มาตรการพื้นฐานในการป้องกันไวรัสโคโรนาชนิดใหม่

มาตรการพื้นฐานในการป้องกันไวรัสโคโรนาชนิดใหม่
ข้อมูลจาก WHO (ณ วันที่ 16 ก.พ. 2563)
https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public
แปลโดย ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ดาวน์โหลดเอกสาร


ให้ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ได้จากเว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก และผ่านทางหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขในพื้นที่หรือระดับประเทศของท่าน โดยส่วนใหญ่แล้ว โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบกับคนในประเทศจีน และมีการระบาดอยู่บ้างในประเทศอื่นๆ คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อมีอาการป่วยไม่รุนแรงและหายป่วย แต่มีบางรายที่ป่วยรุนแรง ดูแลปกป้องสุขภาพของตัวเองและป้องกันผู้อื่น โดยการทำดังต่อไปนี้:

  • ล้างมือบ่อยๆ
    ล้างมืออยู่เรื่อยๆ และทำความสะอาดมืออย่างทั่วถึง ด้วยสารที่มีแอลกอฮอล์ผสม หรือล้างด้วยสบู่และน้ำ
    ทำไม? การล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้สารที่มีแอลกอฮอล์ผสม ช่วยฆ่าไวรัสที่อาจจะมีอยู่บนมือได้
  • รักษาระยะห่างทางสังคม
    พยายามอยู่ห่างจากคนอื่น ที่อาจจะไอหรือจาม อย่างน้อย 1 เมตร (3 ฟุต)
    ทำไม? เมื่อมีใครไอหรือจาม จะมีละอองฝอยของเหลวขนาดเล็กพุ่งกระจายออกจากจมูกหรือปากของผู้นั้น ซึ่งอาจมีไวรัสอยู่ หากคุณอยู่ใกล้ชิดมากเกินไป ก็อาจจะหายใจเอาละอองฝอยเหล่านั้น รวมทั้งไวรัสโควิด-19 เข้าไปได้ หากว่าคนผู้นั้นติดเชื้ออยู่
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา, จมูก หรือปาก
    ทำไม? มือที่สัมผัสพื้นผิวสิ่งต่างๆ มากมาย อาจจะติดเอาไวรัสมาได้ ครั้นเมื่อติดเชื้อมาแล้ว มือนั้นก็อาจจะถ่ายทอดไวรัสต่อไปยังตา, จมูก หรือปาก ต่อไปได้ จากนั้น ไวรัสดังกล่าวก็อาจจะเข้าสู่ร่างกายและทำให้คุณป่วยได้
  • ฝึกฝนการรักษาอนามัยเกี่ยวกับระบบหายใจ
    พยายามรักษาอนามัยเกี่ยวกับระบบหายใจให้ถูกวิธี ทั้งกับตัวคุณเองและผู้คนรอบๆ ตัวคุณ ซึ่งก็รวมทั้งการปิดปากและจมูกด้วยข้อศอกหรือกระดาษทิชชู่ เวลาที่ไอหรือจาม จากนั้น ทิ้งทิชชู่ที่ใช้แล้วในทันที
    ทำไม? ละอองฝอยช่วยกระจายไวรัส การปฏิบัติตามอนามัยเกี่ยวกับระบบหายใจที่ดี ช่วยให้คุณปกป้องผู้คนรอบตัวจากไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 ได้
  • หากคุณมีไข้, ไอ และหายใจลำบาก ไปพบแพทย์เพื่อรักษาแต่เนิ่นๆ
    ให้พักอยู่บ้าน หากรู้สึกไม่สบาย หากมีไข้, ไอ และหายใจลำบาก โทรศัพท์ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า และไปพบแพทย์ โดยทำตามแนวทางที่กำหนดโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบสาธารณสุขในพื้นที่ของคุณ
    ทำไม? หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่และระดับประเทศ จะมีข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ของคุณ การโทรศัพท์ติดต่อไปล่วงหน้าจะช่วยให้ผู้ให้การดูแลรักษาสามารถนำตัวคุณไปยังสถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยป้องกันตัวคุณเอง และช่วยป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของไวรัส และเกิดการติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มขึ้น
  • ติดตามข่าวสารและทำตามคำแนะนำของผู้ให้การรักษาพยาบาล
    ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับโควิด-19 ทำตามคำแนะนำของผู้ให้การรักษาพยาบาล, หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขระดับพื้นที่และระดับประเทศหรือนายจ้างของคุณ เกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองและผู้อื่นจากโควิด-19
    ทำไม? หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขระดับพื้นที่และระดับประเทศ จะมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการกระจายของโควิด-19 ในพื้นที่ของคุณ พวกเขาจะให้คำแนะนำกับคนในพื้นที่ได้ดีที่สุดว่า ควรจะทำอย่างไรบ้างจึงจะป้องกันตัวเองได้

มาตรการป้องกันสำหรับผู้ที่ไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19
เมื่อเร็วๆ นี้ (ใน
14 วันที่ผ่านมา)

  • ทำตามแนวทางที่กล่าวไว้ข้างต้น
  • อยู่กับบ้านหากรู้สึกไม่สบาย, แม้ว่าจะจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ปวดหัว หรือมีน้ำมูกเล็กน้อย จนกว่าจะหาย ทำไม? เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่นและลดผู้ไปยังสถานรักษาพยาบาล เพื่อช่วยให้การดูแลรักษาพยาบาลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้ตัวคุณเองและผู้อื่นจากโอกาสติดเชื้อโควิด-19 และไวรัสอื่นๆ อีกด้วย
  • หากมีไข้, ไอ หรือหายใจลำบาก ให้ไปพบแพทย์ในทันที เพราะอาจแสดงให้เห็นถึงการติดเชื้อของระบบหายใจ หรือสภาวะความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงอื่นๆ, กรุณาโทรศัพท์ไปแจ้งก่อนล่วงหน้า และแจ้งกับสถานพยาบาลด้วยว่า เคยไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหรือสัมผัสกับนักท่องเที่ยวมาก่อนเมื่อไม่นานมานี้ ทำไม? การโทรศัพท์ล่วงหน้าจะช่วยให้สถานพยาบาลช่วยนำคุณไปรักษาในบริเวณที่จัดเตรียมไว้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะช่วยป้องกันโอกาสที่จะเกิดการแพร่กระจายของโควิด-19 และไวรัสอื่นๆ ได้

แหล่งที่มาของข้อมูล : ข้อมูลจาก WHO (ณ วันที่ 16 ก.พ. 2563) https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public

Continue reading “มาตรการพื้นฐานในการป้องกันไวรัสโคโรนาชนิดใหม่”

วารสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 9 เดือน กันยายน 2562

วารสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 9 เดือน กันยายน 2562

นโยบายการพัฒนาประเทศจากเยอรมนีสู่ไทย โดย สถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงเบอร์ลิน
ดร.ธิรวัฒน์ ภูมิจิตร เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน กล่าวว่า หากประเทศไทยเติบโตด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนที่จะช่วยให้ประเทศสามารถจัดการกับความท้าทายทางสังคมได้ หากพิจารณาถึงประเทศเยอรมนี จะพบว่ามี 4 จุดเด่นสำคัญด้าน วทน. ที่ประเทศไทยสามารถนำไปปรับใช้ได้ดังนี้
1.การสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม
2.การพัฒนาทักษะแรงงานและทรัพยากรมนุษย์
3.นวัตกรรมสังคม
4.การสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์


ความก้าวหน้าด้าน วทน. ในยุโรปและโอกาสการสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและยุโรป โดย สำนักงานที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำสถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงบรัสเซลส์
ภารกิจส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี
คือการสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรปเพื่อสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่สังคมวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งจะนำประเทศไปสู่สังคมและเศรษฐกิจบนฐานความรู้โดยเฉพาะการถ่ายองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนนโยบาย
Thailand 4.0

การจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
การปรับบทบาทของอุดมศึกษาเพื่อขับเคลื่อนประเทศภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แนวคิดในการจัดตั้งมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาและการวิจัยของไทย เช่น ปัญหาธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัย การวิจัย นวัตกรรม ไม่มีทิศทาง โจทย์วิจัย ไม่ตอบสนองสังคม เศรษฐกิจ งบประมาณวิจัยไม่เพียงพอ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทาง วทน. ขาดทิศทาง ไม่ต่อเนื่อง อัตราการสร้างนวัตกรรมต่ำ และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยหัวใจหลักของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม คือการดำเนิน 2 ภารกิจหลัก ได้แก่ 1.เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 และ 2. นำองค์ความรู้และนวัตกรรม ไปพัฒนาประเทศ

การพัฒนาการศึกษาไทย โดย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
สสวท. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งในและนอกสถานศึกษาให้นักเรียนพัฒนาตามศักยภาพเป็นประชากรที่มีความรู้ นักวิชาชีพฐานดี และนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำต่อไป
กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้าน วทน.
1. วิทยาการคำนวณ : สสวท. ได้ปรับเปลี่ยนหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปสู่หลักสูตรวิทยาการคำนวณ ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ โดยกำหนดขอบเขตการเรียนการสอนของวิชาวิทยาการคำนวณไว้3องค์ความรู้  ดังนี้ การคิดเชิงคำนวณ (Computational thinking) พื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital technology) และ พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (Media and information literacy)
2. หนังสือเรียนแนวคิดใหม่ : สสวท. ได้ปรับปรุงแบบเรียนในทุกระดับชั้นโดยพิมพ์สีทั้งหมด พร้อม QR Code และ Short url เชื่อมโยงแหล่งความรู้ออนไลน์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ  นอกจากนี้ยังได้พัฒนาสื่อวิทยาศาสตร์แบบสื่อดิจิทัลแสดงผลเสมือนจริง หรือสื่อ AR 3 มิติ (Augmented Reality) เพื่อเป็นสื่อประกอบหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์อีกด้วย
3. สะเต็มศึกษา : เป็นแนวทางการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรมและคณิตศาสตร์ ไปใช้ในการเชื่อมโยงและแก้ปัญหาในชีวิตจริง โดยเน้นจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวแล้วค่อยอธิบายเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยทฤษฎีและนำไปสู่การเรียนรู้คำนิยามต่างๆ
4. แผนการจัดตั้งสถาบัน Kosen : สสวท.จะนำระบบ Kosen จากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้กับระบบอาชีวะในประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักสูตรเชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมศาสตร์ เที่ยบเท่ามัธยมศึกษาตอนปลายโดยตลอดหลักสูตร 5 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรจากสถาบันโคเซ็น ควบอนุปริญญาวิศวกรรมศาสตร์


การสร้างความเป็นสากลให้แก่ระบบอุดมศึกษาของไทย โดย สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.)
การสร้างความเป็นสากลให้แก่ระบบอุดมศึกษาของไทย โดยที่ผ่านมามีการสร้างความเป็นสากลผ่านการสร้างความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างประเทศ การลงนามบันทึกความเข้าใจ
(MoU) การจัดอันดับมหาวิทยาลัย การรวมกลุ่มเป็นประชาคมอาเซียน การเกิดหลักสูตรนานาชาติเพื่อดึงดูดนักศึกษาต่างชาติ ในขณะที่ปัจจุบันเป็นโลกแห่งยุคดิจิทัล ดังนั้นมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายร่วมกัน เชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของโลกสมัยใหม่ที่มีการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงสูงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้อาจจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยการสร้างการแลกเปลี่ยนเสมือน (virtual mobility) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมผ่านระบบดิจิทัลเสมือนจริง


เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
นาโนเทค

นาโนเทคเป็นองค์กรที่ดำเนินงานวิจัย พัฒนา ออกแบบและวิศวกรรม และประยุกต์นาโนเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความเป็นเลิศและสามารถถ่ายทอดสู่การใช้ประโยชน์ให้กับภาคการผลิต โดยปัจจุบันนาโนเทคมีหน่วยวิจัย
5 หน่วย การวิจัยด้านการพัฒนาวัสดุนาโนและวิศวกรรมระบบนาโน ซึ่งมุ่งพัฒนาและแบบ วัสดุ โครงสร้างและระบบในระดับนาโนด้วยวิธีการคำนวณทางเคมีคอมพิวเตอร์ ผ่านการสร้างแบบจำลองและการประเมินเชิงวิศวกรรมผ่านการสร้างต้นแบบและระบบนำร่องสำหรับการประยุกต์ใช้งานในด้านพลังงาน การวิจัยด้านนาโนเพื่อชีวิตและสุขภาพ มุ่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจวินิจฉัย โดยใช้โมเลกุลเป้าหมาย การพัฒนาเทคโนโลยีระบบนำส่งยาชนิดใหม่และเวชสำอางจาการใช้ประโยชน์ด้วยสารจากธรรมชาติและสมุนไพร


เอ็มเทค
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ หรือเอ็มเทค เป็นหน่วยงานที่พัฒนาและสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีวัสดุให้แก่ภาครัฐและภาคเอกชนโดยดำเนินการวิจัย พัฒนาและวิศวกรรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนากำลังคน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม และพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศ ตัวอย่างผลงานของเอ็มเทค
: วัสดุชนิดแข็งพิเศษจากยางธรรมชาติสำหรับงานปูพื้นเพื่อการตกแต่งบ้านและสวน เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ น้ำยาง ParaFIT เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหมอนและที่นอน แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่มุ่งเน้นตรวจสอบปริมาณของขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารจากการบริโภคในชีวิตประจำ และวัสดุก่อสร้างจีโอโพลิเมอร์ที่ผลิตจากวัสดุเหลือทิ้งอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นวัสดุทดแทนเซรามิกส์


เนคเทค
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทคเป็นองค์กรวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เปรียบเสมือนเครื่องจักรสำคัญในการสร้างฐานรากทางเทคโนโลยีให้ประเทศรวมถึงเตรียมความพร้อมงานวิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยร่วมกับพันธมิตรผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์ของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ที่ให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้เสมือนกับการเป็นสาธารณูปโภคที่ส่งให้ประชาชนทุกคนในบ้าน  ตัวอย่างผลงานของเนคเทค
: โปรแกรมวัดขนาดอาหารเม็ดสัตว์น้ำ แพลตฟอร์มระบบบริการถ่ายทอดการสื่อสารสำหรับคนพิการทางการได้ยินและคนพิการทางการพูด เครื่องอ่านปริมาณสารเคมีในแบบอัจฉริยะ ระบบถอดความเสียงพูดเป็นตัวอักษรแบบทันเวลา และระบบอัจฉริยะเพื่อเฝ้าระวังและติดตามการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น


ไบโอเทค
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาสร้างความสามารถด้านเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศ สร้างองค์ความรู้สู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ
(excellence) และส่งเสริมต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย ตอบโจทย์ของสังคมและนโยบายประเทศเพื่อให้เกิดผลกระทบสูงสุด

 ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่

https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2019/20191119-newsletter-brussels-no9-sep62.pdf

Creating A Sustainable Future For Thai Farming Sector And Local Communities With STI

This publicaton illustrates our work in introducing technologies, innovatons along with assistance in a number of areas – such as market access, quality standards and business development – with the ultmate goal of enhancing capacity and compettveness of our farmers, villagers and social enterprises. It is our belief that enhanced capacity of our farming sector and people in the rural communites will become a robust engine to meet Sustainable Development Goals and support the Government’s Bio – Circular – Green (BCG) economic model.

 Download ฺBook

แนวทางการบริหารความเสี่ยงองค์กร กรณีศึกษา สวทช.

ในโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง มีความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และยากจะคาดเดานั้น “การบริหารจัดการองค์กรไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม” การนำระบบบริหารความเสี่ยงมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญ

หนังสือ “แนวทางการบริหารความเสี่ยงองค์กร กรณีศึกษา สวทช.” เล่มนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการบริหารความเสี่ยงของ สวทช. จึงขอนำเสนอเผยแพร่ให้กับองค์กรอื่นๆ นำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการจะพัฒนากระบวนการบริหารความเสี่ยงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งสำหรับริหารจัดการองค์กร

[ Download หนังสือ] | [View as flip book]

หนังสือ ความเชื่อกับวิทยาศาสตร์ : ไขปริศนา 100 ข่าวสิ่งแปลกที่ชาวบ้านพากันกราบไหว้ขอหวย

สังคมไทยมีวิถีชีวิตในความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ อำนาจเล้นลับ หรือกระทั่งเรื่องออกแนวไปทางไสยศาสตร์มาช้านานซึ่งก็คงไม่ต่างจากชนชาติอื่นๆ ที่ต่างก็มีเรื่องราวทำนองนี้ในท้องถิ่นของตน ส่วนการตอบสนองต่อเรื่องเหล่านี้ ในแต่ละชนชาติอาจมีวิธีการที่คล้ายคลึงหรือแตกต่างกันไปตามบริบทของสังคมแต่ละแห่ง

หนังสือ “ความเชื่อกับวิทยาศาสตร์” เล่มนี้ จัดทำโดย ฝ่ายสื่อวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รวบรวมข่าวแปลกดังกล่าวในรอบสี่ปีที่ผ่านมาเป็นหลัก คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552-2555 แล้วสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้ข้อมูลในแง่มุมทางวิทยาศาสตร์ต่อข่าวดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้อง แม้บางเรื่องอาจจะยังมีคำตอบที่ไม่ชัดเจน เพราะต้องอาศัยเวลาและการทดลองเพื่อหาคำตอบ ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้ทำ แต่อย่างน้อยนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ให้แนวทางและวิธีคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ในเรื่องดังกล่าวได้

ดาวน์โหลดหนังสือ

 

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ปี 2562

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง

1. เครื่องข่ายมือถือ 5G/6G (Mobile Network 5G/6G)
2. การคำนวณและวิศวกรรมควอนตัม (Quantum Coumputing and Engineering)
3. เอไอแห่งอนาคต (Future Artificial Intelligence)
4. การเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Mobility-as-a-Service, Maas)
5. เซลล์แสดงอาทิตย์เพอรอฟสไกด์ (Perovskite Solar Cell)
6. แบตเตอรี่ลิเทียมยุคหน้า(Next Generation Lithium Ion Batterles)
7. โครงเสริมภายนอกกาย (Exoskeletion)
8. ไฟเบอร์สารพัดประโยชน์จากจุลินทรีย์
(Microbial Multifunctional Fiber)
9. กายจำลองทดสอบยา (Companion Diagnostics)
10. วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล (Personalized Cancer Vaccine)

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ปี 2562

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ปี 2562

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ปี 2562

การเปลี่ยนพลาสติก polyethylene ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเป็นผลิตภัณฑ์ของเหลวคุณภาพสูง (Upcycling single-use polyethylene into high-quality liquid products)

เมื่อมองไปรอบๆ ตัวจะพบว่าพลาสติกเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากในชีวิตประจำวัน โดยใช้ไม่เพียงเพื่อความสะดวกเช่น ถุงพลาสติก และขวดพลาสติก แต่ยังเพื่อการประยุกต์ใช้ที่จำเป็นเช่น การบรรจุอาหาร และอุปกรณ์การแพทย์ เนื่องจากพลาสติกเป็นวัสดุที่ดีที่สุดที่มีอยู่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการพลาสติกที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีการผลิตพลาสติกเกือบ 400 ล้านตันต่อปีทั่วโลก และตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้น 4 เท่าในปี 2050 ทุกวันนี้มีการทิ้งพลาสติกมากกว่า 3 ใน 4 ส่วนหลังจากใช้ครั้งเดียว ทำให้เหลือพลาสติกในหลุมฝังกลบหรือสิ่งแวดล้อม รู้หรือไหมขยะพลาสติกใช้เวลาเป็นพันปีเพื่อย่อยสลาย ดังนั้นจะดีไหมถ้าสามารถเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเช่น เครื่องสำอาง ผงซักฟอก หรือน้ำมันหล่อลื่น

ดังนั้นจึงมีการรวมตัวกันระหว่างนักวิจัยจากหลายสถาบัน ได้แก่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Argonne และห้องปฏิบัติการ Ames ของกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา, มหาวิทยาลัย Northwestern, มหาวิทยาลัย Cornell, มหาวิทยาลัย South Carolina และมหาวิทยาลัย California Santa Barbara เพื่อทำให้ฝันนั้นเป็นจริง

ในขณะที่บางส่วนของขยะพลาสติกถูกนำกลับมาใช้ใหม่ (recycled) แต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพและคุณค่าต่ำกว่าพลาสติกตั้งต้น เมื่อเร็วๆ นี้ทีมวิจัยดังกล่าวได้รายงานในวารสาร ACS Central Science ว่าสามารถค้นพบวิธีเร่งปฏิกิริยาสำหรับเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เช่น น้ำมันหล่อลื่น หรือขี้ผึ้ง (waxes) ต่อมาขี้ผึ้งสามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันเช่น ผงซักฟอก และเครื่องสำอาง

ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้คือ อนุภาคนาโนแพลทินัม (platinum nanoparticles) แต่ละอนุภาคมีขนาดเพียง 2 นาโนเมตร ถูกยึดไว้บน perovskite nanocuboids มีขนาดประมาณ 100 นาโนเมตร ทีมวิจัยเลือกใช้ perovskite เพราะคงตัวมากๆ ในอุณหภูมิและความดันที่ใช้ในการเร่งปฏิกิริยาและได้รับการทดสอบว่าเป็นวัสดุที่ดีเป็นพิเศษสำหรับการเปลี่ยนพลังงาน

ทีมวิจัยเลือกใช้วิธี atomic layer deposition เป็นวิธีวางอนุภาคนาโนแพลทินัมบน perovskite nanocuboid ทำให้ควบคุมขนาดอนุภาคนาโนได้แม่นยำ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการพัฒนาโดยห้องปฏิบัติการ Argonne และมหาวิทยาลัย Northwestern

เริ่มจากการทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยากับ polyethylene ที่ใช้สำหรับงานวิจัย ผลที่ได้คือตัวเร่งปฏิกิริยาสามารถเปลี่ยน polyethylene ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่พบได้ทั่วไปมากที่สุดในพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ของเหลวคุณภาพสูงปริมาณมาก ต่อมาได้ทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยากับถุงพลาสติกที่มีวางจำหน่าย พบว่าตัวเร่งปฏิกิริยาให้ผลกับถุงพลาสติกเหมือนกับการใช้ polyethylene อย่างเดียวและผลิตน้อยกว่ามากไฮโดรคาร์บอนที่มีขนาดเล็ก (ตัวอย่างเช่น methane และ ethane) ที่เกิดขึ้นในกระบวนการ pyrolysis (กระบวนการให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูง) หรือใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาทั่วไปซึ่งประกอบด้วยอนุภาคนาโนแพลทินัมอยู่บนสารตั้งต้น alumina

ต่อมาทีมวิจัยได้คำนวณตามทฤษฎี พบว่ามี 2 ลักษณะหลักที่มีผลต่อประสิทธิภาพของตัวเร่งปฏิกิริยา อย่างแรกคือความสามารถคงตัวในอุณหภูมิเนื่องจากการลงตัวทางเรขาคณิตระหว่างรูปร่างเป็นลูกบาศก์ของอนุภาคนาโนแพลทินัมและ perovskite nanocuboid อย่างที่สองคือความไม่เป็นรูของวัสดุ perovskite ซึ่งช่วยให้เกิดปฏิกิริยาเร่ง

การค้นพบครั้งนี้คงเป็นข่าวดีของใครหลายคนที่สามารถใช้ประโยชน์จากขยะพลาสติก แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นผลสำเร็จ แต่ยังหวังว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ในอนาคตข้างหน้า

ที่มา: Joseph E. Harmon (2019, October 23). Rethinking the science of plastic recycling. Argonne National Laboratory. Retrieved January 13, 2019, from https://www.anl.gov/article/rethinking-the-science-of-plastic-recycling

การติดตั้งโปรแกรม Greenstone 3.09

การติดตั้ง Greenstone 3.09 สำหรับ Windows

Download โปรแกรมได้ที่ http://www.greenstone.org/download

  1. เลือก Download โปรแกรมที่สำหรับใช้ในระบบปฏิบัติการ Windows
  2. ติดตั้งโปรแกรม

    เลือกภาษาสำหรับแสดงในโปรแกรม คลิกปุ่ม Next

     

    ตำแหน่งติดตั้งโปรแกม ถ้าไม่เปลี่ยนคลิกปุ่ม Next
       – เปลี่ยนตำแหน่งคลิกปุ่ม  Browser 
     

    ติดตั้งโปรแกรมเสริมที่จำเป็น คลิกปุ่ม Next ต่อไปได้เลย

     

    ตั้งรหัสผ่าน สำหรับเข้าใช้งาน คลิกที่ช่องสี่เหลี่ยม คลิกปุ่ม Next
     

    คลิกปุ่ม Install 
     

     

  3. เมื่อติดตั้งโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดที่ Start –> Greenstone –> Greenstone Librarian Interface(GLI) เพื่อเปิดใช้งานโปรแกรม Greenstone