หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
อว. – สวทช. ปฏิวัติสตรีทฟู้ด เปิดตัวนวัตกรรม “รถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู้ด” สะอาด ปลอดภัย ยกระดับพ่อค้า – แม่ค้าอาหารริมทาง
14 กุมภาพันธ์ 2563 กรุงเทพฯ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) จัดงานแถลงข่าว “เปิดตัวนวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู๊ด” ที่มีการพัฒนาและออกแบบทางวิศวกรรมจนได้รถเข็นที่เป็นนวัตกรรมต้นแบบสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่จะใช้ในการขายอาหารริมทาง ที่มีน้ำหนักเบา มีระบบน้ำดี ถังบำบัดและซิงค์น้ำ ระบบดูดและบำบัดควัน หัวเตาแก๊ส 2 หัว รวมถึงมีตู้เก็บความเย็นพร้อมแท่นรับพ่วงข้าง ตอบโจทย์นโยบาย BCG Economy Model เน้นพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานราก ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดเป็นกลไกสำคัญต่อยอดเศรษฐกิจมหภาค  ที่มีการพัฒนาและออกแบบทางวิศวกรรมจนได้รถเข็นที่เป็นนวัตกรรมต้นแบบสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่จะใช้ในการขายอาหารริมทาง ที่มีน้ำหนักเบา มีระบบน้ำดี ถังบำบัดและซิงค์น้ำ ระบบดูดและบำบัดควัน หัวเตาแก๊ส 2 หัว รวมถึงมีตู้เก็บความเย็นพร้อมแท่นรับพ่วงข้าง ตอบโจทย์นโยบาย BCG Economy Model เน้นพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานราก ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดเป็นกลไกสำคัญต่อยอดเศรษฐกิจมหภาค (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
SCI UPDATE: ‘ข้าวหอมนาคา’ ข้าวเหนียวสะเทินน้ำสะเทินบก สายพันธุ์แรกของไทย
For English-version news, please visit : Hom Naga: New climate-resilient aromatic glutinous rice cultivar ไบโอเทค สวทช. เปิดตัวข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ ‘หอมนาคา’ สะเทินน้ำสะเทินบก ‘ข้าวเหนียว’ เป็นตัวแทนความมั่นคงทางอาหารของพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน เพราะเป็นอาหารหลักของคนในพื้นที่ แต่ด้วยบริบทที่ไม่เป็นใจ ทุ่งนาลุ่มน้ำโขงจึงต้องเผชิญภัยธรรมชาติทั้งอุทกภัยและความแห้งแล้ง จนแทบไม่เคยได้ปริมาณผลผลิตทัดเทียมพื้นที่อื่นซึ่งอุดมสมบูรณ์กว่า สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พัฒนา ‘ข้าวหอมนาคา’ ข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ที่ทนทานต่อภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ทนแล้ง และทนโรค ถือเป็น ‘ข้าวเหนียวสะเทินน้ำสะเทินบก’ สายพันธุ์แรกของไทย (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช.-วิทย์สัญจร ภาคเหนือ ปี’63 สร้างโอกาสธุรกิจ ยกระดับเศรษฐกิจภูมิภาค สู่ยุค 4.0 ล้านนาก้าวไกลด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
13 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน “สวทช.-วิทย์สัญจร วิจัยเข้มแข็ง เสริมแกร่งภูมิภาค: นวัตกรรมสร้างสรรค์ พันธมิตรร่วมใจ ล้านนาก้าวไกล ด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” นำเสนอผลงานนวัตกรรมและบริการของ สวทช. พร้อมเดินหน้าตอบโจทย์การพัฒนาประเทศภายใต้ BCG Economy Model ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นอย่างแท้จริง (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช.-อว. จับมือ จุฬาฯ และ กลาโหม ตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านแบตเตอรี่ล้ำสมัยฯ เสริมความเข้มแข็งการผลิตแบตเตอรี่จากวัตถุดิบในประเทศ ลดพึ่งพาจากต่างประเทศ
(7 กุมภาพันธ์ 2563) : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม กระทรวงกลาโหม (กห.) ลงนามความร่วมมือ “โครงการจัดตั้งและดำเนินการศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมแบตเตอรี่ล้ำสมัยที่ผลิตจากวัตถุดิบภายในประเทศเพื่อความมั่นคง” เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการวิจัยนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่ผลิตจากวัตถุดิบภายในประเทศเพื่อความมั่นคงแบบสหสาขาวิชา และเป็นศูนย์กลางในเครือข่ายงานวิจัยนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่ผลิตจากวัตถุดิบภายในประเทศเพื่อความมั่นคงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยศูนย์ดังกล่าวจะอาศัยความเชี่ยวชาญของบุคลากรของทั้งสามหน่วยงาน เพื่อร่วมกันทำงานวิจัยและพัฒนาทางด้านนวัตกรรมแบตเตอรี่ฯ สร้างองค์ความรู้พื้นฐานและเชิงประยุกต์แบบสหสาขาวิชา (Multidisciplinary Basic/Applied Research) พร้อมผลักดันองค์ความรู้ เทคโนโลยี และผลงานวิจัยสู่ผู้ใช้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่ผลิตจากวัตถุดิบภายในประเทศเพื่อความมั่นคงของประเทศไทยต่อไป โดยมี รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวง อว. เป็นประธานในการลงนาม พร้อมด้วย พลเอก นภนต์ สร้างสมวงษ์ รองปลัดกลาโหม พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ผู้แทน เจ้ากรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม กระทรวงกลาโหม ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. ร่วมลงนาม (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
SCI UPDATE: “เวย์โปรตีนพร้อมดื่ม” สูตรใหม่ เก็บได้นาน ไม่ต้องแช่เย็น
"เครื่องดื่มเวย์โปรตีน” กำลังมาแรงในกลุ่มผู้รักสุขภาพ นักกีฬา และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ล่าสุดผู้ประกอบการไทยร่วมกับนักวิจัยไบโอเทค สวทช. พัฒนาสูตร “เวย์โปรตีนพร้อมดื่ม” ที่มีโปรตีนสูง รสชาติอร่อย ที่สำคัญยังเก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น เพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภคยุคใหม่ (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. TCELS จับมือพันธมิตร ปั้นนวัตกรรมเครื่องสำอางไทย
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) และเครือข่ายพันธมิตร จัดโครงการประกวดนวัตกรรมเครื่องสำอาง (CosmeNovation) ภายใต้ โครงการเชื่อมโยงธุรกิจนวัตกรรมเครื่องสำอางสู่ตลาดต่างประเทศ ปี 2563 (CIB 2020*) เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมสารสกัด หรือสารออกฤทธิ์จากธรรมชาติเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดยเน้นสารที่มีคุณสมบัติด้านการชะลอวัย (Anti-aging) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Cosmetic 360 ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมการเสริมทักษะเตรียมความพร้อม (Masterclass) จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ครั้งและได้รับการช่วยเหลือด้านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดยนักวิจัยพี่เลี้ยง (Mentor) พร้อมการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทดสอบถึง 400,000 บาท นอกจากนี้ ผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้ายจะได้นำสินค้าไปออกแสดงในงาน Cosmetic 360 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางมูลค่าถึง 80,000 บาท (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.11 – รู้ทัน-ป้องกัน “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” 2019-nCoV
รู้ทัน-ป้องกัน “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” 2019-nCoV โรคอุบัติใหม่เป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงกับความปลอดภัยในชีวิตของมนุษยชาติ สร้างผลกระทบในวงกว้างทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในช่วง 20-30 ปี มานี้ มีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นกว่า 30 โรค ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน และพัฒนาตัวเองจนสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ อีกทั้งยังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศซึ่งเป็นไปอย่างสะดวก ทำให้ยากต่อการเฝ้าระวังและควบคุมโรค ล่าสุดคือ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ '2019-nCoV' ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนสร้างได้ความตื่นตัวให้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เฉพาะสถานการณ์ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขการรายงานการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สรุปมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อที่รักษาตัวในโรงพยาบาล 17 ราย กลับบ้านแล้ว 8 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 25 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์) ทว่าหากเราเรียนรู้และเข้าใจวิธีการป้องกันโรคอย่างถ่องแท้ จะช่วยเปลี่ยนความตื่นตระหนกตกใจ เป็นการสร้างความตระหนัก และรู้ทัน เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทั้งยังเป็นการช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคได้ดี โดยข้อมูลน่าสนใจจากเวทีเสวนาพิเศษ Science Café “จับตามอง!! โรคอุบัติใหม่ ไวรัสโคโรนา” ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีนักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ อาทิ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รศ.พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล และ พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด จากสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลประชาชนเพื่อทำความรู้จักและเข้าใจป้องกันโรคอุบัติใหม่ในครั้งนี้ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา กล่าวว่า (Coronavirus: CoV) เป็นไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA virus) กลุ่มใหญ่ รูปทรงของไวรัสมีส่วนที่ยื่นออกมารอบๆ คล้ายมงกุฎ (crown) หรือรัศมีของดวงอาทิตย์ จึงเป็นที่มาของชื่อ Corona ที่แปลว่ามงกุฎหรือรัศมี (ในภาษาละติน) ไวรัสโคโรนาพบได้ในสัตว์หลายชนิด ประกอบด้วย อูฐ แมว และค้างคาว เชื้อสามารถถ่ายทอดจากสัตว์ไปสู่สัตว์ได้ และบางกรณีก็สามารถถ่ายทอดจากสัตว์สู่คนได้เช่นกัน ซึ่งสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV สาเหตุของโรคปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่นนั้นก็จัดเป็นน้องใหม่ในกลุ่มไวรัสนี้ โดยมีรุ่นพี่ในกลุ่มที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ เชื้อก่อโรคซาร์ส (SARS: Severe Acute Respiratory Syndrome) ติดต่อมาจากแมวชะมด (Civet cats) ที่แพร่ระบาดในปี ค.ศ. 2002 และเชื้อก่อโรคเมอร์ส (MERS: Middle East Respiratory Syndrome) หรือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ติดต่อมาจากอูฐ ซึ่งพบการระบาดเมื่อปี ค.ศ. 2012 ทั้งนี้มีนักวิจัยได้ทำการศึกษารหัสโปรตีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่พบว่ารหัสโปรตีนนั้นใกล้เคียงกับเชื้อที่อยู่ในค้างคาวมงกุฎและค้างคาวเกือกม้าในจีน “อย่างไรก็ตามแหล่งต้นเชื้อแพร่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สู่คน ยังไม่ทราบชนิด ซึ่งผลการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส nCov บ่งชี้ว่ารหัสจีโนมใกล้เคียงมากกว่า 95% กับไวรัสโคโรนาที่พบในค้างคาวเกือกม้าในเมืองยูนาน เมื่อปี ค.ศ. 2013 แต่ไวรัสดังกล่าวอาจแพร่สู่สัตว์ตัวกลางก่อนติดในคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบชนิด” ดร.อนันต์ ระบุ รศ.พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุลและวิวัฒนาการของโรคไข้หวัดนก และกลไกการเกิดของโรคไข้หวัดนก กล่าวว่า หากดูจากข้อมูลระบาดวิทยา พบว่าผู้ป่วย SARS มีอาการป่วยและเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 10 ผู้ป่วย MERS มีอาการป่วยและเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 30 สำหรับโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หากคิดจากตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตแล้วพบว่ามีไม่ถึงร้อยละ 5 ด้าน พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเรื่องผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อและอาการของโรค ว่า จากข้อมูลการติดเชื้อพบว่าผู้ที่ติดเชื้อมีทั้งเด็กอายุ 10 ปี ผู้ใหญ่อายุ 33 ปี และผู้สูงอายุที่มีอายุ 40 – 90 ปี ส่วนอาการของโรคโดยรวมแล้วเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นจะมีระยะฟักตัว 2 – 14 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีทั้งอาการ ไอแห้งๆ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จาม มีไข้สูง รวมไปถึงหายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งเป็นอาการของโรคทางเดินระบบหายใจ คล้ายคลึงกับไข้หวัด และอาจจะมีอาการท้องเสียเกิดขึ้นร่วมด้วย เชื้อสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ แต่สามารถป้องกันได้โดยให้ปฏิบัติตนตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศอย่างเคร่งครัด คือ สวมหน้ากากอนามัย หากมีอาการน่าสงสัย มีอาการไข้และอาการผิดปกติทางระบบหายใจ หลังเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง 2 – 14 วัน รีบเดินทางไปพบแพทย์ หรือสามารถโทรศัพท์สอบถามอาการได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 โดยสรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ขณะนี้ในประเทศไทยประเมินว่าการระบาดของโรคอาจจะยังมีอยู่ จึงอยากให้ประชาชนตระหนักถึงโรคนี้แต่ไม่ตระหนกจนเกินไป โดยรักษาสุขอนามัย รับประทานอาหารที่ปรุงสุก หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ก่อนทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังจากเดินทางไปในสถานที่คนพลุกพล่าน หรือใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคหากเลี่ยงไม่ได้ ติดตามข้อมูลไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้ที่เพจเฟสบุ๊ก: Virology and Cell Technology Lab – BIOTEC ขอบคุณข้อมูลจาก: - ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) - คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล เรียบเรียง : อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. | อินโฟกราฟิก : วัชราภรณ์ สนทนา และ ฉัตรทิพย์ สุริยะ 
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 6 ฉ.1 – สวทช. หนุนซ่อม ‘โพรงรัง’ หวังเพิ่มประชากรนกเงือก
สวทช. หนุนซ่อม 'โพรงรัง' หวังเพิ่มประชากรนกเงือก  เรียบเรียง: วัชราภรณ์ สนทนา ในเดือนมีนาคมถึงเมษายนของทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาที่นกเงือกเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ โดยนกเงือกเริ่มจับคู่และเสาะหาโพรงรังที่เหมาะสมเพื่อให้ตัวเมียออกไข่-ฟักไข่ ทว่าแม้ในป่าฮาลา–บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก สัตว์โบราณอย่างนกเงือกยังต้องเผชิญภาวะ ‘การขาดแคลนโพรงรัง’ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรนกเงือกลดลง “โพรงรังที่มีสภาพเหมาะสมคือปัจจัยสำคัญต่อการขยายพันธุ์ของนกเงือกตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันโพรงรังของนกเงือกเริ่มมีความขาดแคลน ปัญหาคือนกเงือกไม่สามารถเจาะโพรงสร้างรังเองได้เหมือนกับนกทั่วไปโดยต้องหาโพรงรังที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น โพรงไม้ที่เกิดจากการเจาะของนกหัวขวาน รอยแผลบนต้นไม้ที่เกิดจากหมีล้วงเอาน้ำผึ้ง หรือรอยจากการที่กิ่งไม้หักจนทำให้เกิดแผลและมีขนาดกว้างพอที่นกเงือกจะเข้าไปอยู่อาศัยได้” สุเนตร การพันธ์ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าป่าพรุ – ป่าฮาลา บาลา ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและความสำคัญของการซ่อมโพรงรัง เพื่อเอื้อต่อการเข้าอยู่อาศัยและการเพิ่มประชากรนกเงือก ด้วยป่าฮาลา-บาลา เป็นป่าดิบชื้น ต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้โตเร็วและโทรมได้ง่าย ต้นไม้บางต้นเมื่อไม้ขยายตัวก็ทำให้ปากโพรงแคบลง บางโพรงพื้นในโพรงเริ่มทรุด เมื่อโพรงรังเดิมใช้งานไม่ได้ นกเงือกต้องออกหาโพรงรังใหม่ ขณะที่นกเงือกเกิดใหม่ต้องพยายามหาโพรงรังเช่นเดียวกัน ทำให้ทุกวันนี้กว่านกเงือกจะได้โพรงรังอาจต้องต่อสู้กับนกเงือกคู่อื่น และเมื่อไม่มีโพรงรังจะเป็นข้อจำกัดต่อการขยายพันธุ์นกเงือกตามธรรมชาติ เพื่อปรับปรุงซ่อมรังเดิมให้กลับมาเป็นที่อยู่ของนกเงือก สุเนตร การพันธ์ และเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าป่าพรุ – ป่าฮาลา บาลา, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา–บาลา โครงการสำรวจและรวบรวมพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับป่า ภาคใต้ และชาวบ้านหมู่บ้านบาลา ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส จึงได้ร่วมกันจัดทำ ‘โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงโพรงรังเพื่อการสร้างโอกาสในการเพิ่มจำนวนของนกเงือกในพื้นที่ป่าบาลา’ ภายใต้การสนับสนุนของ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)    สุเนตร การพันธ์ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าป่าพรุ – ป่าฮาลา บาลา ชนันรัตน์ นวลแก้ว นักวิชาการป่าไม้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่โครงการฯ บอกว่า โครงการฯ ดำเนินงานมา 2 ปีแล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าอยู่เป็นประจำมาช่วยในการสำรวจโพรงรังนกเงือก โดยโครงการฯ ได้จัดฝึกอบรมชาวบ้านเกี่ยวกับนกเงือก วิธีการดูโพรงนกเงือก รวมถึงวิธีการซ่อมแซมโพรงรัง โดยได้รับความร่วมมือจากโครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก ซึ่งในการอบรมครั้งแรกมีชาวบ้านเข้าร่วม 20 คน จากนั้นจะสลับมาอยู่ประจำกับเจ้าหน้าที่ 5-6 คน เพื่อช่วยสำรวจและซ่อมแซมโพรงรัง ในการสำรวจเมื่อเจอโพรงจะเฝ้าสังเกตว่าเป็นโพรงที่มีนกเงือกหรือไม่ หากมีจะดูว่าเป็นนกเงือกชนิดใด และนกเงือกป้อนอาหารชนิดใดให้กับลูกเพื่อเก็บข้อมูล แต่สำหรับโพรงร้างจะปีนขึ้นไปสำรวจว่าโพรงมีปัญหาอะไร เช่น โพรงกว้างไป แคบไป หรือพื้นโพรงทรุด เพื่อเตรียมแผนในการซ่อมปรับปรุง ทั้งนี้จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านในการหาโพรงรังธรรมชาติที่เหมาะสมกับนกเงือก ทำให้สามารถพบโพรงรังมากถึง 29 โพรง จากเดิมที่สำรวจพบเพียง 9 โพรง โดยในจำนวนนี้มีโพรงที่นกเงือกทำรังจำนวน 10 โพรง แบ่งเป็นนกเงือกหัวแรด 6 โพรง นกเงือกกรามช้าง 3 โพรง และนกเงือกปากดำ 1 โพรง สุเนตร เล่าเสริมว่า สำหรับการซ่อมโพรงรังแต่ละครั้งต้องใช้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเกือบ 20 คน เพราะต้องช่วยกันขนอุปกรณ์รวมเกือบ 100 กิโลกรัม เข้าป่าเพื่อการปีนชักรอก เนื่องจากโพรงรังนกเงือกส่วนใหญ่อยู่บนต้นไม้สูง บางโพรงอยู่สูงถึง 40 เมตร ต้องชักรอกตัวเองให้ไต่ต้นไม้ขึ้นไปถึงโพรงรัง สำหรับการซ่อมโพรงรังจะยึดข้อมูลจากมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือกเป็นหลัก ว่ามาตรฐานโพรงรังของนกเงือกแต่ละชนิดต้องมีความกว้าง ความยาว ความหนาของโพรงเท่าไหร่ สมมติว่าเป็นนกเงือกตัวใหญ่ ปากโพรงอาจจะกว้าง 13 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร ถ้าโพรงไหนที่ความกว้างน้อย เราก็พยายามเจาะปากโพรงให้กว้างขึ้น แต่ถ้าโพรงกว้างเกินไปก็พยายามเอาไม้กระดานมาปิดให้เหลือ 10-13 เซนติเมตร หรือถ้าโพรงทรุดก็เทดินเสริม อันนี้คือตัวอย่าง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าโพรงรังนี้ เจ้าของเดิมเป็นนกเงือกชนิดไหน เพื่อซ่อมแซมรังให้ได้ตามมาตรฐานของนกเงือกชนิดนั้น ปัจจุบันโครงการฯ ได้ทำการซ่อมแซมโพรงรังของนกเงือกไปทั้งหมด 10 โพรงรัง และมีนกเงือกเข้าใช้ประโยชน์จากโพรงที่ซ่อมแล้ว 2 โพรง คือโพรงนกเงือกหัวแรด 1 โพรง และโพรงนกเงือกปากดำ 1 โพรง ชนันรัตน์ กล่าวว่า เมื่อได้เห็นนกเงือกเข้าใช้งานในโพรงที่ช่วยกันซ่อมแซม ชาวบ้านต่างดีใจว่านกเงือกได้ใช้ประโยชน์แล้ว ถ้าโพรงที่พวกเราทยอยซ่อมไปเรื่อยๆ แล้วนกเงือกได้เข้าใช้ทำรัง ก็หวังว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนประชากรนกเงือกในพื้นที่ป่าฮาลาบาลาได้เพิ่มขึ้น ในอนาคตจะมีการเก็บข้อมูลการป้อนอาหารของนกเงือกในฤดูทำรัง การให้ผลผลิตของพืชอาหารที่มีฤดูกาลเปลี่ยนไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ในพื้นที่ การเก็บข้อมูลชีววิทยาของนกเงือก และข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่จะเป็นตัวชี้วัดข้อมูลของนกเงือกและพื้นที่ป่าบาลาเองได้ด้วย เป็นประโยชน์ในการจัดการพื้นที่ต่อไป อย่างไรก็ดี โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงโพรงรังเพื่อการสร้างโอกาสในการเพิ่มจำนวนของนกเงือกในพื้นที่ป่าบาลา ไม่เพียงช่วยอนุรักษ์นกเงือก สัตว์ผู้มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศป่าอย่างมาก ในฐานะ “ผู้ปลูกป่า” แห่งฮาลา-บาลา แต่การมีโครงการฯ ให้ชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์นกเงือก ทำให้ชาวบ้านมีความรู้และมีความชำนาญในการซ่อมแซมปรับปรุงโพรงรังเพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงโพรงรังเป็นประจำทุกเดือน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกมีส่วนร่วมในการช่วยเพิ่มโอกาสการขยายพันธุ์ของประชากรนกเงือก และยังรู้สึกหวงแหนและอยากดูแลให้นกเงือกยังคงอยู่ในพื้นที่ป่าบาลาต่อไป
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.11 – ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. ขอเชิญเจ้าของธุรกิจสมัครเข้าร่วมโครงการ Startup Voucher ปีที่ 5 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ขอเชิญเจ้าของธุรกิจ และผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สมัครเข้าร่วม “โครงการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรม (Startup Voucher) ประจำปี 2563” ซึ่งดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเร่งสร้างสตาร์ทอัพ พร้อมการสนับสนุนเงินทุนสูงสุด 800,000 บาท และโอกาสในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เร่งเพิ่มรายได้ และขยายธุรกิจให้เติบโต เพียงคุณมีสินค้าหรือบริการที่ใช่ มีแผนการตลาดที่ชัด โอกาสในการเปิดตลาด และสร้างรายได้อย่างก้าวกระโดด ด่วน! ทุนมีจำนวนจำกัด รับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ - 29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ https://bit.ly/2RxrzTl สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2564 7000 ต่อ 81498, 5544, 81486 หรือคลิก http://www.nstda.or.th/th/news/12965-startup-voucher-2020 สวทช. ขอเชิญผู้ประกอบการ ร่วมศึกษาดูงานเทคโนโลยีเกษตรที่ญี่ปุ่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ศูนย์วิจัยและพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ขอเชิญผู้ประกอบการ SME ในภาคการผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรและอาหาร และผู้ที่สนใจการค้าและการลงทุน เข้าร่วมกิจกรรม ศึกษาดูงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตร พร้อมเข้าชมงาน BIOFACH JAPAN PAVILION in Foodex Japan 2020 ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหาร และมาตรฐานการผลิตที่เป็นสากล เพื่อทราบถึงแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยี และหารือความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน เพิ่มช่องทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 8 - 13 มีนาคม 2563 ค่าใช้จ่ายต่อท่าน 70,500 บาท ด่วน! รับสมัครเพียง 20 ท่าน ภายใน 14 กุมภาพันธ์ 2563 สำรองที่นั่งได้ที่อีเมล panita@nstda.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 093 956 1556   กิจกรรมค่ายบูรณาการโครงงานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ โรงเรียนมะอาหัดอิสลามมียะห์ บาลอ และโรงเรียนประทีปวิทยา10-12 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ Inspired a Creating Science Instruction Materials for Primary and Secondary School Level under Thailand Children’s University13-14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมค่ายหนึ่งวัน สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนวิทยานุกูลนารี จ.เพชรบูรณ์14 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมค่ายบูรณาการโครงงานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนตาร์เบียตุลวาตันมูลนิธิ โรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา และโรงเรียนดำรงวิทยา17-19 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมฝึกทักษะทางวิศวกรรมเพื่อการพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์ ประจำปี 2562 หัวข้อ “3D modelling design and 3D Printer” สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี18 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี20 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมค่ายบูรณาการโครงงานวิทยาศาสตร์มืออาชีพ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี21 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี กิจกรรมค่ายบูรณาการโครงงานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ครั้งที่ 3 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์ โรงเรียนสุทธิศาสน์วิทยา และโรงเรียนคัมภีร์วิทยา24-26 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จ.ปทุมธานี เปิดระบบรับสมัครทุนโครงการทุนสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (TGIST) แบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2563 สามารถศึกษารายละเอียดคู่มือการสมัครทุนออนไลน์ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันปิดรับสมัคร และสมัครขอรับทุนในวันที่กำหนดได้ที่ www.nstda.or.th/tgist
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.11 – นักวิจัย สวทช. เจ๋ง รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ปี 2563 งาน “วันนักประดิษฐ์”
นักวิจัย สวทช. เจ๋ง รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ปี 2563 งาน “วันนักประดิษฐ์” 2 กุมภาพันธ์ 2563 นักวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้ารับรางวัลการวิจัยแห่งชาติในงาน “วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2563” จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อระลึกถึงวันประวัติศาสตร์ของการจดทะบียนและทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนเข้าแบบทุ่นลอย” หรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของไทย และเป็นครั้งแรกของโลก รวมทั้งทรงเป็นแบบอย่างที่ดีกับนักประดิษฐ์ไทยในการสร้างสรรค์ผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยมี รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวง อว. เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแห่งชาติ (สวทช.) และ ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. เข้าร่วมแสดงความยินดี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/13010-20200202
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.11 – เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป เป็นเจ้าภาพหารือโต๊ะกลมร่วมกับ รมว.อว. และผู้บริหาร สวทช. ในการสร้างและขยายความร่วมมือในเศรษฐกิจแนวใหม่ BCG
เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป เป็นเจ้าภาพหารือโต๊ะกลมร่วมกับ รมว.อว. และผู้บริหาร สวทช. ในการสร้างและขยายความร่วมมือในเศรษฐกิจแนวใหม่ BCG 31 มกราคม 2563 กรุงเทพฯ ประเทศไทย - Mr. Pirkka Tapiola เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย พร้อมเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป และคณะผู้แทนทางการค้าจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เป็นเจ้าภาพจัดการหารือโต๊ะกลมเพื่อเปิดโอกาสในการสร้างและขยายความร่วมมือร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในเรื่อง BCG Model: การพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) สำหรับประเทศไทย นำโดยผู้แทนฝ่ายไทยคือ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้บริหารจาก สวทช. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/13008-20200131-bcg-model
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.11 – สวทช. จัดสัมมนา Future Food Tech เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการอาหาร เติบโตอย่างก้าวกระโดด
สวทช. จัดสัมมนา Future Food Tech เสริมสร้างศักยภาพ ผู้ประกอบการอาหาร เติบโตอย่างก้าวกระโดด ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) จัดสัมมนา "โครงการเร่งการเติมโตของผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม (Food Accelerate)" ภายใต้หัวข้อ Future Food Tech เพื่อเร่งการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมอาหารที่มีมูลค่าสูง รวมถึงสร้าง platform เครือข่ายความร่วมมือและการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการตลาดและโอกาสขยายธุรกิจ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 200 คน โดยมีคุณเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเปิดงาน   งานสัมมนา Future Food Tech ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมมอบความรู้ในเรื่องการประกอบธุรกิจนวัตกรรมอาหาร ได้แก่ คุณนฤมล ทักษอุดม กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด ในหัวข้อ “การสร้างผลกำไรของธุรกิจด้วยนวัตกรรม” คุณอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ในหัข้อ “แนวโน้มอาหารในอนาคตระดับโลก และมาตรฐานอาหารสำหรับตลาดโลก” ดร. ปรเมษฐ์ ชุ่มยิ้ม ที่ปรึกษาอาวุโส เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สวทช. ในหัวข้อ “การออกแบบนวัตกรรมอาหารคุณค่าสูง รูปแบบการเปลี่ยนแปลงธุรกิจอาหาร” และ ดร.วรรณพ วิเศษสงวน รองผู้อำนวยการด้านวิจัยและเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่ออุตสาหกรรมศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (ไบโอเทค) สวทช. ในหัวข้อ “Future Food Tech อาหารกับเทคโนโลยีในอนาคต” ที่มีกรรมวิธีและการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไปจากเดิม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/13003-20200128-food-accelerate
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย