ผลการค้นหา :
การจัดการความรู้แบบ Leif Edvinsson
Leif Edvinsson ได้แบ่งความรู้ออกเป็น 3 ประเภท คือ ความรู้เฉพาะบุคคล ความรู้ขององค์กร และความรู้ที่เป็นระบบ ดังนี้
Individual Knowledge: ความรู้เฉพาะบุคคล เป็นความรู้ที่มีอยู่ในตัวพนักงานแต่ละคน หรือเป็นความรู้ที่อยู่ในหัวของพนักงาน
Organizational Knowledge: ความรู้ขององค์กร เป็นความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างพนักงานที่อยู่ในกลุ่มหรือฝ่ายงานต่างๆ ในองค์กร ทำให้เกิดเป็นความรู้โดยรวมขององค์กร สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานขององค์กรโดยรวมได้มากขึ้น
Structural Knowledge: ความรู้ที่เป็นระบบ เป็นความรู้ที่เกิดจากการสร้าง หรือต่อยอดองค์ความรู้ ผ่านกระบวนการ คู่มือ และจรรยาบรรณต่างๆ ในองค์กร
บรรณานุกรม : บุญดี บุญญากิจ, นงลักษณ์ ประสพสุขโชคชัย, ดิสพงศ์ พรชนกนาถ และปรียววรณ กรรมล้วน. (2548). การจัดการความรู้...จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ.
การจัดการความรู้ (KM)
SECI Model
กระบวนการ Knowledge Spiral หรือ SECI Model ซึ่งคิดค้นโดย Ikujiro Nonaka และ Takeuchi จากกระบวนการข้างต้นการปรับเปลี่ยนและสร้างความรู้จะเกิดขึ้นได้ 4 รูปแบบ คือ Socialization, Externalization Combination และ Internalization ดังนี้
Socialization: การแบ่งปันและสร้าง Tacit knowledge จาก Tacit knowledge ของผู้สื่อสารระหว่างกัน โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรง
Externalization: การสร้างและแบ่งปันความรู้จากสิ่งที่มีและเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นการแปลงจาก Tacit knowledge เป็น Explicit knowledge
Combination: เป็นการแปลง Explicit knowledge จาก Explicit knowledge โดยรวบรวมความรู้ประเภท Explicit ที่เรียนรู้ มาสร้างเป็นความรู้ประเภท Explicit ใหม่ๆ
Internalization: เป็นการแปลง Explicit knowledge มาเป็น Tacit knowledge มักจะเกิดจากการนำความรู้ที่เรียนรู้มาไปปฏิบัติ
บรรณานุกรม
บุญดี บุญญากิจ, นงลักษณ์ ประสพสุขโชคชัย, ดิสพงศ์ พรชนกนาถ และปรียววรณ กรรมล้วน. (2548). การจัดการความรู้...จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ.
การจัดการความรู้ (KM)
แนวคิด KM ของ Michael Polanyi และ Ikujiro Nonaka
แนวคิดของ Michael Polanyi และ Ikujiro Nonaka ซึ่งเริ่มจากแนวคิดในการจำแนกความรู้ออกเป็น 2 ประเภท คือ Tacit และ Explicit Knowledge ซึ่งได้รับความนิยมและนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ทั้ง 2 ท่านได้ให้คำจำกัดความของความรู้ทั้ง 2 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. Tacit Knowledge เป็นความรู้ที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคล เกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ หรือพรสวรรค์ต่างๆ ซึ่งสื่อสารหรือถ่ายทอดในรูปแบบของตัวเลข สูตร หรือลายลักษณ์อักษรได้ยาก ความรู้ชนิดนี้พัฒนาและแบ่งปันกันได้ และเป็นความรู้ที่ก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน
2. Explicit Knowledge ความรู้ที่เป็นเหตุเป็นผล สามารถรวบรวมและถ่ายทอดออกมาในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น หนังสือ คู่มือ เอกสาร และรายงานต่างๆ ซึ่งทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
บรรณานุกรม
บุญดี บุญญากิจ, นงลักษณ์ ประสพสุขโชคชัย, ดิสพงศ์ พรชนกนาถ และปรียววรณ กรรมล้วน. (2548). การจัดการความรู้...จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ.
การจัดการความรู้ (KM)
การจัดการความรู้มีผลต่อธุรกิจต่างๆ
จากเอกสารและงานวิจัยหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของการจัดการความรู้ พบว่าเป็นไปในแนวเดียวกันนั่นคือ การจัดการความรู้มีผลต่อธุรกิจต่างๆ ในหลายรูปแบบ เช่น
สร้างนวัตกรรมซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการเกิดความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด จึงทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน การต่อรองและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practics) และกระบวนการทำงานต่างๆ เกิดการร่วมมือกันในการปฏิบัติงาน รวมทั้งเสริมสร้างและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง
เพิ่มศัลยภาพในการเพิ่มผลผลิต การแข่งขัน
เพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจในการวางแผนและปฏิบัติงานในระดับต่างๆ รวมถึงการตัดสินใจในการลงทุนและแก้ปัญหา
สามารถนำสินทรัพย์ความรู้ที่มีอยู่ทั้งในและนอกองค์กรมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บรรณานุกรม : บุญดี บุญญากิจ, นงลักษณ์ ประสพสุขโชคชัย, ดิสพงศ์ พรชนกนาถ และปรียววรณ กรรมล้วน. (2548). การจัดการความรู้...จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ.
การจัดการความรู้ (KM)
KM and Research Community
แนวทางการจัดการความรู้สำหรับบุคลากรและชุมชนวิจัย โดยการใช้ KM (Knowledge management) เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ (Learning) การวิจัย (Research) และการจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management) จากการบรรยายของ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช (more…)
การจัดการความรู้ (KM)
บทสรุปผู้บริหาร กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554-2563 ของประเทศไทย
บทสรุปผู้บริหาร กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระยะ พ.ศ. 2554-2563 ของประเทศไทย โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรอบนโยบาย IT2010 ถูกใช้เป็นเข็มทิศนำการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยในช่วงทศตวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 เพื่อสร้างความต่อเนื่องทางนโยบาย กระทรวงไอซีทีจึงได้พัฒนากรอบนโยบาย ICT2020 ขึ้น เพื่อเป็นกรอบการพัฒนา ICT ของประเทศไทยในระยะ 10 ปีต่อจากนี้ ICT 2020 : Executive Summary from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
เอกสารเผยแพร่
กรอบแนวทางการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรม ICT เพื่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสในประเทศไทย
รายงานฉบับสมบูรณ์ กรอบแนวทางการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสในประเทศไทย โดย ดร.กษิติธร ภูภราดัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ทุนสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เพื่อศึกษาและจัดทำกรอบแนวทางการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้าน ICT ในการส่งเสริมการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ตลอดทั้งเพื่อสำรวจและถอดบทเรียนการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้าน ICT สำหรับเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสทั้งจากในและต่างประเทศ Report : ICT Innovation for Disadvantaged children from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
เอกสารเผยแพร่
รายงานการศึกษา กรอบแนวคิดในการวัดบทบาทของอุตสาหกรรม ICT ….
รายงานการศึกษากรอบแนวคิดในการวัดบทบาทของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) โดยความร่วมมือกับสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดให้มีโครงการศึกษากรอบแนวคิดในการวัดบทบาทของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อระบบเศรษฐกิจไทยขึ้น เพื่อศึกษาและเสนอแนะกรอบแนวคิดและวิธีการในการพัฒนาตัวชี้วัด (Conceptualization) ที่จะใช้ประเมินบทบาทของอุตสาหกรรม ICT ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้ได้ตัวชี้วัดที่เหมาะสมและมีความเป็นสากล ทั้งในส่วนของคํานิยาม องค์ประกอบของข้อมูล วิธีการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล และเพื่อวิเคราะห์แนวทางในการนําตัวชี้วัดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้สําหรับประเทศไทย พร้อมทั้งตรวจสอบการมีอยู่ของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ความพร้อมของข้อมูล/วิธีการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดเก็บข้อมูล รวมไปถึงการจัดทําข้อเสนอแนะอย่างเป็นรูปธรรมเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นําไปปฏิบัติต่อไป
Thai ICT Conceptualization from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
เอกสารเผยแพร่
ฉลาดใช้ สไตล์ ICT
ฉลาดใช้ สไตล์ ICT โดยฝ่ายวิจัยนโยบาย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เอกสารที่นำเสนอตัวอย่างของ ICT อันเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนคนไทยสู่ความรู้และปัญญา Smart ICT Usage from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
เอกสารเผยแพร่
ความรู้กับการจัดการความรู้ โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ได้กล่าวถึง “ยุคของความรู้” ไว้น่าสนใจผ่านเอกสาร “การจัดการความรู้เพื่อคุณภาพที่สมดุล” ความรู้ 2 ยุค ความรู้ที่เราคุ้นเคยกัน เป็น “ความรู้ยุคที่ 1″ แต่ความรู้ที่เน้นในเรื่องการจัดการความรู้ เป็น “ความรู้ยุคที่ 2″
ความรู้ยุคที่ 1 เป็นความรู้ที่สร้างขึ้นโดยนักวิชาการ มีความเป็นวิทยาศาสตร์ เน้นความเป็นเหตุเป็นผล พิสูจน์ได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือวิชาการ มีการจำแนกแยกแยะ เป็นความรู้เฉพาะสาขาวิชาการ เป็นความรู้ที่เน้นความลึก ความเป็นวิชาการเฉพาะด้าน (specialization)
ความรู้ยุคที่ 2 เป็นความรู้ที่ผูกพันอยู่กับงาน หรือกิจกรรมของบุคคล และองค์กร เป็นความรู้ที่ใช้งาน และสร้างขึ้นโดยผู้ปฏิบัติงาน หรือกลุ่มผู้ปฏิบัติงานเอง โดยอาจสร้างขึ้นจากการเลือกเอาความรู้เชิงทฤษฎี หรือความรู้จากภายนอกมาปรับแต่ง เพื่อการใช้งาน หรือสร้างขึ้นโดยตรงจากประสบการณ์ในการทำงาน ความรู้เหล่านี้ มีลักษณะบูรณาการ และมีความจำเพาะต่อบริบทของงาน กลุ่มผู้ปฏิบัติงาน หน่วยงาน และองค์กรนั้นๆ
การจัดการองค์ความรู้ จึงเป็นเรื่องของความรู้ที่มีบริบททีมจำเพาะ เป็นกิจกรรมของผู้ปฏิบัติงาน ไม่ใช่กิจกรรมของ “ผู้รู้” ทีมีความรู้เชิงทฤษฎีมากมาย และลึกซึ้ง ที่จะ “จัด” ความรู้ เพื่อให้ผู้ปฏิบัตินำไปประยุกต์ใช้
ที่มา: สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล. 2547. การจัดการความรู้เพื่อคุณภาพที่สมดุล = Knowledge Management for Balance of Quality.
การจัดการความรู้ (KM)
50 บริษัทเทคโนโลยีสุดยอดของโลก ปี 2014
วารสาร MIT Technology Review ฉบับเดือน March/Apr 2014 นำเสนอบทความหลัก เรื่อง The 50 Smartest Companies 2014 โดยจัดลำดับบริษัทเทคโนโลยี 50 รายชื่อ พร้อมข้อมูลสั้นๆ ทั้ง 50 บริษัท สรุปได้ดังนี้
บรรณาธิการของวารสาร MIT Technology Review กล่าวว่า การนำเสนอรายชื่อบริษัท 50 ชื่อนี้ ไม่ได้นับจากจำนวนสิทธิบัตรของบริษัท หรือจำนวนนักวิจัยระดับปริญญาเอกของบริษัท แต่ได้พิจารณาจากการสอบถามว่า บริษัทมีความก้าวหน้าในนวัตกรรมในปีที่ผ่านมาอย่างไร ตัวอย่างเช่น บริษัท Illumina ที่มีความก้าวหน้าที่ทำให้ราคาของการหาลำดับดีเอ็นเอลดลงจำนวนมาก ซึ่งมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับการปฏิบัติของแพทย์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการพัฒนาอย่างมากของบริษัทที่ทำธุรกิจในเรื่องเว็บ เรื่องแบตเตอรี่และแม้แต่ในเรื่องเทคโนโลยีการเกษตร
ส่วนชื่อบริษัท ที่คุ้นเคยกันอย่างดี เช่น Apple และ Facebook ไม่ได้อยู่ในรายการนี้เพราะ MIT Technology Review ถือว่าชื่อเสียงเป็นเรื่องไม่สำคัญ เราเน้นที่นวัตกรรมที่สำคัญที่เกิดขึ้นในโลกขณะนี้ และ บริษัท ทั้ง 50 ชื่อนี้ ได้จำหน่ายเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมอย่างแท้จริง เป็นผู้นำในตลาด บริษัทคู่แข่งน่าจะมีการปรับตัวหรือศึกษากลยุทธ์ของพวกเขา
MIT Technology Review จัดลำดับบริษัทสุดยอดเทคโนโลยี มาตั้งแต่ปี 2010 เรื่อยมาจนถึงปี 2014 โดยในปี 2014 จำนวน 50 ชื่อ ดังนี้
อ้างอิง : วารสาร MIT Technology Review ฉบับออนไลน์ : http://www2.technologyreview.com/tr50/2014/
ลำดับที่ 1 บริษัท Illumina
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง เมือง San Diego, California สหรัฐอเมริกา
คือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในเรื่องการค้นหาจีโนมลำดับเบส เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่น ได้เปรียบและ อยู่ได้นานกว่าบริษัทคู่แข่งอื่นๆ ก่อตั้งจากมหาวิทยาลัย Tufts ตั้งแต่ปี 1998 ถือ
เป็นธุรกิจที่กำลังจะทะยานมีความสำคัญในตลาดมากยิ่งขึ้น ที่เป็นการรักษาสุขภาพแบบ Personalized medicine บริษัททำธุกิจเรื่องการหาลำดับเบสของดีเอ็นเอ ที่ใช้เทคโนโลยีแบบ read DNA Optically ที่เสร็จสิ้นภายในชั่วโมงแทนที่เดิมเป็นวัน ทำให้ราคาลดลงอย่างมาก
ลำดับที่ 2 บริษัท Tesla Motor
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง Palo Alto, California สหรัฐอเมริกา
บริษัทผลิต รถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถทำยอดขายได้มากทันทีในปีแรกของการจำหน่าย เป็นรถซีดานแบบหรูหรา รุ่น เอส ที่สามารถขายได้มากกว่ารถยี่ห้ออื่นๆ เช่น Leaf นิสสัน และ
Volt จีเอ็ม ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี เด่น คือ แบตตารี่ชนิดพิเศษ และออกแบบส่วนประกอบต่างๆ เอง คือ batteries, motors, electronics และ software controls มีแผนงานพัฒนาระบบ Wireless รวมถึงมีสถานีเติมพลังงาน ที่มีอุปกรณ์ Supercharger ที่โดดเด่นทั่วสหรัฐอเมริกา มากกว่า 80 แห่ง ยุโรป 16 แห่ง เอเชีย 2 แห่ง
ลำดับที่ 3 บริษัท Google
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง Mountain View, California สหรัฐอเมริกา
จากเดิมที่บริษัทผู้คิดค้นระบบการค้นหา Search Engine ที่โด่งดังระดับโลก พึ่งพารายได้จากการโฆษณาเพียงแหล่งเดียว บริษัทได้ฝ่าฟัน ก้าวข้าม ออกมาได้สำเร็จมีการพัฒนา
สิ่งประดิษฐ์มากมาย เช่น Chrome, Gmail, Calendar, Spreadsheets, Docs, Picasa, Google Maps เป็นต้น Google เริ่มจัดหา และเข้าครอบครองธุรกิจใหม่ ตั้งแต่ปี 2012 คือ Motorola Mobility (Mobile phones) ปี 2013 ซื้อกิจการด้านพลังงาน จากบริษัท Makani Power (Airborne wind turbines) และบริษัทด้านหุ่นยนต์ Boston Dynamics
(Walking robots) และล่าสุดต้นปี 2014 เข้าซื้อบริษัท Nest Labs (Home automation)
ลำดับที่ 4 บริษัท Samsung
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง กรุงโซล เกาหลีใต้
บริษัทได้สร้างกำไรสูงสุด จากการขยายตัวในแต่ละรุ่นของสมาร์ทโฟนที่ออกจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ซัมซุงถือครองตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกถึงร้อยละ 32
ลำดับที่ 5 บริษัท Salesforce.com
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
บริษัทผู้ผลิตแอพพลิเคชั่น CRM Cloud ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ บริษัท รวบรวมข้อมูลใหม่จากอินเทอร์เน็ต ขณะนี้ Salesforce มีจำนวนแอพลิเคชันในตลาดออนไลน์ ราว 2,150 แอพ
ลำดับที่ 6 บริษัท Dropbox
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
คือบริษัทที่บริการธุรกิจในการจัดเก็บไฟล์แบบ คลาวด์ ที่แพร่หลายมาก ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ 200 ล้านแห่ง
ลำดับที่ 7 บริษัท BMW
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง มิวนิค เยอรมนี
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ระดับแนวหน้าของโลก กำลังพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนรถเเอง (Self driving) โดยในปี 2020 BMW คาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนเองบนทางหลวง และจะเริ่มจำหน่ายได้ในปี 2020
ลำดับที่ 8 บริษัท Third Rock Ventures
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง เมืองบอสตัน รัฐแมสสาจูเซส สหรัฐอเมริกา
คือบริษัทร่วมลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพ คิดค้นวิธีการรักษาแบบ gene therapy สำหรับ nervous-system disorders (ALS) มีแผนการในเรื่อง personalized vaccines และ molecular stethoscope
ลำดับที่ 9 บริษัท Square
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
ไม่เพียงแต่เป็นพ่อค้าที่จะตามเรียกเก็บเงินบนโทรศัพท์เท่านั้น ตอนนี้ยังสามารถใช้อีเมล เรียกเงินของใครบางคนได้ด้วย มีการประเมินว่า รายได้ราว 20 พันล้านเหรียญ สหรัฐต่อปี ที่เป็นการประมวลผลของการทำธุรกรรมโดยบริษัท square
ลำดับที่ 10 บริษัท Amazon
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง ซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา
บริษัทอีคอมเมิร์ซ ที่ขายและจัดส่งสินค้าปลีกต่างๆ มีแผนที่จะควบรวม 12 จำนวนร้านค้าปลีกออนไลน์ชั้นนำของที่มียอดขายสูง
ลำดับที่ 11 บริษัท Tencent
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง เซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
ส่งข้อมูลบนบริการสื่อสังคมออนไลน์ ทวิตเตอร์ ในประเทศจีนด้วยเทคโนโลยีที่ให้การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท Tencent มีมูลค่าตลาดราว 130 พันล้านเหรียญ สหรัฐ
ลำดับที่ 12 บริษัท Snapchat
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง เมือง Los Angeles สหรัฐอเมริกา
บริการ การสื่อสารออนไลน์แบบชั่วคราว เช่น การประชุม การสนทนา การพูดคุย Facebookเสนอขอซื้อขายหุ้นในจำนวน 3 พันล้านเหรียญ สหรัฐ ซึ่ง Snapchat ปฏิเสธ
ลำดับที่ 13 บริษัท Cree
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง Durham, North Carolina สหรัฐอเมริกา
บริษัทผู้ผลิต หลอดไฟ LED เป็นบริษัทที่เข้ามาใหม่ที่เสนอราคาถูก ในหลอดไฟขนาด 60 วัตต์ ราคาต่ำกว่า 14 เหรียญ สหรัฐ คิดค้นเทคโนโลยีที่โดดเด่น จาก silicon carbide wafers เป็นพลังงานแสงทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง
ลำดับที่ 14 บริษัท Box
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง Los Altos, California สหรัฐอเมริกา
ให้บริการจัดเก็บไฟล์ออนไลน์ซึ่งได้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับความหลากหลายของการใช้งาน มีแอพพลิเคชั่น จำนวน1,000 แอพ จากกลุ่มบุคคลที่สามที่มาร่วมทำงานกับบริษัท Box
ลำดับที่ 15 บริษัท BrightSource Energy
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง Oakland, California สหรัฐอเมริกา
เป็นโรงงานผลิตความร้อนแสงอาทิตย์ในแคลิฟอร์เนีย ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิต สูงในจำนวน 377 เมกะวัตต์ เมื่อโรงงานดำเนินงานอย่างเต็มที่
ลำดับที่ 16 บริษัท ห้าง Wal-Mart
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง Bentonville, Arkansas สหรัฐอเมริกา
คือห้างสรรพสินค้า ดำเนินธุรกิจค้าปลีก มีการพัฒนาเทคโนโลยีหลายๆ ส่วน เช่น การชำระเงินและ e-commerce ในห้าวันแรกของเทศกาลวันหยุด เว็บไซต์ Walmart.com มีผู้เข้าขม 1 พันล้านเพจวิว
ลำดับที่ 17 บริษัท General Electric
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง Fairfield, Connecticut สหรัฐอเมริกา
บริษัท กำลังดำเนินการ การใช้ข้อมูล Big Data และเซ็นเซอร์ที่ช่วยฟื้นฟูการผลิต มีการประกาศการลงทุน 1.5 พันล้านเหรียญ สหรัฐ ใน "อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต" (industrial internet)
ลำดับที่ 18 บริษัท Qualcomm
บริษัทมหาชน
ที่ตั้ง San Diego, California สหรัฐอเมริกา
บริษัทที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่ยิ่งใหญ่ ในการทำ "neuromorphic" เซลล์ประสาท ด้วยการประมวลคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ในปี 2013 มีรายได้เติบโตถึงร้อยละ 30
ลำดับที่ 19 บริษัท Kaggle
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
จัดบริการให้แก่องค์กรหลายๆ องค์กร ในการวิเคราะห์ข้อมูล crowdsource data analysis และตอนนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่บางอุตสาหกรรม ขณะนี้มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าใช้ จำนวน 144,000 ราย
ลำดับที่ 20 บริษัท Second Sight
บริษัทเอกชน
ที่ตั้ง Sylmar แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
บริษัทผู้ผลิตจอประสาทตาเทียมสำหรับผู้ป่วยที่จะเกิดอาการตาบอดอย่างแน่นอน ขณะนี้มีจำนวนคน 74 คน ที่ได้รับการปลูกฝัง Argus II implant
ลำดับที่ 21 บริษัท SpaceX แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้านการขนส่ง
ลำดับที่ 22 บริษัท Kickstarter นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้านการขนส่ง
ลำดับที่ 23 บริษัท Hanergy Holding Group ปักกิ่ง สาธารณประชาชนจีน - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 24 บริษัท Siemens มิวนิค, เยอรมนี - เป็นบริษัทด้าน พลังงาน
ลำดับที่ 25 บริษัท 1366 Technology ฟอร์ด, แมสซาชูเซต สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้านพลังงาน
ลำดับที่ 26 บริษัท Uber ซานฟรานซิส สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้านการขนส่ง
ลำดับที่ 27 บริษัท Evernote เรดวูดซิตี้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 28 บริษัท Baidu ปักกิ่ง สาธารณประชาชนจีน - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 29 บริษัท GitHub ซานฟรานซิส สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 30 Xiaomi ปักกิ่ง สาธารณประชาชนจีน - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 31 บริษัท Oculus VR แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 32 บริษัท Qihoo 360 Technology ปักกิ่ง สาธารณประชาชนจีน - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 33 บริษัท Monsanto แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Biotech
ลำดับที่ 34 บริษัท Aquion Energy พิตส์เบิร์ก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้านพลังงาน
ลำดับที่ 35 บริษัท IBM - Armonk นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 36 บริษัท Jawbone ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 37 บริษัท Medtronic -Minneapolis สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Biotech
ลำดับที่ 38 บริษัท Valve - Bellevue Washington สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 39 บริษัท Genomics England ลอนดอน อังกฤษ - เป็นบริษัทด้าน Biotech
ลำดับที่ 40 บริษัท D-Wave Systems - Burnaby British Columbia สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 41 บริษัท Siluria Technologies ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้านพลังงาน
ลำดับที่ 42 บริษัท Kaiima Bio-Agritech - Moshav Sharona อิสราเอล - เป็นบริษัทด้าน Biotech
ลำดับที่ 43 บริษัท DATAWIND กรุงลอนดอน อังกฤษ - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 44 บริษัท Freescale Semiconductor ออสติน เท็กซัส สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 45 บริษัท Upworthy นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 46 บริษัท LG โซล เกาหลีใต้ - เป็นบริษัทด้าน Computing & Communications
ลำดับที่ 47 บริษัท Expect Labs ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 48 บริษัท AngelList ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ลำดับที่ 49 บริษัท Arcadia Bioscience เดวิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Biotech
ลำดับที่ 50 บริษัท Ripple Labs ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา - เป็นบริษัทด้าน Internet & Digital Media
ติดตามรายละเอียด ของทั้ง 50 บริษัทได้ที่วารสาร MIT Technology Review ฉบับเดือน มีนาคม/เมษายน 2014 หรือที่เว็บไซต์ของวารสาร
อ้างอิง : The 50 Smartest Companies 2014 in the World. MIT Technology Review - March/Apr 2014 : http://www2.technologyreview.com/tr50/2014/
รายงานสถานภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สารสนเทศวิเคราะห์
ทำไมการทำงานร่วมกันข้ามสาขาวิชา (Cross-disciplinary collaboration) จึงมีความสำคัญ
5 สาเหตุหลักที่ผลักดันให้การทำงานร่วมกันข้ามสาขาวิชาได้รับความสนใจ ความต้องการของสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ ความซับซ้อนของปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม การปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากร การจำกัดการเพิ่มขึ้นของทรัพยากร และ ความจำเป็นในการสร้างสรรค์ผลงานที่สร้างผลกระทบเชิงพาณิชย์ การเพิ่มขึ้นของความเชี่ยวชาญและการกระจายตัวของความรู้ (more…)
การจัดการความรู้ (KM)


