CAPCUT กับ AI Tools

โปรแกรม CAPCUT เป็นโปรแกรมที่มีหลากหลาย Platform ให้บริการ โดยเน้นการสร้าง Content ที่มาจากผู้ใช้งานผ่านการสร้างสรรค์ วีดีโอ , ภาพ , เสียง , ภาพนิ่ง มาประยุกต์ใช้ให้เกิด Content ที่มากกว่าการนำเสนอทั่วไป โดยในปัจจุบันทาง CAPCUT ได้เปิดให้ใช้บริการ AI ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดทำ Content ต่าง ๆ อย่างมากมาย 
วิธีการใช้งาน
1. ดำเนินการสมัคร CAPCUT บนโทรศัพท์ของคุณให้สำเร็จโดยรองรับทั้ง Android และ IOS
2. หากคุณต้องการใช้ AI Tools ให้เข้าถึงการให้บริการผ่าน  https://www.capcut.com/editor-tools/
3. ระบบจะให้คุณทำการ Login อีกครั้งผ่านเว็บไซต์ โดยคุณสามารถเข้าถึงผ่านการ Scan QR Code ได้

4. จากนั้นระบบจะมีเมนูให้คุณเลือกการใช้ AI ซึ่งมีรองรับอย่างหลากหลาย เช่น การจัดทำ Script Video (รองรับภาษาอังกฤษ) การจัดทำวีดีโอ การจัดทำภาพ เป็นต้น

ทางผู้เขียนลองทดสอบให้ระบบ AI จัดทำสคริปต์ เที่ยวทะเลพัทยา ทางระบบก็สามารถเขียนสคริปต์แบบภาพรวมให้เราสามารถสร้างแนวคิดต่อยอดของการทำคลิปได้อย่างน่าสนใจ

 โดยสรุป
 CAPCUT AI Tools ที่ผู้เขียนแนะนำเป็นเพียงส่วนของการ Generate Script เพื่อการสร้าง Story ถ่ายทำวีดีโอเพียงเท่านั้น แต่ทว่ายังมีส่วนของการจัดการภาพถ่าย เสียง และอื่นๆ อีกมากที่ใช้ AI ในการจัดการ จึงเป็น Tools ที่น่าสนใจและใช้งานได้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ต้องเสียเงินเพื่อการใช้งานที่มีส่วนเพิ่มเติมและประสิทธิภาพที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน 

CANVA กับการใช้งานในการนำเสนองาน

Canva เป็น Web Application ที่เน้นการออกแบบและสร้างสรรค์ด้านภาพ สื่อ และกระบวนการด้านการนำเสนอที่เป็นที่ยอมรับ มีกลุ่ม Community ที่เข้มแข็งและหลากหลาย ในปัจจุบัน Canva สามารถใช้ AI เข้ามาร่วมในการสร้างสรรค์ Content และข้อมูลภายในได้อย่างชาญฉลาดผ่านการให้บริการ Magic Studio   สามารถใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว รองรับทุก Smart Device และทุก Platform

วิธีใช้งาน
1.ทำการสมัครผ่านเว็บไซต์ซึ่งสามารถสมัครได้ทั้งอีเมลหรือ Account ที่รองรับหลากหลายการสมัคร
2.หลังจากสมัครแล้วผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินการทำการนำเสนอในหัวข้อใด รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  โดยในกรณีที่ใช้ AI จำเป็นต้องเลือกที่จะใช้ Magic Studio ตามหัวข้อที่ต้องการ
3.หากต้องการใช้งานจัดทำเนื้อหานำเสนอ สามารถเลือก Magic Design For Presentation เพื่อดำเนินการจัดทำการนำเสนอผ่านการใช้งาน AI ได้ทันที
4.การใช้งานสามารถดำเนินการได้ง่ายๆ โดยใส่คำหรือหัวข้อที่สนใจ เช่น อาหาร
5. จากนั้นระบบจะใช้ AI ในการจัดทำสื่อนำเสนอ โดยจัดทำเทมเพลตและข้อมูลมาให้ผู้ใช้ได้เลือก สามารถปรับแต่งหรือดำเนินการในแต่ละส่วนของภาพและการนำเสนอได้โดยสะดวก

โดยสรุป

Canva ถือเป็น Web Application ที่รองรับการใช้งานแบบ Free ที่มีประสิทธิภาพและให้การใช้งานที่สามารถเติมเต็มโจทย์ของการนำเสนอได้อย่างลงตัว หากมีการใช้งาน Pro Freature จะมีส่วนของการสร้างงานผ่าน AI ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือองค์ประกอบอื่น ๆ ได้อีกมากมาย จึงทำให้กลายเป็นที่นิยมและเข้าถึงในกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย

 

Decktopus กับการนำเสนอด้วย AI

รายละเอียดและความสามารถของ Desktopus AI  :  
      ตัวช่วยสร้าง Content หรือ Story Telling ที่น่าสนใจสำหรับการสร้าง Presentation ผ่านการใช้งานออนไลน์ รองรับการใช้งานภาษาไทยได้อย่างดี เหมาะสำหรับการช่วยสร้างเรื่องราวและภาพประกอบที่สนใจ โดยใช้ AI เป็นตัวขับเคลื่อน

 

วิธีใช้งาน
1.ทำการสมัครผ่านเว็บไซต์ซึ่งสามารถสมัครได้ทั้งอีเมลหรือ Account ที่รองรับหลากหลายการสมัคร
2.หลังจากสมัครแล้วผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินการทำการนำเสนอในหัวข้อใด รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
3.ระบบจะมีการสอบถามถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะนำเสนอเพื่อกำหนดแนวทางนำเสนอให้ตรงใจ
4.จากนั้นระบบจะถามด้านเนื้อหาและวัตถุประสงค์ในสไลด์เพื่อกำหนดการนำเสนอให้ชัดเจน
5. ขั้นตอนสุดท้าย ระบบจะสอบถาม Theme หรือ Template การนำเสนอโดยมีรูปแบบให้ผู้ใช้เลือก
6. จากนั้นระบบจะดำเนินการสอบถามสิทธิ์การใช้งาน ซึ่งจำเป็นต้องสมัครสมาชิกเท่านั้น โดยต้องมีการบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้
7. จากนั้นระบบจะมีการ Generate ข้อมูลให้กับผู้ใช้งาน โดยสามารถปรับแต่งคุณลักษณะขององค์ประกอบต่างๆ ได้โดยสะดวกหรือจะให้ AI ดำเนินการปรับแต่งให้ก็ได้

ภาพแสดงการใช้งานและแนวทางการนำไปใช้งานที่เกี่ยวข้อง

 

 โดยสรุป
Desktopus  เป็น โปรแกรมที่มี AI ในการช่วยจัดทำการนำเสนอที่มีมิติการใช้งานและความเชี่ยวชาญในการจัดทำการนำเสนอที่น่าสนใจ ใช้การสอบถามคำถามต่อผู้ใช้งานแล้ว generate ภาพให้ได้ทันที มีการ focus กลุ่มผู้ฟังที่หลากหลายชัดเจน  

 

การใช้ AI เพื่อการจัดทำและตกแต่ง Presentation ด้วย Tome.app

tome.ai เป็น Web Application ของบริษัท Magical Tome  ซานฟรานซิสโก โดยมีจุดเด่นที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสมัครบัญชีผู้ใช้แล้วสร้างเรื่องราวหรือสไลด์นำเสนอได้ผ่านการใช้ AI ที่ระบบจะดำเนินการให้อัตโนมัติทั้งด้าน Content และภาพประกอบ ทุกอย่างในระบบสามารถปรับแต่งได้โดยใช้ AI จัดการ รองรับภาษาอังกฤษและทำงานได้ดีกับภาษาไทย

วิธีใช้งาน
1.ทำการสมัครผ่านเว็บไซต์ซึ่งสามารถสมัครได้ทั้งอีเมลหรือ Account ที่รองรับหลากหลายการสมัคร2.หลังจากสมัครแล้วผู้ใช้งานจะมีเครดิตเพื่อการ Generate AI ได้ประมาณ 500 credit สำหรับการใช้งานฟรี
3.ดำเนินการสร้างสไลด์ผ่านระบบโดยใส่คำในส่วนของการนำเสนอ เช่น Stroke disease ทางผู้เขียนอยากให้ระบบทำรายงานเกี่ยวกับโรค Stroke โดยอัตโนมัติ
4. จากนั้นระบบจะดำเนินการสร้าง Layout Slide และนำเสนอพร้อมการสร้างภาพให้ทันที
5. ในกรณีใช้งานฟรีจะมีการหัก AI Credit ซึ่งจะเสียประมาณ 250 เครดิตต่อการสร้าง AI อัตโนมัติประมาณ 6 หน้า
6. ในกรณีที่เครดิตหมดจำเป็นต้องมีการเติมผ่านการเชิญสมาชิกมาสมัครต่อผ่าน url ของผู้สมัครหรือมีการชำระเงินรายเดือนซึ่งเสียเงินประมาณ 16 $ ต่อเดือนในปัจจุบัน

ตัวอย่างสไลด์ที่ลองทดสอบการใช้งานผ่าน tome.app พบว่าให้ข้อมูลได้อย่างน่าสนใจ (แต่ก็ยังต้องปรับแต่งข้อความที่สำคัญให้ตรงใจ)

โดยสรุป

tome.app ถือเป็นการสร้าง Presentation ด้วย AI ที่ใช้งานได้ง่ายแต่ก็มีข้อจำกัดสำหรับการใช้ credit ที่ไม่มีเพิ่มเติม จำเป็นต้องแนะนำสมาชิกเพื่อการเพิ่มเครดิตหรือการเสียเงินใช้งาน แต่อย่างไรก็ตาม tome.app ก็มีความฉลาดในด้านการให้ข้อมูลใน keywords ที่ชัดเจนและให้ภาพที่ตรงใจกับงานได้อย่างดี

BLOCKCHAIN มีความปลอดภัยหรือไม่ ?

หลายท่านอาจมีความสงสัยว่า Blockchain  มีความปลอดภัยหรือไม่ ? ในบทความนี้ทางผู้เขียนขอยกตัวอย่างกรณีศึกษา โดยเป็นกลุ่มเพื่อนที่ชื่อกลุ่มว่า “แชร์กันจุก” กลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อไปทานอาหารและหารค่าอาหารกัน  กลุ่มนี้มีสมาชิก 4 คน โดยแต่ละคนก็จะมีกระเป๋า Crypto Wallet ในการจ่ายเงินแทนการโอนเงินแบบปกติ  ดังนั้นเมื่อมีการใช้ระบบ Crypto Wallet จะเกิดสิ่งนี้

  1. ทุกคนจะถูกสร้าง Block Transaction ของการโอนจ่ายเงินที่เกี่ยวข้องกันของการหารเงินครั้งนั้น
  2. ทุกคนจะมี Block ที่เท่ากันต่อกันเป็น chain โดยมีการเข้ารหัสกันทั้ง 4 คน  ของคนใดคนหนึ่งหาย จะมีส่วนอื่นทดแทนหรืออยู่ในระบบเสมอ ทำให้การทำธุรกรรมจะไม่หายไปจากเครือข่าย Blockchain

    หาก Hacker ต้องการเข้าไปแทรกแทรงหรือเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลของ Blockchain นี้ ทาง Hacker จำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงในการเข้าไปเขียน Block และถอดรหัสข้อมูลพร้อมๆ กันในทุกๆ Block ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการถอดรหัสในทุก Block ทุก Chain ที่ต้องใช้เวลาถอดรหัสมากขึ้น

ดังนั้น ในปัจจุบันมีผู้อ้างว่า การจะ Hack Blockchain หรือถอดรหัสธุรกรรมได้นั้น ต้องใช้ Super Computer ที่มีความเร็วถึง 1,500 Qubit  แต่ทว่าในปัจจุบันยัง Super Computer ที่มีความเร็วได้ไม่ถึง 500 Qubit เกิดขึ้น ว่ากันว่าต้องใช้เวลากว่า 10  – 20 ปีต่อจากนี้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจริง ความยากในการถอดรหัสและความยาวของธุรกรรมจะมีปริมาณมหาศาลมากขึ้น จึงทำให้ยังเป็นที่เชื่อถือได้ว่า Blockchain ยังคงมีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ในปัจจุบันครับ

การเลือกตั้งกับการใช้เทคโนโลยี Blockchain

เทคโนโลยี Blockchain สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายกับการพัฒนาระบบที่มุ่งเน้นการโปร่งใสตรวจสอบได้ ในบทความนี้ ผู้เขียนอยากแนะนำการเลือกตั้งผ่านเทคโนโลยี Blockchain ที่ถูกพัฒนาโดยศุูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เผยแพร่บทความเชิงเทคนิคไว้น่าสนใจ ทำให้การเลือกตั้งโปร่งใสและเป็นไปได้จริง

เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก ที่สำคัญยังสามารถระบุตัวตนของผู้ลงคะแนน หมดปัญหาเรื่องบัตรผีหรือบัตรปลอม พร้อมทำการประมวลผลคะแนนได้ทันที สิ่งเหล่านี้พร้อมในการดำเนินการและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยผู้อ่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nectec.or.th/research/research-project/blockchain-evoting.html

BLOCKCHAIN คืออะไร ?

Blockchain “เป็นเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัย ผ่านการเข้ารหัส Cryptography และมีรูปแบบการจัดเก็บแบบกระจายศูนย์ เพื่อจุดประสงค์ในการ Trust and Security” เพื่อให้เกิด Trustless System และขจัดคนกลางหรือผู้คุมกฏออกจากระบบ เกิดขึ้นในปีค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551)

     Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยผู้ที่ใช้นามสมมติว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ เป็นที่แพร่หลายเนื่องจากได้สร้าง BITCOIN ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกที่เริ่มใช้งานและเทรดซื้อขายเมื่อ ค.ศ. 2010 ได้ผ่านการพิสูจน์ตนเองมาเป็นเวลากว่า 14 ปี  โดยเหรียญ Crypto Currency ต่างๆ  จะมีการเข้ารหัสแตกต่างกันไป และถูกพัฒนาใช้งานบน Blockchain Technology เช่นกัน นอกจากนั้น ยังสามารถประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมอื่นๆ ได้อีกด้วย

 

วิธีดึงคนที่คุณรักให้ห่างจากหน้าจอโทรศัพท์

เชื่อไหมครับ หลายคนมีความกังวลกับบุตรหลานหรือคนที่คุณรัก ในการจมดิ่งอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์หรือโลกดิจิทัลมากกว่าการใช้ชีวิตในปัจจุบัน บางคนเสียงานเสียการ เสียการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง  จนสุดท้ายก็มีการตัดสินและมองว่าโลกดิจิทัล และ Smart Device ต่างๆ คือผู้ร้ายที่มาพรากเวลาและสิ่งดีๆ จากชีวิตของการเป็นมนุษย์ไป สิ่งเหล่านี้อาจเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลยในเรื่องดังกล่าว  แต่แท้จริงแล้ว ผู้เขียนอยากสอบถามกับผู้อ่า่นว่า ผู้กล่าวหาเองหรือเปล่าที่อาจมีส่วนร่วมในการสร้างความห่างเหินเหล่านี้ไปกับคนที่คุณรักด้วย ?   มีคำถาม check list ให้คุณสำรวจตัวเองสั้นๆ ดังนี้ครับ

  1.  เวลาคุณต้องการเวลาส่วนตัวแล้วอีกฝ่ายเรียกร้องเวลาจากคุณ คุณเลือกจะให้เวลาอีกฝ่ายหรือเลือกที่จะให้เขาทำอะไรไปเองโดยที่ไม่มีคุณ  หากคุณเลือกให้เขาทำอะไรเองโดยไม่มีคุณแล้วคุณยังปล่อยให้เขาใช้ smart device หรือโลก Social เป็นเพื่อนเขาแทนคุณ  นี่คือข้อแรก ที่คุณเริ่มมีส่วนร่วมในการผลักเขาออกจากการปฏิสัมพันธ์กับคุณแล้วครับ
  2. เวลาคนที่คุณรักต้องการให้คุณฟังเขา คุณเลือกที่จะฟังอย่างตั้งใจ หรือเลือกที่จะฟังแบบให้จบไปที     ถ้าคุณเลือกที่จะฟังแบบขอไปที แปลว่า คนที่คุณรักจะรับรู้ได้ว่าการใส่ใจเริ่มมีระยะห่าง การพูดให้ฟัง การฟังเริ่มเป็นแค่หน้าที่ ไม่ใช่การรับรู้ด้วยความเข้าใจ เหล่านี้จะเริ่มเกิดช่องว่างและสร้างความชินชา เฉยชา ขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้าย เขาจะไม่อยากสื่อสารกับคุณ
  3. เวลาว่างที่มี คุณเลือกที่จะทำกิจกรรมร่วมกันหรือต่างที่จะนั่งทำอะไรที่ตนเองชอบใกล้ๆ กันโดยไม่สนใจอีกฝ่าย   หากเป็นต่างคนต่างทำ แปลว่า คุณอาจมีความวางใจและสบายใจในจุดที่อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ได้สร้างการแชร์ความรู้สึกซึ่งกันและกัน ตรงนี้สำคัญนะครับห้ามละเลย เพราะกิจกรรมที่ทำร่วมกันจะเป็นสะพานสำคัญที่ทำให้คุณและคนที่คุณรักสามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างวัย ระหว่างเวลา ระหว่างความรู้สึก ได้ดีที่สุด ซึ่งส่วนนี้จะเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง การผลัดกันอ่านหนังสือให้ฟัง การเล่นเกมส์ด้วยกัน เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นสะพานสำคัญที่จะทำให้คุณกับเขาก้าวไปในโลกเดียวกันได้

    ดังนั้น บทความนี้จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงอีกด้านของความเข้าใจและอยากให้คุณและคนที่คุณรักได้อ่านเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในด้านการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เลิกโทษส่วนอื่น ให้ปรับสิ่งที่เป็นจากหัวข้อดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณสามารถเริ่มทำได้ทันที แล้วคนที่คุณรักและคุณเองจะห่างจากหน้าจอโทรศัพท์ได้มกกว่าที่เป็น อย่าลืมพิจารณาก่อนที่จะสายเกินไปนะครับ

ทำอย่างไรเมื่อมิจฉาชีพโทรมาหรือส่งข้อความที่ทำให้เราต้องรีบตัดสินใจ


ปัจจุบันมิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะมิจฉาชีพทาง Cyber  และพวกที่มาแบบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หรือการส่งข้อความแปลกๆ มายังกลุ่มเป้าหมาย  สำหรับบทความนี้ทางผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างกรณีที่ทางมิจฉาชีพมักจะเริ่มการล่อเหยื่อในรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ  และมีอยู่สองเหตุการณ์ที่ทางผู้ตกเป็นเหยื่อมักพลาดท่าเสียทีมิจฉาชีพ ได้แก่

  1. การส่ง Link มาทาง sms หรือข้อความโดยระบุข้อความทำนองว่า “ญาติของคุณหรือคนที่คุณรู้จักประสบอุบัติเหตุ” หรือ “คนที่คุณรักกำลังมีเหตุคับขัน หรือ มีเหตุให้นอกใจ” พร้อมกับส่ง link ให้เหยื่อ click ไปยังปลายทาง โดยวิธีการเหล่านี้ร้อยละ 90 ของเหยื่อมักเกิดความตกใจและรีบ click ไปยังปลายทางของมิจฉาชีพ ซึ่งจะถูกแอบแฝงโปรแกรมดักจับข้อมูลหรือประสงค์ร้ายบางอย่าง เช่น การดักจับรหัสทาง social เก็บรหัสผ่าน หรือขอข้อมูลส่วนตัวที่แนบเนียน เพื่อการจารกรรม จนทำให้เหยื่อต้องสูญเสียข้อมูลไปโดยง่ายดาย
    วิธีแก้ปัญหา   ให้คุณตั้งสติ และคิดเสมอว่า การแนบ link หรือเบอร์ติดต่อ หรืออื่นๆ คือมิจฉาชีพ  ให้คุณตัดการสนทนาหรือห้าม click link ที่ส่งมาโดยเด็ดขาด ให้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เช่น ญาติ หรือคนที่ถูกกล่าวอ้างโดยตรงทันที ไม่ควรผ่านคนอื่นหรือโปรแกรมใดๆ   โดยเด็ดขาด สำคัญที่สุดคือการใช้สติในการพิจารณาข้อมูลก่อนการตัดสินใจใดๆ จากข้อมูลที่ได้รับ
  2.  โอนเงินมายังบัญชีของผู้ตกเป็นเหยื่่อ พร้อมโทรขู่คุกคามให้โอนเงินคืนหรืออื่นๆ  ในกรณีนี้คุณไม่ควรต่อความกับผู้โอนคืน ให้ดำเนินการแจ้งความกับทางตำรวจในกระบวนการดังกล่าว พร้อมนำหลักฐานการโอนแจ้งประกอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้เสียหายมาเข้าพบทางสถานีตำรวจร่วมกับคุณ  ในหลายกรณี ผู้ตกเป็นเหยื่อจะโดนเสนอให้เป็นทางผ่านของเงิน หรือบัญชีม้า และได้รับผลต่างของเงินเข้ามาเพื่อการจูงใจ จนทำให้ผู้เป็นเหยื่อกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดโดยปริยาย  ดังนั้นคุณไม่ควรชะล่าใจกับสิ่งเหล่านี้ครับ

สองวิธีการดังกล่าว มีผู้ตกเป็นเหยื่อมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นวิธีที่ผู้ร้ายมักเลือกใช้และได้ผลมากที่สุด เพราะเล่นกับจิตวิทยาและการเร่งรัดการตัดสินใจบนความเป็นความตายของคนที่คุณรัก หรือผลประโยชน์ที่เข้ามาแบบที่เราคิดไม่ถึง  ดังนั้น สติ จึงเป็นภูมิคุ้มกันเบื้องต้นที่ดีที่สุด ส่วนการเรียนรู้วิธีการจัดการยังคงเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาเพื่อให้เท่าทันกับสิ่งที่มิจฉาชีพพัฒนาในปัจจุบันครับ

อยากเป็นศิลปิน NFT ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นศิลปินด้าน NFT อาจมีคำถามว่า แล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นศิลปิน NFT ได้ บทความนี้ผู้เขียนจะอธิบายด้วยภาพที่เข้าใจง่าย โดยสมมติว่า คุณคือ ริกะ   จะทำอย่างไรถึงจะเป็นศิลปินขายภาพ NFT ได้  ดังนี้

กระบวนการทั้ง 3 ดังกล่าว ริกะ ต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและ Crypto Currency เป็นอันดับแรก จึงจะสามารถนำภาพหรือผลิตภัณฑ์ของตนมาจัดทำเป็น NFT เข้าสู่ตลาดได้ โดยจำเป็นต้องจัดทำตามเงื่อนไขของตลาดที่กำหนด เช่นการ Mint หรือจัดส่งผลงานให้ขายได้เป็นตัน


ดังนั้นบทสรุปในส่วนของเทคโนโลยี Block chain กับการเป็นศิลปินดิจิทัลในปัจจุบัน มีทางเลือกมากมายให้กับคุณผู้อ่าน ที่สำคัญ คุณควรเข้าใจเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องและความเสี่ยงที่จะต้องพบในมุมเทคโนโลยีและ Cyber Security ที่คุณต้องเรียนรู้ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์ผลงานของคุณให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นี่คือกระบวนการที่คุณสามารถเรียนรู้และลองได้ด้วยตนเองครับ