หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
‘ศุภมาส’ นำทีมกระทรวง อว. เปิดงาน ‘อว. For Kids’ รับวันเด็ก ส่งต่อความสุขและจุดประกายอนาคตเด็กไทย
งาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ปี 68 เริ่มแล้วคึกคัก เด็กเข้าร่วมงานล้นหลาม ต่อคิวนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวง อว.แน่น “ศุภมาส“ ปลื้มนำน้อง ๆ เดินชมบูธและเข้าร่วมกิจกรรมวิทยาศาสตร์พร้อมจัดเต็มของรางวัลกว่า 100,000 ชิ้น เพื่อส่งมอบความสุข จุดประกายความฝันเพื่ออนาคตของชาติ ด้าน “น้องยูกิ” ด.ญ.ปรีชญา ลาภพิทักษ์พงษ์ ร.ร.พญาไท ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวง อว.เป็นคนแรกเผยตื่นเต้น ถ้าได้เป็นรัฐมนตรีจริง ๆ คงงานเยอะมาก เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายใต้สโลแกน “มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน” ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 กระทรวง อว. ถนนโยธี โดยมี พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.อว. น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ราชการกระทรวง อว. รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. พร้อมด้วย ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ อาทิ โรงเรียนพญาไท โรงเรียนสวนมิสกวัน รวมถึงเด็ก ๆ และเยาวชนชนที่เดินทางมาเที่ยวชมงานพร้อมกับผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก โดยมีบูธกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ให้เด็ก ๆ ได้ร่วมสนุกมากมาย ซึ่งกระจายอยู่เต็มพื้นที่ ทั้งในและนอกอาคารของกระทรวง อว. เมื่อ น.ส.ศุภมาส มาถึงก็ได้สักการะพระบรมรูป ร.4 เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเริ่มต้นกิจกรรมฯ จากนั้นได้นำทีมคณะผู้บริหารมายังเวทีกลาง และร่วมชมโขน ซึ่งแสดงโดยน้อง ๆ เยาวชนจากโขนเด็กสถาบันเอกชนการละคร พร้อมมอบของรางวัลให้กับตัวแทนน้องๆ จากโรงเรียนพญาไทและโรงเรียนสวนมิสกวัน นอกจากนี้ ยังมีขบวนเหล่ากองทัพมาสคอตของหน่วยงานในกระทรวง อว. มาสร้างสีสัน เรียกเสียงฮือฮาจากน้อง ๆ ได้เป็นอย่างมาก น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า งาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 เป็นกิจกรรมที่ อว.ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชน เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมที่จะสร้างโอกาสในการเรียนรู้ ฝึกจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ได้คิดค้น ทดลอง ผ่านกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่สนุกสนานมากมาย โดยมี 22 หน่วยงานมาร่วมจัดกิจกรรม รวมถึงมีผู้ใหญ่ใจดีทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนของขวัญและของรางวัลมามอบให้น้อง ๆ กว่า 100,000 ชิ้น เพื่อสร้างความสุข ความทรงจำที่มีคุณค่าและต่อเติมความฝันให้กับเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของชาติ โดยงานจะจัดถึงวันที่ 11 ม.ค. นี้ จากนั้น รมว.อว. ได้นำน้อง ๆ เยาวชนที่มาร่วมงานเดินชมบูธและเข้าร่วมกิจกรรมที่แบ่งเป็นสถานีต่าง ๆ ตั้งแต่ SRI for All (Kids) สนุก Kids วิทยาศาสตร์ PMU-B เด็กวิทย์ช่างฝัน ปั้นจินตนาการร่วมสร้างอนาคตไทย พร้อมแจกของขวัญให้กับน้อง ๆ เช่น ตุ๊กตา จักรยาน รถบังคับ และของเล่นทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับกิจกรรมในงาน ไฮไลต์พิเศษที่เรียกความสนใจจากน้อง ๆ ได้อย่างล้นหลามคือ ขบวนพาเหรดหุ่นยนต์ ที่มีทั้งหุ่นยนต์กู้ภัยปี 2024, หุ่นยนต์น้องดาวเหนือ, หุ่นยนต์กู้ภัยจิ๋ว RMRC, หุ่นยนต์ Dubot, หุ่นยนต์ MakeX และ Unitree Go2 ที่ตบเท้ากันมาให้ความสนุกกับน้องๆ อย่างเต็มที่ ที่สำคัญยังมีตู้คีบมนุษย์ เครื่องเล่นสุดท้าทาย ที่น้องๆ จะต้องเอาตัวเข้าไปคีบของขวัญและของรางวัลด้วยตัวเอง เรียกว่าได้ลุ้นและออกแรงไปพร้อมกัน ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เรียกเสียงเชียร์ได้ตลอด และที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กิจกรรมอื่น ๆ ก็คือการเปิดห้องทำงานของ น.ส.ศุภมาส ที่ใจดีเปิดห้องทำงานของรัฐมนตรี เพื่อให้น้อง ๆ และผู้ปกครองได้เข้าไปถ่ายรูปกับโต๊ะทำงานของรัฐมนตรี มีน้อง ๆ และผู้ปกครองเข้ามาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสาย โดย ด.ญ.ปรีชญา ลาภพิทักษ์พงษ์ หรือน้องยูกิ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนพญาไทเป็นคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ได้บอกความรู้สึกว่า รู้สึกตื่นเต้นมาก คิดว่าถ้าได้เป็นรัฐมนตรีจริง ๆ คงงานเยอะมาก เพราะน่าจะมีเอกสารให้เซ็นหลายเรื่อง แต่อาชีพที่อยากเป็นในอนาคตคือโปรแกรมเกมเมอร์ เพราะชอบเล่นเกม จึงอยากสร้างเกมเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีน้อง ๆ ต่อคิวร่วมสนุกทุกบูธ ทั้งนี้ งาน “อว. For Kids” ปีนี้ นอกจากจัดที่กระทรวง อว. โยธี ในวันที่ 10 - 11 มกราคมแล้ว ในวันที่ 11 ม.ค. ยังมีจัดที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา กรุงเทพฯ และที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองห้า ปทุมธานี ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศก็มีสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในกระทรวง อว. ร่วมจัดงาน เพื่อมอบความสุขและความสนุกให้กับเด็ก ๆ ทั่วประเทศ ในทุกภูมิภาคอย่างทั่วถึง ดร.กลัยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025
เนื่องในวโรกาส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025  ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. นางฤทัย จงสฤษดิ์ กรรมการและเลขานุการโครงการการคัดเลือกผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก นำนักวิทยาศาสตร์เยาวชนไทย จำนวน 15 คน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และร่วมงานประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025 ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ได้กล่าวถึงความเป็นมาว่า มูลนิธิวิจัยแห่งชาติ (National Research Foundation – NRF) แห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ริเริ่มจัดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก (Global Young Scientists Summit - GYSS@one-north) เพื่อเป็นการประชุมระดับนานาชาติของนักวิจัยเยาวชน ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีชั้นนำของโลก นอกเหนือจากนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลแล้วยังมี นักวิทยาศาสตร์รางวัลเหรียญฟิลด์ส (Fields Medal)ด้านคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์รางวัลทูริ่งอะวอร์ด (Turing Award)ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ นักวิทยาศาสตร์รางวัลมิลลิเนียมเทคโนโลยี (Millennium Technology Prize)ด้านวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีสิงคโปร์ (President's Science & Technology Awards) ได้รับเชิญมาบรรยายและทำกิจกรรมร่วมกับนักวิจัยเยาวชน เพื่อเป็นการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิจัยเยาวชนดังกล่าว ในปี 2568 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 13 นั้นมูลนิธิวิจัยแห่งชาติฯ ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6–10 มกราคม 2568 ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก 18 คน ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล นักวิทยาศาสตร์รางวัลเหรียญฟิลด์ส  นักวิทยาศาสตร์รางวัลทูริ่ง นักวิทยาศาสตร์รางวัลมิลลิเนียมเทคโนโลยี นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลด้านวิทยาการคำนวณของสมาคมคอมพิวเตอร์เอซีเอ็ม นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลสต็อคโฮล์มวอเทอร์ และนักวิทยาศาสตร์ที่เคยได้รับเกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในงาน Christmas Lectures ที่จัดโดยราชสมาคมแห่งสหราชอาณาจักร ในปีนี้นั้นมีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทย ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชวินิจฉัยคัดเลือกจำนวน 15 คน ปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทยเข้าร่วมทั้ง 13 ครั้งรวมทั้งสิ้น 115 คน อยู่ระหว่างการศึกษาต่อ จำนวน 57 คน และมีศิษย์เก่าที่ทำงานแล้ว จำนวน 58 คน กระจายอยู่ในมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคเอกชน หลายคนมีผลงานวิจัยที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศ เช่น รศ. ดร.ทวีธรรม ลิมปานุภาพ ศิษย์เก่า รุ่นที่ 1 เป็นผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2563 จากผลงานวิจัยเรื่อง “การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีและการพัฒนาสื่อการสอนวิทยาศาสตร์” ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงในการทำงานวิจัยที่มีคุณภาพ และเพื่อเชิดชูเกียรตินักวิทยาศาสตร์ไทยและเพื่อเป็นแบบอย่างให้เยาวชนเจริญรอยตามด้วย นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่า รุ่นที่ ๑ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติระดับประเทศ “ครูวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2564” คือ รศ. ดร.นัทธี สุรีย์ ศิษย์เก่า รุ่นที่ 5 คือ ผศ. ดร.ธัญญพร วงศ์เนตร ได้รับรางวัล Loreal-UNESCO for Women in Science International Awards ประจำปี 2562 ที่มุ่งผลักดันประเด็นโลกด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จากงานวิจัยด้านการค้นหาหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่อเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นสารมูลค่าเพิ่มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รางวัล จำนวน 100,000 ยูโร เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยและส่งเสริมกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่าอีกหลายคนที่มีผลงานวิจัยในวารสารวิชาการระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัลดีเด่นด้านการวิจัยจากมหาวิทยาลัย เช่น รศ.ดร.พงษ์พิชิต จันทร์นุ้ย ศิษย์เก่ารุ่นที่ 3 และ ผศ. ดร.นายสัตวแพทย์เกริกเกียรติ จินดา ศิษย์เก่ารุ่นที่ 4 โอกาสนี้ ดร.พัชร์ลิตา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวให้กำลังใจนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่เข้าร่วมกิจกรรมให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างเครือข่ายเพื่อนนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ และนำความรู้และประสบการณ์กลับมาพัฒนางานวิจัยและเผยแพร่ความรู้ให้กับเยาวชนและสังคมต่อไป
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
“ศุภมาส” จัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ชูคำขวัญ “มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน” จัดยิ่งใหญ่ 3 แห่ง
“ศุภมาส" จัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ชูคำขวัญ "มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน" จัดยิ่งใหญ่ 3 แห่งพร้อมกัน ที่กระทรวง อว. ถนนโยธี ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา และ อพวช. คลอง 5 ระดม 22 หน่วยงานดึงภาคเอกชน ผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยสร้างสรรค์จินตนาการให้กับน้อง ๆ พบขบวนพาเหรดหุ่นยนต์หลายสิบตัว ท่องอวกาศ วิเคราะห์ลายนิ้วมือค้นหาศักยภาพ พร้อมเปิดห้องทำงาน รัฐมนตรีเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สนุกกับกิจกรรมและรับของขวัญกลับบ้านกว่า 50,000 ชิ้น (8 ม.ค. 2568) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวการจัดงาน "อว. For Kids" วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 โดยมีนายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง อว. พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ราชการกระทรวง อว. รักษาการราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รักษาการราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. พร้อมด้วย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วมที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. (โยธี) น.ส.ศุภมาส กล่าววว่า หัวใจสำคัญของการจัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในปีนี้ กระทรวง อว. อยากชวนน้อง ๆ มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องกับคำขวัญที่ว่า “ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” ที่นายกรัฐมนตรีมอบไว้ให้กับเด็กไทยทั่วประเทศในวันเด็กปีนี้ เพราะเด็กทุกคนล้วนมีความคิด มีจินตนาการ มีความอยากเรียนรู้และควรได้มีโอกาสเลือกในสิ่งที่อยากเป็น ตนจึงมองว่า การสนับสนุนให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ ปลูกฝังให้มีความรักในวิทยาศาสตร์จะเป็นบันไดสำคัญที่จะช่วยให้น้อง ๆ เด็กและเยาวชนทุกคน สามารถปรับตัวก้าวสู่โลกแห่งอนาคตได้ รมว.อว. กล่าวต่อว่า กระทรวง อว. ได้เตรียมกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เน้นให้น้อง ๆ ได้มีส่วนร่วม ได้คิด ได้ลงมือทำ ได้ทดลอง ได้ประดิษฐ์คิดค้นและหาคำตอบด้วยตนเอง ซึ่งวันเด็กปีนี้พิเศษกว่าปีอื่น ๆ เพราะได้มีการจัดงานพร้อมกันถึง 3 แห่ง โดยแห่งแรกวันที่ 10 - 11 มกราคม จัดที่ กระทรวง อว. ถนนโยธี แห่งที่สองวันที่ 11 มกราคม ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา กรุงเทพฯ และแห่งที่สามวันที่ 11 มกราคม ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองห้า ปทุมธานี นอกจากนี้ ในต่างจังหวัดทั่วประเทศก็จะมีสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในกระทรวง อว. ร่วมกันจัดงานวันเด็กอีกหลายพื้นที่ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า กระทรวง อว. จัดเต็มทั้งความสนุกด้านวิทยาศาสตร์พร้อมกับของรางวัล รวมแล้วกว่า 50,000 ชิ้น เพื่อมอบความสุขความสนุกสนานควบคู่ไปกับสาระความรู้ให้กับน้อง ๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ สำหรับการจัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่กระทรวง อว. ถนนโยธี มีหน่วยงานมาร่วมจัดกิจกรรมมากถึง 22 หน่วยงาน เต็มพื้นที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ น้อง ๆ จะได้พบขบวนพาเหรดหุ่นยนต์หลายสิบตัว เช่น หุ่นยนต์กู้ภัยแชมป์โลก 10 สมัย หุ่นยนต์น้องดาวเหนือ หุ่นยนต์กู้ภัยจิ๋ว หุ่นยนต์ MAKEX หุ่นยนต์เหล่านี้จะมาเล่นกับน้อง ๆ ช่วยสร้างจินตนาการ ยังมีการวิเคราะห์ลายนิ้วมือเพื่อค้นหาศักยภาพการทำงานของสมองทั้ง 2 ซีก ตามหลักการทางพันธุกรรมศาสตร์ ที่จะช่วยประเมินความถนัดของน้อง ๆ แต่ละคนได้อย่างแม่นยำ ส่วนน้อง ๆ ที่อยากท่องอวกาศ เรามีสถานีจำลองให้น้อง ๆ ได้ลองต่อโมเดลดาวเทียมไทยโชต และดาวเทียมธีออส เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ รวมไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญ ตนจะเปิดห้องทำงานของดิฉันเพื่อให้น้อง ๆ และผู้ปกครองได้เข้าไปถ่ายรูปกับโต๊ะทำงานของรัฐมนตรีเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับความฝันของเด็ก ๆ ที่อยากจะเติบโตขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีหรือสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาอยากเป็นหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยของเรา ทั้ง 2 วันคือวันที่ 10 และ 11 มกราคม นอกจากนี้ กระทรวง อว. ยังเตรียมตู้คีบของขวัญมหัศจรรย์พร้อมของขวัญและของรางวัลมากมายรอให้น้อง ๆ มาร่วมสนุกกันในงาน โดยมีภาคเอกชน ผู้ใหญ่ใจดี หลายบริษัทที่มาช่วยเติมเต็ม และสร้างสรรค์จินตนาการให้กับน้อง ๆ เช่น พี่ ๆ จาก บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่นฯ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ บริษัท ศรีนานาพรฯ บริษัท โมชิ โมชิ ที่ได้สนับสนุนขนม น้ำดื่ม และมอบรางวัลและให้กับน้อง ๆ รวมกันกว่า 50,000 ชิ้น เรียกว่ามางาน "อว. For Kids" ในปีนี้ น้อง ๆ ที่มาเที่ยวงานจะได้ทั้งอาหารสมองและได้ของขวัญ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันทุกคน "สุดท้ายนี้ ตนในฐานะที่เป็นทั้งรัฐมนตรีและเป็นคุณแม่ อยากจะสร้างความทรงจำที่มีคุณค่า ช่วยแต่งเติมภาพแห่งความสุขในวัยเยาว์ผ่านงานวันเด็ก และพร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนทุกคนเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีอนาคตที่ดี ขณะเดียวกัน ก็จะนำทุกหน่วยงานในสังกัดร่วมสนับสนุนการพัฒนาเด็กไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ปลูกจิตสำนึกให้รักในวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมให้เป็นคนช่างคิด ใฝ่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา มีความคิดสร้างสรรค์ มีวินัย ใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปลง และพร้อมปรับตัวสู่โลกในอนาคต อย่าพลาดนะคะ ขอเชิญชวนผู้ปกครองพาลูก จูงหลาน มาสนุกกับงานยิ่งใหญ่แห่งปีกับงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ณ บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 และในพื้นที่อื่น ๆ ของกระทรวง อว. ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ขอรับรองว่าน้อง ๆ จะสนุกและได้รับความทรงจำที่ดี กลับบ้านแน่นอน แล้วพบกันนะคะ” น.ส.ศุภมาส กล่าว ด้าน ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. ได้นำกิจกรรมของเล่นจากบอร์ดสมองกลฝังตัว KidBright AI ที่วิจัยพัฒนาโดยเนคเทค - สวทช. มาร่วมสนุกในรูปแบบเกมส์และรับของที่ระลึก พร้อมทั้งนำบอร์ด KidBright มามอบเป็นรางวัลใหญ่ให้กับน้องๆ ทั้งนี้หวังว่าเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อนำไปต่อยอดในด้านต่าง ๆ โดยกิจกรรมนี้ได้มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนากระบวนการคิดเชิงตรรกะร่วมกับความคิดสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดการเรียนรู้สู่การพัฒนาแอปพลิเคชันและเทคโนโลยีด้วยตนเองในอนาคต โดยผู้เล่นสามารถสร้างชุดคำสั่งควบคุมการทำงานของบอร์ดผ่านโปรแกรมสร้างชุดคำสั่งที่ใช้งานง่าย เพียงการลากบล็อกคำสั่งมาวางต่อกัน (Drag and drop) รวมถึงมีการนำ Blockly มาผสมผสานเป็นบล็อกคำสั่งอย่างง่าย มีให้เลือกภาษาได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ช่วยลดความกังวลเรื่องการพิมพ์ชุดคำสั่งผิด ชุดคำสั่งที่ถูกสร้างดังกล่าวจะส่งไปที่บอร์ดให้ทำงานตามที่กำหนดไว้ เช่น รดน้ำต้นไม้ตามระดับความชื้นที่กำหนด หรือเปิด-ปิดไฟตามเวลาที่กำหนด ร่วมถึงการคัดแยกขยะอีกด้วย
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
อว. ต้อนรับศักราชใหม่ นำคณะผู้บริหาร-บุคลากร กระทรวง อว. ร่วมทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568
(8 มกราคม 2568) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บุคลากรในองค์กร และสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย นำโดย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารการอุดมศึกษาฯ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. และคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่กระทรวง อว. ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารอุดมศึกษา 2 สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ศรีอยุธยา) โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มอบหมายผู้แทน ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ ดร.มนัสชัย คุณาเศรษฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรในครั้งนี้ด้วย
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
“ศุภมาส” ยินดีกับผู้โชคดี ถูกรางวัลสลากกาชาด อว. ประจำปี 2567 มูลค่ารวมกว่า 3.16 ล้านบาท!
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลสลากกาชาด อว. ประจำปี 2567 ลำดับที่ 1-4 พร้อมแสดงความยินดีแก่ผู้ที่ได้รับรางวัล โดยมี นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง อว. ศ.ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม รองปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. และดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เข้าร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยาน ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. (โยธี) นางสาวศุภมาส กล่าวว่า กระทรวง อว. ได้เข้าร่วมจัดกิจกรรมออกร้านงานกาชาด และจำหน่ายสลากบำรุงสภากาชาด อว. ซึ่งสภากาชาดไทยจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทศมราชา 72 พรรรรษาถวายพระพร” มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัด สถาบันอุดมศึกษาในสังกัด อว. พร้อมทั้งหน่วยงานเอกชน และประชาชนโดยทั่วไป ที่ให้การสนับสนุนการจำหน่ายสลากด้วยดี ทั้งนี้ กระทรวง อว. ได้ทำการหมุนวงล้อออกรางวัลสลากเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานกาชาดประจำปี 2567 โดยมี ปลัดกระทรวง อว. ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานกาชาดของกระทรวง อว. ร่วมเป็นสักขีพยานในการออกรางวัลจนครบการหมุนรางวัลจำนวน 64 ครั้ง ณ สวนลุมพินี “ขอขอบคุณคณะกรรมการอำนวยการจัดงานกาชาด อว. และผู้บริหารหน่วยงาน รวมทั้งข้าราชการ ตลอดจนบุคลากรที่ร่วมกันจัดกิจกรรมออกร้านกาชาด อว. จนประสบความสำเร็จ และขอแสดงความยินดีกับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลสลากสภากาชาดไทยกระทรวง อว. ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ด้วย” นางสาวศุภมาส กล่าว โดยรางวัลสลากกาชาด อว. ประจำปี 2567 มีดังนี้ รางวัลที่ 1 รถยนต์ Neta VII รุ่น Smart ราคา 459,000 บาท จำนวน 1 ราลวัล มูลค่า 459,000 บาท รางวัลที่ 2 จักรยานยนต์ Zontes 350E ราคา 153,000 บาท จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 153,000 บาท รางวัลที่ 3 ทองคำหนัก 2 บาท ราคา 85,000 บาท จำนวน 2 รางวัล มูลค่า 170,000 บาท รางวัลที่ 4 ทองคำหนัก 1 บาท ราคา 42,500 บาท จำนวน 8 รางวัล มูลค่า 340,000 บาท รางวัลที่ 5 ทองคำหนัก 2 สลึง ราคา 21,300 บาท จำนวน 40 รางวัล มูลค่า 852,000 บาท รางวัลที่ 6 จักรยานไฟฟ้า (MD-750W) ราคา 11,500 บาท จำนวน 10 รางวัล มูลค่า 115,000 บาท รางวัลเลขท้าย 3 ตัว หมุน 2 ครั้ง ทองคำครึ่งสลึง ราคา 5,400 บาท จำนวน 200 รางวัล มูลค่า 1,080,000 บาท รวม 262 รางวัล รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 3,169,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ซื้อสลากสามารถตรวจผลสลากกาชาด อว. ได้ที่หน้าเว็บไซต์ www.mhesi.go.th สำหรับผู้ที่สลากถูกรางวัล สามารถนำข้อมูลติดต่อประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานได้ที่ เบอร์โทร. 02 610 5284, 5268 กลุ่มกิจกรรมพิเศษ กองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายในวันอังคารที่ 18 มีนาคม 2568 เพื่อทำการตรวจสอบขึ้นรางวัลเป็นลำดับต่อไป   ภาพจาก กระทรวง อว.
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. เดินหน้าขับเคลื่อน วทน. ปี 2568 ด้วย “S&T Implementation for Sustainable Thailand”
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แถลงสรุปผลงาน สวทช. ประจำปี 2567 ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้กลยุทธ์ BCG Implementation ผ่าน 12 โครงการที่ตอบโจทย์ประเทศใน 4 มิติ ได้แก่ การสร้างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มการพึ่งพาตนเอง การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายในปี 2568 เดินหน้าขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ด้วยกลยุทธ์ “S&T Implementation for Sustainable Thailand”
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
ไบโอเทค-สวทช. และ ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล ในเครือเชอร์วู้ด ร่วมมือวิจัยโครงการ “พัฒนากับดักราแมลงกำจัดปลวก” ทางเลือกใหม่ ลดใช้สารเคมีในครัวเรือน
(6 มกราคม 2568) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี - ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และบริษัท ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ลงนามความร่วมมือในโครงการ “การพัฒนากับดักราแมลงกำจัดปลวก” ซึ่งมุ่งวิจัยราแมลงและพัฒนากับดักสำหรับกำจัดปลวกในที่อยู่อาศัย โดยใช้วิธีชีวภาพ (Biocontrol) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ภายใต้การสนับสนุนจากโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP: ไอแทป) สวทช. โดยตั้งเป้าสร้างกับดักปลวกชีวภาพ 100% ด้วยการใช้ราแมลงแทนสารเคมี พิธีลงนามจัดขึ้นโดยมี ผศ.ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการไบโอเทค และ นายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ กรรมการบริษัท ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อมด้วยทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ เข้าร่วมงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวว่า จากข้อได้เปรียบเรื่องทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพสูงของไทย สวทช. โดยศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย (TBRC) ได้รวบรวมจัดทำคลังจุลินทรีย์ของประเทศ ซึ่งมีทั้งเชื้อรา แบคทีเรีย และยีสต์ เป็นจำนวนมาก โดยทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค ได้มุ่งค้นหาและศึกษาจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติเป็นชีวภัณฑ์ด้านการเกษตรที่โดดเด่นจาก TBRC ปัจจุบันสามารถถ่ายทอดออกสู่ภาคเอกชน และผลักดันเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จัก ชีวภัณฑ์ควบคุมแมลงศัตรูพืชเพื่อใช้ในการเกษตรหลายชนิด อาทิ ราบิวเวอเรีย (Beauveria bassiana) สำหรับควบคุมแมลงกลุ่มเพลี้ย ราเมตาไรเซียม (Metarhizium) สำหรับควบคุมไรแดง เป็นต้น ดังนั้น จึงมีความต้องการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ดังเช่นในการลงนามริเริ่มโครงการ “การพัฒนากับดักราแมลงกำจัดปลวก” ในครั้งนี้ เพื่อขยายผลสู่แมลงรบกวน ที่เป็นปัญหาสำคัญในครัวเรือน  ดร.นันทิยา วิริยบัณฑร ผู้อำนวยการโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. กล่าวว่า ITAP เป็นหน่วยงานภายใต้ สวทช. ได้ร่วมให้การสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการกับ บริษัท ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมุ่งหวังว่าจะสามารถผลักดัน “กับดักราแมลงกำจัดปลวก” ให้สามารถใช้งานได้ดีและเป็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้ เพื่อจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยต่อไป ด้าน นายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ บริษัท ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า บริษัท ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือบริษัท เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ภายใต้การขับเคลื่อนของ นายแพทย์ณรงค์ฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ “แบรนด์ ทีโพล์” ที่ผ่านมาบริษัทฯ ทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ในครัวเรือน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย และผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงในบ้านเรือน จนถึงกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรม และอนาคตจะพัฒนาถึงกลุ่มโรงงานผลิตยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยทิศทางของบริษัทฯ เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชีวภัณฑ์กำจัดแมลง ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า เรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ชีวภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอของเราให้ถึง 20% และสร้างระบบสนับสนุนเกษตรกรให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเราได้ง่ายขึ้น “ชีวภัณฑ์กำจัดแมลงไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือคำมั่นสัญญาของเราที่จะช่วยเกษตรกรและรักษาสิ่งแวดล้อม บริษัทของเราพร้อมแล้วที่จะนำพาอุตสาหกรรมนี้ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า” ด้วยโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สำหรับบริษัทฯ การเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายทางธุรกิจ แต่ยังเป็นพันธกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน และ ดร.อลงกรณ์ อำนวยกาญจนสิน นักวิจัยอาวุโส หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ปัจจุบันมนุษย์ให้ความสำคัญต่อสภาพแวดล้อมการเป็นอยู่ที่ปลอดภัย จึงหันมาเลือกใช้สิ่งของอุปโภคบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงทางเลือกในการใช้ชีวิตที่ลดสารเคมีลง ชีวภัณฑ์จึงเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในการใช้ควบคุมศัตรูพืชต่าง ๆ ที่มีความยั่งยืน นำไปสู่การศึกษาประสิทธิภาพของชีวภัณฑ์ราแมลงที่มีความสามารถในการฆ่าแมลงที่จำเพาะเจาะจงในปลวก Coptotermes gestroi สำหรับพัฒนาเป็นกับดักปลวกแบบชีวภาพ (100% organic) โดยใช้ราแมลงทดแทนสารเคมีกำจัดแมลงได้ในอนาคต โดยในการศึกษาวิจัยด้านการใช้ชีวภัณฑ์ราแมลง เพื่อกำจัดปลวกบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากปลวกบ้าน (Coptotermes gestroi) เป็นศัตรูสำคัญและสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารและบ้านเรือน ปัจจุบันวิธีที่ใช้อยู่คือสารเคมี การใช้ราแมลงมาควบคุมเป็นแนวทางใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ในการจัดการปลวกบ้านแบบธรรมชาติ อันจะนำไปสู่การลดหรือทดแทนสารเคมีได้ในอนาคต ทั้งนี้ ปลวกบ้าน นับเป็นหนึ่งในศัตรูที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก สามารถกัดกินวัสดุและสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างไม้ทุกที่ทั้งอาคารบ้านเรือน สำนักงาน โรงเรียน และสถานที่ราชการ เสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยหรือใช้งาน การใช้สารเคมีป้องกัน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคน สัตว์เลี้ยง ตามมามากมาย การใช้ชีวภัณฑ์เพื่อควบคุมปลวกบ้าน จึงนับเป็นแนวทางเพื่อลดใช้สารเคมี และส่งเสริมสุขภาพของคน สัตว์เลี้ยง และรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน   ข้อมูลเพิ่มเติม ราแมลง คือ ราที่ก่อโรคในแมลงและแมง โดยราจะเข้าไปอาศัยในตัวแมลงเพื่อใช้เป็นแหล่งอาหาร ราจะค่อยๆ เจริญเติบโตจนแมลงเจ้าบ้านตายในที่สุด และจะพัฒนาโครงสร้างที่ใช้ในการสืบพันธุ์ที่เต็มไปด้วยสปอร์งอกบนซากของแมลง สปอร์ราที่มีการพัฒนาสมบูรณ์แล้วก็พร้อมเข้าทำลายแมลงเจ้าบ้านตัวใหม่ต่อไป ราแมลงสามารถพบได้ทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ และพื้นที่การเกษตรที่ปลอดสารเคมี จัดว่าเป็นการพัฒนาสารชีวภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ควบคุมแมลงได้ดีขึ้น ไม่มีสารพิษตกค้าง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และผู้บริโภค
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ทุนสนับสนุน Startup สูงสุด 1,500,000 บาท! สำหรับนิสิต นักศึกษา และบัณฑิตจบใหม่ ที่มีแนวคิดธุรกิจนวัตกรรม ภายใต้โครงการ TED Youth Startup 2025
📣เปิดรับสมัครแล้ว! 🚀🧑‍🎓 ทุนสำหรับนิสิต นักศึกษา และบัณฑิตจบใหม่ ในการเริ่มต้นธุรกิจ Startup ภายใต้โครงการยุววิสาหกิจเริ่มต้น ปี 2568 (TED Youth Startup 2025) รอบ 2/2568 🌟อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) หนึ่งในเครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) เปิดรับสมัคร Startup ที่มีความสนใจในการพัฒนาธุรกิจบนฐานของเทคโนโลยีและนวัตกรรม และกำลังมองหาทุนในการต่อยอดธุรกิจสู่เชิงพาณิชย์ โดยสนับสนุนทุนมูลค่าสูงสุดถึง 1,500,000 บาท 👉 สิทธิประโยชน์ที่ท่านจะได้รับ 🔺ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่การเตรียมตัวยื่นขอทุน ไปจนถึงขั้นตอนการเบิกจ่าย และปิดโครงการ 🔺ให้คำปรึกษาด้านการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม และเชื่อมโยงธุรกิจ 🔺มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ขอรับทุน 💥อย่ารอช้า รับจำนวนจำกัด เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 1 มีนาคม 2568 รีบสมัครเลย โอกาสดีๆ รออยู่! https://www.nstda.or.th/r/cYsW0 สนใจติดต่อ : อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย คุณกฤษกรณ์ 📲086 362 6185 คุณจิรพร 📲 0816397284 คุณชมพูนุช 📲 0813187532 📧 bcd@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
 
แกะกล่องงานวิจัย : ‘หัวน้ำซุปปลา’ จากน้ำต้มลูกชิ้น
  1) เกี่ยวกับอะไร ? โดยทั่วไปในกระบวนการผลิตลูกชิ้นจากเนื้อปลาจะมีน้ำจากการต้มลูกชิ้นมากกว่า 3-6 ตันต่อวัน ซึ่งโรงงานจะเก็บน้ำไว้ในห้องเย็นเพื่อจำหน่ายให้ผู้ประกอบการประเภทจัดเลี้ยงหรือร้านอาหารที่ต้องการใช้น้ำชนิดนี้ทำอาหาร แต่ก็ยังมีน้ำต้มลูกชิ้นเหลือเป็นปริมาณมาก ส่งผลให้โรงงานต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำทิ้งโดยเปล่าประโยชน์เป็นประจำทุกวัน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนากระบวนการแปรรูปน้ำต้มลูกชิ้นเป็นหัวน้ำซุปปลาประเภทพร้อมปรุง (ready-to-cook: RTC) ที่มีกลิ่นหอมกรุ่น รสกลมกล่อมสไตล์เอเชีย เหมาะแก่การผลิตเป็นอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ     2) ดีอย่างไร ? ข้อดีแรกของผลิตภัณฑ์​ คือ อร่อยแบบไร้ผงชูรส เพราะนักวิจัยเลือกใช้กระบวนการทำเข้มข้นที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อรักษากลิ่นรสของวัตถุดิบให้ได้มากที่สุด ไม่ใส่ผงชูรส และไม่ใส่สารปรุงแต่งชนิดที่ต้องระบุบนฉลากอาหาร (เช่น สารแต่งสี สารกันบูด) นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังผ่านการฆ่าเชื้อด้วยกระบวนการสเตอริไลซ์ ทำให้จัดเก็บได้นานกว่า 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น ข้อดีที่สองคือผลิตภัณฑ์เป็นหัวน้ำซุปชนิด RTC จึงเหมาะแก่การใช้งานทั้งในระดับครัวเรือนและอุตสาหกรรม ช่วยรักษาความคงที่ของรสชาติอาหาร ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บวัตถุดิบสด ลดระยะเวลาการต้มน้ำซุป รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากกระบวนการผลิต เช่น แรงงาน เชื้อเพลิง ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากข้อดีเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์เทรนด์อาหารโลกในปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รับประทานสะดวก ประหยัดเวลา และมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   3) ตอบโจทย์อะไร ? การนำน้ำต้มลูกชิ้นมาอัปไซเคิลเป็นหัวน้ำซุปปลาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ของเหลือทิ้งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การแปรรูปเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกยังช่วยเพิ่มโอกาสในการพาสินค้าไทยไปครองส่วนแบ่งทางการตลาดด้วย   4) สถานะของเทคโนโลยี ? พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแล้ว ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการให้บริการได้ที่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ ไบโอเทค สวทช. อีเมล bbd@biotec.or.th   รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัย : สวทช. พัฒนาเทคโนโลยีอัปไซเคิลน้ำต้มลูกชิ้นเป็น ‘หัวน้ำซุปปลา’ หอมกรุ่น กลมกล่อมสไตล์เอเชีย     เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
TAIST-Science Tokyo รับสมัครคัดเลือกบุคคล เพื่อรับทุนศึกษาต่อระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมขั้นสูง หลักสูตรนานาชาติ ประจำปีการศึกษา 2568
Thailand Advanced Institute of Science and Technology and Tokyo Institute of Technology (TAIST-Science Tokyo) ตามที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  (สวทช.)  ร่วมกับ Institute of Science Tokyo (Science Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ระดับปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ รวมถึงหลักสูตรประกาศนียบัตรระบบขนส่งทางราง ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้ “โครงการ TAIST-Science Tokyo” ซึ่งได้เริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยในปีการศึกษา 2565 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ให้การสนับสนุนทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาบุคลากรวิจัยและวิศวกรรมทักษะสูงตามความต้องการของประเทศจนถึงขณะนี้ จากการศึกษา 3 หลักสูตร ดังนี้ (more…)
ปฏิทินกิจกรรม
 
‘Adaptive Education Platform’ ออกแบบการเรียนรู้ให้เหมาะกับผู้เรียนรายบุคคล
  ปัญหาหนึ่งของระบบการศึกษาไทย คือ การใช้หลักสูตรแกนกลางแบบเดียวกันในการจัดการเรียนการสอนแก่เด็กทั้งประเทศ ขณะที่เด็กมีทักษะพื้นฐานและความสามารถในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน จึงเกิดปัญหาเด็กเรียนไม่ทันกันในชั้นเรียน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดอ่อนของตนเองอยู่ตรงไหน สุดท้ายเด็กอาจรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการเรียนรู้และหลุดออกจากระบบการศึกษาในที่สุด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา Adaptive Education Platform แพลตฟอร์มให้บริการอีเลิร์นนิง (e-learning) ที่มีฟังก์ชันติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน พร้อมช่วยแนะนำเนื้อหาที่ควรทบทวนและศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้แบบอัตโนมัติ   ติดตามการเรียนรู้ ระบุจุดต้องแก้ไข [caption id="attachment_64357" align="aligncenter" width="750"] ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เนคเทค สวทช.[/caption]   ดร.เสาวลักษณ์ แก้วกำเนิด หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เนคเทค สวทช. เล่าว่า adaptive education หรือการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่ผ่านการปรับให้มีความจำเพาะกับผู้เรียนรายบุคคลกำลังเป็นเทรนด์การศึกษาในหลายประเทศชั้นนำ เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันมีความก้าวหน้าจนเอื้อให้นักพัฒนาเทคโนโลยีออกแบบ adaptive education platform รูปแบบต่าง ๆ มาให้บริการติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนผ่านระบบอีเลิร์นนิงแบบรายบุคคล เพื่อวิเคราะห์จุดที่อาจเป็นปัญหาในการเรียนรู้ และแนะนำเนื้อหาที่ควรทบทวนหรือควรศึกษาเพิ่มเติมตามหลักคิด adaptive education แบบอัตโนมัติได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้นอกจากจะทำหน้าที่เป็นโคชส่วนบุคคลให้แก่ผู้เรียนได้แล้ว ยังเป็นผู้ช่วยที่ทำให้ครูและอาจารย์ทำงานด้านการติดตามคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่น้อยลง ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ระบบการศึกษาไทยเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพนี้ ทีมวิจัยได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษามาใช้ออกแบบ adaptive education platform เพื่อให้บริการแก่ครูและอาจารย์ในประเทศไทย โดยปัจจุบันภายใต้แพลตฟอร์มนี้มีเทคโนโลยีติดตามกระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบอีเลิร์นนิงที่พร้อมให้บริการแล้ว 3 เทคโนโลยี     “เทคโนโลยีแรกคือ BookRoll เทคโนโลยีติดตามการอ่านเอกสารสื่อการเรียนรู้ที่เป็นไฟล์ PDF เพื่อระบุว่าผู้เรียนใช้เวลาอ่านเนื้อหาส่วนไหนมากเป็นพิเศษ มีการขีดเน้นส่วนสำคัญและส่วนที่อ่านแล้วไม่เข้าใจไว้ตรงจุดไหนบ้าง เทคโนโลยีที่สอง KidBright Simulator เทคโนโลยีติดตามการเรียนรู้ทักษะโค้ดดิง (coding) ผ่านการฝึกเขียนโค้ดในรูปแบบบล็อก (Blockly) โดยระบบจะติดตามความเร็วในการต่อบล็อกแต่ละส่วน จุดที่นำบล็อกออกแล้วต่อใหม่ รวมถึงช่วยนับจำนวนบล็อกที่ใช้ต่อทั้งหมด ซึ่งการติดตามทั้งหมดนี้จะช่วยประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์และความเข้าใจเรื่องการเขียนโค้ดของผู้เรียนได้ ส่วนเทคโนโลยีที่สามที่พร้อมให้บริการแล้วคือ Abdul for Education เทคโนโลยีติดตามการตอบคำถามในระบบแชตบอตเพื่อวัดความเข้าใจ ระบบจะติดตามว่าคำตอบที่ผู้เรียนเลือกหรือพิมพ์ตอบนั้นถูกต้องหรือแสดงถึงความเข้าใจเนื้อหาที่เรียนหรือไม่ ด้วยเครื่องมือทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทั้งผู้เรียน ผู้สอน รวมถึงผู้ออกแบบเนื้อหาทราบถึงปัญหาที่ผู้เรียนกำลังเผชิญได้ทันที และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทีมวิจัยยังมีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีติดตามการเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอเพิ่มเติมด้วย “หากในอนาคตผู้ออกแบบเนื้อหาจัดทำโครงสร้างของเนื้อหาตลอดหลักสูตรอย่างละเอียดและนำโครงสร้างเหล่านั้นเข้าสู่แพลตฟอร์ม ก็จะเอื้อให้แพลตฟอร์มแนะนำให้ผู้เรียนทราบโดยอัตโนมัติว่าจากปัญหาที่ผู้เรียนกำลังเผชิญควรทบทวนหรือศึกษาเพิ่มเติมเรื่องใด เช่น ผู้เรียนกำลังฝึกทำโจทย์วิชาภาษาอังกฤษเรื่อง error identification ซึ่งจากการตอบคำถามของผู้เรียนทำให้ระบบพบว่าผู้เรียนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง past tense และ past perfect tense อย่างมีนัยสำคัญ​ ระบบก็จะแนะนำเนื้อหาทั้ง 2 ส่วนนี้ให้ผู้เรียนใช้ทบทวนใหม่โดยอัตโนมัติ”   ติดตามง่าย เห็นภาพรวม ดร.เสาวลักษณ์ เล่าว่า adaptive education platform ผ่านการออกแบบเพื่อช่วยลดเวลาการติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนแบบรายบุคคล ดังนั้นระบบทั้งหมดจึงเป็นระบบอัตโนมัติ เมื่อครูหรืออาจารย์นำสื่อการเรียนรู้เข้าสู่แพลตฟอร์ม แล้วส่งลิงก์ของเนื้อหาให้ผู้เรียนทุกคนใช้เข้าสู่ระบบเพื่อเริ่มกิจกรรมการเรียนรู้ ระบบจะติดตามพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนรายบุคคลแบบอัตโนมัติ และสรุปผลการเรียนรู้ให้ทั้งผู้เรียนและผู้จัดการเรียนการสอนทราบทันทีในรูปแบบแดชบอร์ด (dashboard) วิเคราะห์และสรุปผล “การจัดการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิงผ่าน adaptive education platform นำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งเป็นเครื่องมือจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน เป็นการบ้าน และเป็นโจทย์การเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตัวเองนอกเวลาในชั้นเรียน ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้สอน ซึ่งจุดเด่นของระบบอีเลิร์นนิงคือ ผู้เรียนใช้ศึกษาหรือทบทวนซ้ำด้วยตัวเองได้ตลอดเวลา และยังเอื้อให้ผู้เรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพได้ด้วย”     ปัจจุบันทีมวิจัยเริ่มนำระบบ adaptive education platform ไปทดสอบให้บริการแก่อาจารย์และนักเรียนจำนวน 600 คน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทราแล้ว โดยหลักสูตรที่ให้บริการขณะนี้มี 2 หลักสูตร คือ เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและการฝึกทักษะโค้ดดิ้งโดยทั้งสองหลักสูตรได้รับการสนับสนุนจาก EEC “นอกจากนี้ทีมวิจัยกำลังดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษาของประเทศไทย เช่น สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในการนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสอนและการเรียนให้แก่ครู อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษาไทย โดยทีมวิจัยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนด้านการขยายผล เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนไทยมากที่สุด” ดร.เสาวลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยีนี้ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อีเมล ae@nectec.or.th   เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และ Shutterstock
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
อว. นำคณะผู้บริหารในสังกัด ร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568
1 มกราคม 2568 คณะผู้บริหารกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง พร้อมด้วย นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาการในตำแหน่งรองปลัดกระทรวง นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ (สวทช.) และหัวหน้าหน่วยงาน อว. ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระบรมมหาราชวัง  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์