ผลการค้นหา :
ไดอารี่ สวทช. 2025
Download ไดอารี่ สวทช. 2025 Diary (33.0 MB)
Download NSTDA Timeline 2526 - 2567 Timeline (15.9 MB)
เอกสารเผยแพร่
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ! นักวิจัยพัฒนา “Eco-Pest” สารเสริมประสิทธิภาพทางการเกษตรสำหรับควบคุมกำจัดแมลงจากปาล์มน้ำมัน ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นักวิจัย สวทช. มุ่งแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันล้นตลาด พัฒนา “Eco-Pest” สารเสริมประสิทธิภาพทางการเกษตรสำหรับควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืชจากกรดไขมันปาล์ม ออกฤทธิ์ได้ผลดีกับแมลงปากดูดจำพวกเพลี้ย ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดสารเคมีตกค้าง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมความพร้อมประเทศไทยยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันมุ่งสู่อุตสาหกรรมโอเลโอเคมีมูลค่าสูง
จากปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนานาประเทศ โดยส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตไบโอดีเซลลดลง และส่งผลให้เกิดปัญหาปาล์มน้ำมันล้นตลาด
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงมุ่งวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากปาล์มน้ำมันในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมีมูลค่าสูง หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพทางการเกษตรสำหรับควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
[caption id="attachment_61803" align="aligncenter" width="750"] ดร.ชัยยุทธ แซ่กัง นักวิจัยทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง เอ็นเทค สวทช.[/caption]
ดร.ชัยยุทธ แซ่กัง นักวิจัยทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง เอ็นเทค สวทช. กล่าวว่าจากปัญหาภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการแพร่พันธุ์และระบาดของแมลงศัตรูพืชเป็นอย่างมาก เห็นได้จากตัวเลขการแพร่พันธุ์ของเพลี้ยกระโดดปัจจุบัน ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศเพิ่มขึ้นส่งผลให้ระยะเวลานับตั้งแต่ระยะไข่-โตเต็มวัย ลดลงเหลือเพียง 12 วัน แพร่พันธุ์ได้สูงถึง 5 รุ่น (ประมาณ 1,640 ล้านตัวต่อการทำนาหนึ่งรอบ ที่อุณหภูมิ 38 oC) เมื่อเทียบกับที่อุณหภูมิ 28 oC (ใช้ระยะเวลา 16 วัน แพร่พันธุ์ได้เพียง 3 รุ่น คิดเป็น 8.8 ล้านตัวต่อการทำนาหนึ่งรอบ) เกษตรกรจึงจำเป็นต้องพึ่งการใช้/นำเข้าสารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชเพิ่มมากขึ้นทุกปี จาก 39,634 ตันของสารออกฤทธิ์ ในปี พ.ศ. 2545 เพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านตันของสารออกฤทธิ์ (คิดเป็นมูลค่ารวม 23,906 ล้านบาท) ภายในปี พ.ศ. 2566 ในส่วนนี้คิดเป็นมูลค่านำเข้าสารกำจัดแมลง 22,559 ตัน มูลค่า 5,740 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการฉีดพ่นกลุ่มสารเคมีสังเคราะห์แบบดั้งเดิมสำหรับกำจัดแมลงและศัตรูพืชมีเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่จะถึงศัตรูเป้าหมาย เนื่องจากปัญหาการยึดเกาะจึงถูกชะล้างจากฝนได้ง่าย เกิดการสะสมสารพิษตกค้างในห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรและอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยทีมวิจัยได้พัฒนา “อีโค-เพสต์” (Eco-Pest) ซึ่งเป็นสารควบคุมและกำจัดแมลงที่ผลิตจากกรดไขมันของปาล์มน้ำมัน
[caption id="attachment_61805" align="aligncenter" width="750"] ทีมวิจัยเอ็นเทค สวทช. พัฒนา “อีโค-เพสต์” (Eco-Pest) สารควบคุมและกำจัดแมลงที่ผลิตจากกรดไขมันของปาล์มน้ำมัน[/caption]
“เรานำน้ำมันปาล์มที่บริสุทธิ์มาผลิตสารเสริมประสิทธิภาพทางการเกษตรสำหรับควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ปลอดภัย โดยสารเสริมประสิทธิภาพทางการเกษตรที่พัฒนาขึ้นสามารถควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยการเคลือบอุดกั้นทางเดินหายใจ และดูดน้ำออกจากตัวแมลง ซึ่งเป็นวิธีไม่เฉพาะเจาะจงกับกระบวนการทางชีวเคมีใด ๆ ในตัวแมลง ทำให้ Eco-Pest มีข้อดี คือ ปลอดภัยสำหรับสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย และสามารถใช้ในการจัดการแมลงที่ดื้อต่อสารเคมีแบบดั้งเดิมได้ โดย Eco-Pest สามารถควบคุมและกำจัดแมลงปากดูดได้เทียบเท่ากับสารเคมีประเภทปิโตรเลียมออยล์หรือไวต์ออยล์ (White oil) ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน ภายใต้สภาวะโรงเรือนแปลงทดลอง โดยที่ Eco-pest ออกฤทธิ์กำจัดแมลงประเภทปากดูดได้มากกว่า 97% ภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง อีกทั้งมีจุดเด่นเหนือกว่าปิโตรเลียมออยล์คือไม่ต้องผสมสารเคมีอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่เติมน้ำแล้วก็ฉีดพ่นได้เลย แต่หากเป็นปิโตรเลียมออยล์ จะต้องเติมอิมัลซิไฟเออร์ลงไปด้วย”
[caption id="attachment_61806" align="aligncenter" width="750"] รูปเปรียบเทียบการเปียกตัว (a) น้ำบนเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู (b) Eco-Pest บนเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู (c) Eco-Pest บนเพลี้ยอ่อนถั่วดำ[/caption]
จุดเด่นของ Eco-Pest คือใช้กำจัดแมลงและควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูพืชประเภทปากดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยกระโดด เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น และแมลงหวี่ขาว (ซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชที่พบมากบนพืชผลเศรษฐกิจ เช่น ทุเรียน มะม่วง รวมถึงกล้วยไม้) ออกฤทธิ์กำจัดเพลี้ยแป้งมันได้สูงถึง 92% ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าสารเคมีกลุ่มไวต์ออยล์ที่กำจัดได้เพียง 35% โดย Eco-Pest ไม่มีความเป็นพิษต่อพืช (Phytotoxicity) ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ทั้งยังช่วยลดการนำเข้าสารเคมีและปิโตรเลียมออยล์ เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นเนื่องจากใช้วัตถุดิบจากพืชที่ปลูกในประเทศ และช่วยยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของประเทศ
[caption id="attachment_61807" align="aligncenter" width="750"] การวิจัยและพัฒนาปาล์มน้ำมันเป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืชเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและยังส่งผลดีต่อภาคการเกษตรของประเทศ[/caption]
ดร.ชัยยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าตอนนี้ผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับห้องปฏิบัติการ แต่การขยายขนาดการผลิตไปสู่ระดับเชิงพาณิชย์คาดว่าจะทำให้ต้นทุนลดลงอย่างมากและแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดได้ ซึ่งทีมวิจัยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต Eco-Pest ให้แก่ภาคเอกชน รวมถึงกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ร่วมวิจัยเพื่อพัฒนาสูตรใหม่ ๆ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมี อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Eco-Pest เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยเกษตรลดการพึ่งพาสารเคมีที่เป็นพิษ และลดการนำเข้าปิโตรเลียมออยล์ มีความปลอดภัยสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผลิตจากสารธรรมชาติและไม่ก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอน Eco-Pest จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการควบคุมแมลงในระบบการเกษตรที่มุ่งเน้นความปลอดภัยและยั่งยืน ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตทางการเกษตรของประเทศและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทยในตลาดโลกได้อย่างสอดคล้องกับการพัฒนาตามแนวทางของโดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG economy model)
[caption id="attachment_61804" align="aligncenter" width="750"] ดร.ชัยยุทธ แซ่กัง และ ดร.สมศักดิ์ สุภสิทธิ์มงคล พร้อมด้วยทีมวิจัยผู้พัฒนานวัตกรรม Eco-Pest ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช.[/caption]
นวัตกรรม Eco-Pest เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาโดย ดร.ชัยยุทธ แซ่กัง และทีมวิจัย (ดร.สมศักดิ์ สุภสิทธิ์มงคล ดร.สุภาพร วันสม กนกวรรณ ใหม่แก้ว กิติยาลักษณ์ ป้องโรคา พัลลภา บ่อกลม) ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ร่วมกับ ผศ.ดร. ประกาย ราชณุวงษ์ (ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
ผู้สนใจรับถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือร่วมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ สามารถติดต่อได้ที่ ดร.ชัยยุทธ แซ่กัง เอ็นเทค สวทช. โทร. 0 2564 6500 ต่อ 4714 หรืออีเมล chaiyuth.sae@entec.or.th
เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์คโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่, วัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
ภาพประกอบโดย สมชัย เมาไพร และเอ็นเทค สวทช.
BCG
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
หมดกังวลเรื่องสไลด์! ใช้ Presentations.AI สร้างพรีเซนต์แบบมืออาชีพ
Presentations.AI เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้สร้างพรีเซนเทชันที่ดูเป็นมืออาชีพได้ง่ายและรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างสไลด์คุณภาพสูงโดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการออกแบบ จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการจัดรูปแบบสไลด์อัตโนมัติ ปรับแต่งได้ตามสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการ และรองรับการแชร์และทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังสามารถติดตามผลการพรีเซนต์ได้ เพื่อดูว่าสไลด์ใดได้รับความสนใจมากที่สุด ซึ่งช่วยในการปรับปรุงพรีเซนเทชันในอนาคต
(more…)
คลังความรู้
นานาสาระน่ารู้
“ไทยสุข” แอปฯ คู่ใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยให้มี “สุขภาพดี”
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) ได้กลายเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของประชากรทั่วโลก โรคเหล่านี้มักเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและวิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่มักต้องทำงานเร่งรีบและแข่งกับเวลา ตัวอย่างโรค NCDs เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไต ซึ่งล้วนเป็นภัยสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่าโรค NCDs จะเป็นภัยที่น่ากลัว แต่เรายังสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “ไทยสุข (ThaiSook)” เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดความเสี่ยงการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ด้วยกิจกรรมการแข่งขันแบบออนไลน์ และระบบการโค้ชแบบไฮบริด ทำให้ผู้ใช้สามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น
“ไทยสุข” ช่วยให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสนุก
เราจะเห็นได้ว่าโรค NCDs แทบทุกโรค ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการกินยา และต้องรักษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต อีกทั้งบางโรคยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก เช่น ผู้ป่วยโรคไตที่ต้องฟอกไตมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยถึง 200,000 บาทต่อคนต่อปี อย่างไรก็ตาม สาเหตุของโรคเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และการรักษาให้หายขาดก็ยังมีความเป็นไปได้จากการค้นหาพฤติกรรมต้นเหตุ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้น แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคเหล่านี้ตั้งแต่แรก ซึ่งหลายคนมักล้มเหลวในการดูแลสุขภาพเพราะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก น่าเบื่อ และขาดแรงจูงใจ แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อใช้แอปพลิเคชัน “ไทยสุข”
[caption id="attachment_61406" align="aligncenter" width="800"] ดร.เดโช สุรางค์ศรีรัฐ[/caption]
ดร.เดโช สุรางค์ศรีรัฐ นักวิจัยจากกลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช. และทีมวิจัยได้พัฒนาและออกแบบแอปพลิเคชัน ‘ไทยสุข’ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยมุ่งเน้นให้ความรู้ควบคู่กับการลงมือปฏิบัติ ให้ผู้ใช้สามารถติดตามและบันทึกพฤติกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน เช่น การออกกำลังกาย ปริมาณการรับประทานผักและผลไม้ ปริมาณน้ำดื่ม ระยะเวลาการนอนหลับ เป็นต้น พร้อมกับสามารถดูรายงานผลการใช้ชีวิตในแต่ละสัปดาห์ และคำแนะนำที่เหมาะสมกับเราโดยอ้างอิงจากข้อมูลสุขภาพที่เราบันทึกไว้เพื่อให้เราดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แอปฯ ยังมีระบบการแข่งขันออนไลน์ที่เพิ่มความท้าทายในการดูแลสุขภาพ ทำให้กลายเป็นเรื่องสนุก ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มต่าง ๆ ภายในแอปฯ กับเพื่อนหรือกลุ่มคนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสร้างแรงจูงใจ และสนับสนุนซึ่งกันและกันในการดูแลสุขภาพ ที่สำคัญ แอปฯ ไทยสุขยังมีระบบการโค้ชแบบไฮบริด ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ ให้คำแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ตรงจุด ติดตามความก้าวหน้า และรายงานความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายสุขภาพของเรา ทำให้ผู้ใช้เห็นพัฒนาการของตัวเอง และมีกำลังใจในการดูแลสุขภาพจนบรรลุเป้าหมายได้
ขั้นตอนง่าย ๆ เริ่มต้นใช้งานแอปฯ ไทยสุข
แอปฯ ไทยสุขได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ แม้จะไม่เคยใช้งานแอปฯ สุขภาพมาก่อนก็ตาม นอกจากนี้ แอปฯ ยังมีฟีเจอร์หลากหลายที่ช่วยให้เข้าใจสุขภาพของตัวเองได้มากขึ้น ตั้งเป้าหมายและติดตามความก้าวหน้า ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพ พร้อมอัปเดตเคล็ดลับสุขภาพดี ๆ อยู่เสมอ
ขั้นตอนแรกเริ่มจากการดาวน์โหลดแอปฯ ไทยสุขจาก App Store หรือ Google Play Store ค้นหาคำว่า ไทยสุข หรือ ThaiSook จากนั้นลงทะเบียนเข้าใช้งานแอปฯ ไทยสุข ตามด้วยกรอกข้อมูลสุขภาพของเราในแต่ละวัน เช่น อาหารที่รับประทาน การออกกำลังกาย น้ำหนัก และการนอนหลับ เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว แอปฯ จะวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับเราโดยอ้างอิงจากข้อมูลสุขภาพที่เราบันทึกไว้
สำหรับผู้ที่สวมใส่สมาร์ตวอตช์ ไทยสุขจะมีระบบเชื่อมต่อเพื่อดึงข้อมูลอัตโนมัติได้จาก iOS Health, Google Fit, Garmin Connect และยังมี “ไทยสุขวอตช์” ซึ่งเป็นสมาร์ตวอตช์ที่ทีมวิจัยออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกับแอปฯ ไทยสุขได้โดยตรงไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อให้โค้ชดึงข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ง่าย ในการพัฒนามุ่งเน้นราคาไม่แพง เพียง 1,000 บาท สามารถตรวจวัดข้อมูลสุขภาพ เช่น นับก้าวเดิน วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ข้อมูลการนอน
หากคุณกำลังมองหาแอปฯ ที่จะช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและสนุก “ไทยสุข” เป็นคำตอบที่ “ใช่” ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือเคยใช้แอปฯ ดูแลสุขภาพมาก่อน ลองดาวน์โหลดแอปฯ ไทยสุขมาใช้ แล้วคุณจะพบว่าการมีสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฯ Thaisook ได้ทั้งระบบ Android และ iOS
สำหรับหน่วยงานที่สนใจใช้แอปฯ ไทยสุขเป็นเครื่องมือช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากรในองค์กร สามารถติดต่อได้ที่ Facebook: Thaisook ไทยสุข หรือ Line ID: @thaisook
เรียบเรียงโดย ปริทัศน์ เทียนทอง ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์คโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ และวัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
BCG
ข่าว
บทความ
แกะกล่องงานวิจัย : นวัตกรรมสารตัวเติม (filler) สารเคลือบกันน้ำบรรจุภัณฑ์กระดาษ ผลิตจากเปลือกหอยแมลงภู่
📌 1) เกี่ยวกับอะไร ?
'หอยแมลงภู่’ เป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจทั้งด้านการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกสูง ถึงกระนั้น ‘เปลือกหอยแมลงภู่’ ปริมาณมหาศาลที่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ กลับกำลังเป็นปัญหาขยะที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะยังขาดแนวทางการจัดการที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าแก่การลงทุน
ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัทรี-บอนดิ้ง จำกัด ดำเนินโครงการ ‘ต้นแบบผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงแปรรูปจากเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้ง’ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ต้นแบบ คือ สารตัวเติม (filler) สำหรับเคลือบเพื่อเพิ่มคุณสมบัติกันน้ำให้แก่บรรจุภัณฑ์กระดาษชนิดผลิตจากวัสดุธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ เช่น สารจากเซลลูโลส (cellulose-based) ที่ปัจจุบันผู้ผลิตในประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยสารตัวเติมนี้ผลิตขึ้นจาก ‘สารแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3)’ ซึ่งเป็นสารประกอบของเปลือกหอยถึงร้อยละ 95
📌 2) ดีอย่างไร ?
สารตัวเติมที่นักวิจัยพัฒนาขึ้นเป็นสารจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติไม่ชอบน้ำ (hydrophobic) มีความปลอดภัยในการใช้งาน และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูง ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษกันน้ำสามารถใช้สารชนิดนี้เป็นสารตัวเติมสำหรับเคลือบกระดาษที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศได้มากกว่าร้อยละ ทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี
📌 3) ตอบโจทย์อะไร ?
การที่ผู้ประกอบการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงโดยยังคงคุณภาพของสินค้าได้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกลุ่ม EU ที่มีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
นอกจากนี้การอัปไซคลิง (upcycling) เปลือกหอยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูง ยังช่วยลดปัญหาขยะและเพิ่มศักยภาพการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประเภทนี้ให้คุ้มค่าอย่างยั่งยืน
📌 4) สถานะของเทคโนโลยี ?
พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัย : เปลี่ยน ‘เปลือกหอยแมลงภู่’ เป็น ‘สารเคลือบกระดาษ’ และ ‘สารดูดซับคราบน้ำมัน’ สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
BCG
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
ตรวจสอบความปลอดภัยในการลงชื่อเข้าใช้ Google Account
การป้องกันความปลอดภัยใน Account ของ Google คุณสามารถทำได้โดยง่ายเพื่อป้องกันตนเองก่อนการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ บทความนี้จะขอเสนอแนะสิ่งที่คุณควรทำ ดังนี้ครับ
เข้าสู่ Google Account ของคุณผ่าน Browser ที่ไว้ใจได้ โดยแนะนำให้ใช้เป็นเครื่องส่วนตัวของคุณเท่านั้น หรือจะใช้ผ่านมือถือของคุณเอง
เข้าสู่เมนู ความปลอดภัย ตรวจสอบว่า บัญชีของคุณได้รับการปกป้อง มีสัญลักษณ์สีเขียวหรือไม่
หากไม่ปรากฏ ให้ดำเนินการเปิดการเข้าถึงความปลอดภัยโดยเลือกในส่วนของ การเข้าถึง 2 ชั้น 2FA , การสร้างรหัสสำรอง , การยืนยันอีเมลกู้คืน
ส่วนสำคัญที่สุด หากคุณใช้โปรแกรมเข้าถึงแบบสองชั้น คุณสามารถเลือกใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยได้ทันที
ภาพแสดงส่วนของการเข้าถึงและตรวจสอบความปลอดภัยของ account ของคุณผ่าน google account ส่วนของความปลอดภัย
ภาพแสดงคำแนะนำตัวเลือกในการปกป้องการเข้าถึงระบบของคุณ
บทความนี้อาจไม่ได้แสดงในส่วนของการ setup หรือหน้าจอการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้ดำเนินการตาม เนื่องด้วยมีความหลากหลายของหน้าจอในแต่ละช่วงเวลาที่เกิดขึ้นของการปรับแต่งระบบจาก google จึงขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้ลองตรวจสอบและดำเนินการตามที่ google ได้แจ้งไว้ ซึ่งสามารถทำตามได้โดยง่าย และจำเป็นที่คุณต้องสนใจเพื่อปกป้องคุณจากการจารกรรมข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ง่ายดายในยุคปัจจุบัน เพราะการป้องกันตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ครับ ขอให้คุณปลอดภัยในข้อมูลและหมั่นตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอครับ
นานาสาระน่ารู้
คำแนะนำเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกดักจับข้อมูลผ่านเว็บไซต์หรือรหัสผ่าน
ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการพัฒนาด้านการจารกรรมข้อมูลอย่างหลากหลายและทันสมัยกว่าเหยื่อมากครับ โดยเฉพาะการดักจับรหัสผ่านของเหยื่อที่มีอยู่ในทุก device
วิธีป้องกันตนเองจากการถูกดับจับเว็บไซต์หรือรหัสผ่านที่ดีที่สุด มีคำแนะนำที่คุณสามารถทำตามได้ดังนี้ครับ
ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง: สร้างรหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อน โดยใช้ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ
ไม่ใช้รหัสผ่านซ้ำ: ใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละบัญชี
เปิดใช้การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA): ใช้วิธีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมนอกเหนือจากรหัสผ่าน
อัปเดตซอฟต์แวร์เสมอ: ติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดสำหรับระบบปฏิบัติการและโปรแกรมต่างๆ
ระวังฟิชชิง: ตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์และอย่าคลิกลิงก์ที่น่าสงสัย
ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย: หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย และใช้ VPN เมื่อจำเป็น
ใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน: ช่วยสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่ซับซ้อน
ระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว: อย่าเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทางออนไลน์โดยไม่จำเป็น
ตรวจสอบการเข้าสู่ระบบอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจสอบกิจกรรมบัญชีของคุณเพื่อสังเกตการเข้าถึงที่น่าสงสัย
ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์: ติดตั้งและอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์
หากคุณต้องการป้องกันตัวเองด้วย software อย่าลืมหาโปรแกรมที่น่าเชื่อถือติดตัวไว้ เช่น
โปรแกรมป้องกันไวรัส
การเลือกใช้ Browser ที่เน้นความเป็นส่วนตัวหรือโหมดส่วนตัว ที่ป้องกันการเข้าถึงหรือจารกรรมข้อมูลได้
การยกเลิกการบันทึกข้อมูลรหัสผ่านบนโปรแกรมหรือ browser ต่าง ๆ
ไม่ใช้โปรแกรมที่จำรหัสผ่านเพื่อป้องกันการจารกรรมที่คุณจะสูญเสียทุกอย่างในครั้งเดียว
สุดท้ายนี้ ความระมัดระวังส่วนตัวของคุณจะเป็นปราการแรกที่จะป้องกันตัวคุณเองได้เสมอครับ อย่าลืมใช้สติในการใช้งานออนไลน์ในทุกช่องทาง และใส่ใจข้อมูลของคุณก่อนการแชร์ข้อมูลนะครับ ป้องกันไว้ดีกว่าการแก้ไขเสมอครับ
นานาสาระน่ารู้
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D คืออะไร?
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D เป็นกระบวนการผลิตชิ้นงานหรือวัตถุโดยการเพิ่มวัสดุทีละชั้นเพื่อสร้างวัตถุที่มีรูปทรงสามมิติ โดยการพิมพ์ 3D สามารถสร้างวัตถุจากวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, โลหะ, เรซิน, และวัสดุผสมอื่น ๆ ซึ่งกระบวนการนี้มีความยืดหยุ่นและช่วยให้สามารถผลิตชิ้นงานที่ซับซ้อนหรือชิ้นส่วนเฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ
ประเภทของเทคโนโลยีการพิมพ์ 3D
Fused Deposition Modeling (FDM) เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3D ที่แพร่หลายที่สุด โดยการหลอมเส้นพลาสติก ผ่านหัวฉีดแล้วเพิ่มวัสดุทีละชั้น กระบวนการนี้เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นงานพลาสติกขนาดเล็กถึงกลาง
Stereolithography (SLA) ใช้แสงเลเซอร์ทำให้เรซินเหลวเกิดการแข็งตัวเป็นรูปทรงทีละชั้น กระบวนการนี้ช่วยสร้างชิ้นงานที่มีความละเอียดสูงและมีพื้นผิวที่เรียบเนียน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
Selective Laser Sintering (SLS) ใช้เลเซอร์ในการหลอมรวมผงวัสดุ โดยการหลอมผงวัสดุให้กลายเป็นชั้นบาง ๆ กระบวนการนี้เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ซับซ้อนและแข็งแรง
Digital Light Processing (DLP) ใช้แสงฉายผ่านเลเยอร์ของเรซินเหลว ทำให้ชั้นของเรซินแข็งตัวพร้อมกัน เทคโนโลยีนี้มีความเร็วในการพิมพ์มากกว่า SLA และให้ผลลัพธ์ที่มีความละเอียดสูง
Multi-Jet Fusion (MJF) ใช้การฉีดน้ำหมึกผสมกับผงพลาสติกและใช้ความร้อนในการหลอมวัสดุ กระบวนการนี้เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นงานที่ต้องการความทนทานและการผลิตชิ้นงานปริมาณมาก
สรุป
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D เป็นการปลี่ยนแปลงวงการการผลิตและการออกแบบ เนื่องจากสามารถสร้างวัตถุที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม
นานาสาระน่ารู้
การป้องกันการโจมตี DDoS
การโจมตี DDoS คือการที่แฮกเกอร์ใช้เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุม เพื่อส่งคำขอจำนวนมากไปยังเซิร์ฟเวอร์หรือเครือข่ายของเป้าหมายพร้อมกัน ทำให้ระบบไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอจริงจากผู้ใช้ได้ การโจมตีแบบ DDoS ทำให้เว็บไซต์หรือบริการออนไลน์หยุดทำงานหรือประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก
วิธีป้องกันการโจมตี DDoS
ใช้บริการ CDN (Content Delivery Network) CDN ช่วยกระจายปริมาณการใช้งานจากหลายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ทำให้สามารถรับมือกับการเพิ่มขึ้นของการรับส่งข้อมูลอย่างฉับพลัน ที่อาจเกิดจากการโจมตี DDoS
กำหนดขีดจำกัดการเชื่อมต่อ (Rate Limiting) การตั้งค่าจำกัดจำนวนคำขอที่ระบบสามารถรับได้ในช่วงเวลาที่กำหนด จะช่วยลดโอกาสที่ระบบจะถูกโจมตีด้วยคำขอจำนวนมาก
การใช้ Firewall และระบบป้องกันเครือข่าย ช่วยกรองการรับส่งข้อมูลที่ไม่เหมาะสมออกก่อนที่จะไปถึงเซิร์ฟเวอร์
ใช้บริการป้องกัน DDoS โดยเฉพาะ เช่น Cloudflare, Akamai, AWS Shield ซึ่งจะช่วยตรวจสอบและบล็อกการโจมตี DDoS ก่อนที่จะกระทบกับเซิร์ฟเวอร์ของคุณ
การวิเคราะห์และตรวจจับการโจมตีล่วงหน้า เช่น SIEM หรือ NIDS จะช่วยตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติและดำเนินการป้องกันก่อนที่จะเกิดการโจมตีรุนแรง
การสร้างเครือข่ายที่กระจายตัว จะทำให้การโจมตี DDoS กระจายไปยังหลายเซิร์ฟเวอร์และยากต่อการทำให้ระบบล่มทั้งหมด
การเตรียมพร้อมและทดสอบแผนรับมือการโจมตีอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ทีมงานและระบบพร้อมที่จะรับมือกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
การโจมตี DDoS สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับธุรกิจและบริการออนไลน์ การป้องกันด้วยวิธีการเชิงรุกจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี นอกจากนี้ การตรวจจับการโจมตีล่วงหน้าและการเตรียมความพร้อมรับมือยังเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันระบบให้ปลอดภัยจากการโจมตี DDoS
นานาสาระน่ารู้
VPN คืออะไร และทำไมถึงควรใช้ในการรักษาความปลอดภัย
VPN (Virtual Private Network) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวและปลอดภัยผ่านเครือข่ายสาธารณะ เช่น อินเทอร์เน็ต โดยการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปมาระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ของ VPN นั้นถูกซ่อนและไม่สามารถถูกดักจับหรือถูกมองเห็นได้ง่าย
แหล่งที่มาภาพประกอบ: https://cdn.pixabay.com/photo/2019/09/11/05/48/shopping-online-4467847_1280.jpg
ทำไมถึงควรใช้ VPN ในการรักษาความปลอดภัย?
การป้องกันการดักจับข้อมูล เช่นการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะที่ไม่มีความปลอดภัย VPN จะช่วยเข้ารหัสข้อมูลทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญของคุณได้
การรักษาความเป็นส่วนตัว VPN ช่วยซ่อนหมายเลข IP จริงของผู้ใช้ และแทนที่ด้วยหมายเลข IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN ทำให้ไม่สามารถติดตามกิจกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณได้โดยง่าย
การหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม VPN จะทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณถูกซ่อนและไม่สามารถใช้เพื่อการโฆษณาหรือเก็บข้อมูลการใช้งานได้
สรุป
VPN เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการดักจับข้อมูลจากแฮกเกอร์ แต่ยังปกป้องการใช้งานจากการติดตามและการควบคุม พร้อมทั้งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นานาสาระน่ารู้
เทคโนโลยี AR และ VR การเปลี่ยนแปลงโลกเสมือนในด้านการศึกษาและความบันเทิง
เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) กำลังเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้านการศึกษาและความบันเทิง การใช้ AR และ VR ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้การเรียนรู้และความบันเทิงมีความน่าสนใจมากขึ้น
แหล่งที่มาภาพประกอบ: https://cdn.pixabay.com/photo/2021/12/04/19/01/virtual-reality-6845814_1280.jpg
การประยุกต์ใช้ AR และ VR ในการศึกษา
การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบโต้ตอบ โดยสามารถสัมผัสและโต้ตอบกับวัตถุเสมือนจริงได้ เช่น การเดินทางสู่จักรวาล หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์
การเรียนรู้ทางไกลที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าร่วมในห้องเรียนเสมือนจริง โดยไม่ต้องออกจากบ้าน
การพัฒนาทักษะการปฏิบัติ การฝึกฝนในสถานการณ์จำลอง การฝึกด้วย VR ช่วยลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานจริง
การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้เครื่องมือที่สามารถสร้างและแก้ไขวัตถุสามมิติได้อย่างง่ายดาย เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์, การสร้างโมเดลทางสถาปัตยกรรม
การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน ช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ในวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
การประยุกต์ใช้ AR และ VR ในความบันเทิง
เกมที่มีความสมจริงสูง เกม VR ช่วยให้ผู้เล่นเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่สามารถสัมผัสและมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครและวัตถุต่าง ๆ ได้ ส่วนเกม AR ผสมผสานองค์ประกอบเสมือนเข้ากับโลกจริง
ภาพยนตร์และการแสดงสดในโลกเสมือน ช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าร่วมรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากหรือสภาพแวดล้อมของภาพยนตร์ได้
การท่องเที่ยวเสมือนจริง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องไปถึงได้จริง
การจัดคอนเสิร์ตและงานอีเวนต์เสมือนจริง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมงานได้จากที่บ้านในสภาพแวดล้อมที่สมจริง
ประสบการณ์การชมกีฬาแบบ 360 องศา
สรุป
AR และ VR ได้เปลี่ยนแปลงทั้งโลกการศึกษาและความบันเทิงให้มีความล้ำหน้าและสมจริงมากขึ้น การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ทำให้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการเรียนรู้และสร้างสรรค์ความบันเทิง การผสมผสานระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนทำให้เทคโนโลยี AR และ VR กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา
นานาสาระน่ารู้
Big Data พื้นฐานและความสำคัญในโลกธุรกิจปัจจุบัน
Big Data คือชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีปริมาณมาก, ความหลากหลาย, และมีการไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ต้องใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีความซับซ้อน Big Data จึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะสามารถช่วยธุรกิจในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แม่นยำและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติหลักของ Big Data
Volume (ปริมาณ)
Variety (ความหลากหลาย)
Velocity (ความเร็ว)
Veracity (ความเชื่อถือได้)
Value (มูลค่า)
ความสำคัญของ Big Data ในธุรกิจ
การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ Big Data ช่วยให้ธุรกิจมีข้อมูลที่เพียงพอในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ตรงตามความต้องการของตลาด
การพยากรณ์แนวโน้มตลาด Big Data ช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการซื้อสินค้า การเปลี่ยนแปลงของตลาด หรือการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด
การเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถช่วยให้ธุรกิจระบุถึงปัญหาในกระบวนการต่าง ๆ และหาแนวทางในการปรับปรุงได้
การทำการตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม Big Data ช่วยในการวิเคราะห์ความชอบและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย ทำให้ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้
การตรวจจับการทุจริต Big Data สามารถช่วยตรวจจับการทุจริตหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ทันที
สรุป
Big Data เป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัล ข้อมูลจำนวนมากที่ถูกเก็บรวบรวมและวิเคราะห์อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน, เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อย่างแม่นยำ การใช้ Big Data อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
นานาสาระน่ารู้


