ผลการค้นหา :

แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556
แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ ๒) ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ ฉบับเสนอผ่านความเห็นชอบ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมือวันที ๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ โดย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 2 ได้สานความต่อเนื่องทางนโยบายจาก IT2010 และ “แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2545-2549” ควบคู่ไปกับการกำหนดนโยบายใหม่และการปรับให้มีจุดเน้นในบางเรื่องที่เด่นชัดขึ้นจากแผนฯ ฉบับแรก เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคมที่เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศไทย และในขณะเดียวกัน เพื่อมุ่งแก้ไขส่วนที่ยังเป็นจุดอ่อน และต่อยอดส่วนที่เป็นจุดแข็งของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื$อสารในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด อันจะช่วยนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาประเทศตามที่กำหนดในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ในที่สุด เอกสารฉบับภาษาไทย เอกสารฉบับภาษาอังกฤษ
เอกสารเผยแพร่

กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ. 2544 – 2553 ของประเทศไทย
คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงบริบททางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และความสำคัญที่จะต้องมีนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและต่างประเทศ จึงได้จัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศในระยะที่สอง ที่ครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 - 2553 หรือ IT-2010 นี้ขึ้น ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่

ยุทธศาสตร์การผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
จากสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไปทั่วโลก ในช่วงปี 2552 จนถึงปัจจุบัน และเนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงที่จะมีวัคซีนไม่เพียงพอครอบคลุมประชากรของประเทศ หากเกิดภาวะฉุกเฉินขึ้น ดังนั้น งานนโยบายและจัดการความรู้ สวทช. เพื่อนำเสนอในเอกสารข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าว โดยมีเป้าหมายเพื่อเสนอแผนสำรองของประเทศในการผลิตวัคซีนให้ได้มากที่สุด ในระยะเวลาสั้นที่สุด ทั้งนี้รายละเอียดของยุทธศาสตร์ปรากฏอยู่ในเอกสารดังกล่าวนี้ ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่

นโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ (พ.ศ.2551-2554)
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดทำ “นโยบายและยุทธศาสตร์ การวิจัยของชาติ (พ.ศ. 2551-2554)” ขึ้น โดยเป็นการปรับและขยายเวลามาจากนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ (พ.ศ. 2551-2553) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง รวมทั้งให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นให้เป็นแนวทางในการดำเนินการวิจัยของหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ของประเทศและใช้เป็นกรอบทิศทางในการประเมินผลข้อเสนอการวิจัยของหน่วยงานภาครัฐที่เสนอของบประมาณประจำปี ตามมติคณะรัฐมนตรีระหว่างปีงบประมาณ 2551-2554 โดยสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์การวิจัยระดับภูมิภาค รวมทั้งความต้องการของพื้นที่ โดยคำนึงถึงศักยภาพของประเทศ ในขณะเดียวกันได้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่

ยุทธศาสตร์การเตรียมพร้อมด้านวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กรณีเกิดการระบาดใหญ่ของประเทศไทย
เมื่อปี พ.ศ. 2548 ประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีก (ไข้หวัดนก) ที่ติดต่อมาสู่คนได้ และมีอัตราการเสียชีวิตสูงมากกว่า 50% ซึ่งวัคซีนนับเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในการรับมือกับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น งานนโยบายและจัดการความรู้ สวทช. เล็งเห็นถึงความจำเป็นดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำเอกสารข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าว เพื่อเสนอยุทธศาสตร์ในการตัดสินใจในการเตรียมความพร้อมต่อการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ในด้านวัคซีน ทั้งนี้รายละเอียดของยุทธศาสตร์ปรากฏอยู่ในเอกสารดังกล่าวนี้ Download here
เอกสารเผยแพร่

Blog & Wiki เครื่องมือจัดการความรู้อย่างง่าย
กิจกรรมการจัดการความรู้ของ สวทช. นอกจากการรณรงค์เพื่อสนับสนุนระบบ myPerformance ยังจะต้องเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะช่วยสนับสนุนให้กิจกรรมการจัดการความรู้เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม ต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเฉพาะองค์ประกอบที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคลากรในองค์กร ผ่านช่องทางที่เหมาะสม และสอดรับกับพฤติกรรมบุคลากรส่วนใหญ่ รวมทั้งวัฒนธรรมองค์กร การแลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้รับการยอมรับก็คือการสร้างชุมชนนักปฏิบัติหรือ CoP นั่นเองBlog และ Wiki นับเป็นเครื่องมือทางไอซีทีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิด CoP ได้ง่าย และสอดรับกับพฤติกรรมของบุคลากร สวทช. รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนด้วยไอซีที สวทช. ได้เลือกใช้ Wordpress เป็นซอฟต์แวร์หลักในการพัฒนา blog และ Dokuwiki / MediaWiki ในการพัฒนา Wiki ให้บริการสำหรับกลุ่มบุคคลที่สนใจร่วมกันสร้างสรรค์เครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บทเรียนออนไลน์การใช้งาน Blog ด้วย Wordpressบทเรียนออนไลน์การใช้งาน Dokuwikiบทเรียนออนไลน์การใช้งาน MediaWiki
การจัดการความรู้ (KM)

กรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย พ.ศ. 2547 – 2554
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบทางด้านแหล่งทรัพยากรชีวภาพ และมีขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีชีวภาพระดับหนึ่ง สมควรอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันเร่งพัฒนาศักยภาพนี้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ทิศทางที่เหมาะสม กรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย พ.ศ. 2547 - 2554 จะเป็นแนวปฏิบัติร่วมกันที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนานี้ต่อไป ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่

แผนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีวัสดุแห่งชาติ พ.ศ. 2550 – 2559
แผนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีวัสดุแห่งชาติ พ.ศ. 2550 - 2559 เป็นแผนที่บ่งบอกถึงนโยบาย ทิศทาง ตลอดจนแนวทางการดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีวัสดุของประเทศ ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ประเทศมีโอกาสและศักยภาพสูง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทราบและใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม รวมทั้งจัดสรรทรัพยากรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่
นโยบายการจัดการความรู้ที่ดีกว่า
การจัดการความรู้ (KM)
Performance Excellence ตามเกณฑ์ TQA
การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award : PMQA) โดยสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ได้นำเกณฑ์สากลมาดัดแปลง ตั้งเป็นเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ โดยการทำ PMQA จะเป็นการยกระดับการปฏิบัติงานขององค์การให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่า ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 เพื่อให้เกิดผลทางปฏิบัติในการพัฒนาองค์การไปสู่ความเป็นเลิศ หน่วยงานราชการจึงต้องได้รับการพัฒนาให้สามารถบริหารและบริการได้อย่างรวด เร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การจัดการความรู้ จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการบริหาร จัดการภาครัฐการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ประกอบด้วยเกณฑ์ 7 หมวด ที่มีความเชื่อมโยงกัน จะเห็นว่ามีลูกศร 2 ข้าง เชื่อมโยงกับหมวด 1 การนำองค์การ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารจำเป็นต้องมีข้อมูลจริงเพื่อใช้ในการตัีดสินใจ ส่วนลูกศร 2 ข้างที่เชื่อมโยงกับหมวด 7 ผลลัทธ์การดำเนินการ แสดงให้เห็นว่า ต้องมีการวัด การวิเคราะห์ เพื่อให้สามารถรายงานผลลัทธ์การดำเนินการ และยังมีลูกศรใหญ่ที่เชื่อมโยงระหว่างหมวด 4 กับหมวดอื่นๆ ทุกหมวด แสดงให้เห็นว่าในการบริหารจัดการนั้น ต้องมีการใช้ข้อมูลและสารสนเทศอยู่ตลอดเวลา
การจัดการความรู้ (KM)

นโยบายนำทางกิจกรรม KM สวทช.
การดำเนินกิจการการจัดการความรู้ของ สวทช. ยึดหลักแนวทาง 3 ประการ ดังต่อไปนี้ เป็นนโยบายนำทาง กล่าวคือ กลยุึทธ์ของ สวทช.Performance Excellence ตามเกณฑ์ TQAนโยบายการจัดการความรู้ที่ดีกว่า
การจัดการความรู้ (KM)
กลยุทธ์ของ สวทช. ในส่วนของการจัดการความรู้
ในส่วนของกลยุทธ์ สวทช. ได้มีการผลักดันกิจกรรมการจัดการความรู้เข้าไปมีส่วนอยู่ในกลยุทธ์ขององค์กร ด้วย เพื่อให้องค์กรเห็นว่า การจัดการความรู้มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับองค์กร โดยเฉพาะกลยุทธ์ข้อที่ 2 การดำเนินการวิจัย พัฒนา ออกแบบ และวิศวกรรม เป็นกิจกรรมหลักในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัีนอย่างยั่งยืนของประเทศ พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาบุคลากร และเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำเป็นไปพร้อมกัน ผ่านระบบการจัดการที่สามารถรวบรวมความรู้และสามารถต่อยอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนางานวิจัยอย่่างมีประสิทธิภาพ และได้มีการผลักดันนโยบายการจัดการความรู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Balance Scorecard ในแผนที่กลยุทธ์ สวทช. อีกด้วย โดยอยู่ในมุมมองของความสามารถขององค์กร คือ L1: การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการจัดการความรู้ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ที่สำคัญ โดยภายใน 5 ปี จะมีระบบฐานข้อมูลและระบบจัดการความรู้ (Knowledge Inventory) โดยเชื่อมโยงกับระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร ระบบบริหารงานบุคคล และระบบ Enterprise Content Management เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ในการจัดทำแผนกลยุทธ์ ติดตามการปฏิบัติงาน ประเมินผลของ สวทช. ในมุม มองผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย/ลูกค้า หรือ S2: การสั่งสม และบริหารจัดการความรู้และทรัพย์สินทางปัญญาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีการวางเป้าหมายภายใน 5 ปี คือในปี 2554 จะมีการให้บริการข้อมูลทาง ว และ ท จากระบบคลังความรู้ สวทช. จำนวนไม่น้อยกว่า 100,000 pageview ต่อวัน
การจัดการความรู้ (KM)