ข้อมูล Remote Sensing, Smart Farming จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ. 2565-2570) หัวข้อ Modern Agriculture เทคโนโลยีกับเกษตรแนวใหม่ ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ประสิทธิภาพสูง เพิ่มมูลค่า ลดการสูญเสีย มีมาตรฐาน ความปลอดภัย รองรับการเปลี่ยนแปลง) โดย Remote sensing, Smart farming เป็นหนึ่งใน Core technology ของ Agenda Modern Agriculture

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง Remote sensing, Smart farming (คำค้นจากทุกเขตข้อมูลด้วยคำค้น “remote sensing” OR “smart farming” และเลือก keyword คือ Remote Sensing, GIS, Radar, Radar Imaging, Geographic Information Systems, Soil Moisture, Agriculture, Soils, Monitoring, Data Processing, Artificial Intelligence, Weather Forecasting, Sensors, Remote Sensing Images, Data Mining และ Water Management ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 11 สิงหาคม 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน Remote sensing, Smart farming เฉพาะของประเทศไทย จำนวน 1,750 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) 384 รายการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 142 รายการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 140 รายการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 97 รายการ และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 96 รายการ นอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว Remote sensing, Smart farming ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel:www.mintel.com

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Remote sensing, Smart farming

ฐานข้อมูล Mintel ข้อมูลปี 2019-ปัจจุบัน

  • Smart Ginseng – HanaroFarm ของเกาหลีร่วมมือกับบริษัทและมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นเพื่อสร้างฟาร์มอัจฉริยะแห่งแรกของเวียดนามเพื่อปลูกโสม ซึ่งใช้ในยาสมุนไพร ฟาร์มขนาด 200 เฮกตาร์จะใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อปลูกโสมเวียดนามที่รู้จักกันในท้องถิ่นว่าซัมง็อกลินห์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนาม มหาวิทยาลัย Quy Nhon และมหาวิทยาลัย Thu Dau Mot จะติดตามโครงการเพื่อประเมินการปรับปรุงเนื้อหาทางโภชนาการของพืชที่ปลูกอย่างชาญฉลาด ด้วยการควบคุมกระบวนการเพาะปลูกและสภาพภูมิอากาศโดยใช้เซ็นเซอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ HanaroFarm หวังที่จะปรับปรุงอัตราการเก็บเกี่ยวและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
  • Chicken Shed Robot – Tibot Technologies ได้เปิดตัว Spoutnic Nav หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้การเลี้ยงไก่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หุ่นยนต์จะเดินทางไปรอบๆ โรงเพาะฟักเพื่อกระตุ้นให้ไก่เคลื่อนที่ไปรอบๆ และวางไข่ในรัง ไม่ใช่บนพื้น Spoutnic Nav ยังช่วยเติมอากาศให้กับโรงเพาะฟักและกระตุ้นให้ไก่เคลื่อนไหวมากขึ้นเพื่อให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วขึ้น สามารถปรับให้เป็นแบบส่วนตัวเพื่อให้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์สามารถปรับให้เข้ากับประเภทของเครื่องนอนที่ใช้และเวลาทำการได้
  • How Fresh are the Eggs? – สถาบันวิจัยอาหารแห่งเกาหลี ใช้ reusable wireless sensor tag, communication unit and dynamic software เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวและอุณหภูมิโดยรอบของไข่โดยไม่ทำให้เปลือกแตก ระบบการคาดการณ์แบบไดนามิกจะวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมและกำหนดความสดโดยใช้หน่วย Haugh ซึ่งวัดน้ำหนักและขนาดของไข่ขาวและตรวจสอบความสด โดยตัวเลขที่สูงกว่าแสดงถึงคุณภาพที่ดี

ภาพที่ 3 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Remote sensing, Smart farming

  • Automatic Growth – Vergromat โซลูชันเรือนกระจกแนวตั้งอัตโนมัติเต็มรูปแบบ สามารถช่วยปลูกอาหารในท้องถิ่นได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ลดการใช้พลังงานลง ระบบเรือนกระจกสามารถควบคุมแสง อุณหภูมิ ความชื้น และการระบายอากาศแบบอัตโนมัติเพื่อผลิตพืชชนิดต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี เรือนกระจกหุ้มฉนวนอย่างดีและประหยัดพื้นที่เนื่องจากมีการออกแบบในแนวตั้ง แม้ว่าจะเหมาะที่สุดสำหรับพืชที่ไม่เติบโตสูงเกินไป แต่ก็มีข้อจำกัดน้อยมากสำหรับสิ่งที่ปลูกได้ นอกจากนี้ คุณภาพของพืชผลสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 15% ระบบสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานจากแสงสว่างและความร้อนได้มากถึง 80% และยังสามารถลดการใช้น้ำและของเสียได้อีกด้วย สารละลายมีขนาดกะทัดรัดและปรับขนาดได้ง่าย ดังนั้นจึงสามารถผลิตอาหารในท้องถิ่นได้ใกล้กับที่จำหน่าย
  • QC with AI – Lotte Mart ได้เริ่มใช้ AI-based screening system เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ผลไม้ AI-based screening system รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากผลไม้ รวมทั้งน้ำหนัก ปริมาณน้ำตาล ปริมาณน้ำ และความสุกโดยใช้ ear-infrared light เทคโนโลยีใหม่นี้ยังทำให้สามารถระบุข้อบกพร่อง เช่น สีน้ำตาล ความสุกมากเกินไป หรือเมล็ดแตก ซึ่งอาจเร่งการเน่าของผล ปัจจุบันบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่กำลังใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับผลไม้ เช่น เมล่อนและพีช
  • Autonomous Tractor – John Deere ได้พัฒนารถแทรกเตอร์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่มีความสามารถในการทำฟาร์มขนาดใหญ่ รถแทรกเตอร์ซึ่งเปิดตัวในงาน CES 2022 มีสีและรูปลักษณ์ที่เหมือนกันของรถแทรกเตอร์ John Deere อื่นๆ แต่มาพร้อมกับกล้องหกคู่ เชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดที่ควบคุมโดยปัญญาประดิษฐ์ AI สามารถวิเคราะห์ภาพในแบบเรียลไทม์ และระบุวัตถุที่อยู่รอบ ๆ รถแทรกเตอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถกำหนดทิศทางที่ควรไปและเมื่อใดควรหยุด ชาวนาสามารถเลือกที่จะนั่งในรถแท็กซี่หรือตรวจสอบจากวิดีโอฟีดข้อมูลสดที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานทั้งหมดของรถแทรกเตอร์

ภาพที่ 4 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Remote sensing, Smart farming

  • Plain of Drones – Nippon Telegraph and Telephone (NTT) กำลังเริ่มการทดลองใช้ระยะเวลา 2 ปี เพื่อดูโดรนที่ตรวจสอบโดยระบบ GPS ที่บินอยู่เหนือพื้นที่เพาะปลูกในจังหวัดฟุกุชิมะ โดรนที่ติดตั้งกล้องจะถ่ายภาพต้นข้าวและให้ข้อมูลเฉพาะเวลาสำหรับการวิเคราะห์โดยใช้เทคโนโลยี AI ผลลัพธ์จะช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบพืชผลและสภาพอากาศได้อย่างแม่นยำ และปรับระยะเวลาของกระบวนการฉีดพ่นและใส่ปุ๋ยอย่างเหมาะสม
  • Drone Rice Farming – XAG กำลังส่งเสริมการใช้โดรนเพื่อการเกษตรสำหรับเกษตรกรในการปลูกข้าวอย่างยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรน้อยลงในประเทศผู้ผลิตข้าวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดรน XAG ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของกวางโจวใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้เกษตรกรในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงสามารถจัดการกระบวนการเพาะปลูกจากระยะไกล เช่น การเพาะเมล็ดและการฉีดพ่น เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก ในขณะที่ความกลัวทั่วโลกเติบโตขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โซลูชั่นด้านการเกษตรสามารถช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีสินค้าหลักที่สม่ำเสมอและราคาไม่แพง ผู้บริโภคต้องการอาหารที่ได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างยั่งยืนมากขึ้น การทดลองข้าวแบบอัตโนมัติในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทำให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ 8 เมตริกตันต่อเฮกตาร์ โดยใช้เมล็ดพันธุ์น้อยกว่าการทำนาด้วยมือถึง 35% ผลประโยชน์ยังสามารถสนับสนุนการสืบทอดการเกษตร การใช้เทคโนโลยีและโดรนที่ทันสมัยสามารถส่งเสริมให้คนรุ่นหลังมีส่วนร่วมและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมการเกษตรมากกว่าที่จะแสวงหาอาชีพที่แตกต่าง
  • Tech to Save Durians – สวนผลไม้ชั้นนำของมาเลเซียหันไปใช้วิธีการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มคุณภาพของพืชผล สปริงเกลอร์ที่ติดอยู่กับเครือข่ายท่อจะถูกเปิดใช้งานจากระยะไกลเพื่อให้น้ำและปุ๋ยแก่ต้นทุเรียน และโดรนจะบินเหนือสวนที่ฉีดสารกำจัดศัตรูพืชเมื่อจำเป็น ตามข้อมูลของบริษัท ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 40% ในขณะที่จำนวนพนักงานที่ต้องการลดลง 30%

ภาพที่ 5 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Remote sensing, Smart farming

  • AI Checks for Cows- CattleEye เป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สามารถตรวจจับสัญญาณของความพิการในโคและการตรวจสอบของมนุษย์ได้โดยอัตโนมัติ CattleEye สแกนการเคลื่อนไหวของวัวเพื่อตรวจหาสัญญาณเริ่มต้นของความอ่อนแอ และกำลังถูกใช้ในฟาร์มทั่วสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยมีสัตว์ประมาณ 20,000 ตัวอยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง
  • Old Farm เคล็ดลับใหม่
  • ฟาร์มทุเรียนใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อค้นหาและเก็บเกี่ยวทุเรียนสด เซ็นเซอร์สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของแรงตึงและน้ำหนักสุทธิเมื่อผลลดลง เทคโนโลยีนี้ใช้ส่วนประกอบ Machine Type Communications (mMTC) ขนาดใหญ่ของ 5G เพื่อช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับความต้องการในการเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์พร้อมระบุตำแหน่งของผลไม้ ข้อมูลที่รวบรวมสามารถช่วยให้เกษตรกรทำนายฤดูกาลทุเรียนได้เช่นกัน
  • A Durian for Your Cut – นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีการใช้เปลือกทุเรียนที่ทิ้งแล้วเพื่อสร้างผ้าพันแผลไฮโดรเจลต้านเชื้อแบคทีเรียราคาถูก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปแล้ว ผ้าพันแผลไฮโดรเจลจะใช้โดยตรงกับแผลหลังการผ่าตัด ช่วยลดรอยแผลเป็นโดยการรักษาบริเวณแผลให้ชุ่มชื้นในช่วงแรกของกระบวนการสมาน ตัวไฮโดรเจลเองมักจะทำจากโพลีเมอร์สังเคราะห์ โดยเติมไอออนเงินหรือทองแดงเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย โพลีเมอร์มักไม่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและทำจากทรัพยากรที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ การรวมไอออนของโลหะยังช่วยเพิ่มต้นทุนอีกด้วย ผ้าพันแผลที่ได้มาจากทุเรียนทำโดยการสกัดเซลลูโลสคุณภาพสูงจากเปลือกที่เหลือบางส่วน จากนั้นผสมกับกลีเซอรอลที่เหลือจากการผลิตสบู่และไบโอดีเซล และฟีนอลจากยีสต์ธรรมชาติ ส่งผลให้เนื้อเจลฆ่าเชื้อโรคที่อ่อนนุ่มมีเนื้อสัมผัสที่คล้ายคลึงกัน ไปจนถึงซิลิโคนที่สามารถตัดเป็นแผ่นได้
  • Food for Drones – นักวิจัยในมาเลเซียได้พัฒนาเทคนิคในการเปลี่ยนเส้นใยจากใบสับปะรดเป็นวัสดุที่แข็งแรงพอที่จะทำโครงโดรน นำโดยมหาวิทยาลัยปุตรามาเลเซีย จุดมุ่งหมายของโครงการนี้คือการค้นหาการใช้ขยะสับปะรดที่ผลิตโดยเกษตรกรในพื้นที่ Hulu Langat ในประเทศมาเลเซียอย่างยั่งยืน หากร่างกายของโดรนเสียหาย โครงของโดรนสามารถฝังลงดินได้ และจะใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการย่อยสลายทางชีวภาพ
  • Laser Weeding – โครงการ WeLASER ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรปกำลังพัฒนาเลเซอร์เพื่อกำจัดวัชพืชที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับยาฆ่าแมลงและปุ๋ย ประสานงานโดยสภาระดับสูงเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสเปน (CSIC) WeLASER จะพัฒนาโซลูชันที่ไม่ใช้สารเคมีสำหรับการจัดการวัชพืช มันจะประกอบด้วยการใช้ปริมาณพลังงานที่ทำให้ถึงตายกับเนื้อเยื่อของวัชพืชผ่านแหล่งกำเนิดแสงเลเซอร์กำลังสูง ระบบ AI-vision ที่ชาญฉลาดจะแยกพืชผลออกจากวัชพืชและชี้เลเซอร์ไปที่พวกมัน เลเซอร์จะถูกใช้ทั่วสนามโดยยานยนต์ไร้คนขับ ด้วยงบประมาณโดยรวม 5.4 ล้านยูโร WeLASER คาดว่าจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566

ภาพที่ 6 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Remote sensing, Smart farming

  • Breathable Sand – Rechsand ผลิตขึ้นจากทรายที่ดีที่สุดจากทะเลทรายโกบี ซึ่งผ่านการบำบัดเพื่อให้มีการซึมผ่านและองค์ประกอบต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้น้ำและเพิ่มความยั่งยืน Rechsand ผลิตขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง Dake Group ของแอฟริกาใต้และ Rechsand Technology Group ของจีน โครงสร้างโมเลกุลของทรายได้รับการปฏิบัติเพื่อให้เป็น ‘ทรายที่ระบายอากาศได้’ ซึ่งถือเป็นพลังที่จะปฏิวัติการทำฟาร์มในทะเลทราย ลดการใช้น้ำในการทำสวนหรือทำการเกษตรได้ถึง 80% และการซึมผ่านของอากาศช่วยให้รากพืชทำงานได้ดีขึ้นในแง่ของคุณภาพและการเจริญเติบโต
  • Stressed Greens – นักวิจัยชาวอิสราเอลได้สร้างโซลูชันการเกษตรอัจฉริยะเพื่อติดตามและคาดการณ์ความเครียดของพืชผล นักวิจัยจาก Technion – Israel Institute of Technology ได้สร้างระบบอัตโนมัติที่ตรวจสอบความเครียดของพืช สิ่งนี้เป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโตและอายุขัยของพืชโดยใช้ภาพถ่ายสี การถ่ายภาพความร้อน และการเรียนรู้เชิงลึก โดยมีความแม่นยำมากกว่า 90% ในการทำนาย หมายความว่าเกษตรกรสามารถระบุได้เมื่อเกิดความเครียดจากภัยแล้งและช่วยรักษาพืชไว้ตลอดจนคาดการณ์ผลผลิตพืชผล

ภาพที่ 7 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Remote sensing, Smart farming

The Surroundings Driver อธิบายถึงวิธีที่ผู้บริโภคค้นหาโซลูชันเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของสภาพแวดล้อม ซึ่งกำลังผลักดันนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนโลกทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะผลักดันความต้องการโซลูชันด้านการเกษตรเพิ่มเติมที่มุ่งเน้นการปรับปรุงความยืดหยุ่นของพืชและความยั่งยืน แอพ AI และเทคโนโลยีคาดการณ์จะถูกรวมเข้ากับอุปกรณ์ขนาดเล็กเพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ปลูกที่บ้านปรับปรุงประสบการณ์การปลูกและผลผลิตของพวกเขา เราจะเห็น ‘พืชที่ได้รับการอัพเกรด’ ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมเพื่อให้ประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น เช่น ปริมาณแคลเซียมที่มากขึ้น ธาตุเหล็กที่สูงขึ้น หรือเสริมด้วยสารอาหาร เช่น คอลลาเจนหรือวิตามินหลายชนิด

วารสารข่าวด้านการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ 2565

วารสารข่าวด้านการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์จากกรุงบรัสเซลส์
ฉบับที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ 2565

รางวัลเกียรติคุณ Friend of Thai Science 2021
การมอบรางวัลเกียรติคุณ Friend of Thai Science ให้แก่บุคคลผู้มีคุณูปการต่อวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของไทย (อววน.) ที่มีผลงานวิจัยเป็นที่ประจักษ์และความเชี่ยวชาญโดดเด่น หรือ มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือด้าน อววน. ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับไทยและมนุษยชาติ รวมทั้งผลงานสามารถนำไปต่อยอดกับแผนพัฒนาประเทศไทยด้าน อววน.

ยุโรปมุ่งพัฒนาเป็นผู้นำด้านการผลิตไมโครชิปเพื่อเสริมสร้างอธิปไตยทางดิจิทัล
ไมโครชิปเป็นชิ้นส่วนหลักที่ใช้ในการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เกือบทุกชนิด ตั้งแต่ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ยานยนต์ ตลอดจนการผลิตดาวเทียม ไมโครชิปเป็นทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ เป็นหัวใจของการแข่งขันด้านเทคโนยีของโลก เป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ เช่น ระบบยานยนต์อัตโนมัติ การประมวลผลแบบ cloud การเชื่อมต่อด้วยสัญญาณ 5G/6G และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งการระบาดของโควิดได้เน้นย้ำให้สหภาพยุโรปเห็นถึงความเปราะบางในห่วงโซ่การผลิตไมโครชิปทั่วโลก
ผลกระทบของโควิทต่อการผลิตไมโครชิปและอุตสาหกรรมในยุโรป
วิกฤติการแพร่ระบาดทั่วโลกของโรคโครวิด การขนส่งวัตถุดิบที่จำเป็นในการผลิตหยุดชะงัก นอกจากนี้โรงงานผลิตต้องปิดตัวชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ทำให้การผลิตไมโครชิปสู่ตลาดโลกลดลง ทางกลับกันความต้องการของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น จึงจำเป็นต้องชะลอการผลิต บางรายปิดโรงงานชั่วคราว เช่น บริษัท Mercedes Benz บริษัท BMW และบริษัท Volkswagen และมีการปิดฝ่ายการผลิตที่โรงงานผลิตรถบรรทุกในประเทศเยอรมนีเป็นการชั่วคราว

แผนส่งเสริมการเป็นผู้นำด้านการผลิตไมโครชิปของยุโรป
สหภาพยุโรปได้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรของบริษัทผู้ผลิตไมโครชิป ประกอบด้วย บริษัท ASML บริษัท Infineon บริษัท STM และบริษัท NXP เพื่อช่วยศึกษาช่องว่างของการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีไมโครชิปของยุโรป เพื่อขยายอุตสาหกรรมการผลิตให้เทียบเท่าของสหรัฐฯ จีน และ เกาหลีใต้
ล่าสุดประกาศว่าจะมีการออกกฎหมาย European Chips Act เพื่อช่วยสร้างระบบนิเวศ โดยจุดแข็ง คือ การเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไมโครชิป และการผลิตอุปกรณ์และเครื่องจักรในการผลิตไมโครชิป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้าไมโครชิปจากต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “Strategic Autonomy”
โดยองค์ประกอบหลักของร่างกฎหมาย European Chips Act มี 3 ข้อดังนี้
1. การจัดตั้ง Chips for Europe Initiative ซึ่งเป็นการรวบรวมทรัพยากรด้านอุตสาหกรรมไมโครชิปจากประเทศสมาชิกและประเทศพันธมิตรเข้าด้วยกัน และอัดฉีดงบประมาณ ในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมไมโครชิปชั้นสูง พร้อมทั้งฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเข้าใจถึงระบบนิเวศและห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมไมโครชิป
2. การจัดทำแผนงานเพื่อดึงดูดการลงทุน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการผลิตไมโครชิปในยุโรป เพื่อเพิ่มอธิปไตยทางการผลิต และลดการพึ่งพาการนำเข้าไมโครชิปจากต่างประเทศ ทั้งยังจัดสรรทุน Chips Fund ให้แก่วิสาหกิจเริ่มต้น (start-ups) ในการต่อยอดและขยายตลาดของนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านไมโครชิป
3. การจัดตั้งกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อช่วยติดตามและตรวจสอบอุปทานไมโครชิปคำนวณอุปสงค์ และคาดการณ์ปัญหาขาดแคลนไมโครชิป ทำแผนเพื่อหาจุดอ่อนในการผลิต

หน่วยงานที่สำคัญด้านการพัฒนาไมโครชิปในยุโรป
ในยุโรปมีศูนย์วิจัยไมโครชิปที่สำคัญ ได้แก่ Interuniversity Microelectronics Centre (IMEC) ในเบลเยียม เป็นผู้นำด้านการผลิตไมโครชิปขนาดจิ๋วแต่ประสิทธิภาพสูง และรับเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีบริษัท ASML ของเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับใช้ในโรงงานผลิตไมโครชิปทั่วโลก
บริษัท ASML ได้ใช้เทคโนโลยี Extreme ultraviolet lithography เพื่อผลิตชิปขนาดจิ๋วแต่ทรงพลัง สามารถประมวลผลได้เร็ว มีประสิทธิภาพ และจุข้อมูลจำนวนมหาศาล ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยี Extreme ultraviolet lithography หรือ EUV ใช้ผลิตชิปและเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่นสั้นมากๆ ขีดเขียนลายวงจรไฟฟ้าและมีขนาดเล็กโดยมีลำแสงความยาวคลื่นที่สั้น ช่วยให้เขียนลายวงจรได้ละเอียดบนพื้นที่จำกัด เหตุนี้จึงสามารถผลิตชิปที่มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ได้ และเมื่อนำชิปขนาดจิ๋วไปใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้มีน้ำหนักเบา กินไฟน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลและจุข้อมูลได้มากขึ้น

ภาพรวมสถานะและความก้าวหน้าของประเทศลิทัวเนีย ในด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
ศักยภาพด้านนวัตกรรม (innovation performance) สาธารณรัฐเช็กจัดอยู่นวัตกรรมระดับกลาง (moderate innovators) อยู่ลำดับที่ 2 รองจากประเทศเอสโตเนีย ถือว่าสาธารณรัฐเช็กเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในกลุ่มนี้ และมีอักตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มเช่นกัน โดยมีการพัฒนาสูงสุด้านภาวะผู้ประกอบการ และทรัพย์สินทางปัญญา การเพิ่มขึ้นรายได้จากต่างประเทศจากการจัดทำใบอนุญาตและสิทธิบัตร จุดแข็งของสาธารณรัฐเช็กคือ ทรัพยากรมนุษย์ และภาวะผู้ประกอบการ จุดอ่อนคือ ระบบทางการวิจัยที่ยังไม่เปิดกว้าง และไม่น่าดึงดูดเท่าที่ควร
การบินและอวกาศ พลังงาน เทคโนโลยีการขนส่ง และเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นสาขาที่มีความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ มีความร่วมมือระดับนานาชาติ แม้ไม่ใช่สาขาที่สาธารณรัฐเช็กมีความเชี่ยวชาญมากที่สุด แต่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ได้สูง ทางกลับกันมีความเชี่ยวชาญในวิทยาศาสตร์สาขาที่เกี่ยวกับอาหาร การเกษตร และประมง ซึ่งมีวารสารวิชาการสาขาเหล่านี้ตีพิมพ์ออกมาเป็นจำนวนมาก

ความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรมอวกาศของสาธารณรัฐเช็ก
สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านอวกาศทางวิทยาศาตร์ นานกว่า 60 ปี ช่วงเริ่มต้น 10 ปีแรก เป็นการใช้ข้อมูลจากระบบเซ็นเซอร์ (sensors) ที่เชื่อมต่อกับดาวเทียมขนาดเล็กในการทดลอง ค้นคว้า และวิจัยในสถาบันวิจัยและภาคธุรกิจขนาดเล็ก จุดเปลี่ยนของการพัฒนากิจการด้านอวกาศเกิดจากการเข้าเป็นสมาชิกขององค์การอวกาศยุโรป หลังจากนั้นมาพัฒนาการด้านกิจการอวกาศมีความโดดเด่น การพัฒนาและบทบาทในด้านกิจการอวกาศมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อต้นปี ค.ศ. 2020 ได้ประกาศ แผนกิจการด้านอวกาศแห่งชาติ 5 ปี (National Space Plan 2020-2025) (NSP 2020-2025)  วัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างศักยภาพและขีดความสามารถด้านกิจการอวกาศทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษา ตลอดจนเพื่อขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้การลงทุนด้านอุตสาหกรรมอวกาศเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและยังเป็นยุทธศาสตร์ สาธารณรัฐเช็กให้ความสำคัญด้านอวกาศหลายมิติ เช่น การสังเกตการณ์โลกเพื่อสำรวจทรัพยากร การสำรวจอวกาศ การสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบนำร่องด้วยดาวเทียม การบินในอวกาศโดยมนุษย์และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และการเฝ้าระวังกิจกรรมทางอวกาศ
ปัจจุบันสาธารณรัฐเช็กมีบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งเริ่มต้นจากศูนย์บ่มเพาะธุรกิจของ ESA Business Incubation Center (ESA BIC) นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง Czech Space Alliance (CSA) เป็นสมาคมผู้ประกอบการด้านกิจการอวกาศ มีบทบาทสำคัญโดยเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตและพัฒนาอุปกรณ์และส่วนประกอบของจรวดและสถานีอวกาศ พัฒนาโปรแกรมและซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ

ความร่วมมือระหว่างไทยและสาธารณรัฐเช็กในมิติกิจการด้านการบินและอวกาศ
การเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็ก ในปี 2562 รัฐบาลไทยและสาธารณรัฐเช็กได้มีการหารือร่วมกัน โดยเฉพาะการพัฒนาความร่วมมือทางทหาร – การบิน โดยรัฐบาลสาธารณรัฐเช็กได้แสดงความสนใจการลงทุนใน eastern seaboard ของไทย โดยไทยจะร่วมมือกับสาธารณรัฐเช็กในการสนับสนุนการลงทุนเพื่อการพัฒนาโรงงานประกอบและศูนย์อำนวยความสะดวกการซ่อมบำรุงซ่อมแซม และยกเครื่อง (MRO: Maintenance, Repair, and Overhaul) อากาศยาน   

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2022/20220915-newsletter-brussels-no02-feb65.pdf

 

 

 

 

 

 

 

ข้อมูล Coral จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ. 2565-2570) หัวข้อ Biodiversity ที่เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเก็บรักษา ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์อย่างมีคุณค่าและยั่งยืน โดย Coral หรือ ปะการัง เป็นหนึ่งใน Core technology ของ Agenda Biodiversity

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง Coral (คำค้นจากเขตข้อมูล Title, Abstract, Keyword ด้วยคำค้น coral และเลือก keyword คือ Coral Bleaching, Bleaching, Conservation และ Environmental Stress ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 28 มิถุนายน 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน Coral เฉพาะของประเทศไทย จำนวน 127 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 36 รายการ รองลงมา คือ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (Phuket Marine Biological Center) 20 รายการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 14 รายการ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 13 รายการ มหาวิทยาลัยบูรพา และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 8 รายการ เท่ากัน นอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว Coral ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel:www.mintel.com

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Coral conservation

ด้วยความตระหนักถึงสภาพความหายนะของแนวปะการังในเปอร์โตริโกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่น ดังนั้น Medalla Light เสนอโครงการ CSR ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเติบโตของปะการัง แบรนด์จะบดขวดเบียร์และผสมทรายที่ได้กับซีเมนต์เพื่อการบูรณะ ส่วนผสมนี้จะนำไปใช้กับแนวปะการังในเปอร์โตริโก

นักวิจัยในอิสราเอลกำลังทดลอง 3D-printed coral reefs โดยหวังว่าจะสามารถฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ แนวปะการังที่พิมพ์ 3 มิติสามารถเลียนแบบรูปร่างตามธรรมชาติเพื่อดึงดูดปลาสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อพยายามฟื้นฟูชีวิตทางทะเลของไอแลต เครื่องพิมพ์ 3 มิติได้รับการพัฒนาโดยนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยี Technion Israel, มหาวิทยาลัย Ben-Gurion แห่ง Negev และมหาวิทยาลัย Bar-Ilan ใช้กรดโพลิแลกติก ซึ่งเป็นพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ทำจากข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย เพื่อผลิตโครงสร้างคล้ายเสา สิ่งเหล่านี้ถูกติดตั้งลงไปในน้ำพร้อมกับฟาร์มปะการังเพื่อเลียนแบบความซับซ้อนของระบบนิเวศของแนวปะการัง 3D printing จะปฏิวัติกระบวนการผลิตที่สำคัญด้วยการเปลี่ยนพลาสติก กระดาษ และไม้ด้วยวัสดุเหลือใช้ที่ยืดหยุ่น ยั่งยืน และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่ว่าจะในอากาศ บนพื้นดิน หรือใต้น้ำ

บริษัท Blue Oasis Technology ของโปรตุเกส ได้พัฒนาแนวปะการังเทียม แนวปะการังเทียมประกอบด้วยขยะอุตสาหกรรมที่มาจากท้องถิ่นและเศษอาหาร และจำลองสภาพแวดล้อมใต้น้ำที่แท้จริง แนวปะการังสามารถเพาะเลี้ยงด้วยปะการังที่ปลูกในห้องแล็บซึ่งได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจนถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้น Blue Oasis Technology ยังได้พัฒนา BluBoxx ซึ่งเป็นเครื่องตรวจสอบข้อมูลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิ ความเป็นกรด และความเค็มของสิ่งแวดล้อม

โครงการ Dubai Oyster จะนำเศษอาหารไปใช้สร้างแนวปะการังนอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โครงการริเริ่มในการรีไซเคิล โดยที่ร้านอาหารนำหอยนางรมที่ใช้แล้วมาใช้ใหม่ให้เป็นส่วนประกอบทางชีววิทยาเพื่อสร้างแนวปะการังเทียมและแหล่งที่อยู่อาศัยที่สัตว์ป่าสามารถเจริญเติบโตได้ ด้วยวิธีนี้แนวปะการังจะไม่เพียงแต่สร้างที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์ทะเลเท่านั้น แต่ยังสร้างโครงสร้างที่ตัวอ่อนหอยนางรมจะเติบโตอีกด้วย โครงการนี้ร่วมสร้างโดย Joey Ghazal ผู้ก่อตั้ง The Maine Group ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารสามแห่งในดูไบที่จำหน่ายหอยนางรมมากกว่า 50,000 ตัวต่อเดือน

นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล Neo Mei Lin และ Jani Tanzil กำลังใช้ตัวต่อ LEGO ที่ถอดออกได้เพื่อกักเก็บปะการังและหอยขนาดยักษ์ เพื่อที่จะฟื้นฟูประชากรปะการังของสิงคโปร์

ภาพที่ 3 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Coral conservation

“Going green” ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในลักษณะที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสร้างของเสียที่ไม่จำเป็น It’s time to “think blue” ไม่เพียงแต่ทำงานเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงวิธีชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโลกด้วย ผลิตภัณฑ์ “สีน้ำเงิน” ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งและคิดในระยะยาวมากกว่าแค่ผลกระทบทันทีจากการผลิตผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่งของความงาม “สีน้ำเงิน” คือการเคลื่อนไหวไปสู่สูตรครีมกันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการัง แต่อาจขยายไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย การวิจัยสามารถขยายรายชื่อส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบนิเวศธรรมชาติ เช่น แนวปะการัง

ในขณะที่คำว่า ‘ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ’ เป็นคำศัพท์สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปแล้ว แต่ผู้บริโภคก็กำลังมองหาสิ่งนี้ในสูตรความงามด้วยผู้บริโภคมองว่าส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นเครื่องหมายสูงสุดของความปลอดภัย ทั้งต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม ต้องการเห็นส่วนผสมจากธรรมชาติซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วเชื่อว่าสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ความกังวลเรื่องความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพได้ผลักดันการเรียกร้องผลิตภัณฑ์กันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการัง เทคโนโลยีพลาสติกชีวภาพที่ปลอดภัยต่อมหาสมุทรให้การป้องกันรังสียูวี เทคโนโลยี minervPHB RIVIERA ของ Bio-on ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถือเป็นการเริ่มต้นครั้งแรกในการใช้พลาสติกชีวภาพเพื่อการป้องกันแสงแดดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์กันแดด My Kai ผงไมโครโพลีไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (PHA) ของ Bio-on ทำจากวัสดุจากพืชหมุนเวียน ทำให้ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ 100%

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประเทศไทย ออกประกาศห้ามใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังในอุทยานแห่งชาติทางทะเลของไทย ใครก็ตามที่พบว่าใช้ครีมกันแดดเหล่านี้อาจถูกปรับสูงสุด 100,000 บาท ขอแนะนำให้นักดำน้ำใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีซิงค์ออกไซด์ซึ่งปลอดภัยสำหรับสัตว์ทะเล ความตระหนักของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากพฤติกรรมได้ผลักดันให้แบรนด์ต่างๆ หันมาใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของตนด้วย ปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังว่าแบรนด์ต่างๆ จะก้าวไปไกลกว่าบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ไปจนถึงส่วนผสมที่ใช้ กฎระเบียบและกฎหมายที่เพิ่มขึ้นซึ่งบังคับใช้ในการปกป้องมหาสมุทรเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

  • ครีมกันแดดชิเซโด้มีโอกาสน้อยที่จะก่อให้เกิดมลพิษในน้ำทะเล
  •  Neboa แบรนด์ผมมาในบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกจากมหาสมุทร
  • Aethic ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในลอนดอนเสนอตัวเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมถึงครีมกันแดดที่สร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับนักชีววิทยาทางทะเล
  • Kao กำลังปรับปรุงผลิตภัณฑ์กันแดดของ Allie เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับด้านการคุ้มครองทางทะเลฉบับใหม่ที่มีการเปิดตัวทั่วเอเชีย ผลิตภัณฑ์กันแดดของบริษัทไม่มีสารเคมีเช่น oxybenzone และ octinoxate ที่ถูกห้ามในบางประเทศ เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตในทะเล บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ใช้พลาสติกชีวภาพที่เป็นมิตรต่อโลกซึ่งได้รับการรับรองโดย Forest Stewardship Council และ Kao จะบริจาครายได้จากการขายบางส่วนเพื่อรณรงค์ทำความสะอาดมหาสมุทร สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ภาพที่ 4 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Coral conservation

ตัวขับเคลื่อนสภาพแวดล้อมและสิทธิระบุว่าผู้บริโภคแสดงความสนใจอย่างแรงกล้าในจุดประสงค์ของแบรนด์และแรงผลักดันด้านจริยธรรมที่กำหนด สิ่งนี้จะเป็นเช่นนี้ต่อไปเนื่องจากกระบวนทัศน์การบริโภคอย่างมีจริยธรรมยังคงขยายตัวไปทั่วกลุ่มประชากรที่กว้างขึ้น จะเห็นแบรนด์ต่างๆ ที่สื่อสารค่านิยมทางศีลธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ความยั่งยืนจะไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไปแต่จำเป็นสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการเป็นส่วนหนึ่งของแผนการผลิตของตน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ธุรกิจ และชุมชน ที่จะก้าวเข้ามาและก้าวขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม แบรนด์ที่สามารถพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมจะได้รับความภักดีและความไว้วางใจจากผู้บริโภค

เทคโนโลยีจะถูกสร้างขึ้นเพื่อปรับและเปลี่ยนโครงสร้างใหม่แก่พืชเพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น ดังนั้นจึงเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้กับพืช

Mineral sunscreen จะได้รับแรงฉุดมากขึ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับส่วนผสมของครีมกันแดดเคมีและการเชื่อมโยงกับความเสียหายของแนวปะการังและการระคายเคืองผิวหนังที่เพิ่มขึ้น Mineral sunscreen สามารถสอดคล้องกับความยั่งยืนและแนวโน้มความงามที่สะอาดขึ้น

ข้อมูล COVID-19 จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ.  2565-2570) หัวข้อ Medicine & Biopharmaceuticals ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการวินิจฉัย รักษาแบบแม่นยำ และการแพทย์ขั้นก้าวหน้า เพิ่มศักยภาพบริการและอุตสาหกรรมด้านการแพทย์ และความมั่นคงด้านสาธารณสุข โดย COVID-19 นับเป็น Emerging Infectious Diseases เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือโรคอุบัติใหม่/อุบัติซ้ำ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการวินิจฉัย ควบคุม ป้องกัน โรคติดเชื้อการดื้อยาของเชื้อก่อโรค และการพัฒนา API ต้านไวรัส

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง COVID-19 (คำค้น COVID-19 จากเขตข้อมูล Title, Abstract, Keyword ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 31 กรกฎาคม 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน COVID-19 เฉพาะของประเทศไทยจำนวน 2,591 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 568 รายการ รองลงมา คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 383 รายการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 175 รายการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 139 รายการ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 121 รายการ นอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว COVID-19 ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel: www.mintel.com

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 : Customer data report

การทบทวนความรู้สึกและปฏิกิริยาของคนไทยในช่วงการระบาดของ COVID-19 และการดำเนินการที่เป็นไปได้ที่จะดำเนินการหลังสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้

  • สู่ชีวิตที่มีการวางแผนที่ดีขึ้น
  • ทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดสุขภาพและสุขอนามัย – รักษาระดับสุขอนามัยส่วนบุคคลต่อไป เพิ่มการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกัน ลงทุนในประกันสุขภาพและประกันชีวิต
  • หาวิธีบริหารจัดการการเงิน
  • ใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดเพื่อการพักผ่อน

สุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญ คนไทยส่วนใหญ่กังวลเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้นิสัยในชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป เช่น การสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยขึ้น และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน

ภาพที่ 3 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19

การเชื่อมต่อและการสื่อสารในยุคดิจิทัล: รวมผลกระทบของ COVID-19 – สหรัฐอเมริกา – ธันวาคม 2020
วิธีการสื่อสารที่ต้องการ กับกลุ่มคนต่างๆ เช่น คู่สมรส / บุคคลอื่นที่สำคัญ เพื่อน ญาติสนิท ติดต่องาน

ภาพที่ 4 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 : Product analysis, Top claims

ภาพที่ 5 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 Report : 2021 Global Packaging Trend

เทรนด์บรรจุภัณฑ์ระดับโลกปี 2564

  • เพื่อต่อสู้กับความเครียดที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 บรรจุภัณฑ์จะกลายเป็นเส้นทางในการสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยและสนับสนุนความสุขทางอารมณ์ของผู้บริโภค
  • คาดการณ์: บรรจุภัณฑ์ต่อต้านจุลินทรีย์ (Antimicrobial packaging) และ บรรจุภัณฑ์เพื่อให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้โดยตรง (Connected packaging)
  • วาซาบิมีลักษณะเฉพาะที่นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารและวิศวกรบรรจุภัณฑ์รู้จักมายาวนาน คือความสามารถในการป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและขยายความสดของอาหาร ภายใต้แบรนด์ Wasaoro โดย Mitsubishi Chemical Films เทคโนโลยีดังกล่าวอาจได้รับความนิยมจากแบรนด์ต่างๆ ที่มองหาโซลูชันบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติที่ตอบสนองความคาดหวังของความสดของอาหารและบรรจุภัณฑ์ การเก็บรักษา ความปลอดภัย และสุขอนามัย
  • การทดลองในวัสดุบรรจุภัณฑ์ทางเลือก : แนวคิดในการใช้คุณสมบัติทางยาของไคโตซาน ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การใช้ฟิล์มที่ใช้ไคโตซานเคลือบด้วย zataria ซาทาเรีย (เครื่องเทศคล้ายโหระพาที่รู้จักกันในคุณสมบัติคล้ายไคโตซาน) และน้ำมันหอมระเหยอบเชยกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหาร

ภาพที่ 6 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 Report : Patent Insights, boosting

boosting ภูมิคุ้มกันสุขภาพ — อาหารและเครื่องดื่ม

  • ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เน้นภูมิคุ้มกัน ผู้บริโภคกำลังมองหาอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของภูมิคุ้มกันโดยกลไกทางธรรมชาติ
  • การยื่นจดสิทธิบัตรอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสนับสนุนสุขภาพภูมิคุ้มกันยังคงเติบโต โดยเน้นที่พฤกษศาสตร์เป็นหลักเป็นส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์
  • การยื่นจดสิทธิบัตรล่าสุดยังมุ่งเน้นไปที่โภชนาการเฉพาะหรืออาหารเสริมเพื่อเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และบุคคลที่ทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อรัง
  • ประเทศชั้นนำสำหรับสิทธิบัตรที่ได้รับ ได้แก่ จีน: 22%, เกาหลี: 15%, สหรัฐอเมริกา: 6%, ญี่ปุ่น: 5%, ฝรั่งเศส: 4%
  • โดยสถาบันวิจัยของเกาหลีครองโดเมนอาหารและเครื่องดื่มที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยพฤกษศาสตร์เป็นส่วนผสมที่พบบ่อยที่สุดที่อ้างถึงในสิทธิบัตรอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสนับสนุนสุขภาพภูมิคุ้มกัน

ภาพที่ 7 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 Report : Keep lungs healthy

บำรุงปอดให้แข็งแรงด้วยอาหารเสริม — วิตามิน & อาหารเสริม โดยเฉพาะผู้สูงอายุ โดยใช้ micronutrient
และอาหารเสริมวิตามินดี

โอกาส : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับสุขภาพปอดจะมีโอกาสเติบโตได้เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มใช้แนวทางป้องกันและป้องกันสุขภาพของตนเอง และพยายามลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในอนาคตให้เหลือน้อยที่สุด อาหารเสริมสุขภาพปอดมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันมีความสำคัญเพิ่มขึ้น และการระบาดของ COVID-19 ยังคงมีอยู่ แบรนด์ควรเน้นที่สารอาหารรองที่ปกป้องสุขภาพปอด เช่น วิตามิน A, C, D และ E ที่มีความสำคัญต่อสุขภาพปอด นอกจากนี้ แบรนด์ต่างๆ ควรสำรวจศักยภาพของส่วนผสมยาแผนโบราณ/ดั้งเดิมควบคู่กัน

ภาพที่ 8 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 Report : Patent insights: sensitive skin

ผิวแพ้ง่าย

  • การระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่องทำให้ผู้บริโภคสนใจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่แพ้ง่าย เพื่อช่วยต่อสู้กับผลกระทบด้านลบจากความเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้น
  • การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ละเอียดอ่อนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกหลังจากการระบาดของโควิด-19 โดยเน้นส่วนผสมที่เป็นที่รู้จัก (เช่น เซราไมด์) และส่วนผสมจากธรรมชาติที่มาใหม่ใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ที่ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง
  • เกาหลีใต้มีกิจกรรมการจดสิทธิบัตรสูงสุดสำหรับสูตรเครื่องสำอางที่กำหนดเป้าหมายไปยังผิวบอบบาง โดยผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ถือครองสิทธิบัตรจำนวนมากที่สุด (ที่ได้รับและรอดำเนินการ) มากที่สุด
  • ความสนใจในผลิตภัณฑ์ผิวแพ้ง่ายเพิ่มขึ้น : ความเครียดและความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของส่วนผสมและผลิตภัณฑ์จากโควิด-19 คาดว่าจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์ผิวที่บอบบางมากขึ้น
    o เพิ่มความมั่นใจและความไว้วางใจของผู้บริโภคในแบรนด์โดยส่งเสริมส่วนผสมที่คุ้นเคยซึ่งมักใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่บอบบาง
    o พัฒนาสูตรใหม่ที่ย้อนกลับความไม่สมดุลของผิวที่เกี่ยวข้องกับผิวบอบบางโดยกำหนดเป้าหมายไปที่ไมโครไบโอมของผิวหนัง
    o การสวมมาสก์แบบต่อเนื่องจะทำลายผิวและทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนังมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ ขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายเพื่อป้องกันการระคายเคืองที่เกิดจากมาสก์ ผิวที่แพ้ง่ายสงบ และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง

ภาพที่ 9 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 Report : Patent insights: hand sanitisers

เจลล้างมือ

  • มือมีบทบาทสำคัญในการแพร่เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 ซึ่งได้เพิ่มความต้องการของผู้บริโภคในการใช้ยาฆ่าเชื้อไวรัสที่มือมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
  • นับตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ความต้องการผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อไวรัสก็เพิ่มขึ้นเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคด้วยมือที่ปนเปื้อน
  • สหรัฐอเมริกาได้รับสิทธิบัตรส่วนใหญ่สำหรับองค์ประกอบฆ่าเชื้อด้วยมือ
  • คำแนะนำ
    o เน้นเจลล้างมือฆ่าเชื้อ
    o คาดหวังน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีผลฆ่าเชื้อทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง
    o มองหาเจลล้างมือที่เหมาะกับผิว
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์เจลทำความสะอาดมือจะยังคงมีความสำคัญต่อไป เนื่องจากผู้บริโภคกลัวว่าจะติดไวรัสและความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การใช้เจลล้างมือแบบเรื้อรังจะทำให้ผิวหนังถูกทำลายและแห้งกร้าน ผู้บริโภคจะมองหาเจลล้างมือที่อ่อนโยนกว่าแต่ได้ผล และส่วนใหญ่จะสนใจในการปกป้องในระยะยาวเพื่อช่วยลดการติดเชื้อ

ภาพที่ 10 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 : Innovative product

1. มาส์กที่จัดการกับสิวด้วยการผสานส่วนผสมบำรุงผิวเข้ากับเนื้อผ้า เพื่อป้องกันปัญหาผิว
2. มาส์ก 2 ชั้นที่มีส่วนผสมของทองแดงและเชียบัตเตอร์เพื่อป้องกันรอยแดง ระคายเคือง และ ‘maskne’ หรือ สิวจากมาส์ก ซึ่งสามารถซักได้
3. มาส์กป้องกันมลภาวะที่สร้างไฮโดรเจนและให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว
4. มาส์กบรรเทา ชุ่มชื้น สดใส และสมานผิวที่เครียดจากการสวมหน้ากากทางการแพทย์เป็นเวลานาน
5. อุปกรณ์เสริมที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรจะอยู่ใต้จมูกระหว่างหน้ากากกับผิวหนัง เพื่อให้ผู้สวมหน้ากากหายใจได้ง่ายขึ้นและหลีกเลี่ยงการเลอะเมคอัพ

ภาพที่ 11 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 : Innovative product

6. สเปรย์น้ำหอมสิ่งแวดล้อมสำหรับมาส์ก อ้างว่าช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในโรงพยาบาล ให้ความรู้สึกสบาย และช่วยให้หายใจสะดวก
7.ยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ แบล็คอินเฮเลอร์
8. สเปรย์มาสก์เพื่อสุขอนามัยของ Bio-Gate AG มีส่วนผสมของซิลเวอร์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
9. สเปรย์ดับกลิ่นที่ออกแบบมาสำหรับหน้ากากผ้าโดยเฉพาะ

ภาพที่ 12 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 : Innovative product

10. โลชั่นบำรุงผิวกายที่ให้ความชุ่มชื้นแทนเจลทำความสะอาดมือและป้องกัน COVID-19 และ H1N1 ได้นาน 4 ชั่วโมง
11. เจลล้างมือแบบ 2-in-1 และเจลล้างมือแบบพกพาที่ปราศจากแอลกอฮอล์และอ่อนโยนต่อผิว
12. เจลทำความสะอาดมือที่บรรจุในขวดจ่ายแบบใช้ซ้ำได้ที่มีสไตล์ซึ่งทนทานต่อการแตกเป็นเสี่ยง zero-waste
13. Bioharmonious hand sanitiser ตัวแรกที่ออกสู่ตลาดด้วยเทคโนโลยี Activated Silk เพื่อปกป้องและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

ภาพที่ 13 ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 : Innovative product

14. เครื่องดื่มโยเกิร์ตที่ช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตาและจมูกอันเนื่องมาจากการแพ้
15. Serum ช่วยให้ผิวสงบ
16. แชมพูและสเปรย์ฆ่าเชื้อต้านจุลชีพที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA อ้างว่าช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะจากแบคทีเรียและเชื้อโรค

ข้อมูล Coastal จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ. 2565-2570) หัวข้อ Biodiversity ที่เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเก็บรักษา ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์อย่างมีคุณค่าและยั่งยืน โดย Coastal หรือ ชายฝั่งทะเล เป็นหนึ่งใน Core technology ของ Agenda Biodiversity

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง Coastal (คำค้นจากเขตข้อมูล Title, Abstract, Keyword ด้วยคำค้น coastal และเลือก keyword คือ Coastal Engineering, Erosion, Coastal Sediment, Coastal Erosion และ Shore Protection ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 28 มิถุนายน 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน Coastal เฉพาะของประเทศไทย จำนวน 144 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 31 รายการ รองลงมา คือ Asian Institute of Technology 25 รายการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 25 รายการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 15 รายการ และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 11 รายการ นอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว Coastal ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel: www.mintel.com

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Coastal

ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรน้ำของอินโดนีเซียพัฒนาเทคโนโลยีคอนกรีตใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องชุมชนชายฝั่งจากการกัดเซาะของแผ่นดินและคลื่นสูงเป็นพิเศษ คอนกรีตบล็อกใหม่ได้รับการพัฒนาโดยปรับใช้ระบบประสานปฏิวัติ revolutionary interlocking system ที่สามารถให้การป้องกันที่เสริมกำลังริมทะเลจากคลื่นสูงถึง 1.5 เมตร

ผู้คนจากทุกทวีปต่างกังวลกับผลกระทบของภาวะโลกร้อน ซึ่งรวมถึงสภาพอากาศตามฤดูกาลที่ทวีความรุนแรงขึ้นและการคุกคามที่มากขึ้นจากภัยธรรมชาติที่เกิดจากสภาพอากาศ สิ่งนี้กดดันรัฐบาลให้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการป้องกันเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น บริเวณชายฝั่งและที่ราบลุ่มแม่น้ำ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพจะพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งให้ข้อมูลการติดตามและกลไกการเตือนที่แม่นยำแบบเรียลไทม์

ข้อมูล Mangrove จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ. 2565-2570) หัวข้อ Biodiversity ที่เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเก็บรักษา ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์อย่างมีคุณค่าและยั่งยืน โดย Mangrove หรือ ป่าชายเลน เป็นหนึ่งใน Core technology ของ Agenda Biodiversity

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง Mangrove (คำค้นจากเขตข้อมูล Title, Abstract, Keyword ด้วยคำค้น mangrove และเลือก keyword คือ Biodiversity, Salinity, Metabolism, Genetics, Carbon, Rhizophora Mangle, Conservation, Species Diversity, Plant Extract, Nucleotide Sequence, RNA 16S, Deforestation, Coastal Zone Management, Molecular Structure, Sequence Analysis, DNA และ Ecosystem Services ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 28 มิถุนายน 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน Mangrove เฉพาะของประเทศไทย จำนวน 439 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 83 รายการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 82 รายการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 59 รายการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 59 รายการ และมหาวิทยาลัยมหิดล 34 รายการ นอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว Mangrove ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel:www.mintel.com

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Mangrove

การปลูกป่าชายเลน
เทคโนโลยี

  • การใช้โดรนเพื่อปลูกป่าชายเลนริมแม่น้ำอิระวดีของพม่า โดรนดังกล่าวได้รับการจัดหาโดยบริษัท BioCarbon Engineering ของสหราชอาณาจักร เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนที่เสื่อมโทรมในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำของพม่า
  • โดรนสำรวจพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิประเทศและคุณภาพดิน ก่อนยิงฝักเมล็ดด้วยแรงพอที่จะเจาะดิน กล่าวกันว่าโดรนทำงานเร็วกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า และลดต้นทุนลงครึ่งหนึ่ง

โครงการ/กิจกรรม

  • สำนักงานฟื้นฟูพื้นที่พรุและป่าชายเลนของอินโดนีเซีย (IPMRA) เสนอเงินทุนและฝึกอบรมชาวบ้านในการเตรียมเมล็ดพันธุ์และดูแลต้นกล้าเพื่อฟื้นฟูป่าชายเลน เป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มที่กำลังเติบโตทั่วโลกในการควบคุมการทำลายป่าชายเลนและการขยายพันธุ์เนื่องจากผลประโยชน์ทางธรรมชาติ ภูมิอากาศ และการปกป้องชายฝั่งที่หลากหลาย อินโดนีเซียเพิ่งนำเป้าหมายไปสู่ net-zero emissions ปี 2060 หรือเร็วกว่านั้น ป่าชายเลนกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าฝนประมาณ 5 เท่า ชาวบ้านที่เป็นผู้ประกอบการกำลังมองหาวิธีเปลี่ยนป่าชายเลนให้เป็นแหล่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
  • UAE สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มคำมั่นว่าจะปลูกป่าชายเลน 30 ล้านต้นเป็น 100 ล้านต้น ในปี 2030 เพื่อลดผลกระทบจาก climate change และดักจับ blue carbon ผ่านมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่ง
  • Red Sea Project การพัฒนาการท่องเที่ยวที่หรูหราที่มีความทะเยอทะยานที่สุดในโลก โดยมีเกาะมากกว่า 90 เกาะและภูมิประเทศเป็นทะเลทรายและภูเขายาวหลายไมล์ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Red Sea บริษัท Red Sea Development Company จะปลูกไม้พุ่มและต้นไม้กว่า 15 ล้านต้น กล้าไม้และพืชที่จะประกอบเป็นพืช 15 ล้านต้นจะถูกจัดหาผ่านเรือนเพาะชำของบริษัท นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแผนเพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของสาหร่ายเพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์รวมทั้งเพิ่มป่าชายเลนและแนวปะการัง การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและหมุนเวียนได้เป็นหัวใจของการพัฒนา ซึ่งมุ่งหวังที่จะบรรลุความหลากหลายทางนิเวศวิทยาและความสมดุลเมื่อพร้อมแล้วภายในปี 2040

แบรนด์

  • บริษัทในสหราชอาณาจักรและยุโรปมุ่งมั่นที่จะแสดงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม เช่น แบรนด์ของเบลเยียม Shore by Morubel Bio’s Organic Whole Whiteleg Prawns ซึ่งเปิดตัวในเดือนมกราคม 2019 ระบุในบรรจุภัณฑ์ว่าผู้ผลิต ‘มีส่วนทำให้เกิดความมั่งคั่งทางธรรมชาติของคอสตาริกาโดยการลงทุนในการฟื้นฟู
    ป่าชายเลนและโครงการพื้นที่สีเขียวในฟาร์ม’

ภาพที่ 3 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Mangrove

ผู้บริโภคคาดหวังว่าแบรนด์และหน่วยงานต่างๆ จะจัดการกับ climate change และปกป้องโลก การอนุรักษ์ธรรมชาติและการมีอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นซึ่งมีคาร์บอนบวกจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการวางผังเมือง แบรนด์ที่สนับสนุนโครงการเหล่านี้และดำเนินการอย่างยั่งยืนจะเป็นที่ต้องการ แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างแอพที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนเพื่อเชื่อมต่อผู้อยู่อาศัยกับการสร้างใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่สาธารณะ เราจะเห็น plant walls และส่วนหน้าของอาคารที่ทาสีด้วยสีดูดซับคาร์บอน ตลอดจนความต้องการอุปกรณ์ในการปลูกสมุนไพรและอาหารที่บ้านสะดวกยิ่งขึ้น

โดรนจะยังคงขยายขอบเขตการเข้าถึงไปไกลกว่าบริการจัดส่งถึงบ้าน เพื่อรวมเป็นพันธมิตรในการมอบหมายงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดรนจะให้ความช่วยเหลือทันทีเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติทางนิเวศวิทยา ขยายขีดความสามารถของมนุษย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำมันในทะเลรั่วหรือไฟไหม้ในพื้นที่ป่า โดรนจะช่วยติดตามและควบคุมการทำประมงผิดกฎหมายหรือการล่าสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์

ข้อมูล Functional Food จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ. 2565-2570) หัวข้อ Sustainable Food & Ingredients ที่เน้นการพัฒนาอาหารและ Ingredients บนฐานความยั่งยืนในทุกมิติ (ความมั่นคง ความปลอดภัย โภชนาการ และการผลิตสีเขียว) โดย Functional food เป็นหนึ่งใน Core technology ของ Agenda Sustainable Food & Ingredients

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง Functional food (คำค้นจากทุกเขตข้อมูล ด้วยคำค้น “functional food” และเลือก keyword คือ Metabolism, Fermentation, Probiotic Agent, Dietary Supplements, Proteins, Protein Expression, Fatty Acids, Diet Supplementation, Peptides, Bioactive Compounds, Nutritional Value, Enzymes และ Prebiotics ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 29 มิถุนายน 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน Functional food เฉพาะของประเทศไทยจำนวน 972 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 181 รายการ รองลงมา คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 162 รายการ มหาวิทยาลัยมหิดล 153 รายการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 119 รายการ และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 110 รายการนอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว Functional food ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel:www.mintel.com

 

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional food

  • โควิด-19 ได้เร่งความสนใจของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกันและปกป้อง ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ จึงพัฒนาอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ซึ่งช่วยดูแลสุขภาพร่างกายและช่วยป้องกันไวรัสและโรคต่าง ๆ
  • Wellbeing Driver ผู้บริโภคมองหาแบรนด์ต่างๆ เพื่อหาวิธีปรับปรุงสุขภาพร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะทำให้ตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้งานได้จริงเติบโตอย่างรวดเร็ว
  • ผู้บริโภคเชื่อมโยงและใส่ใจในทุกด้านของความเป็นอยู่ที่ดีในการทำงานร่วมกัน

ภาพที่ 3 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional food

  • Ingredient watch: โพสต์ไบโอติก โพสต์ไบโอติกร่วมกับพรีไบโอติกและโปรไบโอติกเป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์ซึ่งสามารถบำรุงสุขภาพผ่านทางลำไส้ได้ โพสต์ไบโอติกสามารถเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพให้กับอาหารที่มีประโยชน์ใช้สอยแวดล้อมและอาหารเสริม ซึ่งโปรไบโอติกอาจต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
  • Ingredient watch: เมล็ดพืชเป็นฮีโร่จากพืช นวัตกรรมที่เกี่ยวกับเมล็ดอะโวคาโดอัพไซเคิลและเมล็ดอินทผลัมเป็นแรงบันดาลใจให้เมล็ดและเมล็ดที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ถูกแปรรูปเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ใช้สอยรูปแบบใหม่
  • บริษัทปลูกเห็ดนมเสือในร่มโดยใช้เทคโนโลยีการเพาะปลูกที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ เพื่อรักษาภูมิคุ้มกันและระบบทางเดินหายใจ
  • มิลค์ทิสเซิลสามารถสนับสนุนการส่งมอบผลประโยชน์ในอาหารฟังก์ชั่นเครื่องดื่มและอาหารเสริม สุขภาพลำไส้ สุขภาพตับสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากโปรตีนจากแมลง แป้งแมลง และผงโปรตีนจากแมลง ใช้หนอนควาย

ภาพที่ 4 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional food

อาหารเป็นยา: ผู้บริโภคมองหาอะไร? พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รวมเอาแนวคิดเรื่อง อาหารเป็นยา เพื่อป้องกัน จัดการ หรือย้อนกลับภาวะสุขภาพที่เชื่อมโยงกับการรับประทานอาหาร เน้นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้บริโภคในการใช้ชีวิตที่สะอาด

ภาพที่ 5 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional food

  • การอัดรีดที่มีความชื้นสูง: ขั้นตอนในการปรับปรุงเนื้อและเส้นใยของเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนจากพืช บริษัทต่างๆ พยายามใช้กระบวนการต่างๆ เช่น การเกษตรแบบเซลล์เพื่อสร้างเนื้อ สัตว์ปีก และอาหารทะเลขึ้นมาใหม่ การวิจัยและพัฒนาเนื้อสัตว์ในห้องแล็บกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น Unilever, Givaudan, Ingredion และบริษัทอื่นๆ กำลังทำงานร่วมกับ Wageningen University เพื่อพัฒนาสเต็กจากพืช 100% โดยใช้ shear-cell agriculture เพื่อเปลี่ยนโปรตีนจากพืชให้เป็นชั้นๆ เนื้อสัมผัสเป็นเส้นๆ ที่เข้ากับสเต็กได้อย่างใกล้ชิด (บริษัทในบาร์เซโลนาใช้ถั่ว สาหร่าย และน้ำบีทรูท เพื่อสร้างสเต็กปลอม จากนั้นจึงพิมพ์ 3 มิติเมื่อเส้นใยถูกอัดรีดเพื่อเลียนแบบเนื้อสัมผัสของเนื้อที่หั่นจริงแล้ว)
  • กระบวนการอัดรีดที่มีความชื้นสูงของโปรตีนจากพืชเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาสารทดแทนเนื้อสัตว์ด้วยโครงสร้างเส้นใยที่เด่นชัด เนื้อสัมผัสของเนื้อ และรูปลักษณ์

ภาพที่ 6 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional food

  • วิตามินรวมที่ปรับแต่งได้ตามการสมัครสมาชิก ซึ่งพิมพ์ 3 มิติลงในกัมมี่ที่เป็นมิตรกับมังสวิรัติ ผู้บริโภคสามารถเลือกสารอาหารรองและสารสกัดจากสมุนไพรต่างๆ มากมาย หรือเลือกจากสารอาหารที่เตรียมไว้ล่วงหน้า (เช่น ก่อนคลอด พลังงาน การนอนหลับ และการผ่อนคลาย)
  • เครื่องพิมพ์ผลไม้ 3 มิติ Dovetailed ซึ่งเป็นบริษัทในสหราชอาณาจักรได้พัฒนากระบวนการที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างผลไม้ที่พิมพ์ 3 มิติโดยใช้น้ำผลไม้บด โซเดียมอัลจิเนต และแคลเซียมคลอไรด์
  • Upprinting Food สตาร์ทอัพชาวดัตช์ใช้การพิมพ์ 3 มิติเพื่อเปลี่ยนผลไม้ ผัก และขนมปังที่ไม่ต้องการให้เป็นน้ำซุปข้น สิ่งเหล่านี้ถูกพิมพ์ลงในขนมประเภทบิสกิตที่สวยงาม ซึ่งเสิร์ฟในร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ เช่น The Alchemist ในโคเปนเฮเกน
  • เนื้อปลอมจากการพิมพ์ 3 มิติ นิยามใหม่ของเนื้อสัตว์ เนื้อปลาแซลมอนจากพืชที่พิมพ์ 3 มิติซึ่งเลียนแบบปลาจริง ลบปรอทและสารพิษ

ข้อมูล Functional Ingredients จากผลงานวิจัยตีพิมพ์และผลิตภัณฑ์ในตลาด

การดำเนินงาน NSTDA Agenda ตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับ 7 (พ.ศ. 2565-2570) หัวข้อ Sustainable Food & Ingredients ที่เน้นการพัฒนาอาหารและ Ingredients บนฐานความยั่งยืนในทุกมิติ (ความมั่นคง ความปลอดภัย โภชนาการ และการผลิตสีเขียว) โดย Functional ingredients เป็นหนึ่งใน Core technology ของ Agenda Sustainable Food & Ingredients

จากการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus สำหรับเรื่อง Functional ingredients (คำค้นจากทุกเขตข้อมูล ด้วยคำค้น “functional ingredient” และเลือก keyword คือ Metabolism, Plant Extract, Proteins, Extraction, Functional Food, Starch, Fermentation, Fatty Acids, Flavonoids, Peptides, Protein, Amino Acids, Dietary Supplements, Enzyme Activity, Probiotics, Rheology,Diet, Health, Food Additives, Dietary Fibre, Sensory Analysis, Prebiotics, Antimicrobial Activity และ Nutraceuticals ผลงานทั้งหมดในฐานข้อมูล Scopus วันที่ 29 มิถุนายน 2565) พบจำนวนบทความทางวิชาการความเชี่ยวชาญทางด้าน Functional ingredients เฉพาะของประเทศไทยจำนวน 230 รายการ โดย 5 อันดับหน่วยงาน/สถาบันที่มีผลงานตีพิมพ์บทความวิจัยสูงสุด ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จำนวน 61 รายการ รองลงมา คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 44 รายการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 35 รายการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 31 รายการ และมหาวิทยาลัยมหิดล 29 รายการ นอกจากข้อมูลบทความวิจัยแล้ว Functional ingredients ยังมีข้อมูลประเภทผลิตภัณฑ์จากฐานข้อมูล Mintel

Mintel คือ ระบบฐานข้อมูลด้านการตลาดเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมแนวโน้มตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีบทวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภคใหม่ๆ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงสถิติ แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และนวัตกรรมจากทั่วโลก รวมทั้งข้อมูลของส่วนผสม (Ingredient) ที่มีการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และโภชนาการ โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญของ Mintel จากทั่วโลก วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน โดย สวทช. บอกรับและให้บริการครบทั้ง 3 แพลตฟอร์ม คือ Food & Drink (MFD), Beauty & Personal Care (BPC) และ Household & Personal Care (HPC)

ภาพที่ 1 เว็บไซต์ฐานข้อมูล Mintel:www.mintel.com

ภาพที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

กลยุทธ์การเติบโตของเนสท์เล่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการก้าวขึ้นเป็นบริษัทด้านสุขภาพและความงามชั้นนำ ซึ่งรวมถึงการวิจัยในการจัดหาโภชนาการที่เหมาะกับผู้บริโภคโดยการลงทุนด้านเมตาโบโลมิกส์ (การศึกษาลายนิ้วมือทางเคมีที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้คน) และโปรตีโอมิกส์ (การศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของโปรตีน) โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้บริโภคและอาหารที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น กลุ่มย่อยเฉพาะของประชากร

การเติบโตที่สำคัญของประชากรทั่วโลกที่มีอายุเกิน 60 ปีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2050 เนสท์เล่สนใจในโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการของผู้สูงอายุ

ภาพที่ 3 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

อนาคตของ Animal Proteins, Meat Alternatives: 2020 Global Annual Review

  • ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดหวังแนวทางที่ ‘น้อยกว่าแต่ดีกว่า’ สำหรับเนื้อสัตว์จากสัตว์ โดย Cellular agriculture และ synthetic biology จะพัฒนาไปสู่หมวดหมู่ใหม่ เช่น ingredients และจะทำให้เนื้อสัตว์ระดับพรีเมียม เช่น เนื้อวากิว มีราคาไม่แพงมาก คุณลักษณะทางจริยธรรมและสิ่งแวดล้อมของเนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงจะถูกตั้งคำถาม
  • Perfect Day บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ ใช้การหมักและยีสต์ที่ดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อผลิตส่วนผสมจากนมที่ปราศจากสัตว์ เช่น โปรตีนและไขมัน นอกจากนี้ยังมีโอกาสสำหรับบริษัทต่างๆ ในการผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลระดับพรีเมียม เช่น เนื้อวากิว ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน กุ้งล็อบสเตอร์ และแม้แต่คาเวียร์ที่ราคาเอื้อมถึงมากขึ้นผ่าน cellular agriculture
  • Finless Foods ใช้ cellular agriculture เพื่อสร้างปลาราคาไม่แพงและอาหารทะเลที่ยั่งยืนซึ่งดีต่อสุขภาพ
  • Perfect Day บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ ใช้การหมักและยีสต์ที่ดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อผลิตโปรตีนจากนมที่ปราศจากสัตว์
  • Aleph Farms อ้างว่าพวกเขาได้ผลิตสเต็กที่ปลูกในเซลล์ซึ่งมีรูปร่าง เนื้อสัมผัส และลักษณะคล้ายกับเนื้อเยื่อของเนื้อวัว

อนาคตของ Ingredients : 2020 ในอีก 5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีจะยังคงมีบทบาทสำคัญในอนาคตของ Ingredients ในอาหาร อุตสาหกรรมอาหารจะได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นsynthetic biology และ artificial intelligence

ภาพที่ 4 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

  • อนาคตของ Nutrition, Health & Wellness, 2022 ในอีก 5 ปีข้างหน้า Single-cell proteins จะเติบโตเป็นโซลูชั่นสำหรับโภชนาการที่ยั่งยืน และวิทยาศาสตร์จะเปิดเผยวิธีการใช้การหมักเพื่อพัฒนา ‘matches’ to crops เช่น เมล็ดโกโก้หรือน้ำมันปาล์ม
  • อนาคตของ Animal Proteins, Meat Alternatives, 2022 เทคโนโลยีการหมักและการเกษตรแบบเซลล์ในที่สุด จะเป็นทางออกที่สำคัญในการจัดการกับความท้าทายด้านรสชาติและเนื้อสัมผัสของทางเลือกเนื้อสัตว์ และตอบสนองความต้องการโปรตีนของประชากรโลกที่กำลังเติบโต
  • Ingredients to watch : sustainable ingredients (2022)
    o นวัตกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารกำลังเคลื่อนย้ายการเกษตรจาก fields to the labs อาหารและส่วนผสมที่ได้มาจากเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งรวมถึงvertical farming, precision fermentation and cellular agriculture, จะปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหาร
    o Fermentation and genetically engineered yeast กำลังถูกนำมาใช้เพื่อสร้างโปรตีนจากสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกัน โดยไม่ต้องใช้สัตว์
    o ADM และ Asia Sustainable Foods Platform ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมทุน 50-50 เพื่อจัดหาการหมักที่แม่นยำและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่หลากหลายในสิงคโปร์และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กว้างขึ้น
    o Libre Foods แบรนด์สัญชาติสเปนเปิดตัวเบคอนวีแกนที่สร้างจากเชื้อราโดยใช้เทคโนโลยีการหมัก

ภาพที่ 5 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

  • น้ำเสียสู่โปรตีนจากพืช นักวิจัยชาวสวีเดนได้พัฒนาเทคนิคในการใช้น้ำเสียในอุตสาหกรรมอาหารในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อปรับปรุงคุณภาพทางโภชนาการ ทีมวิจัยจาก University of Gothenburg และ Chalmers University of Technology ได้เพาะเลี้ยงสาหร่ายประเภทต่างๆ และเติมน้ำในกระบวนการจากอุตสาหกรรมการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการผลิตน้ำนมข้าวโอ๊ต ในแต่ละกรณี น้ำในกระบวนการช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนของสาหร่ายจากประมาณ 10% เป็นมากกว่า 30% ทีมงานกล่าวว่าโครงการนี้สามารถช่วยสร้าง a more circular approach to protein production
  • การดูดซึมแคลเซียมที่เพิ่มขึ้นโดยส่วนผสมที่หมัก (2022) Peptide fragments isolated from fermented milk – China Chemical & Pharmaceutical พบว่าเปปไทด์บางตัวที่แยกได้จากผลิตภัณฑ์หมักนม (คล้ายกับ kefir fermentation) มีฤทธิ์ต้านโรคกระดูกพรุน การหมักเฉพาะเพื่อเพิ่มปริมาณเปปไทด์สูงสุด และอ้างว่าความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อบริโภคนมหมัก
  • Asahi Soft Drinks เปิดตัวผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่กำหนดเป้าหมายไปยังวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้รับการกำหนดสูตรด้วย lactononadecapeptide NIPPLTQTPVVVVPPFLQPE (เปปไทด์ที่พัฒนาโดย Asahi) ซึ่งกล่าวกันว่าช่วยเพิ่ม concentration และ cognitive function

ภาพที่ 6 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

  • gluten-free : ความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของ ingredients บางอย่างต่อสุขภาพและโลก ทำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้และมองหาทางเลือกอื่น ในระดับที่ใหญ่ขึ้น วิถีชีวิตที่ปฏิบัติตามการควบคุมอาหารโดยเฉพาะ รวมถึง veganism, gluten-free กำลังเป็นที่นิยม ตัวอย่าง เนยกราโนล่า ปราศจากกลูเตนซึ่งเป็นทางเลือกแทนเนยถั่วแบบดั้งเดิม และ แบรนด์อาหารหลายแห่งรวมตัวกันเพื่อสร้าง The Almond Project ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อใช้แนวทางปฏิบัติในการทำฟาร์มอัลมอนด์ที่ชาญฉลาดต่อสภาพอากาศ อัลมอนด์ได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับอาหารทดแทนอาหาร ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากกลูเตนไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากนม
  • low GI (glycemic index)
    o Tagatose สารให้ความหวานที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีค่า GI ต่ำ
    o การอบแบบ Slow-Carb Baking ผ่าน long-form fermentation ทำให้สามารถผลิต lower-GI carbohydrates ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างดี เพื่อการย่อยอาหารและสุขภาพลำไส้ของมนุษย์ low glycaemic index (GI) bread ใช้สูตรเฉพาะ “slow carbs” ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าสามารถชะลอการดูดซึมน้ำตาลได้ ปัจจุบัน
    o การพัฒนาสูตรที่มีส่วนผสมต้านการอักเสบและพฤกษศาสตร์เพื่อสนับสนุนสุขภาพโดยรวมในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับน้ำตาลในเลือด

ภาพที่ 7 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

The Future of Nutrition, Health & Wellness, 2022

  • ในอีก 2 ปีข้างหน้า ความสนใจไปที่ gut microbiome จะเปิดโอกาสสำหรับส่วนผสม เช่น prebiotic
  • Gut-friendly ingredients มีศักยภาพที่จะเติบโตได้เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เน้นไมโครไบโอมเปิดประตูใหม่เพื่อสุขภาพลำไส้ ผู้บริโภคชาวไทย 60% ตระหนักถึงเส้นใยอาหารและ/หรือพรีไบโอติก (เช่น inulin, beta-glucan) และเคยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเหล่านี้
  • งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าส่วนผสมโปรไบโอติกมีอิทธิพลต่อการพัฒนาไมโครไบโอมในลำไส้ที่มีสุขภาพดี ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อทารกเนื่องจากเชื่อกันว่าไมโครไบโอมในลำไส้ของมารดามีความเชื่อมโยงกับสุขภาพของทารก ส่วนผสมโปรไบโอติกและพรีไบโอติกแสดงให้เห็นศักยภาพในการให้ประโยชน์ต่อสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • พรีไบโอติกสามารถปรับปรุงความสมดุลของแร่ธาตุและคุณสมบัติของกระดูกโดยการลดค่า pH ของซีคอล เพิ่มความสามารถในการละลายและการดูดซึมแคลเซียม และเพิ่มระดับแบคทีเรียไบฟิโด

ภาพที่ 8 ตัวอย่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Functional ingredients

Patent Perspective: Modified and resistant starches (2015)

  • ความต้องการอาหารสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 นำไปสู่การดัดแปลงแป้งที่หลากหลายเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานในผลิตภัณฑ์แช่แข็ง แห้ง และอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน
  • top five sub-categories modified starches ได้แก่ เค้ก ขนมอบและขนมหวาน อาหารปรุงสำเร็จ spoonable yoghurt ของหวานแช่เย็น และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Modified starches ใช้เพื่อเพิ่มความหนืด/ความสม่ำเสมอและเป็นสารคงตัวในการใช้งานอาหาร

วารสารข่าวด้านการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม 2565

วารสารข่าวด้านการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์จากกรุงบรัสเซลส์
ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม 2565

ภาพรวมสถานะและความก้าวหน้าของประเทศสวีเดน ในด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
คณะกรรมาธิการยุโรปจะจัดทำ Innovation Scoreboard เพื่อเป็นตัวชี้วัดถึงผลลัพธ์และศักยภาพด้านนวัตกรรม (Innovation Performance) โดยการประเมินจากการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบของประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งของระบบนวัตกรรมของแต่ละประเทศ โดยในการจัดลำดับประเทศนวัตกรรมในยุโรป แบ่งเป็น 4 หมวด ได้แก่ ผู้นำนวัตกรรม (innovation leaders) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมระดับสูง (strong innovators) ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมระดับกลาง (moderate innovators) และ ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมพอประมาณ (modest innovators) โดยสวีเดนได้ถูกจัดลำดับให้เป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านนวัตกรรมในสหภาพยุโรปติดต่อกันมาหลายปี
ซึ่งผลมาจากจุดแข็งเชิงนวัตกรรมในด้านทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและทักษะสูง มีค่าเฉลี่ยจำนวนนักศึกษาสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาเอก และชั้นอุดมศึกษา สูงเป็นอันดับต้นๆ นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งเชิงนวัตกรรมด้านอื่น ๆ อาทิ

  • ระบบการวิจัยที่น่าดึงดูด: สร้างความร่วมมือด้านการวิจัยกับประเทศที่สาม นักวิจัยมีการติดต่อกับเครือข่ายระดับนานาชาติ และคุณภาพผลงานวิจัยอยู่ในระดับสูง
  • การพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม: โดยมีสัดส่วนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการพัฒนานวัตกรรมกระบวนการทางธุรกิจในระดับสูง และเป็นผู้นำการสร้างงานจากการพัฒนานวัตกรรม
  • ความร่วมมือและการเชื่อมโยงทางนวัตกรรม: โดยมีนวัตกรรมที่หลากหลาย เนื่องจากเข้าร่วมพัฒนากับบริษัทเอกชน หรือ องค์กรภาครัฐ ระบบวิจัยในประเทศยังขับเคลื่อนตอบโจทย์ต่อความต้องการของบริษัทเอกชนเพื่อส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งบริษัทเอกชนเข้ามาลงทุนร่วมในระบบวิจัยของภาครัฐ

ภาพรวมระบบนวัตกรรมของสวีเดน
สวีเดน ได้ปรับโครงสร้างประเทศจากสังคมเกษตรกรรมช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่อาศัยนวัตกรรมโดยเน้นจุดแข็ง 3 ด้าน ได้แก่ ภาคธุรกิจที่เข้มแข็ง (strong business sector) ภาควิชาการที่เป็นเลิศ (academic excellence) และการสนับสนุนการทำงานแบบรัฐนวัตกรรม (innovative public sector) จากการประเมินจุดแข็งเชิงนวัตกรรมของสวีเดนคือ คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์
หน่วยงานที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมในสวีเดน แบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่
1. หน่วยงานส่วนกลาง : เช่น National Innovation Council (NIC) หน่วยงานภาครัฐที่ประสานหน่วยงานกลางและหน่วยงานท้องถิ่นมาร่วมกันผลักดันนโยบายนวัตกรรมของรัฐ พร้อมดึงกระทรวงมาร่วมแก้ปัญหา ทุกกระทรวงจะมีงานด้านนวัตกรรมภารกิจต้องผลักดัน เพื่อต่อยอดนำงานวิจัยไปสู่นวัตกรรมที่จับต้องได้
2. หน่วยงานระดับท้องถิ่น: เป็นหน้าที่ของเทศบาลนคร (country) ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมระดับชุมชนและประชาคมสังคมท้องถิ่น การบริหารส่วนท้องถิ่นของสวีเดนจัดเก็บภาษีเพื่อใช้พัฒนาท้องถิ่นตนเอง จึงมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการ การส่งเสริมนวัตกรรมของเทศบาลนครจะเป็นความร่วมมือกับภาควิชาการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน
3. หน่วยงานด้านวิชาการและการศึกษา: สวีเดนส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจำนวน 13 แห่ง เพื่อกระตุ้นการนำงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ทางการค้า มีการสร้างศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น (startups) ในมหาวิทยาลัย และตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนของมหาวิทยาลัย ให้กับบริษัทที่ผ่านการบ่มเพาะและมีศักยภาพในการสนับสนุนงานวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพของภาควิชาการ
4. ภาคเอกชน: รัฐบาลสวีเดนยังจัดตั้งบริษัทที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น เช่น บริษัท Almi สนับสนุนด้านการเงิน ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจ การรับทำงานวิจัยและพัฒนา และการให้เช่าพื้นที่ทำการทดลอง (testbed)

การอุดมศึกษาของสวีเดน
ประเทศสวีเดนมีระบบการศึกษาดีเป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ที่มีการลงทุนด้านการศึกษามากที่สุด
จากการจัดอันดับคณะและมหาวิทยาลัยในสวีเดนในปี ค.ศ. 2020 คณะและมหาวิทยาลัยยอดนิยม 10 อันดับแรกที่สมัครเรียนมากที่สุดมีดังนี้
1.คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสต๊อกโฮล์ม (Stockholm university)
2.คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุปซอลา (Uppsala university)
3.คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund university)
4.คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์ม (Stockholm university)
5.คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเคาโรลินสกา (Karolinska Institutet)
6.คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุปซอลา (Uppsala university)
7.คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์ม (Stockholm university)
8.คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก (Gothenberg university)
9.คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยอุปซอลา (Uppsala university)
10.คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยลินเชอปิง (Linköping university)

หน่วยงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่น่าสนใจในสวีเดน

สถาบันแคโรลินสกา (Karolinska Institute)
สถาบันแคโรลินสกา (Karolinska Institute) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสต็อกโฮล์ม เป็นมหาวิทยาลัยทางการแพทย์และศัลยแพทย์อันดับหนึ่งในสวีเดน ทั้งเป็นมหาวิทยาลัยการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สามารถผลิตบุคลากรทางการแพทย์ได้กว่าร้อยละ 30 มีงานวิจัยทางด้านการแพทย์กว่าร้อยละ 40 มีศิษย์เก่าจำนวนมากกว่า 30 รายได้รับรางวัลโนเบล

มหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund University)
มหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund University) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในทวีปยุโรปและเป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศสแกนดิเนิวีย ตั้งอยู่ที่เมืองลุนด์ (Lund) ทางตอนใต้ของสวีเดน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1666 มีชื่อเสียงด้านการเรียนการสอนและด้านวิจัยเป็นเวลายาวนาน ถูกจัดอันดับอยู่ในมหาวิทยาลัยดีเด่น 100 ลำดับแรกของโลก สำหรับสาขาวิชาที่อยู่ในชั้นแนวหน้าของโลก ได้แก่ การศึกษาเพื่อการพัฒนา ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม การพยาบาล การเงิน และนโยบายสังคม การบริหาร และกฎหมาย

มหาวิทยาลัยอุปซอลา (Uppsala University)
มหาวิทยาลัยอุปซอลา (Uppsala University) เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยระดับนานาชาติขนาดใหญ่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดของประเทศสวีเดน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1477 (ช่วงราวต้นกรุงศรีอยุธยาของไทย) ในเมืองอุปซอลาอยู่ทางเหนือของกรุงสต็อกโฮล์ม ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกด้านงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง

ราชวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งสวีเดน (KTH Royal Institute of Technology)
ราชวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งสวีเดน เป็นสถาบันด้านเทคโนโลยีมีความโดดเด่นสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นมหาวิทยาลัยด้านเทคนิคที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1827

มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์ม (Stockholm University)
มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์มเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐตั้งอยู่ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เริ่มก่อตั้งเป็นวิทยาลัยปี ค.ศ. 1878 และได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยปี ค.ศ. 1960 และเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อันดับที่ 4 ของประเทศสวีเดน
มหาวิทยาลัยเปิดสอนและทำวิจัยสองกลุ่มหลัก คือ กลุ่มวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและกลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ แบ่งการสอนเป็น 4 คณะ (คณะนิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะคณิตศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์) โดยคณะวิทยาศาสตร์เป็นคณะที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน มหาวิทยาลัยจัดอยู่ใน 100 ลำดับแรกชั้นนำของโลก

การทำงานร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ผ่านโครงการ Thailand Nordic countries innovation unit (TNIU)
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 โดย ดร.เศรษฐพันธ์ กระจ่างวงษ์ ได้เข้าร่วมประชุมกับตัวแทนองค์กร Thailand Nordic countries innovation unit (TNIU)
Thailand Nordic countries innovation unit (TNIU) เป็นหน่วยงานจัดตั้งขึ้นโดยการประสานงานของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม รวบรวมนักศึกษาและนักวิชาชีพไทยใน 4 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก ทำงานร่วมกันเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมและการสร้างโครงการความร่วมมือด้าน อววน. ระหว่างประเทศไทยและ 4 ประเทศ โดยมีสวีเดนประสานงานหลักกับอีก 3 ประเทศ ภารกิจหลักของ TNIU มี 3 ประการ

  • เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากองค์กรในภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชนจาก 4 ประเทศ ไปสู่ประเทศไทย
  • ประสานการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างหน่วยงาน/บริษัทในไทยและใน 4 ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก
  • ศึกษาหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดของวิสาหกิจไทย ใน 4 ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก

โดยสาขา/หัวข้อ ที่ให้ความสำคัญกับหน่วยงานในประเทศไทย ใน 4 รูปแบบดังนี้

  • การแบ่งปันและอัพเดทข้อมูลความก้าวหน้าที่สนใจด้าน อววน. ใน 4 ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ให้แก่หน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. และประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
  • การจับคู่ทางธุรกิจระหว่างหน่วยงาน/บริษัทในไทยและใน 4 ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก
  • การจับคู่ระหว่างหน่วยงานด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในประเทศไทยและใน 4 ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยร่วมกัน
  • การเสริมสร้างทุนปัญญาในระดับอุดมศึกษาผ่านการสร้างเครือข่ายนักเรียนไทยในแต่ละประเทศของกลุ่มนอร์ดิก เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการส่งเสริมการศึกษาต่อของนักเรียนไทย ในการทำโครงการความร่วมมือหรือถ่ายทอดองค์ความรู้กลับสู่ประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโอกาสในการทำงานทั้งในไทยและในกลุ่มประเทศนอร์ดิก

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2022/20220915-newsletter-brussels-no01-jan65.pdf

 

 

เมื่อ “เมฆกันชน” มาเยือนกรุงเทพ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ในตอนเช้าวันนั้นหลายๆ คนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คงแปลกใจกัน เพราะตื่นมาแล้วเห็นเมฆสีเข้มให้อารมณ์หม่นหนัก ครอบคลุมท้องฟ้าเป็นแนวกว้างสุดสายตา

ภาพโดยคุณ Maythavee Chantra

ดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติหรือ เอ็มเทค สวทช. และเป็นผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ชมรมคนรักมวลเมฆ” ที่มีสมาชิกกว่า 3 แสนคน ได้ให้ข้อมูลผ่านแฟนเพจว่า เมฆลักษณะดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า อาร์คัส (arcus) ซึ่งมีลักษณะเทียบได้กับ “กันชนหน้า” ของรถบรรทุกขนาดใหญ่

ชื่ออาร์คัสาจากภาษาละติน มีความหมายว่า “ส่วนโค้ง” บางคนก็เรียกว่าเป็น arch cloud (arch หรือ arc คือ ส่วนโค้งหรือช่องโค้ง) และ ดร.บัญชา เป็นผู้ตั้ง “ชื่อเล่น” เมฆดังกล่าวว่าเป็นคนแรกว่า “เมฆกันชน” โดยแนวโค้งของเมฆดังกล่าวอาจใช้ระบุทิศทางการเคลื่อนที่ของก้อนเมฆฝนฟ้าคะนองขนาดใหญ่ทั้งก้อนได้

ภาพโดยคุณ Nolyho H Wanderer

เมฆอาร์คัสเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหลายครั้งแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของการกำเนิดเมฆ และชมภาพเมฆดังกล่าวได้ในบทความของ ดร.บัญชา ตามลิงก์ต่อไปนี้
https://www.facebook.com/MatichonMIC/photos/a.590225254398696/5331657680255406/

อย่างไรก็ตาม การที่มีนักวิชาการบางคนระบุว่า เมฆอาร์คัสอาจแสดงให้เห็นถึงสภาวะอากาศแบบสุดขีด (extreme weather event) ที่เกิดจากภาวะโลกร้อน (global warming) หรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) นั้น

ดร.บัญชา ระบุว่าน่าจะถือว่ายังเป็นเพียงสมมติฐาน (hypothesis) หรือข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้น ยังและต้องรอการพิสูจน์เพิ่มเติมต่อไป