หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
อว. โดยนาโนเทค สวทช. ส่งมอบเครื่องกรองน้ำนาโน 10 เครื่องให้ กปภ. สนับสนุนภารกิจบริการน้ำดื่มในพื้นที่อุทกภัยหาดใหญ่
 วันที่ 16 ธ.ค.68 ณ การประปาส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ส่งมอบเครื่องกรองน้ำดื่มด้วยนาโนเทคโนโลยีพร้อมระบบติดตามคุณภาพน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน กำลังการผลิต 250 ลิตรต่อชั่วโมง จำนวน 10 เครื่อง ให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ชูจุดเด่นด้านระบบกรองที่ออกแบบตามองค์ประกอบของน้ำดิบ ใช้งานและบำรุงรักษาง่าย สามารถติดตั้งในพื้นที่เกิดเหตุการณ์ได้ทันที รวมถึงเคลื่อนย้ายได้ สนับสนุนภารกิจให้บริการน้ำดื่มแก่ผู้ประสบอุทกภัยหาดใหญ่ ขับเคลื่อน วทน. สู่การใช้ประโยชน์จริง ร่วมช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา บรรเทาผลกระทบในช่วงวิกฤต ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่า สวทช. เป็นขุมพลังหลักของประเทศในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของรัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ และปัญหาที่สำคัญของประเทศ โดยกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานภายใต้แนวคิด "S&T Implementation for Sustainable Thailand" หรือ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยยั่งยืน มุ่งเน้นเป้าหมายหลักใน 4 มิติ ได้แก่ การสร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มการพึ่งพาตนเอง การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “ปัญหาและผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นวงกว้างในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ของภาคใต้ที่ผ่านมา ประชาชนได้รับผลกระทบจากการเข้าถึงน้ำสะอาดและขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภค การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เล็งเห็นความสำคัญถึงปัญหาดังกล่าวและพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำสะอาดอย่างทันท่วงที โดยนำโจทย์มาที่นาโนเทค และขับเคลื่อนการใช้ วทน. สู่การใช้งานจริงด้วยการนำนวัตกรรมกรองน้ำดื่มด้วยนาโนเทคโนโลยี พร้อมระบบติดตามคุณภาพเพื่อสนับสนุนการให้บริการน้ำดื่มแก่ผู้ประสบอุทกภัยหาดใหญ่และผู้ประสบภัยพิบัติอื่น ๆ” ดร. วิยงค์กล่าว นวัตกรรมกรองน้ำดื่มด้วยนาโนเทคโนโลยี พร้อมระบบติดตามคุณภาพ กำลังการผลิต 250 ลิตรต่อชั่วโมง จำนวน  10 เครื่อง ที่ถูกส่งมอบให้กับ กปภ. นั้น สามารถกรองกลิ่น สี รส ความขุ่น สารแขวนลอย สารอินทรีย์ โลหะ เช่น สารหนู ฟลูออไรด์ และเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมาในน้ำ ที่สำคัญ ตัวเครื่องถูกออกแบบให้ ใช้งานและบำรุงรักษาได้ง่าย สามารถติดตั้งในพื้นที่เกิดเหตุการณ์ได้ทันที และยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ เหมาะกับการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของนักวิจัยนาโนเทค สวทช. ที่สามารถสนับสนุนภารกิจการจัดการคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภคสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสร้างความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนในทุกพื้นที่ ทุกสถานการณ์ นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า กปภ.มีพันธกิจหลักในการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อบริการประชาชนให้ได้มีน้ำสะอาดใช้ในการอุปโภคบริโภค แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือภัยพิบัติต่างๆ กปภ.มิอาจส่งน้ำ จ่ายน้ำให้กับประชาชนได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ส่งผลกระทบให้ประชาชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำสะอาด เราจึงได้ดำเนินการเร่งด่วนเพื่อจัดหาระบบกรองน้ำดื่ม สำหรับสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำสะอาดใช้ได้อย่างทันท่วงที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด อีกทั้งเป็นการเสริมความพร้อมด้านศักยภาพของ กปภ. ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติต่างๆได้ในอนาคต “กปภ. จะใช้พื้นที่อำเภอหาดใหญ่ในการใช้งานเพื่อรองรับการผลิตน้ำดื่มฉุกเฉินในช่วงอุทกภัยหรือสาธารณภัยรูปแบบต่างๆ โดยจะนำข้อมูลการใช้งานจริงจากพื้นที่มาใช้ในการปรับปรุง พัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพระบบกรองน้ำร่วมกับ สวทช. ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจในสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างแท้จริง” นายจักรพงศ์ย้ำ อว. โดย นาโนเทค สวทช. ที่ผ่านมานั้น สามารถเพิ่มการเข้าถึงน้ำสะอาดแก่ประชาชนมากกว่า 2,700 ครัวเรือน และ ในปี 2568 มากกว่า 24,000 ครัวเรือน และในอนาคตจะต่อยอดไปยังพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ สอดคล้องกับทิศทางการวิจัยของนาโนเทคหรือที่เรียกว่า strategic focus หรือเรือธงด้านน้ำและสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์และปัญหาที่สำคัญของประเทศ ซึ่งนวัตกรรมกรองน้ำดื่มด้วยนาโนเทคโนโลยี พร้อมระบบติดตามคุณภาพ เป็นหนึ่งในความสำเร็จภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 2569 และได้รับทุนอุดหนุนกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม (แผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปีงบประมาณ 2568  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. ร่วมลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ติดตามการดำเนินงานกระทรวง อว. พร้อมนำเสนอผลงาน ต้นแบบการเลี้ยงไข่ผำ ด้วยเทคโนโลยี IoT  พร้อมองค์ความรู้ผลิตพืชอัจฉริยะ
 (15 ธันวาคม 2568) ณ จังหวัดนครราชสีมา : ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ น.ส.วราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัด อว. นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี รักษาการรองปลัด อว. คณะผู้บริหาร หน่วยงานในสังกัด พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของกระทรวง อว. ณ อำเภอห้วยแถลง และอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา  ได้แก่ การเยี่ยมชมการขับเคลื่อนงานด้าน อววน. ยกระดับคุณภาพชีวิต  ผ่านนิทรรศการนวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์  การยกระดับเกษตรอัจฉริยะ  และหน่วยให้บริการประชาชนด้านการตรวจสุขภาพ  โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานในพื้นที่ให้การต้อนรับ โอกาสนี้ สวทช. ได้นำต้นแบบการเลี้ยงไข่ผำ ด้วยเทคโนโลยี IoT มาร่วมจัดแสดง เพื่อให้เกษตรและชาวบ้านได้สัมผัสต้นแบบการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ” พืชน้ำโปรตีนสูง สู่การผลิต “ไข่ผำพรีเมียม” ด้วยเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ ระบบการจัดการฟาร์มแบบครบวงจร เพื่อขยายผลสู่ชุมชนพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีปริมาณโปรตีนและคุณค่าทางอาหารสูงอย่างไรก็ตามการผลิตไข่ผำแบบดั้งเดิมยังประสบปัญหาความไม่สม่ำเสมอของผลผลิต การปนเปื้อน และขาดมาตรฐาน ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตและอาหารเฉพาะบุคคล Functional Food โดยความร่วมมืองานวิจัยเพื่อขยายผลสู่ชุมชนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานการผลิตไข่ผำที่แตกต่างจากไข่ผำทั่วไปในท้องตลาด นำไปสู่การแบ่งเกรดและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
กระทรวง อว. มอบ “7 กล่องของขวัญปีใหม่ อว. เพื่อประชาชน 2569” มอบทุนกว่า 1 หมื่นทุนการศึกษา
กระทรวง อว. มอบ “7 กล่องของขวัญปีใหม่ อว. เพื่อประชาชน 2569” มอบทุนกว่า 1 หมื่นทุนการศึกษา - ตั้ง “ศูนย์บริการช่วยผู้ประสบอุทกภัย” กว่า 55 จังหวัด ใน 2,522 ตำบล/เทศบาล - NIA, สทน., วศ., ปส., สวทช. ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดค่าบริการและให้บริการฟรี - วช.มอบเตาเผาไบโอชาร์ ลดฝุ่น PM 2.5 ให้ 20 ชุมชนภาคเหนือ - บพข.ติดตั้งโซลาร์เซลล์ 5 กิโลวัตต์ ให้ 50 ชุมชนฟรี - บพท. ร่วมกับ 24 มหาวิทยาลัย ส่งต่อ 100 เทคโนโลยี 85 โครงการต้นแบบสู่ 45 ชุมชน 34 จังหวัด [caption id="attachment_78261" align="aligncenter" width="1440"] นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.[/caption] เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าว “ของขวัญปีใหม่ อว. เพื่อประชาชน 2569” โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. น.ส.วราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง อว. พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา น.ส.พิมพ์พร ชีวานันท์ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้บริหารหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วม ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวง อว. นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ อว. เพื่อประชาชน ปี 2569 ที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชนและเยาวชน แบ่งออกเป็น 7 กล่อง ดังนี้ กล่องที่ 1: “ทุนการศึกษาเท่าเทียม ลดเหลื่อมล้ำ พร้อมสร้างคนรองรับอนาคตกว่า 1 หมื่นทุน” กระทรวง อว. จะมอบทุนการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและความเสมอภาคทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำให้กับเด็กและเยาวชนพร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองกว่า 10,000 ทุน อาทิ 1. ทุนลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาส (7,900 ทุน) กลุ่มทุนนี้มุ่งเน้นการกระจายโอกาสสู่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเปราะบาง ทุนเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล 3,173 ทุน ทุนปริญญาตรีในประเทศ (5 จชต.) 2,324 ทุน ทุนคนพิการ 2,000 ทุน ทุนสานฝันการกีฬา (จชต.) 355 ทุน ทุนเรียนดีแต่ยากจน 80 ทุน 2. ทุนเด็กเรียนดีและกำลังคนเฉพาะทาง (2,800 ทุน) มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรและนักวิจัยเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทุนรัฐบาลด้าน ว. และ ท. 1,026 ทุน ทุนโคเซ็น (KOSEN) 987 ทุน ทุนสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) 523 ทุน ทุนมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 261 ทุน ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์ 7 ทุน 3. ทุนสาขาเร่งด่วนแห่งอนาคต สนับสนุนการพัฒนาทักษะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่: Semiconductor & Advanced Electronics AI & EV Soft Power (อาหาร, ท่องเที่ยว, กีฬา)   กล่องที่ 2: “อว.แคร์ รวมพลังฟื้นฟูชุมชน” จะมีการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเพื่อชุมชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย” กว่า 55 จังหวัด ใน 2,522 ตำบล/เทศบาล โดยให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่จัดอบรม Upskill - Reskill ให้กับประชาชน, บริการ Fix It ที่จะให้บริการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซ่อมยานพาหนะ ซ่อมเครื่องจักรการเกษตร ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้า, บริการพิเศษชุมชน ทั้งการฟื้นฟูสุขภาพจิต และฟื้นฟูสุขภาพกาย คาดว่าจะมีประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์รวมกว่า 26,190 คน กล่องที่ 3: “Upskill - Reskill เปลี่ยนความรู้เป็นอาชีพ เปลี่ยนทักษะเป็นอนาคต” จัดให้มีบริการวิชาการ/ฝึกอบรมหลักสูตร Upskill - Reskill ให้ประชาชนในพื้นที่ให้บริการของวิทยาลัยชุมชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จัด Upskill - Reskill ให้กับผู้ว่างงาน บุคคลวัยทำงานนิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป โดยเน้นหลักสูตร Future Skill หรือทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 กว่า 50 หลักสูตร สอวช. ร่วมกับ BOI จัดทำหลักสูตรพัฒนาทักษะ STEM เพื่อตอบโจทย์ตลาดแรงงานยุคใหม่ และรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายประเทศ ปส.: จัดอบรมการป้องกันภัยด้านนิวเคลียร์และรังสี วศ.: จัดอมรมเทคนิคการใช้และดูแลอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ มว.: จัดอบรมการจัดการเครื่องมือวัดในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย   กล่องที่ 4: “ให้บริการทางวิทยาศาสตร์ทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดค่าบริการและให้บริการฟรี เพื่อผู้ประกอบการ” NIA: จัดโครงการ AI คนละครึ่ง ช่วยสนับสนุนค่าใช้บริการ AI 50% ที่พัฒนาโดยคนไทยให้กับบริษัทเจ้าของนวัตกรรมในเวลาไม่เกิน 1 ปี สทน.:จัดโปรของขวัญปีใหม่: คลีนสมุนไพร ลดค่าบริการการใช้เทคโนโลยีการฉายรังสีคุณภาพสูงตั้งแต่ 50% - 70% วศ.: ยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นขอรับการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการ 1,000 บาท ปส.: เปิดให้บริการสอบเทียบเครื่องวัดรังสีแบบพกพาสำหรับภาคอุตสาหกรรมและประชาชน ฟรี! สวทช.: เปิดบริการประเมินระดับความพร้อมของโรงงานอุตสาหกรรมแบบออนไลน์ เพื่อยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมสู่ 4.0 ได้ฟรีทันที ที่ https://www.nstda.or.th/i4platform/ กล่องที่ 5: “เปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศฟรี” NSM: เปิดเข้าชมฟรี Futurium ศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต และส่วนลด 50% ค่าเข้าร่วมกิจกรรมใน Innovation World และ Job World วันที่ 31 ธ.ค. 68 - 4 ม.ค. 69 NARIT: เปิดเข้าชมนิทรรศการดาราศาสตร์ฟรี ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ขอนแก่น และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา วันที่ 31 ธ.ค. 68 - 4 ม.ค. 69 ม.ขอนแก่น: เข้าชมฟรี พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และร่วมกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ วันที่ 3 - 4 ม.ค. 69 GISTDA: แจกโปสการ์ดข้อมูลดาวเทียม THEOS - 2 ในรูปแบบออนไลน์ และแจกหนังสือ THEOS - 2 Earth Gallery ในรูปแบบดิจิทัลไฟล์   กล่องที่ 6: “วิจัย & พัฒนาเพื่อชุมชน” วช.: มอบเตาเผาไบโอชาร์ ลดฝุ่น PM 2.5 ให้ 20 ชุมชนภาคเหนือ บพข.: ร่วมกับภาคีเครือข่าย “ติดตั้งโซลาร์เซลล์ 5 กิโลวัตต์ ให้ 50 ชุมชนฟรี พร้อมแถมแต้มบัตร The 1 (เดอะวัน) บพท.: ร่วมกับ 24 มหาวิทยาลัย ส่งต่อ 100 เทคโนโลยี 85 โครงการต้นแบบสู่ 45 ชุมชน 34 จังหวัด แจกฟรีและมอบส่วนลดแก่ผู้ประกอบการ เกษตรกรและประชาชน อาทิ ส่วนลด 40% เทคโนโลยีเตาเผาถ่านประสิทธิภาพสูง แจกฟรี เทคโนโลยีการแปรรูปสะตอสดแกะเมล็ด 20 กิโลกรัม หรือชุดเพาะเห็ด 2,000 ก้อน รวมถึงสอนสร้างโรงเรือนเพาะเลี้ยงเห็ดสำเร็จรูป 150 ครัวเรือน   กล่องที่ 7: “เปิดจุดบริการประชาชน พักกาย สบายใจ รับปีใหม่ 69” ม.พิษณุโลก: เปิดจุดบริการประชาชน บริเวณถนนสายพิษณุโลก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก/บริเวณหน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการพิษณุโลก มรภ.กาญจนบุรี: เปิดจุดบริการประชาชน เส้นทางท่องเที่ยวกาญจนบุรี - ลาดหญ้า - ศรีสวัสดิ์, วว.: เปิดจุดบริการประชาชนที่สถานีวิจัยลำตะคอง ถ.มิตรภาพ (หลักกิโลเมตรที่ 76) ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มรภ.จันทรเกษม: เปิดบริการฝังเข็มเสริมสุขภาวะ สร้างสมดุลรับปีใหม่ให้ประชาชนฟรี ที่สถานพยาบาลการแพทย์แผนจีน มรภ.จันทรเกษม: และเปิดบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตสำหรับนักศึกษาและประชาชน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาทั้งออนไลน์และออนไซต์ “นี่คือของขวัญปีใหม่ ที่กระทรวง อว.ตั้งใจมอบให้พี่น้องประชาชนและเยาวชนนิสิตนักศึกษา แม้จะไม่ได้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่โตหรือมีมูลค่ามากมาย แต่ของขวัญทุกชิ้นล้วนมาจากความตั้งใจเพื่อสร้างโอกาส สร้างอนาคตและช่วยกันฟื้นฟูบ้านเมืองของเราให้น่าอยู่....สวัสดีปีใหม่ครับ” นายสุรศักดิ์ กล่าว ในช่วงหลังการแถลงข่าว คณะผู้บริหารของกระทรวง อว. ข้าราชการและสื่อมวลชน ได้ร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน โดยหน่วยงานภายใต้สังกัด ได้นำผลงานวิจัยและพัฒนาที่สามารถสร้างประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมาปรุงอาหาร อาทิ ข้าวหอมสยาม 2 ผลงานของ ไบโอเทค สวทช. และ ไข่ไก่โอเมก้า - 3 สูง ผลงานของนาโนเทค สวทช. จัดปรุงเป็นข้าวหอมสยามราดไข่เจียวโอเมก้าสูง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. โชว์นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะและอาหารมูลค่าสูง ในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 25 จ.ร้อยเอ็ด
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมจัดแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมในงาน "เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก จังหวัดร้อยเอ็ด ครั้งที่ 25" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–14 ธันวาคม 2568 ณ อ่างเก็บน้ำธวัชชัย ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยงานดังกล่าวได้รับเกียรติจากนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจังหวัด ร่วมเปิดงานเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของ ข้าวหอมมะลิ 105 ทุ่งกุลาร้องไห้ และส่งเสริมศักยภาพเกษตรกรไทยสู่ตลาดสากล [caption id="attachment_78243" align="aligncenter" width="2560"] นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงษ์[/caption] ภายในงาน สวทช. ได้นำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยเน้นการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ดังนี้ นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) โดย เนคเทค ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นำเสนอเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการแปลงนาอย่างแม่นยำ ได้แก่: ระบบ HandySense B-Farm: ระบบ เกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะที่ติดตั้งและใช้งานง่าย ช่วยให้เกษตรกรควบคุมสภาพแวดล้อมในแปลงปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง: การบริหารจัดการน้ำในนาข้าวที่ช่วยลดการใช้น้ำและลดการปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ สนับสนุนแนวทางการลดภาวะโลกร้อนและตอบโจทย์ตลาดสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Line Bot ผู้ช่วยชาวนา: เครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยวินิจฉัยโรคข้าวเบื้องต้น เพียงเกษตรกรถ่ายภาพส่งเข้าระบบ จะได้รับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที RiceFit: ระบบประเมินความเสี่ยงการปลูกข้าว ที่ช่วยวิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นที่และฤดูกาล เพื่อลดความเสี่ยงด้านผลผลิต นวัตกรรมอาหารและแปรรูป (Food Innovation) โดย ไบโอเทค ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จัดแสดงนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร อาทิ: ผงหมักเนื้อนุ่มนัว: นวัตกรรมการแปรรูปข้าวเหนียวอินทรีย์ด้วยกระบวนการหมักเชื้อราชั้นสูง (Koji) ได้เป็นผงหมักธรรมชาติที่ปราศจากผงชูรส ช่วยปรับเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ให้นุ่มและรสชาติกลมกล่อม โดยมีการสาธิตเมนู "ข้าวเจ้าไรซ์เบอร์รี่ 2 ทานคู่กับเนื้อทอดนุ่ม" ให้ผู้ร่วมงานได้ทดสอบคุณภาพ นอกจากนี้ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ยังร่วมออกบูธเพื่อให้คำปรึกษาด้านการจัดการเทคโนโลยีแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
หลักสูตร นกส. รุ่นที่ 2 เยี่ยมชม สวทช. มุ่งเสริมสร้าง ‘สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้’ รับมือยุคดิจิทัล
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2568 คณะผู้เข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตรนักบริหารนวัตกรรมการศึกษาขั้นสูง (นกส.) รุ่นที่ 2 วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ นำโดย ดร.ธวัชชัย อุ่ยพานิช อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ อาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัย เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ณ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) [caption id="attachment_78212" align="aligncenter" width="2048"] ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช[/caption] ในโอกาสนี้ ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการ สวทช. ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้เข้าอบรมฯ พร้อมชื่นชมวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับองค์ความรู้ด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับสากล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาดูงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างแรงบันดาลใจ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดสู่การพัฒนา นวัตกรรมทางการศึกษา อย่างเป็นรูปธรรม กิจกรรมบรรยายพิเศษด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี สำหรับการเข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ สวทช. ได้จัดกิจกรรมการบรรยายพิเศษที่สำคัญ เพื่อเสริมสร้างความรู้ยุคดิจิทัล ประกอบด้วย: 1. ห้องสมุดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสากล บรรยายโดย อาจารย์บุญเลิศ อรุณพิบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS) และคณะทำงาน เพื่อนำเสนอแหล่งเรียนรู้และคลังข้อมูลวิจัยที่สำคัญ 2. AI ในชีวิตประจำวันและการเรียนรู้ บรรยายโดย คุณชัชวาลย์ สังคีตตระการ วิศวกรวิจัยอาวุโส จากกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRG) ทีมวิจัยยุทธศาสตร์ทรานฟอร์เมชั่นด้วยปัญญาประดิษฐ์ (ATS) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เพื่อสร้างความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ AI ในภาคการศึกษา
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
อว. ร่วมรับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิดงานกาชาด ประจำปี 2568
(11 ธันวาคม 2568) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาด ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด "ร้อยดวงใจ ปวงประชาน้อมสำนึกพระเมตตา องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย" ณ พลับพลาพิธี หน้าห้องสมุดประชาชน สวนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย คณะผู้บริหารในกระทรวง อว. เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ บูธกาชาด อว. สวนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการ สวทช. ร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ และทูลเกล้าฯ ถวายชุดเรเชล (Rachel) บอดีสูทพยุงกล้ามเนื้อสำหรับวัยผู้ใหญ่ที่ต้องการเสริมความมั่นคงในการเคลื่อนไหว นวัตกรรม “เรเชล”เป็นเทคโนโลยีเอ็กโซสูท (Exosuit) ที่วิจัยพัฒนา โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. เพื่อตอบโจทย์การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ของประเทศไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนวิจัยจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ตั้งแต่ปี 2565 เป้าหมายหลักคือการยืดช่วง Active Aging หรือช่วงเวลาที่ผู้สูงวัยยังมีความสุขกับการใช้ชีวิตด้วยตนเอง ซึ่งช่วยสนับสนุนการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตโดยอาศัยการดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเองนานที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ภาวะพึ่งพิง ปัจจุบันได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่เชิงพาณิชย์ให้กับบริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) แล้ว กระทรวง อว. ขอเชิญเที่ยวงานกาชาดประจำปี 2568 "ร้อยดวงใจ ปวงประชาน้อมสำนึกพระเมตตา องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย" พบกับนิทรรศการและกิจกรรมมากมายภายในบูธกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การจำหน่ายสินค้าคุณภาพมาตรฐานจากงานวิจัยและนวัตกรรม กิจกรรมจำหน่ายสลากบำรุงสภากาชาดไทย ลุ้นรางวัลทองคำ กิจกรรมสอยดาวและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม พบกันที่บูธหมายเลข 3.22 (เข้าทางประตู 3 ติดถนนพระรามที่ 4) ระหว่างวันที่ 11 - 21 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 - 22.00 น. ณ สวนลุมพินี หรือร่วมงานรูปแบบ Online ที่ www.iredcross.org
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช.–กพร. เชิญชวนร่วมงานสัมมนา “Transform mining, Define the future: เหมืองยุคใหม่ด้วย Mining 4.0 Index” ครั้งแรกของไทย ดันอุตสาหกรรมเหมืองแร่สู่ยุคเหมืองอัจฉริยะ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ขอเชิญชวนผู้ประกอบการเหมืองแร่ และผู้ที่สนใจอุตสาหกรรมเหมืองแร่ยุคดิจิทัล เข้าร่วมงานสัมมนา “Transform mining, Define the future: เหมืองยุคใหม่ด้วย Mining 4.0 Index” เตรียมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ไทยสู่ “เหมืองอัจฉริยะ” จัดขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00–13.00 น. ณ ห้อง Jubilee Ballroom ชั้น 11 โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ งานนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันเหมืองแร่ไทยสู่ยุคเหมืองดิจิทัล ผ่านมาตรฐานประเมิน Mining 4.0 Index ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถยกระดับโรงงานเหมืองแร่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติขั้นสูง Highlights สำคัญภายในงาน บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไทยสู่ Industry 4.0” โดย ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. สรุปผลดำเนินงาน Mining 4.0 และทิศทางพัฒนาในอนาคต เพื่อให้เหมืองไทยก้าวสู่มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน การเสวนา “การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ 0” โดยผู้ประกอบการเหมืองแร่ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมแชร์ประสบการณ์จริง แนวปฏิบัติที่ทำได้ทันที และบทเรียนการลงทุนด้านเทคโนโลยี ประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับ เปิดตัว “เกณฑ์ประเมิน Mining 4.0 Index” ครั้งแรกของประเทศ ช่วยให้ผู้ประกอบการรู้จุดแข็ง จุดอ่อน และวางแผนเทคโนโลยีให้เหมาะสม เข้าถึง สิทธิประโยชน์เพื่อการลงทุนด้านเทคโนโลยี รวมถึงโอกาสได้รับ ทุนสนับสนุนสูงสุด 50% เยี่ยมชมบูธจากหน่วยงานสนับสนุน เช่น i4.0, ITAP, SMC, MTEC พร้อมคำปรึกษาเรื่อง เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และ มาตรการภาษีเพื่ออุตสาหกรรมเหมืองแร่ เข้าร่วมงานฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนได้ที่: https://forms.gle/DgoQAUZFEv2vgpcA8 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 081-710-3831 (คุณชัยนันท์) / 085-878-3999 (คุณรุ่งนภา) E-mail: ikd-kas@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. และเมืองนวัตกรรมอาหารร่วมงาน FoodX – Premiumization Day 2025 นำเสนอเทคโนโลยี นวัตกรรมอาหาร ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่ความยั่งยืน
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน FoodX - Premiumization Day 2025 ที่เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (Research University Network Thailand: RUN), สถาบันอาหาร (National Food Institute: NFI), สถาบันไทย–เยอรมัน (Thai-German Institute: TGI), บริษัท จีเอ็มทีเอ็กซ์ จำกัด (GMTX) และ LIKEME ภายในงานประกอบไปด้วยการแสดง เทคโนโลยีด้านการผลิต บรรจุภัณฑ์ ดิจิทัลโซลูชัน และบริการด้านการตลาด พร้อมการประชุมเสวนาวิชาการสำคัญ อาทิ - VISIONARY STAGE เวทีที่รวมผู้นำจากบริษัทอาหารชั้นนำของไทย ร่วมให้วิสัยทัศน์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และโอกาสของอุตสาหกรรมอาหารไทย - MARTECH STAGE โดยผู้บริหารบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมอาหารร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การดำเนินธุรกิจสู่ความสำเร็จ - TECH TALK เวทีพูดคุยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร ที่ช่วยผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารสู่ “Premiumization” รวมถึงแนวทางส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมอาหารอย่างยั่งยืน ไฮไลต์พิเศษของงาน ได้แก่ กิจกรรมจาก Food Innopolis และหน่วยงานพันธมิตร ผ่านช่วง HAPPY HOURS: THE PREMIUM CIRCLE AND SOFT POWER SYMPHONY พร้อมเสวนาเจาะลึกการบูรณาการเศรษฐกิจสร้างสรรค์กับทุนวัฒนธรรม การยกระดับชีวมรดกท้องถิ่นสู่นวัตกรรมรสชาติ และการสร้างคุณค่าให้กับสินค้าพรีเมียม นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมนำเสนอการเชื่อมโยงสุราไทยกับอาหาร (Canape’) การแสดงศักยภาพ Craft Spirit ผ่านเมนูสร้างสรรค์จากเชฟผู้เชี่ยวชาญ และกิจกรรม จับคู่กลิ่นกินได้กับสุราไทย โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Sensory Science ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร นวัตกรรมอาหาร และผู้ที่สนใจธุรกิจอาหารเชิงนวัตกรรม นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการ ยกระดับอุตสาหกรรมนวัตกรรมอาหารของไทย เชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือ และสร้างคุณค่าใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
โครงการ JST-NEXUS ขับเคลื่อนความร่วมมือไทย–ญี่ปุ่น พัฒนาไฮโดรเจนสะอาดสู่อนาคตพลังงานของประเทศ
วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และ Kyushu University ประเทศญี่ปุ่น ดำเนินโครงการพัฒนาต้นแบบและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนวัสดุชีวภาพจากอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นไบโอไฮโดรเจนบริสุทธิ์สูง เพื่อต่อยอดใช้เป็นเชื้อเพลิงในเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน ในการประชุมครั้งนี้ ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. พร้อมด้วยทีมนักวิจัย ENTEC และ BIOTEC ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.นวดล เหล่าศิริพจน์ ผู้อำนวยการ JGSEE ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ ให้การต้อนรับคณะนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Prof. Tatsumi Ishihara, Assoc. Prof. Miki Inada และ Assoc. Prof. Motonori Watanabe เพื่อร่วมประชุมความก้าวหน้าด้านงานวิจัยและเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ รวมถึงหาแนวทางร่วมกันในการพัฒนาเทคโนโลยีต้นแบบที่สามารถนำไปสู่การผลิตพลังงานไฮโดรเจนในระดับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยีเชิงชีวภาพและพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์การลดการปลดปล่อยคาร์บอนตามเป้าหมายของประเทศ   โครงการดังกล่าวมุ่งนำวัสดุชีวภาพจากภาคการเกษตรของไทย โดยเฉพาะมันสำปะหลัง มาผลิตเป็นไฮโดรเจนผ่านกระบวนการหมักแบบไร้แสง (Dark Fermentation) ร่วมกับชุดจุลินทรีย์สังเคราะห์ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI-optimized synthetic microbial consortium) ผสานกับกระบวนการเร่งการทำงานของเอนไซม์กับพลังงานแสง (Photobiocatalyst) โดยอาศัยไทเทเนียมไดออกไซด์และเอนไซม์ไฮโดรจีเนส ซึ่งพัฒนาโดยนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและระดับความบริสุทธิ์ของก๊าซไฮโดรเจนที่ได้ ก่อนนำไปทดสอบในเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการใช้ประโยชน์จากวัสดุทางการเกษตร ลดปัญหาของเสียชีวภาพ และพัฒนาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนบริสุทธิ์สูงในต้นทุนที่แข่งขันได้ ตอบโจทย์เป้าหมายการลดการปลดปล่อยคาร์บอนของประเทศไทย สนับสนุนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดของประเทศและยกระดับการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือทิ้งสู่พลังงานแห่งอนาคต
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ผนึกกำลัง สกร. ปั้น “ครูนวัตกร” ติดอาวุธนวัตกรรมให้ครูทั่วไทย หวังเป็นสะพานเชื่อมองค์ความรู้สู่ชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ร่วมงานและเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการพัฒนายกระดับครูกรมส่งเสริมการเรียนรู้ สู่ครูนวัตกร เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.)” ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง อว. และ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) โดยมี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง อว. ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดี สกร. และ ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง คณะครูอาจารย์ และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ [caption id="attachment_78120" align="aligncenter" width="2048"] ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ[/caption] ผสานพลังสร้าง “ครู สกร.” เป็นสะพานเชื่อมองค์ความรู้สู่ชุมชน ศ. ดร.ศุภชัย ปลัดกระทรวง อว. กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศลงไปเติมเต็มช่องว่างระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในระดับฐานราก โดยมี “ครู สกร.” ทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อม” ที่สำคัญในการนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปสู่ชุมชน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจฐานรากให้ก้าวสู่เศรษฐกิจที่สร้างคุณค่าและมีความยั่งยืนอย่างแท้จริง [caption id="attachment_78118" align="aligncenter" width="2048"] ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว.[/caption] ด้าน ดร.สุเทพ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเสริมว่า กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) มีจุดแข็งคือเครือข่ายครูที่กระจายตัวอยู่ทุกตำบลทั่วประเทศ ซึ่งทำหน้าที่ใกล้ชิดประชาชน ทั้งการถ่ายทอดความรู้และการอบรมอาชีพ การร่วมมือกับกระทรวง อว. ในครั้งนี้ จะช่วยให้ครู สกร. สามารถคิดค้นและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น [caption id="attachment_78119" align="aligncenter" width="2048"] ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดี สกร.[/caption] ขณะที่ ดร.เกศทิพย์ อธิบดี สกร. กล่าวว่า ครู สกร. มีบทบาทในการเข้าถึงทุกครัวเรือนและทุกกลุ่มเป้าหมาย การได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากสถาบันอุดมศึกษาภายใต้กระทรวง อว. จะช่วยติดอาวุธทางปัญญาให้ครู สกร. ก้าวทันโลกยุคใหม่ สามารถยกระดับทักษะอาชีพและสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์บริบทของแต่ละชุมชน ซึ่งทักษะเหล่านี้จะติดตัวครูและถูกส่งต่อไปยังประชาชน ช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยสู่การเป็น “สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต” ได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับ “โครงการพัฒนายกระดับครูกรมส่งเสริมการเรียนรู้สู่ครูนวัตกร” มีเป้าหมายหลักเพื่อบูรณาการทรัพยากรและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้าน อววน. โดยมุ่งเน้นการบ่มเพาะครู สกร. ให้มีความพร้อมทั้งองค์ความรู้และการปฏิบัติจริง เพื่อก้าวสู่การเป็น “ครูนวัตกร” ที่มีทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การแสดงนิทรรศการ 3 โซน ได้แก่ โซนที่ 1: อว. For Lifelong Learning, โซนที่ 2: อว. For Innovator และโซนที่ 3: สกร. For Networking รวมไปถึงกิจกรรม “Inspiration Talk: บูรณาการความร่วมมือ อว. และ สกร. สู่ครูนวัตกร” และการนำเสนอผลงานเด่นที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปลัดกระทรวง อว. อีกด้วย นวัตกรรม สวทช. ยกระดับการศึกษาไทย โอกาสนี้ สวทช. ได้รับเชิญให้ไปจัดแสดงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการศึกษา โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สวทช. ได้จัดแสดงผลงาน ดังนี้ Thai School Lunch หรือ แพลตฟอร์มระบบจัดการอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนในไทย พัฒนาโดย NECTEC และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ช่วยครูวางแผนเมนูอาหารตามหลักโภชนาการ คำนวณปริมาณวัตถุดิบและค่าใช้จ่าย โปร่งใสตรวจสอบได้ และเชื่อมโยงกับผู้ปกครอง ทำให้การจัดอาหารกลางวันมีคุณภาพ ลดภาระครู และส่งเสริมสุขภาพนักเรียน LEAD Education Platform (LEarning analytics of ADaptive Education) หรือ แพลตฟอร์มการศึกษาที่ใช้ AI ช่วยครูติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) เพื่อปิดช่องว่างการเรียนรู้และยกระดับการศึกษาไทย โดยทำงานร่วมกับเครื่องมือ E-Learning ต่าง ๆ (เช่น BookRoll, VIOLA, Abdul for Education) เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมและพัฒนาการของนักเรียน ทำให้ครูสามารถจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) และปรับการสอนให้ตอบโจทย์ผู้เรียนได้ดีขึ้น
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ ระดมเครือข่ายนักวิจัยไทย จัดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีเทระเฮิร์ตซ์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ โดยศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “Exploring Terahertz Materials, Devices, and Potential Applications” เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ณ ห้องบุษกร อาคารเนคเทค อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โดยมีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานเอกชนเข้าร่วมกว่า 50 ท่าน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวิจัยขั้นสูง [caption id="attachment_78165" align="aligncenter" width="1280"] รศ. ดร.ดวงมณี ว่องรัตนะไพศาล[/caption] รศ. ดร.ดวงมณี ว่องรัตนะไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ และหัวหน้าศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค กล่าวว่า ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ขั้นสูงของประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันและหน่วยงานวิจัย เพื่อพัฒนาอุปกรณ์การผลิตและตรวจวัดรังสีอินฟราเรดและ เทคโนโลยีเทระเฮิร์ตซ์ (Terahertz Technology) สำหรับงานวิจัยด้านสเปกโทรสโกปีและการสร้างภาพ ด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่พัฒนาขึ้นเองภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศไทย ความร่วมมือสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม [caption id="attachment_78166" align="aligncenter" width="1280"] ดร.มติ ห่อประทุม[/caption] ด้าน ดร.มติ ห่อประทุม ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยสเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ เนคเทค สวทช. กล่าวว่า กิจกรรมเวิร์กช็อปครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเร่งอนุภาค และศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์วิจัยด้านเทคโนโลยีเทระเฮิร์ตซ์ โดยมีเป้าหมายในการขยายความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับขีดความสามารถของประเทศ ทั้งในด้านการตรวจวัดขั้นสูง ความปลอดภัย การสื่อสาร และการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย การผลักดันงานวิจัยสู่การใช้งานจริงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาและอภิปรายกลุ่ม เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้านวัสดุ อุปกรณ์ และทิศทางการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีเทระเฮิร์ตซ์ ในสาขาต่าง ๆ รวมถึงแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัย เพื่อผลักดันการสร้างนวัตกรรมขั้นสูงที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและสังคมไทยในอนาคต
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ภาคีรัฐ-เอกชน พร้อมส่งนวัตกรรมวิจัย “เรเชล” บอดีสูทพยุงกล้ามเนื้อ ออกสู่ตลาด   ตัวช่วยผู้สูงวัย ลดเสี่ยงหกล้ม-เพิ่มคุณภาพชีวิตระยะยาว
(วันที่ 8 ธันวาคม 2568) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี -  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และบริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวนวัตกรรม “เรเชล (Rachel)” ชุดบอดีสูทเพื่อสังคมสูงวัยที่ช่วยเสริมการเคลื่อนไหวและป้องกันการบาดเจ็บ โดยเป็นความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์ ด้วยเป้าหมายผลักดันให้เข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในอนาคต ภายในงานมีผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วม ได้แก่ รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการ สวรส. นางวาสนา ทองจันทร์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คุณอินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) และ ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ รองผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. เข้าร่วมงานแถลงข่าว รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. กล่าวว่า สวทช. ในฐานะ “ขุมพลังหลักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ” มุ่งมั่นที่จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การปฏิบัติจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชน ซึ่งนวัตกรรม “เรเชล”เป็นเทคโนโลยีเอ็กโซสูท (Exosuit) ที่วิจัยพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยได้รับทุนสนับสนุนวิจัยจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ตั้งแต่ปี 2565 เป้าหมายหลักคือการยืดช่วง Active Aging หรือช่วงเวลาที่ผู้สูงวัยยังมีความสุขกับการใช้ชีวิตด้วยตนเอง ซึ่งช่วยสนับสนุนการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตโดยอาศัยการดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเองนานที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ภาวะพึ่งพิง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของกลไก From Lab to Market หรือ การพัฒนาขึ้นในห้องปฏิบัติการไปพัฒนาต่อยอดและนำออกจำหน่ายในตลาดที่มุ่งสร้างผลกระทบและวัดผลได้จริง ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ รองผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. กล่าวเสริมว่า ชุด “เรเชล" รุ่น Everyday ได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้งาน (Human-centric Design) และบูรณาการองค์ความรู้หลายศาสตร์ โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์ เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของคนไทย ความร่วมมือระหว่างเอ็มเทคและวาโก้ทำให้เทคโนโลยีจากห้องแล็บได้ถูกพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่ายจริง ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ สวทช. ในบทบาทพาร์ตเนอร์เทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ เพื่อมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้สูงอายุและวัยทำงานที่ต้องการดูแลตนเองและช่วยป้องกันการบาดเจ็บ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า การเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์เป็นความท้าทายสำคัญของระบบสุขภาพไทย โดยเฉพาะปัญหาการหกล้มซึ่งเป็นภาระหนัก ทั้งต่อผู้ป่วยและงบประมาณด้านสาธารณสุข ชุดบอดีสูท “เรเชล” จึงช่วยให้ผู้สูงวัยเคลื่อนไหวได้มั่นคงและอิสระ ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ และเสริมสุขภาวะทั้งกายและใจ สวรส. สนับสนุนทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2565 เพื่อพัฒนา “เรเชล” ให้ตอบโจทย์กลุ่ม “พฤฒพลัง” หรือการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดี มีส่วนร่วมในสังคม และมีความมั่นคงในชีวิต ด้วยเทคโนโลยีสวมใส่ที่ช่วยเสริมกล้ามเนื้อ รวมถึงจัดท่าทางให้เหมาะสม ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม นอกจากนี้ สวรส. ยังมุ่งพัฒนาอุปกรณ์ที่ผลิตใช้เองในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและเสริมความมั่นคงทางสุขภาพระยะยาว ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นตัวอย่างการเชื่อมโยงองค์ความรู้ ระบบสุขภาพ และภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ภารกิจสำคัญของ สวรส. คือการผลักดันนวัตกรรมสู่ “การเข้าถึงอย่างทั่วถึง” โดยมีแผนผลักดันให้ “เรเชล” เข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของบัตรทองในระยะต่อไป เพื่อให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีนี้อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยลดภาระการบาดเจ็บและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว นางวาสนา ทองจันทร์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า  ในอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีผู้สูงอายุมากกว่า 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของคนไทยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง กรมกิจการผู้สูงอายุมีภารกิจดูแลให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและศักดิ์ศรี โดยเน้นส่งเสริมใน 5 มิติ ได้แก่ สังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี นวัตกรรม "เรเชล" เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมเพื่อการพึ่งพาตนเอง ช่วยเสริมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ลดปัจจัยเสี่ยงการพลัดตกหกล้ม ทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตกระฉับกระเฉง มั่นใจ และยืดช่วง "ติดสังคม" (Active Aging) ลดโอกาสเข้าสู่ภาวะ "ติดบ้าน–ติดเตียง" ซึ่งต้องการการดูแลใกล้ชิดและมีค่าใช้จ่ายสูง ที่ผ่านมากรมกิจการผู้สูงอายุ ร่วมกับ สวทช. ในการพัฒนาระบบ "นิรันดร์" (Nirun for community) เป็นเครื่องมือ เชิงยุทธศาสตร์สำหรับบันทึกข้อมูลและติดตามการดูแลแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์และวางแผนการดูแลรายบุคคลของผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมสูงอายุเป็นความท้าทายต่อระบบสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ “เรเชล” จึงเป็นนวัตกรรมที่ผสานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสุขภาพ เพื่อยกระดับสุขภาวะของผู้สูงวัย ภารกิจหลักของ สสส. เน้นการสร้าง Value-Based Health Care (VBHC) เป็นการสร้างคุณค่าเชิงป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน โดยการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพที่วัดผลได้ ลดปัจจัยเสี่ยง และสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ยั่งยืน รวมทั้งมุ่งผลักดันนวัตกรรมสู่การเข้าถึงอย่างทั่วถึง ทำงานร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เช่น สวรส., สวทช., และ สปสช. เพื่อบูรณาการองค์ความรู้และขยายการเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียม นางอินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำด้านสิ่งทอและชุดชั้นในมากว่า 55 ปี วาโก้ได้ร่วมมือกับทีมวิจัยจากเอ็มเทค สวทช. นำเทคโนโลยีจากห้องแล็บมาสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใส่สบาย ดูดี และใช้งานได้จริงทุกวัน ความท้าทายคือการทำให้นวัตกรรมนี้เป็น “แฟชั่น” ที่ผู้คนสามารถสวมใส่ ชุด “เรเชล” ในชีวิตประจำวัน โดยรุ่น Everyday เป็นอีกก้าวสำคัญของวาโก้ ในการพัฒนาชุดชั้นในเชิงนวัตกรรมเพื่อสังคม โดยผสานเทคโนโลยีหลากหลายศาสตร์เพื่อช่วยปรับท่าทางของไหล่ หลัง สะโพก และกล้ามเนื้อต้นขาให้มั่นคง ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ และเพิ่มความมั่นใจในการทำกิจกรรม รองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยผลิตจากเส้นใยไนลอนผสมสแปนเด็กซ์ที่กระชับ ยืดหยุ่นสูง นุ่มสบาย ระบายอากาศดี ไม่ร้อน ไม่อับชื้น ซักเครื่องได้เหมือนชุดชั้นในทั่วไป ออกแบบเป็นแบบ Unisex สวมใส่ได้ ทั้งหญิง-ชาย มี 7 ไซซ์ (M-5XL / รอบใต้อก 27-40 นิ้ว) “เรเชล” พร้อมวางจำหน่ายใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ Wacoal Body clinic บมจ. ไทยวาโก้ พระราม 3 Wacoal Body clinic แผนกชุดชั้นใน ชั้น 4 เซ็นทรัลลาดพร้าว และโรงพยาบาลเวชธานี (ชั้น 2) สอบถามผลิตภัณฑ์ ไลน์ไอดี (Line ID): @bodyclinic หรือโทรศัพท์ 02-689-8484  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์