VDO แนะนำ สวทช. 2023 ภาษาไทย แบบสั้น มี subtitle
VDO แนะนำ สวทช. 2023 ภาษาไทย แบบสั้น ไม่มี subtitle
VDO แนะนำ สวทช. 2023 ภาษาไทย แบบสั้น มี subtitle
VDO แนะนำ สวทช. 2023 ภาษาไทย แบบสั้น ไม่มี subtitle
VDO NSTDA Introduce 2023 English Version Full with subtitle
VDO NSTDA Introduce 2023 English Version Full without subtitle
VDO แนะนำ สวทช. 2023 ภาษาไทย แบบเต็ม มี subtitle
VDO แนะนำ สวทช. 2023 ภาษาไทย แบบเต็ม ไม่มี subtitle
VDO NSTDA Introduce 2023 English Version Short with subtitle
VDO NSTDA Introduce 2023 English Version Short without subtitle
มี 3 เหตุผล ที่อธิบายทำไมการแสดงข้อมูลเป็นเรื่องยาก
1. การมีให้ของข้อมูล ข้อมูลที่ดีสำหรับการแสดงไม่ง่ายที่จะค้นพบ เมื่อค้นพบ ยังคงต้องการข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบที่ทำงานร่วมกันได้ จัดทำเป็นเอกสารและอนุญาตอย่างเหมาะสมเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่และพร้อมใช้ ดังนั้นมีการจัดการข้อมูลอยู่เบื้องหลังและหลายสิ่งจำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อนที่ข้อมูลมีให้เพื่อการแสดง
2. การออกแบบการแสดง ไม่ใช่ทุกคนสามารถทำการแสดงข้อมูล ต้องการการประยุกต์ใช้การออกแบบและความเข้าใจหลักการออกแบบที่ให้รายละเอียดและมีการใช้อย่างมาก การออกแบบต้องการประสบการณ์ของผู้ใช้และการพิจารณาอื่น ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่อยู่ใน browsers และเครื่องมือทางดิจิทัล
ดังนั้นไม่เพียงมีข้อจำกัดของทักษะ แต่ต้องการปรับใช้การแสดงในเทคโนโลยีที่จำเพาะ ไม่เหมือนเมื่อกำลังใช้การแสดงบน laptop หรือโทรศัพท์มือถือ หรือ tablet การแสดงที่แตกต่างกันต้องการประเภทการออกแบบที่แตกต่างกัน ในองค์กรขนาดใหญ่ ไม่เสมอไปมีความสามารถเหล่านี้
3. การเข้าถึงและเข้าใจข้อมูล ความสามารถในการเข้าถึงเป็นตัวสำคัญหลัก มีหลายสิ่งที่ลืมในเรื่องของความสามารถในการเข้าถึง ตัวอย่าง เช่น ผู้ใช้ที่มีความผิดปกติของการมองเห็น ต้องออกแบบสำหรับคนเหล่านั้นด้วย
นอกจากสามารถแก้ปัญหาความสามารถในการเข้าถึง ผู้ใช้ต้องเข้าใจสิ่งที่นำเสนอด้วย ในหลายหนทางการแสดงข้อมูลยากมากเกินไป มีกราฟ การโต้ตอบมากเกินไปในการแสดงข้อมูล ต้องทำให้ข้อความอยู่ในรูปที่ง่าย
ที่มา: Holly Lyke-Ho-Gland (August 1, 2022). Better Data Visualization Starts With Simplifying the Message. Retrieved September 23, 2023, from https://www.apqc.org/blog/better-data-visualization-starts-simplifying-message
stay interview คือ การอภิปรายระหว่างพนักงานปัจจุบันและตัวแทนองค์กร เช่น ผู้จัดการ HR เกี่ยวกับปัจจัยซึ่งสนับสนุนและไม่สนับสนุนการรักษาพนักงานไว้ในองค์กร
stay interview เป็นเครื่องมือการรักษาแบบสองวัตถุประสงค์ รายละเอียดที่รวบรวมได้จาก stay interview ช่วยให้องค์กรเข้าใจตัวผลักดันและตัวกีดกันการรักษา แต่ stay interview โดยตัวเองผลักดันการรักษา stay interview เปิดโอกาสให้พนักงานได้รับการเห็น การได้ยิน และการยอมรับ โดยการเชิญพนักงานเข้าร่วมใน stay interview องค์กรเห็นคุณค่าของการตอบโต้ของพนักงาน
stay interview ส่งผลต่อองค์กร ดังนี้
– พัฒนาการรักษาพนักงาน stay interview ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตัวผลักดันของการโยกย้าย เช่น สภาพแวดล้อมการทำงานและวัฒนธรรมที่ไม่ดี สวัสดิการและเงินเดือนไม่ดี และขาดโอกาสการเติบโต
– พัฒนาการดูแลพนักงานใหม่ เมื่อใช้กับพนักงานใหม่ stay interview ทำให้องค์กรสามารถแก้ปัญหาในเรื่องการดูแลพนักงานใหม่ก่อนนำไปสู่การโยกย้าย
– พัฒนาการมีส่วนร่วมของพนักงาน stay interview เป็นวิธีการทำให้พนักงานมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังช่วย HR ระบุกลยุทธ์การมีส่วนร่วมอื่นใช้ได้และใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ข้อมูลการสำรวจการมีส่วนร่วม
– พัฒนาการสรรหาพนักงาน stay interview มีประโยชน์ต่อพนักงานส่วนใหญ่ ซึ่ง HR สามารถเน้นการประกาศรับสมัครงาน หน้าอาชีพ และการสัมภาษณ์สรรหาพนักงาน
– พัฒนาการจ้าง
– พัฒนาการเรียนรู้และการพัฒนา stay interview บ่อยครั้งจะเปิดโอกาสให้พัฒนาหนทางการฝึกอบรมและพัฒนา เพื่อผู้มีความสามารถสูงไม่จำเป็นต้องมองหาที่อื่นเพื่อเติบโต
ที่มา: Elissa Tucker (July 16, 2022). Are Stay Interviews Effective?. Retrieved September 23, 2023, from https://www.apqc.org/blog/are-stay-interviews-effective
ในขณะที่นวัตกรรมแบบดั้งเดิม (traditional innovation) เกิดขึ้นเป็นการภายใน โดยแนวคิดใหม่เกิดขึ้นในธุรกิจ นวัตกรรมแบบเปิดเป็นเรื่องตรงข้ามกับนวัตกรรมแบบดั้งเดิม มีวิวัฒนาการภายนอกองค์กรทำให้เกิดความร่วมมือมากขึ้น
นวัตกรรมแบบเปิดถูกส้างขึ้นในทางธุรกิจหรือ platforms และแนวคิดใหม่เกี่ยวข้องหรือต้องการหน่วยงานและบุคคลจำนวนมาก
นวัตกรรมแบบเปิดให้ข้อดีหลายข้อที่ชัดเจนและทำให้ธุรกิจได้รับผลประโยชน์ จากความถูกต้องของตลาดไปจนถึงความมีประสิทธิภาพของกระบวนการ
– รูปแบบภายนอก เนื่องจากนวัตกรรมแบบเปิดเป็นไปตามแนวทางภายนอกของนวัตกรรม องค์กรไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าแนวคิดใหม่จะเป็นไปตามความต้องการของตลาดหรือไม่ แนวคิดเกิดจากตลาดและสะท้อนให้เห็นความต้องการของตลาด
– องค์กรไม่ถูกจำกัดโดยความสามารถ ประสบการณ์ หรือทรัพยากร ของตนเอง เนื่องจากองค์กรสามารถนำเสนอความสามารถ ประสบการณ์ และทรัพยากร ได้กว้างและลึกอย่างมาก
– ด้วยเทคนิค เช่น การวิ่งเร็วในระยะสั้น หรือกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ สามารถทำให้เป็นเดือนหรือสัปดาห์ในบางกรณี
ที่มา: Anthony Marshall (July 13, 2023). Open Innovation Is How Smart Businesses Grow. Retrieved September 23, 2023, from https://www.apqc.org/blog/open-innovation-how-smart-businesses-grow
บทความนำเสนอข้อมูลเกี่ยกับ สถานการณ์ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตลาดของเครื่องวัดระดับน้ำตาล และตัวอย่างการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของเครื่องวัดระบบน้ำตาลในเลือด
สถานการณ์ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้อินซูลินได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนจำเป็นในการเปลี่ยนน้ำตาล แป้ง และอาหารอื่นๆ ให้เป็นพลังงาน การพัฒนาโรคเบาหวานมีทั้งจากพันธุกรรมและจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โรคอ้วนและการขาดการออกกำลังกาย
ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากโรคเบาหวานซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายไม่สามารถประมวลผลคาร์โบไฮเดรตได้ ส่งผลต่อทุกส่วนของร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคไต โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะแทรกซ้อนทางตา (ซึ่งอาจนำไปสู่การตาบอด) ภาวะแทรกซ้อนที่เท้า (ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดแขนขา) ภาวะแทรกซ้อนทางผิวหนัง และภาวะซึมเศร้า ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่า โดยรวมแล้วความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานมีประมาณ 2 เท่า ของผู้ที่ไม่มีโรคเบาหวานในวัยใกล้เคียงกัน อายุขัยของผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉลี่ยจะน้อยกว่าประชากรทั่วไปประมาณ 10 ถึง 15 ปี
ความชุกของโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น
จากรายงาน Nutrition watch: type-2 diabetes in SEA ใน Mintel (2020) มีความชุกของโรคเบาหวานประเภท 2 (type 2 diabetes) คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาระของโรคเบาหวานกำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประชากรโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น
โรคเบาหวานปัญหาระดับโลก และขนาดของตลาดของเครื่องวัดระดับน้ำตาล
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดเรียกอีกอย่างว่า “glucometer” เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการวัดและแสดงระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานหรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสามารถตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดที่บ้านได้ด้วยอุปกรณ์นี้ ดังนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับการตรวจติดตามอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดต้องเป็นไปตามข้อกำหนดความถูกต้องแม่นยำของ ISO
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ continuous glucose monitoring devices หรือ อุปกรณ์ตรวจวัดกลูโคสอย่างต่อเนื่อง และ self-monitoring blood glucose devices หรือ อุปกรณ์ตรวจวัดน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักพกเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดติดตัว อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ทันที ตลาดการวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหนึ่งในตลาดการวินิจฉัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก (the largest diagnostics market in the world) ตามรายงานของ Fortune Business Insights ขนาดตลาดระบบตรวจวัดกลูโคสในเลือด (blood glucose monitoring system) ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 17.03 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 32.99 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 9.9% ระหว่างช่วงปีที่คาดการณ์
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดจะมองหารูปแบบความแปรผันของระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของอาหาร ระดับกิจกรรม การใช้ยา หรือสภาวะทางพยาธิวิทยา เช่น โรคเบาหวาน ที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดที่ผิดปกติอาจก่อให้เกิดโรคที่คุกคามถึงชีวิตได้ทันทีและระยะยาว เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดใช้ในการวัดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มระดับกลูโคสเนื่องจากสามารถอ่านค่าน้ำตาลในเลือดได้อย่างต่อเนื่องและแบบเรียลไทม์ ยังช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณอินซูลินและการบริโภคอาหาร
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่
GlobeNewswire ระบุผู้เล่นหลักบางรายในอุตสาหกรรมเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่ Abbott Laboratories, Asensia Diabetes Care, Medtronic plc, Dexcom Inc., Hoffmann-La Roche Ltd., Sanofi, Insulet Corporation, Novo Nordisk, Glysens Incorporated, B. Braun และ Ypsomed Holdings
ในแง่ของช่องทางการจัดจำหน่ายเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองเพิ่มมากขึ้น แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อจัดจำหน่ายเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดจึงเติบโตขึ้นอย่างมากและรวดเร็วเมื่อเทียบกับร้านค้าออฟไลน์ คาดการณ์ว่าในอนาคตแพลตฟอร์มออนไลน์จะสำคัญมากกว่าร้านค้าออฟไลน์
การพัฒนาล่าสุดของเทคโนโลยีเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด
ตัวอย่างการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของเครื่องวัดระบบน้ำตาลในเลือด
จากรายงาน The Future of Vitamins, Minerals and Supplements: 2023 คาดการณ์ว่า ในอีกสองปีข้างหน้า การติดตามสุขภาพของไมโครไบโอมในลำไส้และระดับน้ำตาลในเลือดจะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับโภชนาการเฉพาะบุคคลตามหลักวิทยาศาสตร์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้โภชนาการที่ตรงเป้าหมายสำหรับช่วงวัยที่แตกต่างกัน และการจัดการกับสาเหตุของความกังวลเรื่องสุขภาพผ่านอาหารเสริมที่สนับสนุนฮอร์โมน น้ำตาลในเลือด และไมโครไบโอมในลำไส้ จะกำหนดโภชนาการส่วนบุคคลในทศวรรษหน้า
สำนักงานมาตรฐานอาหารแห่งสหราชอาณาจักร (Food Standards Agency: FSA) รายงานว่า จนถึงปี 2017 การวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่องยังจำกัดอยู่เฉพาะในตลาดโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Lumen, Levels และ Supersapiens ได้เปิดตัวอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพโดยทั่วไปมากกว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน เช่น Supersapiens ที่มุ่งเป้าไปที่นักกีฬาด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดหรือระบบติดตามผ่านแอพ โดยอ้างว่าช่วยให้นักกีฬาบรรลุศักยภาพของตนเองโดยหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น ความเหนื่อยล้า สะท้อนถึงโอกาสการขยายตัวของตลาดอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดจากโรคเบาหวานไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มอื่นที่ใส่ใจสุขภาพโดยทั่วไป เช่น นักกีฬา ไม่เฉพาะผู้บริโภคกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ประกอบกับปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่กล่าวถึงในข้างต้น เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความชุกของโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มจำนวนประชากรสูงอายุ รายได้ต่อหัวและการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น และความสนใจของผู้บริโภคต่อแนวทางเชิงป้องกันด้านสุขภาพ สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมนี้
อ้างอิง:
กรมควบคุมโรค. (12 พฤศจิกายน 2564). กรมควบคุมโรค รณรงค์วันเบาหวานโลก ปี 2564 ตระหนักถึงการดูแลรักษาโรคเบาหวาน ให้ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21692&deptcode=brc
Forsyth, J. (2022, February 28). Food innovators face a new era of mass personalisation. Mintel. https://clients.mintel.com/content/trend/food-innovators-face-a-new-era-of-mass-personalisation-1
Fortune Business Insights. (2023, May). Blood glucose monitoring market. https://www.fortunebusinessinsights.com/industry-reports/blood-glucose-monitoring-market-100648
GlobeNewswire. (2023, March 7). Blood glucose meters market predicted to garner USD 22.6 billion by 2032, at CAGR 8.7% | Market.us. https://www.globenewswire.com/en/news-release/2023/03/07/2622373/0/en/Blood-Glucose-Meters-Market-Predicted-to-Garner-USD-22-6-Billion-By-2032-At-CAGR-8-7-Market-us.html
Mattucci, S. (2022, February 22). Nutrition watch: blood sugar control. Mintel. https://clients.mintel.com/content/insight/nutrition-watch-blood-sugar-control
Mintel. (2022, January 4). Smart ring. https://reports.mintel.com/trends/#/observation/1117961?fromSearch=%3Ffreetext%3D%2522Blood%2520Glucose%2522
Mintel. (2021, October 19). Understand your body. https://reports.mintel.com/trends/#/observation/1106387?fromSearch=%3Ffreetext%3D%2522Blood%2520Glucose%2522
Schofield, E. (2023, June 7). The future of vitamins, minerals and supplements: 2023. Mintel. https://clients.mintel.com/content/report/the-future-of-vitamins-minerals-and-supplements-2023
Teodoro, Michelle. (2020, March 4). Nutrition watch: type-2 diabetes in SEA. Mintel. https://clients.mintel.com/content/insight/nutrition-watch-type-2-diabetes-in-sea
Trouwborst, I., Gijbels, A., Jardon, K.M., Siebelink, E., Hul, G.B., Wanders, L., Erdos, B., Peter, S., Singh-Povel, C., de Vogel-van den Bosch, J., Adriaens, M., Arts, I., Thijssen, D., Feskens, E., Goossens, G., Afman, L., Blaak, E. (2023). Cardiometabolic health improvements upon dietary intervention are driven by tissue-specific insulin resistance phenotype: A precision nutrition trial. Cell Metabolism, 35 (1), pp. 71-83.e5. doi: 10.1016/j.cmet.2022.12.002
การศึกษาแบบเปิด คือ ทรัพยากร เครื่องมือ และการปฏิบัติ ที่ไม่มีการกีดกันทางกฎหมาย การเงิน และเทคนิค และสามารถถูกใช้ แบ่งปัน และปรับอย่างสมบูรณ์ในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล
การศึกษาแบบเปิดทำให้อินเทอร์เน็ตมีความสามารถสูงสุดในการทำให้การศึกษาสามารถจ่ายได้ เข้าถึงได้ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รากฐานของการศึกษาแบบเปิด คือ ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (Open Educational Resources, OER) ซึ่งเป็นการสอน การเรียนรู้ ทรัพยากรวิจัย ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่มีการกีดกันการเข้าถึง และยังมีการอนุญาตทางกฎหมายให้ใช้แบบเปิด โดยการอนุญาตใช้การอนุญาตแบบเปิด ที่ปล่อยให้ใครก็ได้ใช้ ปรับ และแบ่งปันทรัพยากรอย่างไม่มีค่าใช้จ่าย ที่เวลาไหนก็ได้และที่ไหนก็ได้
ทำไมใช้การศึกษาแบบเปิด
1. ราคาตำราเรียนไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การศึกษาแบบเปิดมีตำราเรียนให้ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
2. นักศึกษาเรียนรู้มากขึ้นเมื่อเข้าถึงวัสดุทางการศึกษาที่มีคุณภาพ การศึกษาแบบเปิดให้วัสดุทางการศึกษาที่มีคุณภาพ
3. เทคโนโลยีทำให้เกิดการพัฒนาการสอนและการเรียนรู้อย่างมาก การศึกษาแบบเปิดทำให้การสอนและการเรียนรู้พัฒนา
4. การศึกษาที่ดีขึ้นหมายถึงอนาคตที่ดีขึ้น การศึกษาแบบเปิดทำให้การศึกษาถูกเข้าถึงได้มากขึ้นและการสอนและการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่มา: SPARC. Open Education. Retrieved September 15, 2023, from https://sparcopen.org/open-education/
การเข้าถึงแบบเปิด คือบทความวิจัยที่มีให้อย่างฟรี ทันที และออนไลน์ และสิทธิในการใช้บทความอย่างสมบูรณ์ในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล ยังมีความหมายได้อีก เช่น
1. การเข้าถึงแบบเปิดทำให้ใครก็ได้สามารถเข้าถึงและใช้ผลการวิจัย เพื่อเปลี่ยนจากแนวคิดเป็นอุตสาหกรรมและชีวิตที่ดีขึ้น
2. การเข้าถึงแบบเปิดเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนโดยทำให้ผลการวิจัยที่ได้รับทุนสามารถอ่านและต่อยอดโดยใครก็ได้
3. การเข้าถึงแบบเปิดขยายจำนวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในงานวิจัยจากสถาบันที่มีเงินมากพอที่จะจ่ายสำหรับสมัครสมาชิกใช้บริการวารสารไปยังใครก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้
4. การเข้าถึงแบบเปิดหมายถึงมีผู้อ่านที่มากขึ้น มีผู้ร่วมมือที่มากขึ้น มีการอ้างอิงงานที่มากขึ้น และในที่สุดได้รับการยอมรับที่มากขึ้น
ที่มา: SPARC. Open Access. Retrieved September 15, 2023, from https://sparcopen.org/open-access/