สวทช. และมูลนิธิ SOS เปิดรับ “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” พื้นที่ชลบุรี เน้นบทบาทสำคัญ “ตัวกลาง” ส่งต่ออาหารสู่กลุ่มเปราะบาง เพื่อขับเคลื่อน Food Bank
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) ด้วยความร่วมมือจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี (พมจ. ชลบุรี) เร่งขยายผลโครงการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน (Food Surplus) เพื่อลดปัญหาขยะอาหาร และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เดินหน้าขับเคลื่อนสู่การจัดตั้งธนาคารอาหารของประเทศไทย (Thailand’s Food Bank) ซึ่งจังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งใน 20 จังหวัดเป้าหมายในการขยายผลโครงการในปี 2568-2569 สวทช. ในฐานะขุมพลังหลักทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ได้รับบทบาทสำคัญเป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของโครงการ ด้วยการนำผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาบูรณาการกับนวัตกรรมการจัดการอาหารส่วนเกิน เพื่อสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหารและลดขยะอาหารของประเทศ โดยได้มีการลงพื้นที่อำเภอศรีราชา เมื่อวันที่ 20-21 ตุลาคม 2568 เพื่อเยี่ยมชมและติดตามการดำเนินงานของเครือข่ายที่มีอยู่ และจัดประชุมระดมสมอง ณ โรงแรมเคป ราชา เพื่อขยายเครือข่าย “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” ตัวกลางเชื่อมระหว่างผู้ให้อาหารและผู้รับอาหาร เพื่อให้การส่งต่ออาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย ช่วยกอบกู้อาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีจากแหล่งต่าง ๆ ส่งต่อให้แก่กลุ่มคนเปราะบาง หรือผู้ขาดแคลนในพื้นที่ โดยมี นางสาวจันจิรา ไทยบัณฑิตย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน และแสดงเจตนารมณ์ถึงความร่วมมือของภาครัฐในการขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจจากเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ หน่วยงาน One Home พม.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) เข้าร่วมประชุมมากกว่า 50 คน
ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์ นักวิจัยนโยบายอาวุโส และหัวหน้าโครงการ Food Bank สวทช. กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายผลและประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเกิดขยะอาหาร และแก้ปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารของประชากรกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ซึ่งจะมีการขยายผลแนวทางการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน เพื่อจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทยให้ครบตาม 20 จังหวัดเป้าหมาย ซึ่งจังหวัดชลบุรีเป็นหนึ่งในนั้น โดยโครงการฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างระบบตัวกลาง “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” ที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ให้อาหารกับผู้รับอาหาร ซึ่งการมีเครือข่ายตัวกลางที่แข็งแกร่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานในพื้นที่ เนื่องจากอาสาสมัครรักษ์อาหารจะเป็นกลไกหลักในการลงไปกอบกู้อาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีจากภาคธุรกิจในพื้นที่ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร หรือผู้ผลิต และนำส่งต่อให้กับผู้ขาดแคลนในชุมชนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
ด้าน นายณัฐพล เกษมราษฎร์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ SOS กล่าวว่า “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ชลบุรี ซึ่งกลุ่มอาสาสมัคร เครือข่ายจิตอาสา หน่วยงาน หรือประชาชนในพื้นที่ชลบุรีที่สนใจสามารถเข้าร่วมเป็น “ตัวกลาง” ในการกอบกู้อาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดี และส่งต่ออาหารส่วนเกินให้กลุ่มคนเปราะบางในพื้นที่จังหวัดชลบุรีได้ โดยขั้นตอนการเข้าร่วมเป็น “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” จะเริ่มตั้งแต่การรับสมัคร การฝึกอบรมทั้งในรูปแบบออนไลน์ จนถึงการปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ โดยยึดหลักการทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่ได้รับบริจาคมีคุณภาพดีและปลอดภัย พร้อมส่งต่อไปถึงมือผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริง
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
พร้อมกันนี้ ภายในการประชุมระดมสมอง ยังมีผู้แทนจากสมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย และผู้แทนเครือข่ายอาสาสมัครบ้านบึง มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเป็นอาสาสมัครรักษ์อาหาร และมุมมองในการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งการประชุมระดมสมองเพื่อขยายเครือข่าย “อาสาสมัครรักษ์อาหาร” ในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศการจัดการอาหารในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเข้าใจและเชิญชวนเครือข่ายจิตอาสา รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการส่งต่ออาหาร เพื่อให้การดำเนินการในจังหวัดชลบุรีเป็นไปตามเป้าหมายของโครงการและสร้างความยั่งยืนทางอาหารแก่ชุมชน ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สวทช. โทร. 02 5647000 อีเมล foodbank@nstda.or.th เว็บไซต์ https://www.nstda.or.th/foodbank/ และมูลนิธิ SOS โทร. 02 0751417, 062 6750004 และ Facebook: @sosfoundationthai
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |