ผลการค้นหา :
สวทช.ร่วมกับพันธมิตร เปิดรับสมัครการแข่งขันหุ่นยนต์ไร้การบังคับอัจฉริยะRoboInnovator Challenge 2021 By Software Park Thailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย เปิดรับสมัครการแข่งขันหุ่นยนต์ไร้การบังคับอัจฉริยะ“RoboInnovator Challenge 2021 By Software Park Thailand” เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถขั้นสูงด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ ยกระดับอุตสาหกรรมไทย ไปสู่ Smart Industry และเป็นเวทีในการเฟ้นหาผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ ทั้งนี้ ขอเชิญผู้สนใจร่วมสมัครได้ตั้งแต่บันนี้ จนถึง 21 พฤษภาคม 2564 และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://northeast.roboinnovator.com/register/ หรือติดต่อสอมถามที่ Email : phuwasit@p-robotics.net หรือ โทร. 0863999962
ปฏิทินกิจกรรม
ไบโอเทค สวทช. ลงนามความร่วมมือร่วมกับ National Institute of Genetic Engineering and Biotechnology (NIGEB) ประเทศอิหร่าน
อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) พร้อมด้วย นายซัยยิด เรซ่า โนบัคตี (H.E. Mr. Seyed Reza Nobakhti) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ระหว่าง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ และ National Institute of Genetic Engineering and Biotechnology (NIGEB) ประเทศอิหร่าน โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นประธานและสักขีพยาน
นอกจากนี้ คณะจากสถานทูตอิหร่านประจำประเทศไทยยังได้เข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของไบโอเทค และหารือความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์เพื่อเป็นสารชีวภัณฑ์ การปรับแต่งจีโนมเพื่อปรับปรุงพันธุ์ไม้ดอก เทคโนโลยีการขยายพันธุ์พืชเศรษฐกิจ รวมถึงเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19
ข่าวประชาสัมพันธ์
30th Anniversary Story of NSTDA: 30 ปี สวทช. วิจัยยาต้านมาลาเรียเพื่อมนุษยชาติ
ในขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังหวาดวิตกต่อโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 โรคเก่าแก่อย่างมาลาเรียยังคงอยู่ในสถานการณ์น่าวิตก เมื่อแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 400,000 คน โดยมาลาเรียคือโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวชนิดพลาสโมเดียม (Plasmodium) ที่มียุงก้นปล่องเพศเมียเป็นพาหะ ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดต่อของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่น่ากลัวกว่านั้นคือการพบการระบาดของเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ที่ดื้อยาเพิ่มขึ้น จึงนับเป็นความท้าทายให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพัฒนายาต้านมาลาเรียชนิดใหม่เพื่อเตรียมรับมืออย่างเร่งด่วน
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมาลาเรียมากว่า 30 ปี โดยมีเสาหลักสำคัญคือ ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สวทช. ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกและทุ่มเทกับงานวิจัยพัฒนายาต้านมาลาเรียมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งประสบความสำเร็จค้นพบ ‘ยาต้านมาลาเรีย P218’ ที่มีความจำเพาะสูงต่อเชื้อมาลาเรียดื้อยา ล่าสุด ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ อดีตนักวิจัยอาวุโส ไบโอเทค สวทช. และทีมวิจัยสานต่อเดินหน้าส่งโปรตีน DHFR (Dihydrofolate reductase) ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับเชื้อมาลาเรีย ไปทำการทดลองตกผลึกโปรตีนในอวกาศ โดยผลึกโปรตีนคุณภาพดีจะเผยให้เห็นโครงสร้างโปรตีนได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้การออกแบบยาต้านโรคมาลาเรียมีประสิทธิภาพมากขึ้น
[caption id="attachment_15543" align="aligncenter" width="1920"] ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สวทช. (ภาพบรรยากาศตอนสัมภาษณ์)[/caption]
Q: ทำไมถึงสนใจศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องโรคมาลาเรีย?
ศ. ดร.ยงยุทธ: ผมมีความสนใจเรื่องมาลาเรียมาหลายสิบปีแล้ว ตอนเรียนจบกลับมาใหม่ๆ ประเทศไทยมีปัญหาการระบาดของโรคมาลาเรีย มีผู้ป่วยโรคมาลาเรียปีละหลายแสนคน มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน คิดดูว่าโควิด-19 ตายกันล้านคนเราตกใจมาก แต่สำหรับมาลาเรียตายกันปีละล้าน หลายล้าน มาหลายสิบปีแล้ว
“ถึงแม้เดี๋ยวนี้ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมากแล้ว แต่มาลาเรียก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเชื้อมีการดื้อยา และเมืองไทยก็กลายเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงว่าแพร่เชื้อมาลาเรียที่ดื้อยาไปทั่วโลก เราจึงถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องหาทางแก้ไข โดยการออกแบบยาที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
Q: ในการพัฒนายาต้านมาลาเรีย มีกระบวนการวิจัยอย่างไรบ้าง?
ศ. ดร.ยงยุทธ: ผมกับพรรคพวกร่วมกันตั้งเป็นกลุ่มในการทำวิจัยเรื่องมาลาเรียขึ้นที่มหาวิทยาลัยมหิดลมานานกว่า 30 ปีแล้ว (ก่อนจะมีการก่อตั้ง สวทช.) เราร่วมกันทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย จนได้ค้นพบข้อมูลสำคัญคือ เอนไซม์หรือโปรตีนเป้าหมายที่มีชื่อเรียกว่า DHFR ที่หากสามารถยับยั้งการทำงานได้ เชื้อมาลาเรียจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อ
การค้นพบครั้งนั้นทำให้เกิดการพัฒนายาต้านมาลาเรียที่มุ่งตรงเข้าทำลายโปรตีนตัวนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปเชื้อก็เริ่มที่จะดื้อยา เราจึงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรตีนตัวนี้ต่อ ตอนนั้นไบโอเทค สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ สหราชอาณาจักร ในการศึกษาโครงสร้างของโปรตีนตัวนี้ได้จนสำเร็จ โดยใช้วิธีการตกผลึกโปรตีนเป้าหมายแล้วนำไปเอกซเรย์จนได้เป็นภาพโครงสร้างของโปรตีนที่เกือบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ผลงานนี้ได้มีการตีพิมพ์ในปี 2546 (ค.ศ. 2003) และได้รับการอ้างอิงเป็นจำนวนมาก
[caption id="attachment_15534" align="aligncenter" width="640"] โครงสร้างของเอนไซม์หรือโปรตีน DHFR เป้าหมายในการยับยั้งโรคมาลาเรีย[/caption]
“การศึกษาโครงสร้างของโปรตีน ทำให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโปรตีนที่ทำให้เกิดการดื้อยา เราจึงนำความรู้เรื่องนี้มาเป็นเป้าหมายในการพัฒนายาร่วมกับนักวิจัยจากหลายประเทศทั่วโลก จนได้ออกมาเป็นผลงานวิจัยยาต้นแบบ P218 ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2556 (ค.ศ. 2013) และได้เข้าสู่กระบวนการทดสอบในระดับคลินิกตั้งแต่ประมาณ 3 ปีที่ผ่านมาแล้ว การทดสอบได้ผลลัพธ์ที่ดี ปัจจุบันบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้เพื่อนำไปผลิตเป็นยาออกมาในอนาคต”
Q: การพัฒนายาดูเหมือนจะประสบความสำเร็จด้วยดี ทำไมจึงยังต้องมีการทำวิจัยเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน?
ศ. ดร.ยงยุทธ: เพราะว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราค้นพบโครงสร้างของโปรตีน DHFR ที่เป็นเป้าหมายของยาได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือสัก 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ เราไม่สามารถบอกได้ว่าโปรตีนตัวนี้ซึ่งมีอยู่ 4 หน่วย หน่วยไหนจับกับหน่วยไหนอย่างไร เรายังหาส่วนที่ไปจับกันไม่พบ หรือวิธีการตกผลึกเอนไซม์บนโลกที่ทำกันอาจยังไม่ดีพอที่จะทำให้ได้โครงสร้างผลึกที่สมบูรณ์ ซึ่งในตอนนี้เราได้โอกาสที่จะตกผลึกโครงสร้างให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้ว ผมอยากให้ ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ เป็นผู้เล่าเรื่องนี้ต่อให้ฟังครับ
[caption id="attachment_15547" align="aligncenter" width="1920"] ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ อดีตนักวิจัยอาวุโส ไบโอเทค สวทช. (ภาพบรรยากาศตอนสัมภาษณ์)[/caption]
Q: เพื่อจะให้ได้มาซึ่งผลึกของโครงสร้างโปรตีน DHFR ที่สมบูรณ์ ทีมวิจัยทำอย่างไร?
ดร.ชัยรัตน์: ในปัจจุบันมีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าการตกผลึกโปรตีนในอวกาศหรือในสภาวะที่ไร้แรงโน้มถ่วงจะทำให้ได้ผลึกโปรตีนที่มีคุณภาพมากกว่าการตกผลึกบนพื้นโลก เราจึงได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และ Japan Aerospace Exploration Agency (JAXA) ในการนำส่งโปรตีน DHFR ขึ้นไปตกผลึกบนอวกาศ ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง โดยมีการส่งขึ้นไปเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเมื่อทำการตกผลึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทาง JAXA ได้นำผลึกไปฉายแสงเอกซเรย์ต่อที่ Japan Synchrotron Radiation Research Institute (JASRI) จนเมื่อเดือนกันยายนปีเดียวกัน เราจึงได้รับมอบข้อมูลการกระเจิงแสงของผลึกโปรตีน DHFR ที่ตกผลึกในอวกาศ ซึ่งจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อด้วยคอมพิวเตอร์ว่าโปรตีน DHFR มีโครงสร้างเป็นอย่างไร
“เราหวังว่า จะได้เห็นโครงสร้างโปรตีน DHFR ส่วนที่เรายังมองไม่เห็น ซึ่งการค้นพบโครงสร้างส่วนที่เหลือนั้นก็อาจทำให้ออกแบบยายับยั้งเอนไซม์ DHFR เพื่อการรักษาโรคมาลาเรียที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้”
[caption id="attachment_15540" align="aligncenter" width="1920"] ภาพการตกผลึกเอนไซม์หรือโปรตีน DHFR เป้าหมายในการยับยั้งโรคมาลาเรีย บนสถานีอวกาศ[/caption]
Q: การพัฒนายาต้านมาลาเรียที่มีประสิทธิภาพจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างไร?
ดร.ชัยรัตน์: มาลาเรียเป็นโรคเขตร้อนที่สำคัญของโลก ณ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อปีละ 200 กว่าล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400,000 คนทุกปี ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจะอยู่ในทวีปแอฟริกา
“ถ้าเราสามารถพัฒนายาที่มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อมาลาเรียได้ เราก็จะสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกมาก เพราะ ณ ตอนนี้เชื้อก็เริ่มดื้อต่อยาที่มีการใช้กันอยู่ในปัจจุบันแล้ว”
[caption id="attachment_15556" align="aligncenter" width="8000"] ภาพสถิติผู้ติดเชื้อมาลาเรียในปี 2561 ข้อมูลจาก World Malaria Report 2019[/caption]
นักวิทยาศาสตร์จึงมีหน้าที่พัฒนายาตัวใหม่เอาไว้ใช้ในอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะดื้อต่อยาที่มีอยู่แล้วทั้งหมดเมื่อไหร่ ยิ่งในสภาวะที่โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนของยุง ซึ่งเป็นพาหะของโรคมาลาเรีย การแพร่ระบาดของโรคในเขตร้อนก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม แม้ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะลดลงมากจากหลักแสนคนเหลือประมาณ 4,000 คนต่อปี แต่เราก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการแพร่เชื้อที่ดื้อยาไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และเราก็ไม่อาจทราบได้ว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่
“ส่วนที่สำคัญสุดจริงๆ คือการพัฒนายาใหม่ เพื่อต่อสู้กับเชื้อที่เกิดการดื้อยาแล้ว”
การพัฒนายาต้านมาลาเรียเป็นสิ่งที่นักวิจัยทั่วโลกยังคงให้ความสำคัญ เพราะยังคงมีผู้ป่วยโรคนี้จำนวนมากถึงหลักร้อยล้านคนต่อปี ประกอบกับยังไม่สามารถพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือกับเชื้อก่อโรคชนิดนี้ได้ หนทางในการป้องกันโรคมาลาเรียที่สามารถทำได้ในปัจจุบัน มีเพียงการรณรงค์ให้มีการลดประชากรยุงนำเชื้อ และให้ผู้คนมีการป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสมจากการถูกยุงที่มีเชื้อกัด เมื่อจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ควบคู่กับการใช้ยาต้านโรคในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากทุกคนในทุกประเทศยังคงร่วมมือในการป้องกันการระบาดของโรคอย่างเต็มที่ ในอนาคตอันใกล้เราคงได้เห็นคำว่า “Zero Malaria” ตามแคมเปญ “Zero Malaria Starts with Me” ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศขอความร่วมมือในปี 2563
หน่วยงานร่วมทำวิจัยเรื่องยาต้านมาลาเรีย
1) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
2) Medicines for Malaria Venture (MMV) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
3) มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ สหราชอาณาจักร
4) มหาวิทยาลัยมหิดล
5) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6) มหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย
7) มหาวิทยาลัยสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
8) สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
9) ศูนย์วิจัยแสงซินโครตรอนแห่งชาติ ประเทศไต้หวัน
10) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA
11) Japan Aerospace Exploration Agency (JAXA) ประเทศญี่ปุ่น
12) Japan Synchrotron Radiation Research Institute (JASRI) ประเทศญี่ปุ่น
สัมภาษณ์และเรียบเรียง: นางสาวภัทรา สัปปินันทน์ และนายปริทัศน์ เทียนทอง ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
ผลิตสื่อวิดีทัศน์: นายจิรเมศร์ พรมนิยมธนยศ, นายฐิติ สุขผล และนายกฤษติรัตน์ จันทศร ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
กราฟิก: นายกุลพงษ์ อ้นมณี ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อำนวยการผลิต: นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช., ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
บทความ
สวทช.-ม.เกษตรศาสตร์-ชุมชนบ้านดอนหวาย เปิด “ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML” แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพแห่งแรก พร้อมส่งต่อแปลงปลูกทั่วไทย
For English-version news, please visit : Community Mung Bean Seed Production Center launched in Uthai Thani
สวทช. -ทีมวิจัยถั่วเขียว KUML ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรบ้านดอนหวาย จ.อุทัยธานี ต่อยอดการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียว KUML อย่างครบวงจร จัดตั้ง “ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML บ้านดอนหวาย” แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพด้วยความรู้ เทคโนโลยีและความใส่ใจ ส่งถึงเกษตรกรทั่วไทย สร้างรายได้หลังทำนา ส่งต่อผลผลิตคุณภาพสู่อุตสาหกรรมแปรรูป
(more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
NCTC สวทช.เปิดแล็บบริการตรวจวิเคราะห์ “กัญชา-กัญชง”
หลัง กัญชาและกัญชง ถูกปลดล็อกให้สารสำคัญและบางส่วนของพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ รวมถึงอนาคตมีแนวโน้มถูกนำไปใช้ในด้านอุตสาหกรรมอาหาร
ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. หรือ NCTC ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการตรวจวิเคราะห์และเพียบพร้อมด้วยเครื่องมือทันสมัย จึงพร้อมร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มผู้เพาะปลูกภาคเกษตร ในการเปิดแล็บให้บริการตรวจวิเคราะห์กัญชาและกัญชง โดยเฉพาะการตรวจวิเคราะห์เชิงคุณภาพของสารสำคัญในกัญชาและกัญชง คือ CBD และ THC นอกจากนี้ NCTC ยังมีเครื่องมือสามารถตรวจวิเคราะห์ในด้านอื่นๆ เช่น การวิเคราะห์ทดสอบกลิ่นและรสชาติ รวมถึงการตรวจหาสารปนเปื้อน ไปจนถึงโลหะหนักที่อาจตกค้างในขั้นตอนการเพาะปลูก เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภค.
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
โรงเรียนเกษตรสมบูรณ์วิทยาคม จังหวัดชัยภูมิ สุดเจ๋ง! คว้ารางวัลชนะเลิศ KidBright AI Bot Tournament ด้วยภาษาถิ่น
ปิดฉากลงแล้วสำหรับกิจกรรม รวมพลคน KidBright” KidBright Developer Conference 2021 (KDC21) ภายใต้ธีมงาน: Data Science with KidBright ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 3 ในรูปแบบออนไลน์ โดย ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ประธานกล่าวปิดงาน ย้ำ! พร้อมเป็นหนึ่งกำลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาไทยให้เป็นเลิศด้วยนวัตกรรม และสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรม Science Toy ของประเทศ
(more…)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
เนคเทค-สวทช. จัดกิจกรรม “รวมพลคน KidBright Online” ครั้งที่ 3 พบกับการแข่งขัน KidBright AI Bot Tournament ด้วยภาษาถิ่น
(18 กุมภาพันธ์ 2564) บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.) จัดกิจกรรม “รวมพลคน KidBright online” ครั้งที่ 3 KidBright Developer Conference 2021 (KDC21) ภายใต้ธีมงาน: Data Science with KidBright โดย ศาสตราจารย์ ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในการเปิดงาน รวมพลคน KidBright และการแข่งขัน KidBright AI Bot Tournament ด้วยเสียงภาษาถิ่น สำหรับในปีนี้ มีความพิเศษกว่าสองครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ (COVID-19) ทำให้ปีนี้มีการเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเป็นแบบ Online เพื่อให้ผู้สนใจทั่วประเทศสามารถเข้าร่วมกิจกรรม
(more…)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
“Para Plearn” นวัตกรรมของเล่นจากยางพารา เสริมพัฒนาการเด็ก เล่นและเรียนรู้อย่างปลอดภัย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยเอ็มเทค สวทช. พัฒนา “Para Plearn ต้นแบบนวัตกรรมของเล่นปลอดภัยจากยางพารา” มีหลากหลายถึง 3 ผลิตภัณฑ์ คือ ยางพาราสำหรับขีดเขียนคล้ายชอล์ก ดินปั้นจากยางพารา รวมถึงยางพาราผงคล้ายสไลม์แบบผง นับเป็นแนวทางการเพิ่มมูลค่ายางพารารูปแบบใหม่ ช่วยเสริมสร้างทักษะและกระบวนการเรียนรู้เด็กอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลใจเรื่องสารเคมี
[caption id="attachment_15375" align="aligncenter" width="640"] ดร.สุรพิชญ ลอยกุลนันท์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง เอ็มเทค สวทช.[/caption]
ดร.สุรพิชญ ลอยกุลนันท์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ภายในงานแถลงข่าวสรุปผลงาน สวทช. ประจำปี 2563 ภายใต้งาน NSTDA Beyond Limits: 3 Decades of Impacts (3 ทศวรรษ แห่งความต่อเนื่อง ความสำคัญและผลกระทบ) เอ็มเทค สวทช. เปิดตัวผลงานวิจัย Para Plearn ซึ่งเป็นนวัตกรรมของเล่นปลอดภัยที่ใช้ยางพาราเป็นวัสดุหลักในการผลิต โดยมีแนวคิดมาจากความต้องการนำยางพาราซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศมาเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปสู่ผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่และมีความหลากหลายมากขึ้น
“ความเชี่ยวชาญด้านหนึ่งของเอ็มเทคคือการคิดค้นสูตรยางพารา คล้ายกับการพัฒนาสูตรอาหาร นำวัตถุดิบต่างๆ มาผสมกันเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่นเดียวกับยางพารา เรามีการทดลองปรับสภาพยางให้แข็งที่สุด หรืออ่อนที่สุด เพื่อดูความเป็นไปได้ในการนำมาใช้งาน พร้อมทั้งคิดค้นสูตรส่วนผสมต่างๆ จนเกิดเป็นนวัตกรรมที่หลากหลาย”
[caption id="attachment_15378" align="aligncenter" width="640"] Para Note[/caption]
ดร.สุรพิชญ กล่าวว่า Para Plearn ประกอบด้วยของเล่นเด็กจากยางพาราทั้งหมด 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Para Note คือการนำยางพารามาทำให้แข็ง แล้วนำมาอัดเป็นแท่ง สามารถใช้เขียนกระดานหรือพื้นผิวที่มีความขรุขระได้คล้ายกับชอล์ก โดยทั่วไปชอล์กตามท้องตลาดมักทำจากแร่ยิปซัม หรือเกลือจืด ซึ่งเป็นแคลเซียมซัลเฟต เวลาเขียนจะเลอะมือ เกิดฝุ่นได้ง่ายและเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ขณะที่ Para Note ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นนั้น เขียนได้ไม่เลอะมือ ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย และไม่เป็นอันตราย อีกทั้งยังแตกหักได้ยากกว่าชอล์กที่วางจำหน่ายทั่วไป ที่สำคัญคือสามารถลบได้สะอาดด้วยยางพาราที่มีความอ่อนตัวน้อยกว่า และขึ้นรูปเป็นลักษณะต่างๆ ได้ตามรูปแบบแม่พิมพ์”
[caption id="attachment_15373" align="aligncenter" width="640"] Para Dough[/caption]
“ผลิตภัณฑ์ที่ 2 คือ Para Dough เกิดจากการทดลองนำแผ่นยางพารามาทำให้อ่อนตัวมากที่สุด จากนั้นทดลองผสมกับน้ำมันปาล์มและแป้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ จนเกิดเป็น Para Dough หรือยางสำหรับปั้น มีลักษณะคล้ายกับดินน้ำมัน แต่ไม่มีกลิ่นและปลอดภัยกว่าดินน้ำมันทั่วไป เพราะปราศจากสารที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังสามารถคงสภาพอยู่ได้โดยไม่แห้งแข็ง ทนความร้อน-เย็นได้ ไม่ขึ้นรา และไม่มีกลิ่นแม้จะทิ้งเอาไว้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังสามารถเติมสีและกลิ่นต่างๆ ได้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดูน่าสนใจมากขึ้น
[caption id="attachment_15374" align="aligncenter" width="640"] Para Sand[/caption]
ผลิตภัณฑ์ชิ้นสุดท้ายคือ Para Sand ผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มีลักษณะเป็นผงเหมือนทรายแต่มีความหนืดไม่แตกตัว ลักษณะคล้ายสไลม์แบบผง มีรูปแบบการพัฒนาเช่นเดียวกับ Para Dough แต่มีการผสมวัตถุดิบในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน สามารถนำผงยางพารามาปั้นหรืออัดขึ้นรูปเป็นรูปทรงต่างๆ และเปลี่ยนรูปให้กลับมาเป็นผงเช่นเดิมได้ โดยนำกลับมาปั้นขึ้นรูปใหม่ได้มากกว่า 10 ครั้ง รวมทั้งเติมสีและกลิ่นต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้คือของเล่นสำหรับเสริมสร้างทักษะและพัฒนาการเรียนรู้ให้กับเด็กที่ไม่เป็นอันตรายเพราะปราศจากสารเคมีเจือปน”
ดร.สุรพิชญ กล่าวเพิ่มเติมว่า Para Plearn ถือเป็นการริเริ่มการแปรรูปยางสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เด็กไทยมีของเล่นเสริมการเรียนรู้ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เอ็มเทคสนใจและให้ความสำคัญ ยิ่งในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ของเล่นเสริมพัฒนาการที่บ้านจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นเพื่อลดการไปยังพื้นที่เสี่ยง ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับยางพารา อันจะส่งผลที่ดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราต่อไปในอนาคต
ผู้ที่สนใจรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี Para Plearn สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สวทช. โทรศัพท์ 0-2564-6500 ต่อ 4301 หรือ อีเมล:netchanp@mtec.or.th
[caption id="attachment_15376" align="aligncenter" width="640"] Para Plearn[/caption]
////////////////////
ผู้เรียบเรียง: นางสาวณัฐมน ทีฆาวงศ์, นางสาววัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
ภาพ: ทีมประชาสัมพันธ์ สวทช.
กราฟิก: นางสาวฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
บทความ
กระทรวง อว. สวทช. เปิดแล็บเทสต์มาตรฐาน ‘กัญชา-กัญชง’ ‘เพ ลา เพลิน’ จ.บุรีรัมย์ ประเดิมส่งทดสอบ ‘สารสำคัญ’ คัดเกรด-เพิ่มมูลค่า
For English-version news, please visit : NSTDA launches Cannabis Analytical Testing Laboratory
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 : กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดแถลงข่าว การลงนามการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิเคราะห์ทดสอบกัญชา เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถวิสาหกิจชุมชน ระหว่าง วิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน (วพพ.) จ.บุรีรัมย์ กับ ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. หรือ NCTC (NSTDA Characterization and Testing Center)
โดยมี นายณฏฐพล วุฒิพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. และ นางศศิการ ล้อจิโรภาส ประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพรเพลาเพลินเพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ ร่วมลงนาม ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิเคราะห์ทดสอบกัญชา ในการทดสอบหาปริมาณกลุ่มสารแคนนาบินอยด์ให้ได้มาตรฐานสากล ณ ชั้น 1 Tower-C ฮออล์ อาคาร INC 2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
นาโนเทค สวทช. พัฒนา ‘ปุ๋ยคีเลต’ เสริมธาตุอาหารพืชทางใบ
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. พัฒนาสารคีเลตจุลธาตุอาหารพืชสำหรับการฉีดพ่นทางใบ ชูจุดเด่นเพิ่มการดูดซึม เร่งการเจริญเติบโตของพืช เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมลดค่าใช้จ่ายจากการสูญเสียธาตุอาหารทางดิน ส่งต่อเอกชน เชื่อมนวัตกรรมจากแลปสู่เกษตรกร สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมกว่า 500 ล้านบาท ลดการนำเข้าปุ๋ยจุลธาตุอาหารจากต่างประเทศ
ดร.คมสันต์ สุทธิสินทอง ทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตและเวชสำอาง กลุ่มวิจัยการห่อหุ้มระดับนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยคีเลต เป็นการต่อยอดงานวิจัย “สารคีเลตจุลธาตุอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่พืช” ตอบความต้องการของเกษตรกรในด้านธาตุอาหารรองเสริมของพืชที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อกระบวนการเจริญเติบโตของพืชให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง และส่งผลต่อผลผลิตต่อไร่ที่มากขึ้น (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
โครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่ด้วยนวัตกรรม (TechBiz Starter) ประจำปี 2564
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ขอเชิญผู้ประกอบการใหม่/นักวิจัย ที่สนใจจะสร้างธุรกิจหรือขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนผู้สนใจที่มีผลิตภัณฑ์ต้นแบบและต้องการจัดตั้งธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรม สมัครเข้าร่วม “โครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่ด้วยนวัตกรรม "(TechBiz Starter)" ประจำปี 2564 เพื่อเสริมสร้างทักษะและสมรรถนะที่สำคัญของการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วยแนวคิดนวัตกรรมให้ประสบความสำเร็จ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของธุรกิจทั้งด้านการตลาด การเงิน วางแผนธุรกิจ การบริหารจัดการ และเพิ่มความเข้มแข็งแก่วิสาหกิจเริ่มต้นในช่วงก่อตั้งกิจการ (3 ปีแรก) ให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีทิศทางและสร้างโอกาสขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง
ดาวน์โหลดข้อมูลโครงการ TechBiz Starter
ดาวน์โหลดใบสมัครโครงการ TechBiz Starter
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและส่งมาที่อีเมล techbiz.starter@nstda.or.th
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC)
โทร. 095 269 5397 (คุณสกุลพัชร์) และ 081 122 2428 (คุณพลอย)
(more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. จับมือ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ นำ Digital Healthcare ยกระดับโรงพยาบาลสู่โรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital)
For English-version news, please visit : NSTDA and Thammasat University Hospital to work on digital healthcare
16 กุมภาพันธ์ 2564 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ Digital Healthcare เพื่อยกระดับโรงพยาบาลเข้าสู่ Smart Hospital"
เพื่อร่วมพัฒนา ส่งเสริม และขับเคลื่อนให้เกิดผลงานนวัตกรรมทางด้าน Smart Healthcare และ Digital Healthcare ในการเตรียมความพร้อมและปรับเปลี่ยนกระบวนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาล โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลในการเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศ (Digital Transformation) เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อพัฒนาคุณภาพบริการ ระบบบริหารจัดการและยกระดับโรงพยาบาลเข้าสู่ Smart Hospital (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์


