หน้าแรก คลังความรู้ คลังความรู้ นานาสาระน่ารู้ ไวรัสโคโรนา COVID-19
ไวรัสโคโรนา COVID-19
2 มี.ค. 2563
0
นานาสาระน่ารู้

 

ข่าวสาร บทความ สถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุด รู้จัก แก้ปัญหา ป้องกัน การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา Infographic

ข่าวสาร บทความ

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุด

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

ประกาศรัฐบาล

ประกาศกระทรวงการสารธารณะสุข

ประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ประกาศกรุงเทพมหานคร

รู้จัก แก้ปัญหา ป้องกัน

“ไวรัสโคโรนา” เป็นไวรัสที่จัดอยู่ในวงศ์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมด ถูกพบครั้งแรกในช่วงปี 1960 โดยผู้ที่ได้รับเชื้อ ณ เวลานั้นจะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป ไม่ได้มีอาการรุนแรงมาก “โคโรนา” ในภาษาละตินมีความหมายว่ามงกุฎ เนื่องจากเมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนจะเห็นว่าไวรัสชนิดนี้มีลักษณะคล้ายมงกุฎ โดยเปลือกหุ้มด้านนอกประกอบด้วยโปรตีนคลุมด้วยกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเป็นมีลักษณะปุ่ม ๆ ยื่นออกไปจากอนุภาคไวรัส ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสที่สามารถกลายพันธุ์ได้ง่าย เนื่องจากมีสารพันธุกรรมชนิด RNA ดังนั้นเชื้อจึงมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลาทำให้การรับมืออาจทำได้ยาก ไวรัสโคโลน่ามีหลากหลายชนิดบางชนิดทำให้เกิดอาการไข้หวัดธรรมดา แต่บางชนิดก็มีความรุนแรงและสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 จะมีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยจะแสดงอาการตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อย ไม่ว่าจะเป็น การคัดจมูก เจ็บคอ ไอ และมีไข้ บางรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการปอดบวมหรือหายใจลำบากร่วมด้วย บางรายก็รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

เชื้อก่อโรค coronavirus สายพันธุ์ใหม่ เชื้อไวรัสนี้มีชื่อเฉพาะว่า 2019-nCoV เป็นไวรัสในลำดับที่ 7 ของไวัสตระกูล coronaviruses lineage B, จีนัส betacoronavirus, เชื้อมีลำดับยีนมากกว่าร้อยละ 85 ที่เหมือนกับยีโนมของเชื้อ SARS-like CoV ในค้างคาว (bat-SL-CoVZC45, MG772933.1) การก่อโรคในมนุษย์จากเชื้อโรคในค้างคาวถือว่าเป็น zoonotic disease ด้วย

เชื้อไวรัสนี้ถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยมีการตรวจพบมาก่อน จึงเป็นเหตุให้ทั้งโลกต่างจับตาและมีความวิตกกังวลและหวาดกลัวต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้ ไวรัสโคโรนา เดิมมีชื่อที่ใช้ในตอนแรกคือ 2019 nCoV และมีชื่ออย่างเป็นทางการในปัจจุบันคือ SARS-CoV-2 ส่วนชื่อของโรคติดเชื้อชนิดนี้เรียกว่า COVID-19 (ศ.เกียรติคุณนายแพทย์อมร,2563) ย่อมาจาก

  • CO แทน corona
  • VI แทน virus
  • D แทน disease
  • 19 แทน ปี 2019 (โรคติดเชื้อนี้เกิดขึ้นในปี 2019)

แนวทางการแก้ปัญหา

วิธีแก้ปัญหา ป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ขึ้นอยู่กับการควบคุมอำนาจแพร่ระบาด หรือการกระจายของโรค เช่น ประเทศจีนบังคับใช้วิธี ปิดเมือง ห้ามคนในออก คนนอกห้ามเข้า และส่งทีมแพทย์เข้าไปรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้วในพื้นที่ระบาด ใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือน โดยคิดง่ายๆว่า ผู้ป่วย 1 คน กระจายโรคไปได้ 2 คน เมื่อรักษาผู้ป่วยแล้ว ก็จะได้ผู้ที่มีภูมิต้านทานมากขึ้น จนถึงครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย หรือ 50% การระบาดก็จะอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า เริ่มสงบ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสนี้ก็จะกลายเป็นแค่โรคประจำถิ่น (endemic) มีการติดเชื้อเป็นหย่อมๆ จนกว่าจะมีภูมิต้านทานกันหมดทุกคน (มติชนออนไลน์, 2563)

มาตรการป้องกัน

โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ขอแจ้งมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพรวมถึงการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ตามแนวปฏิบัติ ดังนี้

  • คัดกรอง และแยกผู้ป่วยที่สงสัยเพื่อตรวจในห้องตรวจเฉพาะ
  • ซักประวัติ และวัดไข้ผู้มารับบริการที่ทุกคลินิก
  • ติดตั้งแอลกอฮอล์เจลที่หน้าลิฟต์ทุกชั้น
  • สำรองเวชภัณฑ์ ยา และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้พอเพียง
  • เตรียมความพร้อม ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ
  • หากท่านมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก และเพิ่งกลับจากประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ ประเทศญี่ปุ่น ภายใน 14 วัน หรือสัมผัสผู้ป่วยต้องสงสัย กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

วิธีป้องกัน

เบื้องต้นทุกคนสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด19สายพันธุ์ใหม่ ได้ดังนี้

  • เลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
  • เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นที่เป็นรังโรคและเมืองอื่นๆ ในประเทศจีนที่มีการระบาด
  • ระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่
  • ควรล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที
  • งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
  • เลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่างๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน
  • ทานอาหารสุก สะอาด ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก
  • สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด19สายพันธุ์ใหม่ โดยตรง ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันเชื้อในละอองฝอยจากเสมหะหรือสารคัดหลั่งเข้าตา
  • มาตรการพื้นฐานในการป้องกันไวรัสโคโรนาชนิดใหม่

MHESI INTERVIEW : ตอบข้อสงสัยหน้ากากอนามัยกับการป้องกันไวรัส COVID-19

5 จุดเสี่ยงบนเครื่องบินที่พบเชื้อโรคมากที่สุด

  1. ถาดพับวางอาหารหลังเบาะโดยสาร เนื่องจากตารางบินที่กระชั้นชิด พนง.ไม่มีเวลามากพอที่จะทำความสะอาดถาดวางอาหารได้ดีเพียงพอ และอาจไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้
  2. ตะแกรงระบายอากาศ และหัวเข็มขัดนิรภัย เพราะเป็นส่วนที่ผู้โดยสารต้องจับอยู่บ่อยๆ
  3. ห้องน้ำ มีคำแนะนำง่ายๆ คือ ใช้กระดาษชำระห่อจับลูกบิด และกลอนประตู ควรพกเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคขวดเล็กๆ ขึ้นเครื่องบิน
  4. ที่ใส่ของหลังเบาะผู้โดยสาร ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน
  5. ที่นั่งริมทางเดิน เพราะเบาะริมทางเดินจะโดนสัมผัสจากมือของคนอื่นๆ

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มีต้นตอมาจากที่ใด เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เป็นไวรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ และมีเปลือกหุ้มด้านนอกที่ประกอบด้วยโปรตีนคลุมด้วยกลุ่มคาร์โบไฮเดรทเป็นปุ่มๆ (spikes) ยื่นออกไปจากอนุภาคไวรัส ทำาให้เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน จะเห็นเป็นเหมือนมงกุฎ (ภาษาลาติน corona แปลว่า crown หรือมงกุฎ) ล้อมรอบ จึงเป็นที่มาของชื่อเชื้อไวรัสในกลุ่มนี้ที่มีสมาชิกหลากหลาย ติดเชื้อก่อโรคได้ทั้งในคน และสัตว์หลายชนิด เช่น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (ม้า วัว แมว สุนัข ค้างคาว กระต่าย หนู อูฐ และสัตว์ป่าอื่นๆ) และสัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู ดังนั้น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่ก่อโรคในสัตว์ทั้งระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร อาจแพร่มาสู่คนและก่อโรคในคนได้ (zoonotic infection)

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ 2019-nCoV จากประเทศจีน นับจากที่มีการรายงานครั้งแรกเมื่อ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2019 นั้น พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่ไม่รู้สาเหตุในเมืองอู่ฮั่นเพิ่มขึ้นเป็นลำาดับ ต่อมาได้มีการรายงานเป็นทางการเมื่อ 3 มกราคม ค.ศ. 2020 ว่าโรคปอดอักเสบที่ระบาดที่อู่ฮั่น มีสาเหตุจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (novel coronavirus 2019, 2019-nCoV) และพบการแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้

สาเหตุของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่มีการแพร่ระบาดในคนยังไม่แน่ชัดนัก แม้ว่าจะมีการโฟกัสไปที่ตลาดทะเลสดในอู่ฮั่นว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อแห่งแรกก็ตาม เวลาต่อมามีสมมติฐานถึงการแพร่ระบาดที่น่าสนใจถูกตีพิมพ์ในวารสาร Lancet อยู่ 4 สมมติฐาน ดังนี้

  1. ผู้ป่วยรายแรกมีการแสดงผลของเชื้อในวันที่ 1 ธันวาคม แสดงว่าผู้ป่วยรายนี้มีการติดเชื้อในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน โดยที่เขาไม่เคยไปที่อู่ฮั่นในเวลานั้นมาก่อน จึงสันนิษฐานว่ามีการแพร่ระบาดที่นอกอู่ฮั่นมาสักพักแล้ว แต่การแพร่ระบาดที่อู่ฮั่นโด่งดังกว่า จึงมีการเข้าใจว่าเผยแพร่ครั้งแรกที่นั่น
  2. ในตลาดสดที่อู่ฮั่นมีการค้าขายค้างคาวในลักษณะขังรวมกันหลาย ๆ ตัว ซึ่งเป็นค้างคาวที่มีเชื้ออยู่แล้ว ค้างคาวจึงแพร่กระจายเชื้อไปสู่คน ผ่านทางอุจจาระ ละอองน้ำลายและเลือดจากการถูกเชือดต่อหน้าลูกค้าที่ไปซื้อของ
  3. มีสัตว์ปีกบางชนิดหรือค้างคาว ที่มีเชื้อตัวนี้อยู่แล้วได้บินไปบินมาระหว่างตลาดสดอู่ฮั่น เมื่อปล่อยมูลกลางอากาศจึงเป็นการแพร่เชื้ออีกทางหนึ่ง
  4. มีบ้านหลังหนึ่งในอู่ฮั่นที่ถูกตรวจพบว่า บนกระเบื้องใต้หลังคาบ้านเป็นแหล่งอยู่อาศัยของค้างคาว ที่ถูกสันนิษฐานว่ามีเชื้อ ทำให้เจ้าของบ้านติดเชื้อผ่านทางการสูดอากาศเอาเชื้อที่อยู่เหนือหัวเข้าไป รวมถึงระแวกใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

แหล่ง “ต้นเชื้อ” แพร่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สู่คน “ยังไม่ทราบชนิด” (ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ,2563) ขณะนี้ผลการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส nCoV บ่งชี้ว่ารหัสจีโจมใกล้เคียงมากกว่า 90% กับไวรัสโคโรนาที่พบในค้างคาวเกือกม้าในเมืองยูนาน ปี 2013 แต่ไวรัสดังกล่าวอาจแพร่สู่สัตว์ตัวกลางก่อนติดในคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบชนิด สาเหตุของการระบาดอาจไม่ใช่ “งู” นักไวรัสวิทยาไม่ปักใจเชื่อว่าต้นเชื้อไวรัส nCoV มาจากงูเพราะไม่เคยมีการค้นพบไวรัสโคโรนาในสัตว์เลือดเย็นและสัตว์เลื้อคลาน รวมทั้งไม่มีรายงานการพบไวรัสจากสัตว์เลื้อยคลานข้ามมาสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม


คลิปของประเทศบราซิล บอกให้เราทราบว่า เชื้อจะแพร่กระจายสู่บุคคลใกล้เคียงและในที่สาธารณะได้อย่างไร by Pariwat Chanthorn

Infographic

Infographic ความรู้สู้ covid-19 จาก สวทช.

สื่อเผยแพร่องค์ความรู้ วิธีการรับมือ การดูแลตนเอง (สำหรับประชาชน)

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดทำสื่อเผยแพร่องค์ความรู้ วิธีการรับมือ การดูแลตนเอง (สำหรับประชาชน) วิธีการจัดการให้ปลอดไวรัสโคโรนา โดยสามารถเข้าถึงสื่อต่างๆ โดยตรงได้ที่ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php


 

   

{/tabs}

รายการบรรณานุกรม

  • โคโรนา : มารู้จักไวรัสที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบระบาดในจีน. สืบค้น 1 มีนาคม 2563, จาก https://www.bbc.com/thai/thailand-51089461
  • นพ.ธีระ วรธนารัตน์. (2563). โคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19) ตอนนี้เรารู้อะไรบ้าง?. สืบค้น 1 มีนาคม 2563, จาก https://www.hfocus.org/print/18552
  • Novel Coronavirus (COVID-19) advice for the public. สืบค้น 1 มีนาคม 2563, จาก https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/advice-for-public
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). สืบค้น 29 กุมภาพันธ์ 2563, จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php
  • 6 ท้อเท็จจริง โรคอุบัติใหม่ ไวรัสโคโรนา (2019-nCoV). (2563). ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ. สืบค้น 29 กุมภาพันธ์ 2563, จาก https://oer.learn.in.th/search_detail/result/166770

2 มี.ค. 2563
0
แชร์หน้านี้: