หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
วิทย์สู้ FLOOD : การจัดการยานยนต์ไฟฟ้า(EV) รถไฮบริด และรถปลั๊กอินไฮบริด เบื้องต้น จากเหตุจมน้ำ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อว. โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. . ร่วมกับ . วิทยาลัยเทคนิคสงขลา วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร . จัดกิจกรรมให้ความรู้ . วิทย์สู้ FLOOD : การจัดการยานยนต์ไฟฟ้า(EV) รถไฮบริด และรถปลั๊กอินไฮบริด เบื้องต้น จากเหตุจมน้ำ วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 – 15.00 น. ณ วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/DFGYhM9wkA6jPHwcA
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. ส่งมอบถุงยังชีพและน้ำยาล้างทำความสะอาด ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. เป็นตัวแทนของพนักงานสวทช.ที่ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของ ประกอบด้วย ถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของที่จำเป็นจำนวน 320 ชุด รวมทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อ ENERclean นวัตกรรมจาก ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) 50 ลิตร เพื่อนำไปทำความสะอาดบ้านพักอาศัยและฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้กับ ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. เพื่อประชาชน โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และ ดร.วันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. เป็นผู้แทนรับมอบ ชาว สวทช. ขอร่วมส่งความห่วงใยและกำลังใจ แด่พี่น้องประชาชนชาวหาดใหญ่ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัย ขอให้ทุกท่านปลอดภัยและสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้โดยเร็ววัน
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. ชูศักยภาพด้านการทดสอบความปลอดภัยระดับโลก “TBES-NSTDA” ผ่านการรับรอง OECD GLP ยกระดับระบบโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของไทย
(วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568): ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวง อว. อาคารพระจอมเกล้า: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในการยกระดับมาตรฐานห้องปฏิบัติการของไทย สู่ระดับสากล เนื่องจากศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิทยา (Toxicology and Bio Evaluation Service Center หรือ TBES) ภายใต้ สวทช. ได้รับมอบ ประกาศนียบัตร Certificate of Compliance to OECD Principles of GLP (Good Laboratory Practice) ในขอบข่ายการศึกษาทางพิษวิทยา จากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตอกย้ำความน่าเชื่อถือและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) อย่างสมบูรณ์ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. เข้ารับมอบประกาศนียบัตรจาก นายสุรศักดิ์ หมื่นพล ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ พร้อมด้วย ดร.ภัทราวดี พลอยกิติกูล (รักษาการ) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทีมวิจัยเข้าร่วมแสดงความยินดี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในวาระสำคัญนี้ TBES เป็นโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญของ สวทช. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทดสอบความปลอดภัยในระยะก่อนคลินิก (Pre-clinical safety testing) สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพและการแพทย์ เช่น เครื่องสำอาง สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน โดยการได้รับรอง OECD GLP ในขอบข่ายการศึกษาทางพิษวิทยาครั้งนี้ สะท้อนถึง ศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ในการยกระดับความน่าเชื่อถือของระบบการทดสอบด้านความปลอดภัยให้ทัดเทียมสากล และสนับสนุนความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นสมาชิก OECD อันจะส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ และเสริมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของชาติในระยะยาว “สิ่งที่ TBES เน้นย้ำ คือ การให้บริการทดสอบด้วย วิธีทางเลือกทดแทนการใช้สัตว์ทดลอง (Alternatives to animal testing) ซึ่งเป็นแนวโน้ม (Global Trend) ของงานวิทยาศาสตร์ระดับโลก และสอดคล้องกับกฎระเบียบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ในระดับนานาชาติ ที่กว่า 40 ประเทศทั่วโลกได้ยกเลิกการทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในสัตว์ทดลองแล้ว” ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าว นายสุรศักดิ์ หมื่นพล ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การที่ TBES สวทช. ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยที่ดำเนินการสอดคล้องตาม หลักการ OECD GLP ถือเป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย OECD GLP คือ มาตรฐานระดับโลก ที่สร้างความเชื่อมั่นว่า ข้อมูลการทดสอบด้านความปลอดภัยที่ผลิตจากห้องปฏิบัติการนี้มีความถูกต้อง แม่นยำ และเป็นที่ยอมรับร่วมกันในกว่า 38 ประเทศสมาชิก OECD รวมถึงประเทศที่มีการใช้หลักการ GLP อื่น ๆ ทั่วโลก “การรับรองนี้จึงมิใช่เพียงการรับรองห้องปฏิบัติการหนึ่งแห่ง แต่เป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์สุขภาพและการแพทย์ของไทย ที่จะสามารถนำผลการทดสอบจาก TBES ไปใช้ในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่ต้องทดสอบซ้ำ เป็นการลดภาระทางต้นทุนและเวลาของผู้ประกอบการไทย และเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-economy) และอุตสาหกรรมด้านสุขภาพของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายสุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
การประชุมวิชาการ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริ
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 08.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดการประชุมวิชาการการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ ประจำปี 2568 “70 พรรษามหามงคล เด็กและเยาวชนร่วมสืบสานการเกษตรและรักษ์สิ่งแวดล้อม” ณ BANGKOK THONBURI HALL มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กรุงเทพมหานคร ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และนางเยาวลักษณ์ คนคล่อง ผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานหน่วยงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนากำลังคนและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จและถวายของที่ระลึก ซึ่งเป็นผลงานของนักเรียนในโครงการตามพระราชดำริ ที่สวทช. ได้เข้าไปดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับครูและนักเรียน จำนวน 2 ชุด ได้แก่ 1) ชุด Mini Terrarium ที่ประกอบด้วยต้นอนูเบียส ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่โครงการฯ ส่งเสริมการเรียนรู้การปลูก การขยายพันธุ์ การดูแลต้น และการสร้างตลาดจำลอง ให้ครูและสามเณรนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม นำร่อง 4 โรงเรียนจากจังหวัดน่าน แพร่ เชียงราย และศรีสะเกษ 2) ชุดผ้าคลุมย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจากการออกแบบชิ้นงานในโครงการนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่การเป็นนักธุรกิจกน้อย ของโรงเรียนบ้านโคกสุม อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของ สวทช. ด้านการส่งเสริมวิชาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนากำลังคนกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผลงานของนักเรียนทั้งสองกลุ่มนี้ เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากกิจกรรมในพื้นที่นราธิวาสสู่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และองค์ความรู้จากบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรสู่โรงเรียนในพื้นที่ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน เป็นพื้นที่เรียนรู้ ปลูกฝังความรักและความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ ผ่านกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยวิธีการที่สนุก เข้าใจง่าย และเน้นการลงมือปฏิบัติจริง ไปจนถึงการพัฒนาทักษะเชิงลึกของผู้ที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ ผ่านค่ายวิทยาศาสตร์ และโครงงานที่ต่อยอดความรู้สู่การสร้างนวัตกรรม
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. สถาบันเกอเธ่ฯ และพันธมิตรภาคเอกชน เปิดชมเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร จ.ปทุมธานี
(วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568) บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. ร่วมกับสถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย และเครือข่ายพันธมิตร จัดกิจกรรมพิเศษพร้อมฉายภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ภายใต้งาน Science Film Festival ระหว่างวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2568 เพื่อช่วยส่งเสริมความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และกระตุ้นการตระหนักถึงประเด็นปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้กับเหล่าเยาวชนและผู้สนใจทั่วไปที่ร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ในปีนี้ มีการนำเสนอภาพยนตร์ทั้งหมด 28 เรื่องจาก 14 ประเทศ ในหัวข้อ “งานสีเขียว” ที่พูดถึงอาชีพที่ยั่งยืนและทักษะที่เยาวชนต้องมีเพื่อสร้างอนาคตที่น่าอยู่ พร้อมเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจผ่านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และภาพยนตร์ให้กับผู้ชมทั่วประเทศไทย ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. บรรยายพิเศษในหัวข้อ “เปิดโลกการเรียนรู้ เปิดประตูสู่บ้านวิทย์ฯ” มีผู้แทนจากเครือข่ายพันธมิตร ผู้สนับสนุนการจัดงาน คณาจารย์ และนักเรียนจากโรงเรียนวัดป่างิ้ว และโรงเรียนเทศบาลท่าโขลง 1 เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ทั้งนี้ เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ 2025 จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองปีที่ 21 ในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เริ่มจัดเทศกาลนี้ตั้งแต่ปี 2548 โดยสถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) พร้อมด้วย โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ที่เป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การฉายภาพยนตร์ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. มีโปรแกรมพิเศษ สำหรับบุคลากร สวทช. และบุคคลทั่วไป เวลา 12.00-12.30 น. สามารถร่วมชมภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ได้ ณ ห้อง Lecture 2 อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ติดตามโปรแกรมภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ: บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สำหรับเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ Science Film Festival จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึง 20 ธันวาคม 2568 ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เช่น องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หอภาพยนตร์ อุทยานการเรียนรู้ TK Park อุทยานการเรียนรู้เมืองนครศรีธรรมราช (CLP) ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ) และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั้ง 18 แห่งทั่วประเทศ โดยภาพยนตร์ทุกเรื่องจะมีเสียงพากย์หรือคำบรรยายภาษาไทย เพื่อให้เยาวชนสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย เทศกาลนี้ยังคงได้รับความสนใจจากนักเรียนหลายแสนคนทั่วประเทศในทุกปี    
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
Traffy Fondue เปิดรับแจ้งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหาดใหญ่
🚨 Traffy Fondue เปิดรับแจ้งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบ อุทกภัย ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 🆘 แจ้งขอความช่วยเหลือ🌊 แจ้งสถานการณ์น้ำท่วม🎁 ประสงค์บริจาคสิ่งของ 📲 แจ้งทันทีที่ Traffy Fondue 🤝 เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน 💙 https://youtube.com/shorts/vQNvzshtTMw?si=x2ToXXUARfnH5Bmv
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
สวทช. โดย Software Park Thailand ร่วมงาน CDIC 2025 ยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ รับมือ Quantum Supremacy และ AGI เทคโนโลยีแห่งอนาคต
Software Park สวทช. ชูความสำคัญของ Cybersecurity ต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Quantum และ AGI วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ดร.ภัทราวดี พลอยกิติกูล ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกล่าวในพิธีเปิด “โครงการอบรมการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 24 (The Cyber Defense Initiative Conference: CDIC 2025)” งานสัมมนาด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2568 โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ดร.ภัทราวดี พลอยกิติกูล กล่าวว่า CDIC 2025 เป็นงานสัมมนาประจำปีที่ใหญ่ที่สุดด้าน Cybersecurity Conference ของประเทศ รวบรวมองค์ความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์ ถ่ายทอดโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “Quantum Supremacy and The Road to AGI: Revolutionizing Cybersecurity for a Resilient and Trusted Digital Future” ซึ่งเป็นการบรรจบกันของ Quantum Supremacy ที่มีพลังในการถอดรหัสอย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยี AGI (Artificial General Intelligence) ที่เตรียมปฏิวัติแนวทางการป้องกันภัยด้วยระบบอัจฉริยะ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคต ทั้ง 2 เทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้จะทำให้ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ CDIC 2025 จึงเป็นเวทีสำคัญที่มุ่งเน้นการปฏิวัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อนำพาองค์กรให้เตรียมพร้อมสู่อนาคตไซเบอร์ ตั้งแต่การพัฒนา Post-Quantum Cryptography เพื่อเป็นแนวทางในการรับมือกับภัยคุกคามใหม่ ไปจนถึงการเสริมความแข็งแกร่งของศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัย (SOC) ผ่านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AGI และ Agentic AI สำหรับ CDIC 2025 ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สวทช. โดยเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย, คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด สมาคมผู้ตรวจสอบและควบคุมระบบสารสนเทศ ภาคพื้นกรุงเทพฯ (ISACA Bangkok Chapter) และสมาคม The International Information System Security Certification Consortium (ISC2) ประเด็นสัมมนาและหลักสูตรอบรมจาก สวทช. ที่น่าสนใจ ภายในงาน CDIC 2025 ได้รวบรวมประเด็นสัมมนาที่เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมสู่อนาคตไซเบอร์ เช่น การพัฒนา Post-Quantum Cryptography เพื่อรับมือภัยคุกคามใหม่ การเสริมความแข็งแกร่งของศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัย (SOC) ผ่านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AGI และ Agentic AI การสร้าง Digital Trust ด้วย Generative AI การวางกลยุทธ์รับมือกับ Cyber Warfare รูปแบบใหม่ ที่ AI เป็นหัวใจหลักของการโจมตีและการป้องกัน การอัปเดตแนวทางกำกับดูแล AI จากปัญหา Hallucination สู่ Regulation ใหม่ การเตรียมพร้อมรับกับกฎหมายไซเบอร์ในโลก Quantum และ AGI การสร้างความแข็งแกร่งด้าน Cyber Resilience ในระดับชาติ นอกจากนี้ยังมีการสาธิตเทคนิคการเจาะระบบหลายรูปแบบ CDIC2025 Live Show สาธิตการทำงานของภัยคุกคามจาก AI และ Quantum Computing และแนวทางป้องกัน  ในส่วนของ สวทช. โดยเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย ได้ร่วมออกบูทเพื่อนำเสนอหลักสูตรอบรมการเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับเตรียมพร้อมรับภัยคุกคามใหม่ เช่น หลักสูตร Cyber-Security Technology for IT Pro, หลักสูตร Digital Forensics Unlocking the Secrets และหลักสูตร Computer Forensics Awareness & Incident Response Training ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cdicconference.com/ ป
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ “วิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก” ครั้งที่ 18 (i-CREATe 2025)
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพมหานคร: สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง “วิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก” ครั้งที่ 18 (The 18th International Convention on Rehabilitation Engineering and Assistive Technology) หรือ i-CREATe 2025 ซึ่งเป็นการประชุมวิชาการนานาชาติและเวทีประกวดนวัตกรรมด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อส่งเสริมและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง จัดโดยมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ กลุ่มความร่วมมือด้านวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งเอเชีย (CREATe Asia)  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้แนวคิด “Empowering Lives: Human-Centered Innovation in Health, Wellness, Aging, and Abilities” โดยครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน i-CREATe ส่วนครั้งอื่นๆ เป็นการเวียนไปจัดในประเทศหรือเขตเศรษฐกิจที่มีหน่วยงานที่เป็นสมาชิกของ CREATe Asia อยู่ อาทิ จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เป็นต้น   งานประชุม i-CREATe 2025 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้พิการและผู้สูงอายุ งาน i-CREATe ถือเป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการและผู้สูงอายุ โดยงานนี้จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 18 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จัดในประเทศไทยและสิงคโปร์ เวียนสลับกันเป็นเจ้าภาพ จนปัจจุบันได้เติบโตสู่เครือข่ายความร่วมมือระดับเอเชีย (CREATe Asia)  งานนี้เป็นงานที่เป็นศูนย์รวมของบุคลากรทางการแพทย์ วิศวกร นักวิจัย ผู้ประกอบการ และนักศึกษาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาร่วมบรรยาย หรือจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop)  โดยงานปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2568 โอกาสนี้มีผู้ร่วมรับเสด็จฯ ประกอบด้วยศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี รองศาสตราจารย์ ดร. จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ หรือ BART LAB คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานการจัดประชุมวิชาการ i-CREATe 2025 นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ประธานกลุ่มความร่วมมือวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งเอเชีย และ Prof. Hongliu Yu ว่าที่ประธานกลุ่มความร่วมมือวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งเอเชีย และ General Co-Chair งานประชุมวิชาการนานาชาติฯ เนื้อหาของการประชุมฯ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  ที่ทรงให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้เกิด“การมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการและผู้สูงอายุ” ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ และประธานคณะอำนวยการจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ i-CREATe 2025 กล่าวว่า  “การประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิศวกรรมฟื้นฟูและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก i-CREATe 2025 ครั้งที่ 18 นี้ นับเป็นโอกาสอันเป็นมงคลยิ่ง เนื่องจากจัดขึ้นในวาระเฉลิมฉลองในโอกาสสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา พ.ศ. 2568 การประชุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือของ 4 หน่วยงานหลัก และประเทศไทยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพเป็นครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ “Empowering Lives: Human-Centered Innovation in Health, Wellness, Aging, and Abilities” เพื่อส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการและผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กิจกรรมสำคัญในงาน ประกอบด้วย การบรรยายปาฐกถาพิเศษและการนำเสนอผลงานวิชาการ การอบรมเชิงปฏิบัติการ การแข่งขันนวัตกรรมนักศึกษาระดับนานาชาติ (gSIC) และนิทรรศการเทคโนโลยี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กราบบังคมทูลเบิกผู้ชนะเลิศการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุระดับนานาชาติ ด้านนวัตกรรมการออกแบบ ประจำปี 2568 จำนวน 11 ราย และผู้ชนะเลิศการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุระดับนานาชาติ ด้านเทคโนโลยี ประจำปี 2568 จำนวน 18 ราย เข้ารับพระราชทานรางวัล การประกวดนวัตกรรมนานาชาติ gSIC 2025 โครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุระดับนานาชาติ (Global Student Innovation Challenge - gSIC 2025) เป็นเวที สำคัญต่อสังคมผู้สูงอายุและคนพิการ ไม่ใช่เพียงการแข่งขันเพื่อชิงรางวัล แต่มีเป้าหมายหลักในการลดช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยี โดยผลงานมุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่ผู้สูงอายุและคนพิการต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน อาทิ อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ลดภาระผู้ดูแล เทคโนโลยีสื่อสารทางเลือกสำหรับผู้ป่วยติดเตียง หรืออุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพที่สามารถทำกายภาพบำบัดได้เองที่บ้าน โดยปีนี้มีทีมเยาวชนตัวแทนระดับประเทศกว่า 25 ทีม จาก 8 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ จีน จีนไทเป อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลียอียิปต์ สาธารณรัฐเกาหลี และไทย แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทผลงานด้านการออกแบบนวัตกรรมสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (Design Category) และประเภทผลงานด้านเทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (Technology Category) ความร่วมมือระดับนานาชาติและการตีพิมพ์ใน IEEE Xplore รองศาสตราจารย์ ดร. จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ หรือ BART LAB คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานการจัดประชุมวิชาการ i-CREATe 2025 กล่าวว่า “งาน i-CREATe 2025 ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (IEEE), สมาคมสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย และสมาคม IEEE Robotics and Automation Society Thailand Chapter) หรือ IEEE Thailand Section ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และผลงานวิจัยในสาขาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งบทความวิจัยที่ผ่านการพิจารณาจาก i-CREATe จะถูกตีพิมพ์ใน IEEE Xplore® Digital Library ซึ่งเป็นคลังข้อมูลทางวิชาการและเทคโนโลยีชั้นนำระดับสากล สร้างประโยชน์และเป็นแหล่งอ้างอิงสำคัญสำหรับนักวิจัยและนักพัฒนาทั่วโลก และเพื่อขยายขอบเขตทางวิชาการและส่งเสริมการทำงานร่วมกันแบบสหวิทยาการ ตลอดจนขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรม สู่สังคมที่เท่าเทียมและยั่งยืน การบรรยาย การประชุมเชิงปฏิบัติการ และกิจกรรมวิชาการระดับนานาชาติ นอกจากนี้การจัดงาน i-CREATe ปีนี้ ได้รวมกิจกรรมสำคัญ 2 กิจกรรม ไว้ในส่วนของการประชุมวิชาการ คือ การประชุมวิชาการหุ่นยนต์ทางการแพทย์ขั้นสูงนานาชาติ ครั้งที่ 3 และการประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 5 ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ โดยวัตถุประสงค์เพื่อขยายขอบเขตของหัวข้อและการอภิปรายในสาขาวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพ เทคโนโลยีช่วยเหลือ หุ่นยนต์ และวิศวกรรมชีวการแพทย์ Prof.Hongliu Yu ว่าที่ประธานกลุ่มความร่วมมือวิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งเอเชีย และ General Co-Chair งานประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง “วิศวกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก ครั้งที่ 18 (i-CREATe 2025)” กล่าวว่า  “ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปี i-CREATe ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือระดับโลกด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้พิการ การประชุมในปีนี้จึงเป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำทางวิชาการและภาคอุตสาหกรรมจะได้ร่วมกันสำรวจความก้าวหน้าอันล้ำสมัย ทั้งในด้านหุ่นยนต์ทางการแพทย์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ โดยมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ AI และเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ (AI Wearable Technology) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาทางด้านเทคโนโลยีแบบองค์รวม”  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
งานแถลงข่าวและชมนิทรรศการผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบไฟฟ้าไทย
🚨ก้าวสำคัญของ “EnPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย” สู่การใช้งานจริงในระบบไฟฟ้าเมือง! ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง 📌เชิญร่วมงานแถลงข่าวและชมนิทรรศการผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบไฟฟ้าไทย   📅 4 ธันวาคม 2568 | 📍 การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่คลองเตย 👉ลงทะเบียนภายใน 1 ธันวาคมนี้! ⚙️อีกก้าวความสำเร็จของ "EnPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย" ที่ได้ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ขนาด 150 kVA 24 kV ไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ด้วยการสนับสนุนจากการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งถือเป็นหม้อแปลงเครื่องแรกที่ EnPAT ได้นำร่องการใช้ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของ กฟน.   🔬ทีมวิจัยกำหนดจัดงานแถลงข่าว “EnPAT น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัย นำร่องการใช้งานในสังคมเมือง ร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง - พลังแห่งนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนมหานครสู่อนาคตที่ยั่งยืน" ใน วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 12:00 - 17:00 น. ณ ห้องสัมมนา 3 ชั้น 12A อาคารวัฒนวิภาส B การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่คลองเตย   จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงานแถลงข่าว และชมนิทรรศการผลงานวิจัยเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าไทย   🔗โดยลงทะเบียนเข้าร่วมงานผ่านลิงก์ด้านล่าง ภายในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568 👉Link ลงทะเบียน https://forms.gle/8nrjmxDEvn1CQvtm9 📩รายละเอียดเกี่ยวกับงานต่างๆสามารถดาวน์โหลดตามด้านล่าง แล้วพบกันในงานครับ/ค่ะ   💡หมายเหตุ !! 1) เนื่องจากสถานที่จัดงานมีข้อจำกัดเรื่อง ความสูงของรถยนต์ (ไม่เกิน 1.9 เมตร) ในอาคารจอดรถ จึงไม่สามารถนำ "รถตู้" เข้ามาจอดได้ ต้องขออภัยในความไม่สะดวก 2) Link ข้อมูลอื่นๆ ของงาน 2.1) สถานที่จัดงาน การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย https://maps.app.goo.gl/2dHH4yzGazeDB46DA 2.2) ดาวน์โหลด เอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กำหนดการ บทความประชาสัมพันธ์ แผนที่ภายใน กฟน. และข้อมูลด้าน PDPA https://www.nstda.or.th/r/zrfTl
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. ผนึกกำลัง อบจ.เชียงราย บูรณาการ ‘คลินิกน้ำ-Traffy Fondue’ สร้าง “สายสืบน้ำ” แบบเจอ แจ้ง จบ
25 พฤศจิกายน 2568 ณ จังหวัดเชียงราย - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เดินหน้ายุทธศาสตร์การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ในระดับชุมชน โดยบูรณาการ 2 นวัตกรรมสำคัญ ได้แก่ “คลินิกน้ำ" และ "Traffy Fondue" ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อยกระดับการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำเชิงพื้นที่ นำร่องเปิดช่องทางสำหรับรายงานปัญหาคุณภาพน้ำและแก้ไขปัญหาน้ำสำหรับประชาชน ให้ผู้ใช้น้ำและผู้ดูแลระบบบริหารจัดการน้ำในท้องถิ่น ตั้งเป้าเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่เชียงรายภายในปี 2569 ก่อนขยายสู่พื้นที่อื่นๆต่อไป นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่เป้าหมายในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อการจัดการน้ำอุปโภคบริโภคสำหรับชุมชนในภาวะที่ประสบปัญหาคุณภาพน้ำ ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ดร. ภญ. อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการนาโนเทค สวทช. ร่วมลงนามความร่วมมือ “การเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย เพื่อบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแก้ไขปัญหาสำคัญในเชิงพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณลุ่มน้ำกกจังหวัดเชียงราย ภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 2569 และได้รับทุนอุดหนุนกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม (แผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปีงบประมาณ 2568 "นาโนเทค สวทช. ส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้และนวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนา เพื่อสนับสนุนพันธกิจการบริหารจัดการน้ำผ่านโครงการคลินิกน้ำ เพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพการผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน หรือระบบประปาที่ดูแลโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงน้ำดื่มน้ำสะอาดที่ได้มาตรฐานน้ำประปาดื่มได้สำหรับชุมชน พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้ชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการตรวจวัดและพัฒนาคุณภาพน้ำ และในวันนี้ สวทช. ได้บูรณาการอีก 1 เทคโนโลยี เพื่อปรับใช้ร่วมกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงราย คือ คลินิกน้ำ-Traffy Fondue' ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารปัญหาคุณภาพน้ำระหว่างประชาชนและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประชาชนสามารถแจ้งปัญหาที่พบยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ผู้รับผิดชอบทราบแนวทางแก้ปัญหาผ่านคลินิกน้ำ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ โดยเชียงรายจะเป็นพื้นที่แรกสำหรับการนำร่องใช้ คลินิกน้ำ-Traffy Fondue ในการรายงานปัญหาและแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ สำหรับประชาชนผู้ใช้น้ำและผู้ดูแลระบบบริหารจัดการน้ำในท้องถิ่น" นางศันสนีย์เผย ดร. วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. เป็นขุมพลังหลักของประเทศในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ความต้องการและปัญหาสำคัญของประเทศ โดยดำเนินงานภายใต้แนวคิด "S&T Implementation for Sustainable Thailand" หรือการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายหลักคือ การสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “Traffy Fondue เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารปัญหาของชุมชนและเมืองระหว่างประชาชนและหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่ และมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของระบบสาธารณูปโภคของเมืองได้อย่างครบวงจร ครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่ ไฟฟ้า ถนนและทางเท้า จราจร การสื่อสาร ปัญหากลิ่นและเสียง ความสะอาด ความปลอดภัย ต้นไม้สาธารณะ อาคารและวัสดุชำรุด รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ ปัจจุบัน มีการขยายผลการใช้งานแล้ว 77 จังหวัดครอบคลุม 753 อำเภอ 1,916 เทศบาล 2,186 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 15,401 แห่งทั่วประเทศ และ มีผู้เข้าถึงบริการแล้วกว่า 37 ล้านคนทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ ปี 2567) ในวันนี้ สวทช. ได้นำแพลตฟอร์มมาใช้สำหรับการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและการจัดการน้ำ เช่น น้ำไม่ไหล น้ำไหลอ่อน ท่อแตก น้ำรั่ว สีขุ่น หรือกลิ่นผิดปกติ เราหวังว่า Traffy Fondue จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ในการจัดการปัญหาในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลดิจิทัลอีกทางหนึ่ง” ดร. วสันต์ชี้ ดร. ณัฏฐพร พิมพะ หัวหน้าโครงการและผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการเร่งปฏิกิริยา การดูดซับ และการคำนวณระดับนาโน (NCAS) นาโนเทค กล่าวว่า คลินิกน้ำ X Traffy Fondue ทีมวิจัย สวทช. จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับเรื่อง ให้ข้อมูล และส่งต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยมีคลินิกน้ำให้คำแนะนำแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ สามารถดูผลการตอบรับ และรูปแบบการทำงานที่ประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อพัฒนาต่อยอด นำร่องในพื้นที่เชียงรายภายในปี 2569 จากนั้น ในระยะต่อไปเป็นการวางแผนโครงสร้างให้ส่งต่อเรื่องตรงไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมถึงมีแผนการขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่สำคัญของภาคเหนือตอนบนด้านตะวันออก เพื่อขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงรายเป็น “เมืองสุขภาพดี วิถีน่ายล ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน” และ Chiang Rai Wellness City องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรอย่าง สวทช. เพื่อยกระดับระบบบริหารจัดการน้ำ รวมถึงระบบประปาหมู่บ้านที่ได้มาตรฐาน เหมาะสำหรับการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำกก และจัดการปัญหาด้านคุณภาพน้ำและการบริหารจัดการน้ำอย่างจริงจัง โดยการบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี  บุคลากร และทรัพยากรที่มีเพื่อเชียงรายของเรา
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
อบรม “การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นพื้นฐาน” ณ EECi จังหวัดระยอง โดยบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช.
📌 กิจกรรมอบรม: การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นพื้นฐาน (Basic Plant Tissue Culture) เรียนรู้การเกษตรสมัยใหม่และเทคนิคขั้นพื้นฐานในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช 🌱 ฝึกอบรมในห้องปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกับงานวิจัย 🌱 จุดประกายแนวคิดในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 🌱 พัฒนาทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 📅 วันจัดกิกรรม: วันศุกร์ที่ 16 มกราคม 2569 📍 สถานที่จัดกิจกรรม: ห้องปฏิบัติการเซลล์เทคโนโลยีด้านพืช เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จ.ระยอง 👩‍🔬 วิทยากร: ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต นักวิจัย และทีมผู้ช่วยวิจัย จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) 📌 หัวข้อกิจกรรมที่น่าสนใจ: การเตรียมอาหารสำหรับเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช การคัดเลือกเนื้อเยื่อและการฟอกฆ่าเชื้อ การย้ายชิ้นพืชลงในอาหารเพาะเลี้ยง การปรับสภาพและย้ายปลูกต้นพันธุ์จากการเพาะเลี้ยง 🎓 คุณสมบัติผู้สมัคร: นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือผู้สนใจทั่วไป จำนวน 30 คน 📝 สมัครได้ตั้งแต่: วันนี้ – 22 ธันวาคม 2568 📌 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วม: 26 ธันวาคม 2568 💰 ค่าลงทะเบียน: 1,900 บาท/คน (รวม Vat 7%) 📌 รับเกียรติบัตรเมื่อผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม สมัครเลย! ลงทะเบียนกิจกรรม Donwload กำหนดการ  📩 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:  โทรศัพท์ : 0 2529 7100 ต่อ 77220 หรือ 081 848 0949 คุณเสาวณีย์ e-mail : saowanee@nstda.or.th Website : https://www.nstda.or.th/ssh/  
ปฏิทินกิจกรรม
 
ขอเชิญเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลม “Bridging Borders for Research Integrity: APRI & TH-RIN Collaboration Forum”
📣 ขอเชิญเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลม “Bridging Borders for Research Integrity: APRI & TH-RIN Collaboration Forum” . ฝ่ายพัฒนาคุณภาพและจริยธรรมการวิจัย สวทช. ขอเชิญร่วมการประชุมโต๊ะกลม “Bridging Borders for Research Integrity: APRI & TH-RIN Collaboration Forum” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานด้านจริยธรรมการวิจัยขององค์กรในประเทศไทย และต่างประเทศ ตลอดจนบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับผิดชอบกำกับดูแลด้านจริยธรรมการวิจัย รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านจริยธรรมการวิจัยในระดับนานาชาติ และร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานร่วมกันในอนาคตระหว่างเครือข่ายพันธมิตรในประเทศไทย (Thailand Research Integrity Network: TH-RIN) และเครือข่ายในต่างประเทศ (Asia Pacific Research Integrity Network: APRI) . 🗓️ วันที่ 2 ธันวาคม 2568 🕣 เวลา 08:30 – 12:30 น. 📍 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า อว. 💻 และผ่านระบบออนไลน์ Cisco Webex . 💰 เข้าร่วมฟรี! ไม่มีค่าลงทะเบียน 🔗 ลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่: https://forms.gle/VBBrn22mRrcnL4qM6 . 📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: โทร. 0 2564 7000 ต่อ 71834 (คุณรัตนพรรณ) / 71844 (คุณณัฐพัชร์) 📧 E-mail: QRI@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม