หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
วารสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 3 เดือน มีนาคม 2563
วารสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 3 เดือน มีนาคม 2563 สหภาพยุโรปเพิ่มการอัดฉีดงบสนับสนุนการวิจัยในการพัฒนาวัคซีน วิธีการรักษาและการตรวจวินิจฉัยโรคโควิด-19 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เพิ่มงบสนับสนุนโครงการวิจัยผ่านโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรม ของสหภาพยุโรป หรือ โครงการ Horizon 2020 โดยเปิดรับสมัครให้ทุนวิจัยเพื่อจัดการกับโรคโควิด-19 ใน สาขาการศึกษากระบวนการเกิดโรค การตรวจวินิจฉัย การพัฒนาวัคซีน การพัฒนาวิธีการรักษา และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการระบาดของ โรคโควิด-19 โครงการวิจัยเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ในระหว่าง 2 สัปดาห์ ที่เปิดรับสมัครให้ทุนวิจัย มีการส่งข้อเสนอโครงการจำนวน 91 โครงการ และประกาศรายชื่อโครงการวิจัย 17 โครงการ ที่ได้รับเลือกเพื่อสนับสนุนทุนวิจัย ในประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้ - การตรวจวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็ว : การวิจัยมุ่งเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรด้านสาธารณสุขในการตรวจวินิจฉัยโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ - การพัฒนาวิธีการรักษา : การวิจัยมุ่งเน้นไปที่การรักษาแบบคู่ขนาน โดยแบบแรกเป็นการพัฒนาวิธีการรักษาชนิดใหม่ๆ ที่กำลังมีการศึกษาอยู่ใน ปัจจุบัน เช่น Theapeutic peptides monoclonal antibodies และ Broad-spectrum antivirals สำหรับแบบที่สอง เป็นการใช้เทคนิคการสร้าง แบบจำลองและวิทยาการการคำนวณมา วิจัยเพื่อคัดกรองและระบุหาโมเลกุลที่สามารถต้านเชื้อไวรันโคโรนา 2019 ได้ - การพัฒนาวัคซีน : การวิจัยเน้นด้านการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคและวัคซีนเพื่อรักษาโรคโควิด-19 - ระบาดวิทยาและสาธารณสุข : การวิจัยเน้นการเตรียมความพร้อมและการตั้งรับต่อการระบาดของโรคโควิด-19 โดยโครงการวิจัยจะพัฒนาระบบ การติดตามการแพร่ระบาด ของโรคเพื่อให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและภาครัฐสามารถป้องกันและควบคุมการระบาดของเชื้อโรคได้ดีขึ้น - นอกจากนี้ยังมีการให้เงินสนับสนุนอีก 90 ล้านยูโรผ่านโครงการ Innovative Medicines Initiative ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสหภาพ ยุโรปและภาคเภสัชอุตสาหกรรม   สหภาพยุโรปออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือการวิจัยในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์โควิด-19 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เพิ่มมาตรการเพื่อปรับตัวในการจัดการกับวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 และช่วยจัดหางบสนับสนุนสำหรับการพัฒนาวิธีการรักษา และวัคซีนสำหรับโรคโควิด-19 สถานการณ์ปัจจุบัน นักวิจัยต้องทำงานในสภาวะกดดัน จากมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดในการเดินทาง หรือ การชะลอการทำงานที่ไม่มีความเร่งด่วนในห้องปฏิบัติการซึ่งล้วนแล้วมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แพร่กระจายกว้างในเชิง ภูมิศาสตร์ทั้งในยุโรปและทั่วโลก มาตรการเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศขยายเวลารับสมัครเพื่อขอรับทุนโครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมของสหภาพยุโรป หรือ โครงการ Horizon 2000 นอกจากนี้ยังให้งบสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวิธีการรักษาและวัคซีนสำหรับโรคโควิด-19 อีกด้วย สภาวิจัยแห่งยุโรป สภาวิจัยแห่งยุโรป (European Research Council, ERC) ได้สืบค้นทะเบียนผู้เคยได้รับทุนเพื่อค้นหางานวิจัยและนักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ วิทยาศาสตร์กายภาพ และสังคมศาสตร์ เพื่อมาเข้าร่วมในคณะทำงานของโครงการ Horizon 2020 เพื่อช่วยในการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรค โควิด-19 และศึกษาด้านระบาดวิทยา ซึ่งคาดว่าจะช่วยถ่ายทอดความเชี่ยวชาญเพื่อต่อสู้กับวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 ได้ นักวิจัยที่ชื่อ Vittoria Colizza ได้รับทุนวิจัยในการศึกษาการระบาดและโมเดลการทำนายการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงปี ค.ศ. 2008 ถึง ค.ศ. 2013 ขณะที่นักวิจัยที่ชื่อ Marcin Nowotny ได้รับทุนวิจัยการศึกษาโครงสร้างโปรตีนของไวรัสชนิดนี้ ซึ่งงานของนักวิจัยทั้งสองจะมีส่วนสำคัญในการ พัฒนาวัคซีนรักษาโรคโควิด-19 ได้   กานสนับสนุนทุนวิจัยให้แก่บริษัท CureVac บริษัท CureVac บริษัทสัญชาติเยอรมัน กำลังทำวิจัย พัฒนา และคิดค้นวัคซีนสำหรับโรคโควิด-19 โดยวัคซีนถูกคิดค้นใกล้สำเร็จแล้ว จากนั้นจะขอ อนุญาตรัฐบาลเพื่อทดลองกับมนุษย์ต่อไป หากประสบความสำเร็จก็จะสามารถผลิตปริมาณมากได้จากสถานที่ที่บริษัทมีอยู่ ซึ่งทำงานร่วมกับสถาบันวิจัย Paul Ehrlich ภายใต้กระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี   ข้อมูลบริษัท CureVac บริษัท CureVac เป็นบริษัทผลิตและค้นคว้าวิจัยด้านชีวเวชภัณฑ์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของประเทศเยอรมนี มีความเชียวชาญพิเศษสำหรับ องค์ความรู้เรื่องการถอดรหัสพันธุกรรม DNA และการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส มีการพัฒนาบนพื้นฐานของ messenger RNA หรือ (mRNA) บริษัทได้ทำการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคติดเชื้อ ยารักษาโรคมะเร็ง และยาสำหรับโรคที่หายาก - ตุลาคม 2556 บริษัท ได้เปิดตัวความร่วมมือเพื่อพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ - ในปี 2556 บริษัท ร่วมมือกับสถาบันวิจัยมะเร็ง เพื่อทดสอบทางคลินิกในการหาทางเลือกใหม่ๆ ในการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกัน - ในปี 2557 บริษัท ได้รับรางวัล 2 ล้านยูโร จากสหภาพยุโรปเพื่อกระตุ้นเทคโนโลยีวัคซีนใหม่ที่อาจช่วยประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากการวิจัย ของบริษัท สามารถนำไปสู่วัคซีนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องแช่แข็ง และได้รับใบอนุญาตสำหรับการทดลองวัคซีน mRNA เพื่อศึกษาการกลายพันธ์ของมะเร็งปอด - ในปี 2558 บริษัท ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาวัคซีนเอดส์โดยใช้ภูมิคุ้มกันผ่านเทคโนโลยี mRNA ของ CureVac สรุปโครงการมอบทุนวิจัยจากสหภาพยุโรปเพื่อจัดการโรคโควิด-19 - เมื่อต้นเดือนมกราคมคณะกรรมาธิการยุโรปได้สนับสนุนงบวิจัยภายใต้โครงการ Horizon 2000 เป็นจำนวน 47.5 ล้านยูโร สำหรับการพัฒนาวัคซีนและ ยารักษาโรคโควิด-19 - คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศสนับสนุนงบวิจัยและพัฒนาวัคซีนให้แก่บริษัท CureVac โดยอยู่ในรูปแบบเงินกู้จำนวน 80 ล้านยูโร ผ่านธนาคารเพื่อ การลงทุนแห่งยุโรป - นอกจากนี้ยังมีการให้เงินสนับสนุนอีก 90 ล้านยูโร ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและภาคเภสัชอุตสาหกรรม โดยสนับสนุน 45 ล้านยูโร จุดประสงค์หลักคือ การช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทั้งในระดับสหภาพยุโรปและระดับโลก - คณะกรรมาธิการยุโรปได้ให้งบจำนวน 164 ล้านยูโร สำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (start-ups) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ทำหน้าที่พัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการตรวจทดสอบและติดตามการระบาดของโรคโควิด-19 สหภาพยุโรปพิจารณาปรับและจำแนกค่าปนเปื้อนสูงสุดของสาร 3-MCPD ในน้ำมัน คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสุขภาพและผู้บริโภคกำลังพิจารณาปรับและแบ่งค่าปนเปื้อนสูงสุดของสาร 3-MCPD ในน้ำมันและไขมันพืช และน้ำมันปลา ที่ใช้บริโภคหรือนำไปประกอบอาหาร 3-MCPD นั้นเป็นสารปนเปื้อนในกระบวนการแปรรูปอาหาร อาจส่งผลต่อสุขภาพผู้บริโภคในเชิงการทำงานของไต และการเจริญพันธ์ของเพศชาย โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ แต่มีความกังวลว่าผู้บริโภคกลุ่มอายุน้อยที่บริโภคสาร 3-MCPD ในระดับสูงจะประสบปัญหาด้านสุขภาพ และกรณีที่แย่ที่สุดคือความเสี่ยงที่เด็กทารกจะได้รับสาร 3-MCPD ที่ปนเปื้อนในนมผง ในระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย สาร 3-MCPD สารเคมี 3-monochloropropane diol หรือ 3-MCPD เป็นสารปนเปื้อนในกระบวนการแปรรูปอาหารซึ่งสามารถพบได้ในอาหารแปรรูปและน้ำมันพืช บางชนิด โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม โดยสาร 3-MCPD และสารประกอบเอสเทอร์ของ 3-MCPD จะถูกผลิตขึ้นในกระบวนการแปรรูปอาหารโดยเฉพาะ ระหว่างกระบวนการการน้ำมัน หรือการนำน้ำมันไปผ่านกรรมวิธีการผลิต ที่อุณหภูมิสูงกว่า 200 องศาเซลเซียส ข้อเสนอเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบควบคุมสาร 3-MCPD ในน้ำมันสำหรับการบริโภค คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสุขภาพและผู้บริโคภกำลังพิจารณาปรับและแบ่งค่าปนเปื้อนสูงสุดของสาร 3-MCPD ในน้ำมันและไขมันพืช และน้ำมันปลา ที่ใช้บริโภคโดยตรงหรือนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารอื่นๆ ออกเป็น 2 ระดับดังนี้ - 1,250 ไมโครกรัม/กิโลกรัม สำหรับน้ำมันที่ผ่านและไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อทำให้บริสุทธิ์ที่ผลิตจากมะพร้าว ข้าวโพด มะกอก ถั่วเหลือง ปาล์ม และน้ำมันที่เกิดจาการผสมน้ำมันชนิดต่างๆ - 2,500 ไมโครกรัม/กิโลกรัม สำหรับน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ที่ผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อทำให้บริสุทธิ์รวมไปถึงน้ำมันปลา และน้ำมันที่ได้จากสัตว์ทะเล และน้ำมันที่เกิดจากการผสมน้ำมันชนิดต่างๆ องค์การความปลอดภัยของอาหารแห่งสหภาพยุโรป พบว่าน้ำมันและไขมันปาล์มมีระดับการปนเปื้อนของสาร 3-MCPD และสาร GE สูงที่สุดเมื่อเทียบ กับน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ปัจจุบันคณะกรรมาธิการยุโรปด้านสุขภาพและผู้บริโภคได้กำหนดค่าปนเปื้อนสูงสุดของสาร GE ในอาหารประเภทต่างๆ ไว้ดังนี้ - 1,000 ไมโครกรัม/กิโลกรัม สำหรับน้ำมันและไขมันพืช - 500 ไมโครกรัม/กิโลกรัม สำหรับน้ำมันและไขมันพืชใช้ในการผลิตอาหารสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก - 50 ไมโครกรัม/กิโลกรัม สำหรับน้ำมันและไขมันพืชที่ใช้ในการผลิตอาหารแบบผงที่มีวัตถุประสงค์ของการใช้ในการแพทย์สำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก อันตรายของสาร 3-MCPD และสารปนเปื้อนอื่น ๆ องค์การความปลอดภัยของอาหารแห่งสหภาพยุโรป ได้ประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคสาร 3-MCPD ในปี 2559 รวมไปถึงสารปนเปื้อนอื่นๆ ในกระบวนการผลิตอาหารเช่น glycidyl fatty acid ester (GE) โดย EFSA ให้ข้อสรุปว่า สาร GE เป็นอันตรายต่อสุขภาพเนื่องจากสามารถทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปกำลังร่างกฎหมายฉบับใหม่ ที่มีจุดประสงค์ในการลดและควบคุมปริมาณ สาร GE ในน้ำมันพืชและอาหารให้อยู่ระดับที่ปลอดภัยสารนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อไตและระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย นอกจากนี้ EFSA รายงานว่ากลุ่มที่ มีความเสี่ยงสูงสุดคือ กลุ่มเด็กทารก มีโอกาสได้รับสารในปริมาณที่สูงสาเหตุเพราะการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตนมผงสำหรับเด็กทารก ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2020/20200713-newsletter-brussels-no03-mar63.pdf        
นานาสาระน่ารู้
 
นายกฯ หนุน BCG ผนึกทุกภาคส่วน รวมไทยสร้างชาติ เอกชนจับมือรัฐลงขันเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ 4.4 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อนประเทศไทย
(15 กรกฎาคม 2563) ณ อิมแพ็คฟอรั่ม ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดการประชุมสมัชชา “BCG : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อแสดงให้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้านจากการใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG และเป็นการร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนา รวมถึงผลิตภัณฑ์เป้าหมาย หรือสิ่งที่ต้องการให้เกิดการขับเคลื่อน เช่น ปรับแก้กฎหมาย ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างตลาด มาตรการทางการเงิน การเร่งรัดความสามารถด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี การกระจายความรู้ และเทคโนโลยีไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ ผลักดันเศรษฐกิจ 4.4 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ยังมีพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG โมเดล) สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงิน จำนวน 18 หน่วยงาน หนุนการลงทุนให้เกิดผลกระทบไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาท และมีผู้ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยกว่า 50,000 คน โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน และแสดงปาฐกถาเรื่อง “BCG : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมด้วย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และผู้บริหารหน่วยงาน เข้าร่วมงาน (more…)
BCG
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
วารสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ 2563
วารสารข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากกรุงบรัสเซลส์ ฉบับที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ 2563 กฎหมายสภาพภูมิอากาศของยุโรป (European Climate Law) คณะกรรมาธิการยุโรปได้มีการเสนอกฎหมายสภาพภูมิอากาศของยุโรป (European Climate Law) ที่มีเป้าหมายปลอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อการปกป้องโลกและมนุษย์ กฎหมายสภาพภูมิอากาศของยุโรป (European Climate Law) ยังกำหนดทิศทางการ ขับเคลื่อนนโยบายของสหภาพยุโรปทั้งหมดที่จะช่วยให้หน่วยงานสาธารณะ ภาคธุรกิจ และประชาชน สามารถคาดการณ์ได้ คณะกรรมาธิการได้มี การเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะเพื่อร่วมกันออกแบบกฎหมายนี้ด้วย กฎหมายสภาพภูมิอากาศยังได้ครอบคลุมถึงมาตรการในการติดตามความ คืบหน้าและการปรับการดำเนินการให้สอดคล้องกัน เช่น กระบวนการกำกับดูแลสำหรับแผนด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของแต่ ประเทศสมาชิก รายงานที่ออกเป็นประจำโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป (European Environment Agency) และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอกาศและผลกระทบ ทั้งนี้จะมีการครวจสอบความคืบหน้า ทุกๆ 5 ปี ที่สอดคล้องกับการตรวจสอบการบรรลุ การลดก๊าซเรือนกระจกของแต่ละประเทศเพื่อให้ทราบถึงภาพรวมของทั่วโลกตามข้อตกลงปารีส กฎหมายสภาพภูมิอากาศ ยังได้ระบุเส้นทางสู่เป้าหมาย ใน ค.ศ. 2050 ดังนี้ - โดยอาศัยการประเมินผลกระทบที่ครอบคลุม (comprehensive impact assessment) คณะกรรมาธิการยุโรปจะเสนอเป้าหมายใหม่ของการลดก๊าซ เรือนกระจก ในปี ค.ศ. 2030 ทั้งนี้ เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามกฎหมายสภาพภูมิอากาศจะได้รับการแก้ไขหลังจากการประเมิน ผลกระทบเสร็จสมบูรณ์ - ภายในเดือนมิถุนายน 2564 (ค.ศ.2021) คณะกรรมาธิการยุโรป จะทบทวนและหากจำเป็นต้องเสนอให้แก้ไขเครื่องมือทางนโยบาย เพื่อให้บรรลุการลดการปล่อยก๊าซเพิ่มเติมในปี ค.ศ.2030 - คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอการตั้งค่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งสหภาพยุโรป สำหรับปี ค.ศ. 2030-2050 (ปี พ.ศ.2573-2593) เพื่อวัดความก้าวหน้าและการคาดการณ์ต่อหน่วยงานสาธารณะ ภาคธุรกิจ และประชาชน - ภายในเดือนกันยายน 2566 (ค.ศ. 2023) และทุกๆ 5ปีหลังจากนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปจะประเมินความสอดคล้องในมาตรการของสหภาพยุโรปและ ของระดับชาติของประเทศสมาชิกต่อเป้าหมายความเป็นกลางด้านสภาพภูมิอากาศ และเป้าหมายในปี 2573-2593 (ค.ศ. 2030-2050) - คณะกรรมาธิการยุโรปจะมีอำนาจในการออกข้อเสนอแนะต่อประเทศสมาชิกที่มีการดำเนินการไม่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสภาพอากาศที่เป็นกลาง และประเทศสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ - ประเทศสมาชิกต้องพัฒนาและใช้กลยุทธ์การปรับตัวเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่น และลดความเสี่ยงต่อผลกระทบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ การกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ คณะกรรมาธิการยุโรปได้เปิดรับฟังความเห็นสาธารณะต่อข้อตกลงฉบับใหม่ ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศยุโรป เพื่อให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มี โอกาสแสดงความเห็นสาธารณะและมีบทบาทในการออกแบบดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ มีการแบ่งปันข้อมูล การเปิดตัวกิจกรรมระดับ รากหญ้าและการจัดแสดงแนวทางปฎิบัติที่ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ได้ ทั้งนี้ จะมีการเปิดการรับฟังความเห็นสาธารณะเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ข้อมูลที่ได้ จะนำไปใช้เพื่อปรับข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประเทศไทย การประกาศใช้กฎหมาย European Climate Law ดังกล่าวทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมของกระบวนการผลิตสินค้า การลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพื่อป้องกันสารตกค้างในผลผลิต และการผลักดัน และส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นทอดแทนสารเคมี นอกจากนี้ประเทศไทยจะต้องแบกรับภาระเกี่ยวกับการเก็บภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน จะต้องเตรียมการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการกำหนดนโยบายของประเทศ ภาคเอกชนไทยที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมที่อาจจะถูกกระทบโดย มาตรการทางกฎหมายใหม่ได้เตรียมตัวรองรับการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต   สหภาพยุโรปอัดฉีดงบเพิ่มเติม 90 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนสู้ไวรัสโคโรนา สหภาพยุโรปได้ประกาศเพิ่มเงินสนับสนุน 90 ล้านยูโร เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาวัคซีนเพื่อจัดการกับโรค COVID-19ที่มีไวรัสโคโรนาเป็นสาเหตุหลักในการก่อโรค และมีการแพร่กระจายไปทั่วยุโรปโดยเฉพาะที่อิตาลี โดยสาขาที่ให้ทุนครอบคลุมทั้งการ พัฒนาวิธีการรักษา การวินิจฉัยโรค การวิจัยทางคลินิกและระบาดวิทยา และการวิจัยด้านสังคมศาสตร์ ในขณะเงินสนับสนุน 90 ล้านยูโร ที่เพิ่มมาใหม่นี้ เป็นการสนับสนุนผ่านโครงการ Innovative Medicines Initiative ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและภาคเภสัชอุตสาหกรรม จุดประสงค์หลักคือการช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทั้งในระดับสหภาพยุโรปและระดับโลก การให้ความช่วยเหลือในระดับนานาชาติ นอกจากงบสนับสนุนในสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการยุโรปยังมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 114 ล้านยูโรให้กับองค์การอนามัยโลก (World Health Organisation, WHO) เพื่อสนับสนุนแผนการรับมือการระบาดทั่วโลกในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เช่น ประเทศในแถบแอฟริกา   การประชุม ASEAN Day: Business Opportunities between Luxembourg and ASEAN เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ณ กรุงบรัสเซลส์ ได้เข้าร่วมประชุม ASEAN Day : Business Opportunities between Luxembourg and ASEAN งานประชุมดังกล่าว กล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ จะทำให้รูปแบบการค้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นการสร้าง โอกาสด้าการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียนในรูปแบบ FTA จากนั้นเอกอัครราชทูตประเทศในอาเซียน 10 ประเทศนำเสนอทางธุรกิจ และการลงทุนในแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ดร.มาณพ สิทธิเดช ได้ให้ข้อมูลนโยบายและโครงการสำคัญของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประเด็นแรกคือ แนวทางการยกระดับและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (EECi) นวัตกรรมใหม่ ในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยมุ่งเน้น 6 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. เกษตรสมัยใหม่และเทคโนโลยีชีวภาพ 2. เชื้อเพลิงชีวภาพและ เคมีชีวภาพ 3. แบตเตอรีประสิทธิภาพสูงและขนส่งสมัยใหม่ 4. ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 5. เทคโนโลยีการบินและอวกาศ และ 6. เครื่องมือทางการแพทย์ ประเด็นที่สองคือ การผลักดันโมเดล BCG ของประเทศไทย เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ทั้ง 2 เศรษฐกิจนี้ อยู่ภายใต้เศรษฐกิจ สีเขียว (Green Economy) เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่พัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษา สิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจ BCG ที่เติบโต แข่งขันได้ระดับโลก เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ ชุมชนเข้มแข็ง เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน   ข้อมูลที่น่าสนใจของประเทศลักเซมเบิร์ก ประเทศลักเซมเบิร์กมีอุตสาหกรรมหลัก คือ การให้บริการทางด้านการเงินและธนาคาร มีนโยบายปกป้องความลับ และให้สิทธิประโยชน์อย่างมาก กับเงินลงทุนจากต่างประเทศ เช่น การคิดภาษีที่ถูกกว่า แล้วสามารถโอนเงินกลับไปยังประเทศตัวเอง โดยหักภาษีในอัตราที่ต่ำมากจนถูกขนานนาม ว่าเป็นดินแดนภาษีต่ำ ด้วยเหตุนี้เงินทุนจากต่างประเทศมากมายเข้ามาอย่างมหาศาล เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Microsoft ลักเซมเบิร์ก เป็นจุดศูนย์กลางของกองทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังโดดเด่นเรื่องระบบขนส่งทางอากาศ บริษัทคาร์โกลักซ์ (Cargolux) เป็น 1 ใน 5 สายการบินขนส่งสินค้า (Cargo Airlines) ชั้นนำของโลก ขนส่งสินค้า ยา สารเคมี วัตถุอันตราย และสัตว์มี ชีวิต มีเที่ยวบินกว่า 500 เที่ยวทั่วโลกต่อสัปดาห์ ขนส่งสินค้าปริมาณกว่า 1 ล้านต้นต่อปี โดยไทยเป็นจุดหมายสำคัญของคาร์โกลักซ์ ปัจจุบันมีเที่ยวบิน ไปกรุงเทพฯ 5 เที่ยวต่อสัปดาห์   การประชุม ISO/TC 217 Cosmetics ครั้งที่ 18 ในระหว่างวันที่ 4-8 พฤศจิกายน 2562 อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ กรุงบรัสเซลส์ ได้ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็น หัวหน้าคณะผู้แทนไทยให้กับ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เช้าร่วมประชุม ISO/TC 217 Cosmetics ครั้งที่ 18 ในการประชุม Working group 3 Analytical methods, Working group 4 : Terminology และ Working group 7 : Protection test methods โดยมีผู้แทน ไทยจากกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย   ความเป็นมา องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Organization for Standardization – ISO) ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวิชาการที่ 217 ด้านเครื่องสำอาง (ISO-TC 217 Cosmetics) เพื่อจัดทำมาตรฐานสากลด้านเครื่องสำอาง โดยประเทศไทยเป็นสมาชิก P-member ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โครงสร้างของ ISO/TC 217 ประกอบด้วยคณะทำงานด้านต่างๆ 5 คณะ ประกอบด้วย WG 1 – คณะทำงานร่างมาตรฐานด้าน Microbiological standards and limits WG 3 – คณะทำงานร่างมาตรฐานด้าน Analytical Methods WG 4 – คณะทำงานร่างมาตรฐานด้าน Terminology WG 7 – คณะทำงานร่างมาตรฐานด้าน Sun Protection Test Methods และ CAG – คณะทำงาน Chairman advisory group   ผลจากการประชุม จากการประชุมพบว่า ประเทศไทยควรส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุม ISO/TC 217 ทั้งในส่วนคณะทำงานต่างๆ และ Plenary meeting อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนพิจารณาเข้าร่วมการทดสอบ ring test ของการพัฒนาวิธีทดสอบที่เกี่ยวข้องในเครื่องสำอาง เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์และวิธีทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ตลอดจนได้รับทราบข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และติดตามการทำงานของคณะกรรมการ ได้ทันเหตุการณ์ จะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของประเทศ การดำเนิงานรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และได้ข้อมูลทางวิชาการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาเพื่อเสนอข้อคิดเห็นและคัดค้านการกำหนดมาตรฐาน ที่เข้มงวดไป หรือวิธีทดสอบผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุปสรรคในการส่งออกของผู้ประกอบการไทยในอนาคตได้   ประโยชน์ที่ได้รับ จากการเข้าร่วมประชุมดังกล่าวหน่วยงานไทยได้รับประโยชน์ดังนี้ 1. ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกับผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่างๆ ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา 2. ได้รับทราบถึง Harmonized rule การพัฒนามาตรฐานวิธีทดสอบ แนวทางในการพัฒนาคุณภาพความปลอดภัย และการพัฒนาความสามารถในการ แข่งขันของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก 3. ได้ร่วมเสนอความเห็นและคัดค้านการกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดเกินไป หรือทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้เครื่องมือที่มีราคาแพงมากซึ่งอาจ ก่อให้เกิดอุปสรรคในการส่งออกของผู้ประกอบการไทยในอนาคตได้ และ 4. มีโอกาสร่วมอยู่ในคณะทำงานของผู้ทรงคุณวุฒิจากประเทศต่างๆ ในการจัดทำร่างมาตรฐานผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เกิดการสร้างมิตรภาพ การพัฒนาความสามารถบุคลากรไทย สร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศ    ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://waa.inter.nstda.or.th/stks/pub/2020/20200713-newsletter-brussels-no02-feb63.pdf
นานาสาระน่ารู้
 
อว. โดย สป.อว. สกสว. สอวช. และ สวทช. ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน BCG : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขอเชิญผู้ประกอบการ นักวิชาการ นักวิจัย ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ผู้แทนชุมชน และผู้สนใจ มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศหลังโควิด เข้าร่วม “การประชุมสมัชชา BCG : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ในวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2563 ระหว่างเวลา 8.00 – 16.00 น. ณ ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พร้อมกันนี้สามารถรับชมการประชุมออนไลน์ (Live) ได้ทาง Facebook NSTDA-สวทช. (คลิก) (more…)
BCG
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
เทคนิคการ copy ชื่อไฟล์ทีเดียวพร้อมกันหลายไฟล์
ในการทำงานหลายครั้งเราต้องส่งข้อมูลไปพร้อมกับภาพหลายๆ ภาพ ซึ่งถ้าภาพมีจำนวนมากจะประสบปัญหาการระบุข้อมูลกับภาพที่จะใช้ให้ตรงกัน ในบทความนี้จะเป็นเทคนิคที่จะสามารถดึงชื่อไฟล์ภาพออกมาทีเดียวหลายไฟล์ เพื่อที่จะนำไปเขียนข้อมูลประกอบได้ง่ายขึ้น ตั้งต้นว่ามีไฟล์ภาพที่ต้องนำไปใส่คำอธิบายใน excel อยู่จำนวนหนึ่ง ชื่อไฟล์มาจากกล้องที่ถ่าย โดยถ้าหากคัดเลือกภาพแล้วเลขชื่อไฟล์จะรันข้าม ดังภาพตัวอย่าง . ให้ทำการ select รูปที่ต้องการ แล้วไปที่เมนู Home ตรงช่วงแถบเครื่องมือ Clipboard ให้คลิกปุ่ม copy path เป็นการเก็บ path และชื่อไฟล์มาไว้ใน Clipboard แล้ว . ขั้นตอนต่อไปเราจะไปวางใน excel ให้เปิดโปรแกรม excel แล้ว paste หรือวาง ในตำแหน่งที่ต้องการได้เลย จะเห็นว่าชื่อไฟล์ทั้งหมดจะปรากฏแล้ว แต่มี path ของรูปติดมาด้วย . ให้ทำการเอาส่วน path ที่เราไม่ต้องการออก ในที่นี้คือ C:\Users\001274\Desktop\เครื่องแต่งกายและอาวุธ\ โดยวิธีการคือ ใช้เครื่องมือ Replace อยู่ในเมนู Home ช่วงแถบเครื่องมือ Editing คลิก Find & Select เลือก Replace หรืออาจใช้ short cut Ctrl+H . เมื่อมีหน้าต่าง Replace ขึ้นมา ให้ใส่คำที่เราต้องการลบ ลงไปในช่อง Find what ส่วนในช่อง Replace with ไม่ใส่ข้อความใดๆ แล้วให้กดปุ่ม Replace All ได้เลย . ผลลัพธ์ที่ได้ จะเหลือแค่ชื่อไฟล์ที่เราต้องการใน excel นำไปใส่ข้อมูลต่อได้
นานาสาระน่ารู้
 
Smithsonian Open Access
Smithsonian Open Access แหล่งรวบรวมและเผยแพร่สื่อการเรียนรู้และการศึกษาวิจัยในรูปแบบดิจิทัลของ Smithsonian Institution สื่อฯ ส่วนใหญ่ อยู่ภายใต้ Public domain ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด แชร์ และใช้งานตามต้องการ โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย Smithsonian Open Access แหล่งรวบรวมและเผยแพร่สื่อการเรียนรู้และการศึกษาวิจัยในรูปแบบดิจิทัล จากพิธภัณฑ์ 19 แห่ง ศูนย์วิจัย 9 แห่ง ห้องสมุด หอจดหมายเหตุ และสวนสัตว์แห่งชาติของ Smithsonian Institution สื่อฯ ส่วนใหญ่ อยู่ภายใต้ Public domain โดเมนสาธารณะหรือสาธารณะสมบัติ ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด แชร์ และใช้งานตามต้องการ โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ คอลเลคชันดิจิทัลที่รวบรวมและเผยแพร่นั้น สร้าง จัดเก็บหรือดูแล โดย Smithsonian Institution เช่น รูปภาพ โมเดล ข้อความ บันทึกเสียง วิดีโอ เว็บไซต์และชุดข้อมูลการวิจัย รวมมากว่า 2 ล้านรายการ (มีแผนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง) ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ Smithsonian Open Access เพื่อค้นหาสื่อการเรียนรู้และการศึกษาวิจัยในรูปแบบดิจิทัลที่ต้องการ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.si.edu/openaccess จากนั้นพิมพ์คำค้นที่ต้องการให้ช่องค้นหา ดังภาพที่ปรากฎด้านล่าง ระบบจะแสดงจำนวนผลการสืบค้นทั้งในภาพรวมและแบ่งตามประเภทของสื่อที่ตรงกับคำค้น พร้อมตัวอย่างผลการสืบค้น ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถกรองผลการสืบค้นด้วยประเภทของสื่อ สถาบันที่สร้าง จัดเก็บหรือดูแล หัวข้อ หัวเรื่อง และปีที่สื่อถูกสร้างสรรค์ ดังภาพที่ปรากฎด้านล่าง จากนั้นคลิกเลือกรายการสื่อที่ต้องการ โดยระบบจะแสดงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสื่อ และเงื่อนไขการนำไปใช้ ดังภาพที่ปรากฎด้านล่าง ผู้ใช้สามารถคลิกที่ปุ่มดาวน์โหลดด้านล่างภาพของสื่อ เพื่อดาวน์โหลดสื่อที่ต้องการ และนำไปใช้งานภายใต้เงื่อนไขการใช้งานที่กำหนด ภาพด้านล่างแสดงข้อมูลสถิติ จำนวนการเข้าชม จำนวนสื่อที่เผยแพร่และจำนวนการดาวน์โหลด สามารถเข้าดูได้ที่ https://www.si.edu/dashboard/virtual-smithsonian Smithsonian Institution หรือ สถาบันสมิธโซเนียน เป็นกลุ่มสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษาและพิพิธภัณฑ์ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1846 บริหารจัดการและได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและจากผู้บริจาคต่างๆ รวมถึงรายได้การจำหน่าย ออกร้านและค่าสมาชิกนิตยสาร หน่วยงานส่วนใหญ่ของสถาบันตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา
นานาสาระน่ารู้
 
ค่าดัชนี i10 index
ค่า i10 index คือ ค่าดัชนีที่ใช้ในการวิเคราะห์บทความวิชาการทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณของผู้เขียน ซึ่งให้ความสำคัญกับจำนวนการอ้างอิงบทความวิชาการโดยตรง พัฒนาโดย Google Scholar เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2011 เพื่อใช้วัดจํานวนบทความวิชาการที่ได้รับการอ้างอิงอย่างน้อย 10 ครั้ง การดูค่า i10 index จำเป็นต้องดูด้วย Google Scholar ดังตัวอย่างข้อมูลของ ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ จากภาพข้างต้น ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธฯ มีค่า i10-index เท่ากับ 125 หมายความว่า ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธฯ มีบทความวิชาการ จำนวน 125 รายการ (จากจำนวนผลงานทั้งหมด) ที่ได้รับการอ้างอิงอย่างน้อย 10 ครั้ง ทั้งนี้หากพิจารณา i10-index ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา พบว่า ศ.เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธฯ มีบทความวิชาการ จำนวน 54 รายการ ที่ได้รับการอ้างอิงอย่างน้อย 10 ครั้ง จุดเด่นของ i10-index คือ ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย และตรงไปตรงมาในการคำนวณ สามารถเข้าถึงข้อมูลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จาก Google Scholar ขณะที่ข้อจำกัด คือ ใช้เฉพาะใน Google Scholar
นานาสาระน่ารู้
 
กลยุทธ์ 3 รู้สู่ SEO
เว็บไซต์ใดที่สามารถติดอันดับการค้นหาผ่าน Google ได้ในหน้าแรก เปรียบเสมือนเป็นสุดยอดแห่งการสร้างมูลค่าของเว็บไซต์และการตอบโจทย์ทางธุรกิจ เนื่องจากจะได้เป็นเป้าหมายแรกๆ ของกลุ่มเป้าหมายที่เลือกเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการของคุณ แต่การที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาผ่าน Google ได้ เราต้องใช้หลักการหรือแนวทางในเชิงเทคนิคของการจัดทำอันดับบนเว็บไซต์ตามแนวทางหรือกติกาของ Google เราเรียกเทคนิคนี้ว่า Search Engine Optimize หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า SEO การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการ Social Marketing มีกระบวนการแนะนำหรือแนะแนวที่หลากหลายแตกต่างกันไปล้อตามแนวทางของ Google “ที่ปรับเปลี่ยนทุกปีหรือทุกไตรมาส” มีทั้งการแนะนำในแบบสายขาว หมายถึง ทำแบบโปร่งใสล้อตามกฎกติกาของ Google ตรงประเด็นแต่เห็นผลช้าไม่ทันใจ  และสายเทาดำ ที่เน้นกลยุทธ์ที่ไม่โปร่งใสเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นผลดีกับเว็บไซต์ที่เข้าสู่สายเทาดำอย่างแน่นอน เนื่องจากอาจจะทำให้ถูก Black List หรือส่งผลให้ไม่ถูกจัดอันดับบนหน้า Google เลยทีเดียว บทความนี้ผู้เขียนจึงอยากจะขอแนะนำผู้อ่านให้เรียนรู้และเข้าใจหลักการทำ SEO ที่อ้างอิงจากคำแนะนำของ Google  (https://support.google.com/webmasters/answer/7451184?hl=en)  เพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจนสำหรับมือใหม่ไปจนถึงผู้ที่ต้องการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ตนเองในแบบยั่งยืน พร้อมทั้งเพิ่มเติมสิ่งที่ควรเรียนรู้และคำนึงถึงจากประสบการณ์ของผู้เขียน ขอเรียกว่า “กลยุทธ์ 3 รู้สู่ SEO” ครับ แบ่งตามหัวข้อและรายละเอียด ดังนี้ 1. เตรียมความพร้อมส่วนของเนื้อหาในเว็บไซต์ (รู้เรา) สิ่งที่ Google ให้ความสำคัญที่สุดคือ “Content คุณภาพ”  หมายถึง บทความหรือข้อมูลบนเว็บไซต์ ที่สร้างคุณค่าให้กับผู้ชมที่เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ สิ่งเหล่านี้เป็นที่โปรดปรานของ Google Bot ให้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ของคุณเป็นอย่างมาก เนื่องจากค่าคะแนนที่ได้จะส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์คุณสูงขึ้น สิ่งสำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมในข้อ 1 เพื่อให้ได้ Content คุณภาพ มี 8 ข้อหลักที่ใช้ได้เสมอ มีดังนี้ 1.1  ให้ความสำคัญกับ TAG  <title>  </title>  ใส่ให้ชัดเจนเหมือนพาดหัวข่าว และเนื้อหาภายในควรสอดคล้องกับ Title ดังกล่าว จะทำให้คะแนนเว็บไซต์ของคุณเพิ่มขึ้น ไม่ควรพาดหัวอย่างหนึ่งแต่เนื้อหาภายในกลับเป็นอีกอย่าง หากทำแบบนั้นคะแนนเว็บไซต์การจัดอันดับของคุณอาจถูกลด คุณค่าของ Content จากกลุ่มเป้าหมายของคุณก็ถูกมองให้ด้อยค่าลงด้วยเช่นกัน 1.2  ให้ความสำคัญกับ TAG <meta name =”Description”>  เปรียบเสมือนคำอธิบายสั้นๆ ของหน้า content ของคุณ Google Bot จะใช้ Description นี้เพื่อวางรายละเอียดสั้นๆ ของหน้าเว็บไซต์คุณบนการแสดงผลการค้นหา อย่าละเลยการให้รายละเอียดบน Description ที่เหมือนเป็นหัวใจของการจัดอันดับ สิ่งต้องห้ามของผู้ที่จัดทำ SEO ใน TAG ต่างๆ คือการ copy ข้อมูลชุดเดียวกัน ที่มี keyword ซ้ำๆ มาวางไว้ใน description ของแต่ละหน้า นั่นทำให้เว็บไซต์ของคุณด้อยค่าและไม่จริงใจกับกลุ่มเป้าหมาย 1.3  ให้ความสำคัญกับ TAG <meta name="keywords">  เพราะเปรียบเสมือน index หรือสารบัญของเว็บไซต์ของคุณ ควรใช้คำที่สื่อความหมายและสอดคล้องกันกับเนื้อหาที่คุณมีในเว็บไซต์นั้น เช่นคุณเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ คุณไม่ควรใช้ keyword ที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น อาหาร,น้ำอัดลม, เชื้อชาติ, ความคิด   จากตัวอย่างคุณจะพบว่า แม้วิทยาศาสตร์จะครอบคลุมในหลาย keyword ก็จริง แต่ความสอดคล้องใน keyword พิจารณาแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ ส่อเจตนาที่ไม่โปร่งใสหรือไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร 1.4  อย่าใช้คำ title หรือ keyword ที่ซ้ำๆ เพื่อหวังอันดับที่เพิ่มขึ้น หรือใช้คำยาวๆ ที่มี keyword ของ title ปนอยู่ภายในหัวข้อบทความเป็นปริมาณมาก เพราะนั่นจะทำให้คุณเข้าข่ายเจตนา Spam คำเพื่อหวังอันดับและส่งผลร้ายต่อคะแนนการจัดอันดับของคุณ 1.5 จัดทำ Sitemap ให้กับเว็บไซต์ของคุณ   หลายคนมองข้ามการจัดทำ  Sitemap  แท้จริงแล้วสิ่งนี้เป็นการสร้างการเชื่อมโยง Content ภายในเว็บไซต์ เป็นการสร้าง Link ที่มีคุณภาพระหว่างหน้า เป็นการสร้างการเพิ่มปริมาณการ Click  อีกทั้งยังสร้างความรวดเร็วในการเก็บข้อมูลของ Google Bot ต่อเว็บไซต์ของคุณ สิ่งที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาดของ Site map คือการสร้าง link อย่างซับซ้อน เช่น ลิ้งก์ทุกๆ หน้าในเว็บไปยังหน้าอื่นๆ ทุกหน้า หรือแบ่งเนื้อหาจนละเอียดกว่าจะเข้าถึงเว็บไซต์ที่ต้องการ  ยกตัวอย่างเช่น ต้องคลิกกว่า 20 ครั้งเพื่อจะไปพบเนื้อหาที่ต้องการจากหน้าแรก เป็นต้น เหล่านี้เป็นการสร้างเจตนาที่ไม่ตรงไปตรงมากับการจัดอันดับในเว็บไซต์ของคุณ 1.6 จัดทำ Url ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านได้ในภาษามนุษย์หรือสอดคล้องกับหน้าที่สื่อสาร  เพราะ Url ของเว็บไซต์เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ใช้ในการบอกให้กับ Google Bot เรียนรู้รายละเอียดของ Content เป็นการเพิ่มคะแนนให้กับการจัดอันดับของคุณ ยกตัวอย่าง url ที่ google bot ยอมรับและนำมาประกอบการพิจารณาได้ดีกว่า เช่น http://www.sciencelab.con/2020/gravity-theory-2020.html  ส่วนที่ไม่ควรทำ เช่น http://www.sciencelab.con/scdgwc/site2.html  จะเห็นได้ว่า URL ไม่สื่อกับการทำความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมายและ google bot 1.7  ถ้าหากใช้รูปภาพ อย่าลืมใช้ TAG alt   เพราะไฟล์รูปภาพไม่สื่อความหมายในการเก็บข้อมูลของ Google Bot โดยเฉพาะภาพที่อาจใช้ไฟล์เพียง img.jpg , pict1.jpg เหล่านี้ไม่สร้างคุณค่าหรืออันดับกับเว็บไซต์ จำไว้ครับว่า เมื่อใดก็ตามมีภาพ คุณควรใช้ชื่อภาพสื่อกับเนื้อหา  เช่น คุณมีภาพม้าสีน้ำตาล คุณควรตั้งชื่อว่า horse-brown.jpg และใช้ alt = ‘ม้าสีน้ำตาล’  <img src = ‘horse-brown.jpg’ alt = ‘ม้าสีน้ำตาล’>  จากตัวอย่างนี้ จะทำให้ Google bot รับรู้คำที่สื่อความหมาย สร้างคำใน index เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่ามากขึ้นครับ 1.8  อย่ามีเนื้อหาเพียงหยิบมือแต่โฆษณาจนล้นหน้า   เราอาจเคยเจอเว็บไซต์ทีเขียนเนื้อหาพาดหัวเหมือนข่าวที่น่าสนใจจนอยากคลิกอ่าน แต่เมื่อมาถึงเว็บไซต์จริงพบว่าเนื้อหามีเพียงน้อยนิดหรืออาจลอกมาจากที่อื่น ที่สำคัญกลับมีโฆษณามากมายปรากฏอยู่เต็มเว็บไซต์ สิ่งเหล่านี้ทาง Google ถือว่าเป็นเจตนาแอบแฝงที่ส่งผลร้ายต่อผู้กลุ่มผู้ใช้งานและบั่นทอนคุณภาพของสังคมที่สร้าง Content คุณภาพให้เสียหาย คุณจะถูกลดอันดับการค้นหาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ข้อนี้ห้ามเด็ดขาดครับ ที่สำคัญหากเจอเว็บไซต์เหล่านี้คุณไม่ควรคลิกเข้าไปให้เปลืองอินเทอร์เน็ตหรือทรัพยากรใดๆ ของคุณ เพราะเป็นการส่งเสริมการสร้าง content ที่ผิด อาจมีไวรัสหรือโทรจันเป็นของแถมให้คุณอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของเว็บไซต์ของคุณ จำกัดความด้วยคำว่า Content Is The King ครับ  และต้องเป็น Content ที่มีประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย ได้ใจความ มีเนื้อหาที่ไม่น้อยจนเกินไป จริงใจ และไม่หลอกลวงขายโฆษณา นี่คือสิ่งที่จะทำให้กลยุทธ์ รู้เรา ยั่งยืน และทำอันดับได้อย่างรวดเร็ว 2. เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (รู้เขา) การทำ SEO จะประสบความสำเร็จไม่ได้ หากคุณไม่ทราบว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร มีสไตล์การอ่าน การเรียนรู้ content แบบใด เหมือนอยากขายเรือแต่ลูกค้าคุณอยู่ทะเลทราย ไม่มีวันที่คุณจะถึงเป้าหมายได้แน่นอน สิ่งที่คุณควรใส่ใจในประเด็นนี้ ได้แก่ 2.1 เข้าใจกลุ่มเป้าหมายด้วยเนื้อหาที่ตรงใจ    เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากมายอาจมีเนื้อหาไม่มากนัก แต่ประกอบไปด้วย การเขียนที่ตอบโจทย์ วีดีโอที่สั้นกระชับ เนื้อหาตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสไตล์ของการนำเสนอที่คุณควรมองลูกค้าเป็นหลัก และเป็นสิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีเสน่ห์น่าติดตาม 2.2 นำเสนอแบบแปลกใหม่ตามกระแสบ้าง   เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว การนำเสนอของคุณแบบเดิมอาจไม่โดนใจลูกค้าหน้าใหม่หรือหน้าเดิม คุณควรใช้กระแสสังคมมาปรับเปลี่ยนการนำเสนอ สร้าง viral ยอดฮิตบ้าง เช่น  นักวิจัย สวทช. บางท่านก็ใช้การ Rap มาอธิบายกฎวิทยาศาสตร์ได้เข้าใจอย่างง่ายๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจใหม่ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ดีเสมอ 2.3  มีกิจกรรมหรือการ interactive กับสมาชิก   ยุคสมัยนี้การ interactive หรือการทำกิจกรรมออนไลน์ร่วมกัน เป็นการสร้างฐานหรืออันดับของเว็บไซต์ได้อย่างดี การแชร์กิจกรรมผ่านเว็บไซต์ เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างช่องทางหรืออันดับให้กับเว็บไซต์ของคุณ ที่สำคัญคุณควรรับผิดชอบกิจกรรมนั้นอย่างตรงไปตรงมา มีหลายเว็บไซต์ ที่มีกิจกรรมแชร์หรือให้รางวัลแต่ท้ายสุดกลับยกเลิกหรือไม่ทำกิจกรรมต่อ ส่งผลร้ายแรงต่อความเชื่อถือและนำมาซึ่งผลลบต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณ 2.4  วิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ   เมื่อคุณสำรวจสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์จากกลุ่มเป้าหมาย คุณจะพบกลุ่มลูกค้าและความต้องการที่หลากหลาย อย่าลืมเก็บสถิติเหล่านี้มาวิเคราะห์เพิ่มเติม เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณจะได้เปรียบมากชึ้น ปัจจุบันมีเครื่องมือการเก็บสถิติที่หลากหลาย เช่น google analytic หรือ truehits เป็นต้น อย่าลืมนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ ในการรู้เขา ยังมีอีกหลายกลยุทธ์มากที่คุณสามารถประยุกต์ใช้ได้ หลักสำคัญคือ อย่าลืมใส่ใจกลุ่มลูกค้าและพลิกแพลงการนำเสนอให้ไม่น่าเบื่อ เข้าใจง่าย นี่คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณยั่งยืนจากสมาชิกของคุณที่จะทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ 3. เข้าใจเทคนิคและคำศัพท์ในการทำ SEO (รู้กลยุทธ) หัวข้อนี้จะเป็นส่วน Advance สำหรับผู้ทำ SEO ที่จะต้องเข้าใจคำศัพท์และเทคนิคที่เกี่ยวข้องสำหรับการทำ SEO โดยผู้เขียนจะเลือกสิ่งที่ควรทำและศัพท์ที่ควรจำมาไว้ในหัวข้อนี้ในแบบรวบรัด มีรายละเอียดดังนี้ครับ 3.1  Mobile Friendly & Access Time    เทคนิคสำคัญที่คุณควรออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับ Smart Device พร้อมทั้งคำนึงถึงการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่กินเวลานาน (โหลดเว็บเสร็จอ่าน content ได้ ควรไม่เกิน 3 วินาที ) เพราะเว็บไซต์ที่รองรับหลาย Device ที่สามารถโหลดได้รวดเร็ว ผู้ใช้งานได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์โดยเร็ว จะสร้างความประทับใจและการเข้าถึงใหม่ๆ อยู่เสมอ มีหลายเว็บไซต์ที่ละเลยข้อนี้ ทำให้ฐานลูกค้าบน Smart Device หายไปมาก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในยุคปัจจุบัน 3.2 ติดตั้ง google search console   ถ้าคุณมีสิทธิ์ในการติดตั้งบนเว็บไซต์ของคุณ ขอแนะนำให้ติดตั้ง Google Search Console ไว้บนเว็บไซต์ โดยการติดตั้งทำเพียงการสร้างไฟล์ที่ google แนะนำไว้บนเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นครับ  ที่ต้องแนะนำกันก็เพราะ Google Search Console เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ Google เรียนรู้ข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณโดยตรงได้ง่ายขึ้น เราสามารถส่งข้อมูล Site Map โดยตรงไปหา Google Bot อีกทั้งยังมีข้อมูลวิเคราะห์ เทคนิคใหม่ ๆ ให้คุณได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้ทันที  เหมาะอย่างยิ่งกับกลยุทธ์ รู้เขา ที่ผู้เขียนได้กล่าวมา ที่สำคัญ ปลอดภัย  เพราะมาจาก google เอง 3.3 การเข้าสู่ SEO เต็มตัวด้วยการโฆษณาแบบเสียเงินกับ Google   หากคุณสนใจข้อนี้ นั่นแปลว่าคุณเน้นทางลัดการติดอันดับโดยเลือกมีค่าใช้จ่ายการทำ SEO  ซึ่งจะต้องมีทุนในการโปรโมทธุรกิจ  คุณต้องเข้าใจการคำนวณหาราคาที่พร้อมจะจ่าย ต้องเรียนรู้ศัพท์และเทคนิคที่ควรรู้ก่อนการเข้าสู่การโปรโมทเว็บไซต์ของคุณ  หัวข้อนี้ผู้เขียนอยากแนะนำหลักการและศัพท์เทคนิคที่ควรรู้สำหร้บมือใหม่ที่สนใจจะทำ SEO ในหัวข้อนี้ ดังนี้ครับ 3.3.1  การกำหนด Keyword Difficult ผ่าน tool ต่างๆ  เพื่อประเมินว่า คำที่เราจะนำไปทำ SEO นั้น มีผลลัพธ์มากน้อยเพียงใด แล้วนำไปวิเคราะห์ต่อใน Google Adwords เพื่อวิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและค่าใช้จ่าย คุณสามารถปรับปรุง keyword ให้มีปริมาณการแข่งขันที่น้อยลง เพิ่มหรือลดงบประมาณการโปรโมทพร้อมระยะเวลาในการโปรโมทเว็บไซต์ได้ 3.3.2  การเข้าใจ Adtext และ Quality Score   เมื่อคุณตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อการโปรโมท คุณจะได้ keyword ที่คุณต้องการ ผมแนะนำให้คุณใช้ keyword มาประกอบกับ Adtext (เป็นสิ่งที่ทาง Google Adwords มีให้เรากำหนด ) เพื่อให้การค้นหาสอดคล้องกับ Keywords ซึ่งนั้นจะเพิ่มค่า Quality Score ให้กับการโปรโมท ทำให้ค้นหาได้มากครั้งขึ้น ส่งผลให้ค่า CTR (Click Through Rate) สูงขึ้น ใช้วัดผลได้ว่า เราซื้อโฆษณาถูก Keyword ผู้ชมค้นหาเว็บไซต์เราตรงจุด และประหยัดค่าใช้จ่ายในการโปรโมทด้วย และยังมีคำศัพท์อื่นๆ ที่คุณต้องเรียนรู้อีกมากครับ เช่น impressions, Clicks,  CPC, CPL เป็นต้น แต่ขอไม่พูดถึงในที่นี้ เพราะสิ่งที่สำคัญสุดคือการกำหนด keywords ที่ดี จะนำมาซึ่งค่าต่าง ๆ ที่ดีครับ 3.3.3 เข้าใจศัพท์ที่เป็นตัวแปรส่งผลดีกับเว็บไซต์  แม้คุณจะเป็นสายใช้เงินหรือสายฟรีแบบถูกต้อง สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญคือ ควรเข้าใจในคำศัพท์ที่เป็นตัวแปรหลักๆ  สำหรับการทำ SEO  ดังนี้ครับ Organic Keywords  หมายถึง คำสำคัญหรือ Keyword ที่เป็นปลายเปิด เหมาะสำหรับการดึง traffic มากๆ เข้าสู่เว็บไซต์ เช่น หาก keyword เราคือ กล้วย  organic keyword อาจเป็น กิน กล้วย , ปลูก กล้วย,  กล้วย  น้ำว้า เป็นต้น คุณจะพบว่า มีคีย์เวิร์ดปนอยู่ในคำที่สอดคล้องในแนวทางเดียวกันโดยไม่เป็นเจตนาแสปม เหล่านี้จะสร้าง traffic การเข้าเว็บไซต์ของคุณ เมื่อมีการค้นหาผ่าน google Organic Traffic  คือการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณจากการค้นหาผ่าน google  หรือการ link เข้าถึงเว็บไซต์โดยตรงผ่าน url ถือเป็นค่าคะแนนที่สำคัญสำหรับการเพิ่มอันดับของคุณ Domain Authority (DA) เป็นค่าการวัดความนิยมของโดเมนเพื่อใช้ในการคิดคะแนนอันดับ ถึงแม้จะมีหลักการมากมายอธิบายว่าการวัด DA ต้องทำในหลายหมวดหมู่ แต่ผู้เขียนขอแนะนำว่า การทำ Content ที่ดี มีความเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ รวมถึงอายุโดเมนที่ยาวนาน คือปัจจัยสำคัญในการทำให้ค่า DA มีคะแนนสูง Page Authority  (PA)  มีความคล้ายกับ DA แต่เป็นการวัดความนิยมของหน้าเพจแต่ละเพจในด้านการเข้าถึง การมีคุณภาพของ content และอีกหลายปัจจัยที่ปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา สูตรสำเร็จคือการสร้าง Content ที่ดี จะทำให้ค่า PA มีคะแนนที่สูงเช่นกัน Ahrefs Rank (AR)  คุณอาจจะเคยได้รับการแนะนำว่าควรแลก link ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อการสร้าง back link และ Traffic ที่มากขึ้นให้กับเว็บไซต์ของคุณเพื่อการไต่อันดับบนหน้า google แต่ปัญหาคือ เว็บไซต์เหล่านั้นดีและมีคุณภาพพอในการนำมาพิจารณาคะแนนอันดับหรือไม่  มีหลายแห่งไม่สนใจ AR Traffic ที่มาจากแหล่งสีเทาหรือเว็บไซต์ที่ไม่ถูกต้อง เช่น เว็บไซต์ที่เปิดมาเพื่อการแลก Link หรือมีเจตนาเพียงหวังเพิ่ม traffic โดยไม่หวังด้านคุณภาพอื่นๆ  เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ google ลดทอนอันดับคุณภาพ link ของเว็บไซต์ของคุณ ต้องระวังนะครับ คำศัพท์ต่างๆ ที่ยกมาเป็นเพียงส่วนย่อย แต่ต้องคำนึงถึงบ่อยๆ ครับ ทุกวันนี้การเพิ่มเติมตัวแปรหรือคำศัพท์เพื่อใช้ในการจัดอันดับมีมาก แต่สิ่งที่ผู้เขียนย้ำเสมอคือ หาก content คุณดีและมีคุณภาพ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ให้มากนักครับ 3.3.4  การวัดผลเชิงสถิติหลังการโปรโมท   อย่าลืมใช้ google analytic หรือ google search console เพื่อการวัดสถิติหลังการทำ SEO  ทั้งแบบเสียเงินหรือแบบฟรี เพราะนี่เป็นสิ่งที่ใช้วัดความสำเร็จหลังจากการทุ่มเทอย่างหนักของคุณทั้งก่อนและหลังการเข้าสู่ SEO ครับ บทสรุป   ถึงแม้ Google จะเปลี่ยนกฎกติกาหลายอย่างเพื่อการจัดอันดับ Ranking บนเว็บไซต์ ซึ่งโดยหลักการแล้วจะปรับเพื่อป้องกันการโกงหรือปรับให้มีความยุติธรรมในการจัดอันดับมากขึ้นผ่าน algorithm และกติกาใหม่ๆ แน่นอนว่าผู้ทำ SEO ต้องใส่ใจและศึกษาเป็นแนวทาง แต่สิ่งที่ทาง Google เองย้ำเสมอคือการสร้าง Content ที่ดี โปร่งใส เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และมีคุณภาพ นั่นต่างหากครับเป็นแนวทางที่ถูกต้องและยั่งยืนเสมอ บทความนี้ผู้เขียนจึงอยากจะขอสรุปแนวทางที่ยั่งยืนมาเป็นแบบฉบับรวบรัดและหวังว่าผู้สนใจการทำ SEO ทั้งมือใหม่และมือเก่าจะได้นำไปพิจารณาเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ท้ายสุดนี้ผู้เขียนก็นึกถึงคำสุภาษิตของไทย ที่น่าจะใช้ได้กับโลก SEO ครับคือ “สวยแต่รูป จูบไม่หอม”  ย่อมไม่ยั่งยืน (อันนี้เติมเอง ^^) ชัยวุฒิ สีทา ภาพฟรีถูกลิขสิทธิ์จาก pixabay.com  https://pixabay.com/illustrations/seo-analysis-online-1327870/
นานาสาระน่ารู้
 
รัฐมนตรีกระทรวง อว. นำ 8 ผู้นำในทุกภาคส่วน เสนอโมเดล BCG ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังโควิด – 19 กระตุ้น GDP 4.4 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
For English-version news, please visit : MHESI Minister and 8 leaders from all sectors propose BCG model for post-COVID economic recovery plan aiming to achieve 4.4 trillion THB GDP in 5 years 8 มิถุนายน 2563 กระทรวงการอุดมศีกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. นำทีมผู้นำในทุกภาคส่วนจำนวน 8 ท่าน ประกอบด้วยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งจากผู้ประกอบการ ผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรม เอกชน นักวิชาการ หน่วยงานของรัฐ และภาคสังคม เข้าพบนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เพื่อหารือแนวทางการใช้โมเดล BCG (BCG: Bioeconomy, Circular Economy, Green Economy) โดยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยในมิติต่าง ๆ ด้านความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางสาธารณสุข ความมั่นคงทางพลังงาน หลักประกันการมีงานทำ และความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งพัฒนาตอบสนองความต้องการในแต่พื้นที่ไปสู่การเดินหน้าไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีฯ ที่ผ่านมา มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศีกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เป็นหน่วยงานหลักในการเร่งรัดให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG: Bioeconomy, Circular Economy, Green Economy) ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมนั้น กระทรวง อว. ได้ดำเนินการจัดระดมความคิดของทุกภาคส่วน มุ่งเน้นยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง แบ่งเป็น 7 กลุ่มย่อย ประกอบด้วย 1) กลุ่มเกษตร โดยมี น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง เป็นประธาน 2) กลุ่มอาหาร โดยมี นายธีรพงศ์ จันศิริ เป็นประธาน 3) กลุ่มยาและวัคซีน โดยมี ศ. คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน 4) กลุ่มเครื่องมือแพทย์ โดยมี ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ เป็นประธาน 5) กลุ่มพลังงานวัสดุและเคมีชีวภาพ โดยมี นายเทวินทร์ วงศ์วานิช เป็นประธาน 6) กลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมี นายกลินท์ สารสิน เป็นประธาน และ 7) กลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา เป็นประธาน การระดมสมองของผู้บริหารของบริษัทชั้นนำของไทยด้าน เกษตร อาหาร และ พลังงาน อีกทั้งยังมุ่งเน้นผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นผู้นำของโลกบนฐานความพร้อมของประเทศไทย จากจุดแข็งการเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก โดยมี นายอิสระ ว่องกุศลกิจ เป็นประธาน โดยมีผู้มีส่วนร่วมเข้าเสนอความคิดเห็นประมาณ 500 คน สำหรับเป้าหมายในการใช้ BCG โมเดลอย่างเป็นรูปธรรมที่สามารถนำมาปรับภาพลักษณ์ของประเทศไทย (Rebranding Thailand) ภายหลังการเกิดโรคระบาดโควิด – 19 รวมถึงเชื่อมโยงบนฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศ ผ่านการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและท้องถิ่น และเชื่อมประเทศไทยกับประชาคมโลก ซึ่งมีหลักการปรับในการขับเคลื่อนดังนี้ (more…)
BCG
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
คู่มือการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เน้นวิศวกรรม
การจัดกิจกรรมการเรียนให้บรรดวัตถุประสงค์ตามแนวทางของหนังสือเล่มนี้ "ผู้สอนควรระลึกเสมอว่าป้าหมาย คือ การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ขั้นตอน วิธีการ และมีประสบการณ์ การออกแบบและสร้างสิ่งใหม่หรือแปลกจากเดิมและมีคุณค่า ซึ่งเรียกว่า "นวัตกรรม" รวมทั้งเกิดแรงบันดาลใจที่จะมีอาชีพวิศวกรและอาชีพนวัตกรในอนาคต ด้วยเหตุนี้ การเรียนการสอนจึงควรนั้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ใน "กระบวนการพัฒนานวัตกรรม" อย่างครบถ้วน ผ่านกิจกรรมให้ผู้เรียนสร้างชิ้นงานจริง ที่เหมาะสมตามศักยภาพของผู้เรียน จึงไม่จำเป็นต้องให้ผู้เรียนสร้างชิ้นงานระดับสูง เงินลงทุนมาก ใช้เวลานาน เกินศักยภาพของผู้เรียน จนเกิดปัญหาหรือความเครียดในระหว่างทำงาน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิตความทรงจำด้านลบ" ดาวน์โหลดหนังสือ   คลิกที่นี่เพื่อแสดงผลในรูปแบบ e-Book แบบ Flip
เอกสารเผยแพร่
 
การจัดการคอลเลคชันของหอจดหมายเหตุในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19
แนวทางการจัดการคอลเลคชันเอกสารจดหมายเหตุของหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหราชอาณาจักร (National Archives of UK) ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 การรักษาความปลอดภัยและมั่นคงของคอลเลคชันจดหมายเหตุ คำแนะนำเรื่องการรักษาความปลอดภัยและมั่นคงของคอลเลคชันจดหมายเหตุ ได้แก่ ควรมีการตรวจสอบ ณ สถานที่ที่ดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้ รวมถึง digital storage หากไม่สามารถโฮสต์จากระยะไกลได้ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงแนวทางปฏิบัติของรัฐบาลเกี่ยวกับการเดินทางด้วยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและงานที่จำเป็น สร้างการเชื่อมโยงและการเตรียมการการทำงานกับทีมจัดการสถานที่และ/หรืออุปกรณ์และความมั่นคง รวมถึงผู้ให้บริการไอที ในกรณีที่จำเป็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัญญาณเตือนต่างๆ ทำงาน และ สังเกตและตรวจสอบ (ควัน/ไฟไหม้/ผู้บุกรุก/การรั่วไหล) ด้วยขั้นตอนการตอบสนองที่เหมาะสม รวมถึงดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องว่าระบบตรวจจับและสัญญาณเตือนต่างๆ ทำงานอยู่ ยังคงเชื่อมต่อกับหน่วยงานที่ถูกต้อง และกระตุ้นการตอบสนอง เมื่อจำเป็น สังเกตและตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบการจัดการอาคารจากระยะไกล หากเป็นไปได้ อัพเดทแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน สร้างความตระหนักภายในหน่วยงานแม่เรื่องความเสี่ยงและการบรรเทา ติดต่อกับผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลซึ่งเป็นบุคคลที่สามและประเมินความเหมาะสมของกระบวนของผู้ให้บริการดังกล่าว รวมถึงการรักษาความมั่นคงและการเตรียมความต่อเนื่องทางธุรกิจ National Archives ไม่สนับสนุนการเคลื่อนย้ายเอกสารจดหมายเหตุจากสถานที่ที่ใช้ดำเนินการจัดเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำงานที่บ้าน เนื่องจากมีความเสี่ยงมากมายที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายเอกสารไปยังสถานที่ที่ไม่เหมาะสม ความเสี่ยงจากการสูญเสียหรือความเสียหายอันเนื่องมาจากไฟไหม้ น้ำท่วม ศัตรูพืช การจัดการที่ไม่ถูกต้อง การแยกตัวการดำเนินการ และเงื่อนไขสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และการเคลื่อนย้ายอาจขัดแย้งกับข้อตกลงการฝาก เงื่อนไขการให้และการประกันเอกสาร คอลเลคชันดิจิทัล การตรวจสอบอัตโนมัติเกี่ยวกับความถูกต้องของเอกสารดิจิทัลควรดำเนินการต่อเนื่อง ในวิกฤตนี้นับเป็นโอกาสที่หน่วยงานจะได้พิจารณานโยบายและการปฏิบัติเกี่ยวกับคอลเลคชันดิจิทัล ทั้งในแง่ของการเข้าถึงไฟล์จากระยะไกล การแปลงไฟล์ให้อยู่ในรูปดิจิทัล และ ไฟล์ที่เกิดจากและอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลตั้งแต่แรก (born-digital files รวมถึงกระบวนการเกี่ยวกับไฟล์ดิจิทัล (เช่น การขาย สิทธิ์ใช้งาน และการเข้าถึง) อาจต้องการทดสอบด้วยเครื่องมือและวิธีการใหม่ๆ การขยายกิจกรรมโซเชียลมีเดียของหน่วยงานและการเปลี่ยนวิธีที่อธิบายและสำรวจคอลเล็คชันในพื้นที่ออนไลน์ ผ่านช่องทางที่มีอยู่หรือช่องทางใหม่ การลาพักของพนักงาน หน่วยงานอาจกำลังพิจารณาเรื่องการอนุญาตให้พนักงานลาพักภายใต้การคุ้มครองในช่วงสถานการณ์ของ COVID-19 ทั้งนี้มีปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่ ข้อกำหนดที่กำลังดำเนินการเพื่อความมั่นคงและการสงวนรักษาของคอลเลคชันในช่วงระยะเวลาลาพัก การให้พนักงานมีส่วนร่วมและสนับสนุนในการเตรียมการชั่วคราวก่อนการลาพัก ความพร้อมอย่างต่อเนื่องของพนักงานเชี่ยวชาญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (เช่น นักอนุรักษ์) เพื่อดูแลคอลเลคชันอย่างต่อเนื่อง การรักษาความสามารถของหน่วยงานในการตอบสนองฉุกเฉินและการกู้คืนจากความเสียหาย ขอบเขตที่ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์ ข้อกำหนดภายในหน่วยงานสำหรับการตอบข้อซักถามภายใต้กฎหมายข้อมูล นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเรื่องการคำนึงถึงสวัสดิภาพของพนักงานเกี่ยวกับการลาพักและวิธีที่พนักงานสามารถถูกเรียกตัวกลับคืนได้ในกรณีฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อคอลเลคชัน อีกทั้งหน่วยงานควรพิจารณาการตั้งค่าการตอบกลับอัตโนมัติเพื่อนำผู้สอบถามไปยังแหล่งข้อมูลออนไลน์และข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของหอจดหมายเหตุ Places of deposit หรือ local archive services Places of deposit หรือ local archive services อาจปิดหรือลดบริการเป็นระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากคำแนะนำด้านสาธารณสุขหรือการตัดสินใจในการจัดการความเสี่ยงของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ National Archives ยังคงขอให้ Places of deposit ดูแลเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและมั่นคงของคอลเลคชั่นในช่วงเวลาปิดทำการ รวมถึงการขอให้ Places of deposit แจ้งให้ทราบถึงแผนการปิดหรือการแก้ไขเพื่อดำเนินงานล่วงหน้าหากเป็นไปได้ ทั้งนี้ยังคงรักษาการติดต่อสื่อสารและการให้คำแนะนำตามปกติแก่หน่วยงานบริการเอกสารจดหมายเหตุ ผ่านอีเมล การโอนย้ายเอกสารกระดาษ การโอนย้ายเอกสารกระดาษไปยัง National Archives ถูกระงับจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบ โดย Transferring body ไม่ถูกคาดหวังให้ส่ง deposit ไปยังหอจดหมายเหตุจนกว่าสถานการณ์นี้จะเปลี่ยนไป และ Places of deposit ก็ไม่ถูกคาดหวังว่าจะต้องยอมรับ การส่งคืนเอกสารราชการชั่วคราว การเข้าถึงสามารถดำเนินการได้สำหรับการร้องขอฉุกเฉินถ้าหากปลอดภัยที่จะดำเนินการ หาก Places of deposit ประสบปัญหากับคำร้องการส่งคืนเอกสารราชการ เรื่องนี้ควรถูกนำเสนอเพื่อการดูแลของ National Archives และการค้นหาวิธีแก้ปัญหา การยืมเอกสารราชการ Places of deposit ที่มีเอกสารอยู่ระหว่างการยืมกับสถาบันอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ เช่น การจัดแสดงนิทรรศการ หรือการสนับสนุนการสอบถามข้อมูลทางกฎหมาย ควรรักษาการติดต่อกับสถาบันที่ยืมเอกสาร ผู้ให้ยืมเอกสารควรขอคำรับรองเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยและสภาพแวดล้อม และขอข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการใดๆ ทั้งนี้ในกรณีที่เอกสารถูกยืมไปเพื่อการจัดแสดงนิทรรศการ เอกสารดังกล่าวควรถูกยกเลิกการติดตั้งจัดแสดงและเก็บไว้ในสถานที่เก็บที่ปลอดภัย แต่หากเป็นไปไม่ได้ เอกสารดังกล่าวสามารถเก็บไว้ในตู้จัดแสดงนิทรรศการได้ โดยมีเงื่อนไขเรื่องความปลอดภัยและการจัดการระดับแสง ไม่ควรพยายามนำเอกสารที่อยู่ระหว่างการยืมกลับคืนสถาบันที่ให้ยืม จนกว่าสถาบันที่ให้ยืมและสถาบันที่ยืมมั่นใจในการดำเนินการและมีการขนส่งที่เหมาะสม การดูแลรักษาเอกสารกระดาษ National Archives ไม่ได้ให้คำแนะนำแก่ Transferring bodies ในการดำเนินการดูแลรักษา หรือ Treatment เอกสารกระดาษเป็นพิเศษหรือเฉพาะ เช่น การทำความสะอาดที่มากกว่าแบบปกติก่อนการถ่ายโอนเอกสาร เอกสารที่อยู่ใน Deposit สามารถถูกจัดการในวิธีปกติ อัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 สำหรับหน่วยงานรัฐบาล National Archives ผลิตคำแนะนำและแนวทางสำหรับหน่วยงานรัฐบาล องค์กรอื่นๆ ที่ครอบคลุมโดย Public Records Act ในรูปแบบของ FAQ ซึ่งคำแนะนำนี้ปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ และอาจเป็นที่สนใจของ Places of deposit และจดหมายเหตุอื่นๆ ที่มา National Archives. Our coronavirus response and guidance. https://www.nationalarchives.gov.uk/archives-sector/our-archives-sector-role/coronavirus-update/our-coronavirus-response-and-guidance/
นานาสาระน่ารู้
 
การปรับตัวของพิพิธภัณฑ์เพื่อเข้ากับ New normal
ตัวอย่างการปรับแนวคิดและแนวทางปฏิบัติของพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ เพื่อเข้ากับ New Normal โดยเฉพาะมาตราการความปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 พิพิธภัณฑ์หลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากต้องปิดบริการไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่การกลับมาในครั้งนี้ของพิพิธภัณฑ์มาพร้อมกับแนวคิดและแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยใหม่ ที่อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมได้เพลิดเพลินไปกับวัตถุจัดแสดงในขณะที่ลดความเสี่ยงของการแพร่กระจาย COVID-19 ตัวอย่างมาตรการความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ ได้แก่ การเข้าชมต้องจองตั๋วล่วงหน้า พิพิธภัณฑ์บางแห่งเปิดให้ผู้เข้าชมที่จองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเพียงเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อการบริหารจัดการจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวันและแต่ละรอบ โดยเฉพาะเพื่อการตอบสนองต่อมาตราการการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ในกลุ่มผู้เข้าชม เช่น Castello di Rivoli Museum of Contemporary Art หรือ Castello di Rivoli Museo d’Arte Contemporanea พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในประเทศอิตาลี และ Scuderie del Quirinale พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมในกรุงโรม ประเทศอิตาลี การจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละรอบ พิพิธภัณฑ์และหอศิลปะหลายแห่งกำหนดเงื่อนไขการเข้าชม โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละรอบ เพื่อเพิ่มพื้นที่การเว้นระยะห่างทางสังคมในกลุ่มของผู้เข้าเยี่ยมชม เช่น Galleria Borghese หรือ หอศิลป์บอร์เกเซ ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี จำกัดจำนวนผู้เข้าชม 80 คนต่อกลุ่ม และจำกัดเวลาการเดินชมต่อกลุ่ม คือ 120 นาที Scuderie del Quirinale พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมในกรุงโรม ประเทศอิตาลี จำกัดจำนวนผู้เข้าชม 6 คนต่อกลุ่ม และจำกัดเวลาการเดินชมต่อกลุ่ม คือ 80 นาที Giacometti Institute สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะของ Alberto Giacometti ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จำกัดจำนวนผู้เข้าชม 10 คนต่อกลุ่ม และจำกัดเวลาการเดินชมต่อกลุ่ม คือ 10 นาที Museum of Bavarian State Painting Collections พิพิธภัณฑ์คอลเล็กชันภาพวาดของรัฐบาวาเรียซึ่งตั้งอยู่ในกรุงมิวนิก ประเทศเยอรมัน จำกัดจำนวนผู้เข้าชมโดยวัดจากขนาดของพื้นที่ คือ 1 คน ต่อพื้นที่ประมาณ 215 ตารางฟุต การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าชม พิพิธภัณฑ์หลายแห่งไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีไข้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ โดยกำหนดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้ที่จะเข้าเยี่ยมชม เพื่อคัดกรองผู้ที่สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ เช่น Pio Monte della Misericordia โบสถ์ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเนเปิลส์ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และ Castello di Rivoli Museum of Contemporary Art พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในประเทศอิตาลี ซึ่งกำหนดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้ที่จะเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ณ ทางเข้าของพิพิธภัณฑ์ โดยผู้ที่อุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศา หรือสูงกว่า จะไม่ได้รรับอนุญาตให้เข้าพิพิธภัณฑ์ การสวมหน้ากากขณะเข้าชม Castello di Rivoli Museum of Contemporary Art หรือ Castello di Rivoli Museo d’Arte Contemporanea พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในประเทศอิตาลี กำหนดให้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ต้องสวมหน้ากากในขณะที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย COVID-19 จากละอองฝอยจากการไอหรือจาม การใช้ Gadget เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม Cathedral of Santa Maria del Fiore หรือ Florence Cathedral หรือ มหาวิหารฟลอเรนซ์ ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Gadget ชื่อ The EGOpro Social Distancing Necklace ซึ่งพัฒนาโดย บริษัท Advance Microwave Engineering มาใช้ เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคมในกลุ่มผู้เยี่ยมชมมหาวิหาร โดยอุปกรณ์นี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมาพร้อมสายคล้องคอ เพื่อให้ผู้เข้าชมคล้องคอขณะอยู่ในมหาวิหาร เมื่อผู้เข้าชมอยู่ใกล้กันเกินระยะห่างตามมาตราการความปลอดภัยด้านสุขภาพ อุปกรณ์นี้จะสั่นและมีแสงแสดงออกมา เพื่อเตือนให้ผู้เข้าชมเว้นระยะห่างกัน ทั้งนี้ผู้ทำงานของมหาวิหารฟลอเรนซ์อ้างว่ามหาวิหารเป็นสถานที่แรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในบริบทของพิพิธภัณฑ์เป็นที่แรก โดยผู้ที่จะเข้าชมมหาวิหารจะได้รับอุปกรณ์นี้ ณ ทางเข้ามหาวิหาร และส่งคืนเมื่อรับชมมหาวิหารเสร็จ ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกฆ่าเชื้อก่อนนำมาใช้ซ้ำ ชมวิดีโอแนะนำอุปกรณ์และการใช้งาน คลิกที่นี่ Castello di Rivoli Museum of Contemporary Art หรือ Castello di Rivoli Museo d’Arte Contemporanea พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในประเทศอิตาลี ได้ประกาศมาตรการสุขอนามัยภายในพิพิธภัณฑ์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 บนเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งประกอบด้วย ห้ามผู้ที่มีไข้เข้าพิพิธภัณฑ์ ทางเข้าของพิพิธภัณฑ์มีเครื่องมือวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยผู้ที่อุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศา หรือสูงกว่า จะไม่ได้อนุญาตเข้าพิพิธภัณฑ์ รักษาระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 2 เมตร ยกเว้นจุดจำหน่ายตั๋วเข้าชมซึ่งจะมีอุปกรณ์กั้น รับตั๋วเข้าชมที่จุดจำหน่ายตั๋ว และลงนามในแบบฟอร์มการอนุญาต (Authorization form) สวมหน้ากากในขณะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ใช้เจลฆ่าเชื้อล้างมือ ซึ่งมีจุดให้บริการที่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ หมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงการกอดและการจับมือกัน ห้ามสัมผัสดวงตา ปาก หรือจมูกด้วยมือ สวมถุงมือเมื่อสัมผัสผลิตภัณฑ์ใน Bookshop หรือที่ คาเฟ่ของพิพิธภัณฑ์ หลีกเลี่ยงการใช้ขวดและแก้วร่วมกับผู้อื่น ปิดปากและจมูก เมื่อจามหรือไอ ปฏิบัติตามเส้นทางการเยี่ยมชมที่ระบุ สำหรับทัวร์นำเที่ยวสามารถพบมัคคุเทศน์นำเที่ยวของคณะได้ในสถานที่ที่จัดไว้ให้ คือ ลานกลางแจ้งของพิพิธภัณฑ์ อ้างอิง Brown, K. (2020, May 19). Italy’s museums reopen, offering vibrating social-distancing necklaces and a new chance to see Rome’s once-in-a-lifetime Raphael show. Artnet News. https://news.artnet.com/art-world/italys-museums-reopen-1864938 Castello di Rivoli. https://www.castellodirivoli.org/en/visita/ People’s Daily Online. (2020, April 29). Shanghai tourist attractions require reservations in coming holiday. http://en.people.cn/n3/2020/0429/c90000-9685262.html Scimecca, A., Diehl, M., & Warner, B. (2020, May 21). Photo essay: Italy reopens museums and churches. Fortune. https://fortune.com/2020/05/21/coronavirus-italy-museums-churches-reopen-photos-covid-19/ Theresa Machemer, T. (2020, May 22). Italy’s museums reopen with vibrating social-distancing necklaces, limited admission. Smithsonian Magazine. https://www.smithsonianmag.com/smart-news/italys-museums-use-vibrating-necklaces-and-limited-groups-reopen-social-distancing-180974955/ Tsui, K. (2020, May 18). International Museum Day: Which museums around the world have reopened?. CNN. https://edition.cnn.com/style/article/museums-reopened-coronavirus/index.html
นานาสาระน่ารู้