หน้าแรก ผลงาน “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ของ สวทช. กระทรวง อว. ได้รับพระราชทานรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2562
ผลงาน “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ของ สวทช. กระทรวง อว. ได้รับพระราชทานรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2562
17 ต.ค. 2562
0
ข่าวประชาสัมพันธ์

For English-version news, please visit : Inventors of DentiiScan 2.0 named Outstanding Technologist 2019

17 ตุลาคม 2562- โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก, อะ ลักช์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพฯ : มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานแสดงความความยินดีแก่นักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2562 ในปีนี้ผลงานวิจัยพัฒนา “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส สวทช. และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ผู้อำนวยการโครงการ “เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย” ได้เข้ารับพระราชทานรางวัล “นักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2562” แล้ว จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562 ในวโรกาสที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 45 (วทท.45) ของ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย  <ข่าวในพระราชสำนัก https://youtu.be/xbKh58O2sbc >

  

โครงการดังกล่าวข้างต้นเริ่มในปี พ.ศ. 2550 จากการรวมตัวของคณะวิจัยนำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ (ที่ปรึกษาอาวุโส สวทช. และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ) เป็นผู้อำนวยการโครงการ, ดร.เสาวภาคย์ ธงวิจิตรมณี (นักวิจัยอาวุโส) เป็นหัวหน้านักวิจัยระบบซอฟต์แวร์ และ ดร.กฤษณ์ไกรพ์ สิทธิเสรีประทีป (นักวิจัยอาวุโส) เป็นหัวหน้านักวิจัยระบบฮาร์ดแวร์ และคณะวิจัยจาก สวทช. อีกรวมทั้งสิ้น 19 คน จาก ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ต่อมาบางส่วนได้ย้ายไปสังกัดศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ (เอ-เมด) ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเช่นกัน

  

การดำเนินงานเริ่มจากงานทันตกรรมเป็นอันดับแรก ตั้งแต่การออกแบบ วิจัย พัฒนา ผลิตต้นแบบตามมาตรฐานสากล จนกระทั่งถ่ายทอดสู่ผู้ใช้ประโยชน์ได้จริงจนปัจจุบัน ต่อมาได้ขยายไปใช้งานลักษณะอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวยซึ่งบางครั้งนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า โคนบีมซีที (Cone Beam CT) หรือ ซีบีซีที (CBCT) จึงได้รับการออกแบบและผลิตออกมาเป็น 3 ลักษณะเพื่อสนองความต้องการของผู้ใช้ ได้แก่

1) เครื่องเดนตีสแกน (DentiiScan) เน้นงานทันตกรรมและศัลยกรรมบริเวณช่องปากและใบหน้า

2) เครื่องโมบีสแกน (MobiiScan) เน้นการแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ สามารถเคลื่อนย้ายได้

3) เครื่องมินีสแกน (MiniiScan) เน้นการตรวจหาขอบเขตทางรังสีของก้อนเนื้อเต้านมในห้องผ่าตัด

เครื่องโคนบีมซีทีที่วิจัยและพัฒนาขึ้นได้มีการทดสอบคุณภาพของภาพด้วยแฟนทอม (Phantom) มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางรังสีและไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างมีขั้นตอนตามหลักสากล แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการทดสอบทางคลินิกก่อนนำไปสู่การใช้งานจริงกับผู้ป่วย ในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะนำออกไปผลิตจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้งานในประเทศ คณะวิจัยจึงดำเนินการจนได้การรับรองมาตรฐานสากล ISO 13485 (ระบบการบริหารจัดการคุณภาพอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์) ของกระบวนการผลิตในโรงงานนำร่องของ สวทช. ที่จัดตั้งขึ้นมาอีกด้วย ปัจจุบันมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคเอกชนแล้ว กรณีเครื่องเดนตีสแกนนั้นติดตั้งใช้งานไปแล้วราว 60 เครื่องในโรงพยาบาลทั่วประเทศไทยและมีการใช้งานไปแล้วกว่า 7,000 ครั้ง ส่วนเครื่องโมบีสแกนใช้งานที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, คณะทันตแพทยศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยกับผู้ป่วยกว่า 1,000 ครั้ง ส่วนเครื่องมินีสแกนใช้กับผู้ป่วยที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ไปแล้วกว่า 100 ครั้ง

  

เครื่องโคนบีมซีทีนับเป็นตัวอย่างการงานวิจัยที่นอกจากจะช่วยลดการสูญเสียเงินตราไปต่างประเทศแล้วกรณีเครื่องเดนตีสแกนยังทำให้ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุและคนพิการได้เข้าถึงการใช้ประโยชน์เพื่องานทันตกรรมรากฟันเทียม รวมทั้งด้านการวินิจฉัยโรคอื่น ๆ อีกด้วย อาทิเช่น ขากรรไกรหักเนื่องจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ มะเร็งกรามช้าง ฟันฝัง ถุงน้ำ และไซนัสอักเสบ เป็นต้น กรณีเครื่องโมบีสแกนช่วยงานด้านการศัลยกรรมเพื่อแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ รวมทั้งผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ส่วนเครื่องมินีสแกนช่วยลดระยะเวลาในการใช้ห้องผ่าตัดและการดมยาสลบของผู้ป่วย ส่งผลให้แพทย์สามารถผ่าตัดได้เร็วขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายแก่ผู้ป่วยเนื่องจากการผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็งเต้านมซ้ำ

  

ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ (ที่ปรึกษาอาวุโส สวทช. และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ) ผู้อำนวยการโครงการ กล่าวย้ำว่า “ผลงานวิจัยพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติแบบลำรังสีทรงกรวย จะช่วยลดการเหลื่อมล้ำในสังคม เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ยกระดับคุณภาพของคนไทย ส่งเสริมให้มีการฝังรากเทียมกับผู้ยากไร้ และการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ พร้อมลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ประหยัดเงินตราของประเทศไปได้กว่า 270 ล้าน

รวมถึงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์จากงานวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ และสร้างระบบนิเวศน์ให้เกิดการหมุนเวียนในเชิงเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมไทย ตลอดจนสร้างเครือข่ายทันตแพทย์ขนาดใหญ่ในระดับประเทศ เกิดมูลค่าทางทันตแพทย์ในการทำรากฟันเทียม 900 ล้านบาทต่อปี ตอบโจทย์การนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ต่อไป ”

เว็บไซต์ของมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ซึ่งได้จัดให้มีโครงการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น และรางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมากล่าวถึงความสำคัญของรางวัลว่า“ศักยภาพและความสามารถในการสร้าง/พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติหรือเชิงพาณิชย์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และชุมชนในประเทศ เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการสร้างขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีของประเทศนั้นๆอย่างมาก

ซึ่งจะส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศในเวทีโลก” ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นปีแรกของการมอบรางวัล จนถึงปัจจุบัน(พ.ศ.2561)มีผู้ได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นทั้งประเภทกลุ่ม และบุคคลไปแล้วรวม 30 รางวัล และรางวัลนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่รวม 28 รางวัล

17 ต.ค. 2562
0
แชร์หน้านี้: