หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. รักษ์โลก เปิดตัว “ถุงขยะย่อยสลายได้”
สวทช. รักษ์โลก เปิดตัว “ถุงขยะย่อยสลายได้” นับวันขยะพลาสติกจะเป็นปัญหาที่รุนแรงและมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ผ่านมามีการผลิตพลาสติกเพื่อใช้งานบนโลกนี้แล้วกว่า 8,800 ล้านตัน ซึ่งกว่าร้อยละ 40 เป็นขยะพลาสติกใช้งานเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง และร้อยละ 88 ของขยะพลาสติกทั้งหมดถูกกำจัดโดยการฝังกลบ เผา ทิ้งลงแม่น้ำและไหลสู่ทะเล สร้างผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและกำลังย้อนกลับมาสร้างปัญหากับมนุษย์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ หรือ เอ็มเทค (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร พัฒนา “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้” ซึ่งเป็นการคิดค้นสูตรเม็ดพลาสติกคอมพาวด์สำหรับการผลิตต้นแบบถุงพลาสติกย่อยสลายได้ที่สามารถขยายการผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้เป็นครั้งแรกของประเทศ โดยมีวัตถุดิบหลักเป็นมันสำปะหลังที่เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย และมีการนำไปใช้งานจริงแล้วในงานกาชาดประจำปี 2562 ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ฝีมือนักวิจัยไทย       ดร.นพดล เกิดดอนแฝก นักวิจัย MTEC อธิบายถึงแนวคิดในการทำวิจัยว่า ที่ผ่านมาการผลิตถุงพลาสติกย่อยสลายได้ในประเทศมีต้นทุนสูง เพราะต้องอาศัยการนำเข้าเม็ดพลาสติกชีวภาพพร้อมขึ้นรูปหรือคอมพาวด์ (Compound) จากต่างประเทศ ดังนั้นเพื่อผลักดันให้สามารถผลิตถุงพลาสติกย่อยสลายได้เอง จึงมีการรวมตัวของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำเพื่อทำวิจัยร่วมกัน ทั้งผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลัง ผู้นำเข้าเม็ดพลาสติกชีวภาพ นักวิจัย และผู้ผลิตในส่วนเป่าขึ้นรูปถุงพลาสติก เพื่อให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในราคาจับต้องได้ “จุดเด่นของถุงพลาสติกย่อยสลายได้ที่พัฒนาขึ้นคือ มีการนำเอาแป้งจากมันสำปะหลังซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจไทยมาเป็นส่วนประกอบหลักสูงถึงร้อยละ 40 ซึ่งมากกว่าถุงพลาสติกย่อยสลายได้ทั่วไป นอกจากมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายตัวเองของพลาสติกแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้มากอีกด้วย ทั้งนี้ในการผลิตได้ลดจุดอ่อนในเรื่องการละลายน้ำของแป้งมันสำปะหลังลง ด้วยการใช้เทคนิคทวินสกรูว์เอกซ์ทรูชัน (Twin screw extrusion) ในการหลอมส่วนผสมเข้ากับเม็ดพลาสติกชีวภาพอีก 2 ชนิด PLA และ PBAT ในสัดส่วนและอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้ได้ออกมาเป็นเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ที่มีความเหมาะสมแก่การขึ้นรูปด้วยกระบวนการเป่าเป็นถุงพลาสติก ตอบโจทย์ทั้งความยืดหยุ่น เหนียว แข็งแรง และย่อยสลายได้เร็วภายใต้ภาวะที่มีความชื้นและจุลินทรีย์ที่เหมาะสม โดยไม่ต้องใช้สารเคมีอันตรายเป็นส่วนผสม ทุกขั้นตอนการผลิตใช้เครื่องจักรพื้นฐานที่มีการใช้งานภายในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำเอาองค์ความรู้ไปใช้ผลิตเพื่อจำหน่ายได้ง่าย” จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ทีมวิจัยพบว่าหากมีการนำไปฝังในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม ถุงพลาสติกชนิดนี้สามารถย่อยสลายได้ภายในเวลา 3 – 4 เดือน โดยมีจุลินทรีย์ทำหน้าที่เป็นผู้ย่อยสลาย แต่หากนำไปฝังในพื้นที่จัดการขยะซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า คาดว่าจะสามารถย่อยสลายได้เร็วขึ้น คือภายในเวลา 3 เดือนหรือน้อยกว่านั้น โดยในการคิดค้นถุงพลาสติกย่อยสลายได้ครั้งนี้ นักวิจัยมีความตั้งใจที่จะนำไปใช้ลดปัญหาการคัดแยกหรือการจัดการขยะอินทรีย์ “ถุงพลาสติกชนิดนี้มีเป้าหมายในการใช้กำจัดขยะอินทรีย์ เพราะขยะอินทรีย์เป็นขยะที่มีปริมาณมากถึงร้อยละ 65 ของปริมาณขยะทั้งหมด ซึ่งมักไม่ได้รับการคัดแยกเพื่อกำจัดอย่างถูกวิธี ทำให้เกิดการปนเปื้อนและลดมูลค่าของขยะรีไซเคิลลง ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการคัดแยกก่อนทิ้ง และสามารถกำจัดได้อย่างปลอดภัย ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ชนิดนี้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้กำจัด เพราะเมื่อทั้งถุงและขยะอินทรีย์เกิดการย่อยสลายรวมกันจนเสร็จสิ้นแล้ว จะได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ สารอนินทรีย์ และชีวมวล ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนสำคัญในการปลูกพืชให้กับเกษตรกรได้” ประเดิมใช้งาน “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้” ในงานกาชาดสีเขียว จากความสำเร็จในการคิดค้นสูตรการผลิต “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้” ได้เปิดตัวให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทดลองใช้แล้ว ใน “งานกาชาดประจำปี 2562” ระหว่างวันที่ 15–24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการจัดงานภายใต้แนวคิดกาชาดสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีภาคอุตสาหกรรมผู้ร่วมทำวิจัยและสนับสนุนการผลิตเพื่อให้เกิดการทดลองใช้จริง บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้การสนับสนุนแป้งมันสำปะหลัง บริษัท โททาล คอร์เบียน พีแอลเอ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด ให้การสนับสนุนเม็ดพลาสติกชีวภาพ และ บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนกระบวนการเป่าขึ้นรูปถุงพลาสติกย่อยสลายได้ ภายในงานมีถุงพลาสติกสำหรับใช้ทิ้งขยะอินทรีย์ให้บริการ 2 ขนาด คือ ขนาด 18 x 20 นิ้ว สำหรับให้บริการตามร้านขายอาหาร และขนาด 30 x 45 นิ้ว สำหรับให้บริการตามจุดทิ้งขยะทั่วงาน จำนวนรวม 23,800 ใบ น้ำหนักรวม 1.5 ตัน โดยมีอาสาสมัครประจำทุกจุดทิ้งขยะเพื่ออธิบายการทิ้งอย่างถูกวิธีให้กับผู้เที่ยวชมภายในงาน และคณะวิจัยจะดำเนินงานติดตามผลการจัดการขยะจริงต่อเนื่องเป็นเวลาอีก 3 เดือน เพื่อยืนยันผลการใช้และนำไปปรับปรุงพัฒนาผลงานต่อไป สำหรับต้นทุนในการผลิตถุงพลาสติกมาใช้ในงานกาชาดครั้งนี้ เนื่องจากมีการผลิตจำนวนไม่มากจึงมีราคาเทียบเท่ากับที่จำหน่ายในต่างประเทศ คือ ถุงพลาสติกขนาดเล็ก 18 x 20 นิ้ว ความหนา 35 ไมครอน มีราคาใบละ 4 บาท ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ 30 x 45 นิ้ว ความหนา 60 ไมครอน มีราคาใบละ 30 บาท แต่ ดร.นพดล ได้อธิบายถึงกลไกทางการตลาดว่า “หากในอนาคตประชาชนมีความต้องการใช้ถุงพลาสติกแบบย่อยสลายได้มากขึ้น จะทำให้มีผู้ผลิตมากขึ้น และราคาถุงจะลดลงจนเป็นราคาที่จับต้องได้มากกว่านี้”           ดร.นพดล กล่าวทิ้งท้ายว่า “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้เราได้มีโอกาสเลือกใช้พลาสติกได้อย่างเหมาะสม ลดการใช้พลาสติกที่ก่อให้เกิดขยะจำนวนมาก และยังสามารถนำขยะรีไซเคิลกลับไปใช้ประโยชน์อีกครั้งตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) หากทุกคนช่วยกันลดการสร้างขยะพลาสติกที่ก่อให้เกิดมลภาวะจากต้นทาง และมีการจัดการกับขยะอย่างถูกวิธีจนสามารถเปลี่ยนแปลงทั้งระบบได้ ก็จะสามารถดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน” เรียบเรียงโดย : ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. จุดประกายนักวิทย์ฯน้อย ผ่าน Science Film Festival 2019
สวทช. จุดประกายนักวิทย์ฯน้อย ผ่าน Science Film Festival 2019 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งกับการเฉลิมฉลองการสื่อสารทางด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลก ในงาน “เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 15 (Science Film Festival 2019)” โดยในปีนี้ สถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย ได้ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และหน่วยงานพันธมิตร นำสื่อวีดิทัศน์ 18 เรื่อง หลากเนื้อหาหลายอารมณ์จาก 10 ประเทศมาฉายให้เด็กและเยาชนได้ชมในธีม “ฮุมโบลด์ทและสายใยแห่งชีวิต” โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นหนึ่งใน 6 ศูนย์จัดฉายภาพยนตร์ให้กับเด็กและเยาวชนระหว่างวันที่ 18–28 พฤศจิกายน 2562 นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “สวทช. ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการเป็นศูนย์จัดฉายภาพยนตร์วิทยาศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง เพราะพันธกิจหลักของ สวทช. นอกจากการสร้างเสริมการวิจัยเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อประเทศแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคน ทั้งในด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนสู่อาชีพนักวิจัย การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน การสนับสนุนทุนการศึกษา รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยหันมาสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “สำหรับหัวข้อการจัดงานครั้งนี้ คือ “ฮุมโบลด์ทและสายใยแห่งชีวิต (Humboldt and the Web of Life)” มาจากวาระครบรอบ 250 ปีชาตกาล ของ อเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮุมโบลด์ท (Alexander von Humboldt) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ผู้ปฏิวัติแนวคิดทางธรรมชาติและให้คำจำกัดความไว้ว่า “ธรรมชาติเปรียบเสมือนเครือข่ายมีชีวิตที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน” เพื่อสื่อให้ผู้ชมภาพยนตร์ได้หยุดมองความสัมพันธ์ของแต่ละสิ่ง และใส่ใจว่าทุกการกระทำของตนมีผลต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสื่อที่จัดฉายมีทั้งหมด 18 เรื่อง จาก 10 ประเทศ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ภาพยนตร์ แอนิเมชัน และหนังสั้น เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และธรรมชาติ มีทั้งแบบซาวด์แทร็ก พากษ์ไทย และมีคำบรรยายภาษาไทย ที่พิเศษคือภายหลังการจัดฉายภาพยนตร์ สวทช. ได้จัดกิจกรรมจุดประกายและส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น เกมทางวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับภาพยนตร์ และทอล์กโชว์สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากนักวิจัย สวทช. โดยคาดหวังว่าเยาวชนจะได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลินและได้รับสาระความรู้ดีๆ” ด.ญ.กันต์กมล แก้วพูลศรี หรือ น้องเหนือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประถมศึกษาธรรมศาสตร์ สะท้อนความประทับใจจากการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า จากการชมภาพยนตร์ มีเรื่องที่ชอบที่สุด 2 เรื่อง คือ การผจญภัยของลูกแก้วสามพี่น้อง ซึ่งนำของที่เห็นได้ทั่วไปมาประดิษฐ์เป็นกลไกให้ลูกแก้วไหลไปตามจุดต่างๆ กับ เรื่องบ้านวิทยาศาสตร์น้อยตอนหอยทากเพื่อนรัก เพราะหอยทากสามารถเดินผ่านอุปสรรคที่เป็น หิน ท่อนไม้ และทางชันได้ ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน สำหรับคนที่ยังไม่ชอบวิทยาศาสตร์ คิดว่าถ้าลองเปิดใจดูจะพบว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องสนุกมากค่ะ ด้าน นางสาวทิฆัมพร ม่วงแจ่ม หรือ น้องไผ่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสามโคก กล่าวว่า ได้ดูเรื่องจากรากเหง้าสู่กำเนิดมนุษย์ ทำให้เห็นปัจจัยต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มนุษย์มีวิวัฒนาการมาเป็นอย่างทุกวันนี้ เป็นแรงกระตุ้นให้อยากเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาตนเองและประเทศให้เจริญก้าวหน้า ที่สำคัญหลังจบภาพยนตร์ยังได้ฟังพี่นักวิจัย สวทช. เล่าถึงประสบการณ์เส้นทางสู่การเป็นนักวิจัย การทบทวนเป้าหมาย และการวางเตรียมตัววางแผน ทำให้ยิ่งอยากทำตามฝันในการทำงานด้านการแพทย์ให้สำเร็จ เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้นับเป็นกิจกรรมดีๆ ที่ช่วยให้เด็กและเยาวชนเห็นว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัวและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชนสนใจเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ และก้าวสู่อาชีพนักวิจัยเพื่อขับเคลื่อนประเทศด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. อว. ผนึก สยามพิวรรธน์ พีทีทีจีซี โชว์เครื่องกรองอากาศ ‘IonFresh’ ต้นคริสต์มาสรักษ์โลก ใจกลางเมือง โครงการ “Circular Living Campaign 2019”
สวทช. อว. ผนึก สยามพิวรรธน์ พีทีทีจีซี โชว์เครื่องกรองอากาศ ‘IonFresh’ ต้นคริสต์มาสรักษ์โลก ใจกลางเมือง โครงการ “Circular Living Campaign 2019” 3 ธันวาคม 2562 ณ ลานสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมจัดกิจกรรมในโครงการ “Circular Living Campaign 2019” โดย สวทช. ได้นำ ไอออนเฟรซ (IonFresh) เครื่องกรองอากาศแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Air Purifier) ซึ่งพัฒนาโดยทีมวิจัยศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ สวทช. ติดตั้งที่บริเวณใต้ต้นคริสต์มาส Magical Christmas Tree โดยเครื่อง IonFresh จะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีอัตราการกรองอากาศ 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพื่อกรองอากาศให้กับประชาชนทั่วไปเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ลานสยาม ดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า ตั้งแต่บัดนี้  ถึง 11 มกราคม 2563 การสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาส Magical Christmas Tree สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีพีทีจีซี และได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) คิดค้นประดิษฐ์ผลงานต้นคริสต์มาสในแนวรักษ์โลก ซึ่งในปีนี้นำเสนอภายใต้แนวคิด “Clean Air Eco Christmas Tree” ออกแบบเป็นรูปกังหันใบพัดสีขาวทำจากวัสดุเป็นแผ่นกระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพทำจากอ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลังจำนวน 1,000 ใบ ขนาด 70 × 50 เซนติเมตร สำหรับปีนี้บริเวณใต้ต้นคริสต์มาส (Magical Christmas Tree) ได้เพิ่มความพิเศษมากกว่าทุกปี คือ มีเครื่องกรองอากาศ ‘IonFresh’เป็นเครื่องกรองอากาศแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic air purifier) สำหรับใช้งานภายนอกอาคารจำนวน 4 เครื่อง วิจัยและพัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (National Security and Dual-Use Technology Center – NSD) สวทช. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12923-20191204-ionfresh
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. ผลักศูนย์น้องใหม่ NSD ขับเคลื่อน S-Curve ที่ 11 พัฒนานวัตกรรมรับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
สวทช. ผลักศูนย์น้องใหม่ NSD ขับเคลื่อน S-Curve ที่ 11 พัฒนานวัตกรรมรับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผลักดันหน่วยงานใหม่ภายใต้ สวทช. ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ หรือ National Security and Dual-Use Technology Center (NSD) เพื่อขับเคลื่อน New S-Curve ที่ 11 การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ล่าสุดเปิดตัวศูนย์ NSD พร้อมนำ 5 นวัตกรรมภายใต้ศูนย์ฯ จัดแสดงในงาน Defense & Security 2019 และร่วมจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีกราฟีนกับการป้องกันประเทศ  ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (NSD) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ความมั่นคงของประเทศ ถูกกำหนดให้เป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) โดยมีเป้าหมายสำคัญในเรื่องการสร้างความมั่นคงปลอดภัย พร้อมรับมือภัยพิบัติและภัยคุกคามในทุกรูปแบบ อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็น S-Curve ตัวที่ 11 โดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับผิดชอบในการส่งเสริมและวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสองทาง (Dual-Use) ที่สามารถนำไปใช้งานได้ทั้งในภารกิจด้านความมั่นคงและภาคพลเรือนทั่วไปเชิงพาณิชย์ ดังนั้น สวทช. จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์” หรือ NSD ขึ้นในปี 2562 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12919-20191127-nsd
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – ธ.ก.ส. ร่วมกับ สวทช. หนุนพัฒนานวัตกรรมการเกษตรดิจิทัล
ธ.ก.ส. ร่วมกับ สวทช. หนุนพัฒนานวัตกรรมการเกษตรดิจิทัล ธ.ก.ส. จับมือ สวทช. ร่วมพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมการเกษตรดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร นำเทคโนโลยีมาเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของห่วงโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงการพัฒนาทางการเงินและการสาธารณสุข เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย 21 พฤศจิกายน 2562 ณ โถงชั้น 2 ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วย “ความร่วมมือทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี” โดยมี นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับ นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนาม เพื่อร่วมมือและส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมการเกษตรดิจิทัล สุขภาพการแพทย์สาธารณสุข สังคม และองค์กร โดยใช้กลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมาย หรือ Technology Development Groups (TDGs) นำไปวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์ข้อมูล ต่อยอดเพื่อสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรมภาคเกษตรไทย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12909-20191121
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. ร่วมกับ จ.ปทุมฯ และเครือข่ายพันธมิตร จัดเวิร์คชอปเรียนรู้โค้ดดิ้งเรื่อง PM 2.5 แก่ผู้บริหารและครูในพื้นที่
สวทช. ร่วมกับ จ.ปทุมฯ และเครือข่ายพันธมิตร จัดเวิร์คชอป เรียนรู้โค้ดดิ้งเรื่อง PM 2.5 แก่ผู้บริหารและครูในพื้นที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศ จ.ปทุมธานี - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 (สพป.ปทุมธานี เขต 1) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงหน่วยงานเอกชนที่ให้การสนับสนุนคือ มูลนิธินายห้างโรงปูนผู้หนึ่ง จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “แนวทางการจัดการเรียนรู้ Coding ด้วยสถานการณ์ PM2.5” ระหว่างวันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน 2562 เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับเยาวชน ผู้สูงอายุ และประชาชนในพื้นที่ พร้อมสร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจเรื่องสถานการณ์ PM2.5 ให้แก่บุคคลในพื้นที่ ด้วยการนำรูปแบบการเรียนรู้ที่ทันสมัยเรื่องโค้ดดิ้ง (Coding) กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเรื่องค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน มาใช้เป็นแนวทางจัดการเรียนการรู้ในห้องเรียน จะส่งผลให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้ได้มากยิ่งขึ้น โดยมีปลัดอาวุโสอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.อ้อมใจ ไทรเมฆ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 ตลอดจนวิทยากรจาก ม.ธรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 162 คน จากโรงเรียน สังกัด สพป.ปทุมธานี เขต 1 จำนวน 103 โรงเรียน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12912-20191122-pm2-5
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. ส่งต่อทูตเยาวชน JENESYS 2019 บินลัดฟ้าเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
สวทช. ส่งต่อทูตเยาวชน JENESYS 2019 บินลัดฟ้าเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง ฝ่ายพัฒนาบุคลากรวิจัย ให้ความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คัดเลือก 16 เยาวชนไทยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อเป็นทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ในโครงการ JENESYS 2019 ศึกษาดูงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมถึงประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 วัน ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2562 ณ กรุงโตเกียว และจังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยจัดพิธีแสดงความยินดีและปฐมนิเทศทูตเยาวชน JENESYS 2019 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานีนางอติพร สุวรรณ หัวหน้างานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง (JSTP) ฝ่ายพัฒนาบุคลากรวิจัย สวทช. เปิดเผยว่า สวทช. เป็นผู้ประสานการดำเนินโครงการคัดเลือกเยาวชนทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งตอนนี้ดำเนินการมา 5 ปีแล้ว โดยในปีนี้ได้ทำการคัดเลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโครงการต่างๆ ที่ สวทช. ดูแล ไม่ว่าจะเป็นโครงการ JSTP โครงการรับนักเรียน ม.ปลายฝึกทักษะวิจัย ณ ศูนย์วิจัยแห่งชาติของ สวทช. ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นนักเรียนในโครงการวิทยาศาสตร์ และ สวทช. ยังคัดเลือกจากนักเรียนที่เข้ามาอบรมในโครงการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร รวมถึงนักเรียนที่อยู่ในโครงการ FabLab ด้วย รวมทั้งหมดจากที่ได้มีการส่งใบสมัครเข้ามาเป็นจำนวนนักเรียน 69 คน จากนั้นจึงคัดเลือกมา 30 คนเพื่อรับการสัมภาษณ์ และคัดเลือกรอบสุดท้ายเหลือ 16 คนเพื่อเป็นทูตวิทยาศาสตร์ที่จะไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ที่กรุงโตเกียวและจังหวัดนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12908-20191118-jenesys-2019
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. จับมือ สอว. ดึงผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ยกระดับหน่วยบ่มเพาะธุรกิจฯ ทั่วประเทศ มุ่งหนุนเสริมขีดความสามารถการแข่งขันผู้ประกอบการไทย
สวทช. จับมือ สอว. ดึงผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ยกระดับหน่วยบ่มเพาะธุรกิจฯ ทั่วประเทศ มุ่งหนุนเสริมขีดความสามารถการแข่งขันผู้ประกอบการไทย 12 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ร่วมกับ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) สองหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวผลความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพการจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจใน “โครงการยกระดับขีดความสามารถของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยีด้วย Maturity Model” ที่ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จนครบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยการประเมินขีดความสามารถของหน่วยบ่มเพาะฯ ต่างๆ ทางโครงการฯ มอบหมายให้ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. เป็นผู้ดำเนินการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากหน่วยบ่มเพาะฯ โดยดึงผู้เชี่ยวชาญระดับสูงระดับโลกสถาบัน CREEDA (ครีด้า) ประเมินและยกระดับขีดความสามารถหน่วยบ่มเพาะฯ ตามอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคต่างๆ ด้วยรูปแบบ Maturity Model ที่ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย การส่งเสริมกิจกรรมด้านการบ่มเพาะฯ ซึ่งปีนี้ดำเนินการไป 8 แห่ง ได้แก่ ม.วลัยลักษณ์ ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม ม.แม่ฟ้าหลวง ม.แม่โจ้ ม.นเรศวร ม.มหาสารคาม และ ม.เทคโนโลยีสุรนารี  อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12898-20191112-1
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. ร่วมกับพันธมิตรโชว์นวัตกรรม “ถุงพลาสติกสลายตัวได้” จากแล็บสู่ใช้งานจริงประเดิมงาน “กาชาดสีเขียว 62”
สวทช. ร่วมกับพันธมิตรโชว์นวัตกรรม “ถุงพลาสติกสลายตัวได้” จากแล็บสู่ใช้งานจริงประเดิมงาน “กาชาดสีเขียว 62” 13 พฤศจิกายน 2562 โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (TBiA) และพันธมิตรภาคเอกชนร่วมแถลงข่าว "ถุงพลาสติกสลายตัวได้สำหรับขยะอินทรีย์ จากแล็บสู่การขยายผลเพื่อใช้งานจริง” ซึ่งเป็นการนำ "ถุงพลาสติกสลายตัวได้สำหรับขยะอินทรีย์” ผลงานวิจัยของเอ็มเทค สวทช. ที่ร่วมกับ บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด พัฒนาสูตรพลาสติกชีวภาพมาแปรรูปเป็นพลาสติกและทำการผสมสูตรเพื่อเพิ่มสมบัติทางวิศวกรรมให้เหมาะสมกับการนำไปขึ้นรูปเป็นฟิล์มบาง โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีอุตสาหกรรมพลาสติก ได้แก่ บริษัท โททาล คอร์เบียน พีแอลเอ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด ผู้สนับสนุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกชีวภาพ และบริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) สนับสนุนกระบวนการเป่าขึ้นรูปถุงพลาสติกสลายตัวได้ สำหรับใช้แยกขยะอินทรีย์ใน “งานกาชาด 2562” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-24 พฤศจิกายนนี้ ที่สวนลุมพินี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12895-20191113
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.9 – สวทช. ร่วมกับ TMA เปิดประเด็นนวัตกรรมอาหารเพื่อมนุษยชาติ ในงาน Food Innopolis 2019
สวทช. ร่วมกับ TMA เปิดประเด็นนวัตกรรมอาหารเพื่อมนุษยชาติ ในงาน Food Innopolis 2019 ตอกย้ำยุทธศาสตร์ไทยสู่ครัวโลก เพราะอาหารที่เราบริโภคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นสิ่งที่ส่งผลถึงความอยู่ได้และอยู่ดีของมนุษย์ อาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกหน่วยในสังคม ปัจจุบันประชากรโลกกว่า 821 ล้านคน จากทั้งหมด 7,700 ล้านคน กำลังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนอาหารทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ  มีการคาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2050 จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 9,000 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็น 11,900 ล้านคนในปี ค.ศ. 2100  จึงมีความกังวลเกี่ยวกับการผลิตอาหารให้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ  รวมทั้งต้องคำนึงถึงการจำกัดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เพื่อเตรียมการสู่อนาคตและสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้อุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมืองนวัตกรรมอาหาร หรือฟู้ดอินโนโพลิส สังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้จัดงานประชุมนานาชาติ Food Innopolis International Symposium 2019 ขึ้นเป็นครั้ง 2 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9 - 14 พฤศจิกายน 2562 เพื่อตอกย้ำความสำคัญของนวัตกรรมอาหารและกระบวนการเกษตรอุตสาหกรรม และกระบวนการการผลิตอาหารที่ยั่งยืน โดยปีนี้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ท่าน จากประเทศไทยและจากทั่วโลก เข้าร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและถ่ายทอดประสบการณ์ ภายใต้แนวคิด “FROM TRADITION TO INNOVATION – The Art & Science of Food” อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12892-20191112
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
สวทช. เปิดรับ Food SMEs ร่วมอบรม PADTHAI Batch #5
เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย FI Accelerator ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดรับสมัครผู้ประกอบการ SMEs ทายาทธุรกิจด้านนวัตกรรมอาหาร ที่ต้องการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ รวมถึงบุคลากรที่รับผิดชอบการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมอาหารขององค์กร โดยต้องจดทะเบียนนิติบุคคลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการใน “โครงการอบรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการอาหาร SMEs ด้านนวัตกรรมอาหารของไทย ครั้งที่ 5 (PADTHAI #5)” หลักสูตรเข้มข้น 5 วัน 5 คืน จากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารโดยตรง พร้อมรับโอกาสมากมาย เช่น การเข้าถึงแหล่งสนับสนุนทุน ตลาด และการแข่งขันนำเสนอแผนธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เปิดรับสมัครวันนี้ - 6 ม.ค. 63 และจะฝึกอบรมแบบเข้มข้น 3 - 7 ก.พ. 63 ณ โรงแรมแสนโฮเทล จ.เชียงราย มีค่าใช้จ่ายลงทะเบียนฝึกอบรม ดูข้อมูลเพิ่มเติมและลิงค์สมัครที่ https://forms.gle/KPrgbi19gq59o1DXA หรือเพจเฟซบุ๊ก PADTHAI by Food Innopolis สอบถามโทร. 091-713-5433 (กรองจิตร), 082-441-4169 (สันติ) (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
เตรียมยลโฉมอนาคตที่สัมผัสได้ในงาน “Maker Faire Bangkok 2020” ตอกย้ำความสำเร็จของงานเมกเกอร์แฟร์เป็นปีที่ 5 ภายใต้ธีม “The Future We Make” พร้อมสร้างอนาคตที่ดีด้วยผลงานที่สร้างสรรค์โดยเมกเกอร์
กรุงเทพฯ – 12 ธันวาคม 2562 – บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกลุ่มเมกเกอร์ในประเทศไทย เตรียมสานต่อความสำเร็จของงานเมกเกอร์แฟร์เป็นปีที่ 5 ด้วยการจัดงาน “Maker Faire Bangkok 2020: The Future We Make” มหกรรมแสดงผลงานของสุดยอดเมกเกอร์ชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงความสำเร็จของงานเมกเกอร์แฟร์ในการสร้างความเปลี่ยนแปลง พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม อันจะนำมาซึ่งอนาคตที่ก้าวไกลของประเทศไทยและโลกใบนี้ด้วยผลงาน สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมหลากหลายแขนงจากฝีมือของเหล่าเมกเกอร์ ที่มาร่วมจัดแสดงจากทั่วไทยและต่างประเทศจนเต็มความจุของพื้นที่ พร้อมด้วยกิจกรรมเวิร์คช็อปอีกมากมายที่จะช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมเมกเกอร์ให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทยเพื่อก้าวไปเป็นศูนย์กลางของเมกเกอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างวันที่ 18 – 19 มกราคม 2563 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัชดา สามารถเข้าชมฟรีได้ตลอดทั้งงาน (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์