หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
ตอนที่ 4 รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย
รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ นักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย https://www.youtube.com/watch?v=kzhUVkEsjasเผยแพร่เกียรติคุณและรางวัลของนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัย ประกอบด้วย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ดร.ณัฏฐพร พิมพะ และคณะ ดร.นุวงศ์ ชลคุป คุณฉวีวรรณ คงแก้ว และคณะ ดร.สุรพิชญ ลอยกุลนันท์ และคณะ ดร.วรรณวิมล ศักดิ์เสมอพรหม และคณะ ศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร และคณะ คุณวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย และคณะ และ นพ.ปรีดา มาลาสิทธิ์
30 ปี สวทช.
 
คลัง VDO
 
2 กระทรวงผนึกกำลัง ใช้ประโยชน์จาก Big DATA จัดการท่องเที่ยวอุทยานธรณี หนุนเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืน
วันที่ 26 สิงหาคม 2564 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)  และ กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การสร้างเครือข่ายการวิจัยและพัฒนา เพื่อขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนหน่วยงานในยุคดิจิทัลและ BCG Model” ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อเดินหน้านำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) สู่การอนุรักษ์ ป้องกัน และจัดการแหล่งเรียนรู้ สร้างมูลค่าและประโยชน์ของงานทางด้านธรณีวิทยา ธรณีพิบัติภัย และอุทยานธรณี สอดรับโมเดลเศรษฐกิจใหม่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน BCG Economy model รวมทั้งสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนกรมทรัพยากรธรณี สู่การเป็นองค์กรดิจิทัลในอนาคต ดร.สมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี  กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีภารกิจเกี่ยวกับการสงวน การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการบริหารจัดการด้านธรณีวิทยา ทรัพยากรธรณี ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม และธรณีพิบัติภัย โดยการสำรวจ ตรวจสอบ และวิจัยสภาพธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี การประเมินศักยภาพแหล่งทรัพยากรธรณี การกำหนดและกำกับ ดูแลเขตพื้นที่สงวน อนุรักษ์ ทรัพยากรธรณี และพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อการพัฒนาทรัพยากรธรณี คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องสู่สาธารณชน จึงร่วมมือกับกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรทางวิชาการ อาทิ เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ เครือข่ายธรณีพิบัติภัย เครือข่ายอุทยานธรณี เครือข่ายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ทางวิชาการด้านธรณีวิทยาสู่ชุมชนและหน่วยงานในท้องถิ่น สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อยกระดับการสร้างการรับรู้สู่สาธารณชน กรมทรัพยากรธรณีจึงได้สนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมและการแปรรูปทางดิจิทัล (Digital Transformation & Innovation : DTI) ในงานด้านธรณีวิทยา ที่สอดคล้องกับแนวคิดวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ในปัจจุบัน โดยร่วมมือกับเนคเทคขับเคลื่อนการวิจัย พัฒนา สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม แลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้และประสบการณ์ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือร่วมกัน จากจุดแข็งและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านธรณีวิทยา บูรณาการกับความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มในมิติต่างๆ ของเนคเทค ที่เป็นองค์กรวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อสร้างนวัตกรรมผลงานและเชื่อมโยงข้อมูลที่มีประสิทธิภาพให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกันในอนาคต   สำหรับนวัตกรรมและการแปรรูปทางดิจิทัล (Digital Transformation & Innovation : DTI) ที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดงานวิจัย นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ของกรมทรัพยากรธรณี ได้แก่ DTI สำหรับงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ งานด้านพิพิธภัณฑ์ งานด้านธรณีพิบัติภัย งานด้านสำรวจธรณีฟิสิกส์ งานด้านอุทยานธรณี และถ้ำวิทยา ความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ธรณีวิทยา ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับเครือข่ายการวิจัยและพัฒนา และสร้างระบบการใช้เทคโนโลยีในการวิจัยและพัฒนาให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.  กล่าวถึงความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และผลงานวิจัย ในความร่วมมือนี้ โดยนำ “นวนุรักษ์” (https://www.navanurak.in.th)  แพลตฟอร์มบริหารจัดการและให้บริการข้อมูลวัฒนธรรม สร้างฐานข้อมูลและความหลากหลายทางชีวภาพอัตลักษณ์ชุมชนและพื้นที่อุทยานธรณี  และ“Museum pool”แพลตฟอร์มบริหารจัดการเนื้อหาการนำชมมาใช้ในส่วนฐานข้อมูลการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ทั้ง 7 แห่ง ของ ทธ. นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาใช้ในอุทยานธรณี  (Geopark) เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนเพื่อบริหารการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่อุทยานธรณี ยกระดับพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล เพื่อใช้ในการประเมินซ้ำในระดับประเทศและระดับโลก โดยใช้องค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ การประสานเชื่อมโยงนักวิจัย กับเครือข่ายให้เกิดการทำงานร่วมกัน ศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล จ.สตูล ในระบบนิเวศถ้ำ (ถ้ำเลสเตโกดอน ถ้ำอุไรทอง และถ้ำทะลุ) ทะเลและชายฝั่ง และความหลากหลายทางวัฒนธรรม พบพืช สัตว์ จุลินทรีย์และเห็ดรา รวมทั้งสิ้น 802 ชนิด นำข้อมูลเข้านวนุรักษ์แพลตฟอร์มดิจิทัล จำนวน 3,163 รายการ (ข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ 2,076 รายการ และข้อมูลวัฒนธรรม 1,088 รายการ) และยังได้นำข้อมูลไปอบรมไกด์ท้องถิ่นในพื้นที่ จัดทำคู่มือการอนุรักษ์หญ้าทะเลหอสี่หลัง คู่มือเล่าเรื่องอย่างง่ายสิ่งมีชีวิตเด่น ป้ายประชาสัมพันธ์พร้อม QR Code คลิปวีดิโอเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเอกสาร Biodiversity in Satun UNESCO Global Geopark และได้แต่งตั้งคณะทำงานความหลากหลายทางชีวภาพพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูลโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ในการบริหารจัดการท่องเที่ยวสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เนคเทค สวทช. ได้นำงานวิจัยและพัฒนามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการวิธีประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติดินถล่มและหินหล่นด้วยการประยุกต์ใช้ไอซีที เช่น การติดตั้งระบบเครือข่ายเซนเซอร์ไร้สายในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม การวิเคราะห์ข้อมูล point clouds เพื่อระบุเหตุการณ์หินหล่น และการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อระบุพื้นที่เกิดดินถล่ม โครงการความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน จะเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชน เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ทางด้านทรัพยากรธรณี  เครือข่ายการวิจัยด้านธรณีพิบัติภัย  เครือข่ายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดองค์ความรู้เกี่ยวกับงานด้านธรณีวิทยา ธรณีพิบัติภัย อุทยานธรณี และแหล่งธรณีวิทยา รวมทั้งสามารถนำเทคโนโลยีด้านธรณีวิทยาไปประยุกต์ใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของภาคประชาชนในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการบูรณาการความร่วมมือในการใช้เครื่องมือที่เกิดขึ้น จากงานวิจัยและองค์ความรู้ด้านในการสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการด้านธรณีวิทยา ทรัพยากรธรณี ซากดึกดําบรรพ์ ธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม และธรณีพิบัติภัย  ให้เกิดประโยชน์ให้เกิดมิติต่าง ๆ รวมถึงสนับสนุน โมเดลเศรษฐกิจใหม่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน BCG Economy Model ให้เกิดประโยชน์ตั้งแต่  เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy)  เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เน้นการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ที่อยู่กับชุมชน เกษตรกร ด้วยการอนุรักษ์ รู้จักการใช้ประโยชน์เพิ่มพูน และฟื้นฟูไปพร้อม ๆ กัน โดยการร่วมมือกันของภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัย
BCG
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
รายงานสถานการณ์การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ในประเทศไทย ปี 2564
โครงการ "จัดทำรายงานสถานการณ์การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนในประเทศไทย ปี 2564" จัดทำโดย มูลนิธิเพื่อส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนแห่งเอเชียแปซิฟิก (Thai SCP Network) Download
BCG
 
บทความต่างประเทศ Design in Thailand : the designers turning nature into innovative materials
บทความต่างประเทศ กล่าวถึง การออกแบบไทย ทั้งการออกแบบเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตาม "Bio-Circular-Green-Design" Link : Design in Thailand: the designers turning nature into innovative materials  
BCG
 
อย. เผยความคืบหน้าการใช้ rPET เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ อย. ได้ดำเนินการทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการนำพลาสติกรีไซเคิลกลับมาผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำหนดชนิดของพลาสติกรีไซเคิลที่จะอนุญาตให้ใช้ผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร คือ พลาสติกพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate; PET) นอกจากนี้ อย. ยังได้ร่วมมือกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ในการศึกษาวิจัยแนวทางการประเมินความปลอดภัยพลาสติกรีไซเคิลของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสำรวจพฤติกรรมการนำขวดบรรจุอาหารและเครื่องดื่มไปใช้ซ้ำ เพื่อนำมาพิจารณากำหนด (ร่าง) หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและแนวทางการประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการรีไซเคิลสำหรับประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาความปลอดภัยและการอนุญาตภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล และได้จัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติก ควบคู่ ไปด้วย ทั้งนี้ อย. จะนำรายละเอียดของ (ร่าง) หลักเกณฑ์ เงื่อนไข รวมถึงแนวทางการประเมินฯ ที่ปรับแก้ไขเสนอต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความคิดเห็นในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 นี้ เพื่อรวบรวมความคิดเห็นต่าง ๆ เสนอต่อคณะอนุกรรมการวิชาการด้านภาชนะบรรจุอาหารพิจารณาต่อไป เพื่อให้สามารถกำหนดหลักเกณฑ์และกฎหมายที่ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติได้บนพื้นฐานการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค และการอนุญาตให้ใช้พลาสติกรีไซเคิลที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยเป็นภาชนะบรรจุอาหารยังเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ที่มาข้อมูล : https://www.fda.moph.go.th/Shared Documents/News/ปีงบประมาณ 2564/ข่าวแจก 158 ปีงบประมาณ 2564/ข่าว rPET.pdf
BCG
 
ทักษะที่ผู้จัดการความรู้ต้องการมากที่สุด
APQC (American Productivity and Quality Center) ได้ระบุ 16 ความสามารถหลักสำหรับทีม KM (knowledge management, การจัดการความรู้) ได้ถูกแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ - การจัดการโครงการและโปรแกรม - Consulting and customer centricity - การสื่อสารและการจูงใจ - การจัดการข้อมูล, เทคโนโลยี และความคล่องข้อมูล การสแกนอย่างเร็วของกลุ่มเหล่านี้แสดงความหลากหลายของทักษะที่ถูกต้องการเพื่อประสบผลสำเร็จ KMers ต้องรู้วิธีที่จะปรึกษาและสื่อสารกับผู้ถือผลประโยชน์ร่วม, วางแผนและจัดการโครงการขนาดใหญ่ และแปลผลข้อมูลและเทคโนโลยีดีพอที่จะเลือกเครื่องมือและตรวจสอบการประยุกต์ใช้ ทั้งหมดนี้สามารถรู้สึกเหมือนคำสั่งที่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทีมที่มีข้อจำกัดเรื่องแหล่งทรัพยากรและขนาดเล็ก ร่วมมือกับกลุ่ม เช่น IT และ HR สามารถช่วยทีมที่มีขนาดเล็กแก้ปัญหา ทักษะ KM สำหรับพื้นที่ทางธุรกิจที่พัฒนาอย่างเร็ว อย่างชัดเจน โปรมแกรม KM ต้องการเพิ่มส่วนผสมของทักษะคน, กระบวนการ และเทคโนโลยี แต่เมื่อถามผู้ตอบการสำรวจล่าสุดทักษะไหนสำคัญที่สุดเพื่อช่วยทีม KM ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ผู้ตอบหลายคนมุ่งไปที่ประเด็นของการสื่อสาร, การจูงใจ และความคล่องข้อมูล ความต้องการสำหรับทักษะคนไม่ใหม่ใน KM แต่ก้าวปัจจุบันของการเปลี่ยนแปลงกำลังต้องการ KMers กลายเป็น change agent ที่เชี่ยวชาญและมีทักษะที่เกี่ยวข้อง เช่น active listening, การสื่อสาร, การฝึกหัด, การเล่าเรื่อง (storytelling) และ facilitation ในเวลาเดียวกัน ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของข้อมูลธุรกิจและโปรแกรมวิเคราะห์กำลังทำให้ KM upskill ในเรื่องเหล่านี้ บางความพยายามเหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อช่วยกลุ่มธุรกิจลูกค้าเปลี่ยนข้อมูลเป็นความรู้ ที่มา: Lauren Trees (March 02, 2020). The Skills Knowledge Managers Need Most. Retrieved August 18, 2021, from https://www.apqc.org/blog/skills-knowledge-managers-need-most
การจัดการความรู้ (KM)
 
มีหลายเหตุผลในการทำ benchmark
ทำไมบริษัททำ benchmark Benchmarking ช่วยองค์กรปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยให้รายละเอียดที่ต้องการเพื่อระบุอย่างมีประสิทธิภาพระดับการพัฒนาของการปฏิบัติและกระบวนการทางธุรกิจซึ่งขับเคลื่อนองค์กร ใครเพื่อที่จะ benchmark ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะระบุ คำตอบที่ง่ายคือ ระบุองค์กรในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำไมไม่ มีการปฏิบัติที่เหมือนกัน ดังนั้นมาดูกัน ทำในหนทางเดียวกันใช่ไหมและถ้าไม่เป็นหนทางที่ดีกว่าใช่ไหม ทำเพื่อการเปรียบเทียบที่ง่าย แต่อย่าลืมเหตุผลทำไมองค์กรทำ benchmark เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น องค์กรต้องการเรียนรู้หนทางที่ดีกว่า เร็วกว่า และฉลาดกว่าเพื่อทำงาน ดังนั้นค้นหาองค์กรอื่นซึ่งทำในสิ่งที่เหมือนกันไม่มีค่า ต้องการ fresh eyes จากการศึกษา benchmarking เมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์กรที่ให้การสนับสนุนสงสัยเมื่อดูเหมือนว่าองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องถูกแนะนำเป็นผู้ร่วมศึกษา เรียนรู้อะไร ไม่ได้ทำเกี่ยวข้องกับที่ทำ อย่างแน่นอน ไม่รู้สึกสนใจในผลิตภัณฑ์ สนใจในวิธี นี้เป็นที่ที่การเรียนรู้ที่แท้จริงเกิดขึ้น เมื่อกระบวนการระดับสูงเหมือนกัน แต่วิธีแตกต่าง เมื่อระบุเกณฑ์ benchmarking ระบุองค์กรซึ่งปฏิบัติกระบวนการที่เหมือนกันโดยไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรม คำศัพท์เฉพาะอาจไม่เหมือนกันแต่บทเรียนที่สามารถเรียนรู้ล้ำค่า นี้เป็นพลังที่แท้จริงของ benchmarking ที่มา: Matt Zacher (April 24, 2020). The Many Reasons to Benchmark. Retrieved August 18, 2021, from https://www.apqc.org/blog/many-reasons-benchmark  
การจัดการความรู้ (KM)
 
เคล็ดลับเพื่ออธิบาย KM (knowledge management, การจัดการความรู้) คืออะไรและทำไมพนักงานควรทำ KM
มากกว่าครึ่งหนึ่งของโปรแกรม KM ที่ APQC (American Productivity and Quality Center) สำรวจรับรู้ความสำคัญของการสื่อสาร ในโปรแกรมเหล่านั้นมีแผนการสื่อสารที่เป็นทางการและสมาชิกในทีมได้รับมอบหมายให้จัดการแผนดังกล่าว แม้แต่ด้วยการลงทุนเหล่านี้ ทีมต่อสู้อย่างต่อเนื่อง น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้เชี่ยวชาญ KM รายงานว่าองค์กรมีประสิทธิภาพในการทำให้พนักงานตระหนักวิธี KM ที่มีให้และเหตุผลสำหรับการมีส่วนร่วม การปรับปรุงให้ดีขึ้นวิธีที่ทีม KM สื่อสาร งานวิจัยของ APQC ชี้บางส่วนผสมสำหรับความสำเร็จ ข้อความเป็นสิ่งจูงใจมากที่สุดเมื่อได้รับการปรับให้เข้ากับผู้ฟังที่มีศักยภาพแต่ละคนและส่งออกโดยผู้นำหรือแหล่งที่น่าเชื่อถือ จะพูดอะไรเกี่ยวกับการเข้าใจการตลาด ต้องเข้าใจอะไรทำให้บางคนทำหน้าที่ได้ดีและต่อมาถ้าสามารถ เชื่อม KM กับสิ่งกระตุ้นภายในเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคอาวุโสไม่สามารถจินตนาการวิธีที่จะทำให้การแบ่งปันความรู้เข้าไปในแผนการ สามารถแสดงวิธีทำเป็นเอกสารบางอย่างที่รู้ หรือสอนให้คนอื่น ๆ สามารถลดปริมาณงาน ข้อความอาจเน้นความจริงว่าถ้ามีส่วนร่วมใน community forum กำลังตอบคำถามเดียวกันที่ตอบโดย email แล้ว แต่ยังสร้างการบันทึกที่เข้าถึงได้ซึ่งผู้เสาะหาความรู้ในอนาคตสามารถใช้ประโยชน์ การสื่อสารดีกว่าเป็นการกีฬาของทีม ดังนั้นทำให้ผู้นำไปใช้และผู้มีความกระตือรือร้นมีส่วนร่วม สามารถช่วยกระจายคำ ที่มา: Lauren Trees (May 19, 2019). 10 Tips to Explain What KM Is and Why Employees Should Do It. Retrieved August 22, 2021, from https://www.apqc.org/blog/10-tips-explain-what-km-and-why-employees-should-do-it
การจัดการความรู้ (KM)
 
สุริยะ เผยผู้ประกอบการอุตฯไบโอ เดินหน้าลงทุนเฉียด 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มประเภทโรงงาน เสริมมาตรการสร้างแรงจูงใจ สนับสนุนอุตสาหกรรมไบโอกระตุ้น GDP
สุริยะ เผยผู้ประกอบการอุตฯไบโอ เดินหน้าลงทุนเฉียด 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มประเภทโรงงาน เสริมมาตรการสร้างแรงจูงใจ สนับสนุนอุตสาหกรรมไบโอกระตุ้น GDP ตั้งเป้าหมาย ไทยเป็นไบโอฮับอาเซียน กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เผยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบความก้าวหน้ามาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของไทย เร่งขับเคลื่อน Bio economy สอดรับ BCG Model เอกชนลงทุนกว่า 149,000 ล้านบาท หวังกระตุ้น GDP และหนุนไทยเป็นไบโอฮับอาเซียน ด้านสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รับไม้ต่อเร่งหารือกระทรวงการคลัง ขยายเวลามาตรการกระตุ้นใช้พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Green Tax Expense) ลดหย่อนภาษีนิติบุคคล 1.25 เท่า จูงใจ ห้างร้านใช้ไบโอพลาสติกทดแทนปีละไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 10 (more…)
BCG
 
Digital transformation ใช้ไม่ได้โดยปราศจากกลยุทธ์
Digital transformation คืออะไร Digital transformation เกี่ยวกับการรวมตัวเชิงกลยุทธ์ของหลายเทคโนโลยี องค์ประกอบขั้นพื้นฐานรวมถึงทำให้ข้อมูลและรายละเอียดเป็นดิจิทัล, ทำให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติ, ประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ และทำให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัล แต่ถ้า digital transformation เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล เป็น a transformation ใช่ไหม ความพยายาม digital transformation สามารถแตกต่างในเรื่องขอบเขต, การควบคุม และความตั้งใจ หลายองค์กรกำลังแก้ปัญหาทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลไม่ได้พัฒนาวิธีเชิงกลยุทธ์รวมเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ทั่วธุรกิจ เมื่อนี้เกิดขึ้น องค์กรต่อสู้เพราะไม่มีวัตถุประสงค์ที่ครอบคลุมหรือแผนผูกมัดความพยายามเข้าด้วยกัน ในที่สุดผลคือความสับสนท่ามกลางผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการเพราะว่าไม่รู้: 1. รวมถึงอะไร บ่อยครั้งไม่มีตัวแปรหรือเกณฑ์เพื่อระบุส่วนไหนของธุรกิจต้องการโครงการการทำให้เป็นดิจิทัลหรือเพื่อช่วยบอกขอบเขตและจัดลำดับความสำคัญความพยายาม ผลคือความสับสนเกี่ยวกับที่ไหนที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 2. อะไรเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง 3. วิธีที่ชิ้นส่วนรวมเข้าด้วยกัน บ่อยครั้งไม่มีมุมมองแบบองค์รวมของโครงการดิจิทัลเพื่อช่วยองค์กรเข้าใจการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างโครงการ เคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร Digital transformation ควรประกอบด้วยโครงการดิจิทัลที่มีการเชื่อมต่อระหว่างกัน, กลยุทธ์ ไม่ใช่เทคโนโลยี ควรชี้แนะการตัดสินใจ ดังนั้นหลายองค์กรต้องพิจารณา 3 คำถามซึ่งเกี่ยวข้องกับงานทางดิจิทัล 1. ทำไมกำลังทำอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น องค์กรกำลังมีส่วนร่วมใน digital transformation เพราะต้องการปรับปรุงความใกล้ชิดลูกค้าให้ดีขึ้น, ความดีเยี่ยมของการปฏิบัติ หรือการเติบโตขององค์กรใช่ไหม 2. ทำให้ความพยายามทำงานไปด้วยกันได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น มีทีมดิจิทัลหรือคณะกรรมการดำเนินการด้วยการเฝ้าดูและความรับผิดชอบทั่วโครงการใช่ไหม 3. จะวัดความสำเร็จอย่างไร ตัวอย่างเช่น ถ้าวัตถุประสงค์คือปรับปรุงความใกล้ชิดลูกค้าให้ดีขึ้น รู้วิธีวัดผลกระทบของโครงการดิจิทัลต่อประสบการณ์ลูกค้าใช่ไหม โดยถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง องค์กรสามารถสร้างวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน วัดได้ซึ่งจัดให้อยู่ในแนวเดียวกับโดยตรงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม คำตอบยังช่วยผู้นำระบุเกณฑ์สำหรับโครงการดิจิทัล ที่มา: Holly Lyke-Ho-Gland (March 12, 2019). Digital Transformation Doesn’t Work Without a Strategy. Retrieved August 22, 2021, from https://www.apqc.org/blog/digital-transformation-doesnt-work-without-strategy
การจัดการความรู้ (KM)
 
ความผิดพลาดเกี่ยวกับ KM (knowledge management, การจัดการความรู้) ที่ใหญ่ที่สุดที่องค์กรทำให้เกิดขึ้น
Stan Garfield ได้เน้นไปที่ 5 ความผิดพลาด ได้แก่ 1. ไม่ได้เริ่มต้นด้วย vision ที่น่าสนใจ หนึ่งของความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่ Stan เห็นคือ ไม่ได้สื่อสาร vision ที่ชัดเจนและน่าสนใจเกี่ยวกับอะไรที่ KM ควรจะเป็น, อะไรคิดว่าจะประสบผลสำเร็จ หรือวิธีที่ความสำเร็จจะถูกระบุ ทีม KM ยังสามารถใช้ vision เพื่ออธิบายทั้งหมดของ KM เกี่ยวกับอะไรและทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น Stan ยืนยันว่า vision ของ KM เป็นแรงจูงใจมากที่สุดเมื่อผูกติดกับตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของวิธีที่ KM สามารถทำให้การทำงานง่ายขึ้น, ประหยัดเวลาของคน หรือทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้น 2. ไม่สนใจ information architecture 3. สนับสนุนการค้นหาที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมากกว่าการรวบรวมที่ใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย ๆ อีกหนึ่งโอกาสที่พลาดไปซึ่ง Stan ได้พูดถึงเกี่ยวกับการรวบรวมเนื้อหา เมื่อคนบ่นว่าไม่สามารถค้นพบรายละเอียดที่ต้องการ ผู้จัดการความรู้อาจลงทุนใน search engines หรือ search tuning ใหม่ ทั้งสองมีคุณค่า แต่ยังมีการแก้ปัญหาที่ง่ายและไม่ใช้เทคโนโลยี 4. upgrading เสมอ ๆ Stan กล่าวความพยายามมากเท่าไรที่องค์กรใช้เปลี่ยน apps และ platforms ทุกครั้งที่ version ใหม่ ถูกปล่อยออกมา บางครั้งผู้ขายต้องการการ update เหล่านี้ update เครื่องมือและโยกย้ายเนื้อหาต้องการแหล่งทรัพยากรจำนวนมาก และในบางกรณี version ใหม่ ไม่ให้คุณค่าที่มากกว่า version เก่า 5. ให้ความสนใจมากเกินไปสำหรับแนวโน้ม ความผิดพลาดสุดท้ายซึ่ง Stan พูดถึงคือสิ่งกระตุ้นเพื่อติดตามทุกแฟชั่นที่เข้ามา โดยไม่คำนึงถึงเทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ได้รับการทดสอบหรือตรงประเด็นกับกรณีธุรกิจ KM พฤติกรรมนี้เป็นเรื่องปกติมากในหลายองค์กรที่ขาด vision ที่น่าสนใจและกรณีใช้สำหรับ KM ที่มา: Lauren Trees (April 15, 2019). The Biggest KM Mistakes Organizations Make—and How to Avoid Them. Retrieved August 22, 2021, from https://www.apqc.org/blog/biggest-km-mistakes-organizations-make-and-how-avoid-them  
การจัดการความรู้ (KM)
 
ไบโอเทค สวทช. พัฒนาชุดตรวจ “COVYD-19 Ab test kit (ELISA)” สำหรับตรวจหาปริมาณภูมิคุ้มกันโควิด-19 รวดเร็ว แม่นยำ ราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.) พัฒนา “COVYD-19 Ab test kit (ELISA)”ชุดตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19  ด้วยเทคนิค ELISA ใช้งานง่าย รวดเร็ว แม่นยำ และราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ  อยู่ระหว่างการยื่นคำขอประเมินเทคโนโลยีจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และเริ่มมีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาในหน่วยงานภาครัฐ เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันเชื้อโควิด 19 จาการติดเชื้อหรือได้รับวัคซีน ดร.พีร์ จารุอำพรพรรณ หัวหน้าทีมวิจัยไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี ไบโอเทค สวทช.  เปิดเผยว่า“COVYD-19 Ab test kit (ELISA)”  ​เป็นชุดตรวจภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 พัฒนาโดยทีมวิจัยไวรัสวิทยาและเซลล์เทคโนโลยี และทีมวิจัยการผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีและการประยุกต์ใช้ ไบโอเทค สวทช. เป็นการนำองค์ความรู้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาของสุกรที่เป็นความเชี่ยวชาญเดิมของทีมวิจัยผนวกกับเทคโนโลยีที่เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานคือ ELISA มาพัฒนาต่อยอดได้ทันท่วงที จึงทำให้ชุดตรวจนี้สำเร็จรูปพร้อมใช้งานสำหรับตรวจระดับแอนติบอดีต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 เชิงปริมาณ ที่สามารถใช้ตรวจระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อหรือการได้รับวัคซีน และได้ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (สวพท.- AFRIMS) ทดสอบคุณภาพชุดตรวจแอนติบอดีต่อ SARS-CoV-2 โดยมีการอนุเคราะห์ตัวอย่างซีรั่มมาทดสอบเปรียบเทียบกับชุดตรวจแอนติบอดีทั่วไปในท้องตลาด พบว่ามีความไวและความจำเพาะเทียบเท่ากัน รวมทั้งยังมีการสอบเทียบชุดตรวจตัวอย่างซีรั่มมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO เพื่อให้สามารถอ่านค่าแอนติบอดีในหน่วยมาตรฐานของ WHO   ในขณะนี้ได้นำไปใช้งานในโครงการวิจัยระดับประชากรโดยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรวจระดับภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ในบุคลากรสาธารณสุขมากกว่า 1,000 ตัวอย่าง ดร.พีร์ อธิบายต่อว่า “COVYD-19 Ab test kit (ELISA)” ทางทีมวิจัยได้เลือกตรวจแอนติบอดีต่อส่วนที่สำคัญที่สุดของไวรัส เป็นส่วนที่ไวรัสใช้จับเข้าเซลล์มนุษย์ในการติดเชื้อ คือ Receptor Binding Domain หรือ RBD ที่อยู่บนโปรตีนสไปค์ (ส่วนที่เป็นหนาม) โดยมีการผลิตแอนติเจน RBD ด้วยวิธีการตัดต่อพันธุกรรมและการผลิตรีคอมบิแนนท์โปรตีนให้มีหน้าตาที่เหมือนกันกับโปรตีนของไวรัส แต่ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนจากไวรัสจริงๆ เพื่อความปลอดภัย จากนั้นนำแอนติเจน RBD มาเคลือบลงบนเพลท และใช้สารตรวจจับซึ่งมีปฏิกิริยาทำให้เกิดสี เมื่อนำตัวอย่างซีรั่ม หรือพลาสมา มาตรวจ ถ้าในตัวอย่างมีแอนติบอดีต่อ RBD แอนติบอดีนั้นจะจับอย่างจำเพาะเจาะจงกับ RBD และถูกจับด้วยสารตรวจจับ และแสดงสัญญาณสี แต่หากในตัวอย่างซีรั่ม หรือพลาสมานั้นไม่มีแอนติบอดีที่จำเพาะต่อ RBD ก็จะไม่มีสีเกิดขึ้น” “ขณะนี้ ทางทีมวิจัย สวทช. อยู่ในระหว่างการถ่ายทอดชุดตรวจแอนติบอดีต่อ SARS-CoV-2 ที่พัฒนาขึ้น ให้กับคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ได้เร็วที่สุดในช่วงเวลาวิกฤติ ในส่วนของชุดตรวจฯ ยังต้องใช้ตรวจในห้องปฏิบัติการ ไม่สามารถตรวจเองได้ เพราะยังต้องใช้เครื่องอ่านผล แต่ก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีในห้องปฏิบัติการทั่วไป รวมถึงโรงพยาบาลขนาดกลาง เนื่องจากเป้าหมายการพัฒนาชุดตรวจแอนติบอดีในช่วงแรกเน้นเพื่อการตรวจวินิจฉัยส่วนบุคคลในระดับประชากร ที่มีตัวอย่างจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นข้อมูลสถิติในการอ้างอิง ด้วยเชื่อว่าการตรวจเพื่อให้ทราบระดับของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นในระดับประชากรจะเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนการบริหารวัคซีนและกำหนดมาตรการสาธารณสุขที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของโรคได้ รวมทั้งสามารถวางแผนบริหารบุคลากรด่นหน้าได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย” ดร.พีร์ กล่าว.
BCG
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ผลงานวิจัยเด่น