หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
แผนยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคม พ.ศ.2554-2558 (ฉบับปรังปรุง)
แผนยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคม พ.ศ.2554-2558 (ฉบับปรังปรุง) ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม
THAILAND 4.0
 
จากงานวิจัย สู่ความยั่งยืนด้านสุขภาพ
จากงานวิจัย สู่ความยั่งยืนด้านสุขภาพ หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่และ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลผลงานวิจัยทางด้านสุขภาพของ สวทช. และเครือข่ายที่พร้อมต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์และ/ หรือกำลังเสาะหาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนไปสู่ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและใช้งานเชิงพาณิชย์และ สาธารณประโยชน์ได้ จำนวน 46 ผลงาน และข้อมูล ความสามารถของห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ สุขภาพการแพทย์ของสวทช.และเครือข่าย จำนวน 15 ห้อง ปฏิบัติการ รวมถึงการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบทางสุขภาพ และการแพทย์ เพื่อให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตร ของ สวทช. ที่อยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมด้านสุขภาพ การแพทย์หรือที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้สนใจทั่วไปได้รับทราบ ข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการผลักดันประเทศ ให้มีความเข้มแข็งทั้งในภาคเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการนำความรู้ด้านวิทยาศาตร์ ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่
 
ช่างเทคนิค ภาคการผลิตรุ่นใหม่ ตอบโจทย์อุตสาหกรรม 4.0
ช่างเทคนิค ภาคการผลิตรุ่นใหม่ ตอบโจทย์อุตสาหกรรม 4.0 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันระหว่าง สถาบันการศึกษาซึ่งเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการศึกษาในระบบอาชีวศึกษา และการอบรมช่างเทคนิคจากประเทศออสเตรเลีย กับภาคเอกชนทั้งจากบริษัทชั้นนำที่ประกอบอุตสาหกรรมการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve ภายใต้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในประเทศ และสถาบันคีนันแห่งเอเซีย ภายใต้การสนับสนุนจากโครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ซึ่งได้รับเงินทุนในการดำเนินงานจากบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โดยวัตถุประสงค์ในการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฉบับนี้ อยู่ภายใต้เจตจำนงของโครงการ Chevron Enjoy Science เพื่อให้เป็นแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะการผลิตช่างฝีมือแรงงานที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ดาวน์โหลดเอกสาร
เอกสารเผยแพร่
 
Open Textbook Library คลังตำราเรียนแบบเปิด
Open Textbook Library คือ คลังรวบรวมทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (Open Educational Resources: OER) โดยเฉพาะตำราเรียนแบบเปิด (Open textbooks) ซึ่งได้รับเงินทุน ตีพิมพ์ และสัญญาอนุญาต ให้ใช้ ดัดแปลง และเผยแพร่ฟรี ตำราเหล่านี้ได้รับการพิจารณา (Review) โดยคณาจารย์จากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมฟังค์ชั่นการให้คะแนน (Rating) ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดตำราเรียนที่เผยแพร่ใน Open Textbook Library โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือพิมพ์ด้วยต้นทุนที่ต่ำ Open Textbook Library ถูกสร้างขึ้นโดย Open Textbook Network (OTN) เครือข่ายความร่วมมือเพื่อโปรโมทการเข้าถึง ความสามารถในการจ่าย และความสำเร็จของนักเรียนโดยการใช้ตำราเรียนแบบเปิด (Open textbooks) ปัจจุบัน มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Open Textbook Library มากกว่า 600 สถาบัน Open Textbook Library อ้างตัวเลขว่านักเรียนสามารถประหยัดเงินในการซื้อหาตำราเรียน ด้วยการเป็นสมาชิกของ Open Textbook Network (OTN) ประมาณ 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตำราเรียนที่รวบรวมและเผยแพร่ใน Open Textbook Library มีหลากหลายสาขาวิชา เช่น บัญชีและการเงิน ธุรกิจ คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ เศรษฐศาสตร์ การศึกษา วิศวกรรม มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ การสื่อสาร วารสารศาสตร์ และสื่อการศึกษา กฏหมาย คณิตศาสตร์ การแพทย์ และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ โดยตำราแต่ละชื่อเรื่องยังให้บริการให้หลากหลายรูปแบบ (Format) ตามความสนใจหรือความถนัดของผู้ใช้ ไม่ว่าจะในรูปแบบของ PDF Kindle E-PUB และ MOBI การเข้าถึงตำราเรียนนั้น หลังจากทำการสืบค้นและคลิกเข้าไปที่รายการตำราแต่ละเล่ม ระบบจะแสดง ภาพหน้าปกของหนังสือ ชื่อเรื่อง ข้อมูลบรรณานุกรม จำนวนคำวิจารณ์จากผู้ใช้ที่เคยอ่านหนังสือดังกล่าว และ Rating ที่ได้รับ รูปแบบของไฟล์ของหนังสือที่มีให้บริการ เช่น PDF E-PUB หรือ MOBI เงื่อนไขการใช้ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบเปิด คำวิจารณ์จากผู้ที่เคยอ่าน สารบัญเนื้อหา สาระสังเขปของหนังสือ และข้อมูลผู้เผยแพร่หนังสือดังกล่าว
นานาสาระน่ารู้
 
การจัดการความรู้สำหรับโครงการวิจัยเชิงบูรณาการ
การบูรณาการความรู้ระหว่างสาขาวิชาเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ เห็นได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของหน่วยงาน โปรแกรม กิจกรรม และผลงานตีพิมพ์ที่เกี่ยวข้อง เหตุผลสำคัญเพราะองค์ความรู้ใหม่และนวัตกรรมมักเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างสาขาวิชา ซึ่งองค์ความรู้ใหม่และนวัตกรรมนี้คือเครื่องมือเพื่อการแข่งขันและเติบโตในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้และโลกาภิวัฒน์ นอกจากนี้ ปัญหาในปัจจุบันมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน ไม่สามารถแก้ไขด้วยความรู้จากสาขาวิชาใดวิชาหนึ่งเพียงลำพัง ด้วยเหตุผลนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายจึงให้การส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงาน โครงการวิจัย และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการความรู้ระหว่างสาขาวิชา แต่การบูรณาการความรู้ระหว่างสาขาวิชาเป็นเรื่องยาก เพราะแต่ละสาขาวิชามีความต่างกันโดยพื้นฐาน เช่น เทคนิควิธีคิด แนวทางการแก้ไขปัญหา และภาษา ทำให้เกิดเส้นแบ่งเขตความรู้ระหว่างสาขาวิชา (Disciplinary boundary) และความไม่ต่อเนื่องในการทำงานร่วมงาน เส้นแบ่งเขตความรู้ฯ 3 ประเภท/ระดับ ที่เกิดขึ้นในการร่วมมือและการจัดการความรู้ระหว่างสาขาวิชา เรียงลำดับจากจัดการง่ายไปหายาก (Carlile, 2004, 2002) Syntactic boundary คือเส้นแบ่งเขตความรู้ฯ ประเภทแรกและสามารถจัดการง่ายที่สุด เกิดขึ้นเมื่อความแตกต่างและความแปลกใหม่ของความรู้ระหว่างสมาชิกต่างสาขาวิชาน้อย ความรู้เปรียบเสมือนสิ่งของที่สามารถรวบรวม จัดเก็บ ค้นคืน และถ่ายโอนผ่านภาษากลาง จึงเน้นการประมวลผลสารสนเทศ ความสามารถในการประมวลผลสารสนเทศ กระบวนการถ่ายโอนความรู้ Taxonomy รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อการจัดเก็บและค้นค้นข้อมูลความรู้ เมื่อระดับของความแปลกใหม่ของความรู้ระหว่างสมาชิกจากต่างสาขาวิชาที่ทำงานร่วมกันเพิ่มขึ้น สมาชิกฯ มักตีความสิ่งเดียวกันแตกต่างไปตามแนวคิดและทฤษฎีของสาขาวิชาตนเอง ทำให้เส้นแบ่งเขตความรู้ฯ ประเภทที่ 2 ซึ่งเรียกว่า Semantic boundary เกิดขึ้น การเอาชนะเส้นแบ่งเขตความรู้ฯ นี้ ต้องอาศัยกระบวนการการแปลความความรู้ ความสามารถในการแปลความ การทำงานข้ามฟังก์ชั่น การทำงานในสถานที่เดียวกัน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ล่ามแปลความและวัตถุซึ่งเป็นสื่อกลาง เช่น มาตรฐาน คืออีกกลไก ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกฯ กลไกทั้งหมดนี้เพื่อพัฒนาความเข้าใจร่วมกัน แม้จะมีภาษากลางและความเข้าใจร่วมกัน แต่หากสมาชิกจากต่างสาขาวิชามีความสนใจ ผลประโยชน์ และเป้าหมายการทำงานที่ต่างและขัดแย้งกัน ภาษากลางและความเข้าใจร่วมกันที่มีก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้การร่วมมือและการจัดการความรู้ระหว่างสาขาวิชาเดินไปได้ ทำให้เส้นแบ่งเขตความรู้ระหว่างสาขาวิชาประเภทที่ 3 ซึ่งเรียกว่า Pragmatic boundary เกิดขึ้น เพื่อเอาชนะเส้นแบ่งเขตความรู้ฯ ประเภทนี้ จะต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงความรู้เดิมที่มีอยู่ การสร้างความรู้ใหม่ ความสามารถในการนำความรู้ของสาขาวิชาอื่นมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง การเจรจาต่อรองและการผลักดันทางการเมือง การทำงานเป็นทีม และการสร้างเป้าหมายร่วมกัน เส้นแบ่งเขตความรู้ฯ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและสามารถเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาหรือสถานการณ์เดียวกันได้ ด้วยเหตุนี้ การร่วมมือและการจัดการความรู้ระหว่างสาขาวิชาจึงเป็นเรื่องยากและซับซ้อนโดยพื้นฐาน ต้องอาศัยกระบวนการและกลไกที่หลากหลายในคราวเดียวกันเพื่อเอาชนะ แหล่งอ้างอิง 1. Carlile, P. R. (2002) “A pragmatic view of knowledge and boundaries: boundary objects in new product development”, Organization Science, Vol 13, No. 4, pp 442-455. 2. Carlile, P. R. (2004) “Transferring, translating, and transforming: an integrative framework for managing knowledge across boundaries”, Organization Science, Vol 15, No. 5, pp 555-568. 3. Lindberg, K., Walter, L. and Raviola, E. (2017), “Performing boundary work: the emergence of a new practice in a hybrid operating room”, Social Science & Medicine, Vol. 182, pp. 81-88. 4. Smith, P. (2016), “Boundary emergence in inter-organizational innovation: the influence of strategizing, identification and sensemaking”, European Journal of Innovation Management, Vol. 19 No. 1, pp. 47-71.
การจัดการความรู้ (KM)
 
บรรณารักษ์กลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญ เมื่อมหาวิทยาลัยนำ OER มาใช้
สำนักพิมพ์ผู้จำหน่ายตำราเรียนมักอาศัยตัวแทนฝ่ายขาย ทำหน้าที่โน้มน้าวอาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้ยอมรับรายชื่อตำราเรียนที่สำนักพิมพ์จำหน่าย เพื่อใช้ในการเรียนการสอน แต่กรณีตำราเรียนจากแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (Open Educational Resources: OER) ซึ่งเป็นตำราเรียนฟรีหรือเป็นตำราเรียนที่มีราคาถูก ใครจะทำหน้าที่โน้มน้าวอย่างตัวแทนฝ่ายขาย...คำตอบ คือ ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ยกตัวอย่าง University of Texas เมือง Arlington บรรณารักษ์การศึกษาแบบเปิด (Open Education Librarian) ชื่อ Michelle Reed ได้ตั้งโครงการหนึ่งขึ้น ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับการสร้างชุดวิดีโอเพื่อโปรโมท "Textbook Heroes" ซึ่งหมายถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ใช้ตำราเรียนจากแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (OER) แทนตำราเรียนที่ต้องซื้อหาจากสำนักพิมพ์ ซึ่งมีราคาแพง จากการสัมภาษณ์นักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย พบว่า นักศึกษาหลายคนได้บ่นเรื่องราคาของตำราเรียนที่มีราคาสูง ทำให้นักศึกษาบางคนไม่สามารถซื้อตำราเรียนที่อาจารย์แนะนำได้ นอกจากนี้ นักศึกษายังแสดงความหวังที่ว่า อาจารย์ผู้สอนจะนำแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดเข้ามาใช้แทนที่ตำราเรียนราคาแพงจากสำนักพิมพ์ วิทยาลัยต่างๆ กำลังเริ่มจัดตั้งระบบสนับสนุน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการนำแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดมาใช้ในการเรียนการสอน และเพื่อช่วยให้อาจารย์ในวิทยาลัยสามารถหาตำแหน่งความแตกต่างที่มาพร้อมกับการใช้ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดแทนการใช้ตำราเชิงพาณิชย์ แม้ว่าอาจารย์จะเชื่อมั่นในการทดลองใช้แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด แต่อาจารย์มักมีคำถาม เช่น วิธีการค้นหาแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดและวิธีการเลือกแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดที่มีคุณภาพสูงทำอย่างไร Michelle Reed ตอบคำถามข้างต้นของอาจารย์กับการนำแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดมาใช้ ด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติสำหรับอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของคณะ และการเป็นที่ปรึกษาแบบตัวต่อตัว นอกจากนี้ Michelle Reed ยังติดตามว่าการนำแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดมาใช้ให้ผลเป็นอย่างไร และคำนวณจำนวนเงินที่สามารถประหยัดได้จากการใช้แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดแทนตำราเรียนเชิงพาณิชย์ โดยก่อนนี้ University of Texas เมือง Arlington มีระบบอื่นๆ เพื่อสนับสนุนแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด แต่ยังขาดผู้ที่จะมาติดตามและรายงานความคืบหน้าการนำแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดมาใช้ ดังนั้น Michelle Reed จึงถูกมอบหมายให้มีหน้าที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว อีกวิธีการหนึ่งที่ห้องสมุดให้มหาวิทยาลัยมีแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดคือการรวมกลุ่มกันเพื่อแบ่งปันสารสนเทศเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด ตัวอย่างเช่น Open Textbook Library ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเครือข่ายห้องสมุด ที่บริหารจัดการโดย University of Minnesota’s Center เพื่อการศึกษาแบบเปิด โดย Open Textbook Library รวบรวมลิงค์รายชื่อทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดและความคิดเห็นที่เขียนโดยอาจารย์ ปัจจุบันมีสถาบันประมาณ 650 แห่ง เข้าร่วมเป็นสมาชิก ผู้นำวิทยาลัยบางแห่งหวังว่าการใช้แนวทางที่เป็นระบบในการสนับสนุนแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดสามารถทำให้แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดเป็นคู่แข่งที่สามารถแข่งขันได้มากขึ้นเมื่อต้องแข่งขันกับตำราเรียนเชิงพาณิชย์ โดย Shanna Smith Jaggars ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยความสำเร็จของนักเรียน ที่ Ohio State's Office of Distance Education and E-Learning ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ามีคนเล่นเรื่องแหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดมากขึ้นในจุดหนึ่ง อาจส่งผลให้สำนักพิมพ์รายเดิมๆ ยอมลดราคาสื่อการเรียนการสอนที่จำหน่ายเพื่อการแข่งขันได้ ที่มา: Young, J. F. (2018, January 4). As Campuses Move to Embrace OER, College Libraries Become Key Players. Retrieved January 13, 2018, from https://www.edsurge.com/news/2018-01-04-as-campuses-move-to-embrace-oer-college-libraries-become-key-players
นานาสาระน่ารู้
 
แบตเตอรี่ชีวภาพเป็นผ้ายืดได้
คณะนักวิจัยจาก Binghamton University พัฒนาแบตเตอรี่ชีวภาพที่เป็นผ้าที่ใช้แบคทีเรียเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งวันหนึ่งสามารถใช้กับอิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ แบตเตอรี่ใหม่นี้สามารถผลิตกำลังมากที่สุดซึ่งเหมือนกับผลิตโดยเซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์ที่เป็นกระดาษก่อนหน้านี้ นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังแสดงความสามารถในการผลิตกระแสไฟฟ้าคงที่เมื่อถูกยืดและบิดหลายรอบ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Seokheun Choi ผู้นำคณะนักวิจัย กล่าวว่า มีความต้องการที่ชัดเจนและเร่งด่วนสำหรับอิเล็กทรอนิกส์ที่ยืดหดได้ ซึ่งสามารถรวมเข้าไปในหลายสิ่งแวดล้อมเพื่อรวบรวมข้อมูลได้ทันที พวกเราคิดว่าแบตเตอรี่ชีวภาพที่มีขนาดเล็กและยืดหดได้เป็นเทคโนโลยีพลังงานที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเพราะว่าความยั่งยืน ใช้ไม่มีวันหมด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปและเซลล์เชื้อเพลิงเอนไซม์อื่นๆ เซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์สามารถเป็นแหล่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้เพราะเซลล์จุลินทรีย์ทั้งหมดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชีวภาพทำให้เกิดปฏิกิริยาเอนไซม์ที่คงที่และมีอายุยาวนาน เหงื่อจากร่างกายของพวกเราสามารถเป็นเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำให้แบคทีเรียอยู่รอด ทำให้เกิดการทำงานระยะยาวของเซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์ ที่มา: Binghamton University  (2017, December 7). Scientists create stretchable battery made entirely out of fabric. ScienceDaily. Retrieved December 12, 2017, from https://www.sciencedaily.com/releases/2017/12/171207114948.htm
นานาสาระน่ารู้
 
10 หลักสูตรออนไลน์บน Coursera ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในปี 2017
ตั้งแต่ปี 2012 Coursera ได้เริ่มให้บริการระบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ระบบเปิดสำหรับมหาชน (Massive Open Online Courses: MOOCS) มีผู้สนใจลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 28 ล้านคน และมีหลักสูตรออนไลน์ที่เปิดให้บริการราว 2,000 รายการ Coursera ได้แสดงรายชื่อ 10 หลักสูตรออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในปี 2017 ซึ่งรายชื่อนี้อาจแสดงให้เห็นถึงเทรนด์ในการศึกษาและเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจ 10 หลักสูตรออนไลน์ที่ว่า ประกอบด้วย Machine Learning หรือ การเรียนรู้ด้วยเครื่อง Neural Networks and Deep Learning หรือ โครงข่ายประสาทเทียมและการเรียนรู้เชิงลึก Learning How to Learn: Powerful Mental Tools to Help You Master Tough Subjects หรือ เรียนรู้วิธีการเรียนรู้: เครื่องมือทางจิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้วิชาที่ยากลำบากได้ Introduction to Mathematical Thinking หรือ การคิดเชิงคณิตศาสตร์เบื้องต้น Bitcoin and Cryptocurrency Technologies หรือ เทคโนโลยี Bitcoin และ Cryptocurrency หรือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอลและสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ (Bitcoin) Programming for Everybody (Getting Started with Python) หรือ การเขียนโปรแกรมสำหรับทุกคน โดยเริ่มด้วย Python Algorithms, Part I หรือ อัลกอริทึม  English for Career Development หรือ ภาษาอังกฤษเพื่อการพัฒนาอาชีพ Neural Networks for Machine Learning หรือ โครงข่ายประสาทเทียมสำหรับการเรียนรู้ด้วยเครื่อง Financial Markets หรือ ตลาดการเงิน จากรายชื่อ 10 หลักสูตรออนไลน์ ข้างต้น แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงทักษะทางเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจและความนิยม แต่ทักษะการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานและทักษะการเก็บรักษาข้อมูล เช่น การเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ รวมถึงทักษะการแก้ไขปัญหา ในรายวิชา Introduction to Mathematical Thinking ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ที่มาข้อมูล Colman, D. (2018, January 2). The 10 Most Popular Courses on Coursera in 2017 (and 2,000 Courses You Can Take for Free in January, 2018). Retrieved January 4, 2018, from http://www.openculture.com/2018/01/the-10-most-popular-courses-on-coursera-in-2017.html
นานาสาระน่ารู้
 
กรอบยุทธศาสตร์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) กระทรวงแรงงาน พ.ย.2559
แรงงานเป็นทุนมนุษย์ซึ่งถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญและมีคุณค่าต่อการพัฒนาประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับส่วนย่อย (Micro) ของระบบเศรษฐกิจ คือ แรงงานในภาคการผลิตทั้งอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และบริการ และระดับมหภาค (Macro) ของประเทศ ถ้าแรงงานในภาคการผลิตต่างๆ ของประเทศมีความรู้ความสามารถ มีทักษะและศักยภาพสูงจะส่งผลให้ผลิตภาพการผลิต (Productivity) สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องต่อไปยังการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในที่สุด การพัฒนาทัพยากรมนุษย์ของประเทศนับว่ามีความสำคัญยิ่ง เป็นกลยุทธ์ที่มีผลต่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนของประเทศ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2540 เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ความตอนหนึ่งว่า “การพัฒนาบุคคลจะต้องพัฒนาให้ครบทั้งสองส่วน เพื่อให้บุคคลมีความรู้ไว้ใช้ประกอบการ และมีความดีไว้เกื้อหนุนการประพฤติปฏิบัติทุกอย่างในทางที่ถูกที่ควร และอำนวยผลเป็นประโยชน์ที่พึงประสงค์” ดังนั้น การสร้างกลไกให้ทรัพยากรมนุษย์ทุกระดับในประเทศได้รับการพัฒนา ทั้งในด้านองค์ความรู้ ทัศนคติ คุณธรรม ค่านิยมและวัฒนธรรมในการทำงาน ให้เป็นผู้ที่ทรงความรู้ มีทักษะ มีคุณภาพ มีคุณธรรม เหมาะสมสอดคล้องกับทิศทางของการพัฒนาประเทศย่อมจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้ประเทศชาติมีสมรรถนะขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รัฐบาลจึงได้มีนโยบายปฏิรูปประเทศไทยสู่ “Thailand 4.0” มุ่งให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม มุ่งเน้นการพัฒนาไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการสร้างความเข้มแข็งตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านกลไกประชารัฐ มีความมุ่งมั่นจะนำพาประชาชนสู่การปฏิรูปประเทศในรูปแบบใหม่ เพื่อให้สามารถรับมือกับโอกาสความเสี่ยงและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปในศตวรรษที่ ๒๑ และมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศในโลกที่หนึ่ง ซึ่งประเทศไทยจะต้องเผชิญกับการปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งจะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการทำงาน/การประกอบอาชีพของประชาชนและภาคีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กระทรวงแรงงานซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน ทั้งในและนอกระบบให้มีงานทำ มีความรู้ ความสามารถ มีโอกาสได้ทำงาน มีรายได้ในการประกอบอาชีพ โดยการจัดหางาน การฝึกอาชีพ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ตลอดจนการดูแลคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง สถานประกอบการให้ได้รับความเป็นธรรม และเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากระบบการประกันสังคม นอกจากนั้น ๒๐ ปีต่อจากนี้ไปนับว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยยังจะต้องผลักดันให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นับเป็นจังหวะเวลาที่ท้าทายอย่างมากที่ประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนผ่านและขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยท่ามกลางกระแสการแข่งขันในโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างต่อเนื่องและสมบูรณ์จะสามารถตอบสนองให้ประเทศชาติมีความ “มั่งคั่ง” ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) แผนแม่บทด้านแรงงาน (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) รวมถึงเป็นการดำเนินการที่รองรับวาระ ๒๐๓๐ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy : SEP) จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๐ –๒๕๗๙) อันจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงแรงงาน พฤศจิกายน 2559 ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม
THAILAND 4.0
 
เก็บข้อมูลในเสื้อผ้าอย่างไร โดยไม่ใช้อิเล็กทรอนิกส์
คณะนักวิจัยจาก University of Washington พัฒนาผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นซึ่งสามารถเก็บข้อมูล ตั้งแต่รหัสความปลอดภัยจนถึงป้ายประจำตัว โดยไม่ต้องใช้อิเล็กทรอนิกส์หรือเซ็นเซอร์ คณะนักวิจัยรู้ว่าเส้นด้ายนำไฟฟ้า (conductive thread) ที่หาได้ง่ายมีคุณสมบัติแม่เหล็กซึ่งสามารถใช้เก็บข้อมูลดิจิทัลหรือข้อมูลที่มองเห็นได้เช่น ตัวอักษรหรือตัวเลข ข้อมูลนี้สามารถอ่านโดย magnetometer (เครื่องมือราคาไม่แพงซึ่งวัดทิศทางและความแรงของสนามแม่เหล็กและมีอยู่ในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่) ตัวอย่างเช่น คณะนักวิจัยเก็บรหัสผ่านประตูอิเล็กทรอนิกส์บนแผ่นผ้านำไฟฟ้าซึ่งอยู่บนข้อมือเสื้อเชิ้ต แล้วเปิดประตูโดยเคลื่อนไหวข้อมือข้างหน้า magnetometer คณะนักวิจัยยังพัฒนาเครื่องประดับแฟชั่นเช่น เนคไท เข็มขัด สร้อยคอ ให้สามารถเก็บข้อมูล และอ่านข้อมูลโดยใช้สมาร์ทโฟน จากการทดสอบ แผ่นผ้ายังคงเก็บข้อมูลได้ถึงแม้หลังจากซักด้วยเครื่อง ทำให้แห้ง และรีดที่อุณหภูมิถึง 320 อาศาฟาเรนไฮต์ การศึกษาครั้งนี้ต่างจากผ้าสมาร์ทที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งยังคงต้องใช้อิเล็กทรอนิกส์หรือเซ็นเซอร์ ทำให้เกิดปัญหาถ้าอยู่ในระหว่างฝนตกหรือลืมถอดอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ออกก่อนเข้าเครื่องซัก คณะนักวิจัยยังแสดงว่าผ้าที่มีคุณสมบัติแม่เหล็กนี้สามารถอ่านโดยสมาร์ทโฟนถึงแม้สมาร์ทโฟนอยู่ในกระเป๋า ที่มา: University of Washington (2017, October 31). How to store information in your clothes invisibly, without electronics. ScienceDaily. Retrieved December 26, 2017, from https://www.sciencedaily.com/releases/2017/10/171031135704.htm
นานาสาระน่ารู้
 
กินถั่วหลากหลายชนิดเป็นประจำลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
งานวิจัยนี้เผยแพร่ในวารสาร American College of Cardiology ได้ทำการศึกษาใน 210,000 คน โดยประกอบด้วยผู้หญิงจาก the Nurses' Health Study และ Nurses' Health Study II และผู้ชายจาก the Health Professionals Follow-up Study ติดตามผลเป็นเวลา 32 ปี ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ การใช้ชีวิต และภาวะของสุขภาพของผู้เข้าร่วมทั้งหมดถูกรวบรวมผ่านแบบสอบถามที่บริหารจัดการด้วยตัวเองทุกๆ 2 ปี พบความสัมพันธ์ในทางตรงข้ามระหว่างการบริโภคถั่วทั้งหมดและ cardiovascular disease และ coronary heart disease ทั้งหมด นอกจากนี้เมื่อมองไปที่การบริโภคถั่วแต่ละชนิด การกิน walnuts หนึ่งครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์ทำให้ความเสี่ยงของ cardiovascular disease ลดลง 19 เปอร์เซ็นต์ และของ coronary heart disease ลดลง 21 เปอร์เซ็นต์ ผู้เข้าร่วมซึ่งกิน peanuts หรือ tree nuts สองครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์ลดความเสี่ยงของ cardiovascular disease ลง 13 และ 15 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ และลดความเสี่ยงของ coronary heart disease ลง 15 และ 23 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่เคยบริโภคถั่ว ผู้เข้าร่วมซึ่งบริโภคถั่ว 5 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์ลดความเสี่ยงของ cardiovascular disease ลง 14 เปอร์เซ็นต์และ coronary heart disease ลง 20 เปอร์เซ็นต์ กว่าคนที่ไม่เคยหรือเกือบไม่เคยบริโภคถั่ว ได้ผลการศึกษาเหมือนกันเมื่อบริโภค tree nuts peanuts และ walnuts แต่ละชนิด คณะนักวิจัยไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคถั่วทั้งหมดและความเสี่ยงของ stroke แต่การกิน peanuts และ walnuts มีความสัมพันธ์ตรงข้ามกับความเสี่ยงของ stroke  Peanut butter และ tree nuts ไม่สัมพันธ์กับความเสี่ยงของ stroke ที่มา: American College of Cardiology (2017, November 13). Eating regular variety of nuts associated with lower risk of heart disease. ScienceDaily. Retrieved December 14, 2017, from https://www.sciencedaily.com/releases/2017/11/171113195131.htm
นานาสาระน่ารู้
 
จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารสามารถป้องกันความดันเลือดสูง
คณะนักวิจัยจาก MIT และประเทศเยอรมัน พบว่าในทั้งหนูและคน อาหารที่มีเกลือสูงลดประชากรแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่ง ผลก็คือเซลล์ภูมิคุ้มกันก่อนการอักเสบ (pro-inflammatory immune cells) ที่มีชื่อว่า เซลล์ Th-17 เพิ่มจำนวน เซลล์ภูมิคุ้มกันเหล่านี้เชื่อมโยงกับความดันเลือดสูง แต่กลไกที่แน่นอนยังไม่รู้ คณะนักวิจัยยังแสดงว่าการให้อาหารที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (probiotic) สามารถผันกลับการค้นพบดังกล่าว แต่เตือนว่าไม่ควรกินเกลือมากเท่าที่ต้องการในขณะที่ได้รับ probiotic การศึกษาครั้งนี้เผยแพร่ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ คณะนักวิจัยให้อาหารแก่หนูซึ่งมีโซเดียมคลอไรด์ (เกลือชนิดหนึ่ง) เป็นส่วนประกอบ 4 เปอร์เซ็นต์ โดยอาหารปกติจะมีโซเดียมคลอไรด์เป็นส่วนประกอบ 0.5 เปอร์เซ็นต์ คณะนักวิจัยพบว่าอาหารนี้ทำให้ประชากรของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Lactobacillus murinus ลดลง หนูเหล่านี้ยังเพิ่มประชากรของเซลล์ Th-17 ที่เกี่ยวกับการอักเสบ และความดันเลือดสูงขึ้น เมื่อหนูที่มีความดันเลือดสูงได้รับ probiotic ที่มี Lactobacillus murinus ผลคือ ประชากร Th-17 ลดลงและความดันเลือดสูงลดลง ในการศึกษากับ 12 คน คณะนักวิจัยพบว่า เมื่อเพิ่ม 6,000 มิลลิกรัมของโซเดียมคลอไรด์ต่อวันในอาหารเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผลคือประชากรแบคทีเรีย lactobacillus ลดลง ความดันเลือดและเซลล์ Th-17 สูงขึ้น เมื่อผู้เข้าร่วมได้รับ probiotic ที่วางขายเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนได้รับอาหารที่มีเกลือสูง ผลก็คือ ระดับ lactobacillus ในทางเดินอาหารและความดันเลือดยังคงปกติ ที่มา: Massachusetts Institute of Technology (2017, November 15). Gut microbes can protect against high blood pressure. ScienceDaily. Retrieved December 14, 2017, from https://www.sciencedaily.com/releases/2017/11/171115130859.htm
นานาสาระน่ารู้