‘SIMPLE’ โครงการสร้างความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เรียนรู้วิธีฟื้นฟูป่าผ่านโลกเสมือน AR และ VR
‘ปลูกป่าอาจไม่เท่ากับการฟื้นฟูระบบนิเวศ’ ทุกวันนี้แม้จะมีการปลูกต้นไม้ใหม่นับล้านต้นต่อปี แต่ก็ยังไม่อาจฟื้นคืนพื้นที่ป่าได้มากเท่าไหร่นัก เพราะในความเป็นจริงแล้วป่าไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การมีต้นไม้ปกคลุมผืนดินจนเขียวขจี แต่ยังหมายรวมไปถึงการมีสายสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งภายในพื้นที่ด้วย ดังนั้นการปลูกป่าจึงควรดำเนินการด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความระมัดระวัง เพื่อให้ระบบนิเวศฟื้นคืนกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนประเทศฝรั่งเศส (IRD) และมหาวิทยาลัยเกิ่นเทอ (Can Tho University) ประเทศเวียดนาม ดำเนินโครงการ ‘SIMPLE (Sustainability Issue Metaverse for Building Participatory Learning Environments)’ เพื่อพัฒนาหลักสูตรสร้างความตระหนักเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนไทย
โดยคณะทำงาน สวทช. ได้เลือกหัวข้อ ‘การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ’ มาพัฒนาเป็นต้นแบบหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ ‘BiodiVRestorer: Immersive VR Experience for Biodiversity Restoration’ จนสำเร็จ และนำเวอร์ชันแรกไปทดสอบจัดกิจกรรมให้แก่เยาวชนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
BiodiVRestorer คือโลกจำลองที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้สวมบทบาทเป็นนักฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ทำการสำรวจ วิเคราะห์ วางแผน และลงมือฟื้นฟูป่าด้วยตัวเอง ผ่านเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เห็นผลการฟื้นฟูในทันทีผ่านระบบจำลองสถานการณ์ (simulation) เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ พร้อมนำองค์ความรู้ไปใช้เป็นแนวทางในการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเหมาะสมต่อไป
ปลูกป่าด้วยความเข้าใจ ฟื้นฟูความหลากหลายอย่างสมดุล

ดร.ปัญญาวุฒิ อัมพุชินทร์ นักวิจัยธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ ไบโอเทค สวทช. และหัวหน้าโครงการ SIMPLE ในฝั่งประเทศไทย เล่าว่า BiodiVRestorer คือ ต้นแบบหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้เรื่องการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการแบบ 1 วันให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
“กิจกรรมการเรียนรู้จะเริ่มต้นจากการบรรยายเพื่อสร้างความตระหนักถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และสายสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดในระบบนิเวศ ซึ่งสายใยเหล่านี้กำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็วจากการกระทำของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุก ทำลาย หรือใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น จนท้ายที่สุดเมื่อธรรมชาติขาดความสมดุล ผลกระทบเหล่านั้นก็ได้หวนกลับมาทำร้ายตัวมนุษย์เอง ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนความมั่นคงทางอาหาร การต้องเผชิญกับภัยพิบัติธรรมชาติ หรือกระทั่งการไม่มีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ
“จากจุดเริ่มต้นที่พาผู้เข้าร่วมกิจกรรมไปสู่การตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว กิจกรรมต่อมาจะเป็นการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อเรียนรู้วิธีฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพที่เหมาะสม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ ‘ฟื้นฟูป่า’ ผ่านเทคโนโลยี AR และ VR ซึ่งในระหว่างการทำกิจกรรมสุดสนุกนี้ จะมีการบรรยายให้ความรู้คู่ขนานกันไปด้วย เพราะเป้าหมายปลายทางของกิจกรรมคือการที่ผู้เข้าร่วมได้รู้จัก รัก และหวงแหนความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงมือฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพด้วยความเข้าใจ เพื่อให้ระบบเกิดความสมดุล และมีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน”
Experimental-based Learning เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
ดร.ปัญญาวุฒิ เล่าว่า กิจกรรมแรกของการฟื้นฟูป่า คือ การสำรวจเพื่อประเมินระดับความเสื่อมโทรมของพื้นที่ โดยอิงหลักเกณฑ์และวิธีการ Rapid Site Assessment (RSA) หรือการประเมินพื้นที่เบื้องต้นอย่างรวดเร็วที่เจ้าหน้าที่และนักอนุรักษ์ป่าไม้ใช้ในการปฏิบัติงานจริง
“ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแต่ละกลุ่มจะเริ่มลงมือสำรวจป่า โดยนำสมาร์ตโฟนไปสแกน QR code เพื่อเข้าสู่พื้นที่ป่าสามมิติที่แสดงผลด้วยเทคโนโลยี AR เมื่อเข้าไปแล้วก็จะได้ลงมือสำรวจและเก็บข้อมูลความหนาแน่นและคุณภาพป่าไม้ในพื้นที่สุ่ม 10 จุด ซึ่งแต่ละจุดจะมีข้อมูลคุณภาพป่าแตกต่างกันออกไป ผู้เข้าร่วมจะต้องเก็บข้อมูลจากทุกจุดให้ละเอียด เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม โดยต้องคำนวณว่าควรนำพืชชนิดใดเข้าไปปลูกทดแทนในปริมาณเท่าไหร่บ้างจึงจะทำให้ระบบนิเวศกลับมาสมดุลและอุดมสมบูรณ์ได้อีกครั้ง ซึ่งในการทำกิจกรรมผู้เข้าร่วมแต่ละกลุ่มจะได้รับใบงานไว้ใช้เป็นตัวช่วยในการจดบันทึกการสำรวจและการคำนวณด้วย”


หลังจากวางแผนฟื้นฟูกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเข้าสู่กิจกรรมเชิงปฏิบัติการช่วงที่สอง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแต่ละกลุ่มจะได้พากันออกไปท่องโลกเสมือนผ่านเทคโนโลยี VR
ดร.ปัญญาวุฒิ เล่าว่าในช่วงที่สองของการทำกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจากทุกกลุ่มจะได้สวมแว่น VR เพื่อเข้าสู่เกมเก็บเมล็ดพันธุ์ แล้วออกเดินสำรวจป่าในโลกเสมือน เพื่อเลือกเก็บผลไม้ชนิดต่าง ๆ ให้ถูกต้องและได้ปริมาณที่เหมาะตามที่วางแผนไว้ โดยภายในเกมจะมีกับดักไว้ท้าทายความละเอียดรอบคอบของผู้เล่นด้วย







“หลังจากทุกคนได้สนุกกันอย่างเต็มที่ไปกับการคิดวิเคราะห์ วางแผน คำนวณ และลงมือเก็บผลไม้เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ไปใช้ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ป่าที่สำรวจ ก็จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของกิจกรรม BiodiVRestorer นั่นคือการดูผลการฟื้นฟูป่าผ่านระบบจำลองสถานการณ์ โดยระบบจะจำลองสภาพป่าในช่วง 20 ปีหลังจากการนำต้นกล้าไปฟื้นฟูป่าให้เห็น ซึ่งปัจจัยความสำเร็จในการฟื้นฟูของแต่กลุ่มจะมาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ความละเอียดรอบคอบในการสังเกต การวางแผนร่วมกับเพื่อนในทีมอย่างเหมาะสม และการเลือกเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้องได้อย่างครบถ้วน ไม่มากหรือน้อยเกินไป
“หากผู้เล่นคนไหนพลาดเก็บเอากับดักที่ผู้พัฒนาเกมวางไว้มาด้วย ระบบก็จะสะท้อนผลลัพธ์ออกมาให้เห็นผ่านระบบจำลองสถานการณ์นี้ด้วยเช่นกัน โดยในที่นี้ผู้พัฒนาเกมได้ออกแบบให้กับดักที่ว่าคือพืชชนิดเดียวกันแต่มาจากต่างถิ่น ซึ่งพืชต่างถิ่นนั้นมีจุดแข็งเรื่องการเจริญเติบโตดีกว่าพืชท้องถิ่น ทำให้ท้ายที่สุดพืชต่างถิ่นก็ได้กลับกลายมาเป็นผู้เบียดเบียนการเจริญเติบโต จนพืชท้องถิ่นต้องล้มหายตายจากไปในที่สุด ความผิดพลาดดังกล่าวจะเป็นบทเรียนสำคัญให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เรื่องการนำพืชต่างถิ่นเข้าไปปลูกในพื้นที่ป่าโดยขาดความรู้ความเข้าใจ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้พืชท้องถิ่นบางชนิดสูญพันธุ์ไปจากพื้นที่นั้น”


นอกจากบทเรียนเรื่องพืชต่างถิ่นแล้ว เนื้อหาอื่น ๆ ที่วิทยากรบรรยายสอดแทรกเข้าไปตามลำดับการดำเนินกิจกรรมยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น หลักเกณฑ์และวิธีประเมินพื้นที่ป่าที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการสำรวจจริง, หลักเกณฑ์การคัดเลือกและคำนวณปริมาณเมล็ดพันธุ์ให้สอดคล้องกับอัตราการงอกของพืชชนิดนั้น ๆ, หลักการคำนวณว่าจะเก็บเมล็ดพันธุ์จากแหล่งต่าง ๆ ได้ในปริมาณเท่าไหร่, วิธีการดูแลพื้นที่ป่าที่ปลูกทดแทนในช่วงอนุบาลหรือ 1-2 ปีแรกของการเพาะปลูก


เตรียมขยายผลต้นแบบกิจกรรมการเรียนรู้ในปี 2570
ที่ผ่านมาคณะทำงานโครงการ SIMPLE ได้นำกิจกรรม BiodiVRestorer ไปนำร่องทดสอบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจาก 21 โรงเรียน ในกรุงเทพฯ, ปทุมธานี และเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้เข้าร่วมรวมทั้งสิ้นมากกว่า 200 คน
ดร.ปัญญาวุฒิ เล่าว่าจากการทดลองจัดกิจกรรม ได้ผลลัพธ์ที่ดีในทุกครั้ง ทั้งด้านความรู้ความเข้าใจและการจดจำเนื้อหาสำคัญได้ในระยะยาว นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมยังสะท้อนด้วยว่ารู้สึกสนุกและมีความสุขกับการได้มีส่วนร่วมในการทำทุกกิจกรรม รวมถึงการได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เข้าร่วมกับวิทยากร
“แม้การจัดกิจกรรมนำร่องจะให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว ปัจจุบันคณะทำงานก็ยังคงเดินหน้าใช้เวลาที่เหลือภายในโครงการพัฒนาหลักสูตรให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งการปรับกระชับเนื้อหา และการเพิ่มกิจกรรมเกม VR ให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปลูกและดูแลพืชในช่วงอนุบาล เพื่อประคับประคองให้พืชเหล่านั้นรอดพ้นจากทั้งภัยธรรมชาติและการรุกล้ำพื้นที่จากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จนแข็งแรงพอที่จะเติบโตต่อด้วยตัวเองตามวิถีธรรมชาติ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เกิดความหวงแหนในทรัพยากรป่าไม้ พร้อมทั้งได้เรียนรู้กระบวนการฟื้นฟูป่าแบบครบขั้นตอนตามหลักการที่ถูกต้อง”
ปัจจุบันโครงการ SIMPLE ในส่วนของประเทศไทยดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว คณะทำงานคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะพัฒนากิจกรรมส่วนต่อขยายได้แล้วเสร็จ และในปี 2570 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการดำเนินงาน คณะทำงานได้มีแผนที่จะพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ ให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะแก่การนำไปติดตั้งยังแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการขยายผลการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ดร.ปัญญาวุฒิ เล่าทิ้งท้ายว่า คณะทำงานคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นจะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและการฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างเหมาะสมให้แก่เยาวชน เพื่อให้พวกเขาได้นำองค์ความรู้ไปปรับใช้ สื่อสารอย่างถูกต้อง ช่วยอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และร่วมกันสร้างโลกใบนี้ให้เป็นบ้านที่ปลอดภัยสำหรับทุกชีวิตตลอดไป
สำหรับผู้ที่สนใจนำหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ไปใช้จัดกิจกรรมในสถานศึกษา ติดต่อสอบถามได้ที่ ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ ไบโอเทค สวทช. อีเมล nbt.pr@nstda.or.th และติดตามรายละเอียดความคืบหน้าของโครงการได้ผ่าน www.project-simple.eu
ผู้ดำเนินงานหลักด้านการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอน
- ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ ไบโอเทค สวทช. ดำเนินงานด้านการพัฒนาเนื้อหาและระบบจำลองสถานการณ์
- ฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน สวทช. ดำเนินงานด้านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมให้แก่ผู้เรียน
- ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. ดำเนินงานด้านการออกแบบโมเดลสามมิติ และจัดทำสื่อ AR
- กลุ่มวิจัยไอโอทีและระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม เนคเทค สวทช. ดำเนินงานด้านการพัฒนาสื่อ VR
เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย คณะทำงานโครงการ SIMPLE ประเทศไทย