ผลการค้นหา :

ข้อเสียของ OA (open access, การเข้าถึงแบบเปิด)
1. จำนวนวารสารเข้าถึงแบบเปิดที่มีคุณภาพสูงแตกต่างอย่างมากในสาขาวิชาต่างๆ บางสาขาวิชามีน้อยมาก2. การตีพิมพ์ในวารสารเข้าถึงแบบเปิดบางครั้งต้องการการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น ในขณะที่การตีพิมพ์ในวารสารแบบดั้งเดิมปกติสามารถทำได้ง่ายออนไลน์3. ในช่วงการเปลี่ยนแปลงสถาบันวิจัยยังไม่เตรียมสำหรับการจ่าย Author Processing Charges (APCs) ดังนั้นทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากมายที่เพิ่มขึ้นมากับนักวิจัย อย่างไรก็ตามหลายมหาวิทยาลัยปัจจุบันให้เงินสนับสนุนการเผยแพร่แบบเข้าถึงแบบเปิด4. การนำเข้าข้อมูลและฉบับเต็มของผลงานไปยังคลังเป็นงานที่เพิ่มขึ้นพิเศษของนักวิจัย5. บ่อยครั้งที่ไม่ชัดเจนว่าเนื้อหาของผลงานในคลังที่จริงสามารถเผยแพร่เป็นการเข้าถึงแบบเปิดหรือไม่ บางครั้งมีอุปสรรคเรื่องลิขสิทธิ์ที่มา: open access.nl. Advantages & Disadvantages of open access. Retrieved September 29, 2020, from https://www.openaccess.nl/en/what-is-open-access/pros-and-cons
นานาสาระน่ารู้

ข้อดีของ OA (open access, การเข้าถึงแบบเปิด)
OA เป็นประโยชน์มากคือทำให้ผลงานวิจัยได้รับการเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง 1. มีคนมากกว่าที่จะสามารถอ่านผลงานวิจัย รวมถึงคนที่ไม่สามารถเข้าถึงผลงานวิจัยเพราะว่าไม่สามารถจ่ายค่าสมัครสมาชิกวารสารที่แพง2. ความคิดใหม่ๆ สามารถถูกเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ซึ่งทำให้เกิดการศึกษาวิจัยใหม่ๆ3. งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงว่าการตีพิมพ์ใน OA เพราะว่าความสามารถที่จะมองเห็นได้ทั่วโลกโดยปราศจากอุปสรรค นำไปสู่การอ้างอิงเพิ่มขึ้นและผลกระทบมากขึ้น4. ธุรกิจยังสามารถเข้าถึงอย่างกว้างขวางความคิดทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งดังนั้นสามารถใช้ OA ทำให้เกิดเศรษฐกิจฐานความรู้และการส่งเสริมเศรษฐกิจ5. เนื่องจาก OA ยังมีความหมายถึงทำให้เกิดการใช้ซ้ำอย่างกว้างขวาง ความรู้ใหม่ๆ สามารถนำขึ้น OER (คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด) เพื่อการใช้ได้ทันทีในการสอน ที่มา: open access.nl. Advantages & Disadvantages of open access. Retrieved September 29, 2020, from https://www.openaccess.nl/en/what-is-open-access/pros-and-cons
นานาสาระน่ารู้

ประโยชน์หลักของ OA (open access, การเข้าถึงแบบเปิด)
- นักวิจัยและสถาบันได้ประโยชน์จากการมีผู้อ่านจำนวนมากนักวิจัยให้บทความแก่สำนักพิมพ์โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพราะการตอบแทนเป็นการค้นพบได้เป็นที่รู้จัก OA หมายถึงมีผู้อ่านมากขึ้น มีผู้ร่วมมือมากขึ้น มีการอ้างอิงงานเพิ่มขึ้น และเป็นที่รู้จักมากขึ้นของตัวนักวิจัยเองและสถาบัน OA ทำให้การเข้าถึงงานวิจัยดีขึ้นสำหรับทุกคน- งานวิจัยได้ประโยชน์เมื่อเทคนิคล่าสุดสามารถใช้ได้ง่ายเป็นเวลาหลายปีที่มีเครื่องมือ text and data mining ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถวิเคราะห์งานเขียนเกี่ยวกับงานวิจัยทั้งหมด, บอกแนวโน้มและการเชื่อมต่อที่ผู้อ่านไม่สามารถทำได้ ในขณะที่อุปสรรคเกี่ยวกับกฎหมายและเทคนิคของสำนักพิมพ์จำกัดการใช้ในวงกว้าง OA ทำให้ใครก็ได้สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ ซึ่งมีศักยภาพทำให้เปลี่ยนการทำวิจัย- ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาจากที่ที่ไม่คาดหวังOA เพิ่มจำนวนนักวิจัยทำวิจัยจากเพียงสถาบันที่สามารถจ่ายได้สำหรับการสมัครสมาชิกวารสารไปเป็นที่ที่มีเพียงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต- ผู้ให้ทุนลงทุนในงานวิจัยเพื่อพัฒนาความรู้สำหรับคนทั่วไปและสุดท้ายทำให้ชีวิตดีขึ้นOA เพิ่มผลตอบแทนจาการลงทุนโดยทำให้ผลจากงานวิจัยที่ได้รับทุนสามารถอ่านและใช้โดยใครก็ได้ รวมถึงอุตสาหกรรมและสังคม- ความคิดที่ดีที่สุดสามารถถูกแบ่งปันและใช้โดยคนอื่นยิ่งมีคนจำนวนมากสามารถเข้าถึงและใช้งานวิจัยใหม่ๆ ทำให้งานวิจัยมีคุณค่ามากขึ้นและมีประโยชน์มากขึ้นต่อสังคมที่มา: SPARC Europe. Key OA benefits. Retrieved September 24, 2020, from https://sparceurope.org/what-we-do/open-access/oa-benefits/
นานาสาระน่ารู้
สร้าง Mobile Application เก็บข้อมูลโดยไม่ต้องเขียนโค้ด
AppSheet เป็นเครื่องมือช่วยพัฒนา Application Mobile เมื่อพัฒนาเสร็จเเล้ว สามารถ Upload ขึ้น Playstore หรือ Appstore เพือติดตั้งที่ Smartphone หรือจะใช้งานผ่านเว็บ browser โดยที่ท่านไม่ต้องรู้การเขียนโปรแกรม เพียงมีความคิด สิ่งที่อยากทำ เเละการเชื่อมโยงข้อมูลการทำงาน ก็สามารถสร้าง Application ใน Plateform AppSheet เพื่อนำไปใช้งานได้
(more…)
นานาสาระน่ารู้

ข้อเสียของ OER (open educational resource, คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด)
- เรื่องคุณภาพ เนื่องจากคลัง OER ปล่อยให้ผู้ใช้ใครก็ได้สามารถสร้าง account และ post วัสดุ บาง post อาจไม่เข้าประเด็นและหรือไม่ถูกต้อง- เป็นอุปสรรคทางวัฒนธรรมและภาษาถึงแม้จะมีความตั้งใจสร้าง OER ให้มีหลายภาษา แต่ส่วนใหญ่จะมีเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นไม่มีประโยชน์ต่อผู้ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ไม่ใช่ OER ทั้งหมดจะเหมาะสมต่อวัฒนธรรมของผู้นำไปใช้ทุกคน- เรื่องเทคโนโลยีOER ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มั่นคงและบางครั้งอาจต้องการซอฟต์แวร์ถึงจะใช้งานได้- เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่ออนไลน์ต้องได้รับการตรวจสอบว่าไม่ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์- เรื่องความยั่งยืนเนื่องจากผู้สร้างสรรค์ OER โดยปกติไม่ได้รับค่าตอบแทนสำหรับการสร้าง ดังนั้นอาจมีแรงจูงใจน้อยสำหรับการ update หรือทำให้ OER มีอยู่ออนไลน์ ที่มา: Felician University Libraries (April 22, 2020). Advantages & Disadvantages of OER. Retrieved September 24, 2020, from https://felician.libguides.com/OER/proscons
นานาสาระน่ารู้

NSTDA Services : FOOD Industry
สวทช. กับการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้านอุตสาหกรรมอาหาร บริการด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม, บริการวิเคราะห์และทดสอบ, การถ่ายทอดเทคโนโลยี, การส่งเสริมธุรกิจ SMEs/Start-up, การพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี/อุตสาหกรรม, การเงิน ภาษีและมาตรการส่งเสริม และบริการประเมินจัดอันดับเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยด้านอุตสาหกรรมอาหาร สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงของการลงทุนวิจัย พัฒนา และเข้าใจการทำธุรกิจเทคโนโลยีดียิ่งขึ้นขึ้น
Download
เอกสารเผยแพร่

จัดการอ้างอิง และบรรณานุกรมอัตโนมัติด้วยโปรแกรม Mendeley
จัดการอ้างอิง และบรรณานุกรมอัตโนมัติด้วยโปรแกรม Mendeley
การเขียนงานวิจัยและวิชาการ เนื้อหาเป็นส่วนสำคัญในการที่จะนำเสนอผลงานเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อสาร และเมื่องานเขียนเสร็จแล้ว ซึ่งสำคัญที่ผู้เขียนจะต้องมีในเอกสารก็คือ
การอ้างอิงเนื้อหาที่ผู้เขียนไปได้ศึกษามาเพื่อเป็นบรรณานุกรมให้กับผู้ที่สนใจเพิ่มเติมจะได้ศึกษาในเรื่องนั้นๆ ต่อไป และเป็นการให้เครดิตกับเอกสารของผู้เขียนท่านนั้นที่ได้ไปศึกษาหรือตัดข้อความบ้างส่วนมากประกอบในเอกสาร ซึ่งในการเขียนอ้างอิง และบรรณานุกรมนั้น ผู้เขียนก็ต้องทราบว่าจะใช้รูปแบบใดในการอ้างอิง เช่น APA, IEEE หรือ Vancouver เป็นต้น
ในปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยในการสร้างรายการอ้างอิง และบรรณานุกรมนั้นมีมากมายทั้งที่ต้องเสียเงินและสามารถใช้งานได้ฟรี ซึ่งในครั้งนี้ขอแนะนำโปรแกรมที่ชื่อว่า Mendeley เป็นโปรแกรมที่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ฟรี ที่ทาง Elsevier ได้ซื้อมาจากผู้พัฒนา เพื่อให้นักวิจัยและนักวิชาการ สามารถสร้างรายการอ้างอิง และบรรณานุกรม ได้อย่างง่ายๆ และสะดวกรวดเร็วไม่ต้องจำรูปแบบหรือ Style ที่ใช้ในการอ้างอิง เพียงแค่เลือกชื่อ Style ที่ผู้เขียนต้องการ หรือสำนักพิมพ์ที่จะตีพิมพ์งานเขียนกำหนดมา
โปรแกรม Mendeley เป็นโปรแกรมที่ไว้ใช้บริหารจัดการบรรณนุกรมทั้งของหนังสือ และสื่อดิจิทัล เพื่อใช้ในการจัดทำบรรณานุกรมแบบอัตโนมัติรวมทั้งการอ้างอิง ให้กับเอกสารงานพิมพ์ต่างๆ หรือใช้ช่วยในการจัดทำบรรณานุกรมตามสไตล์ต่างๆ อีกทั้งเป็นเครื่องมือช่วยให้กับนักวิจัย นักวิชาการ และอื่นๆ เพื่อช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูลหนังสือ งานวิจัยต่างๆ ที่ได้ศึกษา เพื่อใช้ประกอบการอ้างอิง และสร้างบรรณานุกรมต่อไป โดยโปรแกรมนี้ยังสามารถใช้งานได้ฟรี ไม่ต้องเสียเงินซื้อเหมือนโปรแกรม ENDnote อีกด้วย แต่ด้วยความที่ว่าฟรีจึงให้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลไว้ที่ 2GB หากต้องการมากกว่านี้จะมีค่าใช้จ่ายตามความต้องการของผู้ใช้
โปรแกรม Mendeley มีความสามารถตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลบรรณานุกรม การจัดการหมวดหมู่ การอ้างอิง การแลกเปลี่ยนกับชุมชนออนไลน์ อย่างไรก็ดีการทำงานของ โปรแกรม Mendeley ต้องทำงานร่วมกับเว็บเบราว์เซอร์ Chrome, Firefox, Safari, Microsoft Edge เป็นต้น ในลักษณะของโปรแกรมเสริม (Extension) ที่อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลบรรณานุกรม การจัดเก็บ การแลกเปลี่ยน รวมทั้ง โปรแกรม Mendeley ยังได้พัฒนาโปรแกรมเสริมเพื่อการใช้งานร่วมกับ Word Processor ของ Microsoft Word ในลักษณะชุดเครื่องมือ (Toolbar) เพื่ออำนวยความสะดวกในการดึงข้อมูลบรรณานุกรมที่จัดเก็บมาจัดทำรายการอ้างอิง และรายการบรรณานุกรมท้ายเล่ม โดยสามารถศึกษาได้จากคู่มือที่ https://oer.learn.in.th/search_detail/result/166183
นานาสาระน่ารู้

ข้อดีของ OER (open educational resource, คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด)
- ขยายการเข้าถึงการเรียนรู้นักเรียนจากที่ไหนก็ได้ในโลกสามารถเข้าถึง OER ไม่จำกัดเวลา และสามารถใช้ทรัพยากรการศึกษาได้อย่างซ้ำๆ- มีความสามารถในการขยายระบบเพื่อรองรับการใช้งาน (scalability) OER เผยแพร่ไปกว้างได้ง่ายโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยหรือไม่มี- เป็นส่วนขยายวัสดุการศึกษาในชั้นเรียนOER สามารถเสริมตำราเรียนและการบรรยายการสอนซึ่งขาดรายละเอียดชัดเจน- ทำให้เนื้อหาหลักสูตรตามปกติดีขึ้นวัสดุสื่อมัลติมีเดีย เช่น วิดีโอสามารถมีเนื้อหารวมด้วย การนำเสนอรายละเอียดในหลายรูปแบบอาจช่วยนักเรียนเรียนรู้วัสดุที่ใช้ในการสอนง่ายมากขึ้น- การแพร่กระจายเร็วรายละเอียดอาจได้รับการเผยแพร่อย่างรวดเร็ว (โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับรายละเอียดที่เผยแพร่ในตำราเรียนหรือวารสารซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีจึงจะมีให้ใช้ได้) การมีให้ใช้วัสดุที่รวดเร็วอาจเพิ่มความทันต่อเวลาและหรือการเข้าประเด็นของวัสดุที่จะถูกนำเสนอ- ทำให้นักเรียนเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้ OER แทนตำราเรียนหรือหลักสูตรแบบดั้งเดิมสามารถทำให้นักเรียนเสียค่าใช้จ่ายเพื่อวัสดุในหลักสูตรน้อยกว่า- เป็นที่แสดงนวัตกรรมและความสามารถพิเศษผู้ใช้ที่กว้างอาจเรียนรู้ความสนใจงานวิจัยและความเชี่ยวชาญของคณะ - ดีต่อศิษย์เก่าOER ช่วยให้ศิษย์เก่ายังคงสามารถเชื่อมต่อกับสถาบันและเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต- วัสดุการศึกษาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เหมือนตำราเรียนและแหล่งรายละเอียดที่อยู่นิ่งๆ อื่นๆ OER สามารถได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านการแก้ไขโดยตรงโดยผู้ใช้หรือผ่านการชักชวนและรวมตัวกันของการตอบกลับของผู้ใช้ ผู้สอนสามารถใช้ OER ที่มีอยู่โดยปรับให้เหมาะสมสำหรับชั้นเรียนและทำให้ผู้อื่นสามารถใช้ที่มา: Felician University Libraries (April 22, 2020). Advantages & Disadvantages of OER. Retrieved September 24, 2020, from https://felician.libguides.com/OER/proscons
นานาสาระน่ารู้

ประโยชน์หลักของ OER (Open educational resource, คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด)
1. ช่วยผู้เรียนประหยัดค่าใช้จ่ายราคาของตำราเรียนสูงขึ้นมากเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้นักเรียนไม่สามารถจ่ายเพื่อใช้ตำราเรียนในการศึกษาได้ OER สามารถแก้ปัญหานี้เนื่องจากเป็นแหล่งของทรัพยากรการศึกษาที่สามารถใช้ได้ฟรีผ่านออนไลน์ สามารถสั่งพิมพ์ได้โดยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง และสามารถถูกเก็บรักษาตลอดไป2. ช่วยผู้เรียนได้เรียนรู้มากกว่า ถ้าผู้เรียนเข้าถึงทรัพยากรการศึกษาที่มีคุณภาพราคาตำราเรียนที่สูงขึ้นมากอย่างรวดเร็วในการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทำให้นักเรียนหลายคนไม่ใช้ตำราเรียนในการศึกษา มีหลายการศึกษาแสดงว่า 93% ของนักเรียนใช้ OER ทำได้ดีกว่านักเรียนที่ใช้ทรัพยากรการศึกษาแบบดั้งเดิม เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ง่ายเนื้อหาตั้งแต่เริ่มวันแรกของหลักสูตร3. ช่วยให้เทคโนโลยีไร้ขอบเขตทำให้การสอนและการเรียนดีขึ้นลองนึกถึงภาพการสอนที่มีผู้เข้าร่วม 100,000 คนจากทั่วโลก เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีในการศึกษาเปิดโดยสิ้นเชิง4. ช่วยให้การศึกษาดีขึ้นส่งผลให้อนาคตดีขึ้นด้วยการศึกษาแบบเปิดมีประโยชน์สำหรับเราทุกคนโดยเพิ่มการเข้าถึงการศึกษาและการสร้างระบบสำหรับการสอนและการเรียนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นที่มา: SPARC Europe. Key OER benefits. Retrieved September 24, 2020, from https://sparceurope.org/what-we-do/open-education/open-educational-resource-benefits/
นานาสาระน่ารู้

6 การประชุมเกี่ยวกับยาของสหรัฐอเมริกาที่น่าเข้าร่วมมากที่สุดในปี 2020
1. Pharmaceutical Compliance Congress (จัดระหว่าง 29 เมษายน ถึง 1 พฤษภาคม 2020 ที่ Washington DC)PCC2020 ได้รับการคาดว่าจะเป็นการประชุมเกี่ยวกับยาสำหรับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎระเบียบและกฎหมายที่ใหญ่ที่สุด เนื้อหาในการประชุมแบ่งได้เป็น 3 ส่วนคือ Enforcement and Oversight, Leadership and Innovation และ Best Practices and Frameworks ผู้บรรยายในการประชุมเป็นผู้บริหารมาจากรัฐบาล, หน่วยงานกำกับดูแล และบางหน่วยงานเกี่ยวกับยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมอยู่ระหว่าง 2,799 ถึง 3,199 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับมาจากบริษัทวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, บริษัทกฎหมาย หรือเป็นที่ปรึกษา มีส่วนลดให้กับการลงทะเบียนเข้าร่วมล่วงหน้า 2. Interphex (จัดระหว่าง 28 ถึง 30 เมษายน 2020 ที่ New York, NY)เป็นเวลามากกว่า 41 ปี ที่การประชุมนี้เป็นที่รู้จักและมีผู้เข้าร่วมมากที่สุดในอุตสาหกรรมยา, เทคโนโลยีชีวภาพ และเครื่องมือแพทย์ การประชุมเมื่อปีที่แล้วมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 10,000 คน และมี 625 vendors เป็นไปได้ว่าในการประชุมปี 2020 จะมีตัวเลขมากกว่านี้ เนื้อหาในการประชุมปีนี้ครอบคลุมเรื่อง Development, Compliance and Quality, Inspection and Distribution และ Data and Information Management คนในวงการอุตสาหกรรมเสียค่าลงทะเบียนเข้าร่วมเพียง 20 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าลงทะเบียนล่วงหน้าหลายสัปดาห์ 3. International Conference on Medical, Biological and Pharmaceutical Sciences (ICMBPS, วันและสถานที่จัดการประชุม ICMBPS2020 จะประกาศต้นปี 2020)ICMBPS ครั้งที่ 634 จัดขึ้นระหว่าง 27 ถึง 28 มิถุนายน 2019 ที่ Osaka ประเทศญี่ปุ่น การประชุม ICMBPS จัดโดย the International Academy of Science, Technology, Engineering, and Management (IASTEM) ด้วยจุดประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานวิจัยระหว่างสถานศึกษาและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ให้โอกาสกับนักวิจัย, ผู้เชี่ยวชาญ และนักเรียนได้เผยแพร่ผลงานที่ได้รับการยอมรับจากการประชุม รายงานการประชุมได้รับการเผยแพร่โดย the World Research Library และนำเข้า Google Scholar เพื่อจัดทำดัชนี4. Bio/pharmaceutical Product Launch Summit (การประชุมเป็นไปได้ว่าจะจัดในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2020 ที่ Eastern US)การประชุมเมื่อปีที่แล้วนำเสนอประเด็นสำคัญและการอภิปรายระหว่างคนในวงการอุตสาหกรรม ผู้เข้าร่วมการประชุมยังได้มีส่วนร่วมในภาคปฏิบัติ กลุ่มเป้าหมายของการประชุมคือคนที่ทำงานเกี่ยวกับการจัดการผลิตภัณฑ์, การปล่อยผลิตภัณฑ์, การตลาด, การกระจาย และสาขาอื่นๆ ที่คล้ายกัน ปีที่แล้วค่าลงทะเบียนเข้าร่วมเป็น 1,699 ถึง 2,099 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรม มีส่วนลดสำหรับการลงทะเบียนล่วงหน้า5. Pharma Forum 2020 (จัดระหว่าง 8 ถึง 11 มีนาคม 2020 ที่ New York, NY)เจ้าภาพจัดการประชุมพูดว่าเป็นการประชุมวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ใหญ่และยอดเยี่ยมที่สุดในโลก จัดขึ้นทุกปีสำหรับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยา, เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ มีการประชุมเกี่ยวกับ compliance, customer experience และ events management ผู้บรรยายในหัวข้อที่น่าสนใจเป็นผู้บริหารจาก the American Medical Association (AMA), Massachusetts General Hospital, Celgene และ Merck ได้รับการคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมระหว่าง 2,000 และ 5,000 คน และ 20 ถึง 50 ผู้จัดนิทรรศการ6. PharmScience Research & Development (จัดระหว่าง 24 ถึง 26 กุมภาพันธ์ 2020 ที่ Los Angeles, CA)การประชุมจัดให้มีการอภิปรายที่เข้มข้นและงานวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของยา (pharmaceutical sciences) ในหัวข้อ Drug discovery and development, Safety, Nanotechnology และ Regulatory affairs ผู้บรรยายในการประชุมมาจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและสถานศึกษา ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมในส่วนของภาคธุรกิจอยู่ระหว่าง 999 ถึง 1,249 ดอลลาร์สหรัฐ มีส่วนลดอย่างมากสำหรับผู้เข้าร่วมการประชุมที่เป็นนักเรียนและมาจากสถานศึกษาที่มา: Robert Fenton (February 20, 2020). The 6 Best US Pharmaceutical Conferences to Attend in 2020. Retrieved September 22, 2020, from https://www.qualio.com/blog/us-pharmaceutical-conferences-2020
นานาสาระน่ารู้

4 ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์เปลี่ยนวิทยาศาสตร์ชีวภาพในปี 2020
ในปีนี้ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อแก้ปัญหาโรคโควิด 19 ตัวอย่างเช่น Johnson & Johnson และ Abbott Laboratories กำลังพัฒนา PPE (Personal protective equipment, อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล) เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพทั่วโลกผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์อันดับต้นๆ มีแผนการจะทำอะไรบ้างในปีนี้1. Johnson & Johnson เป็น player หลักในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสุขภาพเป็นเวลามากกว่า 130 ปี โดยมีพนักงานมากกว่า 130,000 คน และร่วมมือกับผู้ประกอบการเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นด้วยการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ด้วยกลัวว่าโรคโควิด 19 จะมีผลต่อการใช้ชีวิตของชาวอเมริกัน บริษัทจึงพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อสู้และขจัดไวรัส เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ร่วมมือกับกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐว่าจะผลิตและกระจาย 1 พันล้านวัคซีนทั่วโลก 2. Abbott Laboratoriesทำธุรกิจเป็นเวลามากกว่า 130 ปี มีพนักงานมากกว่า 107,000 คน ใน 160 ประเทศ เป็นผู้นำตลาดเกี่ยวกับการตรวจติดตามกลูโคส, การตรวจเลือดและพลาสมา, อาหารเด็กและผู้ใหญ่, เครื่องปั้มสูบฉีดเลือด, การติดตามภาวะหัวใจล้มเหลวระยะไกล, การทดสอบ point of care และเครื่องมือการปวดเรื้อรัง บริษัทได้พัฒนาการทดสอบใหม่สำหรับโควิด 19 ที่ใช้เวลาเพียง 5 นาที3. Novartis AGประกอบด้วย 2 บริษัทย่อยคือ Novartis Pharmaceuticals และ Novartis Oncology ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนายาเพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยและทำให้คุณภาพการดูแลดีขึ้น มีทีมทำการทดสอบทางคลินิกเพื่อให้ได้การรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งสามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด 19 ขณะนี้กำลังทดสอบยา Jakavi (ruxolitinib) เพื่อช่วยผู้ป่วยด้วย cytokine storm (ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อไวรัสอย่างรุนแรงและทำให้เกิดอาการทางระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นในผู้ป่วยโรคโควิด 19)4. Medtronicมีบริษัทมากกว่า 350 แห่งตั้งอยู่ในมากกว่า 150 ประเทศ โดยปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 86,000 คน บริษัทมุ่งไปที่การให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูงและมีค่าใช้จ่ายน้อย กำลังให้ความสนใจมากในการผลิตเครื่องช่วยหายใจ (ventilators), เครื่องตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (pulse oximeters) และผลิตภัณฑ์ ECMO นอกจากนี้บริษัทยังปรับการบริการจัดการการดูแล (Medtronic Care Management Services) เพื่อการติดตามและการดูแลผู้ป่วยในระยะไกลที่มา: Robert Fenton (September 8, 2020). 4 Medical Device Manufacturers Revolutionizing Life Sciences in 2020. Retrieved September 18, 2020, from https://www.qualio.com/blog/medical-device-manufacturers
นานาสาระน่ารู้

แนวโน้มตลาดทั่วโลกของ in vitro diagnostics (IVD, การวินิจฉัยในหลอดทดลอง) ทำนายตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2026
ขนาดตลาดทั่วโลกของ IVD มีมูลค่า 61.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2018 และคาดว่าจะมีมูลค่า 87.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2026 โดยมีค่า CAGR เท่ากับ 4.5% ระหว่างช่วงปีการทำนาย IVD คือเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการทดสอบกับสิ่งส่งตรวจที่อาจเป็นปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อ เพื่อช่วยบ่งชี้การติดเชื้อ ติดตามการรักษาด้วยยา และวินิจฉัยภาวะเกี่ยวกับการแพทย์ต่างๆ การนำเทคนิคใหม่มาใช้เพื่อการวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มความต้องการการบริการ IVD ส่งผลให้เกิดการขยายของธุรกิจในช่วงปีการทำนาย ตลาด IVD ขยาย เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพ, เครื่องมือวินิจฉัยได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพ และมีการทดสอบเพิ่มขึ้น ตัวขับเคลื่อนตลาดคือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของระบบวินิจฉัยที่รวดเร็ว, ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเฉพาะบุคคล การให้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆ ในส่วนสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งปัจจัยที่อาจเพิ่มตลาดทั่วโลกระหว่างช่วงปีการทำนาย การเกิดมากขึ้นของโรคติดเชื้อทำให้มีความต้องการการวินิจฉัยโรคเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่คาดว่าจะขับเคลื่อนการขยายตลาด การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความต้องการของเครื่องมือ IVD ทำให้เกิดการขับเคลื่อนการขยายตลาด การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น, การใช้ชีวิตแบบอยู่นิ่งๆ (sedentary lifestyle) และการชอบอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป็นปัจจัยหลักที่เพิ่มการเกิดโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความต้องการของการทดสอบในหลอดทดลอง การเพิ่มขึ้นของการนำมาใช้และความต้องการเครื่องมือ point of care (POC, ณ จุดดูแลผู้ป่วย) คาดว่าทำให้เกิดการขยายตลาด นอกจากนี้การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น biochips และเทคโนโลยีชีวภาพนาโน เป็นไปได้ว่าจะเพิ่มความต้องการเครื่องมือ POC ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยการเข้าถึงการทดสอบวินิจฉัย POC ง่ายขึ้นและทำให้เกิดผลการทดสอบที่ถูกต้องและรวดเร็ว ดังนั้นกระตุ้นความต้องการเครื่องมือวินิจฉัยในหลอดทดลอง ผลคือปัจจัยที่กล่าวมาได้รับการคาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดการขยายตลาดระหว่างช่วงปีการทำนาย การลงทุนเพิ่มขึ้นโดย player หลักของตลาด ในการพัฒนาเครื่องมือทดสอบที่รวดเร็วและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดการขยายตลาด REPORT SCOPE & SEGMENTATION ภาพด้านบนแสดงตลาด IVD สามารถแบ่งตามชนิดผลิตภัณฑ์ (by product type), เทคนิค (by technique), การประยุกต์ใช้ (by application), ผู้ใช้ (by end user) และภูมิภาค (by geography) โดยถ้าแบ่งตามชนิดผลิตภัณฑ์จะได้เป็นดังตารางด้านบนคือ instruments (เครื่องมือ) และ reagents and consumables (น้ำยาและวัสดุสิ้นเปลือง) - By product type analysis ส่วน reagents and consumables เหนือกว่าในชนิดผลิตภัณฑ์เนื่องจากถูกใช้มากใน IVD การเพิ่มขึ้นของงานวิจัยและพัฒนาเพื่อการวินิจฉัยโรคเรื้อรังเป็นปัจจัยหลักหนึ่งซึ่งกระตุ้นความต้องการ reagents and consumables นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของความต้องการและการนำมาใช้ของการทดสอบด้วยตนเองและเครื่องมือ POC จะเพิ่มความต้องการของ reagents and consumables ด้วย การเพิ่มขึ้นของจำนวนการทดสอบ IVD เป็นปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการขยายของส่วน reagents and consumables ส่วน instruments คาดว่าจะขยายช้ากว่า เครื่องมือด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและการเกิดขึ้นของเครื่องมือทดสอบที่รวดเร็วเป็นบางปัจจัยขับเคลื่อนการขยายของส่วน instruments - By application analysis Infectious diseases เหนือกว่าในการประยุกต์ใช้และคาดว่าจะขยายมากในช่วงปีการทำนาย การเกิดมากขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั่วโลก เป็นไปได้ว่าจะเพิ่มความต้องการเครื่องมือ IVD ปัจจัยดังที่กล่าวมานี้คาดว่าจะทำให้เกิดการขยายของส่วน cardiology ผลคือจะเพิ่มตลาด IVD ส่วน oncology มีส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญและมีค่า CAGR ที่สำคัญระหว่างช่วงปีการทำนาย การลงทุนเพิ่มขึ้นโดยสถาบันวิจัยและ player หลักของตลาดในการพัฒนาเครื่องมือการทดสอบในหลอดทดลองที่ง่ายและรวดเร็วใน oncology เป็นปัจจัยหลักหนึ่งที่ขับเคลื่อนการขยายของส่วน oncology - By technique analysis หลายเทคนิคใช้ใน IVD คือ immunodiagnostics, clinical chemistry, molecular diagnostics, POC, hematology และอื่นๆ ส่วน immunodiagnostics มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด การเกิดมากขึ้นของโรคเรื้อรังและโรคติดเชื้อ และความต้องการที่มากขึ้นของการวินิจฉัยแต่แรกเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดการขยายของส่วน immunodiagnostics ส่วน molecular diagnostics ได้รับการคาดว่าจะขยายด้วยค่า CAGR ที่สำคัญในช่วงปีการทำนาย ส่วน clinical chemistry มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ส่วน POC ได้รับการคาดว่าจะขยายด้วยค่า CAGR ที่สำคัญในช่วงปีการทำนาย เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นของการวินิจฉัยการทดสอบ POC ความต้องการการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วทั่วโลกเป็นปัจจัยหลักหนึ่งที่เป็นไปได้ว่าเร่งการขยายของส่วน POC - By end user analysis ภาพด้านบนแสดงทั่วโลก clinical laboratories มีส่วนแบ่งตลาด IVD สูงที่สุดที่ 54.2% ในปี 2018 ถัดจาก clinical laboratories hospitals ได้รับการคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ความต้องการที่สูงของการทดสอบ IVD ที่เนื่องจากการเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ขับเคลื่อนการใช้การทดสอบ IVD ในส่วน hospitals ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ biosensors, pregnancy kits และ glucose meters เพื่อผลที่ถูกต้องและรวดเร็วเป็นบางปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการขยายของส่วน physician’s offices ด้วยอัตราเร็วกว่า การเกิดมากขึ้นของโรคหัวใจและโรคเบาหวาน และการเกิดมากขึ้นของโรคติดเชื้อในประเทศกำลังพัฒนาเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนความต้องการการทดสอบ POC การใช้ที่เพิ่มขึ้นของเครื่องมือ POC ภายใน hospitals และ physician’s offices โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล เป็นตัวกระตุ้นความต้องการการทดสอบ POC และดังนั้นทำให้เกิดการขยายของส่วน hospitals และ physician’s offices - By geography analysis อเมริกาเหนือสร้างรายได้เท่ากับ 23.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 และได้รับการคาดว่าเด่นในตลาด IVD ทั่วโลกระหว่างช่วงปีการทำนาย ระเบียบรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับ, โครงสร้างพื้นฐานการวินิจฉัยที่มั่นคง, การนำเทคนิคการวินิจฉัยที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ และการมี players หลักที่โดดเด่นในตลาด เป็นบางปัจจัยที่สำคัญที่คาดว่าจะขับเคลื่อนตลาดในอเมริกาเหนือ เอเชียแปซิฟิกได้รับการคาดว่าจะขยายด้วยค่า CAGR ที่สำคัญในระหว่างช่วงปีการทำนาย การเกิดเพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคติดเชื้อ และการพัฒนาเร็วของโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย และจีน ได้รับการคาดว่าจะเพิ่มความต้องการเครื่องมือ IVD ปัจจัยที่กล่าวมาได้รับการคาดว่าจะขับเคลื่อนการขยายตลาดในเอเชียแปซิฟิกที่เร็วกว่า ส่วนยุโรปมีการขยายที่สำคัญในตลาดทั่วโลก ประเทศที่มีรายได้สูงได้แก่ เยอรมัน สหราชอาณาจักร และสเปน ได้รับการคาดว่าจะทำให้เกิดการขยายตลาดในยุโรป ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและการนำเครื่องมือการทดสอบ POC มาใช้เพิ่มขึ้นเป็นบางปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการขยายตลาดในยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกาได้รับการคาดว่าจะมีการขยายตลาดสูง เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี, โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับโรงพยาบาลขยายอย่างรวดเร็ว และการเข้ามาของ players ทั่วโลก นอกจากนี้ลาตินอเมริกายังได้รับการคาดว่าจะขยายด้วยค่า CAGR ที่สำคัญในช่วงปีการทำนาย Siemens Healthcare, Abbott Laboratories, F. Hoffmann-La Roche Ltd และ Thermo Fischer Scientific Inc. มีส่วนแบ่งตลาดเด่นโดยมีเครื่องมือสำหรับการบ่งชี้และการวิเคราะห์โรคหลากหลาย ที่มา: Fortune Business Insights. In Vitro Diagnostics Market Size, Share & Industry Analysis, By Product Type (Instruments, Reagents & Consumables), By Technique (Immunodiagnostics, Clinical Chemistry, Molecular Diagnostics, Point of Care, Hematology and Others), By Application (Infectious Diseases, Cardiology, Oncology, Gastroenterology, Others), By End User (Clinical Laboratories, Hospitals, Physicians Offices, Others) and Regional Forecast, 2019-2026. Retrieved August 14, 2020, from https://www.fortunebusinessinsights.com/industry-reports/in-vitro-diagnostics-ivd-market-101443
นานาสาระน่ารู้