รายงานการศึกษา : สถานการณ์และโอกาสทางการตลาดสมุนไพรเป้าหมาย: กระชายดำ บัวบก และกะเพรา

รายงานการศึกษา : สถานการณ์และโอกาสทางการตลาดสมุนไพรเป้าหมาย: กระชายดำ บัวบก และกะเพรา

Download (29.7 MB)

 

ศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิวทยา (TBES)

ศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิวทยา

(Toxicology and Bio Evaluation service Center)

https://www.nstda.or.th/tbes/

TBES-OECD

TBES มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการทดสอบทางพิษวิทยาระยะก่อนคลินิก (Pre-clinical test) และการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพ โดยเฉพาะการนำเนื้อเยื่อสามมิติ หรือ 3D tissues ที่ได้มาตรฐาน (ผ่านการยอมรับความใช้ได้โดย ECVAM*) มาใช้เป็นหนึ่งในวิธีทางเลือกทดแทนการใช้สัตว์ทดลอง (Alternatives to animal testing)

 

TBES มีความพร้อมของห้องปฏิบัติการและเครื่องมือ สำหรับให้บริการทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สมุนไพร วัสดุทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ โดยใช้วิธีทดสอบตาม OECD test guidelines และมาตรฐานสากล ดำเนินการด้วยระบบคุณภาพ รองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมของไทย เพื่อการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

นอกจากนี้ TBES ยังมีบริการให้คำปรึกษาและออกแบบการทดสอบให้แก่ผู้ประกอบการ ตามหลักวิชาการด้านพิษวิทยา เภสัชวิทยา เและชีวเคมี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและความปลอดภัย

 

การทดสอบด้านความปลอดภัย

  • การระคายเคืองต่อผิวหนัง – Skin irritation
    • OECD Test No. 439
  • การกัดกร่อนผิวหนัง – Skin corrosion
    • OECD Test No. 431
  • การระคายเคืองต่อดวงตา – Eye irritation
    • OECD Test No. 492
    • OECD Test No. 492B
  • ความเป็นพิษต่อเซลล์ – Cytotoxicity
    • In house method
  • ความเป็นพิษเมื่อกระตุ้นด้วยแสงยูวี – Phototoxicity
    • OECD Test No. 432
  • ความไวต่อการกระตุ้นการแพ้ทางผิวหนัง – Skin sensitization
    • OECD Test No. 442D
    • OECD Test No. 442E
  • การเหนี่ยวนำอนุมูลอิสระภายในเซลล์ – Induction of intracellular ROS
    • DCF assay
  • ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (สำหรับวัสดุทางการแพทย์) – Biocompatibility
    • ISO 10993 series: ISO 10993-5, ISO 10993-12, and ISO 10993-23

การทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพ

  • ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ – Anti-oxidant activity
    • ABTS assay (ABTS radical scavenging activity)
    • DPPH assay (DPPH radical scavenging activity)
    • FRAP assay (Ferric reducing antioxidant power)
    • ORAC assay (Oxygen radical absorbance capacity)
  • ฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง – Anti-melanogenesis
    • Melanin content assay
    • Anti-tyrosinase assay
  • การทดสอบอื่นๆ – Others
    • โปรดติดต่อ TBES

 

ชุดข้อมูลเปิด (opendata) :

บริการทดสอบของศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิทยา ข้อมูลประกอบด้วย รายการทดสอบ ปริมาณตัวอย่างส่งทดสอบ ระยะเวลาทดสอบ และราคาค่าบริการทดสอบ โดยเป็นการทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการทดสอบ ได้แก่ เครื่องสำอาง สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์นาโนเทคโนโลยี

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิทยา

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
111 อาคารนวัตกรรม 2 (INC 2) tower C อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
โทรศัพท์ 0-2564-7000 ต่อ 71701 ถึง 71704
Email : sales.tbes@nstda.or.th

 

 

LookieWaste แอพพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์

LookieWaste: แอพพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์

LookieWaste MobileApp

ปัญหาการสูญเสียอาหารนับเป็นประเด็นที่ทุกประเทศล้วนให้ความสำคัญ เนื่องจากการสูญเสียอาหารมีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของคนในประเทศ รวมทั้งคุณภาพอาหาร และความปลอดภัย ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดทั้งข้อมูลและระบบจัดเก็บข้อมูลการสูญเสียอาหารและขยะอาหารอย่างเป็นระบบ อีกทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับขยะอาหารเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งเข้าถึงข้อมูลรายบุคคล มีความยุ่งยาก สิ้นเปลืองทั้งแรงงานและงบประมาณ ดังนั้น สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยังยืน (TIIS) ซึ่งได้รับทุนอุดหนุนวิจัยจาก UN environment จึงวิจัยและพัฒนาแอพพลิเคชั่น Lookie Waste เพื่อตรวจสอบขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารได้อย่างต่อเนื่อง สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักในการบริโภคอาหารผ่านแนวคิดตลอดวัฏจักรชีวิต อันจะนำไปสู่การลดปริมาณขยะอาหารต่อไป

คุณลักษณะพื้นฐาน

แอพพลิเคชั่น LookieWaste ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนของการแสดงผลและบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน และส่วนระบบการจัดการและบันทึกผลข้อมูลสำหรับผู้พัฒนา

1.ส่วนของการแสดงผลและบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน

“LookieWaste” เป็นแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน รองรับระบบปฏิบัติ iOS และ Android หลังจากดาวน์โหลดใช้งาน โดยแสดงผลกระทบจากขยะอาหารที่เกิดขึ้น ทั้ง 3 ด้าน โดยประเมินผลตามนิยามของขยะอาหาร (Food waste) [FAO, 2011] ในหน้าแรกของการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่น (Welcome display) จะแสดงโลโก้ของหน่วยงานที่พัฒนาแอพพลิเคชั่น คือ National Metal and Materials Technology Center (MTEC) National Science and Technology Development Agency (NSTDA) และหน่วยงานผู้สนับสนุนทางการเงิน “The Resource Efficiency through Application of Life Cycle Thinking” (REAL) โครงการภายใต้ The European Union (UN) ก่อนเริ่มใช้งานผู้ใช้งานต้องเข้าระบบในครั้งแรกของการใช้งาน ประกอบด้วย 3 วิธี Device facebook และ Google+

การใช้งาน

การใช้งานแอพพลิเคชั่นประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) เลือกเมนูอาหาร 2) เลือกบรรจุภัณฑ์อาหาร 3) การประมาณการณ์อาหารที่เหลือจากการบริโภค ส่วนสุดท้ายคือการแปรผลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร โดย

ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม แสดงผลปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เกิดจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารจะถูกตีความเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งคำนวณจากหลักแนวคิดการประเมินตลอด     วัฏจักรชีวิต ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัถตุดิบ จนถึงการจำกัดซาก แบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้

ระดับ 1 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 0-20 % ที่เกิดจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร เป็นระดับความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

ระดับ 2 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 21-40 % ที่เกิดจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร

ระดับ 3 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 41-60 % ที่เกิดจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร

ระดับ 4 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 61-80 % ที่เกิดจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร

ระดับ 5 ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 81-100% ที่เกิดจากขยะอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหาร รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร เป็นระดับความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด

ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น สามารถบันทึกพฤติกรรมการบริโภคอาหารในแต่ละวันได้ เพื่อติดตามผลสรุปในแต่ละช่วงเวลาของการใช้งาน ซึ่งแสดงผลการใช้งานเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยแสดงทั้งรูปแบบกราฟของขยะอาหารที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และแสดงผลกระทบทั้งหมดที่เกิดจากการใช้งาน ซึ่งจะเห็นแนวโน้มของพฤติกรรมการบริโภคของผู้ใช้งานเอง จนเกิดความตระหนักแก่ผู้ใช้งาน นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ตลอดจนการเลือกบรรจุภัณฑ์อาหาร

LookieWaste

2.ส่วนระบบการจัดการและบันทึกข้อมูลสำหรับผู้พัฒนา

ระบบการจัดการสำหรับผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ประกอบด้วยเมนูหลัก ดังนี้

  • Manage Item โดยแบ่งออกเป็น Menu, Process, Item, Packaging, Packaging Management และ Cooking ผู้พัฒนาสามารถปรับเปลี่ยน แก้ไข เพิ่มเติมเมนูอาหาร ส่วนประกอบอาหาร บรรจุภัณฑ์อาหาร การจัดการบรรจุภัณฑ์อาหาร และวิธีการทำอาหาร หรือปรับเปลี่ยน ค่า emission factor เพื่อประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และราคาวัตถุดิบของส่วนประกอบอาหาร สำหรับการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมถึงปริมาณกิโลแคลอรี่ในแต่ละเมนู สำหรับการประเมินผลกระทบทางสังคม
  • Users ประกอบด้วยรายชื่อของผู้ใช้งานทั้งหมด โดยแสดงข้อมูลพื้นฐานทั่วไปตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ในตอนเริ่มต้นใช้งานแอพพลิเคชั่น
  • Report โดยแบ่งออกเป็น Information User, User Waste และ User effect เป็นการรายงานผลของผู้เข้าใช้งานทั้งหมด ในรูปแบบกราฟ และเปอร์เซ็นต์ เพื่อนำผลไปวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ในงานวิจัยต่อไป

 

การนำไปใช้ / ถ่ายทอดเทคโนโลยี

  • ข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม จากการบริโภคอาหารเพื่อประยุกต์ใช้ในการประเมิน carbon footprint โรงอาหารขององค์การสหประชาชาติประเทศไทย
  • แอพพลิเคชั่น Lookie Waste เพื่อสร้างความตระหนักในการลดขยะอาหารของประเทศไทย

กลุ่มลูกค้า / ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเป้าหมาย

  • องค์การสหประชาชาติด้านสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment)
  • Food and Agriculture Organization of the United Nations (FAO)
  • กระทรวงการต่างประเทศ
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

 

ฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (National LCI Database for Sustainable Development)

ฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

 (National LCI Database for Sustainable Development)

https://www.nstda-tiis.or.th/

เป็นฐานข้อมูลที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางที่เป็นตัวแทนระดับประเทศสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม และเป็นข้อมูลที่จัดทำขึ้นด้วยความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรมและการผลิต อาทิ กลุ่มก๊าซธรรมชาติ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มเกษตรและอาหาร และกลุ่มการขนส่ง ทั้งนี้ การขยายฐานข้อมูลดังกล่าวยังเป็นการดำเนินงานที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน

 

การจัดทำบัญชีรายการวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Inventory; LCI) ของผลิตภัณฑ์หรือการบริการ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญที่ช่วยสนับสนุนงานด้านสิ่งแวดล้อมและการค้าของประเทศ ทั้งการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การวางแผนการใช้ทรัพยากร รวมถึงการวางนโยบายของภาครัฐ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว หน่วยงานพันธมิตร อันประกอบด้วย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, กระทรวงอุตสาหกรรม (โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม), สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จึงร่วมกันดำเนินการจัดทำ “ฐานข้อมูลบัญชีรายการวัฏจักรชีวิตของประเทศไทย” ขึ้น เพื่อให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการนำไปใช้ประโยชน์ดังกล่าวข้างต้น

 

การจัดทำ Life Cycle Inventory (LCI) หรือบัญชีรายการวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (หรือการบริการ) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วยวิธี LCA ซึ่งLCI ที่มีคุณภาพ ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และโปร่งใส จะทำให้ผลการประเมินถูกนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งในการปรับปรุงการผลิต การเลือกห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การวางแผนการใช้ทรัพยากร การตัดสินใจ การวางนโยบาย รวมถึงการขอฉลากสิ่งแวดล้อม เช่น Carbon Footprint เป็นต้น

 

จากความสำคัญของ LCI ของวัสดุพื้นฐานและพลังงานดังกล่าว หน่วยงานพันธมิตรทั้ง 5 หน่วยงานข้างต้นจึงได้จัดทำ “ฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตของวัสดุพื้นฐานและพลังงานของประเทศ” ขึ้น โดยมุ่งไปที่วัสดุพื้นฐานและพลังงาน 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

  1. กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า น้ำประปาและน้ำอุตสาหกรรม การขนส่งโดยรถบรรทุก
  2. กลุ่มวัสดุพื้นฐาน (Basic Materials) แบ่งย่อยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
    1. วัสดุจากอุตสาหกรรม ได้แก่ สิ่งทอ เยื่อและกระดาษ เม็ดพลาสติก
    2. วัสดุจากเกษตรกรรม ได้แก่ ยางธรรมชาติ ปาล์มน้ำมัน พืชผักผลไม้ และปศุสัตว์
    3. วัสดุก่อสร้าง ได้แก่ กระจก ไม้ยางพารา
  3. กลุ่มการรีไซเคิลและการจัดการซาก (Recycle and Waste Management) ได้แก่ การรีไซเคิล การเผา การฝังกลบ การย่อยสลายโดยไม่ใช้ออกซิเจน

 

คณะทำงานของการจัดทำฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิต

  1. คณะทำงานดูแลฐานข้อมูลกลาง (Commissioner) ปัจจุบัน คือ สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมคุณภาพ ดูแล รักษา และเผยแพร่ฐานข้อมูล รวมถึงให้คำปรึกษาในการจัดทำฐานข้อมูล และรับผิดชอบภาพรวมของการพัฒนาฐานข้อมูลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
  2. คณะทำงานเก็บข้อมูลบัญชีรายการสิ่งแวดล้อม (Practitioner) ได้แก่ กลุ่มบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีหน้าที่ในการติดต่อกับภาคอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูล วิเคราะห์ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือของข้อมูลนั้นๆ รวมทั้งจัดส่งข้อมูลให้กับคณะทำงานดูแลฐานข้อมูลกลาง
  3. คณะทำงานบริหาร (Steering Committee) มีหน้าที่ในการกำกับดูแลการพัฒนาฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน ตลอดจนติดตามความคืบหน้า และสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ
  4. คณะทำงานด้านเทคนิค (Technical Committee) มีหน้าที่ดูแลภาพรวมของการดำเนินงานด้านเทคนิคให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตลอดจนกำหนดวิธีการติดตามความก้าวหน้า และให้คำแนะนำ วิธีการ หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น

 

ในการทำ National LCI ของผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง ผู้เก็บข้อมูล (Practitioner) จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เป้าหมายและหลักการ LCA เมื่อ Practitioner ได้ตั้งเป้าหมายและขอบเขตของการเก็บข้อมูลแล้ว จึงทำแบบสอบถามเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์หรือเพื่อให้ผู้ประกอบการกรอกข้อมูลตามความเป็นจริง เมื่อ Practitioner ได้รับข้อมูลจากผู้ประกอบการทุกแห่งตามขอบเขตที่กำหนดไว้แล้ว จากนั้นจึงทำการแปลงข้อมูลให้เป็น LCI เฉลี่ยที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วส่งกลับมายังสถาบันฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลฐานข้อมูลกลาง ผู้เก็บข้อมูลควรตั้งคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งด้าน LCA และสาขาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เป้าหมาย เพื่อให้คำแนะนำด้านการวางขอบเขตการทำแบบสอบถาม และให้ความเห็นกับผล LCI ที่ได้ หากคณะกรรมการเห็นควรให้ปรับปรุงแก้ไข ผู้เก็บข้อมูลควรดำเนินการแก้ไข ทั้งนี้เพื่อให้การทำ National LCI เป็นไปตามข้อกำหนดใน ISO 14040 และ ISO 14044 คือ วิธีการเก็บข้อมูลถูกต้อง ข้อมูลมีคุณภาพ และโปร่งใส รวมถึงตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

 

ฐานข้อมูลและองค์ความรู้จากผลการพัฒนาฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตของประเทศไทย ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมาถูกนำไปประยุกต์ใช้งานอย่างแพร่หลายในด้านการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินผลกระทบด้านภาวะโลกร้อน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า การประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint: CF) (ทั้งการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ และการประเมินคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร) ต่อมาได้ขยายไปสู่การประเมินผลกระทบด้านการขาดแคลนน้ำ (Water Scarcity Footprint: WSF) รวมถึงนำไปประกอบการจัดทำแผนงานและนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ ตัวอย่างจากการนำฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตของประเทศไทยไปประยุกต์ใช้ด้านความยั่งยืน แสดงดังภาพ

ฐานข้อมูลวัฏจักรชีวิตเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. (NCTC)

ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช
NSTDA Characterization and Testing Service Center (NCTC)

http://www.nctc.in.th/

NCTC

ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช (NCTC) เป็นศูนย์เครื่องมือกลางที่ครบวงจร รองรับงานวิจัยและอุตสาหกรรมในประเทศ เป็น Testing Hub สนับสนุนการขับเคลื่อนงานวิจัย ด้วยการวิเคราะห์ทดสอบที่มีมาตรฐาน และครบวงจร ด้านการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบแบบ One-Stop Service ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยบุคลากรที่มีความชำนาญให้บริการด้วยความรวดเร็วและมีคุณภาพ ปฏิบัติงานภายใต้ระบบมาตรฐานห้องปฎิบัติการ ISO/IEC 17025, ISO9001 และ ISO45001

ปัจจุบัน NCTC ให้บริการวิเคราะห์ทดสอบ ภายใต้ห้องปฏิบัติการ 4 กลุ่ม ได้แก่ 

  1. ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ
  2. ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทางเคมี
  3. ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะทางชีวภาพ
  4. ห้องปฏิบัติการทางจุลชีววิทยา

และยังมีบริการงานทดสอบสอบเฉพาะทางได้แก่ งานบริการวิเคราะห์ทดสอบด้านกัญชากัญชง สารสกัดและผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชง (CATC), บริการงานวิเคราะห์ทดสอบหาปริมาณสารสำคัญในกระท่อมและผลิตภัณฑ์ (KATC) และ บริการงานวิเคราะห์ทดสอบด้านอาหาร อาหารสัตว์ และสมุนไพร (FTEC)

นอกจากบริการทางด้านบริการวิเคราะห์ทดสอบทางด้านวิทยาศาสตร์แล้ว ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ ยังมีงานบริการในด้านของการพัฒนาและบำรุงรักษาเครื่องมือ โดยมีหน้าที่ดูแลและบำรุงรักษาเครื่องมือ ให้บริการซ่อมแซม รวมถึงการให้บริการออกแบบและพัฒนาเครื่องมืออีกด้วย

ปัจจุบัน NCTC ได้รับการรับรองระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 จำนวน 84 ขอบข่าย ทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่

  1. สาขาเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตร
  2. สาขาอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหาร
  3. สาขาสิ่งแวดล้อม
  4. สาขาโภคภัณฑ์
  5. สาขาพอลิเมอร์
  6. สาขาปิโตรเลียม
  7. สาขาโยธา

 

ชุดข้อมูลเปิด(opendata) :

รายการขอบข่ายการวิเคราะห์ทดสอบ ที่ได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 

ข้อมูลประกอบด้วย รายการขอบข่ายที่ได้รับการรับรองจาก สมอ. ซึ่งศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. (NCTC) ให้บริการ แสดงรายละเอียด หมายเลขการรับรอง / กลุ่มผลิตภัณฑ์ / รายการผลิตภัณฑ์ / มาตรฐานที่ใช้

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช

อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 (อาคาร C, ชั้น 3)

142 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน

ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
โทร 02-564-6111

ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและเชรามิกอุตสาหกรรม (CTEC)

ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและเชรามิกอุตสาหกรรม (CTEC)

https://www.nstda.or.th/ctec

CTEC

ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและเชรามิกอุตสาหกรรม (CTEC) จัดตั้งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561   ให้บริการทดสอบวัสดุและผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานในประเทศไทยและมาตรฐานสากล ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร (Tableware) เช่น จาน ชาม แก้ว แจกัน เทียน เชิงเทียน ผลิตภัณฑ์และวัสดุสัมผัสอาหาร ทั้งที่บรรจุและประกอบอาหาร เช่น เมลามีน กระดาษสัมผัสอาหาร ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง เช่น กระเบื้องเซรามิกและวัสดุปูพื้น สุขภัณฑ์เซรามิก อ่างล้างหน้า-ล้างมือ ก๊อกน้ำและฝักบัวอาบน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังให้บริการวิเคราะห์ทดสอบทางเคมี ได้แก่การหาปริมาณโลหะหนักและสารอันตรายต้องห้ามในวัสดุและผลิตภัณฑ์

CTEC ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพห้องปฏิบัติการ มอก. 17025 (ISO/IEC 17025) ได้รับการแต่งตั้งเป็นหน่วยตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามมาตรา 5 ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และได้รับการรับรองจาก LUCIDEON LTD. ประเทศอังกฤษ โดยมีนโยบายคุณภาพเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน มุ่งมั่นในการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุและรักษาไว้ซึ่งคุณภาพมาตรฐานสูงสุดในการให้บริการวิเคราะห์ทดสอบ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ภายใต้ขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการจะพึงกระทำได้ โดยกลุ่มลูกค้าผู้ขอรับบริการหลักจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ที่มีทั้งผู้ผลิต ผู้ซื้อ ผู้จำหน่าย ตัวแทน ทั้งที่มีความประสงค์จะส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์ โดยมีลูกค้าทั้งในประเทศไทยและ     ในหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงการให้บริการกับงานวิจัยพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ในประเทศ

งานบริการทดสอบของ CTEC

รายการทดสอบที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหน่วยตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามมาตรา 5

  • เครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบ (มอก. 792-2554)
  • ฝักบัวอาบน้ำ เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : การประหยัดน้ำ (มอก. 2066-2552)
  • ก๊อกน้ำสำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ เฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : การประหยัดน้ำ (มอก. 2067-2552)
  • กระเบื้องเซรามิก (มอก. 2508-2555)
  • กระเบื้องหินขัดชั้นเดียว (มอก. 2600-2556)
  • คอนกรีตบล็อกมวลเบาแบบเติมฟองอากาศ (มอก. 2601-2556)
  • ภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน-ฟอร์แมลดีไฮด์ ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ และเมลามีน-ยูเรีย-ฟอร์แมลดีไฮด์ สำหรับอาหารเฉพาะด้านความปลอดภัย (มอก. 2921-2562)

รายการทดสอบที่ได้รับการรับรองจาก LUCIDEON LTD. ประเทศอังกฤษ

  • ภาชนะเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร
  • กระเบื้องเซรามิก ตามมาตรฐานสากล BS EN, EN, ISO และ DIN เป็นต้น
  • การทดสอบความทนการลื่นของวัสดุ (Ramp Test, Pendulum, Slipperiness Dynamic Slip)

 

รายละเอียดสาขาและขอบข่ายที่ได้ใบรับรอง  http://www.nstda.or.th/ctec/wp-content/uploads/2023/09/CTEC_Scope-of-Laboratory-Accreditation-ISO_IEC17025-2017_Testing-no.1658_valid-from-26-Jul-2023-untill-30-Aug-2026.pdf

 

ชุดข้อมูลเปิด :

รายการบริการด้านการวิเคราะห์ ทดสอบ และออกแบบพัฒนาเชิงวิศวกรรม  ข้อมูลประกอบด้วย รายการบริการด้านการวิเคราะห์ ทดสอบ และออกแบบพัฒนาเชิงวิศวกรรม สวทช.เป็นข้อมูลห้องปฏิบัติการที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์และทดสอบตามมาตรฐานสากล  ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและเซรามิกอุตสาหกรรม (CTEC)

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและเซรามิกอุตสาหกรรม  (CTEC)

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

114 ชั้นที่ 2 อาคารศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน
ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง
จังหวัดปทุมธานี 12120
โทรศัพท์ 0-2564-6500 ต่อ 4215

ศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย(TBRC)

ศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย

 Thailand Bioresource Research Center (TBRC)

https://www.tbrcnetwork.org/

TBRC

ศูนย์ชีววัสดุประเทศไทยหรือ Thailand Bioresource Research Center (TBRC) ดำเนินการภายใต้ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดยเป็นหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการเก็บรักษา ให้บริการ และบริหารจัดการให้เกิดการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์และชีววัสดุรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง TBRC ยังมุ่งเน้นการให้บริการเทคนิคด้านต่างๆ ตามมาตรฐานสากลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ยังได้ทำงานประสานกับสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนในประเทศ สถาบันวิจัยในอาเซียน และเครือข่ายความร่วมมือในระดับประเทศและนานาชาติ ดังนั้นการร่วมมือกับ TBRC จะช่วยเชื่อมโยงท่านไปยังกลุ่มนักวิจัย หน่วยงานวิจัย และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ด้านการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์และชีววัสดุ

งานบริการของศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย

  • ฝากชีววัสดุ : เปิดให้บริการรับฝากจุลินทรีย์และชีววัสดุ 4 รูปแบบ
    • ฝากแบบเผยแพร่แก่สาธารณะ
      • ชีววัสดุที่ท่านฝากเก็บรักษาจะถูกเผยแพร่เพื่อสนันสนุนการศึกษา วิจัย และพัฒนาต่อยอด
    • ฝากแบบ Confidential deposit
      • ตัวอย่างที่ฝากจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ เฉพาะผู้ฝากเท่านั้นมีสิทธิเข้าถึงชีววัสดุที่ฝาก TBRC จะตรวจสอบชีววัสดุเมื่อได้รับคำขอจากผู้ฝากเท่านั้น
    • ฝากแบบ Safe deposit
      • ตัวอย่างที่ฝากจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ เฉพาะผู้ฝากเท่านั้นมีสิทธิเข้าถึงชีววัสดุที่ฝาก โดยผู้ฝากอนุญาตให้ TBRC ตรวจสอบชีววัสดุตามระยะเวลาที่กำหนด
    • ฝากแบบ Patent deposit
      • ชีววัสดุที่ท่านฝากเก็บรักษาจะถูกเก็บดูแลอย่างปลอดภัย เป็นไปตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ
  • บริการเทคนิค : TBRC ให้บริการเทคนิคเกี่ยวกับชีววัสดุและจุลินทรีย์หลากหลายบริการเพื่อตอบสนองความต้องการด้านวิจัยและธุรกิจต่างๆ
    • บริการคัดแยกจุลินทรีย์
      • ต้องการคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์บริสุทธิ์จากตัวอย่างประเภทต่างๆ? จุลินทรีย์ที่คัดแยกได้จะส่งคืนให้ลูกค้าและ/หรือดำเนินการต่อในงานบริการจำแนกชนิดจุลินทรีย์ตามความต้องการของลูกค้า
    • บริการจำแนกชนิดจุลินทรีย์
      • ต้องการทราบว่ามีจุลินทรีย์อะไรอยู่ในตัวอย่าง? TBRC ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการคัดแยกและจำแนกชนิดจุลินทรีย์ (วิธีวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์ และวิธี MALDI-TOF)
    • จำแนกและนับจำนวนจุลินทรีย์แต่ละชนิดในผลิตภัณฑ์
      • ต้องการทราบจำนวนจุลินทรีย์แต่ละชนิดที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์? TBRC ใช้วิธี MALDI-TOF ในการระบุชนิดและนับจำนวนจุลินทรีย์แต่ละชนิดที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์
    • บริการเทคนิคเก็บรักษาจุลินทรีย์
      • ต้องการให้จุลินทรีย์ที่เก็บไว้มีชีวิตรอดในระยะยาว? จุลินทรีย์ที่ส่งให้ TBRC จะถูกเก็บรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ หลังจากนั้นจะส่งจุลินทรีย์คืนเพื่อให้ลูกค้านำไปดูแลรักษาด้วยตนเอง
    • การวิเคราะห์ประชากรจุลินทรีย์
      • วิเคราะห์ความหลากหลายของจุลินทรีย์
      • วิเคราะห์(เมตา)จีโนมของจุลินทรีย์
  • บริการฝึกอบรม

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ

อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 (อาคาร B, ชั้น 8)

143 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน

ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
tbrcservice@biotec.or.th

แนะนำสถาบันประเมินและรับรองเทคโนโลยีดิจิทัล (DTEC)

สถาบันประเมินและรับรองเทคโนโลยีดิจิทัล  ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และการบริการ ในกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัล กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แก่ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือประกอบหรือทำหรือนำเข้า เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ มีคุณภาพที่ดี  เป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง  อีกทั้งยังเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิต/ประกอบขึ้นภายในประเทศ ให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ตลอดจนเพื่อให้คำแนะนำแก่หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมแก่การใช้งาน

DTEC

มาตรฐานระดับสากล:

  • หน่วยรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์รายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน มอก.17065
  • ดำเนินการเป็นกลาง โปร่งใส มีคุณภาพ และเป็นไปตามหลักสากล

 

บริการครบวงจร: 

รับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และบริการ ในกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัล กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  ดังนี้

  • บริการตรวจสอบคุณภาพสินค้า
  • บริการเปรียบเทียบมาตรฐาน
  • ให้คำปรึกษาจัดทำระบบงาน มอก.- ISO/IEC 170XX
  • บริการศึกษา วิจัยและพัฒนาเทคนิคและวิธีการในการทดสอบและรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์  เฉพาะกลุ่มบริภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล
  • อบรมและให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เกี่ยวกับมาตรฐานและข้อกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
  • เผยแพร่ให้ความรู้และข้อมูลสำหรับหน่วยงานภาครัฐ-ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไป ในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี  คุ้มค่า  และเหมาะสมกับความต้องการใช้งาน

 

ชุดข้อมูลเปิด :

ติดต่อ:

  • สถาบันประเมินและรับรองเทคโนโลยีดิจิทัล (DTEC)
  • Tel:  0 2564 6900 ต่อ 2081
  • Email:  dtec@nectec.or.th
  • Website: https://www.nectec.or.th/dtec

ข่าว BCG จากแหล่งข่าวภายนอก 2567

 

=> ข่าว BCG จากแหล่งข่าวภายนอก 2566
=> ข่าว BCG จากแหล่งข่าวภายนอก 2565
=> ข่าว BCG จากแหล่งข่าวภายนอก 2564