ผลการค้นหา :
“มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี” สู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปมูลค่าสูง
นักวิจัยไบโอเทค สวทช. ร่วมกับสถาบันอาหาร และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากมะพร้าวน้ำหอมราชบุรี รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีการยืดอายุน้ำมะพร้าวน้ำหอม จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าหลากหลายผลิตภัณฑ์ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับชุมชนผู้ผลิตมะพร้าวน้ำหอม จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดต้นแบบของการนำโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ไปเพิ่มมูลค่าผลผลิต เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
พบกับทีมนักวิจัยและตัวอย่างผลงานผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวน้ำหอมราชบุรี ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
สวทช. เปิดสูตรสำเร็จโครงการ “TIME” ยกระดับขีดความสามารถ พัฒนา ‘บุคลากรทักษะสูง’ ตอบโจทย์อุตสาหกรรม
(เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566) ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต (CFA) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดสัมมนา ความสำเร็จโครงการ TIME & WiL ยกระดับขีดความสามารถ พัฒนาคนตอบโจทย์อุตสาหกรรมภายใต้โครงการ Total Innovation Management Enterprise (TIME) and Work-integrated Learning (WiL) Project Success ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงสถานประกอบการกับสถานศึกษาและหน่วยงานวิจัยในการบูรณาการการพัฒนาบุคลากร ภายในงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 พร้อมจัดพิธีมอบโล่ “รางวัลนวัตกรรมการศึกษาเพื่อสังคม” ให้กับ 3 สถานประกอบการ ได้แก่ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด ซึ่งเป็นสถานประกอบการตัวอย่างที่แสดงถึงศักยภาพในการพัฒนากระบวนการยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไทย ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ในการบริหารจัดการกระบวนการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องภายใต้ชื่อ โครงการ “TIME”
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า TIME เป็นโครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงรูปแบบใหม่ ต่อยอดมาจากความสำเร็จของโครงการบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work-integrated Learning: WiL) และ โครงการพัฒนานักวิจัยในอุตสาหกรรมร่วมกับสถานประกอบการขนาดกลาง ของ สอวช. ซึ่งส่งต่อโครงการสู่การขยายผลโดย สวทช. โดยมีการพัฒนาองค์ความรู้ทางการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมใน sector หลัก เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ตามนโยบายการส่งเสริมการลงทุนได้ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาระบบการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับ BOI โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายไปคำนวณเพื่อยื่นของสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการได้
“โครงการ “TIME” หรือ Total Innovation Management Enterprise ซึ่งเป็นโครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงรูปแบบใหม่ ที่ต่อยอดความสำเร็จจาก โครงการบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work-integrated Learning: WiL) และ โครงการพัฒนานักวิจัยในอุตสาหกรรมร่วมกับสถานประกอบการขนาดกลาง ของ สอวช. ส่งต่อสู่การขยายผลโดยมีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้บริหารจัดการและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นผู้จัดสรรงบประมาณ”
(คนที่ 2 จากทางซ้าย) นายนพดร ปัญญาจงถาวร รองผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต
นายนพดร ปัญญาจงถาวร รองผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต (CFA) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 8 บริษัท มีนักศึกษาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท จำนวน 45 คน จากสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยโครงการ TIME ได้รับทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) สกสว. ซึ่งความสำเร็จของโครงการเป็นการพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบการสร้างกำลังคนแนวใหม่ โดยมุ่งเน้นการค้นหารูปแบบทักษะที่จำเป็นสำหรับการสร้างนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นการพัฒนาแพลตฟอร์มในโครงการนี้จึงมุ่งเป้าในการออกแบบระบบการพัฒนากำลังคนที่สอดคล้องกับระบบนิเวศนวัตกรรมที่จะต้องเริ่มจากการพัฒนาองค์ความรู้ในการสร้างนวัตกรรมอุตสาหกรรม ที่สามารถบูรณาการองค์ความรู้ทางเทคนิคเข้ากับองค์ความรู้ทางการจัดการ เพื่อนำไปออกแบบกิจกรรมที่ต้องทำ ซึ่งการบรรลุเป้าหมายได้จะต้องพัฒนาความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการนำปัญหาจริงมาเป็นเป้าหมายโครงการนวัตกรรม เพื่อให้ได้ต้นแบบของกระบวนการ ซึ่งจะนำไปสู่การสื่อสารกับภาคอุตสาหกรรมว่าต้องมีการดำเนินการอย่างไร
โดยผลสำเร็จของโครงการ TIME มีต่อหลายภาคส่วน ได้แก่ สถานประกอบการและภาคอุตสาหกรรมจะได้พนักงานซึ่งเกิดจากการบ่มเพาะนักศึกษา โดยจะเป็นบุคลากรทักษะสูง ที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมระดับประเทศช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ด้านสถานศึกษาและมหาวิทยาลัย จะสามารถพัฒนาหลักสูตรที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้สถานศึกษามีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ด้านหน่วยงานวิจัยและหน่วยงานให้ทุน จะเกิดการเชื่อมโยงหน่วยงานวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน กับภาคการศึกษา ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศขององค์กรนวัตกรรม ซึ่ง สวทช. มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้เกิด Eco System ดังกล่าวเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการผลิตสนใจรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต (CFA) สวทช. โทรศัพท์ 0 2644 8150 เว็บไซต์ www.career4future.com หรือ Facebook : Career for the Future Academy
//////////////////////////
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
การประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 ‘NAC2023’ โชว์ขุมพลังวิจัย ‘ขับเคลื่อน BCG สู่ความยั่งยืน’ เริ่มแล้ว 28-31 มี.ค. ที่ อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ปทุมธานี
(28 มีนาคม 2566) ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2566 (NSTDA Annual Conference: NAC2023) ภายใต้แนวคิด “สวทช. : ขุมพลังหลัก วทน. เร่งการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG สู่ความยั่งยืน” (NSTDA: STI powerhouse to drive BCG economy for Thailand's sustainable development) ระหว่างวันที่ 28 -31 มีนาคม 2566 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายไชยรัตน์ บุตรเทพ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี พลตรีปัญญา ตั้งความเพียร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานกระทรวง อว. และ สวทช. ร่วมรับเสด็จฯ
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กราบบังคมทูลรายงานว่า การประชุมประจำปี สวทช. ในปีนี้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศขับเคลื่อนประเทศตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy Model (Bio-Circular-Green Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) ซึ่ง สวทช. จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 โดยปีนี้จัดแบบออนไซต์เต็มรูปแบบ ทั้งกิจกรรมสัมมนาวิชาการ นิทรรศการ กิจกรรมเยี่ยมชม กิจกรรมนำเสนอเชิงธุรกิจ และกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กและเยาวชน โดยตั้งเป้าให้เป็นเวทีในการนำเสนอผลงานของบุคลากรวิจัย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเรียนรู้จากเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืนภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2570 ซึ่งการประชุมฯ ครั้งนี้แบ่งการนำเสนอออกเป็น 4 การขับเคลื่อน และ 4 การส่งเสริม
สำหรับ 4 การขับเคลื่อน ประกอบด้วย การพัฒนาตามสาขายุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.เกษตรอาหาร 2. สุขภาพการแพทย์ 3.พลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ และ 4.ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาเชิงพื้นที่ การพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ขั้นแนวหน้า และการเตรียมกำลังคน ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการ ส่วน 4 การส่งเสริม ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก 2.การยกระดับความสามารถของกำลังคน 3.การยกระดับเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศ และ 4.การปรับกฎหมาย กฎระเบียบให้เอื้อต่อการพัฒนา BCG Economy model ซึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายในงาน ได้แก่ การจัดสัมมนาวิชาการและกิจกรรมสำหรับเยาวชน 53 หัวข้อ และการจัดแสดงผลงานในรูปแบบนิทรรศการ 72 ผลงานใน 6 โซน เพื่อสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักวิชาการ ผู้ประกอบการ ภาครัฐ ภาคเอกชน เด็กและเยาวชน และประชาชนทั่วไปให้ได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กราบบังคมทูลเบิกคณะผู้ชนะเลิศการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 25 ผู้ชนะเลิศการแข่งขันออกแบบและสร้างหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 14 และผู้ชนะเลิศการแข่งขัน RoboInnovator Challenge 2022 จำนวนรวมทั้งสิ้น 13 ราย เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตร
จากนั้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสเปิดการประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2566 และทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยและนิทรรศการความก้าวหน้าทางงานวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 6 โซนได้แก่
1.นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ อาทิ โครงการฝึกทักษะถอดความเสียงพูดเพื่อจัดทำคำบรรยายแทนเสียงสำหรับผู้มีปัญหาทางการได้ยิน ซึ่งมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาผู้ต้องขังตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับความรู้และทักษะเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างที่อยู่ในที่คุมขัง ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อสร้างรายได้และคุณค่าต่อตนเอง และนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปประกอบอาชีพเมื่อพ้นโทษได้
ในปี พ.ศ.2562 สวทช. ร่วมกับ มูลนิธิฯ และทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิงปทุมธานี ได้จัดทำ “โครงการการฝึกถอดความเสียงพูด เพื่อจัดทำคำบรรยายแทนเสียง” เพื่อพัฒนาทักษะด้านการพิมพ์สัมผัส และถอดความเสียงพูดแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งจะสามารถพัฒนาเป็นอาชีพอีกอาชีพหนึ่งหลังพ้นโทษได้ โดยในปี พ.ศ.2563 จนถึงปัจจุบัน สวทช. ดำเนินการจ้างผู้ต้องขังในการจัดทำคำบรรยายแทนเสียงสำหรับวิดีโอประกอบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นส่วนหนึ่งของสื่อดิจิทัลที่เข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า บนแพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์ที่เข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้าสำหรับนักเรียนพิการทุกประเภทที่ สวทช. พัฒนาขึ้นสำหรับนำไปใช้งานในโรงเรียนการศึกษาพิเศษของสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และโรงเรียนเรียนร่วมทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐ และเอกชน
โครงการภาคีโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติด้าน e-Science (National e-Science Infrastructure Consortium) เป็นโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในด้านการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง หรือ High Performance Computer (HPC) ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมของประเทศ และสนับสนุนความร่วมมือด้านฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูงระหว่างประเทศไทยและเซิร์น เพื่อยกระดับงานวิจัยของประเทศไทยให้ทัดเทียมงานวิจัยระดับนานาชาติ
2.NSTDA core business แสดงผลงานความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยตอบโจทย์เศรษฐกิจและสังคมที่ สวทช. มุ่งขับเคลื่อนในยุค NSTDA 6.0 ซึ่งในปี พ.ศ.2566 สวทช. เปิดกลยุทธ์ นำพลังวิจัย รับใช้สังคม และได้คัดเลือกงานวิจัยที่เป็นความเชี่ยวชาญและตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ 4 เรื่องหลัก คือ 1.Traffy Fondue แพลตฟอร์มบริหารจัดการปัญหาเมือง 2.Digital Healthcare Platform แพลตฟอร์มบริการทางการแพทย์ดิจิทัล 3.FoodSERP แพลตฟอร์มให้บริการผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชัน ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และผลิตภัณฑ์กลุ่มสารให้ประโยชน์เชิงหน้าที่ (Functional ingredient) ในรูปแบบ One stop service และ 4.Thailand i4.0 Platform แพลตฟอร์มสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 ของไทย
3.นิทรรศการ BCG Economy Model ทั้ง 4 สาขา เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ เช่น ด้านเกษตรและอาหาร เช่น นวัตกรรมสเปรย์เติมความ “สด” ให้พืช ซึ่งนักวิจัยนาโนเทค สวทช. พัฒนาสเปรย์ทำความเย็นอัดแก๊สแรงดันสูงที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากธรรมชาติ รวมถึงธาตุอาหารเสริมและรอง ที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในของพืช ลดการคายน้ำจากอากาศร้อน ช่วยให้พืชสดชื่น ไม่เหี่ยวเฉา ตอบความต้องการธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไม้เมืองหนาวราคาสูงที่นำมาปลูกในประเทศไทย ด้านสุขภาพและการแพทย์ เช่น เทคโนโลยีชุด Exosuit ช่วยในการเคลื่อนไหวและป้องกันการบาดเจ็บสำหรับผู้สูงอายุ ด้านพลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ เช่น เทคโนโลยีแบตเตอรี่ อุตสาหกรรมสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมสีเขียว และ ด้านดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Sontana สนทนา (AI Chatbot) ซึ่งล้วนเป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
4.นิทรรศการ วทน. ยกระดับคุณภาพชีวิต ได้แก่ การยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวด้วยเกษตรสมัยใหม่บนเส้นทางสายวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง (BCG-Naga Belt Road) ซึ่งเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนแบบ Area based ในลักษณะกลุ่มสินค้าของ BCG สาขาเกษตร มีเป้าหมายเพื่อ ปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรของประเทศไทยสู่ 3 สูง คือ ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และรายได้สูง ดำเนินการโดย สวทช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท เกษตรอินโน จำกัด และหน่วยงานในพื้นที่เป้าหมาย ดำเนินการในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ลำปาง อุดรธานี และนครพนม เพื่อผลักดันการใช้ BCG Economy Model ขับเคลื่อนชุมชนให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มแบบครบวงจร ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตข้าวด้วยเกษตรสมัยใหม่ ควบคู่กับการผลิตพืชหลังนาที่เหมาะสมแต่ละพื้นที่
5.นิทรรศการระบบบริการ โดย สวทช. เช่น โครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุมพลังหลักของ สวทช. ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์สำคัญ นำสู่การพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด และ 6.ผลงานวิจัยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี ผ่านการแสดงผลงานวิจัยโดยนักวิจัยไทย อาทิ ระบบให้แสงเพื่อใช้ในการเพาะเลี้ยงอาหารโภชนาการสูงสำหรับสัตว์น้ำ ในระบบปิดและกึ่งปิด (SUN-ZOOM for Eco-Plankton Culture Plant) และระบบควบคุมการยกยอและบันทึกภาพถ่ายโดยอัตโนมัติ และระบบให้อาหารอัตโนมัติสำหรับการเลี้ยงกุ้ง เป็นต้น
สำหรับงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 จัดระหว่างวันที่ 28 - 31 มีนาคม 2566 นี้ จัดออนไซต์เต็มรูปแบบในทุกกิจกรรม ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ภายในงานประกอบด้วย การสัมมนาและกิจกรรมเยาวชน 53 หัวข้อ นิทรรศการผลงานวิจัยนวัตกรรมของนักวิจัย สวทช. และพันธมิตรกว่า 72 ผลงาน กิจกรรม Open house เยี่ยมชม 27 ห้องปฏิบัติการวิจัยของ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตร ต่อยอดธุรกิจด้วยนวัตกรรมกับเวที R&D Pitching 16 ผลงาน และ NAC Market 2023 ตลาดนัดจำหน่ายสินค้านวัตกรรมจากงานวิจัย สินค้าชุมชนในราคาพิเศษจากเครือข่าย สวทช.
ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.nstda.or.th/nac และร่วมกิจกรรมภายในงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามโทร. 02564 8000
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 11 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566
ข่าว
ปลัด อว. พร้อมคณะผู้บริหาร สวทช. และหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566
รมว.อว. ต้อนรับศักราชใหม่ นำคณะผู้บริหาร-บุคลากร กระทรวง อว. ร่วมทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566
รมว.อว. นำคณะผู้บริหาร สวทช. และหน่วยงานภายใต้สังกัด ร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 3 รอบ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พุทธศักราช 2566
สวทช. ร่วมกับ สรพ.จัดเวิร์คช็อป 2P Safety Tech Hackathon Camp หวัง รพ. ที่เข้าร่วมสามารถสร้างนวัตกรรมมต้นแบบ MVP ได้
10 นักวิทยาศาสตร์ไทยรุ่นเยาว์ร่วมงานประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก (GYSS) 2023
ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ปักธง ‘สวทช. ยุค 6.0’ นำพลังวิจัย รับใช้สังคม
สวทช. จับมือ EA เล็งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา BCG Industry เสริมแกร่งระบบนิเวศวิจัยด้านพลังงาน
แมงกานีสเซ็นส์ (Mn Sense) ชุดตรวจไอออนแมงกานีสปนเปื้อนในแหล่งน้ำ นวัตกรรมนาโนเทค สวทช. ตอบโจทย์อุตสาหกรรมชุดตรวจ ทดแทนชุดตรวจนำเข้า ในราคาที่ถูกกว่า
นักบินอวกาศญี่ปุ่นทดลอง 2 ไอเดียเยาวชนไทยบนสถานีอวกาศนานาชาติ
สวทช. จับมือ อบจ.- สสจ.ปราจีนบุรี เปิด AMED Homeward ระบบบริการดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยในที่บ้าน นำร่อง 7 กลุ่มโรคใช้จริงแห่งแรกใน รพ.สต. ปราจีนบุรี
บทความ
น้ำยาเคลือบโซลาร์เซลล์ลดการเกาะของน้ำและฝุ่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า
Download เอกสารฉบับเต็ม (10.3MB)
จดหมายข่าว สวทช.
Gunther Bath นวัตกรรมตรวจจับและแจ้งเตือน “การหกล้ม”
นักวิจัยเอ็มเทค สวทช. ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมตรวจจับและแจ้งเตือนการพลัดตกหกล้ม เรียกว่า Gunther Bath เป็นอุปกรณ์ที่มีระบบตรวจจับวัตถุหรือคนจากการสะท้อนคลื่นความถี่วิทยุ ในกรณีที่ตรวจพบการหกล้มหรือการลงไปนอนกับพื้น อุปกรณ์จะประมวลผลก่อนส่งสัญญาณผ่านระบบไร้สายเพื่อแจ้งเตือนไปยังแอปพลิเคชันปลายทางที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มเรียกหรือส่งเสียงไปยังผู้ที่หกล้มได้ทันที เหมาะสำหรับกรณีที่มีผู้สูงอายุพักอาศัยอยู่ในบ้าน อุปกรณ์สามารถติดตั้งใช้งานได้ทุกที่ที่มีสัญญาณ WiFi โดยเฉพาะเหมาะติดตั้งในห้องน้ำที่ผู้สูงอายุมักเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มบ่อยครั้ง
พบกับ Gunther Bath และทีมนักวิจัยผู้พัฒนาได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 10 ประจำเดือนมกราคม 2566
ข่าว
NCTC สวทช. ร่วมกับ Shimadzu เปิดเวทีประชุมด้านการวิเคราะห์ทดสอบกัญชา กัญชงระดับโลก สู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม
สวทช. ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เอ็มเทค สวทช. จับมือ 3 สถาบันการศึกษา มทร. ธัญบุรี จุฬาฯ และ มจธ. ร่วมวิจัยพัฒนาระบบก่อสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม
สวทช. จัดกิจกรรมวันดินโลก เพื่อน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ไบโอเทค สวทช. ร่วมกับพันธมิตรแถลงความสำเร็จโครงการยกระดับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
สวทช. ร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรความก้าวหน้าโครงการเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบเคลื่อนย้ายได้ หรือ โมบีสแกน ที่พระราชทานให้ศูนย์ตะวันฉาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สวทช. - พันธมิตร ส่งมอบต้นกล้าราชพฤกษ์อวกาศ ให้สถาบันการศึกษา 21 แห่ง พร้อมปลูกทุกภูมิภาค สร้างเป็นแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์
สวทช. ร่วมถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
สวทช. จัดกิจกรรม “ตลาดนัดงานวิจัย สวทช. และเครือข่าย”
บทความ
'Magik Color’ แป้งพิมพ์ผ้าจากสีธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมี ชูข้อดีของสีแบบไทยๆ
Download เอกสารฉบับเต็ม (12.6MB)
จดหมายข่าว สวทช.
INNO-AGE นวัตกรรมช่วย “แปรงฟัน” ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ใช้ง่าย ไม่สำลัก
Tech: หมดกังวล! “ปัญหาการสำลัก” ของผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ด้วยนวัตกรรมแปรงสีฟันระบบท่อดูดและโฟมสีฟัน INNO-AGE ช่วยดูแลสุขภาพในช่องปากของผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องแปรงฟันในท่านอน ใช้งานง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องบ้วนปากหลังแปรงฟัน ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ปอดจากการสำลักขณะแปรงฟัน หนึ่งในนวัตกรรมร่วมจัดแสดงในงาน APEC BCG Economy Thailand 2022: Tech to Biz (Thailand Tech Show 2022) ซึ่งจัดโดย สวทช. และหน่วยงานพันธมิตรกว่า 40 หน่วยงาน
BIZ : #นวัตกรรมพร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ พัฒนาโดยทีมทันตแพทย์ไทยจากบริษัทอินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด ปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ www.inno-age.com ไลน์ : @inno-age หรือโทรศัพท์ 08 5957 8222
[caption id="attachment_41673" align="aligncenter" width="650"] ทพ.กิตติ สถิตานนท์ ผู้บริหาร บริษัทอินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด[/caption]
ทพ.กิตติ สถิตานนท์ ผู้บริหาร บริษัทอินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด เล่าถึงที่มาของนวัตกรรมนี้ว่า พยาบาลโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้ติดต่อทีมวิจัยเพื่อขอคำปรึกษาถึงการดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยที่ลุกขึ้นมานั่งแปรงฟันเองไม่ได้ พยาบาลต้องช่วยแปรงฟันให้ในท่านอน ซึ่งผู้ป่วยบางคนอาจต้องใช้พยาบาลถึง 3 คน คนหนึ่งช่วยเปิดปาก คนหนึ่งเป็นผู้แปรงฟัน และอีกคนหนึ่งต้องถือท่อที่ช่วยดูดฟองยาสีฟันและน้ำลาย เพื่อป้องกันการสำลักฟองยาสีฟันที่อาจไหลลงคอ เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย และเป็นความยากลำบากแก่พยาบาลผู้ปฏิบัติงาน ทีมวิจัยจึงได้ค้นคว้าหาข้อมูลจากทั่วโลก รวมถึงเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการดูแลผู้สูงอายุที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นจึงได้พัฒนาระบบและออกแบบแปรงสีฟันที่มีท่อระบายของเหลวซ่อนอยู่ภายในด้าม โดยใช้เชื่อมต่อเข้ากับระบบท่อดูดเสมหะหรือ suction ของโรงพยาบาล ซึ่งที่ด้ามแปรงจะมีกลไกควบคุมแรงลมที่ช่วยดูดของเหลวออกจากช่องปากและลำคอของผู้ป่วย ในขณะแปรงฟัน เมื่อพยาบาลเห็นว่าในช่องปากมีของเหลวหรือฟองยาสีฟันเยอะเกินไป เพียงเลื่อนนิ้วไปปิดรูที่กลางด้ามแปรง จะมีการส่งแรงลมไปที่หัวแปรงเพื่อดูดของเหลวออกจากปากได้ทันที นวัตกรรมนี้ช่วยให้พยาบาลเพียงคนเดียวแปรงฟันให้ผู้ป่วยได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดกำลังคนในการดูแลช่องปากผู้ป่วยอีกด้วย
[caption id="attachment_41675" align="aligncenter" width="650"] นวัตกรรมแปรงสีฟันระบบท่อดูด ใช้สะดวก สามารถดูดของเหลวและฟองออกได้ขณะที่แปรงฟัน ช่วยลดโอกาสสำลัก[/caption]
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแปรงสีฟันระบบท่อดูด คือ ออกแบบให้ด้ามแปรงมีท่อที่เชื่อมกับเครื่องดูดเสมหะที่ใช้ในโรงพยาบาลหรือที่บ้าน สามารถดูดของเหลวและฟองออกได้ขณะที่แปรงฟัน จึงช่วยลดโอกาสสำลัก ขนแปรงปลายมนนุ่มพอดี ช่วยขจัดคราบพลากได้รวดเร็ว หัวแปรงสีฟันขนาดเล็ก ขอบกลมมน ลดการกระแทกที่เป็นต้นเหตุของบาดแผล สามารถสอดหัวแปรงถึงฟันซี่ในสุดแม้อยู่ในบริเวณที่แคบ ฟันจึงสะอาดได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีด้ามจับถนัดมือเหมาะสำหรับญาติหรือพยาบาลที่ช่วยแปรง
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้พัฒนาโฟมสีฟันขึ้นเพื่อใช้คู่กับแปรงสีฟันระบบท่อดูด ซึ่งผลิตจากสารธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 96 และมีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ออร์แกนิก ให้ความอ่อนละมุนต่อช่องปาก ไม่ทำให้แสบปาก อณูฟองเล็กละเอียด หลังแปรงฟันเสร็จฟองจะสลายตัวเป็นหยดน้ำ ใช้แปรงสีฟันระบบท่อดูดออกง่ายโดยไม่ต้องบ้วนน้ำหลังการแปรงฟัน หากมีฟองหรือน้ำค้างเล็กน้อยในปาก สามารถกลืนได้โดยไม่เป็นอันตราย
[caption id="attachment_41680" align="aligncenter" width="450"] โฟมสีฟัน INNO-AGE ผลิตจากสารธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 96 อ่อนละมุนต่อช่องปาก เหมาะสำหรับผู้สูงวัยหรือผู้อยู่ในภาวะพึ่งพา[/caption]
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นวัตกรรมโฟมสีฟัน คือ ผลิตจากสารที่ได้จากธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 96 เพิ่มสารสกัดจากว่านหางจระเข้ออร์แกนิก อ่อนโยนต่อช่องปาก ไม่แสบปากขณะแปรงฟัน ลดการระคายเคือง ไร้คราบขาวจากสารเคมีตกค้าง มีฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ สาร CPC (cetylpyridinium chloride) ต้านแบคทีเรีย ช่วยดูแลปัญหาเหงือก ใช้สะดวก ช่วยให้ปากชุ่มชื้นและสดชื่นหลังการแปรงฟัน ไม่ต้องบ้วนปากก่อนและหลังแปรงฟันเพื่อลดอาการสำลัก เหมาะสำหรับผู้สูงวัยหรือผู้อยู่ในภาวะพึ่งพา ผู้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤติ ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ผู้ที่ช่องปากไวต่อการระคายเคือง ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับคีโมหรือฉายรังสีบริเวณศีรษะและลำคอ รวมทั้งสตรีช่วงเริ่มต้นเข้าสู่วัยทอง
เมื่อผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพาได้รับการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ช่องปากสะอาด ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ปอดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ที่สำคัญเมื่อปากสะอาด ผู้สูงอายุและผู้ป่วยจะมีอารมณ์แจ่มใส ยิ้มแย้ม กินอาหารได้อร่อยขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้นวัตกรรมแปรงสีฟันและโฟมสีฟันนี้ผ่านการทดสอบโดยทันตแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง และในปี พ.ศ.2565 บริษัทอินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด ยังได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เป็นหนึ่งในแปดทีมดีปเทคสตาร์ตอัปด้าน Health Tech ระดับประเทศ ในโครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration และยังได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้ไปร่วมงานแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ในงาน Medica 2022 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Thailand Pavilion ที่เมืองดึสเซิลดอร์ฟ สหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี
เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
เทคโนโลยีการผลิตส่วนผสมฟังก์ชั่นจากจุลินทรีย์ “โพรไบโอติก”
นักวิจัยไบโอเทค สวทช. โชว์ตัวอย่างผลงานจากความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการผลิตส่วนผสมฟังก์ชั่น (Functinal Ingredients) และเทคโนโลยีการผลิตจุลินทรีย์โพรไบโอติกในระดับกึ่งอุตสาหกรรม ซึ่งได้มาตรฐานสากล สามารถตอบโจทย์ภาคธุรกิจที่ต้องการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยการนำเซลล์จุลินทรีย์โพรไบโอติกไปเป็นส่วนผสมฟังก์ชั่นในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ และเวชสำอาง นับเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการนำเข้าวัตถุดิบ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทย และเป็นการใช้ทรัพยากรชีวภาพภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
พบกับทีมนักวิจัยผู้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตส่วนผสมฟังก์ชั่นจากจุลินทรีย์โพรไบโอติก ได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
เทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน และแพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า
นักวิจัย ENTEC สวทช. โชว์ตัวอย่างผลงานการพัฒนาเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงโชว์ต้นแบบแพ็กแบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนได้สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาร่วมกับหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มแพ็กแบตเตอรี่มาตรฐาน สำหรับการนำไปใช้กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นจากหลายผู้ผลิตในอนาคต
พบกับตัวอย่างผลงานแพ็กแบตเตอรี่ และทีมนักวิจัยผู้พัฒนาเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
สวทช. ร่วมผนึกกำลัง มข. เสริมแกร่งทางวิชาการ เดินหน้าการวิจัย สร้างและขยายนวัตกรรมการตรวจโรควัณโรค
24 มีนาคม 2566 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า : กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มุ่งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์(AI) พร้อมเสริมทัพนวัตกรรมสมัยใหม่ ช่วยในการขับเคลื่อนประเทศ ในหลากลายมิติ
โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนาม ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์เกียรติไชย ฟักศรี คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อระบาดใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นสักขีพยาน
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นและ สวทช. มีความร่วมมือระหว่างอาจารย์นักวิจัยอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้น และเป็นการยกระดับบรรยากาศในการทำงานร่วมกันที่ชัดเจนและผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์ของการใช้เทคโนโลยีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นภายในประเทศ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง 2 หน่วยงานในครั้งนี้มีขึ้น โดยมุ่งหวังให้งานวิจัยและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถนำไปสู่ผลกระทบต่อสังคม ก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ต่อสังคมทุกภาคส่วน และเพื่อการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกลไกที่ช่วยส่งเสริมการทำงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมร่วมกัน และนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและการวิจัยระดับบัณฑิต ศึกษา
เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะสูงตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเชิงพื้นที่ รวมไปถึงการขับเคลื่อนประเทศในมิติการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระดับประเทศและภูมิภาค ที่ผ่านมามีความร่วมมือในด้านการนำเทคโนโลยีทางนาโนจาก สวทช. มาช่วยพัฒนานวัตกรรมตรวจวัดตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ และนวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจหาโปรตีนบ่งชี้มะเร็งท่อน้ำดีเพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงระยะเริ่มแรกที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมสนับสนุนให้เกิดการขยายความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม ผลงานวิจัย ตลอดจนผนึกกำลัง อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา ในการพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับการสนับสนุนทุนวิจัยจากภายในประเทศและต่างประเทศ บูรณาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบองค์รวมทั้ง 2 หน่วยงาน รวมถึงส่งเสริมและพัฒนาสนับสนุนนักศึกษาเพื่อปฏิบัติงานวิจัยและเพิ่มทักษะโดยใช้งานวิจัยเป็นฐานอีกด้วย
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. มีกองทัพนักวิจัย ซึ่งเป็นขุมพลังหลัก ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไทย มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ในการทำงานร่วมกับพันธมิตร ซี่งเป็นเจ้าของโจทย์ที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย สวทช. พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปเสริมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการวิจัย โดยมีกรอบความร่วมมือครอบคลุม การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และ ชีววิทยา ด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบปัญญา ประดิษฐ์(AI) นวัตกรรมด้านการเกษตรและอาหาร นวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ นวัตกรรม ด้านวัสดุศาสตร์และพลังงาน เป็นต้น
ในส่วนการพัฒนานวัตกรรการป้องกันดูแลรักษาวัณโรค ได้มีความร่วมมือกันระหว่าง ศูนย์วิจัยและบริการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อระบาดใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง พื้นผิวขยายสัญญาณ Raman ที่วิจัยพัฒนาโดย เนคเทค สวทช. มีชื่อว่า ONSPEC มาร่วมกันวิจัยเพื่อสร้างเป็นเครื่องมือ ที่มี ประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรอง วัณโรคทั้งแบบแสดงอาการและวัณโรคระยะแฝงได้อย่างรวดเร็ว (ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม จากเดิม 1-2 วัน) พร้อมทั้งร่วมกันพัฒนายื่นข้อเสนอขอทุนวิจัยไปยังองค์กร ต่างประเทศ (On process 80 %) ซึ่งมีเครือข่ายในการนำผลงาน ไปขยายผลทั่วโลก อันจะเป็นผล ในการเพิ่มประสิทธิภาพสู่การยุติ อุบัติการณ์ของวัณโรคตามเป้าหมายขององค์การ อนามัยโลก เพื่อยุติการแพร่ระบาดของวัณโรค ในปี ค.ศ. 2035 อีกทั้งยังยกระดับอุตสาหกรรมผลิต เซนเซอร์และการบริการตรวจวัดของประเทศไทย ไปสู่ตลาดสากลต่อไป
ข่าวประชาสัมพันธ์
iPlant นวัตกรรมสเปรย์เติมความสดให้พืช
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ออกแบบและพัฒนาสเปรย์เติมความสดให้กับพืช เรียกว่า iPlant Multipurpose Spray เป็นสเปรย์อัดแก๊ส มีส่วนประกอบสารจากธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถฉีดพ่นส่วนต่าง ๆ ของพืชได้ เช่น ดอก ใบ โดยสเปรย์มีคุณสมบัติช่วยลดอุณหภูมิให้กับพืช เหมาะสำหรับพืชทุกชนิดโดยเฉพาะพืชเมืองหนาวที่นำมาปลูกในเขตร้อน เนื่องจากจะช่วยให้พืชลดการคายน้ำจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อีกทั้งสเปรย์ยังมีส่วนประกอบที่เป็นธาตุอาหารรองและอาหารเสริมสำหรับพืช ถือเป็นสเปรย์อเนกประสงค์ที่ช่วยปกป้องและดูแลพืชหรือต้นไม้เมืองหนาวที่มีมูลค่าสูงได้
พบกับ iPlant และทีมนักวิจัยผู้พัฒนาได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
การผลิตโปรตีนลูกผสมจากยีสต์ทนร้อนสายพันธุ์ไทย ประสิทธิภาพสูง-ต้นทุนต่ำ
นักวิจัยไบโอเทค สวทช. พัฒนา ระบบการผลิตโปรตีนลูกผสมจากยีสต์ทนร้อนสายพันธุ์ไทย มีประสิทธิภาพสูง และมีต้นทุนต่ำ เนื่องจากสามารถเพาะเลี้ยงในอาหารหรือแหล่งคาร์บอนราคาถูกที่หาได้ภายในประเทศ เช่น น้ำตาลทราย หรือกากน้ำตาล ทำให้ทดแทนการนำเข้าโปรตีนลูกผสมจากต่างประเทศ อีกทั้งยังมีอิสระในการดำเนินการ (freedom to operate) สามารถผลิตโปรตีนลูกผสมต้นแบบหรือเอนไซม์หลากหลายชนิดได้ตามความต้องการของอุตสาหกรรมต่าง ๆ
พบกับทีมนักวิจัยผู้พัฒนาระบบการผลิตโปรตีนลูกผสมจากยีสต์ทนร้อนสายพันธุ์ไทย ได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์


