สวทช. ร่วมกับพันธมิตรจัดงานประชุมนานาชาติ ASEANSafe 2025 แลกเปลี่ยนองค์ความรู้-ความปลอดภัยของอาหาร รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

(วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568) ณ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ศูนย์วิจัยนานาชาติด้านความมั่นคงอาหาร (IJC-FOODSEC), สหภาพยุโรป, หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.), มูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (บวท.), จัดงานประชุมนานาชาติ ASEANSafe 2025: Building Resilient Communities for a Safe ASEAN ระหว่าง วันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเป็นเวทีระดับนานาชาติในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรม และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยอาหารภายใต้ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมทุกห่วงโซ่อาหาร พร้อมผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในภูมิภาค

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า งานประชุมนานาชาติ ASEANSafe 2025 สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมของประเทศในอาเซียนในการยกระดับความปลอดภัยอาหาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทั้งระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
“ในแต่ละปี มีประชากรกว่า 50 ล้านคนในภูมิภาคอาเซียนได้รับผลกระทบจากโรคที่เกิดจากอาหาร และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 175,000 คน จากอาหารที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นภายใต้ภาวะโลกร้อน ปัญหานี้ไม่หยุดอยู่แค่พรมแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง และแนวทางแก้ไขของเราก็จำเป็นต้องก้าวข้ามพรมแดนเช่นเดียวกัน”
ทั้งนี้ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เชื่อมั่นว่า “การทูตวิทยาศาสตร์” และ “ความร่วมมือระหว่างประเทศ” คือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง การประชุมนี้จึงเป็นเวทีที่มีความสำคัญยิ่งในการรวบรวมนักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย และพันธมิตรจากหลายประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและร่วมกันกำหนดทิศทางในอนาคต จึงขอให้ทุกคนร่วมกันให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างงานวิจัย การพัฒนามาตรฐานที่สอดคล้องกัน และการสร้างระบบอาหารที่เข้มแข็งและยั่งยืนด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม

“ขอบคุณทีมผู้จัดงานทุกท่าน ประกอบด้วย สวทช., มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ศูนย์วิจัยนานาชาติด้านความมั่นคงอาหาร (IJC-FOODSEC), สหภาพยุโรป, บพค., มูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (บวท.), และหน่วยงานที่เข้าร่วมทุกแห่ง สำหรับการทำงานอย่างทุ่มเทและความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนประเด็นความปลอดภัยอาหารในอาเซียนและในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ IJC-FOODSEC ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการศึกษาความท้าทายด้านความปลอดภัยอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นไมโคท็อกซินที่ทวีความรุนแรงจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผ่านความร่วมมือด้านการวิจัยและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ศูนย์ฯ มีบทบาทในการเชื่อมโยงงานวิทยาศาสตร์สู่การกำหนดนโยบาย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยอาหารและความเข้มแข็งของระบบอาหารในภูมิภาคอย่างแท้จริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือใหม่ ๆ และยกระดับความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างความปลอดภัยอาหารเพื่อทุกคน ขอให้ ASEANSafe 2025 เป็นหมุดหมายสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือและความปลอดภัยด้านอาหารของประชาชนในภูมิภาคของเราอย่างยั่งยืน”

ดร.วรินธร สงคศิริ รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวถึงบทบาทของ สวทช. ว่า มุ่งขับเคลื่อนประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารในอาเซียนผ่านงานวิจัยและนวัตกรรม “ไบโอเทค สวทช. ภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าภาพหลักการประชุมครั้งนี้ และร่วมทำงานกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ความร่วมมือเชิงรูปธรรม เช่น โครงการ Mycobean และ mycoSMART ภายใต้โครงการ EU RISE scheme แสดงให้เห็นถึงพลังของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพอาหาร สุขภาพ และเศรษฐกิจภูมิภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม”

ทั้งนี้ ดร.วรินธร กล่าวว่า บทบาทของศูนย์วิจัยร่วมระหว่างประเทศด้านความมั่นคงอาหาร (IJC-FOODSEC) ซึ่งเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ไบโอเทค มหาวิทยาลัยควีนส์เบลฟาสต์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ฯ แห่งนี้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง (Real-world problems) ตั้งแต่การทำความเข้าใจความเสี่ยงของการปนเปื้อนในอาหาร การพัฒนาเครื่องมือที่ทันสมัยในการตรวจจับและป้องกันอันตราย ไปจนถึงการสร้างกลไกในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ กฎระเบียบและภาคอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบอาหารที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในสถานการณ์โลกที่มีความท้าทาย พร้อมย้ำว่าความปลอดภัยอาหารและความมั่นคงอาหารเป็นประเด็นที่แยกจากกันไม่ได้ จึงต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

รองผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า เราทุกคนต้องตระหนักอยู่เสมอว่า “ความปลอดภัยทางอาหาร” และ “ความมั่นคงทางอาหาร” นั้นเป็นเสมือนสองสิ่งที่มิอาจแยกออกจากกันได้ ความเสี่ยงหรืออันตรายใด ๆ ที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อาหาร ไม่ว่าเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ย่อมสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาคอาเซียนได้ในวงกว้าง ดังนั้นการประชุม ASEANSafe 2025 จึงเป็นอีกหนึ่งเวทีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความร่วมมือ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาศักยภาพ ซึ่งจะยังประโยชน์อย่างครอบคลุมต่อทั้งเกษตรกร หน่วยงานกำกับดูแล และผู้บริโภคไปพร้อมกัน

ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) กล่าวว่า บพค. หรือ PMU-B ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งต่อทีมงานโครงการ mycoSMART และพันธมิตรทุกท่านภายใต้โครงการ Global Partnership Scheme โครงการ mycoSMART ได้แสดงให้เห็นถึงผลงานที่เป็นประจักษ์และความสำเร็จอันโดดเด่นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสูง การพัฒนาต้นแบบที่ชัดเจน และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการสร้างเครือข่ายความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างนักวิจัยไทยกับสถาบันชั้นนำหลายแห่งในทวีปยุโรป
“IJC-FOODSEC มีบทบาทสำคัญในการยกระดับและส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ ผ่านการจัดการประชุมนานาชาติ เวิร์กชอป และการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลายครั้ง อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการแสวงหาแหล่งทุนวิจัยจากภายนอก ทั้งจากสหภาพยุโรป (European Union) และ The Global Challenge Research Fund
บพค. (PMU-B) มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนสนับสนุนโครงการความร่วมมือที่มีผลสัมฤทธิ์ต่อสังคมเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก ในประเด็นสำคัญอย่างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน” ดร.ณิรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |














