ผลการค้นหา :

นาโนเทค สวทช. จับมือจุฬาฯ พัฒนาเทคโนโลยีการกรอง แก้ปัญหาฟลูออไรด์ปนเปื้อนในน้ำอุปโภคบริโภคสำหรับพื้นที่ชายขอบ
ฟลูออไรด์ที่ปนอยู่ในน้ำปริมาณมาก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายติดต่อกันนานๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ นาโนเทค สวทช. จึงได้ร่วมมือกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาเทคโนโลยีการกรองแก้ไขปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืน ด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น นำร่องใช้งานที่ “บ้านใหม่ในฝัน” จ.น่าน หวังต่อยอดเทคโนโลยีสู่พื้นที่ที่มีปัญหาด้านน้ำอื่นต่อไป
[caption id="attachment_15704" align="aligncenter" width="640"] ดร.ณัฏฐพร พิมพะ หัวหน้าทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม นาโนเทค สวทช.[/caption]
ดร.ณัฏฐพร พิมพะ หัวหน้าทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า โครงการเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาฟลูออไรด์ปนเปื้อนในน้ำอุปโภค-บริโภคสำหรับพื้นที่ชายขอบเป็นความร่วมมือระหว่างนาโนเทค สวทช. และ รองศาสตราจารย์ ดร.ปฎิภาณ ปัญญาพลกุล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำบาดาลสำหรับบริโภคอย่างยั่งยืน
ฟลูออไรด์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของแร่ธาตุในชั้นหิน ทำให้ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีฟลูออไรด์ละลายอยู่ ซึ่งโดยปกติแล้วแหล่งน้ำบาดาลส่วนใหญ่มักมีค่าความเข้มข้นของฟลูออไรด์สูงกว่าแหล่งน้ำผิวดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุและชั้นหินต่างๆ ฟลูออไรด์ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางในการรักษาสุขภาพช่องปาก อย่างไรก็ตามการได้รับความเข้มข้นของฟลูออไรด์ที่สูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานก่อให้เกิดโรคฟลูออโรซีส (Fluorosis) ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคดังกล่าวคือ การทำให้ฟันตกกระและทำลายโครงสร้างของฟัน ขณะที่การรับฟลูออไรด์ปริมาณมากเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้มีการสะสมของฟลูออไรด์ในกระดูก ทำให้ขามีลักษณะพิการที่เรียกว่า ขาโกง (Crippling skeletal fluorosis) ทั้งนี้อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการที่ไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้ รวมทั้งส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองในเด็ก ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดโรคชนิดอื่นๆ ได้ ทั้งนี้ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำบริโภคที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ 0.7 มิลลิกรัมต่อกรัม โดยค่าอนุโลมสูงสุด ไม่เกิน 1.5 มิลลิกรัมต่อกรัม
“เราตั้งเป้าที่จะร่วมกันวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพน้ำสำหรับบริโภคอย่างยั่งยืนและชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในระยะยาว จึงได้บูรณาการนำวัสดุที่มีในท้องถิ่น เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตชุมชน ควบคู่กับการให้ความรู้ด้านคุณภาพน้ำ โดยดำเนินการโครงการนำร่องที่หมู่บ้านบ้านใหม่ในฝันตั้งอยู่ที่ตำบลสะเนียน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ซึ่งประสบปัญหาฟลูออไรด์ปนเปื้อนในน้ำบาดาล” นักวิจัยนาโนเทค กล่าว
[caption id="attachment_15708" align="aligncenter" width="640"] วัสดุกรองถ่านกระดูกสัตว์[/caption]
จุดเด่นของโครงการนี้คือ การพัฒนาวัสดุกรองถ่านกระดูกสัตว์ ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้ง จึงมีราคาถูก และชุมชนสามารถพัฒนาวัสดุกรองได้เอง และการออกแบบระบบกรองที่ใช้งานและบำรุงรักษาง่าย ต้นทุนต่ำ
สำหรับวัสดุกรองถ่านกระดูกสัตว์เพื่อกำจัดฟลูออไรด์นั้น อาศัยข้อดีของโครงสร้างทางเคมีของกระดูกที่ประกอบด้วยไฮดรอกซีอะพาไทต์ เมื่อผ่านกระบวนการเผาในสภาวะที่เหมาะสมจะได้วัสดุกรองถ่านกระดูกสัตว์ที่สามารถกำจัดฟลูออไรด์ได้ดี การออกแบบระบบกรองจะประกอบด้วยถ่านกระดูกสัตว์และถ่านกัมมันต์ โดยคำนึงถึงพารามิเตอร์ต่างๆ ในการเดินระบบที่เหมาะสม เช่น ปริมาตรของวัสดุกรอง อัตราการใช้วัสดุกรอง ความเข้มข้นของฟลูออไรด์เริ่มต้นในน้ำดิบ และองค์ประกอบของน้ำดิบ เพื่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านเพื่อกำจัดฟลูออไรด์และปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลให้เหมาะสมสำหรับการบริโภค
[caption id="attachment_15705" align="aligncenter" width="640"] ระบบกรองน้ำแก้ปัญหาฟลูออไรด์[/caption]
ดร.ณัฏฐพร กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือ การให้ความรู้และสาธิตวิธีการวิเคราะห์คุณภาพน้ำเพื่อสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คนในพื้นที่มีความรู้ ความเข้าใจ ที่จะนำไปสู่การดูแลตัวเอง และบริหารจัดการปัญหาน้ำในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน
“ปัจจุบันคุณภาพน้ำที่ผ่านระบบประปาหมู่บ้าน มีคุณภาพตามมาตรฐานน้ำบาดาลสำหรับบริโภค ซึ่งทีมวิจัยจะต่อยอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ไปสู่การใช้งานเพื่อแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ โรงเรียนบ้านห้วยไซ จังหวัดลำพูน และโรงเรียนบ้านบวกค้าง จังหวัดเชียงใหม่” นักวิจัยกล่าว
“เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาฟลูออไรด์ปนเปื้อนในน้ำอุปโภคบริโภคสำหรับพื้นที่ชายขอบ” เป็น 1 ในผลงานวิจัยของ สวทช. และพันธมิตร ที่จะนำเสนอภายในงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2564 (NAC2021: NSTDA Annual Conference 2021) โดยจัดบนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบผ่านทางเว็บไซต์ www.nstda.or.th/nac/2021 ระหว่างวันที่ 25-30 มีนาคม 2564
///////////////
ผู้เรียบเรียง: นางสาวสาลินีย์ ทับพิลา ฝ่ายความร่วมมือและประชาสัมพันธ์ นาโนเทค สวทช.
ภาพ: ฝ่ายความร่วมมือและประชาสัมพันธ์ นาโนเทค สวทช.
กราฟิก: นางสาวฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
ข่าว
บทความ

นักวิจัย สวทช. สังเคราะห์สารตั้งต้น ยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ สำเร็จ ทดแทนวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้เป็นยาต้านโรค COVID-19 ‘อภ.’ เตรียมศึกษาความเป็นไปได้กับ ปตท. สร้างโรงงานสังเคราะห์วัตถุดิบยา
For English-version news, please visit : NSTDA and GPO set to scale up favipiravir API manufacturing process
3 มีนาคม 2564 ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานการแถลงข่าว ความร่วมมือเพื่อสร้างความสามารถในการพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API: Active Pharmaceutical Ingredients) ของประเทศ: ยาต้านไวรัส “Favipiravir”
โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) พร้อมด้วยผู้บริหารและและนักวิจัยจากทั้ง 2 หน่วยงานร่วมแถลงข่าว (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สำเร็จ! นักวิจัย สวทช. สังเคราะห์สารตั้งต้นผลิตยา Favipiravir รักษาโควิด-19
นักวิจัยไบโอเทค สวทช.ประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) หรือสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตยา #Favipiravir ซึ่งปัจจุบันเป็นยาต้านไวรัสที่ทั่วโลกนำไปใช้รักษาผู้ป่วย #COVID-19 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่จะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยลดการนำเข้าสารตั้งต้นผลิตยาจากต่างประเทศ ทำให้ยามีต้นทุนในการผลิตลดลง พร้อมร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม เตรียมยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตยา Favipiravir นอกจากผลิตยาเพื่อใช้ในประเทศแล้ว จะนำไปสู่การผลิตยาเพื่อการส่งออกในอนาคต
คลิปสั้นทันเหตุการณ์

สวทช. จัดงาน NAC2021 เสิร์ฟงานวิจัย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCGครั้งแรก! บนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบ 25-30 มีนาคมนี้
For English-version news, please visit : NSTDA announces NSTDA Annual Conference 2021 focusing on BCG Economy
2 มีนาคม 2564 ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. นำทีมนักวิจัย สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร
แถลงข่าวการจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 16 (16th NSTDA Annual Conference: NAC2021) ภายใต้แนวคิด “30 ปี สวทช. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยจัดบนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบผ่านทางเว็บไซต์ https://www.nstda.or.th/nac/ ระหว่างวันที่ 25-30 มีนาคม 2564
(more…)
ข่าว
ข่าว 30 ปี สวทช.
ข่าวประชาสัมพันธ์

คู่มือการใช้ตราสัญลักษณ์กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้เผยแพร่คู่มือการใช้ตราสัญลักษณ์กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อัพเดทเมื่อ 1 ก.พ. 2564) เพื่อให้บุคคล/หน่วยงานที่ต้องการใช้ตราสัญลักษณ์ของกระทรวง อว. ได้ใช้ประโยชน์และถือปฏิบัติต่อไป
คู่มือการใช้ตราสัญลักษณ์ อว. (update 1 ก.พ. 2564)
คู่มือพร้อมไฟล์ Ai ตราสัญลักษณ์กระทรวง อว.
(more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. จัดเต็ม Bootcamp “NSTDA Deep Tech Acceleration” 4 วัน 3 คืน ต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึกสู่เชิงพาณิชย์
For English-version news, please visit : NSTDA Deep Tech Acceleration Program kicks off
(25 กุมภาพันธ์ 2564) โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จังหวัดชลบุรี : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis: FI) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) และ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จัดกิจกรรม Boot Camp ครั้งที่ 1 ภายใต้โครงการ “NSTDA Deep Tech Acceleration: แพลตฟอร์มเร่งรัดการเติบโตธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึก” จากการสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (PMU C) เพื่อเร่งรัดพัฒนาให้ผู้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและผู้ประกอบการวิสาหกิจฐานนวัตกรรมต่อยอดผลงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์ ผลักดันให้เทคโนโลยีเชิงลึกที่ได้รับการวิจัยพัฒนาอย่างเข้มข้นเกิดการนำไปใช้จริง มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนสามารถขับเคลื่อนและเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมีทีมนักวิจัยและผู้ประกอบการ 29 ทีม ใน 3 สาขาอุตสาหกรรม ได้แก่ (1) Food Technology (2) Assistive Technology Devices และ (3) IOT for Smart Industry เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการเข้มข้น 4 วัน 3 คืน จากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ Tech Startup มาร่วมแบ่งปันความรู้ ให้คำแนะนำกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม และเครื่องมือในการสร้างธุรกิจนวัตกรรมให้ต่อยอดผลงานออกสู่เชิงพาณิชย์และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
(more…)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

อว. ร่วมกับ คณะผู้บริหารหน่วยงานในกำกับ อว. เยี่ยมชมกลุ่มบริษัทโชคนำชัย เตรียมพร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมของไทย
ณ บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด : ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย คณะผู้บริหารหน่วยงานในกำกับ อว. เดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานด้านการออกแบบและตัวอย่างต้นแบบรถโดยสารขนาดเล็กตัวถังอลูมิเนียม รวมถึงเยี่ยมชมไลน์ผลิตเรืออลูมิเนียม และเครื่องจักรสนับสนุน ของกลุ่มบริษัทโชคนำชัย โดยมี นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกรรมการ บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด และคณะให้การต้อนรับ พร้อมร่วมหารือแนวทางความร่วมมือในการสนับสนุนอุตสาหกรรมด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมของไทยเพื่อให้เป็นพลังสำคัญสู่การขับเคลื่อนประเทศต่อไป
(more…)
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 6 ฉบับที่ 11 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2564
ข่าว
สวทช. ส่งมอบนวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19 ให้โรงพยาบาลระยอง
นาโนเทค สวทช. จับมือยูนิซิลต่อยอดนวัตกรรมซิงก์ไอออนสู่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ สู้วิกฤตไวรัส
นายกรัฐมนตรีประกาศให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติ ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่ของประเทศ
สวทช. ส่งมอบ 4 นวัตกรรม ฆ่าเชื้อ-ป้องกัน-คัดกรองโรค รับมือโควิด-19
“Innovative Air Cleaner” เครื่องบำบัดอากาศระบบไฟฟ้าสถิต ฝีมือคนไทย
สวทช. จับมือ สมาคม ATCI และ บริษัท บูโร เวอริทัส ประเทศไทย เตรียมพร้อม Up Skill ผู้ประกอบการ รองรับ Personal Data Protection Act (PDPA)
กระทรวงอุตสาหกรรม เยี่ยมชมแล็บศูนย์วิเคราะห์ทดสอบ ด้านกัญชา กัญชง สารสกัดและผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชง
สวทช. ผนึกกำลัง จับมือพันธมิตร 3 หน่วยงานสร้างความสามารถในการดำเนินการด้านระบบบริหารการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม (RDIMS) สำหรับผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
สวทช. ร่วมกับ บ.แพคฯ ส่งมอบนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ป้องกันโควิค-19
นวัตกรรมแผ่นกรองอากาศต้านรา-แบคทีเรีย นาโนเทค สวทช. ตอบโจทย์มลภาวะทางอากาศ
สวทช.-ฝล. ลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดัดแปรสภาพอากาศ
บทความ
สวทช. 3 ทศวรรษ วิจัยและพัฒนาเพื่อความยั่งยืน
Download เอกสารฉบับเต็ม [19.6 MB]
จดหมายข่าว สวทช.

สวทช.ร่วมกับพันธมิตร เปิดรับสมัครการแข่งขันหุ่นยนต์ไร้การบังคับอัจฉริยะRoboInnovator Challenge 2021 By Software Park Thailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย เปิดรับสมัครการแข่งขันหุ่นยนต์ไร้การบังคับอัจฉริยะ“RoboInnovator Challenge 2021 By Software Park Thailand” เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถขั้นสูงด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ ยกระดับอุตสาหกรรมไทย ไปสู่ Smart Industry และเป็นเวทีในการเฟ้นหาผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ ทั้งนี้ ขอเชิญผู้สนใจร่วมสมัครได้ตั้งแต่บันนี้ จนถึง 21 พฤษภาคม 2564 และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://northeast.roboinnovator.com/register/ หรือติดต่อสอมถามที่ Email : phuwasit@p-robotics.net หรือ โทร. 0863999962
ปฏิทินกิจกรรม

ไบโอเทค สวทช. ลงนามความร่วมมือร่วมกับ National Institute of Genetic Engineering and Biotechnology (NIGEB) ประเทศอิหร่าน
อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) พร้อมด้วย นายซัยยิด เรซ่า โนบัคตี (H.E. Mr. Seyed Reza Nobakhti) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ระหว่าง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ และ National Institute of Genetic Engineering and Biotechnology (NIGEB) ประเทศอิหร่าน โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นประธานและสักขีพยาน
นอกจากนี้ คณะจากสถานทูตอิหร่านประจำประเทศไทยยังได้เข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของไบโอเทค และหารือความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์เพื่อเป็นสารชีวภัณฑ์ การปรับแต่งจีโนมเพื่อปรับปรุงพันธุ์ไม้ดอก เทคโนโลยีการขยายพันธุ์พืชเศรษฐกิจ รวมถึงเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19
ข่าวประชาสัมพันธ์

30th Anniversary Story of NSTDA: 30 ปี สวทช. วิจัยยาต้านมาลาเรียเพื่อมนุษยชาติ
ในขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังหวาดวิตกต่อโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 โรคเก่าแก่อย่างมาลาเรียยังคงอยู่ในสถานการณ์น่าวิตก เมื่อแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 400,000 คน โดยมาลาเรียคือโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวชนิดพลาสโมเดียม (Plasmodium) ที่มียุงก้นปล่องเพศเมียเป็นพาหะ ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดต่อของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่น่ากลัวกว่านั้นคือการพบการระบาดของเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ที่ดื้อยาเพิ่มขึ้น จึงนับเป็นความท้าทายให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพัฒนายาต้านมาลาเรียชนิดใหม่เพื่อเตรียมรับมืออย่างเร่งด่วน
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมาลาเรียมากว่า 30 ปี โดยมีเสาหลักสำคัญคือ ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สวทช. ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกและทุ่มเทกับงานวิจัยพัฒนายาต้านมาลาเรียมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งประสบความสำเร็จค้นพบ ‘ยาต้านมาลาเรีย P218’ ที่มีความจำเพาะสูงต่อเชื้อมาลาเรียดื้อยา ล่าสุด ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ อดีตนักวิจัยอาวุโส ไบโอเทค สวทช. และทีมวิจัยสานต่อเดินหน้าส่งโปรตีน DHFR (Dihydrofolate reductase) ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับเชื้อมาลาเรีย ไปทำการทดลองตกผลึกโปรตีนในอวกาศ โดยผลึกโปรตีนคุณภาพดีจะเผยให้เห็นโครงสร้างโปรตีนได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้การออกแบบยาต้านโรคมาลาเรียมีประสิทธิภาพมากขึ้น
[caption id="attachment_15543" align="aligncenter" width="1920"] ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สวทช. (ภาพบรรยากาศตอนสัมภาษณ์)[/caption]
Q: ทำไมถึงสนใจศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องโรคมาลาเรีย?
ศ. ดร.ยงยุทธ: ผมมีความสนใจเรื่องมาลาเรียมาหลายสิบปีแล้ว ตอนเรียนจบกลับมาใหม่ๆ ประเทศไทยมีปัญหาการระบาดของโรคมาลาเรีย มีผู้ป่วยโรคมาลาเรียปีละหลายแสนคน มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน คิดดูว่าโควิด-19 ตายกันล้านคนเราตกใจมาก แต่สำหรับมาลาเรียตายกันปีละล้าน หลายล้าน มาหลายสิบปีแล้ว
“ถึงแม้เดี๋ยวนี้ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมากแล้ว แต่มาลาเรียก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเชื้อมีการดื้อยา และเมืองไทยก็กลายเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงว่าแพร่เชื้อมาลาเรียที่ดื้อยาไปทั่วโลก เราจึงถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องหาทางแก้ไข โดยการออกแบบยาที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
Q: ในการพัฒนายาต้านมาลาเรีย มีกระบวนการวิจัยอย่างไรบ้าง?
ศ. ดร.ยงยุทธ: ผมกับพรรคพวกร่วมกันตั้งเป็นกลุ่มในการทำวิจัยเรื่องมาลาเรียขึ้นที่มหาวิทยาลัยมหิดลมานานกว่า 30 ปีแล้ว (ก่อนจะมีการก่อตั้ง สวทช.) เราร่วมกันทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย จนได้ค้นพบข้อมูลสำคัญคือ เอนไซม์หรือโปรตีนเป้าหมายที่มีชื่อเรียกว่า DHFR ที่หากสามารถยับยั้งการทำงานได้ เชื้อมาลาเรียจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อ
การค้นพบครั้งนั้นทำให้เกิดการพัฒนายาต้านมาลาเรียที่มุ่งตรงเข้าทำลายโปรตีนตัวนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปเชื้อก็เริ่มที่จะดื้อยา เราจึงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรตีนตัวนี้ต่อ ตอนนั้นไบโอเทค สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ สหราชอาณาจักร ในการศึกษาโครงสร้างของโปรตีนตัวนี้ได้จนสำเร็จ โดยใช้วิธีการตกผลึกโปรตีนเป้าหมายแล้วนำไปเอกซเรย์จนได้เป็นภาพโครงสร้างของโปรตีนที่เกือบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ผลงานนี้ได้มีการตีพิมพ์ในปี 2546 (ค.ศ. 2003) และได้รับการอ้างอิงเป็นจำนวนมาก
[caption id="attachment_15534" align="aligncenter" width="640"] โครงสร้างของเอนไซม์หรือโปรตีน DHFR เป้าหมายในการยับยั้งโรคมาลาเรีย[/caption]
“การศึกษาโครงสร้างของโปรตีน ทำให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโปรตีนที่ทำให้เกิดการดื้อยา เราจึงนำความรู้เรื่องนี้มาเป็นเป้าหมายในการพัฒนายาร่วมกับนักวิจัยจากหลายประเทศทั่วโลก จนได้ออกมาเป็นผลงานวิจัยยาต้นแบบ P218 ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2556 (ค.ศ. 2013) และได้เข้าสู่กระบวนการทดสอบในระดับคลินิกตั้งแต่ประมาณ 3 ปีที่ผ่านมาแล้ว การทดสอบได้ผลลัพธ์ที่ดี ปัจจุบันบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้เพื่อนำไปผลิตเป็นยาออกมาในอนาคต”
Q: การพัฒนายาดูเหมือนจะประสบความสำเร็จด้วยดี ทำไมจึงยังต้องมีการทำวิจัยเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน?
ศ. ดร.ยงยุทธ: เพราะว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราค้นพบโครงสร้างของโปรตีน DHFR ที่เป็นเป้าหมายของยาได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือสัก 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ เราไม่สามารถบอกได้ว่าโปรตีนตัวนี้ซึ่งมีอยู่ 4 หน่วย หน่วยไหนจับกับหน่วยไหนอย่างไร เรายังหาส่วนที่ไปจับกันไม่พบ หรือวิธีการตกผลึกเอนไซม์บนโลกที่ทำกันอาจยังไม่ดีพอที่จะทำให้ได้โครงสร้างผลึกที่สมบูรณ์ ซึ่งในตอนนี้เราได้โอกาสที่จะตกผลึกโครงสร้างให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้ว ผมอยากให้ ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ เป็นผู้เล่าเรื่องนี้ต่อให้ฟังครับ
[caption id="attachment_15547" align="aligncenter" width="1920"] ดร.ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์ อดีตนักวิจัยอาวุโส ไบโอเทค สวทช. (ภาพบรรยากาศตอนสัมภาษณ์)[/caption]
Q: เพื่อจะให้ได้มาซึ่งผลึกของโครงสร้างโปรตีน DHFR ที่สมบูรณ์ ทีมวิจัยทำอย่างไร?
ดร.ชัยรัตน์: ในปัจจุบันมีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าการตกผลึกโปรตีนในอวกาศหรือในสภาวะที่ไร้แรงโน้มถ่วงจะทำให้ได้ผลึกโปรตีนที่มีคุณภาพมากกว่าการตกผลึกบนพื้นโลก เราจึงได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และ Japan Aerospace Exploration Agency (JAXA) ในการนำส่งโปรตีน DHFR ขึ้นไปตกผลึกบนอวกาศ ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง โดยมีการส่งขึ้นไปเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเมื่อทำการตกผลึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทาง JAXA ได้นำผลึกไปฉายแสงเอกซเรย์ต่อที่ Japan Synchrotron Radiation Research Institute (JASRI) จนเมื่อเดือนกันยายนปีเดียวกัน เราจึงได้รับมอบข้อมูลการกระเจิงแสงของผลึกโปรตีน DHFR ที่ตกผลึกในอวกาศ ซึ่งจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อด้วยคอมพิวเตอร์ว่าโปรตีน DHFR มีโครงสร้างเป็นอย่างไร
“เราหวังว่า จะได้เห็นโครงสร้างโปรตีน DHFR ส่วนที่เรายังมองไม่เห็น ซึ่งการค้นพบโครงสร้างส่วนที่เหลือนั้นก็อาจทำให้ออกแบบยายับยั้งเอนไซม์ DHFR เพื่อการรักษาโรคมาลาเรียที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้”
[caption id="attachment_15540" align="aligncenter" width="1920"] ภาพการตกผลึกเอนไซม์หรือโปรตีน DHFR เป้าหมายในการยับยั้งโรคมาลาเรีย บนสถานีอวกาศ[/caption]
Q: การพัฒนายาต้านมาลาเรียที่มีประสิทธิภาพจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างไร?
ดร.ชัยรัตน์: มาลาเรียเป็นโรคเขตร้อนที่สำคัญของโลก ณ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อปีละ 200 กว่าล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400,000 คนทุกปี ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจะอยู่ในทวีปแอฟริกา
“ถ้าเราสามารถพัฒนายาที่มีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อมาลาเรียได้ เราก็จะสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกมาก เพราะ ณ ตอนนี้เชื้อก็เริ่มดื้อต่อยาที่มีการใช้กันอยู่ในปัจจุบันแล้ว”
[caption id="attachment_15556" align="aligncenter" width="8000"] ภาพสถิติผู้ติดเชื้อมาลาเรียในปี 2561 ข้อมูลจาก World Malaria Report 2019[/caption]
นักวิทยาศาสตร์จึงมีหน้าที่พัฒนายาตัวใหม่เอาไว้ใช้ในอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะดื้อต่อยาที่มีอยู่แล้วทั้งหมดเมื่อไหร่ ยิ่งในสภาวะที่โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนของยุง ซึ่งเป็นพาหะของโรคมาลาเรีย การแพร่ระบาดของโรคในเขตร้อนก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม แม้ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะลดลงมากจากหลักแสนคนเหลือประมาณ 4,000 คนต่อปี แต่เราก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการแพร่เชื้อที่ดื้อยาไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และเราก็ไม่อาจทราบได้ว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่
“ส่วนที่สำคัญสุดจริงๆ คือการพัฒนายาใหม่ เพื่อต่อสู้กับเชื้อที่เกิดการดื้อยาแล้ว”
การพัฒนายาต้านมาลาเรียเป็นสิ่งที่นักวิจัยทั่วโลกยังคงให้ความสำคัญ เพราะยังคงมีผู้ป่วยโรคนี้จำนวนมากถึงหลักร้อยล้านคนต่อปี ประกอบกับยังไม่สามารถพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือกับเชื้อก่อโรคชนิดนี้ได้ หนทางในการป้องกันโรคมาลาเรียที่สามารถทำได้ในปัจจุบัน มีเพียงการรณรงค์ให้มีการลดประชากรยุงนำเชื้อ และให้ผู้คนมีการป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสมจากการถูกยุงที่มีเชื้อกัด เมื่อจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ควบคู่กับการใช้ยาต้านโรคในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากทุกคนในทุกประเทศยังคงร่วมมือในการป้องกันการระบาดของโรคอย่างเต็มที่ ในอนาคตอันใกล้เราคงได้เห็นคำว่า “Zero Malaria” ตามแคมเปญ “Zero Malaria Starts with Me” ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศขอความร่วมมือในปี 2563
หน่วยงานร่วมทำวิจัยเรื่องยาต้านมาลาเรีย
1) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
2) Medicines for Malaria Venture (MMV) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
3) มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ สหราชอาณาจักร
4) มหาวิทยาลัยมหิดล
5) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6) มหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย
7) มหาวิทยาลัยสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
8) สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
9) ศูนย์วิจัยแสงซินโครตรอนแห่งชาติ ประเทศไต้หวัน
10) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA
11) Japan Aerospace Exploration Agency (JAXA) ประเทศญี่ปุ่น
12) Japan Synchrotron Radiation Research Institute (JASRI) ประเทศญี่ปุ่น
สัมภาษณ์และเรียบเรียง: นางสาวภัทรา สัปปินันทน์ และนายปริทัศน์ เทียนทอง ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
ผลิตสื่อวิดีทัศน์: นายจิรเมศร์ พรมนิยมธนยศ, นายฐิติ สุขผล และนายกฤษติรัตน์ จันทศร ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
กราฟิก: นายกุลพงษ์ อ้นมณี ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อำนวยการผลิต: นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช., ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
บทความ

สวทช.-ม.เกษตรศาสตร์-ชุมชนบ้านดอนหวาย เปิด “ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML” แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพแห่งแรก พร้อมส่งต่อแปลงปลูกทั่วไทย
For English-version news, please visit : Community Mung Bean Seed Production Center launched in Uthai Thani
สวทช. -ทีมวิจัยถั่วเขียว KUML ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรบ้านดอนหวาย จ.อุทัยธานี ต่อยอดการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียว KUML อย่างครบวงจร จัดตั้ง “ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว KUML บ้านดอนหวาย” แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพด้วยความรู้ เทคโนโลยีและความใส่ใจ ส่งถึงเกษตรกรทั่วไทย สร้างรายได้หลังทำนา ส่งต่อผลผลิตคุณภาพสู่อุตสาหกรรมแปรรูป
(more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์