ผลการค้นหา :

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 6 ฉบับที่ 7 ประจำเดือนตุลาคม 2563
ข่าว
สวทช. จัดค่ายสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร ระดับ ม.ปลาย เสริมทักษะคิดนอกกรอบ
สวทช. จัดเสวนาเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในยุค New Normal ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ก.กลาโหม จับมือ สวทช. วิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมความมั่นคง หนุนอุตสาหกรรม S-Curve 11
รมว.อว. ตรวจเยี่ยม สวทช. แนะสร้างฐานข้อมูล ‘เยาวชน-ผู้สูงอายุ-ชุมชน’ หนุนใช้วิทย์ฯ สร้างความเข้มแข็ง
สวทช. ผนึก จ.อุดรฯ หนุนแหล่งท่องเที่ยวไม้ดอกแห่งใหม่ ชู “ปทุมมาห้วยสำราญ” สายพันธุ์ใหม่จากงานวิจัย
นวัตกรรม ‘กิน-อยู่’ เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ
กระทรวงพลังงาน จับมือ กระทรวง อว. กำหนดทิศทางการวิจัยและพัฒนา หนุนใช้เทคโนโลยี ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
วิทย์สานศิลป์สู่พลังสร้างสรรค์ บ้านวิทย์ชวนเด็กพัฒนาสมองสองซีกซ้ายขวา พัฒนาสมดุลชีวิต
สวทช. จัดสัมมนาหนุนผู้ประกอบการอาหารไทยใช้ระบบออโตเมชันในกระบวนการผลิต
สท./สวทช. หนุน ‘เสริมแกร่งชาวนาสงขลา’ ด้วย ‘วิถีวิทย์’
สวทช. จิสด้า รับมอบข้อมูลผลึกโปรตีนอวกาศจากแจ็กซาพร้อมเดินหน้างานวิจัยยาต้านมาลาเรีย
บ้านวิทย์ สวทช. เปิดโลกการเรียนรู้นอกห้องเรียน จัดกิจกรรมภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย
เทคนิคอุดรฯ อวดโฉมสิ่งประดิษฐ์จากห้อง FabLab เพิ่มทักษะวิศวกรรม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจสู่นวัตกร
อว. ผนึก พม. ชูต้นแบบ ‘บางแคโมเดล’ ใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรม ดูแลผู้สูงอายุ
EA จับมือ อว. สวทช. พัฒนาประสิทธิภาพการผลิตแบตเตอรี่ ด้วยการใช้วัสดุเกษตร รวมถึงบุคลากร พร้อมเปิดศูนย์ทดสอบแบตฯ สุดทันสมัย
สวทช. ผนึก 4 พันธมิตรภายใต้ภาคีเครือข่าย TESTA ร่วมผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย
สวทช. แก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการ ปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียแบบไม่ใช้อากาศ และเพิ่มศักยภาพการใช้พลังงานทดแทน
สวทช. รับรางวัลอาคารราชการต้นแบบด้านการจัดการน้ำเสีย
เอ็มเทค สวทช. ร่วมมือ บางจาก วิจัยและพัฒนาระบบการจัดการของเสียจากธุรกิจโรงกลั่นด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน
สวทช. เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการแปรรูปพืชผลทางการเกษตร ด้วยระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบเรือนกระจก
สวทช. ประกาศผลผู้ชนะเลิศการประกวด Software Park - WealthMagik เงินออมสร้างชาติ Awards Season 5
นายกฯ เยี่ยมชมผลงานวิจัย “การพัฒนาต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้า โครงการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าจากรถโดยสารประจำทางใช้แล้วของ ขสมก. (City transit E-buses)”
บทความ
วิจัย ‘พันธุ์ไม้ป่าชายเลน’ เสี่ยงสูญพันธุ์
Download เอกสารฉบับเต็ม [19.1 MB]
จดหมายข่าว สวทช.

อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จัดกิจกรรม “Easy Startup ฉบับขนมหวาน” ดึงนวัตกรรมไทย ปั้นผู้ประกอบการสายขนม สู่เมนูสร้างอาชีพ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ SMS Corporation CO.,Ltd. จัดสัมมนาในหัวข้อ “Easy Startup ฉบับขนมหวาน” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ณ อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจเริ่มต้นประกอบธุรกิจเกี่ยวกับขนม ทั้งทางด้านของวัตถุดิบหลักได้แก่ แป้งรวมถึงด้านการตลาด และการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยมี นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เป็นประธาน โดยภายในงานมีภาคเอกชน ผู้ประกอบการ startup และหน่วยงานที่เป็นสมาชิกประชาคมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เข้าร่วมกว่า 70 ราย
นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งระบบเศรษฐกิจ หรือโรคอุบัติใหม่ เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลในหลาย ๆ ด้าน ปัญหาหนึ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญคือ มีประชากรจำนวนมากที่ยังตกงาน โดยเฉพาะนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ ซึ่งในตลาดงานนั้นมีอัตราการจ้างงานที่น้อยมาก ทำให้เกิดการแข่งขันสูงตามมา สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมของการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ครบวงจร เป็นสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจที่ใช้ความรู้เป็นองค์ประกอบ สามารถกำเนิด เติบโต และเจริญรุ่งเรืองได้อย่างยั่งยืน จึงมองเห็นหนทางที่จะช่วยเหลือโดยไม่ต้องพึ่งตลาดงานเพียงอย่างเดียว นั้นคือการเป็นผู้ประกอบการที่มีความสามารถและมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้ ซึ่งจากการได้พูดคุยกับนักวิจัยพบว่ามี 75% ของสินค้าที่ออกสู่ตลาดแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นนอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ มีสูตรลับเป็นของตนเองอาจไม่เพียงพอ ผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ในเรื่องของกลยุทธ์ การตลาด และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์โดนใจผู้บริโภคด้วย จึงเป็นที่มาของกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้
โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณลัดดาวัลย์ แสนดี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด SMS Corporation CO.,Ltd. เป็นวิทยากรในการให้ความรู้ทางด้านการตลาด ทั้งในเรื่องของการศึกษากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีการให้ความรู้ในเรื่องของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยคุณนันทนัช เจียรมณีทวีสิน Business Development จาก Image Quality Lab Co.,Ltd. ที่มาให้ความรู้เรื่อง เทรนด์ของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยม รวมถึง เทรนด์ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในปี 2564 เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค จนกลายเป็นผู้ประกอบการที่มีพร้อมทั้ง สินค้า สูตรลับ และกลยุทธ์ทางการตลาดและบรรจุภัณฑ์ ช่วยให้เกิดการสร้างรายได้ และสร้างตลาดของตนเองได้ในประเทศ นอกจากนี้ในตอนท้ายยังมีกิจกรรม workshop เคล็ดไม่ลับสูตรไข่มุก DIY และ ไดฟุกุ DIY จากคุณอาภากร แซ่เอี้ย และคุณศรัญญา วิจิตรบุญชูวงศ์ ซึ่งเป็น Food Innovation Researcher SMS Corporation CO.,Ltd. ที่ให้ผู้ประกอบการได้ทดลองทำไข่มุกสำหรับใส่เครื่องดื่ม รวมถึงการทำขนมไดฟุกุด้วยตนเองจากแป้งที่เป็นสูตรลับพิเศษของทางบริษัท สยาม มอดิฟายด์ สตาร์ช จำกัด ที่ได้มีการนำมาเปิดเผยในงานครั้งนี้อีกด้วย
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. อว. เจ๋งรับรางวัล Science Communicator Award for Organization หน่วยงานที่มีผลงานเด่นด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์อย่างสม่ำเสมอ
(21 ตุลาคม 2563) : ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับมอบรางวัลประเภทองค์กรสื่อสารวิทยาศาสตร์ Science Communicator Award for Organization ที่มีการสื่อสารวิทยาศาสตร์อย่างสม่ำเสมอ และมีผลงานเด่นด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์ จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนและสร้างผลกระทบที่ดีสู่สังคม ซึ่ง สวทช. มุ่งปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบการสื่อสารด้านวิทยาศาสตร์ให้เท่าทันเทคโนโลยีใหม่ ๆ สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ ด้วยทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน พร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานวิจัยและให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องจากทั้งในและต่างประเทศสู่สังคม อาทิ ผลิต Infographic podcast รวมถึงเกม XVolution ที่สอดแทรกการเรียนรู้และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต นิตยสารออนไลน์ หนังสือ และเอกสารเผยแพร่ต่าง ๆ เป็นต้น จากรองศาสตราจารย์ ดร.พลังพล คงเสรี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย คุณกลอยตา ณ ถลาง รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความ ยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่ Rising Star Science Communicator Award และ Science Communicator Award รางวัลละ 10,000 บาท
โดยรางวัลองค์กรสื่อสารวิทยาศาสตร์ Science Communicator Award for Organization ยังมีอีก 2 หน่วยงานที่ได้รับ ได้แก่ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ( NARIT) และ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)
นอกจากนี้ยังมีบุคลากร สวทช. อีกจำนวน 2 ท่าน ได้แก่ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ได้รับรางวัลประเภทนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ Science Communicator Award ที่มอบให้กับบุคคลที่มีผลงานการสื่อสารวิทยาศาสตร์ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ สร้างสรรค์ และมีคุณธรรมจริยธรรม
และ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2563 ซึ่งมอบให้ศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือวิชาชีพ และทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ มีคุณงามความดีเป็นที่ยอมรับในสังคม
ข่าวประชาสัมพันธ์

ดีเอสไอ จับมือ สวทช. อว. ร่วมวิจัยและพัฒนาเพิ่มศักยภาพสอบสวนคดีพิเศษ-งานความมั่นคง
For English-version news, please visit : NSTDA and the Department of Special Investigation establish collaboration to promote R&D for national security
(20 ตุลาคม2563): กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จัดพิธีลงนาม “ความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี”
โดยมี พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนาม เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษและงานความมั่นคง ณ ห้องประชุม SD-601 ชั้น 6 อาคารสราญวิทย์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า อาชญากรรมพิเศษ เป็นคดีที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลากหลายแขนง มาช่วยสนับสนุนในการดำเนินการป้องกันและปราบปราม กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ กับ สวทช. เพื่อร่วมกันยกระดับความร่วมมือที่มีอยู่ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดการประสานพลัง ทางวิชาการจากศาสตร์แขนงต่างๆ ในการพัฒนาองค์ความรู้ เครื่องมืออุปกรณ์ และระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพสูง เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดเป็นนวัตกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจสืบสวนสอบสวน รวมทั้งสามารถขยายเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อรองรับกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ช่วยในการนำความยุติธรรมและความสงบสุขให้สังคมไทยต่อไป
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีครั้งนี้ สวทช. โดย ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (National Security and Dual-Use Technology Center: NSD) ร่วมมือสนับสนุนการวิจัยและพัฒนากับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2563 – 2566) เพื่อการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือสำหรับการสืบสวน สอบสวน และการพิสูจน์หลักฐาน ในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของการปฏิบัติงานสืบสวน สอบสวนคดีพิเศษ และงานด้านความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งดำเนินพันธกิจในการสร้างเครือข่ายด้านความมั่นคงของประเทศ
โดยศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศฯ สวทช. ได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายและสนับสนุนความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาในส่วนของวิชาการ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งในส่วนของการเป็นที่ปรึกษา แลกเปลี่ยนความรู้ บุคลากร ตลอดจนการสัมมนาวิชาการและประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีสนับสนุนการสืบสวน สอบสวนคดีพิเศษในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้องค์ความรู้ด้านการพิสูจน์หลักฐาน สำหรับตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำและเกิดประโยชน์และความยุติธรรมต่อสังคมต่อไป
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. เปิดอบรม “เทคโนโลยีการผลิตเมล่อนอย่างมืออาชีพ” สร้างต้นแบบ Smart Farmer สู่ภาคการเกษตร
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ขอเชิญเกษตรกรและผู้สนใจภาคการเกษตร เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคโนโลยีการผลิตเมล่อนอย่างมืออาชีพ” เพื่อพัฒนาเกษตรกรไทยและผู้สนใจ ให้เป็น สมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Smart Farmer) ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพตลอดห่วงโซ่การผลิตทางการเกษตร โดยเน้นการนำภูมิปัญญาและวิธีการปฏิบัติที่ดีมาผนวกรวมกับเทคโนโลยี เกิดเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ต้นแบบ สร้างเครือข่าย เกิดแหล่งเรียนรู้และพัฒนาเกษตรกรรายอื่นต่อไป โดยกำหนดจัดอบรมในวันที่ 5 – 6 พฤศจิกายน 2563 เวลา 09.00 – 16.30 น. ณ ห้องบรรยาย 1 อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ด่วน! รับจำนวนเพียง 40 ท่านเท่านั้น สมัครได้ที่ https://bit.ly/31nt0Z3 (ค่าสมัคร 1500 บาทต่อท่าน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี สท. โทรศัพท์ 02 564 7000 ต่อ 1742 หรือ 084 409 0336 (สุวิมล) 096 187 5154 (กนกพร)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จัดสัมมนาเตรียมความพร้อมภาคธุรกิจและเอกชน ก้าวทัน 5G และ IoT สู่ความสำเร็จทางธุรกิจ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดสัมมนาในหัวข้อ “ก้าวทัน 5G และ IoT สู่ความสำเร็จทางธุรกิจ” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ณ อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G และ Internet of things กับกลุ่มอุตสาหกรรม บริษัทภาคเอกชน เป็นการช่วยเหลือและสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้กับภาคเอกชนต่อไปในอนาคต โดยมี น.สพ.สนัด วงศ์ทวีทอง รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เป็นประธาน และมี คุณณฤต ดวงเครือรติโชติ Head of IoT dtac ซึ่งมีความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยี IoT สำหรับธุรกิจกว่า 5 ปี ในหลากหลายอุตสาหกรรม เป็นวิทยากร ซึ่งมีภาคเอกชนและหน่วยงานที่เป็นสมาชิกประชาคมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เข้าร่วมการสัมมานากว่า 52 ราย และรับชมออนไลน์ผ่านทาง Live Facebook 36 ราย
น.สพ.สนัด วงศ์ทวีทอง รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เป็นสถานที่ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจที่ใช้ความรู้เป็นองค์ประกอบ สามารถกำเนิด เติบโต และเจริญรุ่งเรืองได้อย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาทางอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เป็นศูนย์รวมของการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ครบวงจร เป็นแหล่งพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ มีความร่วมมือแบบไตรภาคี ระหว่างสถาบันการศึกษา ภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรม มีพันธกิจในการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการนำเทคโนโลยีไปใช้เชิงพาณิชย์ รวมถึงกระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรมผ่านการทำวิจัยและพัฒนาโดยภาคเอกชน ปัจจุบันอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยมีบริษัทหรือหน่วยงานที่เป็นสมาชิกประชาคมกว่า 110 บริษัท ฉะนั้นทางอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยมีกลไกที่จะสามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งงานนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่จะเชื่อมโยงผู้ประกอบการ เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G และ Internet of things ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้สำเร็จในยุค New Normal ได้เป็นอย่างดี
ในงานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณณฤต ดวงเครือรติโชติ Head of IoT dtac เป็นวิทยากร ซึ่งมีความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยี IoT สำหรับธุรกิจกว่า 5 ปี ในหลากหลายอุตสาหกรรม และมีประสบการณ์ในธุรกิจโทรคมนาคมที่ยาวนานกว่า 20 ปี มาให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อพัฒนาศักยภาพและวางแผนระยะยาวสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจและอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีการแนะนำ dtac business IoT Platform ซึ่งเป็นตัวช่วยสำหรับผู้เริ่มต้นพัฒนาอุปกรณ์ IoT โดย คุณภควัตร สาระกิจ ซึ่งเป็น IoT Specialist Manager จาก dtac นอกจากนี้ยังเปิดเวทีเสวนาโดยมีตัวแทนจากบริษัท Nova Green Power System Co.,Ltd. และ VST ECS (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้นำเอาระบบ IoT มาประยุกต์ใช้ ขึ้นร่วมเวทีเสวนาเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้งานในธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งผู้เข้าร่วมเสวนายังสามารถทดลองใช้งาน dtac business IoT platform ได้ฟรีเป็นเวลา 3 เดือน โดยการลงทะเบียนภายในงานได้อีกด้วย
ข่าวประชาสัมพันธ์

นักวิจัยไบโอเทค สวทช. พัฒนาออร์แกนอยด์ หรือ อวัยวะจำลองมดลูกและรก เพื่อศึกษาวิธียับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสซิกาจากแม่สู่ลูก
• เชื้อไวรัสซิกา เกิดจากยุงลายเป็นพาหะสำคัญเช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก สามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ซึ่งยังไม่มีวัคซีนหรือยาป้องกันการติดเชื้อได้ มักพบในประเทศเขตร้อน
• ข้อดีของออร์แกนอยด์ หรือ การสร้างอวัยวะจำลองมดลูกและรก คือนักวิจัยสามารถทำการทดลองเพื่อศึกษาการติดเชื้อของโรค และทดสอบการใช้ยาในการรักษา โดยที่ไม่ต้องทดสอบกับอาสาสมัครหรือคนไข้จริง
• โครงการนี้เป็น 1 ใน 5 โครงการ TDR Global Crowdfunding Challenge Contest ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งจัดตั้งเพื่อสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับโรคติดต่อในเขตร้อน พร้อมเปิดระดมทุนเพื่อดำเนินงานวิจัย (Crowdfunding for Science) ตั้งเป้า 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 260,000 บาท)
ในช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์ รกเป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อระหว่างทารกและแม่ มีหน้าที่ในการควบคุมการแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ ระหว่างแม่และทารกในครรภ์ ซึ่งรวมไปถึงสารอาหาร แก๊ส ของเสีย และยาต่าง ๆ ที่แม่รับประทาน เข้าไป นอกจากนี้รกยังเป็นตัวเชื่อมการถ่ายทอดเชื้อโรคต่างๆ จากแม่สู่ทารกอีกด้วย ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวมารดาเองระหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงของทารกที่จะเสียชีวิตในครรภ์ หรือมีภาวะผิดปกติทางพัฒนาการและการเจริญเติบโตเมื่อแรกเกิด หรือเสียชีวิตขณะแรกเกิดได้ ถึงแม้ว่าการถ่ายทอดเชื้อโรคจากแม่สู่ทารกในครรภ์ส่งผลร้ายแรงให้เกิดขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีระบบทดลองที่สมบูรณ์ในห้องปฏิบัติการที่จะสามารถนำมาศึกษากระบวนการติดเชื้อและการแพร่เชื้อต่าง ๆ จากแม่สู่ทารกได้
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จึงนำเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงออร์แกนอยด์ (Organoid) มาสร้างและพัฒนาแบบจำลองอวัยวะสามมิติของมดลูกและรก หวังใช้ศึกษากลไกการติดเชื้อไวรัสซิกาในมดลูก การถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ทารกในระหว่างตั้งครรภ์ ตลอดจนการทดสอบและพัฒนาสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสซิกา เพื่อการนำมาใช้ต้านทานเชื้อไวรัสซิกา และป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้จากแม่สู่ทารกในครรภ์
ดร.ธีรวัฒน์ วิวัฒน์พาณิชย์ นักวิจัย ทีมวิจัยการออกแบบและวิศวกรรมชีวโมเลกุลขั้นแนวหน้า ไบโอเทค ให้ข้อมูลว่า ไวรัสซิกา (Zika virus) อยู่ในตระกูลฟลาวิไวรัส (flavivirus) มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เหมือนกับโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya) และไข้เหลือง ในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกา ในแถบพื้นที่ทะเลคาริบเบียนตอนกลางและใต้ของอเมริกา แอฟริกา เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย การติดเขื้อไวรัสซิกาในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพร่างการแข็งแรงจะไม่มีอาการรุนแรง หรือไม่เกิดอาการเลย แต่ปัจจุบันได้มีผลการศึกษายืนยันแล้วว่า เมื่อผู้หญิงมีครรภ์ได้ติดเชื้อไวรัสซิกา เชื้อไวรัสสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้ ซึ่งมีผลให้ทารกมีอาการสมองเล็ก สมองไม่พัฒนา และรวมไปถึงการเสียชีวิตทันทีหลังกำเนิด การติดเชื้อไวรัสซิกาในทารกส่งผลให้เกิดปัญหาทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทย และประเทศที่มีการะบาดของเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนที่สามารถจะยับยั้งการถ่ายทอดเชื้อไวรัสซิกาจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้
ดร.ธีรวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้ประสบความสำเร็จในการสร้างออร์แกนอยด์ ซึ่งก็เป็นกลุ่มก้อนเซลล์ที่ได้เพาะเลี้ยงแบบสามมิติจนมีลักษณะและคุณสมบัติเสมือนหรือคล้ายกับอวัยวะจริงในร่างกาย โดยนักวิจัยสามารถนำออร์แกนอยด์หรือระบบอวัยวะจำลอง มาศึกษากระบวนการทางชีวภาพต่าง ๆ ตั้งแต่ พฤติกรรมของเซลล์ การทำงานของระบบอวัยวะของร่างกาย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบอวัยวะในร่างกาย การตอบสนองต่อฮอร์โมนหรือยา ตลอดจนกระบวนการก่อโรคจากเชื้อต่าง ๆ และโรคทางพันธุกรรมได้ ข้อดีของออร์แกนอยด์คือนักวิจัยสามารถทำการทดลองเพื่อศึกษาโรค และทดสอบยาในภาวะที่คล้ายคลึงกับร่างกายโดยที่ยังไม่ต้องทดสอบกับอาสาสมัครหรือคนไข้จริง
ถึงแม้ว่าการระบาดของเชื้อไวรัสซิก้าในประเทศไทยจะไม่รุนแรงมากนัก แต่เนื่องจากไวรัสซิก้ามีลักษณะทางพันธุกรรมใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสเด็งกี่ ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกซึ่งมีการระบาดในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งเชื้อไวรัสสองชนิดนี้ยังมียุงลายเป็นพาหะเหมือนกัน ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศไทยจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสซิกาในอนาคต ทีมวิจัยไบโอเทคและภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้เล็งเห็นความสำคัญของการเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสซิกาแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันและเตรียมพร้อมกับการระบาดของเชื้อไวรัสซิกาในอนาคต โดยเฉพาะการแพร่ของเชื้อไวรัสซิกาจากแม่สู่ทารกในครรภ์ โดยทางทีมวิจัยจะพัฒนาออร์แกนอยด์ของมดลูกและรก เพื่อใช้ทดสอบและพัฒนาสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสซิกา เพื่อการนำมาใช้ต้านทานเชื้อไวรัสซิกา และป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้จากแม่สู่ทารกในครรภ์ต่อไป
ปัจจุบันโครงการนี้ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 โครงการ จาก 121 ผู้สมัครจาก 37 ประเทศ ที่ชนะ TDR Global Crowdfunding Challenge Contest ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งจัดตั้งเพื่อให้การสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับโรคติดต่อในเขตร้อน โดยทางองค์การอนามัยโลกได้ให้การรับรอง 5 โครงการที่ได้รับคัดเลือกเพื่อจัดตั้ง Crowdfunding for Science หรือการระดมทุนเพื่องานวิจัย ซึ่งทางทีมวิจัยได้ตั้งเป้าหมายงบประมาณในการดำเนินงานวิจัยเบื้องต้นไว้ที่ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 260,000 บาท โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการสนับสนุนโครงการสามารถร่วมบริจาคเงินให้กับโครงการได้ที่ http://www.experiment.com/noZika4Baby ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม จนถึง 30 พฤศจิกายน 2563 ดร.ธีรวัฒน์ กล่าวสรุป
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. เปิดรับสมัครทุนวิจัยระดับหลังปริญญาเอก (Postdoctoral Fellowship Program)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ รับสมัครโครงการทุนวิจัยระดับหลังปริญญาเอก (Postdoctoral Fellowship Program)
สวทช. เป็นหน่วยงานวิจัยที่มีแนวทางการดำเนินงานโครงการสนับสนุนทุนนักวิจัยหลังปริญญาเอก ในลักษณะของการเป็น NSTDA postdoctoral school เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก จากทั้งในและต่างประเทศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานวิจัยภายใต้การดูแลของนักวิจัยพี่เลี้ยงของ สวทช. และเครือข่ายวิจัยต่างๆ ซึ่งเป็นนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานวิจัย และอาศัยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยของ สวทช. โดยการดำเนินงานดังกล่าวเป็นการเตรียมความพร้อมขั้นพื้นฐาน เพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการวิจัย เพื่อก้าวสู่การเป็นนักวิจัยอาชีพนำไปสู่การเสริมสร้าง career path ให้กับนักวิจัยหลังปริญญาเอก ในการก้าวไปสู่การทำงานวิจัยในระดับที่สูงขึ้น จึงเป็นกลไกการพัฒนาบุคลากรวิจัยในระดับสูง เพื่อผลิตนักวิจัยอาชีพที่มีคุณภาพ
โครงการสนับสนุนทุนนักวิจัยระดับหลังปริญญาเอก
National S&T Infrastructure NATIONAL S&T INFRASTRUCTURE (NSTI NBT-NOC)
Postdoctoral Fellowships Program
คุณสมบัติของผู้สมัคร
เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ, Ecology/remote sensing หรือสาขาที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ไม่เกิน 5 ปี
มีผลงานตีพิมพ์เป็นชื่อแรกในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มี impact factor เป็นที่ยอมรับ อย่างน้อย 1 เรื่อง หรือมีสิทธิบัตร
สามารถทำงานวิจัยเต็มเวลาที่ สวทช.
จบสาขาวิชาหรือมีความเชี่ยวชาญดังต่อไปนี้ Molecular Biology, Chemistry, Molecular Genetics, Biochemistry, Food Biotechnology, Microbiology, Virology, Plant Physiology, Plant Biochemistry, Ecology/remote sensing
ขอบเขตงานและผลงานที่คาดหวัง
ตีพิมพ์ผลงานในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มี impact factor อย่างน้อย 1 เรื่อง และ/หรือ เข้าบรรยายในการประชุมวิชาการที่จัดขึ้นในประเทศหรือต่างประเทศ
จัดทำรายงานการศึกษาวิจัยทุก 6 เดือน
ระยะเวลาทุน
สนับสนุนทุนเป็นระยะเวลา 1 ปี และอาจพิจารณาสนับสนุนต่อในปีที่ 2 โดยพิจารณาตามความเหมาะสม
ระยะเวลาการรับสมัคร
เปิดรับใบสมัครตลอดปี
เอกสารประกอบการสมัคร
แบบสมัครขอรับทุนนักวิจัยระดับปริญญาเอก พร้อมรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว
ใบแสดงผลการศึกษาระดับปริญญาเอก
บทคัดย่อวิทยานิพนธ์
หนังสือรับรอง 3 ฉบับ
ดาวน์โหลด แบบสมัครขอรับทุนนักวิจัยระดับหลังปริญญาเอก
ติดต่อ
ฝ่ายบริการทรัพยากรบุคคล (HRSS)
(คุณศิถยา เมธาวีกุลชัย)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
111 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง
จังหวัดปทุมธานี 12120
โทรศัพท์ 0 2564 7000 ต่อ 71123
อีเมล์ sitthaya@nstda.or.th
ข่าวประชาสัมพันธ์

นาโนเทค สวทช. จัดสัมมนาเชื่อมโยง BCG เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ และความปลอดภัยนาโนเทคโนโลยี
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโครงการพัฒนาเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม จัดสัมมนาด้านความปลอดภัยนาโนเทคโนโลยี เรื่อง “เศรษฐกิจ BCG สู่การพัฒนาเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ และความปลอดภัยนาโนเทคโนโลยี” ในวันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563 เวลา 09.30 – 12.00 น. ณ ห้อง MR220-221 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ โดยภายในงานจะมีการเสวนา หัวข้อ “เศรษฐกิจ BCG สู่การพัฒนาเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ และความปลอดภัยนาโนเทคโนโลยี” โดย ดร. วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการนาโนเทค, รศ.ดร.วาณี ชนเห็นชอบ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ ภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และดร.บงกช หะรารักษ์ ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติก (PPDT) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) รวมถึงการบรรยาย หัวข้อ “Testing models for food safety and food contact materials” จากนักวิจัยในทีมวิจัยความปลอดภัยระดับนาโนด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของนาโนเทค ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับชมการถ่ายทอดสัมมนาออนไลน์ผ่านระบบ Zoom ได้ที่ เว็บไซต์ https://www.propakasia.com/ppka/2020/th/conference.asp สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 2564 7100 ต่อ 6608 (จุฑารัตน์) หรืออีเมล nsa@nanotec.or.th
BCG
ข่าว 30 ปี สวทช.
ข่าวประชาสัมพันธ์

กมอ.มีมติยกเลิกการกำหนดระยะเวลาการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาทุกปริญญา เรียนไม่จบไม่ต้องถูกรีไทร์
กมอ.มีมติยกเลิกการกำหนดระยะเวลาการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาทุกปริญญา เรียนไม่จบไม่ต้องถูกรีไทร์
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ห้องประชุมวิจิตร ศรีสอ้าน อาคารการอุดมศึกษา มีการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา(กมอ.) ที่มี ศ.(เกียรติคุณ) ดร.กิตติชัย วัฒนานิกร เป็นประธาน มีวาระสำคัญ คือ การเสนอให้ยกเลิกการกำหนดระยะเวลาการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาในแต่ละระดับปริญญา กรณีกำหนดให้สำเร็จการศึกษาได้ไม่เกินกี่ปีการศึกษา ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วใมงจึงเสร็จสิ้น จากนั้น ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล เลขานุการ กมอ. เปิดเผยว่า กมอ.ได้มีมติให้ยกเลิกการกำหนดระยะเวลาการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาในแต่ละระดับปริญญา กรณีกำหนดให้สำเร็จการศึกษาได้ไม่เกินกี่ปีการศึกษา ทั้งนี้ ให้สภาสถาบันกำกับดูแลให้บัณฑิตมีผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ทันสมัยและสอดคล้องตามมาตรฐานทางวิชาการและวิชาชีพที่เป็นปัจจุบันขณะสำเร็จการศึกษา อย่างไรก็ตามเนื่องจากการยกเลิกดังกล่าวเป็นการยกเลิกข้อกำหนดในเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร ดังนั้น ให้หารือคณะอนุ กรรมการด้านกฎหมายว่า กมอ.สามารถพิจารณาโดยใช้อำนาจตามข้อ 17 แห่งเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี และ ข้อ 18 แห่งเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาได้หรือไม่ หรือจะมีแนวทางอื่นใดในการดำเนินการดังกล่าว
เลขาฯ กมอ.กล่าวต่อว่า การยกเลิกดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษาฯ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในการเรียนรู้องค์ความรู้และทักษะใหม่ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาในระดับอุดม ศึกษาทุกระดับชั้น ตั้งแต่ปริญญาตรี ที่แต่เดิมหากเรียนไม่จบภายในกำหนดคือ 8 ปี จะถูกรีไทร์ หรือ ถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย ให้ยกเลิกการรีไทร์ เช่นเดียวกับระดับปริญญาโท ที่ให้กำหนดระยะเวลาเรียนไม่เกิน 5 ปี และ ปริญญาเอก ที่ให้กำหนดระยะเวลาเรียนไม่เกิน 6 ปี โดยให้สามารถเรียนต่อได้เลย หากไม่จบการศึกษาในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ กมอ. จะให้อำนาจสภามหาวิทยาลัยของแต่ละมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน สามารถกำหนดเกณฑ์ระยะเวลาได้เองให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางของแต่ละมหาวิทยาลัย“หลังยกเลิกการกำหนดเกณฑ์แล้ว นักศึกษา สามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย โดยไม่ต้องพะวงกับการถูกรีไทร์ เพราะการเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยจะช่วยในเรื่องการพัฒนาทักษะ ความชำนาญ ประสบการณ์การทำงาน” ศ.ดร.ศุภชัยกล่าว
ที่มา : https://www.facebook.com/MHESIThailand/photos/a.871271492899932/3983500361677014/
#MHESI #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ผนึกกำลัง 5 หน่วยงาน พัฒนามาตรฐานสมรรถนะด้านการใช้อีคอมเมิร์ซ
For English-version news, please visit : NSTDA and partners to implement an e-commerce education and training as part of workforce development program
ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การพัฒนามาตรฐานสมรรถนะด้านการใช้อีคอมเมิร์ซ ร่วมกับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และธนาคารออมสิน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ การพัฒนามาตรฐานสมรรถนะด้านการใช้อีคอมเมิร์ซ ของทั้ง 5 หน่วยงาน
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นบทเรียนสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางความคิดในการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ ทุกคน ทุกภาคส่วนปรับตัว ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำงาน การดำเนินธุรกิจ และชีวิตประจำวันกันมากขึ้น ซึ่ง E-Commerce หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างชัดเจน สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาลและรวดเร็ว สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตรงตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาประเทศ ให้ทันต่อบริบททางเศรษฐกิจและสังคม ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นภาพความร่วมมือครั้งสำคัญ ที่ทำให้เกิดการสร้างโอกาสใน 3 ประเด็นหลักสำคัญ คือ สร้างโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลให้ทันต่อสถานการณ์ สร้างโอกาสในการพัฒนาคนปลุกพลังในตัวให้สร้างสรรค์ผลงาน นวัตกรรมต่าง ๆ และการสร้างความร่วมมือที่ทำให้เกิดความเป็นรูปธรรมในการพัฒนาประเทศ ที่ทั้ง 5 หน่วยงานซึ่งมีความแตกต่างกันในภารกิจหลัก แต่สามารถรวมตัวกันเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เปิดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพคนไทยไปสู่สังคมฐานความรู้ ยกระดับกำลังคน และรายได้ รวมทั้งยกระดับทรัพยากรฐานรากในการพัฒนาประเทศด้วย
ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. รองเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า สวทช. รับสนองพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ งานของมูลนิธิฯ เน้นในเรื่องของการส่งเสริมการเรียน การสอน และการวิจัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมการพัฒนา และช่วยเหลือประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเทคโนโลยีสารสนเทศ โครงการหนึ่งซึ่งได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 20 ปี คือโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียนในชนบท (ทสรช.) ตามพระราชดำริฯ มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ไอซีทีในการเรียนการสอน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาแก่โรงเรียนชนบทในโครงการจำนวนประมาณ 80 โรงเรียน
ในช่วงประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา หรือประมาณตั้งแต่ปี 2559 มูลนิธิฯ ได้ริเริ่ม “โครงการส่งเสริมการใช้ไอซีทีสร้างรายได้ ในกลุ่มโรงเรียน ทสรช.” เนื่องจากเห็นว่า โรงเรียนในโครงการ ทสรช. ส่วนใหญ่จะมีการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ มีการส่งเสริมให้นักเรียนทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเป็นการฝึกอาชีพและจำหน่ายสินค้าเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ระหว่างเรียน แต่ส่วนใหญ่ช่องทางการจำหน่ายสินค้า มักจำกัดเฉพาะพื้นที่ เช่น วางขายในร้านสหกรณ์หรือร้านค้าในโรงเรียน ออกบูธแสดงผลงานและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของนักเรียน ฝากขายกับร้านในตัวเมือง หรือวางจำหน่ายที่ศูนย์โอทอป เป็นต้น ซึ่งทาง สวทช. และกรรมการมูลนิธิได้พิจารณาว่า ถ้านำไอซีทีมาช่วย คือใช้ระบบการจำหน่ายแบบอีคอมเมิร์ซ จะช่วยเพิ่มช่องทางการขาย และทำให้สินค้าของโรงเรียนเป็นที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น สวทช. มูลนิธิเทคโนโลยีสารสเทศตามพระราชดำริฯ จึงได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารและการพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ในการดำเนินงาน“โครงการส่งเสริมการใช้ไอซีทีสร้างรายได้ ในกลุ่มโรงเรียน ทสรช.” ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง และสามารถประยุกต์ใช้ไอซีทีในการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าของโรงเรียนหรือชุมชน เกิดการสร้างรายได้ให้แก่โรงเรียน และ/หรือนักเรียน ครอบครัว ชุมชน ได้ต่อไป
โครงการเริ่มดำเนินงานในปี พ.ศ. 2559 มีโรงเรียนนำร่อง 5 แห่ง จากนั้นได้ขยายผลไปยังโรงเรียนต่างๆ จนถึงปัจจุบันมีจำนวน 39 แห่ง นอกจากนี้ ได้ขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายกลุ่มอื่นของมูลนิธิฯ ได้แก่ เรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 23 แห่ง โดยได้จัดกิจกรรมการอบรม และส่งเสริมให้ผู้เข้าอบรมได้ลงมือปฏิบัติจริง มีการจำหน่ายสินค้าและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ รวมถึงปรับแผนการตลาดอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานพบว่าหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ จำหน่ายสินค้าที่ผลิตจากฝีมือนักเรียน ชุมชน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ของผู้ต้องขังได้ โดยในปี 2562 มียอดขายรวมเป็นเงิน 1,714,341 บาท
ในปี 2563 นอกจากการพัฒนาสมรรถนะด้านอีคอมเมิร์ซให้แก่ผู้เรียนและจัดกิจกรรมต่อยอด เช่น ต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับหน่วยงานในโครงการแล้ว แล้วยังมีการส่งส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีโอกาสได้ทดสอบความสามารถ เพื่อจะได้รับการรับรองสมรรถนะบุคคลด้านอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce Skill) ตามมาตรฐานของประเทศ และสามารถใช้ประโยชน์เป็นพื้นฐานในการต่อยอดประกอบอาชีพได้ในอนาคต โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรของโรงเรียนในโครงการ ผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถานนำร่อง และ ยังจะขยายไปยังกลุ่มเยาวชนในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจำนวน 10 แห่ง อีกด้วย
ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และธนาคารออมสิน จึงเป็นที่มาของการที่ สวทช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ ได้เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงที่จะร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในการขับเคลื่อนธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย โดยในส่วนของ สวทช. และมูลนิธิฯ จะมุ่งเน้นการสนับสนุนให้กับกลุ่มเป้าหมายของมูลนิธิฯ คือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสดังกล่าวข้างต้น และในโอกาสนี้ใคร่ขอขอบคุณสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นเครือข่ายการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยได้ต่อไป
ข่าวประชาสัมพันธ์

โปรแกรม ITAP สวทช. เชิญผู้ประกอบการร่วมสัมมนา หัวข้อ “สูงวัยสดใสด้วยสุขภาพที่ยั่งยืน ทันรู้ทันสมัยกับสังคมที่เปลี่ยนไป”
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ขอเชิญผู้ประกอบการ เข้าร่วมสัมมนาฟรี ในหัวข้อ “สูงวัยสดใสด้วยสุขภาพที่ยั่งยืน ทันรู้ทันสมัยกับสังคมที่เปลี่ยนไป” เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค อีกทั้งเป็นการฝึกคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยความสร้างสรรค์ โดยกำหนดจัดสัมมนาในวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ณ ห้อง 814 ชั้น 8 อาคารเอนกประสงค์ สำนักพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. รับจำนวนจำกัดเพียง 50 ท่านเท่านั้น สมัครได้ที่ https://bit.ly/3lg7zk0 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และขอสงวนสิทธิ์รับสมัครเฉพาะผู้ประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคลเท่านั้น (บจก. หจก. หสม. ร้านค้า สหกรณ์ หรือ วิสาหกิจชุมชน) โดยรับสมัครจำนวน 1 คน/นิติบุคคล สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-564-7000 ต่อ 1368,1381,1301 (ชนากานต์, พนิตา) อีเมล chanaghan@nstda.or.th
ข่าวประชาสัมพันธ์