หน้าแรก สวทช. โดย EECi เสวนา การจัดการทุเรียนไทยในวันที่โลกรวน ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลนำทาง ลดความเสี่ยง เพิ่มความยั่งยืน

สวทช. โดย EECi เสวนา การจัดการทุเรียนไทยในวันที่โลกรวน ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลนำทาง ลดความเสี่ยง เพิ่มความยั่งยืน

30 ก.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

(วันที่ 29 กรกฎาคม 2568) ณ สำนักงานใหญ่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง: ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้การต้อนรับในกิจกรรมสัมมนา การจัดการทุเรียนไทยในวันที่โลกรวน: เทคโนโลยีและข้อมูลนำทาง เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความยั่งยืน” ซึ่ง สวทช. โดย EECi ร่วมกับสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก หอการค้าจังหวัดระยอง จัดกิจกรรมเพื่อถ่ายทอดและนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาและการรับมือสถานการณ์ที่ผันผวนที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรไทยมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการปรับแปลงและมีความสามารถในการแข่งขัน โดยมี นายทินกร ลาวัณย์เสถียร ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง นายวสันต์ รื่นรมย์ นายกสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร คณะวิทยากรจากกรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 นักวิจัยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. และกลุ่มเกษตรกรเป้าหมายชาวสวนทุเรียนและสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ในจังหวัดระยอง จำนวนกว่า 100 ราย เข้าร่วมงาน

ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. โดยเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่าน ทั้งหอการค้าจังหวัดระยอง และสมาพันธุ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออกที่เลือก EECi เป็นสถานที่จัดกิจกรรม สัมมนา “การจัดการทุเรียนไทยในวันที่โลกรวน: เทคโนโลยีและข้อมูลนำทาง เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความยั่งยืน” ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ของไทย ทั้งในด้านการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การค้า การปรับแปลงเทคโนโลยีนวัตกรรม การพัฒนาทักษะบุคลากร และการสนับสนุนความยั่งยืนในทุกมิติ

ทั้งนี้ สวทช. และ EECi มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่  โดย EECi มีบทบาทสำคัญในการเป็น แพลตฟอร์มกลาง ที่เชื่อมโยงงานวิจัยและพัฒนาจาก สวทช. สู่การประยุกต์ใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมและชุมชน โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบูรณาการเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพทุเรียนไทย ทั้งการเปิดตัวเทคโนโลยี เรื่อง N-sense อุปกรณ์วิเคราะห์สารตกค้าง BY2 (Basic Yellow) ในทุเรียนแบบพกพา รวมทั้งการนำเสนอเทคโนโลยีนวัตกรรม อาทิ ชุดตรวจการปนเปื้อนสารเคมี โลหะหนัก และเชื้อจุลินทรีย์ นวัตกรรมถุงแดงห่อทุเรียน สารชีวภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูทุเรียน และนวัตกรรมปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อยด้วยนาโนเทคโนโลยี เป็นต้น

“เราตั้งใจนำงานวิจัย นวัตกรรมมาร่วมแก้ปัญหา ยกระดับมาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่น ในผลผลิตทางการเกษตรของพื้นที่ EEC โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของภาคตะวันออก และกำลังเผชิญความท้าทายนี้ สวทช. และ EECi พร้อมทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ให้เป็นรากฐานของการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน” ดร.วุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

 

สำหรับนวัตกรรมวิจัยที่ สวทช. โดย EECi นำมาแสดงในการสัมมนาดังกล่าว ประกอบด้วย

  • ต้นแบบนวัตกรรม “N-sense” อุปกรณ์วิเคราะห์สารตกค้าง BY2 (Basic Yellow 2) ในทุเรียนแบบพกพา เกิดจากการต่อยอดองค์ความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยี เซนเซอร์และการตรวจวัดที่ทีมวิจัยมีศักยภาพอยู่แล้ว สู่เครื่องมือที่จะช่วยตรวจคัดกรองให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจสอบ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาของเกษตรกร

“N-sense” ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ ขั้วเซนเซอร์เคมีไฟฟ้าที่จำเพาะกับสาร BY2 และเครื่องอ่านและประมวลผลแบบพกพา โดยมีจุดเด่นเรื่องของการใช้งานสะดวก สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ เสมือนยกห้องแล็บมาไว้ในมือ ย่นระยะเวลาในการตรวจจากวิธีในการตรวจวัดแบบมาตรฐานที่ทางเกษตรกรหรือโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ใช้อยู่ ซึ่งต้องส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ใช้เวลา 48 ชั่วโมง เหลือเพียง 20 นาทีเมื่อตรวจคัดกรองด้วย “N-sense” ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า 10 เท่า แต่ความแม่นยำสูง

  • สารชีวภัณฑ์ โดย Biotec ทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค ได้พัฒนาสารชีวภัณฑ์เพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืชในธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างจุลินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์เกษตร ได้แก่ การพัฒนาราบิวเวอเรียและราเมตาไรเซียม เพื่อใช้ควบคุมเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เป็นต้น ราไตรโคเดอร์มา เพื่อป้องกันและกำจัดโรคพืชเช่น ไฟทอปธอร่า โดยทางทีมวิจัยได้ทดสอบประสิทธิภาพของชีวภัณฑ์เหล่านี้ ในการจัดการสวนทุเรียน ทั้งในแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการระบาดของโรคและแมลงสำคัญ เพื่อสร้างองค์ความรู้และกระบวนการจัดการปัญหาโรคและแมลงในสวนทุเรียนด้วยชีวภัณฑ์ทดแทนการใช้สารเคมีที่มีอันตราย โดยพบว่าชีวภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูได้ดีหรือเทียบเท่าสารเคมี และยังพบการเพิ่มขึ้นของแมลงศัตรูธรรมชาติที่มีประโยชน์ (แมลงดี) ในแปลงที่ใช้ชีวภัณฑ์และผสมผสานมากกว่าแปลงสารเคมี แสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวภัณฑ์สามารถฟื้นคืนสมดุลธรรมชาติระบบนิเวศในสวนทุเรียนได้ดี นอกจากนี้เรื่องโรคในทุเรียน พบว่า ชีวภัณฑ์สามารถหยุดการตายของต้นทุเรียนได้ โดยต้นทุเรียนค่อย ๆ ฟื้นตัว ส่งเสริมความแข็งแรงและกลับมาออกผลผลิตได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ทีมวิจัยฯ ยังได้จัดทำระบบสนับสนุนการใช้ชีวภัณฑ์แบบ one stop service ที่เชื่อมต่อเกษตรกร นักวิชาการ และผู้ผลิตชีวภัณฑ์ รวมถึงเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลผู้ให้บริการตรวจสอบสภาพอากาศ เพื่อสร้างผู้ช่วยส่วนตัวของเกษตรกรในการวินิจฉัยโรคและแมลง แนะนำ SOP หรือมาตรฐานการปฏิบัติงานในแต่ละพืชและชีวภัณฑ์ที่เหมาะสม ในรูปแบบแพลตฟอร์มที่เรียกว่า DAPBot คู่คิดติดปลายนิ้วคนเกษตรอีกด้วย

  • นวัตกรรมชุดตรวจฯ ChemSense โดย นาโนเทค สวทช. พัฒนาอย่างต่อเนื่องจากองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวัสดุตอบสนองและเซนเซอร์ สู่เซนเซอร์รูปแบบต่าง ๆ ชุดตรวจ ChemSense ที่สามารถคัดกรองการปนเปื้อนแมงกานีส (Mn) ฟลูออรีน (F) เหล็ก (Fe) ทองแดง (Cu) ในน้ำอุปโภคบริโภค และเซนเซอร์เคมีไฟฟ้าตรวจวัดโลหะหนักอย่าง แคดเมียม (Cd) ตะกั่ว (Pb) ปรอท (Hg) สารหนู (As) ที่นำร่องตรวจวัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำและพืชสมุนไพร และจะขยายสู่การตรวจคัดกรองแคดเมียมในพืชเศรษฐกิจอย่างทุเรียน ที่กำลังเป็นที่สนใจในปัจจุบัน

ทั้งนี้การรวบรวมชุดเทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการทุเรียนคุณภาพ รวมทั้งระบบสมาร์ทฟาร์ม รักษ์น้ำ นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth และ Magik Greenhouse นวัตกรรมปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อยด้วยนาโนเทคโนโลยี และปุ๋ยนาโนคีเลตจุลธาตุอาหารเพื่อเร่งการเติบโตของทุเรียน มาจัดแสดงเพื่อเปิดมุมมอง และสร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรเห็นประโยชน์ของการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่เพื่อเป็นการเสริมประสิทธิภาพ แก้ปัญหา และช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคการเกษตรของไทยต่อไป

เกษตรกรและผู้สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2564-7000 ทาง EECi

แชร์หน้านี้: