หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
Mini Workshop หัวข้อ Automotive and Advanced Transportation Engineering
โครงการ TAIST Tokyo Tech ร่วมกับ ศูนย์วิจัยแห่งชาติ และ ตัวแทนจาก มหาวิทยาลัยพันธมิต ได้แก่  Tokyo Institute of Technology , สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง (สจล.), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ( มจธ.) ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ศล.) และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (ศว.) จัด Mini workshop ในหัวข้อ “ Automotive and Advanced Transportation Engineering” ในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2564 เวลา 9:00-11:00 (เวลาไทย) ลงทะเบียน: https://zoom.us/meeting/register/tZUkduGopj8jEtGPVmH6W3Cus3XpzQHrCveg (more…)
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. ร่วมกับ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ และ ไทยน้ำทิพย์ ส่งมอบรถเข็นรักษ์โลก ให้ผู้ค้าสตรีทฟู้ดตลาดน้อย หนุนสตรีทฟู้ดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
4 ตุลาคม 2564 สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ :- นับแต่เปิดตัวเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 รถเข็นรักษ์โลก ที่ออกแบบโดยศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) DECC ได้โอกาสส่งมอบรถเข็นให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศแล้วกว่า 70 คัน และมาถึงวันที่ผู้ค้าเขตสัมพันธวงค์ ได้ใช้รถ “นวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู้ด” ที่ DECC สวทช. ได้พัฒนาขึ้น โดย นายอัมพร โพธิ์ใย ผู้อำนวยการศูนย์ DECC สวทช. และนายนพรัตน์ อรุณงาม ผู้อำนวยการขาย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และคณะ ร่วมส่งมอบรถเข็นรักษ์โลกแก่ นางสาวอาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ และตัวแทนผู้ค้ารอบเขตสัมพันธวงศ์ กาลวา ตลาดน้อย ตรอกโรงหมู จำนวน 29 คัน โดยนำรถเข็นของ DECC ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนในพื้นที่เป็นรถเข็นรักษ์โลกที่มีลวดลายตกแต่งรูปแบบจีนและป้ายไฟในตำแหน่งของชื่อร้านเพื่อความโดดเด่น และยังช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพ ความสะอาด และปลอดภัยของอาหารสตรีทฟู้ด ตอบโจทย์ “รักษ์โลก” และ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” แก่ผู้ค้าเต็มรูปแบบ นายอัมพร โพธิ์ใย ผู้อำนวยการศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) สวทช. กล่าวว่า สวทช.พัฒนา “นวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู้ด” ด้วยจุดริเริ่มและคิดค้นหาทางยกระดับ สตรีทฟู้ดไทยให้ก้าวไกลขึ้นด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ามาช่วยยกระดับมาตรฐานทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร สุขอนามัย ความสะอาดของร้านและผู้ปรุงอาหาร คุณภาพของการให้บริการและความอร่อย จึงทำการออกแบบและพัฒนารถเข็นและอุปกรณ์ภายในร้านให้มีความสะอาดปลอดภัย ลดการสร้างมลพิษหรือขยะของเสีย ลดน้ำหนักรถเข็นให้เบาที่สุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการดูดควันให้สามารถใช้งานในพื้นที่ปิดได้ และปรับปรุงระบบบำบัดน้ำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนเกิดเป็นนวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบ โดยผ่านการใช้งานจากผู้ประกอบทั่วประเทศมาแล้ว และได้รับความไว้วางใจเพื่อสร้างอัตลักษณ์อาหารริมทาง โดยครั้งนี้จะเป็นการนำร่องในบริเวณรอบสำนักงานเขต ก่อนที่จะขยายผลร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และธนาคารออมสิน เพื่อส่งมอบผู้ค้าบริเวณถนนเยาวราชและถนนข้าวหลาม อีก 77 คันภายในเดือนธันวาคม 2564 นางสาวอาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า การจัดระเบียบผู้ค้านี้เป็นแนวทางการปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขายหรือจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ทำการค้าที่มีอัตลักษณ์ วิถีชุมชน ย่านพื้นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณย่านเยาวราช เนื่องจากถนนเยาวราช เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานคร ดำเนินการปรับปรุงเพื่อยกระดับถนนเยาวราช แหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันทั่วโลกให้มีความสวยงาม เรียบร้อยเหมาะสมกับอัตลักษณ์ของวิถีชุมชน การมอบให้เขตสัมพันธวงศ์นำไปจัดแบ่งให้ผู้ค้าตามประเภทของอาหารที่ขาย อนาคตรถเข็นรูปแบบใหม่ในเยาวราชจะเป็นต้นแบบผู้ค้าอาหารที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อื่นๆด้วย นายนพรัตน์ อรุณงาม ผู้อำนวยการขาย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้งานรถเข็นรักษ์โลก สะท้อนถึงความทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ สอดคล้องกับแนวทางของไทยน้ำทิพย์ที่พร้อมเดินหน้าส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ลดการสร้างมลพิษหรือขยะของเสีย ส่งเสริมการใช้รถเข็นรักษ์โลกที่มีฟังก์ชั่นการบำบัดน้ำ บำบัดควัน ก่อนออกสู่สิ่งแวดล้อม  ตอบโจทย์ยุค New Normal ที่สะอาด สะดวก ปลอดภัย ได้มาตรฐาน โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ สวทช.ยินดีที่จะถ่ายทอดนวัตกรรม “รถเข็นนวัตกรรมรักษ์โลก” ให้ผู้ประกอบการที่ต้องการต่อยอดรูปแบบของตนเอง หรือ ปรึกษาแนะนำอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้ สอบถามเพิ่มเติม โทร 0-2564-6310-11 ต่อ 101, 106 แอดไลน์ไอดี @679hqbmi  
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ขอเชิญผู้ประกอบการร่วมสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “Innovation food guide for global market penetration ” การพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ (รับจำนวนจำกัด)
เตรียมตัวให้พร้อม!! จับตามองโอกาสทองสู่ต่างแดน กับการพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (TSP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ขอเชิญผู้ประกอบการร่วมสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Innovation food guide for global market penetration ” การพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านนวัตกรรมอาหารของผู้ประกอบการไทย วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564 เวลา 13.00 – 15.30 น. ในรูปแบบออนไลน์ผ่าน WebEx พบกับไฮไลท์การบรรยายให้ความรู้ หัวข้อ..... Innovation process for food exporter Food innovation trend in South Asia Strategy guide for food market penetration รับจำนวนจำกัด สนใจลงทะเบียนได้ฟรีที่ https://bit.ly/3CWcBuW ผู้ลงทะเบียนจะได้รับลิงก์เข้าร่วมงานผ่านทางอีเมล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ : bcd@nstda.or.th , Tel. 0852892669 Line ID : maiys19 (คุณใหม่)
ปฏิทินกิจกรรม
 
ของเล่นเด็กทำจาก “ยางพารา” ผลงานนักวิจัย สวทช.
นักวิจัยเอ็มเทค สวทช. คิดค้นสูตรการนำ "ยางพารา" มาพัฒนาเป็นนวัตกรรมของเล่นสำหรับเด็ก ภายใต้ชื่อ enR/Plearn เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้ เป็นของเล่นที่ทำจากยางพาราพัฒนาออกมาเป็นของเล่น 3 รูปแบบ ประกอบด้วย Para Dough ยางพาราปั้นได้เหมือนดินน้ำมัน , Para Sand ยางพาราในรูปผงทรายปั้นได้ และ Pala Note ยางพาราอัดแท่งที่สามารถใช้ขีดเขียนได้
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
🛑(Facebook Live) R&D Sharing 2021: EP.10 หมวกแรงดันลบ ลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19
R&D Sharing 2021: EP.10 หมวกแรงดันลบ ลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 เดินทางมาถึง สัปดาห์สุดท้าย R&D Sharing 2021 ขอเชิญชวนผู้สนใจ เข้ารับฟังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานนักวิจัยไทย...สู้ภัยโควิด พบกับนวัตกรรมกู้วิกฤติโควิด-19 ด้วยหมวกแรงดันลบ ลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19  ด้วยระบบการกรองประสิทธิภาพสูงร่วมกับการควบคุมความดันภายในหมวก ตัดโอกาสการเล็ดลอดละอองไอจาม ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อไวรัสโควิด-19  เหมาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือด่านหน้า นักวิจัยไทยทำ เรามีคำตอบ ให้คุณเสมอ! ร่วมรับฟังแลกเปลี่ยนความรู้ ทุกคำถามเรามีคำตอบ ที่จะทำให้คุณรู้เรื่องราวผลงานวิจัยไทยทำ สู้ภัยโควิดนี้ก่อนใคร... แล้วพบกัน!!! 6 ต.ค. นี้ เวลา 10.30-11.15 น. มาร่วมพูดคุยกับ ดร.ไพศาล ขันชัยทิศ หัวหน้าทีมวิจัยเข็มระดับนาโน กลุ่มวิจัยวัสดุตอบสนองและเซ็นเซอร์ระดับนาโน นาโนเทค สวทช. นักวิจัยไทยทำ สู้ภัยโควิค รับชมได้ทาง Live Facebook Fanpage: NSTDA-สวทช. https://www.facebook.com/NSTDATHAILAND หรือรับฟังเสียงพร้อมแลกเปลี่ยนแบบ Exclusive ทาง Club House “Sci Scence” https://www.clubhouse.com/join/sci-scene/6qZSgeCl/xLzLXAzK   #NSTDA#R&D Sharing#Sciscene#clubhouse    
ปฏิทินกิจกรรม
 
ขอเชิญลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม “Cannabis Business Matching Day”
    หากคุณ....🔎🔎🤝💼 ✅กำลังมองหา partner  สร้างโอกาสทางธุรกิจ ✅กำลังมองหาเทคโนโลยีเกี่ยวกับกัญชง-กัญชา ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ✅ต้องการหานวัตกรรมอาหาร เครื่องดื่ม จากกัญชง กัญชา ✅ต้องการหาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากกัญชง กัญชา 📣📣🩺💊Health Tech Thailand 2021 โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. ร่วมกับ หลักสูตร Cannabis Entrepreneur Program (CEP) 📌ขอเชิญลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม “Cannabis Business Matching Day” เพื่อเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการทางด้านกัญชงและกัญชา ผ่านระบบ Cisco Webex ในวันที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 13.00 - 18.00น. 🆓️ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย 🆓️ รับจำนวนจำกัด!! ✍️ลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/4hpSmqsjqnXsgqfi6  ท่านจะได้พบกับ‼️ ✅ เสวนากับแขกรับเชิญพิเศษ ✅ รับฟังการ Pitching ของ 22 ทีมผู้ประกอบการทางด้านกัญชง กัญชา ✅ Business Matching online  ลงทะเบียนทำนัดหมายล่วงหน้า 👩‍💻📱สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. htt@nstda.or.th, 0818303250 (คุณชมพูนุท), 0852892669 Line ID : maiys19 (คุณยุภา)
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. หนุนวิจัยใช้ประโยชน์ ‘ต้นคลุ้ม’ ให้คุ้มค่า เสริมจุดเด่น ‘ถาดพลาสติกชีวภาพ’
  เมื่อเร็วๆนี้ ในเวทีเสวนาเรื่อง “การเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้จากความหลากหลายทางชีวภาพและผลิตภัณฑ์ชุมชน ตามแนวทางการพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจ BCG ” จัดโดยโปรแกรมการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ประโยชน์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือทิ้งอย่างยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจ BCG ทั้งนี้มีการนำเสนอ โครงการพลาสติกชีวภาพจากเศษวัสดุเหลือใช้ ที่น่าสนใจ โดย รศ. ดร.แก้วตา แก้วตาทิพย์ จากสาขาวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ (วิทยาศาสตร์พอลิเมอร์) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติ ได้รับทุนสนับสนุนจาก สวทช. ตอบโจทย์ในเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG รวมถึงแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์   [caption id="attachment_26355" align="aligncenter" width="600"] รศ. ดร.แก้วตา แก้วตาทิพย์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ (วิทยาศาสตร์พอลิเมอร์) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์[/caption]   รศ. ดร.แก้วตา แก้วตาทิพย์ อธิบายว่า ทีมวิจัยมีความสนใจเรื่องถาดโฟมจากแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากถาดโฟมจากแป้งมีราคาถูก ไม่เป็นพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ในธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ทว่าถาดโฟมจากแป้งมีข้อจำกัดในการนำไปใช้งาน คือ สมบัติเชิงกลต่ำ ไม่ทนน้ำและมีความชื้นง่าย ดังนั้นทีมวิจัยสนใจปรับปรุงสมบัติของถาดโฟมแป้งโดยใช้เศษวัสดุเหลือใช้ เช่น ต้นคลุ้ม เปลือกเมล็ดยางพารา ผักตบชวา และเปลือกไข่ ซึ่งนอกจากสามารถปรับปรุงสมบัติเชิงกล ลดความไวต่อน้ำและความชื้นของถาดโฟมแป้งแล้ว ยังเป็นแนวทางใช้ทดแทนถาดโฟมจากพลาสติกสังเคราะห์ที่ใช้อยู่โดยทั่วไป และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือใช้ในชุมชนและภาคการเกษตรด้วย   @ ‘เส้นใยคลุ้ม’ ช่วยถาดโฟมแป้งมันสำปะหลังทนความร้อน ต้นคลุ้ม พืชล้มลุกที่พบมากทางภาตใต้ ทั้งในสวนยางพาราและป่าเขาโดยเฉพาะในจังหวัดสตูล ซึ่งต้นคลุ้ม 1 ต้น ชาวบ้านในพื้นที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ในการนำต้นคลุ้มมาลอกเปลือกด้านนอกของลำต้นออก ซึ่งมีความเหนียวและแข็งแรงเพื่อนำไปทำเครื่องจักสานทั้งฝาชี ตะกร้าต่างๆ ทว่าเส้นใยนิ่มอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ภายในของต้นคลุ้มต้องนำไปกำจัดทิ้งซึ่งเป็นปัญหาในการกำจัดของเสียในชุมชนมายาวนาน ทีมวิจัยจึงคิดหาวิธีใช้ประโยชน์จากเส้นใยนิ่มภายในต้นคลุ้ม ให้เกิดความคุ้มค่า ตามแนวทางขยะเหลือศูนย์   [caption id="attachment_26363" align="aligncenter" width="600"] ต้นคลุ้ม (ขอขอบคุณภาพจากอุทยานธรณีสตูล)[/caption] “ทีมวิจัยได้รับโจทย์จาก สวทช. ให้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือทิ้งจากต้นคลุ้ม จึงนำเส้นใยคลุ้ม ที่เหลือทิ้งมาล้าง อบแห้ง และนำมาปั่นได้เป็น ‘ผงเส้นใยคลุ้ม’ โดยผงเส้นใยคลุ้มที่เตรียมได้มีจุดเด่นคือทนความร้อนได้ 302 องศาเซลเซียส และหากนำมาฟอกสีให้มีสีขาวจะทนความร้อนได้สูงขึ้นเป็น 358 องศาเซลเซียส ด้วยคุณสมบัติที่สามารถทนความร้อนได้ดี จึงสนใจประยุกต์ใช้เป็นสารตัวเติมสำหรับปรับปรุงสมบัติของถาดโฟมจากแป้งมันสำปะหลัง เพื่อพัฒนาเป็น บรรจุภัณฑ์ต้นแบบ ถาดโฟมแป้งมันสำปะหลังผสมวัสดุเหลือใช้จากเส้นใยคลุ้ม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล จ.สตูล สามารถนำมาใช้แทนถาดโฟมพอลิสไตรีนที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน ซึ่งใช้เวลาย่อยสลายนานหลายร้อยปีและยังเป็นพิษกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม”   @เปลือกเมล็ดยางพาราเสริมแกร่ง ผักตบชวาเพิ่มสมบัติทนน้ำ รศ. ดร.แก้วตา อธิบายต่อว่า นอกจากนี้ทีมวิจัยยังใช้ประโยชน์ของเปลือกลูกยาง (เปลือกเมล็ดยางพารา) ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งในสวนยาง โดยนักศึกษาในทีมวิจัยพบว่าเปลือกเมล็ดยางพารามีความแข็งแรง จึงนำมาตัด ปั่น แยกให้มีขนาดเล็กเท่าๆ กัน และนำมาบดให้เป็นผงแห้ง เพื่อทำหน้าที่เป็นสารตัวเติมสำหรับถาดโฟมแป้งมันสำปะหลัง พบว่าเมื่อผสมผงเปลือกเมล็ดยางพารา ส่งผลให้ถาดโฟมแป้งมันสำปะหลังมีค่าความแข็งแรงสูงขึ้น 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับถาดโฟมจากแป้งที่ไม่ผสมสารตัวเติม และไม่มีความเป็นพิษสามารถนำไปเป็นภาชนะสำหรับใส่อาหารได้ ทีมวิจัยยังประสบความสำเร็จโดยเลือกใช้เปลือกไข่และเปลือกกุ้ง ที่เป็นแหล่งแคลเซียมที่ได้จากธรรมชาติ (bio-calcium) มาแปรรูปเป็นผง และหน้าที่เป็นสารตัวเติมผสมกับถาดโฟมแป้งมันสำปะหลัง เพื่อปรับปรุงค่าความต้านทานต่อแรงกระแทกของถาดโฟมแป้งมันสำปะหลัง   [caption id="attachment_26362" align="aligncenter" width="700"] เมล็ดยางพารา[/caption]   [caption id="attachment_26361" align="aligncenter" width="700"] ผักตบชวา[/caption] นอกจากนั้นแล้วอีกโจทย์ที่ท้าทายทีมวิจัยมาตลอด คือ ถาดโฟมแป้งมันสำปะหลังมักจะถูกถามเรื่องการทนน้ำ จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าพัฒนาหาวัสดุเหลือทิ้งมาเสริมจุดเด่นนวัตกรรมให้ตอบโจทย์นี้มากขึ้น โดยทีมวิจัยนำสารตัวเติมจากผงผักตบชวา มาช่วยเสริมจุดเด่นด้านการทนน้ำ ทำให้ถาดโฟมแป้งมันสำปะหลังสามารถรักษารูปทรงได้ดีเมื่อสัมผัสกับน้ำ สามารถนำมาบรรจุผลไม้ตัดแต่งที่มีน้ำเยอะทั้ง แตงโม ส้มโอ และสับปะรดได้เป็นอย่างดี   @เพิ่มรายได้ชุมชน ลดของเสียเป็นศูนย์ ด้าน นางสาวอรุณี เกาะกลาง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจักสานต้นคลุ้มบ้านวังตง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล กล่าวว่า กลุ่มฯ ได้ดำเนินการผลิตภัณฑ์จักสานจากต้นคลุ้มเป็นเครื่องจักสานทั้งฝาชี ตะกร้า โคมไฟ สร้างรายได้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ส่วนไส้ต้นคลุ้มที่เหลือทิ้งใช้ประโยชน์เพียงนำไปทิ้งใต้ต้นไม้ผล เช่น มะม่วงเพื่อให้เป็นปุ๋ยบำรุงไม้ผลเท่านั้น กระทั่งปีที่ผ่านมาทีมวิจัยได้เข้ามาศึกษาทดลองนำไส้ของต้นคลุ้มไปแปรรูปผ่านกระบวนการวิจัยเป็น ‘ผงเส้นใยคลุ้ม’ เพื่อเป็นส่วนผสมของต้นแบบถาดโฟมแป้งมันสำปะหลัง ทำให้สมาชิกเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีในการต่อยอดใช้ประโยชน์จากต้นคลุ้ม เพื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้จากวัสดุเหลือทิ้งในอนาคต ขณะเดียวกันกลุ่มฯ ยังมีแนวคิดนำองค์ความรู้จากทีมวิจัยมาใช้ประโยชน์ทำเป็นกล่องกระดาษทิชชู และกรอบรูปจากวัสดุต้นคลุ้ม ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมในการใช้วัสดุจากธรรมชาติอย่างคุ้มค่า และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม     จะเห็นได้ว่า พลาสติกชีวภาพที่ได้จากการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ประโยชน์นั้น ช่วยลดปริมาณเศษวัสดุเหลือใช้ในชุมชน ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือทิ้ง นำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG ลดภาระให้กับภาครัฐและและอุตสาหกรรมในการกำจัดขยะได้อีกด้วย  
BCG
 
ข่าว
 
บทความ
 
สวทช.-สพฐ.-สถ. ผนึกพลังบูรณาการข้อมูลภาวะโภชนาการนักเรียนทั่วประเทศพัฒนา Big Data นำเทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสุขภาวะที่ดีของเด็กไทย
28 กันยายน 2564: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลด้านภาวะโภชนาการของนักเรียนและอาหารกลางวันในโรงเรียนเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตั้งเป้าหมายบูรณาการข้อมูล และพัฒนาแพลตฟอร์ม Big Data Analytics ด้านภาวะโภชนาการของนักเรียนและอาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วประเทศ ให้หน่วยงานพันธมิตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีฐานข้อมูลภาวะโภชนาการที่มีคุณภาพ ครอบคลุมประชากรเด็กปฐมวัยและวัยเรียนโดยอ้างอิงเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการวางแผนนโยบายด้านอาหารในโรงเรียนและสุขภาพนักเรียน นำไปสู่การบริหารจัดการให้เด็กไทยมีสุขภาวะที่ดี นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ สวทช. โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จะพัฒนาแพลตฟอร์ม  Big Data Analytics ด้านภาวะโภชนาการของนักเรียนและอาหารกลางวันในโรงเรียน โดยเชื่อมโยง ข้อมูลน้ำหนักและส่วนสูงของนักเรียนรายบุคคลจากต้นสังกัดและจาก KidDiary Platform ร่วมกับข้อมูลการจัดอาหารกลางวันจากระบบ Thai School Lunch เนคเทคจะนำเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรอง ติดตามและแจ้งเตือนเมื่อพบเด็กที่มีความเสี่ยง และส่งผลการวิเคราะห์กลับไปยังต้นสังกัด โดยจะเปิดให้บุคคลทั่วไปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลการวิเคราะห์อาหารกลางวันและภาพรวมภาวะโภชนาการของนักเรียนในโรงเรียน เพื่อให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์กับผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับอย่างยั่งยืน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างสุขภาพของเด็กและการพัฒนาการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของการจัดการศึกษา  ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับการจัดบริการอาหารกลางวันที่เป็นอาหาร มื้อสำคัญสำหรับเด็กวัยเรียนภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 29,642 โรงเรียน  มีจำนวนนักเรียนรวม 6,612,199 คน ด้วยเมนูอาหารที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ อีกทั้งนำระบบแนะนำสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ (Thai School Lunch) มาใช้ในสถานศึกษา นอกจากนี้ยังได้เชื่อมโยงระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DMC) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กับโปรแกรมบันทึกและคัดกรองการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กสำหรับโรงเรียน (KidDiary School) เพื่อการเฝ้าระวังภาวะโภชนาการและสามารถจัดอาหารกลางวันที่มีคุณค่าครบถ้วน ครอบคลุม ตามหลักโภชนาการ มีความเหมาะสมกับสุขภาวะของเด็ก ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ ทำให้ผู้ปกครองและครอบครัวสามารถเข้าถึงข้อมูลทางโภชนาการและพัฒนาการของบุตรหลานเพื่อร่วมกันดูแลพัฒนาสุขภาพของเยาวชนต่อไป นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการจัดการศึกษา มีความตระหนักอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างสุขภาพของเด็กให้สอดคล้องกับการพัฒนาการเรียนรู้ โดยได้ส่งเสริมให้สถานศึกษาในสังกัด ให้ความสําคัญกับการจัดอาหารกลางวัน ที่เป็นอาหารมื้อสําคัญสําหรับเด็กวัยเรียน ด้วยเมนูอาหารที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ และสามารถเข้าถึงข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการของเด็ก โดยใช้โปรแกรมบันทึกและคัดกรองการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กสําหรับโรงเรียน (KidDiary School) เพื่อเฝ้าระวังภาวะโภชนาการและจัดอาหารกลางวันให้เหมาะสมกับสุขภาวะของเด็ก นําระบบแนะนําสํารับอาหารกลางวันสําหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ (Thai School Lunch) ซึ่งเป็นโปรแกรมความร่วมมือระหว่างเนคเทคและสถาบันโภชนาการมาใช้ในสถานศึกษา เพื่อให้การจัดอาหารกลางวันมีความครอบคลุมทั้งหลักโภชนาการ และคุณค่าทางโภชนาการ และจะมีการเชื่อมโยงระบบดังกล่าวกับฐานข้อมูลรายบุคคลของเด็กเล็กและนักเรียนในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากระบบสารสนเทศทางการศึกษาท้องถิ่น (LEC) เพื่อให้ผู้ปกครองและครอบครัว สามารถเข้าถึงข้อมูลทางโภชนาการและพัฒนาการของบุตรหลานได้
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. จัดปฐมนิเทศนักศึกษาทุนโครงการ TGIST ปีการศึกษา 2564 ในรูปแบบออนไลน์ พร้อมประกาศรางวัลนักศึกษาทุนผู้มีผลงานวิชาการดีเด่น (Outstanding Awards) ประจำปี 2564
(20 ก.ย. 64) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาทุนโครงการทุนสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (TGIST) ปีการศึกษา 2564 พร้อมประกาศรางวัลนักศึกษาทุนผู้มีผลงานวิชาการดีเด่น (Outstanding Awards) ประจำปี 2564 ในรูปแบบออนไลน์ โดยมี ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช เป็นประธานกล่าวเปิดงานและให้โอวาทแก่นักศึกษาทุน ซึ่งในปีนี้มีนักเรียนทุนเข้าร่วมพิธีจำนวน 34 คน แบ่งเป็นผู้รับทุนปริญญาโทจำนวน 25 คน และผู้รับทุนปริญญาเอกจำนวน 9 คน และมีนักเรียนทุนที่ได้รับรางวัลนักศึกษาทุนผู้มีผลงานวิชาการดีเด่น จำนวน 3 คน ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช กล่าวว่า สวทช. เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนากำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาตั้งแต่ก่อตั้งและดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้พอเพียง ที่จะยกระดับให้ประเทศไทยหลุดจากประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางภายในปี 2570 โดยได้ดำเนินการใน 2 ส่วนหลัก คือ หนึ่ง การให้ทุนการศึกษา ให้นักวิจัยได้มีโอกาสได้ดูแลนักศึกษาทั้งในรูปแบบของการร่วมวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์ จนถึงระดับนักวิจัยหลังปริญญาเอก สอง การบ่มเพาะและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้เยาวชนที่สนใจและชอบวิทยาศาสตร์ ได้เห็นว่าวิทยาศาสตร์อยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนสนใจที่จะศึกษาต่อในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับกิจกรรมปฐมนิเทศโครงการทุนสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย หรือทุน TGIST ซึ่ง เป็นโครงการที่ก่อตั้งมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ในรูปแบบ Virtual Institute ร่วมกับมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรทำวิจัยเพื่อวิทยานิพนธ์ เพื่อรับนักศึกษาเข้ามาทำงานวิจัยร่วมกับนักวิจัย สวทช. โดยนักศึกษาที่รับทุนจะได้รับปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยต้นสังกัดตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ในปีการศีกษา 2564 นี้ สวทช. ขอต้อนรับนักศึกษาทุนจาก 16 มหาวิทยาลัยใน 9 จังหวัด ที่มีโอกาสเข้ามาร่วมทำวิจัยกับนักวิจัย สวทช. ทั้งนี้ นอกจากความรู้เฉพาะทางด้านวิชาชีพ (hard skills) ที่ต้องติดตามความรู้ให้เท่าทันความเจริญก้าวหน้าแล้ว การที่นักศึกษามีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่โครงการฯ ได้จัดขึ้นก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ กิจกรรมนอกหลักสูตรต่างๆ หรือ soft skills อาทิ การนำเสนอผลงานฯ รวมถึงกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายของชมรมนักเรียนทุน สวทช. ที่จะเป็นประโยชน์ในการทำงานวิจัยร่วมกันเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งทั้งจากความร่วมมือภายในและภายนอกประเทศ เพื่อสร้างผลงานที่มีคุณภาพและสร้างผลกระทบที่มีความสำคัญในอนาคต สิ่งสำคัญของโครงการฯ ไม่ใช่จำนวนนักศึกษาทุนในแต่ละปี แต่เป็นจำนวนบุคลากรวิจัยที่มีส่วนร่วมในการสร้างผลงานเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ   ที่ไม่เพียงแต่ส่งมอบผลผลิต แต่ส่งมอบผลลัพธ์ที่สร้างผลกระทบให้กับสังคมและประเทศชาติด้วย ขอต้อนรับและขอขอบคุณนักศึกษาทุนทุกคนที่สมัครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ รวมถึงขอขอบคุณอาจารย์ ผู้ปกครอง และ นักวิจัย สวทช. ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการพัฒนากำลังคนด้าน ว และ ท ของประเทศ และขอให้นักศึกษาประสบความสำเร็จทุกประการ และสามารถเดินทางสู่ความฝันในอนาคตที่ทุกคนหวังไว้ สำหรับกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาทุนโครงการทุน TGIST ในครั้งนี้ นอกจากจะมีนักศึกษาเข้าร่วมจำนวน 34 คน ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีนักศึกษาทุนที่ได้รับรางวัลนักศึกษาทุนผู้มีผลงานวิชาการดีเด่น จำนวน 3 คน ประกอบด้วย ระดับปริญญาตรี ได้แก่ นายจิรวัฒน์ ชูแสง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้รับทุนในปี 2563 จากโครงการทุนสร้างปัญญาวิทย์ ผลิตนักเทคโน (YSTP) ภายใต้การดูแลและให้คำปรึกษาของอาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.อรรถพล ศรีฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ดร.วรนุช อิทธิเบญจพงศ์ นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยี จากโครงการวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์เรื่อง การพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีโครงสร้างนาโนสาหรับการเตรียมสารเติมแต่งเมทิลฟูเรนจากเฟอร์ฟูรัล โดยมีผลงานวิชาการ 2 ผลงาน ประกอบด้วย บทความในวารสารนานาชาติตามรายชื่อของ Citation Index ที่มี Impact Factor อ้างอิงจากฐาน ISI จำนวน 1 ฉบับ และ อนุสิทธิบัตร 1 ผลงาน ระดับปริญญาโท ได้แก่ นางสาวณัฐาพร ทวีลาภ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นผู้ได้รับทุนปี 2560 – 2562 จากโครงการทุนสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (TGIST) ภายใต้การดูแลและให้คำปรึกษาของอาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.ระพี อูทเคอ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ ดร. อัจฉรา แป้งอ่อน นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยี จากโครงการวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์เรื่อง การดูดซับไฮโดรเจนบนเส้นใยคาร์บอนระดับนาโนเมตรที่ติดด้วยโลหะนิกเกิล โดยมีผลงานวิชาการ 4 ผลงาน ประกอบด้วย บทความในวารสารนานาชาติที่อยู่ใน Quartile 1 อ้างอิงจากฐาน Scimago จำนวน 2 ฉบับ และ บทความในวารสารนานาชาติตามรายชื่อของ Citation Index ที่มี Impact Factor อ้างอิงจากฐาน ISI จำนวน 2 ฉบับ และระดับปริญญาเอก ได้แก่ นางสาวจามรี โปธิป้อ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้ได้รับทุนปี 2560-2563 จากโครงการทุนสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (TGIST) ภายใต้การดูแลและให้คำปรึกษาของอาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.กรธัช อุ่นนันกาศ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.สุวัสสา  บำรุงทรัพย์ นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยี จากโครงการวิจัยเพื่อปริญญานิพนธ์เรื่อง อิเล็กโทรเคมิคอลไบโอเซนเซอร์ สำหรับการตรวจวัดไมโครอาร์เอ็นเอที่เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในโรคมะเร็ง โดยมีผลงาน ประกอบด้วย บทความในวารสารนานาชาติที่อยู่ใน Quartile 1 อ้างอิงจากฐาน Scimago และบทความในวารสารนานาชาติตามรายชื่อของ Citation Index ที่มี Impact Factor อ้างอิงจากฐาน ISI จำนวน 3 ผลงาน บทความตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติตามรายชื่อของ Citation Index จำนวน 4 ผลงาน บทความตีพิมพ์ใน Proceedings การประชุมวิชาการนานาชาติที่มีกรรมการพิจารณาคุณภาพ (Peer Review) จำนวน 1 ผลงาน Abstract Oral การประชุมวิชาการนานาชาติ จำนวน 2 ผลงาน และ Poster Presentation ระดับนานาชาติ 2 ผลงาน โดยทั้ง 3 คนที่รับรางวันครั้งนี้ เป็นผู้มีผลงานวิชาการดีเด่น หรือ Outstanding Awards ประจำปี 2564 และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่ สวทช. สถาบันการศึกษา และประเทศ อย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นแบบอย่างให้นักเรียนทุนรุ่นน้อง และจะเป็นกำลังคนวิจัยรุ่นใหม่ที่จะเติบโตเป็นบุคลากรคุณภาพในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อไปในอนาคต  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของงานพัฒนากำลังคน
 
สวทช. ร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาฯ ร่วมลงนามการเชื่อมโยงฐานข้อมูลโปรแกรมอักขราวิสุทธิ์และโปรแกรม CopyCatch
วันที่ 27 กันยายน 2564 ณ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายส่งเสริมจริยธรรมการวิจัย ร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ “การตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรม” โปรแกรมอักขราวิสุทธิ์และโปรแกรม CopyCatch โดยได้รับเกียรติจาก ศ.นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย รศ.ดร.ธรรมนูญ หนูจักร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงนามในครั้งนี้ นอกจากนี้ ดร.อลิสา คงทน รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. และ ศ.ดร.บุนยรัชต์ กิติยานันท์ รองคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเป็นสักขีพยาน ศ.นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ปัจจุบัน การทำวิจัยมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น โครงการวิจัยมักมุ่งเน้นเป้าหมายเป็นหลัก มีความต้องการใช้ประโยชน์จากการวิจัยมากขึ้น รวมไปถึงการมีผลประโยชน์ทางการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้มองข้าม หรือละเลยจุดบกพร่องบางอย่างไป ก่อให้เกิดเป็นพฤติกรรมมิชอบทางการวิจัยขึ้น (Research misconduct) นอกจากนี้ ยังมีการทำวิจัยร่วมกันกับหลายสถาบัน ในหลากหลายมิติ นักวิจัยจึงควรตระหนักถึง Responsibility of research ให้มากขึ้น โดยแต่ละประเทศจะนิยามคำว่า Research misconduct ไม่เหมือนกัน สำหรับ สวทช. นิยามตาม National Institutes of Health (NIH) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนิยามของ Research misconduct แบ่งหลักๆ ได้ 3 ข้อ คือ 1. Fabricationการสร้างข้อมูลที่เป็นเท็จ 2. Falsification การดัดแปลง หรือแก้ไขข้อมูล เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิด และ 3. Plagiarism การลอกเลียนข้อมูลของผู้อื่น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า การประพฤติมิชอบทางการวิจัยเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก คือ 1. ตั้งใจทำ และ 2. กระทำโดยไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กรณีนี้สามารถแก้ไขด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักเรื่องจริยธรรมการวิจัย ตลอดจนหาแนวทางการป้องกัน หรือพัฒนาระบบ ให้สามารถดูแลเรื่อง Research misconduct ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจะมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ในการสร้างผลงานทางวิชาการให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและได้มาตรฐานสากล ที่ผ่านมา สวทช. ได้จัดประชุมเครือข่ายพันธมิตรภารกิจ Research integrity ร่วมกับมหาวิทยาลัยตามแต่ละภูมิภาคต่างๆมากมาย จำนวนกว่า 60 สถาบัน โดยที่ประชุมเสนอแนะให้โปรแกรมตรวจสอบความคล้ายของผลงานวิชาการของประเทศไทย ที่มีอยู่ 2 โปรแกรมหลักๆ ด้วยกัน คือ โปรแกรมอักขราวิสุทธิ์ ที่พัฒนาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโปรแกรม CopyCatch ของศูนย์เนคเทค สวทช. จับมือ เชื่อมโยงฐานข้อมูลของทั้งสองโปรแกรมเข้าด้วยกัน เพื่อขยายฐานข้อมูลให้มีขนาดใหญ่ และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยบัณฑิตวิทยาลัย และ สวทช. มีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันแพลตฟอร์ม anti-plagiarism ให้กับประเทศ จึงนำมาสู่พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เชื่อมโยงฐานข้อมูลโปรแกรมอักขราวิสุทธิ์ และโปรแกรม CopyCatch ในครั้งนี้ นอกจากวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบเอกสาร เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลต่างๆ เช่น วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ รายงานวิจัย วารสาร และเอกสารอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆแล้ว ยังเป็นการป้องกัน ไม่ให้มีการกระทำอันเป็นการลอกเลียนงานวรรณกรรมของบุคคลอื่นด้วย โดยมีระยะเวลาของความร่วมมือ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2564 - 26 มีนาคม 2570
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ส่งผู้ป่วย 3 รายสุดท้ายกลับบ้าน ก่อนปิด 30 ก.ย.นี้
วันที่ 27 ก.ย. 2564 ที่โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ จ.ปทุมธานี นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นายแพทย์สาธิต สันตดุสิต ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ และนายแพทย์ ปืนไทย เทพมณฑา แพทย์ประจำโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลสนามฯ ร่วมกันส่งผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาจนอาการหายเป็นปกติแล้ว 3 รายสุดท้ายกลับบ้าน และเตรียมปิดโรงพยาบาลสนามฯ ในวันที่ 30 กันยายน 2564 หลังผู้ป่วยที่เป็นผู้พิการมีจำนวนลดลง อย่างไรก็ตาม คนพิการที่เป็นผู้ป่วยโควิดรายใหม่ ยังสามารถประสานผ่านช่องทางต่างๆ ในการเข้ารับบริการได้ปกติ ทั้งบริการศูนย์ช่วยเหลือสังคมสายด่วน 1300 สายด่วน สปสช. 1330 และสายด่วนคนพิการ 1479 รวมถึงแอปพลิเคชัน TTRS กรณีคนพิการทางการได้ยินและสื่อความหมาย เพื่อแจ้งว่าเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยรายใหม่และสามารถขอรับการตรวจยืนยันได้ในโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือหากอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถติดต่อสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ซึ่งยังให้บริการตรวจ RT-PCR และบริการการกักตัวที่บ้านหรือ Home Isolation โดยทีมแพทย์และสหวิชาชีพ ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ เปิดดำเนินการตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2564 มีผู้พิการติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวเข้ารับการรักษาจำนวนทั้งสิ้น 650 คน ได้รับการรักษาหายป่วยกลับบ้าน 590 คน และส่งต่อไปรักษากับโรงพยาบาลขนาดใหญ่อีก 60 คน
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ขอเชิญผู้ประกอบการ SMEs ร่วมสัมมนาออนไลน์เรื่อง “ไขรหัสลับ เปิดมุมมองเพื่อปรับตัว เตรียมพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจด้าน Smart Wellness” (รับสมัครถึงวันที่ 4 ต.ค 64)
เพราะวิกฤตคือโอกาส มาเปิดมุมมองแนวคิดใหม่ และเคล็ดลับการปรับตัวให้ธุรกิจ Wellness ไปต่อและ ตอบรับวิถีชีวิตแนวใหม่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ: ไขรหัสลับ เปิดมุมมองเพื่อปรับตัว เตรียมพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจด้าน Smart Wellness Highlight: ปรับแนวคิด สร้างจุดขาย และเพิ่มมูลค่าสินค้า Wellness อัพเดทแนวโน้ม และโอกาสของตลาดสินค้า Health & Wellness การขยายตลาดเชิงรุก และการรักษาลูกค้าเดิม ปรับรับวิถีชีวิตแนวใหม่ กลุ่มเป้าหมาย : ผู้ประกอบการในกลุ่ม health & wellness, hospitality และผู้สนใจทั่วไป วันพุธ ที่ 6 ตุลาคม 2564  เวลา 14.00-15.30 น. Online meeting by zoom   สมัครเข้าร่วมงานสัมมนาได้ตั้งแต่วันนี้ – 4 ตุลาคม 2564  (ปิดลงทะเบียนเวลา 17.00 น.) ที่ https://forms.office.com/r/KiegqDF3XC *รับจำนวนจำกัด 150 บริษัท ธนาคารจะแจ้งยืนยันการลงทะเบียนและลิงก์เข้าร่วมฟังงานสัมมนาออนไลน์ทางอีเมล์ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2564   หมายเหตุ ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการรับสมัครผู้เข้าร่วมสัมมนาตามลำดับเท่านั้น ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและหลักสูตรสัมมนา เมื่อท่านให้ข้อมูลข้างต้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารติดต่อกลับ ท่านรับรองว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นของท่านจริงและยินยอมให้ธนาคารเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลข้างต้นในการติดต่อท่านเพื่อให้คำปรึกษาทางการเงินและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธนาคารที่ท่านอาจจะสนใจ โปรดอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของธนาคารอย่างละเอียด เพื่อเข้าใจถึงวิธีการ ที่ธนาคารเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสิทธิของท่าน ได้ที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/privacy-notice.html เว็บไซต์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้ที่ https://www.nstda.or.th/
ปฏิทินกิจกรรม