หน้าแรก “นิรันดร์” นวัตกรรมระบบดูแลผู้สูงวัย ยกระดับสังคมไทยในยุคดิจิทัล

“นิรันดร์” นวัตกรรมระบบดูแลผู้สูงวัย ยกระดับสังคมไทยในยุคดิจิทัล

20 ส.ค. 2568
0
ข่าว
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

 

ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อจำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2567 มีจำนวนผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ราว 13 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ตัวเลขนี้จะทะยานขึ้นเกิน 20 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรไทยทั้งหมด

เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ริเริ่ม “โครงการผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ แก้วิกฤติประชากร” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิ” ซึ่งทำหน้าที่ดูแลผู้สูงวัยในชุมชนเสมือนเป็นลูกหลาน คอยปกป้องสิทธิ ดูแลสุขภาพ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พัฒนาระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ “Nirun for community” หรือระบบ “นิรันดร์” เป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของผู้บริบาล

 

ภาพทีมนักวิจัย สวทช. และกรมกิจการผู้สูงอายุ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการใช้งานแพลตฟอร์มนิรันดร์ช่วยดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
ทีมนักวิจัย สวทช. และกรมกิจการผู้สูงอายุ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการใช้งานแพลตฟอร์มนิรันดร์ช่วยดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

 

วิกฤตประชากรสูงวัย ความท้าทายของประเทศ

ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. กล่าวถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว โดยปัจจุบันมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-6 แสนคนต่อปี และคาดว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2570-2580 จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านคน และอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุมากกว่า 20 ล้านคน หรือในคนไทย 3 คน จะมีผู้สูงอายุ 1 คน ซึ่งนั่นหมายความว่าเราเข้าสู่จุดวิกฤตแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวางระบบบริหารจัดการและโครงสร้างพื้นฐานรองรับผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุไม่เป็นภาระต่อสังคม แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมและเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้

“ผู้สูงอายุแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก คือ ติดสังคม (อายุ 60–75 ปี) ยังใช้ชีวิตนอกบ้านได้ ค่าใช้จ่ายในการดูแลไม่สูง กลุ่มที่สอง คือ ติดบ้าน (อายุ 75 ปีขึ้นไป) เริ่มออกนอกบ้านยากขึ้น ไม่ค่อยได้พบเจอใคร ทำให้รู้สึกเหงา เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์และจิตใจ ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคไต หัวใจ สมอง เบาหวาน ความดัน และอาจทำให้ไปสู่กลุ่มที่สามเร็วขึ้น คือ ติดเตียง ซึ่งกลุ่มนี้ต้องการการดูแลใกล้ชิดและค่าใช้จ่ายสูงมาก โจทย์สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุอยู่ในภาวะ “ติดสังคม” ได้นานที่สุด เพื่อลดการเข้าสู่ภาวะติดบ้านและติดเตียง ยืดเวลาคุณภาพชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อครอบครัวและภาครัฐ

 

ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน
ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน

 

“ผู้บริบาล” ดูแลพิทักษ์สิทธิ์ผู้สูงวัยในชุมชน

กรมกิจการผู้สูงอายุได้เตรียมความพร้อมด้านระบบการบริหารจัดการและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการดูแลผู้สูงอายุที่มีจํานวนเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี โดยริเริ่มโครงการผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชนขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อดูแลผู้สูงอายุในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพกายที่แข็งแรง มีสภาพจิตใจที่ดี ลดภาระการรักษาพยาบาล และไม่เป็นภาระต่อสังคม โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ ทำหน้าที่ดุจลูกหลานของคนในชุมชน ปกป้อง คุ้มครองพิทักษ์สิทธิ ช่วยเหลือดูแล และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุครอบคลุมทั้ง 5 มิติ ได้แก่ มิติสังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี ซึ่งดำเนินงานต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี ครอบคลุม 156 พื้นที่ ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบันมีผู้บริบาลในโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 342 คน และมีผู้สูงอายุได้รับการดูแลจำนวนมากกว่า 342,000 คน หรือผู้บริบาล 1 คน ดูแลผู้สูงอายุ 100 คน

 

ภาพผู้บริบาลเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้าน และบันทึกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มนิรันดร์
ผู้บริบาลเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้าน และบันทึกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มนิรันดร์

 

ศาสตราจารย์ ดร.กนก กล่าวถึงความท้าทายของโครงการนี้ว่า การดูแลผู้สูงอายุระดับแสนคนด้วยผู้บริบาลเพียงไม่กี่ร้อยคนจำเป็นต้องมีระบบที่ช่วยบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ กรมกิจการผู้สูงอายุจึงได้ร่วมกับ สวทช. พัฒนาระบบนิรันดร์เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของผู้บริบาลอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ นอกจากช่วยตรวจสอบการทำงานของผู้บริบาลให้ได้มาตรฐานแล้ว ระบบนิรันดร์ยังเป็นเครื่องมือสำคัญด้านข้อมูลนโยบาย ทำให้รัฐรู้สถานการณ์จริง เช่น ผู้สูงอายุติดบ้าน-ติดเตียงมีสัดส่วนเท่าใด เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร และช่วยกำหนดทิศทางการใช้งบประมาณได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลที่ได้จากระบบนิรันดร์ยังเป็นฐานสำคัญในการทำวิจัยเชิงนโยบาย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ประเทศไทยกำหนดนโยบายผู้สูงอายุในอนาคตได้อย่างแม่นยำ

 

ดร.ณัฐนันท์ ทัดพิทักษ์กุล
ดร.ณัฐนันท์ ทัดพิทักษ์กุล

 

“นิรันดร์” ผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุ สร้างฐานข้อมูลเชิงนโยบาย

ดร.ณัฐนันท์ ทัดพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการขับเคลื่อนแผนงานระบบสนับสนุนการเข้าถึงสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ สวทช. กล่าวว่า สวทช. พัฒนาระบบ “นิรันดร์” ซึ่งเป็นระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการสถานดูแลผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนโครงการบริบาลสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน โดยเป็นเครื่องมือช่วยผู้บริบาลในการทำงาน เช่น บันทึกข้อมูลผู้สูงอายุรายบุคคล ติดตามกิจกรรมและการดูแลในแต่ละวัน สรุปผลสุขภาพของผู้สูงอายุในโครงการ และสรุปผลการทำงานของผู้บริบาล

 

ภาพผู้บริบาลกำลังวัดความดันให้ผู้สูงอายุที่บ้าน
ผู้บริบาลวัดความดันให้ผู้สูงอายุที่บ้าน

 

“ระบบนิรันดร์สามารถประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ เช่น อายุ โรคประจำตัว คะแนนประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน (Activities of Daily Living: ADL) และแสดงผลเป็นแผนการดูแลเบื้องต้น (Recommended Care Plan) หรือข้อแนะนำในการดูแล เช่น ควรให้กายภาพบำบัด ควรเฝ้าระวังโภชนาการ เพื่อให้ผู้บริบาลนำไปปรับใช้กับผู้สูงอายุแต่ละรายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ข้อมูลจากระบบยังใช้ได้ในระดับนโยบาย โดยกระทรวง พม. สามารถนำไปกำหนดยุทธศาสตร์การดูแลผู้สูงอายุในภาพรวมของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ สวทช. ในมิติลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จากการพัฒนาแพลตฟอร์มสนับสนุนการเข้าถึงสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (AI-C) ตามกลยุทธ์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand)”

 

ภาพนายธาวินทร์ ลีลาคุณารักษ์ ผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ องค์การบริหารส่วนตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
นายธาวินทร์ ลีลาคุณารักษ์

 

เทคโนโลยีคู่ความห่วงใย หัวใจแห่งการดูแล

ปัจจุบันกรมกิจการผู้สูงอายุนำระบบนิรันดร์ไปให้ผู้บริบาลใช้ในการบันทึกข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุในหลายพื้นที่ เช่น ที่ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) องค์การบริหารส่วนตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

นายธาวินทร์ ลีลาคุณารักษ์ ผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ องค์การบริหารส่วนตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า ระบบนิรันดร์ช่วยให้ผู้บริบาลทำงานสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งในการบันทึกข้อมูลรายวัน ติดตามการดูแลผู้สูงอายุแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ระบบยังช่วยให้ค้นหาข้อมูลผู้สูงอายุได้สะดวกและรวดเร็วด้วยโทรศัพท์มือถือ แทนการค้นหาจากเอกสารกระดาษแบบเดิม และระบุพิกัดที่อยู่ของผู้สูงอายุได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดเวลาในการลงพื้นที่ และที่สำคัญ ข้อมูลที่บันทึกไว้สามารถนำไปวิเคราะห์วางแผนการดูแลรายบุคคลและรายพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะด้านการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ ซึ่งช่วยให้ผู้บริบาลสามารถประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว

 

ภาพนายหลงมา ทีปะลา ผู้สูงอายุในชุมชน ตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
นายหลงมา ทีปะลา

 

นายหลงมา ทีปะลา อายุ 85 ปี ชาวตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เล่าว่า ปัจจุบันอาศัยอยู่เพียงลำพัง แม้ลูกหลานจะกลับมาหาบ้าง แต่ก็รู้สึกอุ่นใจที่มีผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ เข้ามาดูแลเสมือนญาติคนหนึ่ง เวลาแวะมาเยี่ยมก็มักเอาของมาฝาก กวาดบ้าน ถูบ้าน รองน้ำ และช่วยตรวจวัดความดันให้ตลอด เวลาไม่สบายก็คอยถาม อาสาพาไปโรงพยาบาล และชื่นชมภาครัฐที่มีโครงการดี ๆ แบบนี้ โดยส่งคนเข้ามาคอยช่วยเหลือ ดูแลผู้สูงอายุ ในวันที่สภาพร่างกายผู้สูงอายุไม่เอื้ออำนวย และยังช่วยเหลือดูแลเป็นธุระเรื่องอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

ภาพกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน ตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
ผู้สูงอายุในชุมชน ตำบลนิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

 

ด้วยการผสานระหว่าง “ผู้บริบาลที่ดูแลด้วยใจ และ “นิรันดร์” เทคโนโลยีช่วยดูแลผู้สูงวัย ทำให้ประเทศไทยสามารถยกระดับการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมสร้างฐานข้อมูลเชิงนโยบายที่แม่นยำ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกอุ่นใจเหมือนมีครอบครัวอยู่ใกล้ ๆ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนและพัฒนาสังคมไทยให้พร้อมรับประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน

 

ภาพหน้าจอระบบนิรันดร์ สำหรับผู้บริบาลกรอกข้อมูลผู้สูงอายุ

 

ภาพหน้าจอระบบนิรันดร์ สำหรับผู้บริบาลกรอกข้อมูลผู้สูงอายุ

 

ภาพหมู่นักวิจัย สวทช. และกรมกิจการผู้สูงอายุ

 


เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่ สวทช.
ภาพประกอบโดย ชัชวาลย์ โบสุวรรณ, อัครวุฒิ ตู้วชิรกุล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.

แชร์หน้านี้: