สรุปการบรรยายหัวข้อ ข้าวคือชีวิต ในงาน R&D Sharing 2017

สรุปการบรรยายหัวข้อ ข้าวคือชีวิต โดย ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืช ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้

งานวิจัยด้านข้าว ได้แก่ 1. ข้าวต้านทานโรคแมลง ทนแล้งทนเค็มได้ 2. ยกผลผลิตขึ้นอีกระดับหนึ่ง 3. ข้าว nutrition ตัวอย่างเช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีธาตุเหล็กและ antioxidant จากข้าวเจ้าหอมนิลและข้าวขาวดอกมะลิ 4. ข้าวลด blood pressure งานของหน่วยคือหาพันธุ์ที่ดีไปปลูกให้เหมาะสมในที่ต่างๆ โดยไปหายีนเมื่อรู้อยู่ที่ไหนเอาไปใส่ในพันธุ์ที่ต้องการปรับปรุง มีหลายวิธีการที่เอาไปใส่ เช่น marker assisted selection หรือ molecular breeding

ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/3/  

สรุปการบรรยายหัวข้อ Translating Biodiversity to Bioindustry ในงาน R&D Sharing 2017

สรุปการบรรยายหัวข้อ Translating Biodiversity to Bioindustry โดย ดร.วีระวัฒน์ แช่มปรีดา ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพจุลินทรีย์และชีวเคมีภัณฑ์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในงาน R&D Sharing 2017 ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้ดังนี้

งานหลักของหน่วยวิจัยเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ 4 ตัว ได้แก่ 1. สารธรรมชาติสารที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ขั้นตอนวิจัยคือมีจุลินทรีย์มาผ่านขบวนการการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพตัวไหนดีก็เอามาศึกษาโครงสร้างทางเคมี แล้วก็จะได้สิ่งที่เรียกว่า lead compound 2. จุลินทรีย์ควบคุมแมลง ขั้นตอนวิจัยคือเมื่อได้ candidate มาศึกษากลไกการทำงาน ต้องรู้ก่อนว่าทำงานอย่างไรเฉพาะเจาะจงกับแมลงเป้าหมายไหมหรือว่าไปทำลายแมลงอื่นที่ไม่อยากให้ทำลาย ต้องมา formulate ให้ทนสามารถเก็บได้ในขวดเป็นปี หลังจากนั้นเอาไปทดสอบตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการจนถึงระดับฟาร์ม งานที่ทำปัจจุบันตอบโจทย์การใช้กับพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ ข้าว มันสำปะหลัง พืชสวน 3. เอนไซม์ ขั้นตอนวิจัยคือ การพัฒนาสายพันธุ์ที่ผลิตเอนไซม์ได้ดี มีการพัฒนาสูตรจุลินทรีย์ที่ดีเอนไซม์ที่ดี นอกจากนี้มีการทำวิศวกรรรมเอนไซม์คือ ตัดเอนไซม์ที่เจอในธรรมชาติให้ดีขึ้นโดยเทคนิคทาง molecular แล้วเอามาสร้างระบบเอนไซม์ที่ดี เพื่อเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมพลังงาน 4. เชื้อเพลิงชีวภาพและสารเคมีจากอุตสาหกรรม biorefinery สิ่งที่อยากเห็นในอนาคตคือ อยากเห็น bio society ที่ประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดีและประเทศมีความยั่งยืน เห็นผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพอยู่รอบๆ ตัวเรา ทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพ ยา อาหาร

ติดตามการบรรยายฉบับเต็มได้ที่ http://ffwtube.nstda.or.th/category/seminar/rd-sharing/rd-sharing-2017/page/3/  

STKS จัดสัมมนา เรื่อง Patent Analytics

ฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS) ร่วมกับบริษัท Clarivate Analytics เจ้าของฐานข้อมูลสิทธิบัตร Derwent Innovation (DI) จัดสัมมนาเรื่อง Patent Analytics ในวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560  เวลา 9.00 – 11.30 น. ณ ห้องประชุม CO-110  (Theater) อาคารสำนักงานกลาง อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย วิทยากรโดย Mr. Vashe Kanesarajah, Manager and Senior Consultant IP Analytics & Research จากบริษัท Clarivate Analytics โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังการสัมมนา จำนวน 56 คน

   

  

  

STKS จัดสัมมนาเรื่อง Empowering Research with Elsevier

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2560 ฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS) ร่วมกับสำนักพิมพ์ Elsevier B.V. ได้จัดสัมมนาการบรรยายเรื่อง Empowering Research with Elsevier ณ ห้อง Auditorium 113 อาคารสำนักงานกลาง อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย วิทยากรโดย คุณนัฐพล สีสุรักษ์ ผู้ฝึกอบรมจากสำนักพิมพ์ Elsevier ประเทศไทย หัวข้อการบรรยายที่สำคัญ คือ Searching for Research Contents (ชุดข้อมูล Elsevier Research Platform : ScienceDirect, Scopus และ Mendeley) และ Journal Evaluation in Research Work (ชุด Journal Metrics : SJR , SNIP และ CiteScore) มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการสัมมนา จำนวน 26 คน

  

  

  

 

แจ้งผลการพิจารณาโครงการ “นาวาฝ่าวิกฤต: Mobility in the time of flood” รอบข้อเสนอโครงการ

ตามที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้จัดให้มีการประกวดนวัตกรรม “นาวาฝ่าวิกฤต: Mobility in the time of flood” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมใหัเกิดการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงในยามที่ประเทศเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรงนั้น
 

สำนักงานฯ ได้พิจารณาข้อเสนอโครงการและมีความยินดีขอแจ้งให้ท่านทราบว่า โครงการของท่านผ่านการพิจารณาเพื่อรับทุนสนับสนุนโครงการในรอบข้อเสนอโครงการ จำนวนทุนโครงการละ ๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ท่านมีเวลาในการพัฒนาต้นแบบเวลา ๗ วัน ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และต้องนำมาผลงานมาสาธิตการใช้งานจริงในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๑๑๒ ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ๑๒๑๒๐
 

สำหรับหลักเกณฑ์การตัดสินในรอบชิงชนะเลิศ หลักเกณฑ์การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเงินสนับสนุน และรายละเอียดเพิ่มเติมจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ หากท่านมีข้อสงสัยประการใด กรุณาติดต่อที่ นายเจษฎา จงสุขวรากุล โทรศัพท์ ๐๘๙ ๑๐๙ ๕๖๖๔ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ floodcontest@nectec.or.th สังคมออนไลน์ http://www.facebook.com/groups/floodcontest/
 

รายชื่อโครงการที่ผ่านการพิจารณา

รวมพลังฟื้นไทย… ด้วยใจและเทคโนโลยี

กลุ่มเพื่อนสวทช. FoN เดินหน้าช่วยฟื้นฟูหลังน้ำท่วม แจกถุงฟื้นฟูบ้าน พร้อมแพคเกจดูแลบ้านและธุรกิจหลังน้ำลด แก้ปัญหาตื่นตูมซ่อมบ้านจนถูกผู้รับเหมาโขกราคา ดันกลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยีช่วยเหลือ SMEs รับซ่อม ตรวจสอบ แจกซอฟต์แวร์ หางานให้ฟรี

ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่และมีการเร่งฟื้นฟูอยู่ในขณะนี้ ทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสวทช. (NSTDA) สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมมือกับกลุ่มองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเทคโนโลยีร่วมกันตั้งกลุ่มเพื่อนสวทช. หรือ Friends of NSTDA (FoN) ขึ้น เพื่อระดมเทคโนโลยี เชื่อมโยงกับทรัพยากรอื่นๆ ในการเข้าช่วยเหลือปัญหาน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยจะเน้นการเป็นโซลูชัน การให้ความรู้และหวังผลที่จะให้รวมกลุ่มกันดำเนินการต่อไปในระยะยาว

กลุ่ม FoN จะแบ่งออกตามกลุ่มของปัญหาคือ กลุ่มบ้าน และกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ด้วยการตั้งโจทย์แรกก็คือ การเข้าร่วมฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ เป็นแกนหลักในการทำงาน ด้วยการเน้นบูรณาการระหว่างกัน นั่นหมายถึงการนำเทคโนโลยีจากหลายๆ แห่งมารวมเข้าไว้ด้วยกัน และนำเสนอการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สร้างโซลูชันใหม่ ต่อยอดจากโซลูชันเดิมให้ครบรอบด้าน โดยไม่มีนโยบายปิดกั้น และทางผู้ประสบภัยสามารถร้องขอความต้องการให้ช่วยเหลือใหม่ๆ เข้ามาได้

ปัจจุบันกลุ่ม FoN มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 ราย มีโครงการที่เข้าร่วม FoN ในรอบสามเดือนนี้ประมาณ 20 กว่าโครงการ ซึ่งมีหลายโครงการที่จะดำเนินการต่อไปในระยะยาว

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า แผนงานในระยะสั้นของ FoN คือ การฟื้นฟูบ้านและธุรกิจด้วยเทคโนโลยี โดยกลุ่มบ้าน จะเริ่มตั้งแต่การให้ความรู้ในการเข้าบ้านอย่างปลอดภัย จนถึงการทำความสะอาดในแบบต่างๆ การใช้อุปกรณ์และวัสดุที่เป็นเทคโนโลยีในการฆ่าเชื้อโรค ฯลฯ เทคนิคการซ่อมบ้านในช่วงฟื้นฟู ต่อเนื่องไปจนถึงการจับคู่ผู้ประสบภัยกับช่างซ่อมบ้านและผู้จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ ผ่านโครงข่าย Social Network โดยจุดประสงค์หลักๆ คือ การเป็นแนว BiG Bag ให้กับประชาชนไม่ให้เกิดตื่นตระหนกจากการที่ต้องแย่งชิงทรัพยากร และความรู้เพื่อนำมาซ่อมแซมบ้านของตนเอง ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มธุรกิจ ที่เน้นในระดับ SMEs โดยจะมีทั้งแผนฟื้นฟูตั้งแต่ทำความสะอาด ต่อเนื่องไปจนถึงกู้คืนอุปกรณ์ทั้งเครื่องจักร และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเครือข่าย เชื่อมต่อไปยังแผนระยะยาวในด้านอื่น เช่น ซอฟต์แวร์การบริหารงาน เป็นต้น

จากปัญหาการเข้าฟื้นฟูบ้านและสถานที่ทำงานหลังน้ำลดของภาคประชาชนและภาคธุรกิจนั้น มีตั้งแต่การไม่มีความรู้ การไม่มีอุปกรณ์ และวัสดุที่ถูกต้อง การขาดแคลนแรงงาน การขาดแคลนการจัดการ เช่น การกำจัดของเสียอันเกิดจากน้ำท่วม กลุ่ม FoN จึงได้จัดทำ ถุงฟื้นฟูบ้าน หรือ Home Recovery Kit ขึ้นมาเป็นต้นแบบ และได้ผลิตขึ้นมาในจำนวนหนึ่ง เพื่อหวังให้การฟื้นฟูของประชาชนดำเนินการไปได้อย่างถูกต้อง ในถุงฟื้นฟูจำนวน 500 ชุดที่กลุ่ม FoN ร่วมกันจัดทำนั้น จะประกอบด้วย กางเกงแก้ว, หน้ากากกันเชื้อรา, แป้งกันยุง, หนูสะอาด, ผงกำจัดเชื้อโรคด้วยจุลินทรีย์, น้ำยาทำความสะอาด, คู่มือการทำความสะอาด และการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ และอื่นๆ

การรับถุงฟื้นฟูบ้านของ FoN ในครั้งนี้ ในครั้งนี้จัดเตรียมให้กับ เอสเอ็มอี ที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่เว็บไซต์ของกลุ่ม FoN www.friends-nstda.com หรือ โทรศัพท์ 02-564-8000, 083-840-6995 เพียงลงทะเบียนให้ข้อมูลตามแบบฟอร์ม และแจ้งปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลือ สวทช. จะประสานผู้เชี่ยวชาญเครือข่ายของ สวทช. , มจธ. และเครือข่ายเพื่อน สวทช. ในการให้ความช่วยเหลือต่อไป สำหรับ Recovery Kit ของแต่ละรายอาจมีบริการอื่นๆ เสริม ตามความต้องการของแต่ละรายที่แตกต่างกันไปได้ เช่น บางรายเครื่องคอมพิวเตอร์จมน้ำ และต้องการกู้ฮาร์ดดิสก์คืน

สำหรับแผนในระยะยาวนั้น จะมีการเพิ่มทั้งในส่วนของเทคโนโลยี อุปกรณ์ องค์ความรู้ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีรายใหม่ๆ เพื่อทำให้การช่วยเหลือทางด้านต่างๆ มีความหลากหลาย และทำให้ภาคเอกชนรายเล็กๆ สามารถจับมือร่วมกันทำ CSR ต่อไปในอนาคตได้ โดยมีสวทช.คอยเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน

นายพงศ์วัฒน์ กฤษณามระ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บิลค์ เอเชีย ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม FoN เปิดเผยว่า ในส่วนของการฟื้นฟูบ้านนั้นจะเริ่มจาก NSTDA Academy ที่จัดทำสื่อเผยแพร่เกี่ยวกับการฟื้นฟูบ้านที่ถูกต้อง โดยจะมีคลิปวิดีโอสั้นๆ เพื่อทำให้คนเข้าใจง่ายๆ ประมาณ 5 ตอน คาดว่าจะเริ่มเผยแพร่วีดีโอดังกล่าว ผ่านทางสื่อมวลชนและทาง http://www.youtube.com/user/nstda ตลอดจนทยอยผลิตแจกจ่ายให้กับหน่วยงาน องค์กรและประชาชนที่สนใจได้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป ตามด้วยบริษัท เอนคอน โซลูชั่น จำกัด ได้มอบจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำความสะอาดและขจัดกลิ่นจากคราบสกปรกทุกชนิดโดยไม่มีสารตกค้าง จำนวน 1 แสนลิตร ซึ่งจะมอบให้กับวัดหรือโรงเรียนเพื่อนำไปใช้ได้ทันที

อีกโครงการหนึ่งที่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนคือ การซ่อมแซมบ้าน ซึ่งทาง บิลค์ เอเชีย ได้ริเริ่มโครงการ “ซ่อมๆไปก่อน” เพื่อที่จะคอยให้คำแนะนำในการซ่อมแซมบ้านโดยทีมหมอบ้านอาสาซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งสถาปนิกและวิศวกรจำนวน 30 กว่าคน เพื่อที่จะพยายามไม่ให้ผู้ประสบภัยตื่นตระหนกตกใจ กับการซ่อมแซมบ้านและเป็นการป้องกันในส่วนของการไม่ให้ความต้องการอุปกรณ์ที่ซ่อมแซมบ้านมีราคาสูงจนเกินไปอันเนื่องมาจากความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้นโดยใช้เครือข่าย Social Network ในการตอบคำถามตลอด 24 ชั่วโมง ที่ http://www.facebook.com/HomeFirstAid ส่วนแผนในระยะยาวนั้นจะใช้เครือข่ายของเว็บไซต์ ้http://www.Builk.com ในการจับคู่ระหว่างผู้ที่ต้องการซ่อมแซมบ้านกับผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้ในเว็บไซต์มีผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือกว่าหนึ่งพันรายรองรับอยู่ โดยผู้ใช้สามารถค้นหาผู้รับเหมาที่ใกล้บ้าน หรือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในราคาที่ต้องการได้ รวมถึงการจับคู่กับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในราคาและสเป็คที่ต้องการ

นอกจากนั้นยังมีบริษัท เบ็ทเทอร์ฟาร์ม่า จำกัด เครือเบทาโกร และ บริษัท ไฮกริม เอ็นไวรอนเมนทอลแอนด์ รีเสิร์ช จำกัด ได้เข้าร่วมนำสารเคมีในการทำความสะอาดบ้านมาสนับสนุน และยังมีโครงการ i lert u ที่เป็นระบบแจ้งขอความช่วยเหลือที่จะคอยเข้ามาประสานในรายละเอียดให้กับ FoN อีกด้วย และคาดว่าจะมีกลุ่มบริษัทและองค์กร รวมถึงจิตอาสาเข้าร่วมกับส่วนนี้อีกจำนวนมาก

นายชวลิต จรรยารักษ์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทูบีซิมเปิล ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม FoN เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมแต่มีกำลังฟื้นฟูไม่มากคือกลุ่มธุรกิจ SMEs โดยเฉพาะความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน ต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นทางกลุ่ม FoN จึงเห็นว่าแม้ความต้องการด้านนี้อาจจะไม่เร่งด่วน แต่ก็มีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูกิจการของ SMEs อย่างยิ่ง

ขณะนี้ FoN ได้รวบรวมบริการต่างๆ ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย 1. ในส่วนของกลุ่มที่สามารถให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ 2. กลุ่มที่สามารถให้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ และ 3. กลุ่มที่สนับสนุนด้านต่างๆ  หลังจากการฟื้นฟูสภาพเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประมาณ 10 ราย และยังเปิดโอกาสให้มีรายใหม่เข้ามาได้ตลอดเวลา

การช่วยเหลือในเบื้องต้นของกลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์จะประกอบด้วย การเป็นที่ปรึกษาดูแล ร่วมทำเครื่องมือวิเคราะห์หรือทดสอบประสิทธิภาพเครื่องจักรต่างๆ หลังน้ำลด การตรวจสอบระบบไฟฟ้า พร้อมข้อแนะนำสำหรับการใช้สารดูดความชื้นให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ในแต่ละอุตสาหกรรม โดยบริษัท บาราไซแอนติฟิค และมีศูนย์เทคโนโลยีอิเลิกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC จะเข้ามาดูแลเรื่องการอบรมสัมมนาการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์ถูกน้ำท่วม และยังบริการกู้ข้อมูลให้กับ SMEs ที่ประสบปัญหา ผ่านกลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ นอกจากนั้นยังมีศูนย์ทดสอบความเข้ากันได้ทางสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC Testing Center) หรือ PTEC จะเข้ามาดูแลด้านการสอบเทียบ (Calibration) เครื่องมืออุตสาหกรรม ซึ่งมักจะเสียหายจากน้ำ ซึ่งการเสียหายมักดูด้วยตาเปล่าไม่เห็น โดยการทดสอบจะเน้นที่ความเที่ยงตรงของเครื่องมือเหล่านั้น และยังจะช่วยทดสอบความเข้ากันได้ทางสนามแม่เหล็กไฟฟ้า  เป็นที่ปรีกษาด้านการจัดการและทดสอบ ระบบกราวด์ รวมถึงให้บริการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือทดสอบด้าน EMC Product Safety อีกด้วย

สำหรับในกลุ่มซอฟต์แวร์นั้น จะเริ่มจากการให้คำปรึกษาในการวางระบบไอทีให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม, ตรวจสอบการรักษาปลอดภัยคอมพิวเตอร์และเครือข่ายหลังน้ำท่วมว่ามีช่องโหว่หรือความเสี่ยงอะไรบ้าง และให้คำปรึกษาในการวางแผนสำรองฉุกเฉิน (BCP) การปรับปรุงแผนสำรองฉุกเฉินที่ได้มีการนำมาใช้ในระหว่างเกิดน้ำท่วมให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้คำปรึกษาในการวางแผนระยะยาวเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงาน 3 เดือน จากบริษัท ทีเน็ต จำกัด (T-NET)

จากนั้นจะมีตัวแทนจาก 2 บริษัทในการช่วยเหลือให้ใช้งานซอฟต์แวร์ฟรี คือ จากบริษัท บิสซิเนส คอมเพ็ดทิทีฟ อินเทลลิเจนซ์ หรือ BCI ที่ได้นำซอฟต์แวร์ทางด้านการบริหารจัดการโรงงาน หรือ MRP (Manufacturing Resource Planning) รวมถึง PP (Production Plan), MCM (Material & Cost Management) และ CRM (Customer Relationship Management) มาให้กลุ่ม SMEs ใช้ฟรี ส่วนทางด้านการจัดการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นจะมีบริษัท เน็ตก้า ซิสเต็ม เข้ามาให้คำปรึกษาด้านการบริการจัดการเครือข่ายฟรี ระยะเวลา 3 เดือน และยังมอบส่วนลด 40% ในการซื้อ NETKA Network Manager

ส่วนกลุ่มฟื้นฟูสภาพหลังน้ำลด จะเริ่มจากการเข้าไปแก้ไขปัญหาทางด้านแรงงาน โดยบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือไอเน็ต ได้จัดทำโครงการ Thai.com รวมน้ำใจจ้างงานยามวิกฤต เพื่อเป็นศูนย์กลางประกาศรับสมัครและฝากประวัติสำหรับผู้ว่างงานที่ประสบภัยทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นช่องทางเปิดรับสมัครของกลุ่มคนที่ตกงานในช่วงประสบอุทกภัย   ระบบจะทำการคัดสรรตำแหน่งงานตามคุณสมบัติหรือที่ระบุด้วยระบบคัดกรองที่มีประสิทธิภาพและส่งรายงานผลทางอีเมล์ ขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ประกาศรับสมัครบุคลากรของกลุ่มธุรกิจที่ต้องการฟื้นฟู ขยายกิจการหลังอุทกภัย สามารถลงประกาศตำแหน่งว่างงานฟรีตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำกัดคุณสมบัติและจำนวน โดยระบบจะขึ้นข้อมูลที่กรอกโดยอัตโนมัติให้ทันที ปัจจุบัน Thai.com มีตำแหน่งงานลงประกาศรับสมัครแล้วกว่า 1,000 ตำแหน่งจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ และจะมีตำแหน่งงานรับสมัครอย่างน้อย 8,400 ตำแหน่งเพื่อเฉลิมฉลองมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2554

นอกจากการลงทะเบียนและลงประกาศออนไลน์แล้ว Thai.com ยังมีช่องทางการรับสมัครอื่นๆ เช่น การออกพื้นที่ของคาราวาน Thai.com Job Day ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2554 เพื่อรับสมัครตามศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับผู้ประสบภัยที่กลับภูมิลำเนาต่างจังหวัดที่ไม่สะดวกสมัครผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อสมัครงานได้ด้วยตัวเองที่สำนักงานสาขาของไอเน็ต 7 สาขา

หากกลุ่มธุรกิจ SMEs ต้องการสร้างระบบการค้าขายออนไลน์ ทางบริษัท ทูบีซิมเปิล จะได้จัดทำระบบของ www.digitdi.com ที่สามารถทำงานได้บนระบบต่างๆมากกว่า 10 แพลตฟอร์ม โดยใช้เพียงโทรศัพท์มือถึอที่ต่ออินเทอร์เน็ตบวกกับจิตอาสาที่ต้องการช่วยเหลือผู้ทำมาค้าขายรายย่อยต่างๆ และใช้เครื่องมือช่วยสร้างระบบสารบรรณแบบดิจิตอล ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นของแต่ละร้านค้าและบริษัทต่างๆ ทั้งในรูปแบบของตัวหนังสือ ภาพนิ่งหรือแม้แต่ วีดีโอลิงค์บน youtube ของแต่ละร้านนั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มลูกค้าต่างๆได้ทราบว่า ร้านเหล่านี้ได้เปิดบริการแล้ว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เจ้าของร้านและบริษัทสามารถแจ้งเวลาเปิดปิด ประเภทสินค้า, เมนูอาหาร, ที่พัก และข้อมูลอื่นๆ อีกมากมาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อมูลของตนเองได้ฟรีตลอดสามเดือนแรกของการใช้งาน

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการสำรองข้อมูล (Back Up & Disaster Recovery) ทาง True Internet Data Center (True IDC) มีโครงการ "Free True Cloud Services for Flood Crisis" โดยจะให้บริการ True Cloud Services พร้อมระบบสำรองข้อมูล ฟรี 60 วันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้ประสบภัยสามารถจัดการด้วยตนเองทันที พร้อมทั้งระบบสำรองข้อมูลเพื่อให้ธุรกิจไม่สะดุด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่:      
ฝ่ายประสานงาน
คุณธีรนิตย์  รัตนวราห
โทร. 02-644-8150 ต่อ 120
โทรศัพท์มือถือ 0818140886
อีเมล์ teeranit@nstda.or.th

มหาวิทยาลัยในเยอรมนี ยกเลิกสัญญาการบอกรับกับสำนักพิมพ์ Elsevier

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2017 มหาวิทยาลัยใหญ่ 4 แห่งในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้แก่ Charité–Berlin University of Medicine, Humboldt University of Berlin, Free University of Berlin และ Technical University of Berlin  ได้ประกาศว่า มหาวิทยาลัยจะไม่ต่ออายุการบอกรับฐานข้อมูลกับสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ Elsevier  สัญชาติดัตช์ ในสิ้นปี 2017 นี้  และหลังจากนั้น วันที่ 7 กรกฎาคม มีมหาวิทยาลัยจาก Baden-Württemberg  อีก 9 แห่ง ร่วมประกาศด้วย

จากนั้นมีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วมอีกราว 60 แห่ง โดยหวังว่าเพื่อเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้แก่ Elsevier ในการเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่ทั่วประเทศ (Nationwide Licensing Agreement)

จากการประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเมื่อปี 2016  ได้มีมติให้ก่อตั้งโครงการ DEAL  เพื่อดำเนินการบอกรับฐานข้อมูลวิชาการแบบทั้งประเทศ (Nationwide Licensing Agreement)  จาก 3 สำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ คือ  Elsevier, Springer Nature, และ  Wiley โดยมีข้อเรียกร้องต่อสำนักพิมพ์ 3 ข้อ คือ

  • ราคาที่ยุติธรรม ตามจำนวนของสิ่งตีพิมพ์  (Fair Pricing)
  • เปิดบทความวิจัยของนักวทยาศาสตร์เยอรมันแบบเปิดทั้งหมด (Open Access)
  • สามารถเข้าถึงบทความ e- Journal ของสถาบันภายใต้โครงการ DEAL (Permanent Access)

แรงกดดันจากทั่วโลก

     จากการที่ราคาค่าสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้นสูงมาก และ การเติบโตของสิ่งพิมพ์แบบเปิด  สถาบันการศึกษาทั่วยุโรปกำลังผลักดันเพื่อต่อรองการทำสัญญาที่ดีขึ้นกับ บริษัท สำนักพิมพ์  ตัวอย่าง สมาคมมหาวิทยาลัยในเนเธอร์แลนด์  VSNU  ได้ต่อรองกับ Elsevier เมื่อปี 2015 ให้นำบทความวิจัยของดัตช์ ในปริมาณร้อยละ 30 เปิดแบบ OA ในปี 2018

ภาคีห้องสมุดแห่งฟินแลนด์  (The Finnish Library Consortium (FinElib)) ได้ทำการเจรจาต่อรองกับสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ต่างๆ  เรียกร้องให้สำนักพิมพ์เปิดบทความแบบเปิดให้มากขึ้นและตั้งราคาการบอกรับแบบไม่สูงเกินไป

ปัจจุบัน Elsevier ตั้งราคาการตีพิมพ์บทความ OA ในราคาช่วง US$ 500 – US$ 5,000 โดยบทความที่จะตีพิมพ์แบบ OA  ในวารสาร Cell, Neuron  หรือ  Current Biology คิดราคา US$ 5,000 ต่อบทความ ส่วนในวารสาร Cortex และ Genomics Data คิดราคา  $2,800 USD และ  $500 USD ตามลำดับ

สรุป เรื่องนี้ในประเทศเยอรมนียังไม่มีความชัดเจนว่าการคว่ำบาตรนี้จะเป็นเช่นไรต่อไป

อ้างอิง : Major German Universities Cancel Elsevier Contracts จากเว็บไซต์  TheScientist
:  News & Opinion : News Analysis –  As  17 July 2017
http://www.the-scientist.com/?articles.view/articleNo/49906/title/Major-German-Universities-Cancel-Elsevier-Contracts/

Altmetric : หน่วยวัดคุณภาพงานวิจัยจากสื่อสังคมออนไลน์

วงการนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก มีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ทำการสื่อสารทางวิชาการ (Scholarly Communication) ในแนวคิดใช้เป็นหน่วยวัดเพื่อประเมินผลงานวิจัยทางเลือก (Alternatire Metrics) ที่เรียกเป็นคำย่อว่า (Altmetrics)

Altmetrics คือ หน่วยวัดชุดใหม่ ได้แก่ จำนวนการได้รับ การ Feedback จากผู้อ่านด้วยวิธีการต่างๆ คือ Article views / No. of download / Tweet / Blog post / Likes / Shares / Discussed / New media / Saved / Cited

หน่วยวัดคุณภาพงานวิจัย แบบดั้งเดิม (Traditional Metrics) หรือ หน่วยวัด รุ่นที่ 1 ได้แก่ ค่า Impact Factor, Citations , H-index เปรียบเทียบได้กับ การมองเห็นในรูปภูเขาน้ำแข็ง ส่วน Altmetrics นั้นเปรียบได้กับภาพที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง มี Infographic แสดงภาพรวมของ Altmetrics ดังภาพนี้

 

SciVal : Research Performance Assessment Platform

SciVal คือแพลทฟอร์มหรือเครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับ Research Performance Assessment และเพื่อการบริหารจัดการงานวิจัยเป็นหลัก พัฒนาขึ้นโดยสำนักพิมพ์ Elsevier B.V. เปิดบริการในปี 2552 ในชื่อว่า SciVal Spotlight เป็นระบบที่ใช้วัด ตรวจสอบ และติดตามสมรรถนะงานวิจัย (Research Performance) ขององค์กรวิจัยหนึ่งๆ โดยใช้ข้อมูลผลงานวิจัยตีพิมพ์ (Publications) และการอ้างอิงจากบทความวิจัยตีพิมพ์ (Citation) ในฐานข้อมูล Scopus

SciVal ทำการประมวลผลความสามารถของหน่วยงานวิจัยกว่า 4,600 แห่ง ใน 220 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบความสามารถและผลงานวิจัยและวิชาการของทุกระดับภายในหน่วยงาน หรือ ระหว่างหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เหมาะสำหรับใช้วิเคราะห์ว่าองค์กรนั้นมีจุดเด่นงานวิจัยด้านใดบ้าง ด้วยการวัดความเป็นเลิศ (Research Excellence) หรือสมรรถนะ (Competency) ขององค์กร และสามารถเปรียบเทียบสมรรถนะระหว่างองค์กรได้ พร้อมทั้งช่วยจัดทำรายงานวิเคราะห์ความสามารถจากผลงานวิจัยและวิชาการ ในรูปแบบ Visualization matrix สำหรับหน่วยงานวิจัยหนึ่งๆ เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมกับผู้กำหนดนโยบาย และแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัย

จากเดิมฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS) ได้ศึกษา Bibliometrics ด้วยวิธีการสืบค้นหาข้อมูลภาพรวมผลงานวิจัยตีพิมพ์ สวทช. โดยตรง จากฐานข้อมูล Scopus ที่ สวทช. บอกรับเป็นสมาชิก ในครั้งนี้ STKS ได้ใช้ฐานข้อมูล SciVal จากบัญชีสมาชิกของห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่เป็นเครือข่ายพันธมิตรกับ STKS เพื่อวิเคราะห์ภาพรวมผลงานวิจัยตีพิมพ์ สวทช. (สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2560)

 

รูปภาพที่ 1 แสดงโมดูลหลักของ SciVal

จากรูปภาพที่ 1 SciVal ประกอบด้วย 4 โมดูลหลัก คือ Overview, Benchmarking, Collaboration และ Reporting

 


รูปภาพที่ 2 แสดงโมดูล Overview ภาพรวมผลงานวิจัยตีพิมพ์ สวทช.

จากรูปภาพที่ 2 โมดูล Overview ประกอบด้วยข้อมูล Summary, Awarded Grants, Collaboration, Published, Viewed, Cited, Economic Impact, Society Impact, Authors และ Competencies

Summary แสดงข้อมูล Overall research performance ภาพรวมผลงานวิจัยตีพิมพ์ สวทช. ความสามารถงานวิจัยวิทยาศาสตร์ช่วง 6 ปี (2012-2017) จำนวนบทความตีพิมพ์ (Publications) 3,457 เรื่อง จำนวนการได้รับอ้างอิง (Citations) 17,531 ครั้ง จำนวนผู้แต่งบทความ (Authors) 1,543 คน Field-weighted citation impact เท่ากับ 1.06 และ Citations per publication เท่ากับ 5.1

ในส่วนของ Publications และ Authors มีสัญลักษณ์ลูกศรชี้ขึ้นและชี้ลงเป็นสีเขียวและแดง หมายความว่า ลูกศร
ชี้ขึ้นสีเขียว หมายถึง มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนลูกศรชี้ลง หมายถึง มีจำนวนลดลงจากปีก่อน

จากผลงานวิจัยตีพิมพ์ สวทช. ปี 2012-2017 จำนวน 3,475 เรื่อง มีลูกศรชี้ขึ้นสีเขียว หมายถึงจำนวน Publications ของ สวทช. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.1% ในช่วงเวลานั้น


รูปภาพที่ 3 แสดงข้อมูล Authors

จากรูปภาพที่ 3 ข้อมูล Authors จำนวน 1,543 คน หมายถึง Authors ของ สวทช. ทั้งที่เป็น First-author และ Co-authors ในบทความวิจัยเรื่องนั้น เครื่องหมายลูกศรสีเขียวหมายถึง Authors มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 14.6% ในช่วงเวลานั้น

 
รูปภาพที่ 4 แสดงข้อมูลการอ้างอิง (Citation)

จากรูปภาพที่ 4 ข้อมูลการได้รับการอ้างอิง (Citation) มี 2 ตัวเลข คือ Field-Weighted Citation Impact และ Citation per Publication

Field-Weighted Citation Impact เป็นหน่วยวัด (Metrics) ความเข้มแข็งของบทความวิจัยค่าหนึ่งในบริการ SciVal ซึ่งให้ความหมายของ Field-Weighted Citation คือ The ratio of citations received relative to the expected world average for the subject field, publication type and publication year หมายถึง อัตราส่วนระหว่างจำนวนการอ้างอิงที่เกิดขึ้นจริง และจำนวนการอ้างอิงที่คาดว่าจะได้รับจากค่าเฉลี่ยบทความในสาขาวิชาการเดียวกัน หากค่าเฉลี่ยมากกว่าหนึ่ง แสดงว่ามีการอ้างอิงสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ตัวเลข 1.06 หมายถึง การอ้างอิงสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก

Citation per publication หมายถึง ค่าเฉลี่ยจำนวนการอ้างอิงของบทความชุดหนึ่งๆ จากจำนวน Publication 3,457 Citations 17,531 นำมาหารหาค่าเฉลี่ย Citation per publication เท่ากับ 5.1

SciVal ประมวลผลข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus มีการวิเคราะห์บทความที่ตีพิมพ์ ออกเป็นสาขาวิจัย ใน 4 Subject Clusters (Life Sciences, Social Sciences, Physical Sciences และ Health Sciences) และแบ่งย่อยออกเป็น 27 Subject Area จากจำนวนผลงานตีพิมพ์รวม 6 ปี (2012-2017) ของ สวทช. พบว่าความเชี่ยวชาญวิจัยของ สวทช. อยู่ในสาขาวิจัยหลักของศูนย์แห่งชาติ ในสาขา Engineering มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 15 รองลงมาคือ สาขา Materials Science ร้อยละ 12 และ Biochemistry, Genetics and Molecular Biology ร้อยละ 10 ตามลำดับ

 


รูปภาพที่ 5 แสดง Performance Indicators

จากรูปภาพที่ 5 แสดงข้อมูล Performance ของ สวทช. ในด้านผลงานวิจัยตีพิมพ์ เทียบเคียง (Benchmark)กับค่าเฉลี่ยของประเทศ พบว่า 6 ปีล่าสุด

Outputs in Top Citation Percentiles สวทช. มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ 11.8% ของทั้งหมด อยู่ใน Top Citation List (10 Percentiles สูงสุดของแหล่งข้อมูล ที่ถูกอ้างอิง (Cited) มากที่สุด) ปริมาณมากกว่าค่าเฉลี่ยประเทศที่ 9.1%

Publications in Top Journal Percentiles สวทช. มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ 25.4% ของทั้งหมด อยู่ใน Top List
(10 Percentiles สูงสุดของ Journals ที่ถูกอ้างอิง (Cited) มากที่สุด ในขณะที่ประเทศ เฉลี่ยอยู่ที่ 19.7%)

International Collaboration สวทช. มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ร่วมกับสถาบันต่างประเทศ คิดเป็น 26.2% น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 39%

Academic-Corporate Collaboration สวทช. มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ร่วมกับสถาบันอื่นรวมถึงบริษัท คิดเป็น 1.7% มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 1.3%

 


รูปภาพที่ 6 แสดง Most cited publications

จากรูปภาพที่ 6 แสดงรายการบทความวิจัยตีพิมพ์ สวทช. 5 อันดับแรก ที่ได้รับการอ้างอิงสูงสุด โดยบทความลำดับที่ 1 ได้รับการอ้างอิง 1,145 ครั้ง ชื่อบทความ Nuclear ribosomal internal transcribed spacer (ITS) region as a universal DNA barcode marker for Fungi บทความนี้มีผู้แต่งรวมมากกว่า 100 คน เป็นนักวิจัย BIOTEC จำนวน 6 คน คือ Jones, E.B.G., Luangsa-ard, J.J., Maharachchikumbura, S.S.N., Mongkolsamrit, S., Suetrong, S.,Tedersoo, L.ตีพิมพ์เมื่อปี 2012 ในวารสารชื่อ Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America (PNAS)

 
 รูปภาพที่ 7 Top10 Authors

 จากรูปภาพที่ 7 แสดงรายชื่อนักวิจัย สวทช. 10 อันดับแรก ที่มีผลงานวิจัยตีพิมพ์สูงสุด ลำดับที่ 1 คือ
ดร.สิทธิรักษ์ รอยตระกูล (BIOTEC) มีจำนวนบทความวิจัย 115 เรื่อง มีค่าการได้รับการอ้างอิง 481 ครั้ง ค่า h-index 17

 

สรุป

 SciVal คือ เครื่องมือที่มีความสามารถวิเคราะห์และสรุปข้อมูลดิบผลงานวิจัยตีพิมพ์ของหน่วยงานวิจัยหนึ่งๆ จากทั่วโลกได้อย่างอัตโนมัติ ระบบประมวลผลข้อมูลตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เช่น จำนวนบทความวิจัย (Publications) จำนวนการได้รับการอ้างอิง (Citations) รวมทั้งข้อมูล Benchmarking, Collaboration โดยการเข้าใช้ฐานข้อมูลมีค่าใช้จ่ายในการบอกรับ ทั้งนี้ สวทช. ปัจจุบันยังไม่ได้บอกรับเป็นสมาชิก

.

 

สำนักพิมพ์ Elsevier : ศาลตัดสินให้ชนะคดีละเมิดลิขสิทธิ์จาก Sci-Hub จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำนักพิมพ์ Elsevier : ศาลตัดสินให้ชนะคดีละเมิดลิขสิทธิ์จาก Sci-Hub จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ

ข่าวจากวารสารเนเจอร์  วันที่ 22 มิถุนายน 2017

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2017 ศาล แห่งเขตกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินคดี อนุญาต/เห็นชอบ ให้สำนักพิมพ์วิชาการยักษ์ใหญ่ สัญชาติดัดช์  (เนเธอร์แลนด์)  ได้รับค่าชดเชยความเสียหายจากเว็บไซต์ Sci-Hub (เว็บไซด์โจรสลัดที่กระทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์) ในจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ

Continue reading “สำนักพิมพ์ Elsevier : ศาลตัดสินให้ชนะคดีละเมิดลิขสิทธิ์จาก Sci-Hub จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ”