หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
Rachel เทคโนโลยีชุดเสริมแรงช่วยในการเคลื่อนไหวสำหรับผู้สูงอายุ
นักวิจัยเอ็มเทค สวทช. พัฒนาชุดช่วยในการเคลื่อนไหวและป้องกันการบาดเจ็บสำหรับผู้สูงอายุ เรียกว่า "Rachel" (เรเชล) Motion-Assist Bodysuit เป็นชุดที่มีวัสดุเสริมแรงพยุงร่างกายคล้ายเป็นกล้ามเนื้อจำลอง ตั้งแต่บริเวณสะบัก หลัง สะโพก และต้นขา ช่วยในการเคลื่อนไหวและลดความเสี่ยงการบาดเจ็บจากการหกล้ม เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เริ่มมีภาวะมวลกล้ามเนื้อลดลง สามารถสวมใส่ทำกิจวัตรปกติได้ตลอดวัน เนื่องจากชุดถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา สวมใส่ง่าย ระบายอากาศได้ดี และกระชับร่างกายสามารถสวมใส่เสื้อผ้าทับได้   พบกับชุด Rachel และทีมนักวิจัยผู้พัฒนาได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
“ลิกนิน” ชีวมวลจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร สู่การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์
นักวิจัยไบโอเทค สวทช. โชว์ตัวอย่างผลงานการนำ "ลิกนิน" องค์ประกอบหลักของชีวมวลจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร มาประยุกต์ใช้กับวัสดุต่าง ๆ สามารถผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการนำลิกนินไปผลิตเป็นเม็ดสีในอุตสาหกรรมพลาสติก ซึ่งลิกนินมีโทนสีน้ำตาล มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและป้องกันรังสียูวี ทำให้นอกจากจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการใช้เม็ดสีที่ผลิตจากชีวมวลธรรมชาติ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม   พบกับตัวอย่างผลิตภัณฑ์จาก "ลิกนิน" และทีมนักวิจัยผู้พัฒนาได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
เพิ่มประสิทธิภาพการนำส่งสารสกัด CBD ด้วยเทคโนโลยีการสังเคราะห์อนุภาคนาโน
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. พัฒนากระบวนการสังเคราะห์อนุภาคนาโน เพื่อนำส่งสารสกัด CBD จากพืชตระกูล กัญชง-กัญชา เพิ่มประสิทธิภาพทางเภสัชวิทยา และลดข้อจำกัดในการทำละลายหรือการดูดซึมของสาร CBD สามารถนำไปประยุกต์เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์อุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเวชสำอาง , สปา , เวลเนส หรือแพทย์ทางเลือก   พบกับผลงานการสังเคราะห์อนุภาคนาโน และพบนักวิจัยผู้พัฒนาได้ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
สวทช. ร่วมแสดงความยินดีกับศิษย์เก่าดีเด่นบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ประจําปี 2565
(18 มีนาคม 2566) ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ สะพานกรุงธน : ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงความยินดีกับ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)และกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิก พญ.โฉมศรี โฆษิตชัยวัฒน์ อธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และกรรมการบริหารศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. ภายในพิธีมอบโล่และคำประกาศเกียรติคุณ ศิษย์เก่าดีเด่นบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี 2565
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
เทคโนโลยี SynBio ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต-เพิ่มมูลค่าทรัพยากรชีวภาพ
นักวิจัยไบโอเทค สวทช. โชว์ตัวอย่างผลงานจากความเชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ หรือ SynBio (Synthetic Biology Technology) ในการออกแบบและปรับแต่งพันธุกรรมในระดับเซลล์ให้ผลิตสารชีวโมเลกุล (Bio-based product) ชนิดต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งในปัจจุบัน SynBio เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ของโลกอุตสาหกรรมที่ต่างต้องการนำทรัพยากรชีวภาพไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้เกิดการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร , เคมีพลังงาน , ยาและการแพทย์ เป็นต้น   พบกับผลงานเทคโนโลยี SynBio จากฝีมือทีมนักวิจัยไบโอเทค ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
สมัครเข้าร่วม “โครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่ด้วยนวัตกรรม (TechBiz Starter)” ประจำปี 2566
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ขอเชิญนักวิจัย/ผู้ประกอบการใหม่ ที่สนใจจะสร้างธุรกิจหรือขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนผู้สนใจที่มีผลิตภัณฑ์ต้นแบบและต้องการจัดตั้งธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรม สมัครเข้าร่วม “โครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่ด้วยนวัตกรรม "(TechBiz Starter)" ประจำปี 2566 เพื่อเสริมสร้างทักษะและสมรรถนะที่สำคัญของการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วยแนวคิดนวัตกรรมให้ประสบความสำเร็จ วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของธุรกิจทั้งด้านการตลาด การเงิน วางแผนธุรกิจ การบริหารจัดการ และเพิ่มความเข้มแข็งแก่วิสาหกิจเริ่มต้นในช่วงก่อตั้งกิจการ (3 ปีแรก) ให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีทิศทางและสร้างโอกาสขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ­• สมัครเข้าร่วมโครงการ TechBiz Starter คลิกที่นี่ ดาวน์โหลดรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม • ข้อมูลโครงการ TechBiz Starter คลิกที่นี่ หมายเหตุ: เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2566 (ด่วน! รับจำนวนจำกัด) ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) โทร : 081 122 2428 (คุณพลอย) E-mail : techbiz.starter@nstda.or.th  
ปฏิทินกิจกรรม
 
ยกระดับชุมชนด้วย Smart Micro Grid & ETP ต้นแบบโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ
นักวิจัย สวทช. ร่วมกับหลายหน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ พัฒนา ต้นแบบโครงข่ายพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดเล็ก และพัฒนา แพลตฟอร์มตลาดกลางซื้อขายพลังงานไฟฟ้า เรียกว่า Smart Micro Grid and ETP เป็นความร่วมมือในการสร้างโครงข่ายการบริหารจัดการไฟฟ้า นำร่องในพื้นที่ระดับชุมชน เริ่มตั้งแต่การสนับสนุนให้ชุมชนผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ และใช้ร่วมกับพื้นที่ทางการเกษตรด้วยการปลูกพืชมูลค่าสูงใต้แผงโซลาร์ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าของชุมชนผ่านแพลตฟอร์ม ETP เป็นการยกระดับชุมชน เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมกับสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างยั่งยืน   พบกับทีมนักวิจัยและผู้พัฒนา Smart Micro Grid and ETP ในงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
นักวิจัย นาโนเทค สวทช.  ต่อยอด Nano Coating สู่น้ำยาเคลือบพื้นผิวโซลาร์เซลล์  “ลดฝุ่นเกาะ-สะท้อนน้ำ” นวัตกรรมตอบโมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้านเศรษฐกิจสีเขียว
‘ฝุ่น’ ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของมนุษย์เรา แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของโซลาร์เซลล์ โดยเฉพาะในหน้าแล้งที่ประสิทธิภาพลดลง 6-10% นักวิจัยนาโนเทค สวทช. พัฒนาน้ำยาเคลือบผิวโซลาร์เซลล์ ด้วยเทคโนโลยีเคลือบนาโน (Nano Coating) ลดการเกาะของฝุ่น เพิ่มสมบัติสะท้อนน้ำ พร้อมขยับสู่ดีพเทคสตาร์ตอัปในชื่อ “นาโน โค๊ตติ้ง เทค” นำนวัตกรรมหนุนอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะโซลาร์เซลล์และโซลาร์ฟาร์ม ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เพิ่มความยั่งยืนทางพลังงาน รับลูกโมเดลเศรษฐกิจ BCG ดร.ธันยกร เมืองนาโพธิ์ นักวิจัยทีมวิจัยนวัตกรรมเคลือบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยเราคือ การพัฒนาสารเคลือบนาโนสูตรพิเศษสำหรับพื้นผิวหลากหลายประเภท เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้กับพื้นผิวตามความต้องการ โดยสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในอุตสาหกรรมผลิตพลังงาน อุตสาหกรรมสิ่งก่อสร้าง พลาสติก กระดาษ รวมถึงพื้นผิวอื่นๆ หนึ่งในนั้นคือ โซลาร์เซลล์ ที่เราพบว่า เทคโนโลยีเคลือบนาโนนี้ สามารถแก้ปัญหาที่กลุ่มผู้ใช้โซลาร์เซลล์เพื่อการผลิตไฟฟ้าในระดับโรงงานอุตสาหกรรม โซลาร์ฟาร์ม รวมถึงผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์กำลังเผชิญ ฝุ่น นับว่า เป็นปัญหาใหญ่สำหรับโซลาร์เซลล์ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการรับแสงอาทิตย์ที่จะนำไปผลิตเป็นไฟฟ้าลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้โซลาร์เซลล์เพื่อการผลิตไฟฟ้าในระดับโรงงานอุตสาหกรรมหรือการทำโซลาร์ฟาร์มที่ต้องติดตั้งแผงจำนวนมาก เนื่องจากช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน หรือหน้าแล้งนั้น ไทยต้องเจอกับฝุ่นจำนวนมาก ส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของโซลาร์เซลล์ลดลง 6-8% และหากเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเขม่าควันหรือละอองน้ำมันจับที่หน้าแผง ประสิทธิภาพอาจลดลงได้ถึง 9-10% นักวิจัยนาโนเทคชี้ว่า โดยปกติแล้ว ผู้ประกอบการจะแก้ปัญหานี้ด้วยการทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูง รวมถึงต้องใช้บุคลากรที่มีใบประกอบวิชาชีพด้านการทำงานบนที่สูง หากติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไว้บนที่สูงหรือหลังคา และยังต้องคำนึงถึงความชำนาญในการทำความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยขีดข่วน ชำรุดของโซลาร์เซลล์ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเช่นกัน น้ำยาเคลือบพื้นผิวโซลาร์เซลล์ จากเทคโนโลยีเคลือบนาโน (Nano Coating) ดร.ธันยกร อธิบายว่า เป็นการพัฒนาสูตรขึ้นเป็นพิเศษ โดยปรับค่ามุมสัมผัสของน้ำบนวัสดุ (Water contact angle) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติการลดการเกาะของฝุ่นให้แก่พื้นผิว และยังมีคุณสมบัติสะท้อนน้ำ โดยของเหลวที่ตกกระทบพื้นผิววัสดุที่ผ่านการเคลือบ จะมีลักษณะเป็นก้อนกลมกลิ้งไหลออกจากพื้นผิว ลดการยึดเกาะและชำระล้างฝุ่นรวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากแผงโซลาร์เซลล์โดยไม่ทิ้งคราบน้ำ ทำให้แผงผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 5ในช่วงหน้าแล้ง   นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังออกแบบและพัฒนาสูตรน้ำยาเคลือบให้ใช้งานง่ายในรูปแบบสเปรย์ และปาดเคลือบ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพพื้นผิววัสดุ ซึ่งเป็นอีกจุดเด่นของสารเคลือบนาโนสูตรพิเศษคือ การลดข้อจำกัดด้านการเคลือบโซลาร์เซลล์ ที่ปัจจุบันในท้องตลาดจะเป็นการเคลือบแบบถาวร ซึ่งการเคลือบถาวรนี้ จะส่งผลให้การรับประกันแผงโซลาร์เซลล์ในระยะเวลา 25 ปี ถูกยกเลิก แต่หากใช้สารเคลือบนาโนนี้ ยังสามารถชำระล้างออกตามธรรมชาติได้ภายใน 1-2 ปี ไม่ส่งผลต่อการรับประกันแผง อีกทั้งยังผ่านการทดสอบความปลอดภัยต่อผู้ใช้   นอกจากประสิทธิภาพต่างๆ ที่โดดเด่นแล้ว เมื่อมองทิศทางของตลาดโซลาร์เซลล์และภาพรวมของพลังงานทางเลือกก็มีแนวโน้มไปในทางบวก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ประเมินว่า ตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจในปี 65 น่าจะขยายตัวสู่ระดับ 125.9 เมกะวัตต์ หรือเติบโตราว  54.2% จากปี 64 โดยค่าไฟที่จะประหยัดได้จริงของแต่ละธุรกิจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ ปริมาณการใช้ไฟ เงินลงทุนในการติดตั้งและงบการเงินของกิจการ สำหรับแรงหนุนของตลาดโซลาร์รูฟท็อปภาคธุรกิจในปี 65 คาดว่าจะมาจากกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนต้นทุนการดำเนินธุรกิจจากค่าไฟที่สูง ทั้งธุรกิจในภาคการผลิต ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมผลิตซีเมนต์และเหล็ก และธุรกิจในภาคบริการ เช่น โกดังสินค้า โรงแรมและค้าปลีกอย่างห้างสรรพสินค้า ที่เน้นให้ความสำคัญกับการประหยัดต้นทุนและความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะกลางถึงยาว  ในขณะที่ผู้ประกอบการโซลาร์รูฟท็อปแข่งขันนำเสนอโมเดลการลงทุนที่จูงใจผู้ประกอบการ ทั้งการช่วยลดภาระจากการลงทุนและบำรุงรักษาโซลาร์รูฟท็อป โดยในระยะข้างหน้าการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปน่าจะทวีความสำคัญมากขึ้น  จากกระแสการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESG) รวมถึงแรงผลักดันจากนโยบายภาครัฐในหลายประเทศรวมถึงไทยที่ตั้งเป้ามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 93 และน่าจะมีการทยอยออกมาตรการผลักดันที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้นตามมา เช่นเดียวกับข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า อัตราค่าไฟฟ้าโดยรวมของไทยในปี 2566 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึง 5 บาทต่อหน่วย โดยสะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริงที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ตลาดโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยปีละ 22% หรือแตะระดับ 6.7หมื่นล้านบาท ในปี 2568 ส่วนหนึ่งมาจากที่ประเทศไทยค่อนข้างได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยไทยมีค่าเฉลี่ยความเข้มรังสีของแสงอาทิตย์สูงเกือบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับสภาพอากาศในปัจจุบันที่แปรปรวนและร้อนอบอ้าว ส่งผลให้ไทยมีความพร้อมทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทานที่จะช่วยดันให้ตลาดติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เติบโตได้ดีในระยะต่อไป   “โอกาสและศักยภาพของเทคโนโลยีเคลือบนาโนที่ทีมวิจัยนาโนเทคเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามองเป็นช่องว่างทางธุรกิจที่จะนำนวัตกรรมที่เรามีความเชี่ยวชาญไปต่อยอด จึงสปินออฟสู่การเป็นดีพเทคสตาร์ทอัพภายใต้ บริษัท นาโน โค๊ตติ้ง เทค จำกัด ที่นำร่องด้วยนวัตกรรมน้ำยาเคลือบพื้นผิวโซลาร์เซลล์ พร้อมให้บริการด้านการเคลือบนาโนอีกด้วย” ดร.ธันยกรกล่าวในฐานะ Managing Director ของ นาโน โค๊ตติ้ง เทค   บริษัท นาโน โค๊ตติ้ง เทค จำกัด เริ่มดำเนินการในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ดร.ธันยกรเผยว่า การตอบรับดีมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้โซลาร์เซลล์เพื่อการผลิตไฟฟ้าในระดับโรงงานอุตสาหกรรม, โซลาร์ฟาร์ม รวมถึงผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เท็กซ์พลอร์ จำกัด ที่ให้ความสนใจเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเท็กซ์พลอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญ และฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่แล้ว จะทำหน้าที่เป็นดิสทริบิวเตอร์ นำนวัตกรรมสารเคลือบนาโนนี้ ไปหาลูกค้ากลุ่มที่มีความต้องการใช้งานอีกด้วย ปัจจุบัน กำลังการผลิตสารเคลือบพื้นผิวโซลาร์เซลล์ของนาโน โค๊ตติ้ง เทค อยู่ที่ 20,000 ลิตรต่อเดือน ซึ่งจะสร้างรายได้ราว 20 ล้านบาทต่อเดือน ด้วยเป้าหมายที่วางไว้ว่า ภายใน 5 ปี นาโน โค๊ตติ้ง เทคจะเป็นเบอร์ 1 ทางด้านสารเคลือบในแถบอาเซียน นอกจากนี้ ยังวางแผนขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีเคลือบนาโนออกไปสู่ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบนาโนสำหรับใช้ปกป้องพื้นผิววัสดุสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรมอื่นๆ  ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาเคลือบพื้นผิววัสดุสิ่งก่อสร้าง สำหรับคอนกรีต ไม้ และกระจก เพื่อลดการเกิดคราบน้ำ ตะไคร่ และการเกาะตัวของฝุ่น ซึ่งจะช่วยลดความถี่ในการทำความสะอาด และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมีบริการด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบพื้นผิววัสดุตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ บริษัท นาโน โค๊ตติ้ง เทค จำกัด อีเมล nanocoatingtech.thailand@gmail.com
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
Ross เทคโนโลยีชุดเสริมแรงการก้มยก! ลดเสี่ยงบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลัง
นักวิจัยเอ็มเทค สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีชุดสวมใส่ช่วยในการเคลื่อนไหวและป้องกันการบาดเจ็บสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ เรียกว่า Ross Motion-Assist Exosuit รุ่น Back Support ถูกออกแบบเป็นชุดอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบา สวมใส่เข้ากับร่างกายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุในกรณีที่ต้องยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย โดยชุด Ross จะช่วยเสริมแรงพยุงส่วนหลังของผู้สวมใส่ในระหว่างการก้มยกของหนัก ป้องกันและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหลังได้   พบกับเทคโนโลยีชุด Ross และทีมผู้พัฒนาได้ในงาน การประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
นวัตกรรม ‘คอปเปอร์ไอออน’ สารยับยั้งเชื้อก่อโรคประสิทธิภาพสูง ช่วยบรรเทาปัญหาโรคระบาดในสุกร
For English-version news, please visit : https://www.nstda.or.th/en/news/news-years-2023/ionic-copper-innovation-leads-to-effective-animal-health-products.html   ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาราคาเนื้อสุกรพุ่งสูง เนื่องจากการระบาดหนักของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่ทำให้สุกรล้มป่วยและตายแบบเฉียบพลันจำนวนมาก แม้ผ่านมาราวปีครึ่งแล้ว ราคาของเนื้อสุกรก็ยังไม่ลดลงเทียบเท่าสถานการณ์ปกติ สาเหตุหนึ่งมาจากต้นทุนด้านการรับมือโรคระบาดที่ค่อนข้างสูง จนเกษตรกรหลายรายจำต้องหยุดทำฟาร์มชั่วคราวหรือถาวร ส่งผลให้กำลังการผลิตเนื้อสุกรภายในประเทศลดลง ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา ‘นวัตกรรมสารคอปเปอร์ไอออน (Ionic Copper) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคสูง’ เพื่อหนุนแก้ปัญหาโรคระบาดในสุกร ลดค่าใช้จ่าย และลดสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน   [caption id="attachment_40872" align="aligncenter" width="450"] ดร.วรายุทธ สะโจมแสง นักวิจัย นาโนเทค สวทช.[/caption]   ดร.วรายุทธ สะโจมแสง ทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน นาโนเทค สวทช. เล่าว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและประเทศข้างเคียงพบการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) โรคร้ายแรงที่ทำให้สุกรตายอย่างเฉียบพลัน และยังพบการระบาดของโรคอื่นๆ อาทิ โรคท้องร่วงในสุกร (Porcine Epidemic Diarrhea: PED) และโรคในระบบทางเดินหายใจและระบบสืบพันธุ์ (Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome: PRRS) ทำให้มีสุกรป่วยและตายจำนวนมาก ส่งผลให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งจากค่าใช้จ่ายด้านระบบรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biocontrol) ค่ายาปฏิชีวนะเพื่อรักษาและป้องกันโรค (การป้องกันโรคด้วยยาปฏิชีวนะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องและส่งผลให้เชื้อดื้อยา) และการจัดหาแม่พันธุ์และสุกรตัวใหม่มาเลี้ยง     “ดังนั้นแล้วการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สุกรติดเชื้อเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งการดำเนินงานตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์กำหนด และการทำความสะอาดด้วยสารยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพ เช่น สารประเภท ‘คอปเปอร์ไอออน’ หรือ ‘เกลือคอปเปอร์’ ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและลบ รวมถึงไวรัส ที่ค่อนข้างครอบคลุมโรคระบาดสำคัญในสุกร อย่างไรก็ตามสารชนิดนี้ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่เช่นกัน เพราะเป็น ‘สารที่ไม่คงทนต่อสภาพแวดล้อม’ ทำให้มีโอกาสที่สารจะออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกษตรกรต้องใช้สารในปริมาณมาก ต้นทุนการผลิตสูง และอาจก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในพื้นที่อีกด้วย” จากปัญหาดังกล่าวทีมวิจัยนาโนเทค สวทช. ไม่นิ่งนอนใจ เร่งนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคีเลชัน (Chelation technology) มาพัฒนาสารคอปเปอร์ไอออนให้อยู่ในรูปที่สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคได้สูงในสภาพแวดล้อมที่ใช้งานจริง     ดร.วรายุทธ อธิบายว่า ทีมวิจัยได้พัฒนากระบวนการคีเลชันสารคอปเปอร์ไอออนด้วยคีเลติงเอเจนต์ธรรมชาติ (Natural chelating agent) เพื่อทำให้คอปเปอร์ไอออนมีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ไม่เสียประจุไอออนบวกที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคได้ง่ายและไม่ตกตะกอน ทำให้สารออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดปริมาณการใช้สารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การคีเลชันคอปเปอร์ไอออนด้วยด้วยคีเลติงเอเจนต์ธรรมชาติยังช่วยให้พืชดูดซึมสารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ (คอปเปอร์เป็นธาตุอาหารเสริมของพืช) ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม และไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในระบบนิเวศอีกด้วย ปัจจุบันทีมวิจัยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการคีเลชันคอปเปอร์ไอออนให้แก่บริษัทสมาร์ท เวท จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ ได้ต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ดูแลสุขภาพสัตว์ทั้งในการทำปศุสัตว์และประมง ดร.วรายุทธ แนะนำว่า ผลงานที่บริษัทฯ วางจำหน่ายแล้วในปัจจุบันมี 3 ชนิด คือ ‘BLUERACLE’ ผลิตภัณฑ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและลบ รวมถึงเชื้อไวรัส ใช้ได้กับทั้งอาหารสุกรและไก่ และน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ‘BLEN IONIC’ ผลิตภัณฑ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคท้องเสียในสุกร การใช้งานเป็นรูปแบบปั๊มเข้าปาก และ ‘BLUE TEC’ ผลิตภัณฑ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินอาหารสำหรับใช้กับอาหารสุกรและไก่ และใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคในระบบกระจายลม (Evaporative cooling system) ในฟาร์มได้     “จุดเด่นของ ‘นวัตกรรมสารคอปเปอร์ไอออนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคสูง’ คือ ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคระบาดผ่านการควบคุมและป้องกัน นอกจากนี้ยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต ทำให้เกษตรกรที่เคยประสบปัญหาขาดทุนมีโอกาสได้หวนกลับมาผลิตสุกรเพื่อหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมอาหารไทยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญสารคอปเปอร์ไอออนไม่ใช่ ‘ยาปฏิชีวนะ’ หรือ ‘สารเคมีอันตราย’ จึงเหมาะแก่การใช้เป็นสารทางเลือกสำหรับดูแลสุขภาพสัตว์ (ในปริมาณที่เหมาะสม) เพื่อช่วยลดข้อจำกัดทางการค้า เพิ่มโอกาสในการส่งออกเนื้อสุกรและเนื้อสุกรแปรรูปในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว” ดร.วรายุทธ กล่าวทิ้งท้าย สำหรับผู้ประกอบการท่านใดสนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ติดต่อได้ที่บริษัทสมาร์ท เวท จำกัด และหากสนใจใช้บริการด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารด้วยเทคโนโลยีนาโน ติดต่อได้ที่ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อีเมล pr@nanotec.or.th     เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และ shutterstock
BCG
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
“สนทนา” (Sontana) แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ Avatar AI ถามได้ – ตอบได้!
นักวิจัยเนคเทค สวทช. พัฒนาต้นแบบแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า "สนทนา" (Sontana) เป็นระบบการแปลงเสียงพูดให้เป็นข้อความ และแปลงข้อความเป็นเสียงพูด พร้อมมีระบบการค้นหาคำตอบให้ตรงกับเสียงหรือข้อความคำถามซึ่งสามารถปรับแต่งหรือป้อนข้อมูลในระบบได้ โดยสนทนาจะแสดงผลในรูปแบบของ Avatar AI คุยโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ เบื้องต้น "สนทนา" สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นระบบให้บริการตอบคำถามอัตโนมัติได้   พบกับ แพลตฟอร์ม "สนทนา" ในงาน การประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18 หรือ NAC2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม 2566 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.nstda.or.th/nac
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
[NAC2023] แนะนำ Open House เส้นทางต่อยอดธุรกิจในการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 18
Open House เยี่ยมชม 27 ห้องปฏิบัติการ 7 กลุ่มอุตสาหกรรม เบื้องหลังการสร้างนวัตกรรมที่โดดเด่นสำหรับธุรกิจยุคใหม่ สวทช. เปิดบ้านต้อนรับนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม และนักลงทุน ที่มีความสนใจ เยี่ยมชมเทคโนโลยีจากศักยภาพของบุคลากรวิจัยและห้องปฏิบัติการ สวทช. ตลอดจนนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจจากบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี ที่จะเป็นตัวช่วยให้การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเพิ่มศักยภาพและกำไรให้กับธุรกิจ 29-31 มีนาคม 2566 *รับเฉพาะภาคเอกชนและจำนวนจำกัด (วันละ 1 รอบ/ช่วงเช้า) Modern Agriculture เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าที่สุด Food for the Future เทคโนโลยีที่ช่วยปรับอาหารให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และทำให้อาหารเพื่อสุขภาพมีรสชาติอร่อย ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค Cosmeceutical เทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอาง ต่อยอดธุรกิจของคุณด้วยการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การพัฒนาสูตรตำรับ การทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย และบริการผลิตเครื่องสำอางโดยโรงงานต้นแบบมาตรฐาน ASEAN COSMETIC GMP Digital Transformation หมุนไปพร้อมกับโลกของข้อมูลและการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต Energy ต่อยอดธุรกิจด้วยนวัตกรรมพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน Health and Wellness เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านสุขภาพการแพทย์และความปลอดภัย Agriculture for Animal เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาอุตสาหกรรมปศุสัตว์ เพื่อตอบสนองคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน ข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนร่วมงานที่ https://www.nstda.or.th/nac/2023/open-house/
ปฏิทินกิจกรรม