ผลการค้นหา :
ตอนที่ 24 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/jfPwSUlyEXQเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.จริยา สากยโรจน์ ผลงานเรื่อง “Butt rot disease in Thailand’s mangroves”ดร.เดือนเพ็ญ จาปรุง ผลงานเรื่อง “แอปตาเซนเซอร์สำหรับวิเคราะห์อัลบูมินในปัสสาวะเพื่อประกอบการคัดกรองโรคไตเรื้อรัง”ดร.พิศิษฐ์ คำหน่อแก้ว และคณะ ผลงานเรื่อง “ท่อดูดซับความร้อนด้วยอนุภาคนาโนกราฟีน-ซิลิกา สำหรับระบบพลังงานรวมแสงอาทิตย์เข้มข้น”ดร.ธีรพงศ์ ยะทา ผลงานเรื่อง “ตัวพาอนุภาคนาโน เพื่อการนำส่งยาในร่างกายอย่างแม่นยำ”ดร.สมเกียรติ เตชกาญจนารักษ์ ผลงานเรื่อง “สูตรผสมสารชีวบำบัดภัณฑ์สำหรับย่อยสลายคราบปนเปื้อนน้ำมัน”ดร.กิตติวุฒิ เกษมวงศ์ และคณะ ผลงานเรื่อง “ไข่ออกแบบได้”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO
วารสารข่าว วิทย์ปริทัศน์ ฉบับเดือน กรกฎาคม 2564
วารสารข่าว วิทย์ปริทัศน์ ฉบับที่ 7 เดือน กรกฎาคม 2564
10 อันดับสถาบันเทคโนโลยี ที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกับมหาวิทยาลัยดัง
มหาวิทยาลัยกับสถาบัน
การศึกษาระดับอุดมศึกษา มี 2 ประเภท คือ 1 มหาวิทยาลัย หรือ University กับ 2 สถาบัน หรือ Institute ในอดีต แรกเริ่มมหาวิทยาลัยใช้เพื่ออ้างถึงศูนย์การเรียนรู้ชนาดใหญ่ที่ให้การศึกษาระดับอุดมศึกษาแก่นักศึกษาที่ต้องการเชี่ยวชาญในสาขาวิชาเฉพาะ กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาขาด้านสังคมศาสตร์ กลุ่มสาขามนุษยศาสตร์ ในขณะที่สถาบันคือศูนย์การเรียนรู้ที่รัฐบาลหรือสมาชิกในชุมชนสร้างขึ้นเพื่อส่งต่อทักษะเฉพาะด้านให้กับผู้เรียนเพื่อช่วยให้มีความรู้ในการประกอบอาชีพ สถาบันมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เน้นด้านการศึกษา เช่น แฟชั่น เกษตรกรรม ศิลปะและเทคโนโลยีฯ ในภาพรวมคำว่า สถาบัน มีความหมายเล็กกว่า คำว่า มหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการที่เกิดขึ้นในหลายประเทศได้ทำให้นิยามนี้ เปลี่ยนไปโดยเฉพาะสถาบันเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก ตัวอย่างของสถาบันที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา คือ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT) ซึ่งเป็นสถาบันสอนด้านเทคโนโลยีลำดับต้น ๆ ของโลก ส่วนของไทย คือ กลุ่มสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (King Mongkut’s Institute of Technology) ซึ่งต่อมา วิทยาเขตธนบุรี และวิทยาเขตพระนครเหนือ เปลี่ยนชื่อว่า มหาวิทยาลัย ในขณะที่ วิทยาเขตเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ยังคงยืนหยัดที่ จะใช้ว่า สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเช่นแรกเริ่มก่อตั้ง
Massachusetts Institute of Technology
อันดับที่ 4 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1861
Massachusetts Institute of Technology (MIT) เป็นสถาบันเทคโนโลยีเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในอันดับต้น ๆ ของ U.S. News & World Report และการจัดอันดับวิทยาลัยอื่น ๆ งานวิจัยที่พัฒนาอย่างเข้มข้น หุ่นยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ที่เก็บเกี่ยวพลังงานจากความแตกต่างของอุณหภูมิ รวมทั้งการพัฒนาเรดาร์ แผงวงจรดิจิทัลการพัฒนาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ไปจนถึงการค้นพบยีนก่อมะเร็ง (Oncogene)
MIT แบ่งออกเป็น 31 ภาควิชา ใน 5 คณะ
1. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมือง
2. คณะวิศวกรรมศาสตร์
3. คณะมนุษยศาสตร์ ศิลปะและสังคมศาสตร์
4. คณะการบริหารจัดการ
5. คณะวิทยาศาสตร์
Caltech
อันดับที่ 9 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองพาซาตินา รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้ง ปี ค.ศ. 1891
California Institute of Technology (Caltech) เป็นสถาบันเทคโนโลยีเอกชนในสหรัฐอเมริกาที่ศึกษาวิชา STEM เป็นหลัก นักวิชาการและผู้บริหารมุ่งเน้นความพยายามและทรัพยากรขึ้นในโครงการ เช่น Jet Propulsion Laboratory (JPL) ของ NASA
JPL เป็นศูนย์วิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โครงการปัจจุบัน ได้แก่ รถแลนด์โรเวอร์ Mars Curiosity, Mars Reconnaissance Orbiter และยานอวกาศ Juno ที่โคจรรอบดาวพฤหัสบดี ห้องปฏิบัติการยังมีหน้าที่รับผิดชอบช่วยพัฒนา FINDER เป็นเครื่องมือช่วยเหลือค้นหาบุคคลที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง โปรแกรมที่นักศึกษาทำโครงการวิจัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Summer Undergraduate Research Fellowship (SURF) ซึ่งนักศึกษาจะทำงานเพื่อพัฒนาโครงการวิจัยระยะเวลา 10 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังเปิดหลักสูตรบัณทิตศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์และสาขาวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา เคมี วิทยาการคอมพิวเตอร์ ธรณีศาสตร์ คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์
Georgia Tech.
อันดับที่ 35 U.S. News 2021 Best National Universities
นครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ก่อตั้งปี 1885
Georgia Institute of Technology (Georgia Tech)
สถาบันเทคโนโลยีรัฐและมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการวิจัย ภารกิจของ Georgia Tech คือการพัฒนาผู้นำที่พัฒนาเทคโนโลยีและปรับปรุงสภาพของมนุษย์ ภารกิจและแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของผู้คนทุกที่
Georgia Tech มีวิทยาลัย 6 สาขา บัณฑิตวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับสูง ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะบริหารธุรกิจ Georgia เป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัยมากที่สุดของประเทศ
Rensselaer
อันดับที่ 53 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองทรอย รัฐนิวยอร์ก ก่อตั้งปี ค.ศ. 1824
Rensselaer Polytechnic Institute (RPI)
สถาบันก่อตั้งบนหลักการของการนำวิทยาศาสตร์มาสู่ชีวิตประจำวัน และยังคงแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน นักเรียนหนึ่งในสี่มีส่วนร่วมใน Greek Life เน้นความเป็นผู้นำนวัตกรรม ความอดทน และวิวัฒนาการ นักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการวิจัยที่ Rensselaer ลำดับความสำคัญในการวิจัย 6 อันดับแรก ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม นาโนเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และเทคโนสารสนเทศ และสื่อและศิลปะ ทักษะทางเทคนิคจาก Rensselaer ไปสู่อาชีพที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ และอื่นๆ
WPI
อันดับที่ 66 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองวูสเตอร์ รัฐแมสซาซูเซตส์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1865
Worcester Polytechnic Institute (WPI) สถาบันเอกชน เพื่อสร้างและถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม โปรแกรมการวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาประกอบด้วยวิทยาการหุ่นยนต์ วัสดุศาสตร์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี WPI เช่น วิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและวิศวกรรมชีวภาพ พลังงาน และวิทยาศาสตร์ข้อมูล
VIRGINIA TECH (VT)
อันดับที่ 74 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองแบล็กส์เบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ก่อตั้งปี ค.ศ. 1872
Virginia Polytechnic Institute (Virginia Tech) สถาบันรัฐ อดีตสถาบันเทคนิคทางการทหารในแบล็กส์เบิร์ก ผลักดันขอบเขตความรู้โดยใช้แนวทางปฏิบัติแบบสหวิทยาการเพื่อเตรียมนักวิชาการให้เป็นผู้นำและนักแก้ปัญหา สาขาวิชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ Virginia Tech ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์; ธุรกิจ, การจัดการ, การตลาดและการบริการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ; วิทยาศาสตร์ครอบครัวและผู้บริโภค/ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ; และวิทยาศาสตร์ชีวภาพและชีวการแพทย์
STEVENS Institute of Technology (Stvens)
อันดับที่ 80 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองโฮไบเกน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1870
Stevens Institute of Technology (Stvens) สถาบันเอกชน เน้นย้ำถึงนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ เน้นการวิจัยในด้านโปรแกรมวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และการจัดการเป็นหลัก แม้ว่า Stevens จะเน้นหนักในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ แต่สถาบันจัดเป็นวิทยาลัยสี่แห่ง รวมถึงวิทยาลัยศิลปศาสตร์และอักษรศาสตร์ เนื่องจากหลักสูตรนี้เน้นการบรรจบกันของศิลปะและมนุษยศาสตร์ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Rochester Institute of Technology (RIT)
อันดับที่ 112 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองรอเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ก่อตั้งปี ค.ศ. 1829
Rochester Institute of Technology (RIT) สถาบันเอกชน เน้นการเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ และเปิดสอนหลักสูตร ศิลปะศาสตร์ ธุรกิจ และศิลปะและการออกแบบ รวมถึงการออกแบบสื่อใหม่ ระบบข้อมูลการจัดการ วิทยาศาสตร์การถ่ายภาพ การออกแบบอุตสาหกรรม เทคโนโลยีวิศวกรรมโยธา และเว็บและคอมพิวเตอร์มือถือ
New Jersey Institute of Technology (NJIT)
อันดับที่ 118 U.S. News 2021 Best National Universities
เมืองนวร์ก (Newark) รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1881
New Jersey Institute of Technology (NJIT) สถาบันรัฐ เป็นผู้นำระดับโลกในด้าน Solar – Terrestrial สาขาวิชา R&D ได้แก่ คณิตศาสตร์ประยุกต์ วัสดุศาสตร์ และวิศวกรรมชีวการแพทย์ นอกจากนั้น ที่นี่ยังมี อาจารย์ชาวไทย ศ.ดร. เมธี เวชารัตนา ประธานสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (Association of Thai Professionals in America and Canada – ATPAC) เป็นผู้สอนในปัจจุบัน
ILLINOIS TECH
อันดับที่ 124 U.S. News 2021 Best National Universities
นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ก่อตั้งปี ค.ศ. 1940
Illinois Institute of Technology (Illinois Tech) สถาบันเอกชน เปิดสอนหลักสูตรวิชาการ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ธุรกิจ จิตวิทยา การสื่อสารและการพัฒนาระดับวิชาชีพ และอื่น ๆ
ปัจจุบัน นักศึกษารับมือการวิจัยเชิงปฏิบัติในด้านวิทยาการหุ่นยนต์ข้อมูลมหัส (Big data) การพัฒนาเมืองยั่งยืน การแพทย์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแห่งสหรัฐอเมริกาและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) กำหนดให้ Illinois Tech เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการแห่งชาติในการศึกษาการป้องกันภัยทางไซเบอร์
Instituto Politeécnico Nacional
อันดับที่ 4 ของเม็กซิโก อันดับที่ 508 ของโลก ที่ตั้ง กรุงเม็กซิโก ซิตี ก่อตั้งปี ค.ศ. 1936
National Polytechnic Institute IPN มุ่งเน้นศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Science) วิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://static1.squarespace.com/static/5f7e0e2e76a05248ed76e064/t/6148b4bf72725905e432f6aa/1632154838007/OST+Science+Review+July+2021.pdf
นานาสาระน่ารู้
ระบุตัวเสือโคร่งในกรงเลี้ยงด้วยรหัสพันธุกรรม
ย่างเข้าสู่ปีขาล ยิ่งต้องขานรับการอนุรักษ์ “เสือ” เมื่อนับวันสัตว์ป่านักล่าต่างตกเป็นเหยื่อของการลักลอบค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย และมีจำนวนลดน้อยลงทุกที กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ใช้เทคนิคการค้นหาเครื่องหมายโมเลกุลที่บ่งบอก “รหัสพันธุกรรมเพื่อระบุตัวเสือโคร่ง (DNA fingerprint)” เพื่อจัดทำฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมเสือโคร่งในกรงเลี้ยงกว่า 2,400 ตัวทั่วประเทศ ป้องกันการสวมทะเบียนเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ ลดปัญหาอาชญากรรมเสือโคร่งในประเทศไทย
ดร.กณิตา อุ่ยถาวร กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรเสือโคร่งในป่าธรรมชาติของประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 200-250 ตัว เท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ขนาดใหญ่บางแห่ง ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นำระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพมาใช้ภายในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อติดตามสร้างระบบฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่สวนสัตว์สาธารณะพบว่ามีเสือโคร่งที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองได้อย่างถูกกฎหมายมากถึง 1,200 ตัว แต่ยังไม่มีระบบฐานข้อมูลที่ได้มาตรฐานรองรับสำหรับติดตามและให้ความคุ้มครองเท่าที่ควร ทำให้เมื่อพบการลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย บ่อยครั้งไม่สามารถจำแนกแหล่งที่มาได้ชัดเจนว่ามาจากประเทศใดหรือแหล่งใด
[caption id="attachment_29672" align="aligncenter" width="700"] เสือโคร่ง[/caption]
“ที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำฐานข้อมูลเสือโคร่งในกรงเลี้ยงโดยการใช้ภาพถ่ายเพื่อเปรียบเทียบลายเสือโคร่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้โปรแกรม Extract Compare ช่วยในการวิเคราะห์จำแนกเสือรายตัวได้อย่างถูกต้อง หากแต่ว่าวิธีนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถติดตามลูกเสือโคร่งแรกเกิดได้ ดังนั้นการจัดทำฐานข้อมูลพันธุกรรมร่วมด้วย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การจัดทำฐานข้อมูลของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงมีความรัดกุมหนักแน่นมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาความร่วมมือกับศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. ในการจัดทำโครงการการใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอเพื่อตรวจพิสูจน์พันธุกรรมของเสือโคร่งในเชิงนิติวิทยาศาสตร์”
[caption id="attachment_29671" align="aligncenter" width="700"] ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช.[/caption]
ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. กล่าวถึงการดำเนินงานในการตรวจพันธุกรรมเพื่อระบุตัวเสือโคร่งว่า ทางกลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นผู้เก็บตัวอย่างเลือดของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงกว่า 2,400 ตัวทั่วประเทศ และสกัดดีเอ็นส่งมาให้ทางศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สำหรับใช้จำแนกเสือ รวมทั้งยังทำการศึกษาเปรียบเทียบฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมของเสือโคร่ง ซึ่งปัจจุบันมีสายพันธุ์ย่อยทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ได้แก่ เสือโคร่งไซบีเรีย เสือโคร่งเบงกอล เสือโคร่งอินโดไชนิส เสือโคร่งสุมาตรา เสือโคร่งจีนใต้ และเสือโคร่งมลายู เพื่อเลือกเครื่องหมายโมเลกุล (molecular marker) ที่สามารถแยกความเป็นเอกลักษณ์ระหว่างเสือโคร่งแต่ละสายพันธุ์ได้
“ทีมวิจัยนำเครื่องหมายโมเลกุลที่ถูกคัดเลือกมาออกแบบสังเคราะห์ตัวตรวจจับ (probe) ซึ่งมีลักษณะเป็นดีเอ็นเอสายสั้นๆ ที่มีความจำเพาะต่อโมเลกุลเป้าหมาย จากนั้นนำไปใช้ในการตรวจหาเครื่องหมายโมเลกุลจากตัวอย่างเลือดของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงแต่ละตัว ด้วยเครื่อง SNP Genotyping MassArray เทคโนโลยีที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสารพันธุกรรมด้วยเทคนิคการวัดน้ำหนักมวล เนื่องจากในสายพันธุกรรมจะประกอบด้วยลำดับเบส 4 ตัว คือ Adenine, Cytosine, Guanine และ Thymine (A, C, G และ T) ซึ่งแต่ละตัวมีน้ำหนักมวลโมเลกุลไม่เท่ากัน จึงทำให้วิเคราะห์โมเลกุลของดีเอ็นเอที่ตรวจจับได้อย่างละเอียดและรวดเร็ว สามารถค้นพบลำดับเบสในดีเอ็นเอ หรือ “รหัสพันธุกรรมเพื่อใช้ระบุตัวเสือโคร่ง (DNA fingerprint)” ได้อย่างจำเพาะเจาะจง ไม่ต่างจากการตรวจลายนิ้วมือเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล”
ความร่วมมือในการใช้เทคโนโลยีค้นหาเครื่องหมายโมเลกุลเพื่อระบุตัวเสือโคร่งในกรงเลี้ยงครั้งนี้ นับเป็นการบูรณาการการทำงานครั้งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลพันธุกรรม เพื่อจัดทำระบบทะเบียนประชากรของเสือโคร่งในกรงเลี้ยงได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบเสือโคร่งของกลางในคดีต่างๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันการสวมทะเบียนจากเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ และลดปัญหาการลักลอบค้าเสือโคร่งลงได้ในอนาคต ที่สำคัญยังตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy Model) ที่เป็นวาระของชาติ โดยตั้งเป้ามุ่งพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อคุ้มครอง ป้องกัน ทรัพยากรสัตว์ป่าของประเทศไทยให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน
BCG
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
เอนก เร่งเครื่อง BCG พลิกฟื้นทุ่งกุลาร้องไห้ด้วย วทน.
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำทัพหน่วยงานในสังกัด อาทิ สวทช. วว. สสน. หน่วยให้ทุน บพท. และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ จับมือกับ กระทรวงมหาดไทยและภาคี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และยโสธร ดำเนินงานมุ่งเป้าหมายการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) โดยใช้กลไกการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อน “โปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้” ได้ร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ZOOM MEETING เพื่อมอบนโยบายและแนวคิดการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ นำเสนอโครงการเร่งด่วน หรือ Quick Win project ต่อผู้บริหารจังหวัดและมหาวิทยาลัยในพื้นที่จากทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายธัญญวัฒน์ ชาญพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายชัยวัฒน์ แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และนายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โดยการประชุมออนไลน์ในแต่ละจังหวัดมีหัวหน้าส่วนราชการ , ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในพื้นที่ รวมทั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และจากภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมรับทราบนโยบาย
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้มอบนโยบายให้เร่งแก้จนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยมุ่งเป้าการขับเคลื่อนงานให้สำเร็จภายใน 1 – 2 ปี เช่น เน้นการทำเกษตรปลอดภัย เกษตรประณีต เกษตรมูลค่าสูง เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ การสร้างแบรนด์ (Branding) ของทุ่งกุลาเปลี่ยนจากความยากจนเป็นรุ่งเรือง สร้างสรรค์ ผลิตสินค้าแบรนด์ทุ่งกุลาให้คนในพื้นที่ทุ่งกุลามีความภูมิใจในการเป็นคนทุ่งกุลา สร้างผู้นำ BCG สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ทรหด อดทน มุมานะ รู้จักรับและปรับใช้เทคโนโลยี สามารถพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพและรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสวทช. และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยตั้งเป้าหมายให้ผู้ที่มีรายได้น้อย อย่างน้อยร้อยละ 50 ในพื้นที่ให้มีรายได้ก้าวพ้นเส้นความยากจน (มากกว่า 38,000 บาทต่อคนต่อปี) และยกระดับเกษตรกรต้นแบบอย่างน้อยร้อยละ 10 ของเกษตรกรในพื้นที่ และด้านประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพมาตรฐาน ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 10 ตามแนวทางการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการใช้ฐานทรัพยากรที่โดดเด่นและหลากหลาย และยังเป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่ ยกระดับให้ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารไทยที่มีคุณภาพครบวงจร เน้นการทำเกษตรพรีเมียม เกษตรมูลค่าสูง การผลิตที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกิดของเสียในกระบวนการผลิตน้อยที่สุด หรือเป็น zero waste และสามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ใช้กลไกตลาดนำการผลิต เน้นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ที่ผสานศิลปะวัฒนธรรมภูมิปัญญาของท้องถิ่น และนวัตกรรม สร้างแบรนด์ทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ 5 จังหวัดได้กำหนดคนจนพื้นที่เป้าหมายใน 7 อำเภอ 26 ตำบล และเกษตรกรต้นแบบใน 10 อำเภอ 39 ตำบล นำร่องโครงการเร่งด่วน (Quick win project) เพื่อการยกระดับสินค้าหลักในพื้นที่ อาทิ ข้าว พืชหลังนา โคเนื้อ ประมง ผักอินทรีย์ พืชสมุนไพร และผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และมูลค่าเพิ่ม โดยคาดหวังผลลัพธ์ที่จะนำไปสู่การยกระดับรายได้ เกิดอาชีพ การจ้างงานตลอดห่วงโซ่การผลิตในพื้นที่ ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ เกิดแบรนด์สินค้าพรีเมียมไปสู่ตลาดสากล เกิดเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรต่างๆ ในพื้นที่ที่สามารถเชื่อมโยงตลาด เกิดผู้ประกอบการใหม่ในพื้นที่ เกิดตลาดกลางในพื้นที่เชื่อมโยงกับตลาดสากล นอกจากนั้นแล้วที่ประชุมได้รายงานให้ทราบถึงการจัดตั้งคณะทำงานในระดับพื้นที่ คือ คณะทำงานขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม 5 จังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นประธาน มีหน้าที่จัดทำเป้าหมายและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนในแต่ละจังหวัด ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมาย ในระดับนโยบาย และการผลักดันให้เกิดความต่อเนื่องของกิจกรรมต่างๆ เพื่อเร่งแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป
BCG
ข่าวประชาสัมพันธ์
ตอนที่ 23 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/eYYRN1RK0zMเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.บุญล้อม ถาวรยุติการต์ และคณะ ผลงานเรื่อง “Innovatives Sillicone Gel-Coated Fabrics for Scar Reduction”ดร.สุพล มนะเกษตรธาร ผลงานเรื่อง “Glucose monitoring handheld device based on micro/nanoneedles”ดร.บุรินทร์ เกิดทรัพย์ ผลงานเรื่อง “Design for permanent magnet-assisted synchronous reluctance motors used for electric vehicle applications”ดร.กนกวรรณ ศันสนะพงษ์ปรีชา ผลงานเรื่อง “การพัฒนาอนุภาคนาโนลิโปโซม Auroginger อิมัลเจล สำหรับการนำส่งทางผิวหนัง ร่วมกับเทคนิค lontoporesis”ดร.ธิดารัตน์ นิ่มเชื้อ ผลงานเรื่อง “การเพิ่มมูลค่าชานอ้อย : การสกัดเซลลูโลสและนาโนเซลลูโลส และการประยุกต์ใช้เป็นวัสดุทางการแพทย์”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO
ตอนที่ 22 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/ZUZfd3UYSBU
เผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วย
ระดับนานาชาติ และชาติ
คุณเสกสรร พาป้อง ผลงานเรื่อง “Developing a Research Framework and Methodology of Social Life Cycle Assessment in Thailand”
คุณปริญญา จันทร์หุณีย์ และคณะ ผลงานเรื่อง “อุปกรณ์ช่วยพ่นยาชนิดทำได้ด้วยตนเอง”
คุณวุฒินันต์ หลงเจริญ และคณะ ผลงานเรื่อง “NavTU : แอปพลิเคชันนำทางบนมือถือแอนดรอยด์สำหรับผู้พิการไทยทางการมองเห็น”
Professor Dr. Timothy William Flegel ผลงานเรื่อง “การพัฒนาวิธีการตรวจแบคทีเรียสาเหตุกุ้งตายด่วน (Early Mortality Syndrome: EMS)”
คุณสมบัติ รักประทานพร ผลงานเรื่อง “การพัฒนาการวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสในกุ้งด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดี”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO
วิธีสร้างสไลด์สำหรับการนำเสนองานวิจัย
1. ใช้ตัวอักษรเท่าที่จำเป็น
จำไว้ว่าผู้ฟังกำลังฟังและดูการนำเสนอ ถ้าใช้ตัวอักษรมากในสไลด์ ผู้ฟังส่วนใหญ่จะสนใจอ่านมากกว่าฟัง
2. ใช้รูปภาพ
ในบางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องใช้ตัวอักษร ถ้าใช้รูปภาพผู้ฟังจะสามารถฟังได้อย่างต่อเนื่องง่ายขึ้นในขณะที่ดูสไลด์
3. Control the pace of new information
อย่าใช้หัวข้อที่สรุปเนื้อหาในสไลด์ ตัวอย่างเช่น หัวข้อ Protein A is required for proper heart function ผู้ฟังจะรู้ทันทีผลของการทดลอง และผู้ฟังอาจหยุดฟัง ให้พูดถึงคำถามเกี่ยวกับงานวิจัยหรือการทดลองแทน
4. คำแนะนำอื่น ๆ
ถ้าใช้ตัวอักษร ต้องแน่ใจว่าผู้ฟังอ่านตัวอักษรได้อย่างง่าย
- ตรวจสอบการสะกดคำให้ถูกต้อง
- ทำให้มีเนื้อที่ว่างระหว่างบรรทัดหรือ paragraphs ควรใช้ช่องว่างระหว่างบรรทัด 10 pt
- ทำให้โครงสร้างไปในทางเดียวกัน ถ้ารายการเนื้อหาเป็นประโยคที่สมบูรณ์ ต้องทำให้เนื้อหาทั้งหมดเป็นประโยคที่สมบูรณ์ด้วย
- ใช้ตัวอักษรที่ดูเป็นมืออาชีพและชัดเจน และมีขนาดใหญ่ สามารถอ่านง่ายในขณะที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ฟังที่อยู่ด้านหลังห้องขนาดใหญ่สามารถมองเห็น ควรใช้ตัวอักษรอย่างน้อยขนาด 24
โดยสรุป สไลด์ต้องไม่อธิบายตัวเอง การนำเสนอที่ดีต้องการผู้นำเสนอสื่อสารรายละเอียดที่สำคัญให้ผู้ฟัง ทำให้สไลด์แนะนำเรื่องราวที่ผู้นำเสนอต้องการสื่อสาร แต่สไลด์ต้องไม่สื่อสารเรื่องราวโดยตัวเอง
ที่มา: Ben Mudrak. How to Build Great Slides for Your Research Presentation. Retrieved January 13, 2021, from https://www.aje.com/arc/writing-slides-for-your-research-presentation/
นานาสาระน่ารู้
การศึกษาวัฏจักรชีวิตของการใช้พลังงานไปสู่ภาคขนส่ง และการคำนวณเปรียบเทียบรอยเท้าคาร์บอนในการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เชื้อเพลิงยานยนต์ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงชีวภาพ
ประเทศไทยถูกจัดอันดับโดยดัชนีความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศโลก (Global Climnate Risk Index) ประจำปี พ.ศ. 2564 (Global Climate Risk Index 2021 ให้มีความเปราะบางและความเสี่ยงสูงจากผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันดับ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีได้ให้คำมั่นต่อประชาคมโลกในการก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ. 2065 การลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจก (GHGs) เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงอาจเป็นภาระที่ประเทศจะมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
ภาคพลังงานไทย โดยภาคการขนส่งเป็นอีกหนึ่งสาขาที่มีสัดส่วนการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจก(GHGs) สูงถึงร้อยละ 18.81 ของปริมาณการปลดปล่อยฯรวมในปี ค.ศ. 2016 เป็นรองเพียงสาขาการผลิตพลังงาน (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2563) ดังนี้ ภาครัฐจึงกำหนดมาตรการสำคัญต่างๆ เพื่อลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกในภาคการขนส่งไทยดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) และมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV โดยกำหนดเป้าหมายสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ซึ่งหมายรวมถึงเชื้อเพลิงชีวภาพ ต่อการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายที่ร้อยละ 30 ในปี พ.ศ. 2580 และกำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าที่ไม่ปลดปล่อยมลพิษ (ZEV) ภายในปี พ.ศ. 2578 ทั้งนี้ เนื่องจากทั้งมาตรการการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV ต่างเป็นเทคโนโลยีภาคการขนส่งทางถนนที่มีศักยภาพในการลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกภาคขนส่ง
อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงชีวภาพมีกระบวนการเพาะปลูกและการแปรรูป ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าต้องการการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมจากแหล่งพลังงานต่างๆ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม หรืออย่างน้อยก็แตกต่างจากกรณีเปรียบเทียบกับการใช้พลังงานของยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ทั่วไป ดังนั้น การศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นใหม่หรือที่อาจเพิ่มขึ้นจากมาตรการเหล่านี้จึงมีความสำคัญ และสามารถวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบได้ด้วยการใช้การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA)
การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) ภายใต้การศึกษานี้ อยู่บนพื้นฐานแนวคิด "การวิเคราะห์จากแหล่งกำเนิดสู่การขับเคลื่อน (Well-to-Wheel: WtW)" ซึ่งจำแนกการพิจารณาวัฏจักรชีวิตพลังงานเชื้อเพลิงภาคขนส่งออกเป็น 2 ส่วน คือ "การวิเคราะห์จากแหล่งกำเนิดสู่ถังเชื้อเพลิง (Well-to-Tank: WtT)" และ "การวิเคราะห์จากถังเชื้อเพลิงสู่การขับเคลื่อน (Tank to-Wheel: TtW)" ซึ่งสามารถวิเคราะห์การปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้ครอบคลุมตลอดวัฏจักรชีวิตเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่ง โดยไม่รวมวัฏจักรชีวิตของยานยนต์
งานวิจัยนโยบายองค์กร
ฝ่ายบริหารกลยุทธ์และนโยบายองค์กร
Download รายงานการศึกษา
เอกสารเผยแพร่
“UNAI” เทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคาร เสริมแกร่งธุรกิจจัดงานอีเวนต์
ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูง “ข้อมูล” คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงใจผู้บริโภค ไม่เว้นแม้แต่ในธุรกิจการจัดงานอีเวนต์ ทั้งงานแสดงสินค้า นิทรรศการ และการประชุมนานาชาติ หรือเรียกว่าอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาทและกำลังเติบโตในประเทศไทย และล่าสุดทีมนักวิจัยไทยได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถช่วยเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและเสริมศักยภาพธุรกิจไมซ์ของไทยให้ก้าวไกลระดับนานาชาติ
เทคโนโลยีที่ว่านี้คือ ระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร หรือ “แพลตฟอร์มอยู่ไหน” (UNAI platform) ผลงานวิจัยพัฒนาของทีมวิจัยที่นำโดย ดร.ละออ โควาวิสารัช หัวหน้าทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก “อยู่ไหน 3 มิติ” แพลตฟอร์มสำหรับให้บริการข้อมูลตำแหน่งหรือข้อมูลเส้นทางการเคลื่อนที่ของคนหรือวัตถุสิ่งของภายในอาคารแบบออนไลน์
ดร.ละออ ให้ข้อมูลว่า เริ่มแรกทีมวิจัยได้พัฒนาระบบระบุตำแหน่งภายในอาคารขึ้นสำหรับใช้ติดตามหรือระบุตำแหน่งของพัสดุต่างๆ ภายในอาคารสำนักงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารงานพัสดุของสำนักงาน และปัจจุบันกำลังพัฒนาต่อยอดเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้จัดงานจะเก็บข้อมูลผู้เข้าชมงานทั้งในรูปแบบการลงทะเบียนหน้างาน หรือการสแกนคิวอาร์โคดด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งวิธีนี้ยังไม่สามารถบอกได้ถึงความหนาแน่นของผู้เข้าชมงานในบริเวณต่างๆ หรือแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าชมงานให้ความสนใจบริเวณใดเป็นพิเศษ
ทีมวิจัยจึงนำต้นแบบระบบ UNAI มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ ที่ประกอบด้วยธุรกิจการจัดประชุมสัมมนาองค์กร (Meetings) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) การประชุมนานาชาติ (Conventions) และการจัดนิทรรศการหรืองานแสดงสินค้า (Exhibitions) ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้พัฒนาและทดสอบระบบ UNAI ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์และปรับเทคนิคให้มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น
“ระบบ UNAI จัดอยู่ในกลุ่มของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง (Internet of Things) ประกอบด้วยอุปกรณ์ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ อุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สาย หรือ แท็ก (Tag) ทำหน้าที่เป็นป้ายระบุตำแหน่งโดยใช้เทคโนโลยีสมองกลฝังตัวขนาดเล็ก อุปกรณ์รับสัญญาณไร้สาย หรือ แองเคอร์ (Anchor) ซึ่งออกแบบให้มีแถวสายอากาศ (Antenna Array) มีระบบสื่อสารไร้สายมาตรฐานบลูทูทพลังงานต่ำ (Bluetooth Low Energy: BLE) และใช้เทคนิค AoA (Angle of Arrival) ในการหาตำแหน่งของแท็ก และส่วนสุดท้ายคือ ระบบสื่อสารสำหรับส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ซึ่งรองรับการใช้เครือข่ายทั้ง 3G/4G Cellular Network และ 5G
การทำงานของระบบระบุตำแหน่ง แท็กจะส่งสัญญาณไปยังสายอากาศของแองเคอร์ 3 ตัวที่ใกล้ที่สุด แองเคอร์แต่ละตัวจะคำนวณมุมตกกระทบของสัญญาณที่แท็กส่งมากับแถวสายอากาศ ซึ่งจะมีความต่างเฟสที่ได้รับในแต่ละสายอากาศ และส่งข้อมูลมุมเหล่านี้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ โดยเซิร์ฟเวอร์จะคำนวณหาตำแหน่งของแท็กได้อย่างแม่นยำและส่งข้อมูลตำแหน่งไปแสดงผลที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน UNAI แบบเรียลไทม์”
[caption id="attachment_29184" align="aligncenter" width="750"] อุปกรณ์รับสัญญาณไร้สายหรือแองเคอร์ (Anchor) และอุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สายหรือแท็ก (Tag)[/caption]
[caption id="attachment_29187" align="aligncenter" width="750"] ภาพแสดงตำแหน่งแบบเรียลไทม์[/caption]
[caption id="attachment_29189" align="aligncenter" width="750"] ระบบ UNAI แสดงข้อมูลความหนาแน่นของผู้คนภายในงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ[/caption]
ดร.ละออ กล่าวว่า ระบบ UNAI จะช่วยให้ผู้จัดงานหรือผู้ประกอบการได้ทราบข้อมูลภาพรวมและข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ เช่น จำนวนผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน ผู้เข้าชมงานสนใจกิจกรรมใดบ้าง นิทรรศการหรือสินค้าประเภทใดได้รับความสนใจมากที่สุด ฯลฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนาคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น หรือนำเสนอบริการเสริมนอกเหนือจากระบบอำนวยความสะดวกที่มีอยู่แล้ว เช่น เพิ่มระบบนำทางไปยังบูทที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา ทำให้มีเวลาเลือกสินค้าหรือเจรจาธุรกิจได้มากขึ้น รวมถึงประยุกต์ใช้เพื่อค้นหาตำแหน่งของผู้เข้าร่วมที่เป็นเด็กหรือผู้สูงอายุที่อาจเกิดการพลัดหลงจากผู้ดูแล
การนำระบบระบุตำแหน่งในอาคาร UNAI ไปประยุกต์ใช้ในการจัดงานนิทรรศการและงานแสดงสินค้า นอกจากช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้จัดงานและสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้เข้าชมงานแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำเทคโนโลยีไปเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยที่กำลังเติบโตให้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งและแข่งขันได้ในระดับโลก
BCG
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
ตอนที่ 21 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/0DNxazHYlpoเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.อัชฌา กอบวิทยา และคณะ ผลงานเรื่อง “เลนส์มิวอาย นวัตกรรมใหม่ของกล้องจุลทรรศน์แบบพกพา”ดร.อุมาพร เอื้อวิเศษวัฒนา ผลงานเรื่อง “Climate change adaptation strategy through application of biofloc technology for the improvement of productivity and environmental sustainability of white shrimp Litopenaeus vannamei production in South East Asia”ดร.แสงจันทร์ เสนาปิน ผลงานเรื่อง “Current and emerging infectious diseases in fish and shrimp: Emphasis on molecular characterization, pathogenesis and detection” และ “การศึกษาชีววิทยาโมเลกุลกุ้ง ด้วยเทคนิคยีสต์ทูไฮบริด”ดร.อรวรรณ ชัชวาลการพาณิชย์ และคณะ ผลงานเรื่อง “มะเขือเทศรับประทานผลสดลูกเล็กที่ต้านทานต่อโรคใบหงิกเหลือง”ดร.สุวดี ก้องพารากุล และคณะ ผลงานเรื่อง “แผ่นยางทำความสะอาดน้ำมันแบบใช้ซ้ำ”ศ.นพ.นพพร สิทธิสมบัติ ผลงานเรื่อง “การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการสร้างวัคซีนลูกผสม 4 ชนิดเพื่อป้องกันไข้เลือดออก”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO
ตอนที่ 20 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/hiUYhMQCym4เผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติ ดร.สาทินี ซื่อตรง ผลงานเรื่อง “ดำเนินงานวิจัยด้านการศึกษาความหลากหลายของชนิดพันธุ์ราทะเลที่พบในป่าชายเลนของประเทศไทย” และ “ความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการในระดับโมเลกุลของราทะเลกลุ่มโดทิดิโอไมซีส (Dothideomycetes)”ดร.สมพงษ์ ศรีมโนเสาวภาคย์ ผลงานเรื่อง “High Precision Sound Absorber”ดร.ศรชล โยธิยะ และคณะ ผลงานเรื่อง “Modified Coating Process for Septal Defect Closure Device” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มบางแบบสปัตเตอร์ริง”ดร.พัชรี ลาภสุริยกุล และคณะ ผลงานเรื่อง “ฝาจุกสำหรับภาชนะบรรจุของเหลว เพื่อช่วยป้องกันการสำลักในระหว่างริน (Dispensing Closure for Glug-Free Pouring)”ดร.พิทักษ์ เอี่ยมชัย และคณะ ผลงานเรื่อง “OnSpec VULCAN: เครื่องเคลือบฟิล์มบางสำหรับชิปขยายสัญญาณรามาน”ดร.วิรัลดา ภูตะคาม ผลงานเรื่อง “การศึกษากระบวนการตอบสนองของปะการังต่อการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำทะเลและการประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมของปะการังในน่านน้ำไทยเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอย่างยั่งยืน” และ “การค้นหาและจีโนไทป์ เครื่องหมายโมเลกุลสนิปแบบทั่วทั้งจีโนมด้วยเทคโนโลยี genotyping-by-sequencing (GBS)”ดร.สุรภา เทียมจรัส ผลงานเรื่อง “ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะสำหรับสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO
ตอนที่ 19 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
https://youtu.be/amRyoQVHXt0เผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วยระดับนานาชาติ และชาติดร.พรรณรำเพย นามพระจันทร์ ฟรานซ์ ผลงานเรื่อง “Making yeast-based, and measles-based vaccine candidates’ vaccine against Porcine Epidemic Diarrhea Virus (PEDV)”ดร.พรกมล อุ่นเรือน ผลงานเรื่อง “การพัฒนาและออกแบบกระบวนการทางชีวภาพอย่างเป็นระบบ เพื่อผลิตพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน” และ “Development of biorefinery technology to mitigate effects of climate change and to promote bio-based economy and sustainability”ดร.นพพล คบหมู่ ผลงานเรื่อง “Insights from Population Genomics to the Evolution of Host Specificity in Insect Fungi (GenoSpec)”คุณปิยะดา สุวรรณดิษฐากุล และคณะ ผลงานเรื่อง “กระบวนการเตรียมของผสมยางธรรมชาติและซิลิกาด้วยเทคนิค in situ sol-gel”ดร.สุรพิชญ ลอยกุลนันท์ และคณะ ผลงานเรื่อง “การพัฒนาระบบสารรักษาสภาพน้ำยางไร้แอมโมเนียสำหรับผลิตภัณฑ์จุกนมยาง”ดร.ธิดารัตน์ นิ่มเชื้อ ผลงานเรื่อง “ENZbleach : เอนไซม์ฟอกเยื่อกระดาษจากแบคทีเรียในลำไส้ปลวก”
30 ปี สวทช.
คลัง VDO


