ผลการค้นหา :
สวทช. จัดพิธีจบการศึกษาออนไลน์ พร้อมร่วมแสดงความยินดีแก่มหาบัณฑิตโครงการ TAIST-Tokyo Tech ประจำปี 2021
(19 ส.ค. 64) โครงการทุนสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว (Tokyo Institute of Technology) และมหาวิทยาลัยไทย 4 แห่ง ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล จัดพิธีจบการศึกษาในรูปแบบออนไลน์ “TAIST – Tokyo Tech Virtual Graduation Ceremony 2021” เพื่อแสดงความยินดีแก่มหาบัณฑิตนักเรียนทุน TAIST-Tokyo Tech ประจำปี 2564 โดยมี ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และร่วมแสดงความยินดี พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความสำเร็จครั้งนี้ โดยในปีมีนักเรียนทุน TAIST-Tokyo Tech ที่จบการศึกษาทั้งสิ้น 14 คน จาก 3 หลักสูตร ได้แก่ 1.หลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์ (AE: Automotive Engineering) 2.หลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อระบบสมองกลฝังตัว (ICTES: Information and Communication Technology for Embedded Systems ) 3.หลักสูตรวิศวกรรมพลังงานและทรัพยากรเพื่อความยั่งยืน (SERE: Sustainable Energy and Resources Engineering) โดยมีนักเรียนทุน 5 คนจาก 14 คนที่ได้รับประกาศนียบัตรในหลักสูตรประกาศนียบัตรระบบขนส่งระบบรางอีกด้วย
ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Tokyo Institute of Technology ที่ได้ทุ่มเทเวลาและความรู้เพื่อทำให้โปรแกรมนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก รวมถึงพันธมิตรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย และขอขอบคุณเหล่านักวิจัยทั้ง 5 ศูนย์วิจัยแห่งชาติของ สวทช. ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ที่ได้สละเวลาอันมีค่าในการให้คำปรึกษาแก่นักเรียนทุนโครงการ TAIST-Tokyo Tech ในครั้งนี้ นอกจากนี้ ดร.ชฎามาศ กล่าวแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตโครงการ TAIST-Tokyo Tech ทั้ง 14 คน โดยขอให้มหาบัณฑิตทุกคนประสบความสำเร็จและเชื่อมั่นว่ามหาบัณฑิตเหล่านี้จะเป็นบุคลากรที่มีความสามารถและน่าเชื่อถือได้ในอนาคต
โดยพิธีจบการศึกษาในปีนี้ได้รับเกียรติจากตัวแทนหน่วยงานพันธมิตรที่เข้าร่วมและกล่าวแสดงความยินดีหลายท่าน ได้แก่ Mr. Uchida Takeshi เลขานุการเอกจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย Prof. Dr. Tetsuya Mizumoto รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษา จาก Tokyo Institute of Technology ประเทศญี่ปุ่น รองศาสตราจารย์ ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศาสตราจารย์ ดร.พฤทธา ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศาสตราจารย์ นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากคณาจารย์แต่ละหลักสูตร เป็นผู้ประกาศรายชื่อให้แก่มหาบัณฑิตที่จบการศึกษาอีกด้วย
และในช่วงท้าย นางสาวพินทุสร สุทธิพนไพศาล ตัวแทนนักศึกษารุ่นน้องจากหลักสูตร Artificial Intelligence and Internet of Things (AIoT) ได้เข้าร่วมพิธีและกล่าวคำอำลานักศึกษาปริญญาโทที่สำเร็จการศึกษาในโครงการ TAIST-Tokyo Tech ครั้งนี้
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของงานพัฒนากำลังคน
🛑(Facebook Live) พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตร การพัฒนาและส่งเสริม Wellness Hub ของประเทศไทย
ขอเชิญรับชมการถ่ายทอดสด
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเครือข่ายพันธมิตร
การพัฒนาและส่งเสริม Wellness Hub ของประเทศไทย
ผ่านระบบ Zoom Meeting
วันที่ 19 สิงหาคม 2564 เวลา 11.30 น. – 12.30 น.
ณ ห้องประชุมชั้น 1 ชั้น 9 อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
โดยรับชมผ่านทาง Facebook live กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สบส. กระทรวงสาธารณสุข และ NSTDA-สวทช.
ปฏิทินกิจกรรม
ฉีด 1 ได้ถึง 2 ต้นแบบวัคซีนป้องกันโรคระบาดในสุกร จากไวรัสนิปาห์และพีอาร์อาร์เอส
โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ (Nipah) เป็นโรคร้ายแรงที่สามารถติดได้ทั้งในสัตว์และคน ในกรณีสัตว์เศรษฐกิจอย่างสุกร หากติดเชื้อจะมีอาการไข้สมองอักเสบรุนแรงและอาจตายในเวลาอันสั้น ส่วนคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับสุกรป่วยมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสนิปาห์ ทำให้มีอาการไข้สมองอักเสบซึ่งอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ที่ผ่านมา ในปี 2541-2542 มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ครั้งรุนแรงที่สุดในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ขณะนั้นมีจำนวนผู้ป่วยสูงถึงเกือบ 300 ราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ทำให้ต้องมีการสั่งฆ่าสุกรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อมากกว่า 1.2 ล้านตัว หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของสุกรทั่วประเทศมาเลเซีย
แม้ในตอนนี้จะยังไม่พบการอุบัติซ้ำที่รุนแรง แต่หากไม่มีการเฝ้าระวังและเตรียมการป้องกันโรคไว้ล่วงหน้า เมื่อเกิดเหตุขึ้นอีกครั้งก็อาจสร้างความเสียหายได้ไม่น้อยกว่าเหตุการณ์ที่เคยเผชิญกันมาแล้ว กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วิจัยพัฒนา “วัคซีนต้นแบบสำหรับป้องกันการติดเชื้อไวรัสนิปาห์และไวรัสพีอาร์อาร์เอส (PRRS) ในสุกร” ที่คาดหวังว่าจะสามารถป้องกันโรคอันตรายได้ถึง 2 ชนิด ในวัคซีนเข็มเดียว
[caption id="attachment_24923" align="aligncenter" width="1000"] ดร.นันท์ชญา วรรณเสน[/caption]
ดร.นันท์ชญา วรรณเสน นักวิจัยจากทีมวิจัยไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี กลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. กล่าวถึงการพัฒนาวัคซีนว่า ปัจจุบันยังไม่มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ทั้งสำหรับคนและสัตว์ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ได้มีการอุบัติขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการพัฒนาวัคซีนเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้สามารถรับมือการระบาดได้อย่างทันท่วงทีและลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นแล้วทีมวิจัยจึงได้คิดค้นการพัฒนาวัคซีนต้นแบบที่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคนิปาห์รวมเข้ากับวัคซีนป้องกันโรคที่มีการฉีดอย่างแพร่หลายให้กับสุกรอยู่แล้ว คือ วัคซีนป้องกันโรค PRRS เพื่อให้ใน 1 เข็ม ที่เกษตรกรลงทุนค่าวัคซีน สามารถป้องกันโรคติดเชื้อที่เป็นอันตรายแก่สุกรได้ถึง 2 โรค
[caption id="attachment_24922" align="aligncenter" width="1000"] คณะวิจัยไบโอเทค สวทช.[/caption]
“โครงการวิจัยนี้คณะวิจัยไบโอเทคได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการตัดต่อพันธุกรรมไวรัส PRRS และได้วางแผนร่วมกับ Prof. Simon Graham และ Dr. Rebecca McLean จาก The Pirbright Institute (TPI) สหราชอาณาจักร ในการทดสอบคุณสมบัติของไวรัส PRRS ในการใช้เป็นเวกเตอร์ไวรัส (Viral vector) นำส่งโปรตีนของไวรัสนิปาห์เข้าไปในร่างกายสุกร เพื่อให้สุกรที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดนี้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคทั้ง 2
ในการทำวิจัยครั้งนี้ไบโอเทคได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก The Transnational Access Activities (TNA) : Veterinary Biocontained Facility Network (VetBioNet) มูลค่า 61,350 ปอนด์ (2,504,000 บาท) โดยเป็นการสนับสนุนการทดสอบวัคซีนในห้องปฏิบัติการวิจัย High containment laboratory ซึ่งใช้สำหรับการวิจัยและทดลองเกี่ยวกับเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคร้ายแรงและสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ที่ Animal and Plant Health Agency, UK รวมถึงให้การสนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง”
ดร.นันท์ชญา เสริมว่า ตอนนี้ทีมวิจัยได้พัฒนาวัคซีนต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการทดสอบเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดโรคทั้ง 2 ในสุกรที่ประเทศอังกฤษ คาดว่าน่าจะรู้ผลภายในปีนี้ หากผลออกมาดีก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป โดยวัคซีนชนิดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการป้องกันโรคสุกรในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการระบาด โดยเฉพาะประเทศเขตร้อนซึ่งรวมถึงประเทศไทย
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น
เสวนาออนไลน์ ” เทคโนโลยีและการออกแบบสำหรับที่พักผู้สูงอายุ” Technology and Design for Elder Home
สวทช. ขอเชิญท่านที่สนใจร่วมเสวนาออนไลน์
" เทคโนโลยีและการออกแบบสำหรับที่พักผู้สูงอายุ"
Technology and Design for Elder Home
วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 เวลา 13.30-16.00น.
โดย วิทยากร 3 ท่านได้แก่
รศ.ดร. ชุมเขต แสวงเจริญ หัวหน้าศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. ดร. กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ หัวหน้าทีมวิจัยนวัตกรรมและข้อมูลเพื่อสุขภาพ
ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ สวทช.
3. คุณสราวัล เป็นสุข ที่ปรึกษาอาวุโส (ด้านผู้สูงอายุ) Living Care, SCG Building & Living Care Consulting บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด
สนใจลงทะเบียน ที่ https://forms.gle/iQfjQUZwPi73GWtG8
ปฏิทินกิจกรรม
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 7 ฉบับที่ 5 ประจำเดือนสิงหาคม 2564
ข่าว
สวทช. ผนึกสถาบันวิจัยเทคนิครถไฟประเทศญี่ปุ่น ผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมอุตสาหกรรมด้านระบบรางของไทย
คณะจิตอาสาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา มอบอาหารและน้ำดื่ม ให้ รพ.สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ
นายกรัฐมนตรีประกาศเดินหน้าแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ภายใน 7 ปี (พ.ศ. 2564-2570)
สวทช. ประกาศผล ‘คิโบะ โรบ็อต โปรแกรมมิ่ง ชาเลนจ์ ครั้งที่ 2’ ทีมเยาวชนจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี คว้ารางวัลชนะเลิศ เป็นตัวแทนประเทศเข้าแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย
เด็กไทยเจ๋ง..!! คว้าอันดับ 1 การแข่งขันเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์อวกาศระดับเอเชีย
นาโนเทค สวทช. ส่งมอบผลงาน “ชุดตรวจ NANO COVID-19 Antigen Rapid Test” ให้กับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
สำเร็จ! นาโนเทค สวทช. พัฒนาชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 (NANO Covid-19 Antigen Rapid Test)
สวทช. ผนึกกำลัง สพฐ. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรยานยนต์และขนส่งสมัยใหม่ สอดคล้องกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพื้นที่ EEC
ไบโอเทค สวทช. ต่อยอดความสำเร็จจากสารตั้งต้นผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ เตรียมคิดค้นยาใหม่เพื่อรักษาการติดเชื้อโรคโควิดที่อาจจะดื้อยาได้
บทความ
เจาะลึก AMED Telehealth แพลตฟอร์มหลังบ้าน ‘Home Isolation’ ‘เตียงเสมือน’ แนวรับใหม่ของบุคลากรทางการแพทย์
Download เอกสารฉบับเต็ม [15.2 MB]
จดหมายข่าว สวทช.
โลโก้ โครงการ BCG
Download โลโก้ โครงการ BCG
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวทช. เปิดรับสมัครการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 24 The 24th National Software Contest: NSC 2022 (รับสมัคร 17 ส.ค. – 30 ก.ย. 64)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง (YST) ขอเชิญชวนนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ที่มีความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เข้าร่วมสมัครการแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 24The 24th National Software Contest: NSC 2022 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สามารถสมัครเข้าร่วมได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 30 กันยายน 2564
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันและลงทะเบียนผ่านระบบ “GENA” ได้ที่ https://nsc.siit.tu.ac.th/GENA/login.php พร้อมติดตามข่าวสารการแข่งขันที่ Facebook: National Software Contest - NSC Thailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line QR Code (Group name: NSC-GENA)
ปฏิทินกิจกรรม
กิจกรรม The Future of App Industry สำหรับผู้ที่ต้องการ Upskill & Reskill
มาแล้ว!! กับกิจกรรมออนไลน์ดีๆ ฟรีทุกอย่าง สำหรับผู้ที่ต้องการ Upskill & Reskill ไม่ตกเทรนด์
กับกิจกรรม The Future of App Industry ในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เวลา 9.45-12.00น. บรรยายไทยและอังกฤษจากวิทยากรมากประสบการณ์
ด่วนจำนวนจำกัด!!
สนใจลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/7K3hTBxm23fYBmfJ9
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
คุณชญานันท์ โทร.081-455-7143
งานส่งเสริมเทคโนโลยี อีเมล์ swp-tes@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
‘เชฟแคร์ส’ มอบ 4 เมนูสุขภาพ จาก4เชฟ แทนความห่วงใย บุคลากรทางการแพทย์ รพ. สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ
12 สิงหาคม 2564 ณ โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ: มูลนิธิเชฟแคร์ส นำโดย เชฟชุมพล แจ้งไพร สุดยอดเชฟอาหารไทย พร้อมด้วยคุณแมทธิว มาร์ติน และ คุณจักริน จักราฤทธิกรกูล ผู้ประสานงานมูลนิธิเชฟแคร์ส ได้มอบอาหารกล่องแช่แข็งจำนวน 200 กล่องให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ รพ.สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามฯแทนความห่วงใยจาก 4 เชฟ 4 เมนูที่เน้นคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
เชฟดีปังเคอร์ โคสลา (Chef DK) สุดยอดเชฟอาหารอินเดีย เมนูไก่ทิกก้ามาซาล่าและข้าวหุงขมิ้น โปรตีนสูง เป็นแหล่งวิตามินเอ
เชฟนิค ภวไพบูลย์ สุดยอดเชฟอาหารไทย เมนูสปาเกตตี้ซอสเขียวหวานและอกไก่ โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เป็นแหล่งของวิตามินเอ
เชฟชุมพล แจ้งไพร สุดยอดเชฟอาหารไทย เมนูแกงป่าปลาข้าวไรซ์เบอรี่และผัก เป็นแหล่งของโปรตีน ไขมันต่ำ คอเลสเตอรอลต่ำ วิตามินเอสูง
เชฟแฮง ซาเวลเบิร์ก สุดยอดเชฟอาหารฝรั่งเศส หมูครีมซอสและมีกกะโรนี โปรตีนสูง วิตามินบี 1 สูง เป็นแหล่งของวิตามินเอ
ทั้งนี้นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วยผู้แทนจากสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ และผู้แทนจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมรับมอบ
ข่าวประชาสัมพันธ์
จากใจผู้พิการถึงบุคลากรทางการแพทย์ “โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ”
เสียงจากใจผู้พิการที่เข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ซึ่งต่างส่งกำลังใจและคำขอบคุณถึงบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคน หลังได้รับการดูแลรักษาจนหายดีกลับบ้านแล้วจำนวนมาก
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
🛑(Facebook Live) เสวนา “ถอดประสบการณ์และเส้นทางในเวทีระดับโลกกับโครงการประกวดผลงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ”
ขอเชิญชวน นักเรียน ครู อาจารย์ และผู้สนใจเข้าฟังเสวนาออนไลน์
“ถอดประสบการณ์และเส้นทางในเวทีระดับโลก” โครงการประกวดผลงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ
พบกับ 14 นักวิทย์รุ่นเยาว์ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเทคนิคการพัฒนาผลงานวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม สู่เวทีระดับชาติ พร้อมเผยเทคนิคสู่ความสำเร็จในเวทีระดับโลก เรียนรู้ก่อน เติบโตก่อน เรียนรู้ไปพร้อมกัน ในเสวนาออนไลน์ “ถอดประสบการณ์และเส้นทางในเวทีระดับโลก” โครงการประกวดผลงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (The 1st National Science Technology and Innovation Fair 2021: NSTIF 2021)
วันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 – 15.30 น.
ถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook NSTDA:สวทช.
ผู้ร่วมเสวนา: นักวิทย์รุ่นเยาว์ตัวแทนประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมแข่งขันและได้รับรางวัลระดับโลกในเวทีการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับโลก Regeneron ISEF 2021 และรางวัลระดับประเทศไทยจากการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์: Young Scientist Competition - YSC)
นายณัฐกันต์ แสงนิล โรงเรียนกำเนิดวิทย์
นายภูริ วิรการินทร์ โรงเรียนกำเนิดวิทย์
นายกิจการ นำสว่างรุ่งเรือง โรงเรียนกำเนิดวิทย์
นายดวิษ บุญยกิจโณทัย โรงเรียนกำเนิดวิทย์
นายธิติ เถลิงบุญสิริ โรงเรียนกำเนิดวิทย์
นายพัฒฒ์ พฤฒิวิลัย โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
นายกฤษฏิ์ กสิกพันธุ์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
นายกรวีร์ ลีลาอดิศร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
นางสาวฟาติน มีสา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นางสาวนราทร ดวงสอดศรี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
นายกรวิชญ์ ปอยสูงเนิน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
นายกมลทรัพย์ ทรัพย์มี โรงเรียนเบญจมราชูทิศ
นายเกียรติศักดิ์ แสงอาจหาญ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย มุกดาหาร
นายศิวศิษย์ แสงนิกุล โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย มุกดาหาร
ผู้ดำเนินรายการ: คุณปริทัศน์ เทียนทอง และคุณสุนทรี กริชชัยศักดิ์
ปฏิทินกิจกรรม
เอ็มเทค- สจล. เปิดผลทดสอบ ‘Magik Growth’ นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน ‘เปลือกบาง-เนื้อหนาขึ้น’ ช่วยลดสารเคมี เพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวน
วันที่ 10 สิงหาคม 2564 : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
นำโดย ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ นักวิจัย ทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. ผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นางสาวนวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียน“สวนสไตล์ช๊าลฮิ” อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ร่วมเสวนาออนไลน์หัวข้อ “นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth เพื่อชาวสวนยุคใหม่ ลดใช้สารเคมี” ภายใต้โครงการการขยายผลนวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวนทุเรียน
ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ นักวิจัยทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. กล่าวว่า ในปี 2564 ทุเรียนเป็นพืชส่งออกอันดับ 2 รองจากยางพารา โดยการส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งตลอดเดือนมกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 58,344 ล้านบาท แต่ชาวสวนทุเรียนยังประสบปัญหาทั้งเรื่องโรคแมลงศัตรูพืชและสัตว์กัดแทะที่ทำลายทุเรียนในระยะพัฒนาผลจนเกิดความเสียหาย ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่แก้ปัญหาโดยใช้สารเคมียาฆ่าแมลงในการฉีดพ่น ซึ่งนอกจากจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ยังเกิดปัญหาสุขภาพตามมา
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยเอ็มเทค สวทช. จึงนำองค์ความรู้เรื่องวัสดุศาสตร์โดยพัฒนาสูตรผสมเม็ดพลาสติก (polymer compound) ร่วมกับเทคโนโลยีการขึ้นรูปนอนวูฟเวน เพื่อให้วัสดุนอนวูฟเวนมีสมบัติให้น้ำและอากาศผ่านเข้าออกได้โดยง่าย รวมถึงมีสมบัติการคัดเลือกช่วงแสงที่เหมาะสมกับเซลล์รับแสงที่ผิวผลไม้ โดยได้ผลิตเป็นนวัตกรรมวิจัยต้นแบบชื่อทางการค้าว่า Magik Growth หรือ นวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน ช่วยให้ทุเรียนที่ถูกห่อด้วยถุงห่อ Magik Growth สามารถสร้างสารสำคัญในผลไม้ทั้งแป้ง น้ำตาล สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ โดยได้ทดลองทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและระดับภาคสนามร่วมกับ ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในพื้นที่สวนทุเรียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน และมีการจัดเก็บข้อมูลผลวิจัยอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ถุงห่อทุเรียน Magik Growth สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ถึง 3 ฤดูกาลผลิต เป็นการช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงศัตรูพืช สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่รัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่ง นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth ตอบโจทย์ ‘ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน’ ที่สามารถนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด รวมทั้งตอบโจทย์ ‘ระบบเศรษฐกิจสีเขียว’ ที่มีการมุ่งเน้นแก้ปัญหามลพิษเพื่อลดผลกระทบต่อโลก และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับนวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth ขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่ได้รับสิทธิถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเตรียมวางตลาดและจัดจำหน่ายได้ในช่วงปลายปีนี้
ผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ทีมวิจัย สจล. ซึ่งมีส่วนในการทดสอบให้กับทีมวิจัยเอ็มเทค สวทช. ภายใต้ โครงการการขยายผลนวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวนทุเรียน ได้นำถุงห่อ Magik Growth จำนวน 4 สี (น้ำเงิน ขาว ดำ และแดง) มาทดสอบห่อทุเรียนที่สวนสไตล์ช๊าลฮิ อ.แกลง จ.ระยอง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับทุเรียนที่ไม่ได้ห่อ และทุเรียนที่ห่อด้วยถุงตาข่ายทางการเกษตรซึ่งเกษตรกรใช้อยู่เดิม เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถุงห่อ Magik Growth โดยมีการเก็บข้อมูลทั้งความชื้น อุณหภูมิตลอดช่วงการห่อ ผลจากทดสอบต่อเนื่อง 3 ฤดูกาลผลิต พบว่าถุงห่อทุเรียน Magik Growth สีแดง
ได้ผลเป็นที่น่าพอใจที่จะนำมาใช้ห่อทุเรียนแทนการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช อีกทั้งยังช่วยเพิ่มขนาดผลทุเรียนตลอดจนมีปริมาณเนื้อของทุเรียนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยข้อมูลจากการทดสอบปี 2564 น้ำหนักผลทุเรียนสดที่ไม่ห่อผล มีน้ำหนักเฉลี่ย 3.56 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับการห่อผลด้วยถุง Magik Growth น้ำหนักเฉลี่ย 4.05 กิโลกรัม ความหนาเปลือกทุเรียน พบว่าผลที่ไม่ห่อเปลือกหนา 1.36 เซนติเมตร ส่วนผลที่ห่อด้วยถุง Magik Growth เปลือกหนาเพียง 1.01 เซนติเมตร และเมื่อวัดสัดส่วนน้ำหนักเปลือก น้ำหนักเนื้อ และน้ำหนักเมล็ด จะได้น้ำหนักในพูทุเรียน เปรียบเทียบการไม่ห่อผล (control) ได้น้ำหนัก 290 กรัม กับการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ได้น้ำหนักสูงถึง 379 กรัม
“จากการเก็บข้อมูลภายในลูกทุเรียน พบว่าทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีความหนาของเปลือกบางลง 30% ทำให้ได้น้ำหนักรวมผลทุเรียน เพิ่มขึ้น 10% มีความแน่นเนื้อมากขึ้น และสีเนื้อเหลืองขึ้น และการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ไม่มีผลต่อการแก่ของผลทุเรียนบนต้น โดยผลที่ห่อมีการสะสมน้ำหนักแห้งเพิ่มขึ้น เมื่อนำมาเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องพบว่า ผลทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีการสุกช้ากว่าผลที่ไม่ได้ห่อประมาณ 2 วัน”
นางสาวนวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียนสไตล์ช๊าลฮิ อ.แกลง จ.ระยอง เปิดเผยว่า เริ่มเป็นชาวสวนทุเรียนมือใหม่จากการปลูกทุเรียนเมื่อปี 2554 และได้ผลผลิตครั้งแรกใน 5 ปีถัดมา โดยในสวนมีการปลูกทุเรียนแบบกอ (1 โคก 3 ต้น) เพื่อช่วยในเรื่องของการค้ำยันลำต้นไม่ให้ล้มง่าย ลดปริมาณการไว้ผลต่อต้นลง ทำให้ต้นไม่โทรมหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต และเน้นการตัดแต่งต้นให้มีทรงพุ่มสูงไม่เกิน 6 เมตร ทั้งนี้จากประสบการณ์ทำสวนทุเรียนเกือบ 10 ปีทำให้เห็นว่าทุเรียนเป็นพืชที่ต้องอาศัยความใส่ใจดูแลทุกขั้นตอน จึงมีความตั้งใจที่จะลดใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงจากปัญหาโรคและแมลง โดยเฉพาะทุเรียนระยะพัฒนาผล (อายุ 65-70 วัน ผลทุเรียนมีขนาดเท่าขวดน้ำอัดลมขนาด 1.5 ลิตร) ซึ่งเป็นระยะที่ผลมีการสะสมแป้งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อผลสุก (อายุ 110-120 วัน) โดยระยะพัฒนาผลนี้มักจะถูกหนอนเจาะผลทุเรียน หรือ หนอนรัง เพลี้ยแป้ง และราดำเข้าทำลาย ทำให้ผลทุเรียนเล็กแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต คุณภาพของผลทุเรียนไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค กระทั่งช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ทราบผลทดสอบการใช้นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth จากทีมนักวิจัย เอ็มเทค สวทช. และอาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ผลปรากฏว่าถุงห่อทุเรียน Magik Growth นอกจากจะช่วยตอบโจทย์การลดสารเคมี ป้องกันหนอนเจาะผลทุเรียน และเพลี้ยแป้ง ราดำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ผิวผลทุเรียนสวย ผลได้น้ำหนักดีและมีปริมาณเนื้อทุเรียนเพิ่มขึ้นด้วย
“เดิมทีเราก็ใช้ถุงตาข่ายทางการเกษตร ห่อทุเรียนเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชแทนการฉีดพ่นสารเคมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งป้องกันหนอนรังได้ แต่ก็ยังประสบปัญหาว่าไม่สามารถป้องกันเพลี้ยแป้ง กับราดำได้ ทำให้ผิวทุเรียนไม่สวย และเกิดความเสียหาย แต่เมื่อเริ่มทดลองใช้ถุงห่อทุเรียน Magik Growth มาได้ระยะหนึ่งแล้ว นอกจากจะช่วยลดต้นทุนจากสารเคมีประมาณ 6 ครั้ง ยังช่วยป้องกันเพลี้ยแป้งและราดำได้ด้วย ทำให้ทุเรียนมีผิวผลสวย ผลเจริญเติบโตได้ดี ผลผลิตมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งส่งผลถึงความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคที่ได้บริโภคทุเรียนที่ปลอดภัย ปริมาณน้ำหนักผลเพิ่มขึ้นช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นและลดการใช้สารเคมีส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสิ่งแวดล้อมในสวนดีขึ้นมาก ถือเป็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนให้กับชาวสวนทุเรียนยุคใหม่ โดยเฉพาะหากอนาคตมีปัญหาวิกฤติราคาทุเรียนจะทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้” เจ้าของสวนทุเรียนสไตล์ช๊าลฮิ กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับ ‘โมเดลเศรษฐกิจ BCG’
โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและประชาชนมีรายได้มากขึ้นด้วยการต่อยอดจุดแข็งของประเทศทั้งในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ประกอบด้วย Bioeconomy (ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ) สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากร Circular Economy (ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน) การนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และ Green Economy (ระบบเศรษฐกิจสีเขียว) ที่มุ่งเน้นแก้ปัญหามลพิษเพื่อลดผลกระทบต่อโลก โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เป็นกลไกลสำคัญที่จะเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจเดิมจาก ‘ทำมากแต่ได้น้อย’ ไปสู่ ‘ทำน้อยแต่ได้มาก’ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไทยพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
ข่าวประชาสัมพันธ์
ผลงานวิจัยเด่น


