หน้าแรก สวทช. กับนวัตกรรมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยและฝนตกหนัก

สวทช. กับนวัตกรรมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยและฝนตกหนัก

10 มิ.ย. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ขณะนี้อิทธิพลจากมรสุมส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประกาศเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงในภาคเหนือ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมถึงปัญหาน้ำท่วมขังในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารและใช้ความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วยศูนย์วิจัยแห่งชาติในสังกัดและพันธมิตร ได้ตระหนักถึงภารกิจสำคัญในการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาระบบและเครื่องมือในการสนับสนุนการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติ การบรรเทาผลกระทบ และการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน  โดย สวทช. ได้ขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์อุทกภัยและฝนตกหนักโดยเฉพาะ สำหรับนวัตกรรมเด่นจาก สวทช. เพื่อรับมืออุทกภัย มีดังนี้

Traffy Fondue “ฟีเจอร์ช่วยน้ำท่วม

Traffy Fondue “ฟีเจอร์ช่วยน้ำท่วม” เป็นแพลตฟอร์มที่ประชาชนสามารถใช้ในการแจ้งเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ขอรับความช่วยเหลือ หรือแจ้งความประสงค์บริจาคสิ่งของผ่านช่องทาง LINE @TraffyFondue เพื่อให้การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าถึงผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  ฟีเจอร์นี้จึงทำหน้าที่เปรียบเสมือนระบบรับแจ้งเหตุการณ์น้ำท่วมโดยตรงจากภาคประชาชน ช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถร้องขอความช่วยเหลือหรือแสดงความจำนงในการบริจาคสิ่งของจำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ระบบดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประสานงานการจัดสรรทรัพยากรความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปยังผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และตรงตามความต้องการ

อ่านเพิ่มเติม: https://www.nstda.or.th/home/news_post/traffyfondue-flood/

เทคโนโลยีเครื่องกรองน้ำและคลินิกคุณภาพน้ำ 

ในด้านการจัดการน้ำสะอาด ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค สวทช.) ได้นำองค์ความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยีมาพัฒนาโซลูชันเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคในภาวะอุทกภัย ซึ่งมักมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคและสารเคมี  หนึ่งในนั้นคือ เครื่องกรองน้ำด้วยนาโนเทคโนโลยี “SOS Water” (Solar-Operating System Water) ซึ่งเป็น “โครงการพัฒนาเครื่องผลิตน้ำดื่มพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีไส้กรองนาโน”  เครื่องนี้สามารถผลิตน้ำดื่มที่สะอาดได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทำงานได้ในทุกสภาวการณ์ แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า  โดยประยุกต์ใช้ไส้กรองเซรามิกเคลือบอนุภาคเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ด้วยการตรึงอนุภาคเงินระดับนาโนลงบนพื้นผิวและรูพรุนของไส้กรองเซรามิก ทำให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและป้องกันการสะสมของเชื้อที่ไส้กรอง  สามารถผลิตน้ำดื่มสะอาดจากแหล่งน้ำจืดธรรมชาติทั่วไปได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมีหรือระบบการตกตะกอนที่ซับซ้อน

นอกจากนี้เครื่องกรองน้ำดังกล่าวยังมีระบบกรองร่วมกันอีก 5 ชนิด เช่น ถังกรองทราย (Sand filter) เพื่อกรองตะกอนและสารแขวนลอยขนาดใหญ่, ไส้กรองเรซิ่น (Resin) ที่ช่วยปรับความกระด้างของน้ำ, ไส้กรองคาร์บอน (Activated carbon) ที่ช่วยกรองกลิ่น สี คลอรีน และดูดจับสารอินทรีย์กับสารเคมีต่างๆ รวมถึงโลหะหนัก, ไส้กรองแมงกานีส ซีโอไลต์ (Manganese zealite) ช่วยกรองโลหะหนัก, และไส้กรองยูเอฟ (Ultra filtration) ที่เป็นใยสังเคราะห์สามารถกรองละเอียดได้ถึง 10 นาโนเมตร สามารถดักจับสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียได้  เครื่อง SOS Water นี้มีน้ำหนัก 160 กิโลกรัม และมีกำลังการผลิต 200 ลิตรต่อชั่วโมง ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของชุมชนขนาดประมาณ 1,000 คน และสามารถเลือกใช้งานได้ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านโซลาร์เซลล์จำนวน 4 แผง หรือไฟฟ้าจากแบตเตอรี่

นาโนเทค สวทช. ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย นำเครื่อง SOS Water ไปทดสอบประสิทธิภาพการทำงานจริงในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ซึ่งผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเครื่องทำงานได้ดีและคุณภาพน้ำดื่มที่ผลิตได้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำดื่มของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

และเมื่อสถานการณ์น้ำลด “คลินิกคุณภาพน้ำ” โดยนาโนเทค สวทช. จะเข้ามามีบทบาทในการบูรณาการเทคโนโลยีเซนเซอร์และการปรับปรุงคุณภาพน้ำ เพื่อให้บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทางวิทยาศาสตร์ พร้อมให้คำปรึกษาและองค์ความรู้เชิงเทคนิคในการปรับปรุงและฟื้นฟูคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้าน รวมถึงแหล่งน้ำตามธรรมชาติของชุมชนให้กลับสู่มาตรฐานที่ปลอดภัยสำหรับการอุปโภคบริโภค

อ่านเพิ่มเติม:
https://www.nstda.or.th/home/news_post/aqua-nano-water-filter-narathiwat-20241121/
https://www.nstda.or.th/home/news_post/water-quality-clinic-20240814/

ระบบทันพิบัติ (TanPibut)

“ทันพิบัติ” เป็นระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ทางธรรมชาติแบบเรียลไทม์ พัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค สวทช.) ระบบนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการภัยพิบัติ โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น ข้อมูลสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลน้ำจากกรมชลประทานและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ภาพถ่ายดาวเทียม และข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งในพื้นที่เสี่ยง ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์และแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น แผนที่สถานการณ์ แดชบอร์ด และระบบแจ้งเตือน ไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและผู้บริหาร เพื่อช่วยในการตัดสินใจวางแผนและสั่งการในการรับมือสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบทันพิบัติยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติ เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างมีบูรณาการและลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน

อ่านเพิ่มเติม: https://www.nectec.or.th/news/news-public-document/tanpibut-html.html

แอปพลิเคชัน “ทันระบาด” (TanRabad) เฝ้าระวังโรคติดต่อหลังอุทกภัย

ภายหลังสถานการณ์อุทกภัย มักเกิดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่มากับน้ำ หรือโรคที่มีแมลงเป็นพาหะเนื่องจากแหล่งน้ำขัง แอปพลิเคชัน “ทันระบาด” ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์สนับสนุนการป้องกันและควบคุมการระบาดไข้เลือดออกเชิงรุก พัฒนาโดย เนคเทค สวทช. ร่วมกับกรมควบคุมโรค ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเฝ้าระวัง สอบสวน และควบคุมโรคไข้เลือดออกในระดับพื้นที่ ช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสามารถรายงานสถานการณ์โรคได้อย่างรวดเร็ว ติดตามแนวโน้มการระบาด และสนับสนุนการตัดสินใจในการออกมาตรการป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที ลดผลกระทบทางสุขภาพต่อประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม

อ่านเพิ่มเติม: https://trb.ddc.moph.go.th/

งานวิจัยและสนับสนุนพันธุ์ข้าวทนน้ำท่วม 

ด้านความมั่นคงทางอาหาร ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค สวทช.) ได้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ทนทานต่อสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง  ตัวอย่างพันธุ์ข้าวเด่นที่พัฒนาขึ้น อาทิ ข้าวพันธุ์หอมชลสิทธิ์ทนน้ำท่วมฉับพลัน, ข้าว กข51  และ ข้าวเจ้าพันธุ์หอมสยาม 2 ซึ่งให้ผลผลิตสูงกว่าข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีกลิ่นหอม ทนต่อน้ำท่วมฉับพลัน และต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในระดับปานกลาง

นอกจากนี้ยังมี ข้าวเจ้าพันธุ์หอมนาเล ซึ่งมีคุณสมบัติพื้นนุ่ม ไม่ไวต่อช่วงแสง ทนน้ำท่วมฉับพลัน ต้านทานโรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล  และ ข้าวเหนียวพันธุ์หอมนาคา ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ทนแล้ง ต้านทานโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง ลำต้นแข็งแรงไม่หักล้มง่าย ขนาดต้นสูงปานกลาง ทำให้เก็บเกี่ยวง่าย สอดรับกับการทำนาสมัยใหม่  ข้าวเหนียวพันธุ์นี้เป็นข้าวไม่ไวแสง ปลูกได้ตลอดปี มีระยะเวลาการปลูกประมาณ 130-140 วัน ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ยประมาณ 800 กิโลกรัมต่อไร่ และเมื่อหุงสุกจะมีกลิ่นหอม นุ่มเหนียว

สวทช. ยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และสหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเหนียวหอมนาคาให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดลำปาง พะเยา และเชียงราย

อ่านเพิ่มเติม: https://www.biotec.or.th/biogallery/index.php/food-and-agriculture-thai/rd51-thai
https://www.biotec.or.th/biogallery/index.php/food-and-agriculture-thai/flash-flooding-thai
https://www.nstda.or.th/home/news_post/pr-nstda-08122566/

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อเพื่อสุขอนามัยในภาวะอุทกภัย ลดความเสี่ยงโรคติดต่อ

หลังน้ำท่วม การรักษาสุขอนามัยในพื้นที่ประสบภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อาจมากับน้ำหรือเจริญเติบโตในสภาวะน้ำขัง สวทช. ได้พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อประสิทธิภาพสูงเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ได้แก่

 

น้ำยาฆ่าเชื้อ “อะเจิร์มโก” (Agermgo) เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดยนาโนเทค สวทช. เพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม Agermgo เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมซิงค์นาโนอิมัลชั่น  ซึ่งเป็นการนำอนุภาคซิงค์ออกไซด์ระดับนาโนมาผสมผสานกับสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น กรดไขมันจากน้ำมันมะพร้าว  ทำให้มีคุณสมบัติเด่นในการฆ่าเชื้อโรคได้หลากหลายชนิด ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วและมีผลยาวนาน นอกจากนี้ ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับสารเคมีฆ่าเชื้อแบบดั้งเดิมบางชนิด

ในสถานการณ์อุทกภัย น้ำยาฆ่าเชื้อ Agermgo มีบทบาทสำคัญในการทำความสะอาดพื้นผิวอาคารบ้านเรือน ศูนย์พักพิง หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคที่มากับน้ำท่วม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อที่มักเกิดขึ้นหลังน้ำลด เช่น โรคฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง หรือโรคผิวหนัง การมีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาสุขอนามัยของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย

อ่านเพิ่มเติม: https://www.nstda.or.th/sci2pub/zinc-nano-emulsions/

 

น้ำยาฆ่าเชื้อ “ENERclean” (เอนเนอร์คลีน) เป็นนวัตกรรมที่ได้จากต้นแบบเครื่องผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อด้วยวิธีทางไฟฟ้าเคมี (Electrolyzed water) ซึ่งวิจัยและพัฒนาโดยทีมวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) ร่วมกับทีมวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) น้ำยาฆ่าเชื้อนี้ประกอบด้วยกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous acid, HOCl) เป็นองค์ประกอบหลัก มีระดับค่ากรดด่างในช่วงเป็นกรดอ่อน (pH 4-6) ผลิตจากสารธรรมชาติ ปราศจากแอลกอฮอล์และสารเคมีที่เป็นพิษ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้านการแพทย์และอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีประสิทธิภาพในการยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงมีฤทธิ์ในการยับยั้งฆ่าเชื้อไวรัสไข้เลือดออก เป็นอีกทางเลือกสำหรับการดูแลสุขอนามัยในภาวะวิกฤต

อ่านเพิ่มเติม: https://www.nstda.or.th/home/news_post/enerclean/

ระบบ ThaiWater

ด้านการติดตามและบริหารจัดการข้อมูลน้ำ สวทช. ได้ร่วมมือกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ในการสนับสนุนระบบนิเวศวิจัยด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศ  ทำให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามข้อมูลสำคัญ เช่น ปริมาณน้ำในเขื่อน สภาพอากาศปัจจุบัน และการคาดการณ์แนวโน้ม ผ่าน ระบบคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ (ThaiWater) ที่พัฒนาและดำเนินการโดย สสน. ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย

เกี่ยวกับความร่วมมือ สวทช.-สสน.: https://www.nstda.or.th/home/news_post/mou-nstda-hii/

เข้าถึงข้อมูล ThaiWater: https://www.thaiwater.net/

สวทช. ยังคงยืนหยัดในพันธกิจการสร้างสรรค์และประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน  และขอส่งกำลังใจไปยังผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยทุกท่าน

แชร์หน้านี้: