จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.2 – เอ็ม-โบน (M-Bone) “วัสดุอัศจรรย์” คืนความสุขให้การบดเคี้ยว
เอ็ม-โบน (M-Bone) “วัสดุอัศจรรย์” คืนความสุขให้การบดเคี้ยว
เหงือกจ๋า ฟันลาก่อน…วลีติดตลก ที่ไม่ตลกเอาซะเลยสำหรับผู้ที่สูญเสียอวัยวะฟัน ปราการด่านแรกที่ทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร ซึ่งหากเสียฟันไปแล้ว ย่อมส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารอื่นๆ ตามไปด้วย ดังนั้นหากใครไม่อยากสูญเสียความสุขในการบดเคี้ยว ควรดูแลรักษาฟันและเหงือกตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
แต่สำหรับหลายคนที่คิดว่าสูญเสียความสุขในการบดเคี้ยวไปนานแล้วอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะวันนี้นักวิจัยไทยได้สร้าง ‘เอ็ม-โบน’ (M-Bone) วัสดุทดแทนกระดูกปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์ มีจุดเด่นคือช่วยอนุรักษ์สันกระดูกขากรรไกรที่รองรับแรงในการบดเคี้ยวได้ดี แถมมีประสิทธิภาพในการเหนี่ยวนำเซลล์กระดูกขากรรไกรสร้างได้เร็วขึ้นใน 3 เดือน ซึ่งเร็วกว่าการปล่อยให้กระดูกคนไข้งอกขึ้นเองที่ต้องอาศัยระยะเวลานาน 6-12 เดือน
ผลงานวิจัยเอ็ม-โบน ‘วัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์ ถูกเปิดเผยภายหลัง จากที่มีการลงนามในสัญญาอนุญาตให้สิทธิใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย “วัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์” ระหว่าง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับ บริษัทออส ไฮดรอกซี จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพ ด้านการแพทย์สัญชาติไทย ที่ได้รับอนุญาตสิทธิจากเจ้าของผลงานวิจัย ในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีและผลิต เอ็ม-โบน ในเชิงพาณิชย์ในอีก 1 ปีข้างหน้า
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. ให้การสนับสนุนและพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมการแพทย์ชั้นสูง เพื่อต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์ ด้วยการอนุญาตให้สิทธิใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย “วัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์” (M-Bone) ให้กับบริษัทออส ไฮดรอกซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านการแพทย์เพื่อผลิตและจำหน่ายมีระยะเวลา 5 ปี
สำหรับผลงานวิจัยนี้เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีความปลอดภัย ได้การรับรองโรงงานผลิตต้นแบบเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐาน กำหนดขอบข่ายของระบบการบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐาน International Standard: ISO 13485:2016 โดยครอบคลุมกระบวนการวิจัยและพัฒนา และการผลิตต้นแบบเชิงอุตสาหกรรม วัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทดสอบทางคลินิก ถือเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้เกิดการขับเคลื่อนและบูรณาการความร่วมมือ ส่งเสริมเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่ ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ
สังเคราะห์วัสดุปลูกถ่ายฯ-สร้างกระดูก
ดร.นฤภร มนต์มธุรพจน์ นักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (A-MED) ทีมวิจัยเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ฝังใน สวทช. เปิดเผยว่า ตนและทีมวิจัยได้พัฒนาวัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์ (Hydroxyapatite bone graft substitutes) ซึ่งเป็นต้นแบบวัสดุทางการแพทย์ชนิดแรกของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล
สำหรับ เอ็ม-โบน มีจุดเด่นคือ เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีความปลอดภัย สำหรับการนำไปใช้งานเป็นวัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์ มีส่วนประกอบหลักคือ ไฮดรอกซีอาปาไทต์ และไตรแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกธรรมชาติของมนุษย์ที่สามารถเหนี่ยวนำเซลล์กระดูกให้เจริญเติบโตในบริเวณที่มีการปลูกถ่าย หรือทดแทนได้ดี โดยสวทช. ได้ขึ้นทะเบียนห้องปฏิบัติการเป็นสถานที่ผลิตเครื่องมือแพทย์กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว
“วัสดุ เอ็ม-โบน ทีมวิจัยสังเคราะห์จากวัสดุที่ปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ มีการทดสอบความเป็นพิษ ทดสอบการระคายเคือง ทดสอบการก่อให้เกิดการไข้และผลข้างเคียงที่จะมีผลต่อเนื้อเยื่อ มีคุณสมบัติในการเหนี่ยวนำการเจริญเติบโตของเซลล์กระดูกโดยเฉพาะบริเวณที่มีการปลูกถ่าย หรือทดแทน เนื่องจากรูพรุนที่มีลักษณะต่อเนื่องถึงกัน และมีความพรุนตัวที่ประมาณร้อยละ 80 ส่งผลให้ผิวของวัสดุมีความหยาบเพียงพอต่อเซลล์กระดูกให้สามารถเกาะยึดและเข้าไปเจริญเติบโตในรูพรุนของวัสดุได้ดีในระยะเวลาเพียง 16 สัปดาห์จะเห็นกระดูกใหม่เจริญเติบโตเข้ามาในรูพรุนตรงกึ่งกลางของวัสดุทดแทน”
ความพิเศษของวัสดุ เอ็ม-โบน ไม่เพียงทดสอบกันแต่ในห้องแล็บเท่านั้น เพื่อให้ถึงมือผู้ใช้จริงทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้นำผลจากการใช้จริงมาการันตีความมีประสิทธิภาพพร้อมกับความปลอดภัย
รศ. นพ.ดร.ปฐวี คงขุนเทียน ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางทันตกรรมรากเทียม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า วัสดุที่ใช้ทดแทนกระดูกอาจแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. กระดูกที่ได้จากร่างกายของผู้ป่วยเอง 2. กระดูกที่ได้จากการที่มีผู้บริจาคแล้วนำมาผ่านกระบวนการเพื่อใช้ในทางการแพทย์ 3. กระดูกที่ได้จากกระดูกสัตว์ เช่น วัว ม้า และ 4. กระดูกที่ได้จากการสังเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ โดยการนำ เอ็ม-โบน มาใช้ทางการแพทย์นั้น จัดอยู่ในกระดูกที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีข้อได้เปรียบในกรณีที่ผู้ป่วยมีความกังวลในเรื่องการใช้วัสดุจากบุคคลอื่น หรือสัตว์ ตลอดจนแพทย์สามารถใช้ได้อย่างมั่นใจว่าจะไม่มีการส่งถ่ายเชื้อโรค หรือไวรัสไปหาผู้ป่วย เนื่องจากเอ็ม-โบน ได้ผ่านการวิจัยทดสอบและพัฒนาตามมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ชนิดฝังใน ISO 13485 ที่ได้รับการรับรองจาก TÜV เยอรมนี จึงมั่นใจว่ามีความปลอดภัยสูงใช้ได้ในร่างกาย จากการทดสอบในสัตว์ทดลอง (หมู) แสดงให้เห็นว่า เอ็ม-โบน มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อกระดูกเป็นอย่างดี ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้หรืออักเสบ ตลอดจนมีการสร้างกระดูกใหม่แทรกเข้าไปรอบๆ วัสดุ เอ็ม-โบน ได้ดีด้วย
สำหรับการให้การรักษาในผู้ป่วยนั้น การนำมาใช้ทดแทนกระดูกที่ถูกทำลายไปเนื่องจากโรคบางอย่าง เช่น ถุงน้ำ หรืออุบัติเหตุ วัสดุ เอ็ม-โบน ยังให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิผล ไม่แตกต่างจากวัสดุทดแทนกระดูกของต่างประเทศ โดยที่ผู้ป่วยไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านวัสดุฝังในและไม่เกิดอาการแพ้แต่อย่างใด
เตรียมผลิตเอง ลดนำเข้าหลายร้อยล้านต่อปี
ผลงานนี้เตรียมผลิตเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดงบวัสดุปลูกกระดูกฯ ในคนไข้ฝังรากฟันเทียมได้เท่าตัว ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังต้องนำเข้าวัสดุฯ ชนิดดังกล่าวจากต่างประเทศร้อยเปอร์เซ็นต์คิดเป็นมูลค่ามากกว่าร้อยล้านบาทต่อปี
ภก.สุรศักดิ์ นันทวิริยกุล ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัทออส ไฮดรอกซี จำกัด ในฐานะผู้รับอนุญาตสิทธิในผลงานวิจัยเพื่อนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการใช้วัสดุทดแทนกระดูกมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากประชากรในประเทศมีผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่งราคาวัสดุทดแทนกระดูกมีการจำหน่ายในราคาที่สูง เช่น 0.5 ซีซี ราคาประมาณ 3,000 – 4,000 บาท และต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศซึ่งมีมูลค่านำเข้าปีละหลายร้อยล้านบาท ดังนั้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่ต้องการศัลยกรรมช่องปาก ฝังรากเทียม บริษัทฯ เห็นประโยชน์จากการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งนี้ ถือเป็นการนำเอาผลงานวิจัยของนักวิจัยไทยมาใช้ประโยชน์ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและวัสดุทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยรักษาการเจ็บป่วยและมีสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีทุกช่วงวัย โดยบริษัทมีแผนการลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตวัสดุทดแทนกระดูกในปี 2563 เพื่อให้เพียงพอต่อการผลิตและจำหน่ายในอนาคต และพัฒนาธุรกิจให้สามารถแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้
เอ็ม-โบน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่สร้างความหวังกับคนไข้รากฟันเทียมที่ต้องอาศัยการงอกของสันกระดูกขากรรไกรเป็นตัวช่วยพยุงรากฟันเทียมให้มีความมั่นคงแข็งแรง เพิ่มความสุขในการบดเคี้ยวให้กลับมาอีกครั้ง
เรียบเรียง : อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.