗓 อ.20 ก.ค.2564 🕑 14.00 เป็นต้นไป ✅ เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ! 📌 ลงทะเบียน https://forms.gle/AYPnqk4AY7EpNqFy5 📞 ติดต่อสอบถาม 02-5647000 ต่อ 5040 bcd@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
 
Magik Growth ถุงห่อตัวช่วยชาวสวนทุเรียนยุคใหม่
นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. พัฒนา "Magik Growth" ถุงห่อผลไม้สำหรับห่อทุเรียนโดยเฉพาะ ผลิตจากวัสดุพิเศษ ช่วยปกป้องผลผลิตจากแมลงศัตรูพืช ตอบโจทย์เกษตรกรชาวสวนทุเรียนยุคใหม่ที่ต้องการลดใช้สารเคมี นอกจากนี้นักวิจัยยังอยู่ระหว่างทดลองการใช้ถุง Magik Growth สีต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกันในเรื่องของการเจริญเติบโตและคุณภาพของผลทุเรียน เนื่องจากศึกษาพบว่า ผิวของผลไม้รวมถึงทุเรียนมีปฏิกิริยาต่อ "ช่วงแสง" ที่แตกต่างกัน.
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
สัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Collaboration opportunities” ผ่าน LIVE ของ เพจ The Association of Thai Professionals in European Region – ATPER
สมาคมนักวิชาชีพไทยในภูมิภาคยุโรป ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Collaboration opportunities” ผ่าน LIVE ของ เพจ The Association of Thai Professionals in European Region - ATPER . วิทยากรโดย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นางสาววัฒนาพร สุขพรต ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดร.รวีภัทร์ ผุดผ่อง ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมืออุตสาหกรรมใหม่ สวทช. วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.00-19.00 น. ผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://atper.eu/atper2021/ รายละเอียดเพิ่มเติม https://atper.eu/acw2021/ กิจกรรมนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ #LivingWithCovid #ACW21 #ATPER2021
ปฏิทินกิจกรรม
 
🛑(Facebook Live) ชันโรง…ผึ้งจิ๋ว ฝ่าวิกฤกติโควิด
ชันโรง ผึ้งจิ๋ว ฝ่าวิกฤกติโควิด สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร สวทช. ชวนคุย เล่าประสบการณ์ทำเกษตรในช่วงโควิดกับ "คุณวสันต์ ภูผา" เจ้าของสวนส้มโอและผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงชันโรง ปรับตัวอย่างไรในช่วงวิกฤตโควิด ให้ธุรกิจเกษตรยังไปได้ (ดี) ถ่ายทอดสด คืนวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564 เวลา 19:30 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook: สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) และ YouTube Channel: AGRITEC Channel ลงทะเบียนรับชมทาง: https://bit.ly/2TczZmZ
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. ร่วมกับ วช. พร้อมพันธมิตรภาคการศึกษา เปิดรับสมัครโครงการ Young Scientist Competition 2022 ค้นหาสุดยอดโครงงานนักวิทย์รุ่นเยาว์ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยศูนย์ประสานงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศิลปากร ขอเชิญนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 – 6 หรือเทียบเท่า เข้าร่วมประกวดในโครงการ “การประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 24 (The Twenty-Fourth Young Scientist Competition:YSC 2022) เพื่อสรรหาสุดยอดนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์นานาชาติ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 กรกฏาคม 2564 ที่ https://www.nstda.or.th/sims/login/  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02 564 7000 ต่อ 77009 – 77010 facebookpage : YSC Thailand fanpage   ทั้งนี้ โครงการ YSC 2022 เปิดให้สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน 9 สาขา คือ วิทยาการคอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ พลังงาน และดาราศาสตร์ วัสดุศาสตร์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิศวกรรมศาสตร์ สหสาขา (เฉพาะชีววิทยาเชิงคำนวณและชีวสารสนเทศศาสตร์, วิทยาการข้อมูล, จุลชีววิทยา)   นักเรียนและอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ : https://www.nstda.or.th/sims/login/ -ลงทะเบียนผู้เข้าแข่งขันและอาจารย์ที่ปรึกษา ปรับปรุงข้อมูล หรือขอรับพาสเวิร์ดใหม่ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 -ส่งข้อเสนอโครงงานระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2564 ก่อน 17.00 น. -ประกาศผลรอบข้อเสนอโครงงาน วันที่ 8 ตุลาคม 2564 หมายเหตุ: โดยนักเรียนและอาจารย์ที่ปรึกษาทุกท่านที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องลงทะเบียนในระบบ SIMS และเลือกเข้าร่วมกิจกรรม YSC 2022 หากมีข้อมูลอยู่ในระบบอยู่แล้ว ให้ใช้อีเมล์เดิมที่ลงทะเบียนไว้ ในการ Login เข้าระบบเพื่อทำการปรับปรุงข้อมูล หรือขอรับพาสเวิร์ดใหม่ในระบบ SIMS ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 กรกฎาคม 2564   และเพื่อเป็นการเตรียมการรองรับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 - น้องๆ ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องกรอกแบบฟอร์มอนุญาติเก็บข้อมูล ขอความเห็นและให้ผู้ปกครองพิจารณาลงนาม (สามารถ Download แบบฟอร์มได้ที่หน้ารับสมัครของโครงการ) และแนบไฟล์กลับเข้ามาในระบบ - สำหรับอาจารย์ที่ปรึกษาที่ลงทะเบียนใหม่ และเก่า โปรดอ่านรายละเอียดนโยบายนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้งานเว็บแอปพลิเคชัน “ระบบจัดการข้อมูลและกิจกรรมด้าน ว. และ ท.” ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อทราบการเก็บข้อมูลและการอนุญาตให้โครงการใช้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันของท่าน - กรณีงานที่เกี่ยวข้องเป็นการทำงานเกี่ยวกับมนุษย์ (รวมถึงการทำแบบสอบถาม) ต้องมีแบบฟอร์มการทำวิจัยในมนุษย์ และ consent form เพิ่มเติม - กรณีการศึกษาในสัตว์ต้องมีแบบฟอร์มการทำวิจัยในสัตว์ เพิ่มเติม แบบฟอร์มต่างๆ Download ได้ที่หน้าระบบรับสมัครของโครงการ YSC   คุณสมบัติและเงื่อนไขในการส่งข้อเสนอโครงงาน เป็นโครงงานที่มีสมาชิกจำนวน 1-3 คน โดยนักเรียนแต่ละคนสามารถส่งโครงงานเข้าร่วมประกวดได้เพียง 1 โครงงานเท่านั้น นักเรียนที่ส่งโครงงานเข้าร่วมโครงการ YSC แล้ว จะไม่มีสิทธิ์ส่งผลงาน เข้าร่วมโครงการการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย (NSC) ในปีเดียวกัน นักเรียนที่ส่งโครงงานเข้าร่วมโครงการ YSC แล้ว และไม่ได้รับการคัดเลือกให้รับทุนสนับสนุนรอบแรก จะไม่มีสิทธิ์ขอเพิ่มชื่อเข้าร่วมโครงงาน YSC ที่ได้รับคัดเลือกให้รับทุนในปีเดียวกัน ระยะเวลาในการดำเนินโครงการประมาณ 3 เดือน นักเรียนผู้รับทุนสนับสนุนจาก สวทช. ต้องส่งผลงานตามเงื่อนไขและเวลาที่กำหนด หากเป็นโครงงานต่อเนื่องต้องระยะเวลาพัฒนาผลงานในส่วนที่ส่งเข้าแข่งขันต้องอยู่ระหว่าง ม.ค. 64 เป็นต้นมา ข้อเสนอโครงงานหรือผลงาน ต้องไม่ลอกเลียนแบบหรือนําเอาผลงานจากการศึกษาหรือการดําเนินการของผู้อื่นมาส่งเข้าประกวด หากนําความคิดของตนเองที่เคยส่งเข้าประกวดแล้วหรือผลงานผู้อื่นมาดําเนินการ (ให้ระบุลงในหัวข้อเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในรายงานวิจัยให้ชัดเจน) โดยในโครงการศึกษา/วิจัย ต้องระบุที่มาของโครงการต้นแบบ และจุดที่มีการปรับปรุงพัฒนาต่อยอดไปจากโครงการเดิมอย่างละเอียด ข้อเสนอโครงงานหรือผลงาน จะต้องไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ ในการประกวดทั้งในระดับประเทศหรือต่างประเทศมาก่อน ไม่ว่ามูลค่ารางวัลที่ได้รับมาจะมีมูลค่าเท่าใดก็ตาม หากเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลระหว่างการแข่งขันในรอบการแข่งขันของ YSC จะต้องรายงานให้โครงการ YSC ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยต้องชี้แจงให้ทราบถึงจุดที่มีการปรับปรุงพัฒนาต่อยอดแตกต่างจากผลงานที่เคยได้รับรางวัล โครงงานที่ได้รับทุนต้องจัดทำข้อตกลงการรับทุนให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2564 และต้องระบุข้อความได้รับทุนจาก สวทช และ วช. ในหน้าปกรายงานตามรูปแบบที่โครงการกำหนด หากพ้นกำหนดทางโครงการ YSC ขอสงวนสิทธิ์ขอคืนทุน หมายเหตุ: หากไม่เป็นไปตามคุณสมบัติของโครงงานหรือผลงานข้างต้น โครงการ YSC ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 24: YSC 2022 โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สิทธิประโยชน์ 1.ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงงานวิทยาศาสตร์ 2.รางวัลที่ได้รับ -รางวัลชนะเลิศ (Top Award)  ถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดในงาน Regeneron ISEF 2022 -รางวัลที่ 1 (First Award) แต่ละสาขาได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท และโอกาสในการได้รับคัดเลือกเข้าร่วมการประกวดในงาน Regeneron ISEF 2022 และการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม นานาชาติอื่นๆ -รางวัลชมเชย และรางวัลพิเศษ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่ผู้สนับสนุนกำหนด   ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB: YSC Thailand Fanpage IG: YSCThailannd  Youtube: YSCThailand
ปฏิทินกิจกรรม
 
คณะจิตอาสาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา มอบอาหารและน้ำดื่ม ให้ รพ.สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ
วันนี้ (2 ก.ค. 64) ณ โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี : คณะจิตอาสาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา สมาคมศิษย์เก่าจิตรลดาในพระราชูปถัมภ์ฯ และสถานประกอบการในเครือข่ายสถาบันฯ ได้เดินทางมามอบอาหารพระราชทานและน้ำดื่ม จำนวน 200 ชุด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลสนามฯ ในการปฏิบัติหน้าที่และทำการรักษาผู้พิการที่ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายกสภาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาในการทำความดี โดยมี พ.ญ.บุษกร โลหารชุน รองผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ พร้อมด้วย นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ผู้แทนจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ร่วมต้อนรับคณะจิตอาสาฯ และรับมอบสิ่งของในครั้งนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. มอบสิทธิผลงาน PETE เปลความดันลบให้เอกชนเร่งผลิตสู้ภัยโควิด-19
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช.ลงนามร่วมกับ บริษัท สุพรีร่า อินโนเวชั่น จำกัด ในการอนุญาตให้ใช้สิทธิผลงาน "PETE เปลปกป้อง" เปลความดันลบสำหรับใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 พร้อมส่งมอบให้กับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์นำไปใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19
คลิปสั้นทันเหตุการณ์