หน้าแรก ทุเรียนห่อถุง Magik Growth ลดสารเคมี สู่ต้นแบบ ‘ทุเรียนพรีเมี่ยม’ เพื่อการส่งออก
ทุเรียนห่อถุง Magik Growth ลดสารเคมี สู่ต้นแบบ ‘ทุเรียนพรีเมี่ยม’ เพื่อการส่งออก
2 พ.ค. 2565
0
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

ในเดือนพฤษภาคมภาคตะวันออกของไทยจะคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยเป็นช่วงที่ฤดูกาลผลไม้ไทยกำลังถูกเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเฉพาะทุเรียนจะออกสู่ตลาดมากกว่า 3.6 แสนตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของทุเรียนทั้งหมด แม้ว่าทุเรียนส่งออกปีนี้ยังคุมเข้มในมาตรการ Zero COVID ของจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยทว่าเพื่อรักษามาตรฐานของทุเรียนส่งออก สมาคมทุเรียนไทยฝากเตือนไปยังเกษตรกรให้ตรวจทุเรียนก่อนส่งโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ตามมาตรฐานทั้ง GAP และ GMP+ เพื่อการส่งออกอย่างเคร่งครัด

มาตรฐานทุเรียนไทยยังเป็นที่ยอมรับของการส่งออก หากเกษตรกรดูแลเอาใจใส่ทุเรียนอย่างดีตั้งแต่ต้นทาง โดยเฉพาะลดการใช้สารเคมี เพราะนอกจากจะช่วยรักษามาตรฐานไว้ได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มช่องทางการขายที่มีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้ไม่ยาก

จุดเริ่มต้น ‘ทุเรียนห่อ’ ลดการใช้สารเคมี

ดังตัวอย่างของ คุณนวลนภา เจริญรวย หรือ ‘คุณจุ๋ม’ ชาวสวนทุเรียนมือใหม่ ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง จากที่เริ่มปลูกทุเรียนเมื่อปี 2554 ด้วยความตั้งใจและมีประสบการณ์จนถึงปัจจุบันกว่า 10 ปี เขาได้เรียนรู้ว่า ทุเรียนเป็นพืชที่ต้องอาศัยความใส่ใจดูแลทุกขั้นตอน โดยเฉพาะระยะพัฒนาผลซึ่งต้องใช้ปัจจัยการผลิต ทั้งสารเคมีและยาฆ่าแมลงฉีดพ่นป้องกันไม่ให้ถูกหนอนเจาะผลทุเรียน หนอนรัง เพลี้ยแป้ง และราดำเข้าทำลาย ซึ่งจะทำให้ผลทุเรียนเล็กแคระแกร็นไม่เจริญเติบโตและไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

ความตั้งใจลดการใช้สารเคมีของ คุณจุ๋ม มาปิ๊งไอเดีย การใช้ถุงตาข่ายทางการเกษตร (ถุงสีฟ้าตาถี่) เพื่อเป็นแนวทางลดการฉีดพ่นยาฆ่าแมลง จากที่เขาเห็นคุณแม่ใช้ห่อผลขนุนที่ต้น จึงลองนำมาใช้ห่อผลทุเรียนระยะพัฒนาผล (อายุผล 65-70 วัน มีขนาดเท่าขวดน้ำอัดลม 1.5 ลิตร) ซึ่งถือเป็นระยะสำคัญที่ผลทุเรียนมีการสะสมแป้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อผลสุก (อายุ 110-120 วัน)

แต่การใช้ถุงตาข่ายทางการเกษตร ช่วยบรรเทาแค่การเข้าทำหลายของหนอนเจาะผลทุเรียนเท่านั้น เพราะไม่สามารถป้องกันเพลี้ยแป้ง กับราดำได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิวทุเรียนไม่สวยและส่งผลให้ราคาทุเรียนตก

จนกระทั่งทีมนักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และอาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้นำถุงห่อทุเรียน Magik Growth มาให้ทดลองใช้แทนถุงตาข่ายทางการเกษตรตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา

ผลลัพธ์คือคุณสมบัติของถุงห่อทุเรียน Magik Growth นอกจากช่วยป้องกันหนอนเจาะผลทุเรียน และเพลี้ยแป้ง ราดำ ตอบโจทย์การลดสารเคมีได้ดีมีประสิทธิภาพแล้ว เมื่อฤดูการผลิตปี 2564 ได้ผลทดสอบการใช้นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth จากห้องปฏิบัติการพบว่าคุณภาพของผลทุเรียนดีขึ้น ทั้งผิวผลทุเรียนสวย ผลได้น้ำหนักดีและมีปริมาณเนื้อทุเรียนเพิ่มขึ้นด้วย โดยฤดูกาลผลิตปีนี้ห่อทุเรียนทั้งสวนรวม 11 ไร่ พร้อมส่งออกสู่เชิงพาณิชย์แล้ว

ถุงห่อ Magik Growth ตอบโจทย์ทุเรียนพรีเมี่ยม

และเป็นที่น่ายินดีว่าฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนจากสวนนวลนภา ปี 2565 จะเป็นปีแรกที่ ‘คุณจุ๋ม’ ขายทุเรียน ซึ่งเป็นผลผลิตจากถุงห่อทุเรียน Magik Growth โดยจะทดลองส่งไปที่ประเทศจีนซึ่งมีการติดต่อขอจองซื้อแล้ว

แล้วถุงห่อทุเรียน Magik Growth คืออะไร ทำมาจากอะไร แล้วทำไมจึงทำให้ผลทุเรียนมีคุณภาพขึ้น ?

เรื่องนี้ ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ นักวิจัยทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง เอ็มเทค สวทช. บอกว่า ทีมวิจัยนำองค์ความรู้เรื่องวัสดุศาสตร์โดยพัฒนาสูตรผสมเม็ดพลาสติก (polymer compound) ร่วมกับเทคโนโลยีการขึ้นรูปนอนวูฟเวน เพื่อให้วัสดุนอนวูฟเวนมีสมบัติให้น้ำและอากาศผ่านเข้าออกได้โดยง่าย รวมถึงมีสมบัติการคัดเลือกช่วงแสงที่เหมาะสมกับเซลล์รับแสงที่ผิวผลไม้ โดยได้ผลิตเป็นนวัตกรรมวิจัยต้นแบบชื่อทางการค้าว่า Magik Growth หรือ นวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน ช่วยให้ทุเรียนที่ถูกห่อด้วยถุงห่อ Magik Growth สามารถสร้างสารสำคัญในผลไม้ทั้งแป้ง น้ำตาล สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ

โดยได้ทดลองทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและระดับภาคสนามร่วมกับ ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. ในพื้นที่สวนทุเรียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน และมีการจัดเก็บข้อมูลผลวิจัยอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้การห่อทุเรียนด้วยถุงห่อทุเรียน Magik Growth มีข้อดีเรื่องน้ำหนักผลทุเรียนเพิ่มขึ้น โดยผลการทดสอบเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา น้ำหนักทุเรียนเพิ่มขึ้น 17.7 % จากจำนวนสวนทุเรียน 6 สวนในจังหวัดระยอง และน้ำหนักเพิ่มขึ้น 14.4% จากจำนวนสวนทุเรียน 4 สวนในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส

ผศ. ดร.ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. กล่าวเสริมว่า ข้อมูลจากการทดสอบปี 2564 ทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีความหนาของเปลือกบางลง 30% ทำให้ได้น้ำหนักรวมผลทุเรียน เพิ่มขึ้น 10% มีความแน่นเนื้อมากขึ้น สีเนื้อเหลืองขึ้น อย่างไรก็ดีการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ไม่มีผลต่อการแก่ของผลทุเรียนบนต้น โดยผลที่ห่อมีการสะสมน้ำหนักแห้งเพิ่มขึ้น และเมื่อนำมาเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องพบว่า ผลทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีการสุกช้ากว่าผลที่ไม่ได้ห่อประมาณ 2 วัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งออกที่ต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่ง

อรทัย เอื้อตระกูล อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนำเข้าและส่งออกสินค้าพืชและปัจจัยการผลิต กล่าวว่า การห่อผลทุเรียน ถือเป็นการตอบโจทย์เรื่องการส่งออก โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัยพืชซึ่งต่างประเทศให้การยอมรับระดับหนึ่ง โดยการใช้ถุงห่อทุเรียนช่วยลดการใช้สารเคมีได้อย่างชัดเจน ดังนั้นควรส่งเสริมให้ทำต่อเนื่องเพื่อรักษามาตรฐานการส่งออก อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศจีนและญี่ปุ่นติดต่อขอซื้อทุเรียนที่ใช้ถุงห่อทุเรียน Magik Growth จากสวนของคุณนวลนภาแล้ว เนื่องจากเชื่อมั่นในมาตรฐานและการลดสารเคมีในกระบวนการผลิต

ถุงห่อใช้ซ้ำได้ ลดต้นทุน ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

การลดสารเคมีเป็นแนวทางที่ดีกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะกับสิ่งแวดล้อม แม้เกษตรกรชาวสวนอาจจะเหนื่อยกายกับการทะนุถนอมทุเรียน แต่ผลลัพธ์คือผลผลิตทุเรียนคุณภาพจากการต่อยอดใช้งานวิจัยของคนไทย โดยเกษตรกรไทย

กุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. มุ่งพัฒนางานวิจัยและเทคโนโลยีต่างๆ นำมาขยายผลพื้นที่สาธิตเทคโนโลยีเพื่อการทดสอบประสิทธิภาพและเพิ่มมูลค่าทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่มีการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เช่น นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth ซึ่งสวทช.ได้ร่วมมือกับคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. ทำการทดสอบภาคสนามหลายฤดูกาลผลิตจนเป็นที่มั่นใจแก่เกษตรกร เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและประชาชนมีรายได้มากขึ้น สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่รัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ถุงห่อทุเรียน Magik Growth ยังสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ถึง 2 ฤดูกาลผลิต เป็นการช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดใช้สารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืช ตอบโจทย์ ‘ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน’ ที่สามารถนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด รวมทั้งตอบโจทย์ ‘ระบบเศรษฐกิจสีเขียว’ ที่มีการมุ่งเน้นแก้ปัญหามลพิษเพื่อลดผลกระทบต่อโลก ทั้งนี้นวัตกรรมถุงห่อ Magik Growth เมื่อปี 2564 ทีมวิจัย เอ็มเทค สวทช. มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศแล้ว เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี Magik Growth กล่าวว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วทางบริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ฯ ได้เลือกนวัตกรรมของเอ็มเทค โดยถุงห่อทุเรียน Magik Growth ซึ่งมีการทดลองร่วมกับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในเครือข่ายของ เอ็มเทค สวทช. มานานเกือบ 4 ปี ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งเรื่องคุณภาพของถุงที่ใช้ได้นานใช้ซ้ำได้ถึง 2 ปี และประสิทธิภาพของถุงห่อยังช่วยให้ทุเรียนมีคุณภาพมากขึ้น ปัจจุบันได้มีการผลิตถุงห่อทุเรียน Magik Growth สำหรับจำหน่ายแก่ชาวสวนทุเรียนแล้ว ผู้สนใจสามารถหาซื้อถุงห่อทุเรียน Magik Growth จากบริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ฯ โดยในเร็วๆ นี้กำลังพัฒนาช่องทางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรด เช่น โฮมโปร เป็นต้น

“เดิมทีบริษัทจะรับนวัตกรรมมาจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งถุง Magik Growth ถือเป็นนวัตกรรมไทยผลงานแรกที่บริษัทซื้อสิทธิ์มาผลิตเพื่อจำหน่าย เพราะบริษัทเชื่ออย่างหนึ่งว่าสินค้านวัตกรรม ต้องมีพาร์ทเนอร์ที่เห็นตรงกัน ซึ่งทางเอ็มเทค สวทช. สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้” พีรพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย

นับเป็นการพัฒนาภาคการเกษตรตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG แก้ปัญหามลพิษในการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อโลก โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เป็นกลไกลสำคัญที่จะเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจเดิมจาก ‘ทำมากแต่ได้น้อย’ ไปสู่ ‘ทำน้อยแต่ได้มาก’ สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

2 พ.ค. 2565
0
แชร์หน้านี้: