หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
สวทช. นำผลงานนวัตกรรมวิจัย สำหรับพัฒนาศักยภาพกำลังคนรองรับสังคมสูงอายุ โชว์ในงานมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 5
 (22 มกราคม 2568) ณ อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี : นายสมศักด์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดงาน การประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและวิทยาการผู้สูงวัย มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 5 “The 5th Thailand Elderly Health Service Forum 2025” ซึ่งมีนักวิชาการ แพทย์ พยาบาล ผู้สนใจ และผู้แทนองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกว่า 1,000 คน     ด้วยความสำคัญที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้นำนวัตกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการ อาทิ แพลตฟอร์มบริหารจัดการสถานดูแลผู้สูงอายุ (Nirun) เป็นระบบบริหารจัดการสถานดูแลผู้สูงอายุ และระบบจัดการมื้ออาหารและโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ (ElderMeal) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดอาหารให้ผู้สูงอายุได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วนเกมขนมมงคล สำรับขนมไทยสำหรับวัยเก๋า 60+  เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดี ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม โดย ดร.จตุพร ชินรุ่งเรือง นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยนวัตกรรมและข้อมูลเพื่อสุขภาพ กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช. และทีมวิศวกร ผู้ช่วยนักวิจัย นายพิรุณ พานิชผล น.ส.พรทิพา โชคสูงเนิน  ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ สำหรับการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย สำหรับเฝ้าระวัง ตรวจจับป้องกัน เพื่อใช้ในการดูแลผู้สูงอายุภายในหน่วยงาน รองรับการทำงานของพยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัด ตลอดจนพี่เลี้ยงในการดูแลผู้สูงอายุร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ  โดย ดร.สุรภา เทียมจรัส นักวิจัย ทีมวิจัยนวัตกรรมและข้อมูลเพื่อสุขภาพ กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช. และทีมวิศวกร ผู้ช่วยนักวิจัย นายซอม บานานี นายณัฐพงศ์ อุ่นอนงค์ ทั้งนี้ นิทรรศการผลงานดังกล่าวจัดแสดงภายใต้งาน การประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและวิทยาการผู้สูงวัย มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 5 “The 5th Thailand Elderly Health Service Forum 2025” ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2568 อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี จัดโดยสถาบันเวชศาสตร์ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ การกระทรวงสาธารณสุข มีทั้งภาครัฐและเอกชนมาจัดแสดงผลงานอีกมากมาย  ซึ่งภายในงานมีการจัดกิจกรรมสัมมนา  เรื่อง เทคโนโลยีด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย โดย ดร.จตุพร ชินรุ่งเรือง นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยนวัตกรรมและข้อมูลเพื่อสุขภาพ กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช.  และยังมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมให้ความรู้กว่า 100 ท่าน และยังมีการจัดนิทรรศการด้านวิชาการและการให้บริการประชาชนจากองค์กรทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมทุกมิติ กว่า 40 องค์กร
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. และพันธมิตรจัดงานครบรอบ 12 ปี “โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย” พร้อมเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ เสริมสร้างแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรม Hands-on
(วันที่ 22 มกราคม 2568) ณ อาคาร บร.5 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี : รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ครบรอบ 12 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย และเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” โดยมี นางดวงสมร คล่องสารา ประธานคณะทำงานโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.สุเพชร จิรขจรกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมในพิธี โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมทดลองทางวิทยาศาสตร์สนุก ๆ ให้กับนักเรียนในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อเสริมความรู้นอกห้องเรียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยมูลนิธินายห้างโรงปูนผู้หนึ่ง รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจทางวิทยาศาสตร์ให้กับนักเรียนมีความรักและสนใจวิทยาศาสตร์ โดยมีการจัดกิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่สนุกให้กับนักเรียนจากผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์มหาวิทยาลัย และมีพี่เลี้ยงนักศึกษาคอยให้คำแนะนำระหว่างทำกิจกรรม ซึ่งนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้เป็นนักเรียนระดับชั้น ป.4-6 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี “การจัดงานในวันนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก เนื่องจากในปี 2568 เป็นปีครบรอบ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จึงร่วมกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติให้พระองค์ท่าน และยังเป็นการฉลองครบรอบ 12 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่สนุกนอกห้องเรียน ซึ่งหวังว่าเด็ก ๆ จะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีกลับไป” รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา กล่าว นางดวงสมร คล่องสารา ประธานคณะทำงานโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย กล่าวว่า โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี 2555 เกิดจากความร่วมมือและร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานในโครงการและมหาวิทยาลัยเครือข่าย รวม 22 แห่งทั่วประเทศ โดยตลอดระยะเวลา 12 ปีมีการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย จนถึงปัจจุบันมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศประมาณ 58,000 คน นอกจากจัดกิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนแล้ว ยังมีการจัดอบรมครูและวิทยากรเครือข่ายให้ได้รับทักษะความรู้เพื่อไปจัดกิจกรรมสนุก ๆ ให้กับนักเรียนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการพัฒนากิจกรรมการทดลองและสื่อการเรียนรู้เสริมนอกห้องเรียนเพื่อให้นักเรียนได้มีการทดลองสนุก ๆ และได้รับความรู้ควบคู่ไปด้วย “สำหรับกิจกรรมในวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่สนุกให้กับนักเรียนระดับชั้น ป.4-6 จำนวน 570 คน จากโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี โดยมีกิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์จำนวน 30 ฐาน เช่น โค้ดดิ้งแอดเวนเจอร์ , Robot Rescue , เล่นสนุกกับแสงสีม่วง , แก๊สมหัศจรรย์ , ความลับของวัสดุ , หุ่นยนต์สัตว์เคลื่อนที่ , พิสูจน์ความสะอาด...ภารกิจล้างมือพิชิตเชื้อโรค และสิ่งประดิษฐ์รถยนต์พลังหนังยาง ซึ่งหวังว่านักเรียน ครู และทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการจะได้รับความรู้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคมต่อไป” ประธานคณะทำงานโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย กล่าว ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย เป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องด้วยเป็นโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ส่งเสริมให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้นได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย โดยมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย เป็นพี่เลี้ยง และมีนักศึกษา ระดับปริญญาตรี โท เอก คอยดูแลและให้คำแนะนำระหว่างที่นักเรียนทำกิจกรรมด้วยตนเอง เน้นการทำงานในลักษณะเครือข่าย โดยบทบาทของ สวทช. ทำหน้าที่เป็นคณะเลขานุการโครงการ ประสานหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งในการพัฒนากิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กและเยาวชน ดำเนินการพัฒนาและจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ให้เด็กและเยาวชนไทยได้พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยในปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานและมหาวิทยาลัยเครือข่าย 22 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจ และเกิดทัศนคติที่ดี ในการทำการทดลองที่สนุก เกิดการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนไทยให้ดียิ่งขึ้น “การจัดกิจกรรมครั้งนี้เปิดโอกาสให้นักเรียนระดับประถมศึกษาในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ได้ทำกิจกรรมที่สนุก เป็นการลงมือทำด้วยตนเองผ่านกิจกรรม Hands-on เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ ตลอดจนเตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยก้าวสู่เส้นทางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อันจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไปในอนาคต” รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. จับมือ วิทยาลัยเทคนิคระยอง เดินหน้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
(22 มกราคม 2568) ณ สำนักงานใหญ่ EECi จังหวัดระยอง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา “เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและการพัฒนาทักษะความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้า และการจัดการแบตเตอรี่อย่างยั่งยืนให้กับบุคลากรภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม” โดยมี ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) ปฏิบัติการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ นางณัฐธารีย์ สิริกุลปัญญาพร รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง เป็นประธานการลงนาม โดยมี ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้อำนวยการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) และ รศ.ประภาส พวงชื่น หัวหน้าแผนกวิชายานยนต์ไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคระยอง ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (TECE) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้โครงการ “การผลักดันการประยุกต์ใช้และการจัดการตลอดวงจรของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย” ซึ่ง สวทช. ได้ดำเนินการร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 7 โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ ลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม และสร้างรากฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ยังเน้นการพัฒนาทักษะบุคลากรผ่านการจัดฝึกอบรม การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดย TECE มีพันธกิจหลักในการผลักดันงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรม EV โดยครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน และการผลักดันการนำเทคโนโลยีไปใช้จริง บทบาทสำคัญของ สวทช. ในความร่วมมือ การพัฒนาบุคลากรผ่านการฝึกอบรมและถ่ายทอดความรู้ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคระยอง เพื่อเสริมทักษะด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เช่น การจัดการแบตเตอรี่อย่างยั่งยืน และสถานีชาร์จไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สวทช. ยังสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น เช่น ผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์วิจัย และเครือข่ายนานาชาติ รวมถึงสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และการศึกษา เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม EV อย่างยั่งยืน ความร่วมมือนี้มุ่งเน้นผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้ายกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค นางณัฐธารีย์ สิริกุลปัญญาพร รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า บทบาทของวิทยาลัยเทคนิคระยองในความร่วมมือพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (EV) มุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะ ความรู้ และความพร้อมของบุคลากรในภาคการศึกษา โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ผ่านการนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาใช้ในการเรียนการสอน รวมถึงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการที่มีคุณภาพ ในการดำเนินงานครั้งนี้ วิทยาลัยจะทำงานร่วมมือกับ สวทช. อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม EV โดยเน้นการสร้างทักษะที่นำไปใช้ได้จริง นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมอบรม สัมมนา และเผยแพร่ความรู้ด้านเทคโนโลยี EV และการจัดการแบตเตอรี่อย่างยั่งยืนให้แก่นักศึกษาและบุคลากรในพื้นที่ อีกทั้ง วิทยาลัยจะสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า โดยเปิดโอกาสให้คณาจารย์และนักศึกษาเข้าร่วมดำเนินโครงการวิจัย เพื่อสร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพในระดับชุมชนและประเทศ   ความร่วมมือนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการพัฒนาทักษะบุคลากรในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรม EV โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอบรมเรื่อง "การซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง" ซึ่งจัดขึ้นโดยนักวิจัยจาก NECTEC และ ENTEC โดยมีการนำเสนอจาก ดร.บุรินทร์ เกิดทรัพย์ หัวหน้าทีมวิจัยมอเตอร์และการแปลงผันกำลังงาน, นายปกาศิต สมศิริ นักวิจัย ทีมวิจัยมอเตอร์และการแปลงผันกำลังงาน, นายสมเดช แสงสุรศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์และการทดสอบผลิตภัณฑ์, และ ดร.มานพ มาสมทบ นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน รวมทั้งชมสาธิตการทดสอบชิ้นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. และ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ลงนามข้อตกลงร่วมมือทางวิชาการ ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยี
(20 มกราคม 2568) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี – สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ “ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยี” โดยมี ดร. จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ นายเหมรัศมิ์ วชิรหัตถพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นประธานการลงนามความร่วมมือ และมี นายบุญเลิศ อรุณพิบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ นางวัชรีย์พร คุณสนอง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ดร. จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า “พิธีลงนามความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนารูปแบบการบริการและนวัตกรรมใหม่ การแลกเปลี่ยนความรู้ในการพัฒนาระบบสนับสนุนการดำเนินการทางวิชาการ และการบริการวิชาการ โดยอาศัยสื่อออนไลน์ที่เหมาะสมอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ เพื่อให้ทั้งสองหน่วยงานสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยและบริหารจัดการสารสนเทศดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา การเรียนการสอน และการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ของไทยอย่างยั่งยืน” นายเหมรัศมิ์ วชิรหัตถพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า “สำนักหอสมุดจะต้องปรับบทบาทของการให้บริการโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อการให้บริการเชิงรุกมากยิ่งขึ้น การพัฒนาให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการ และการพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีดิจิทัลจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัยบูรพาในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือที่มีเป้าหมายเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้ การศึกษาและสรรหาเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการจัดการองค์ความรู้ผ่านเทคโนโลยีที่เหมาะสม ทำให้สามารถใช้เครื่องมือดังกล่าวในการดำเนินการทางวิชาการภายในส่วนงานของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์โดยปราศจากปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและเครือข่ายความร่วมมือโดยใช้สื่อออนไลน์ที่สร้างสรรค์และรับผิดชอบ เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน” นอกจากนี้ มีการบรรยาย เรื่อง “AI กับการบริการทรัพยากรสารสนเทศและตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานในห้องสมุด” โดย นายบุญเลิศ อรุณพิบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการทางความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. ร่วมกับ นายนพพร ม่วงระย้า นักวิชาการ ฝ่ายบริการทางความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. และการบรรยายเรื่อง “จากวันนี้ถึงอนาคต: เอไอกับบทบาทใหม่ของการเรียนรู้” โดย นายชัชวาลย์ สังคีตตระการ วิศวกรอาวุโส กลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ ทีมวิจัยการเข้าใจเสียงและข้อความ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และเยี่ยมชมบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
แกะกล่องงานวิจัย : ‘Ve-Sea’ เนื้อหมึกเทียมจากโปรตีนพืช
  1) เกี่ยวกับอะไร ? ปัจจุบันหากสำรวจตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำจะพบว่ามีผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากโปรตีนพืชวางจำหน่ายมากกว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์จากโปรตีนพืชชนิดอื่น ๆ  เช่น หมู ไก่ และยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อหมึกเทียมจากโปรตีนพืชก็ยิ่งมีตัวเลือกน้อยลงอีก ที่วางจำหน่ายส่วนใหญ่ผลิตจากบุก และบางผลิตภัณฑ์มีแป้งสาลีที่มีกลูเทนเป็นส่วนประกอบ ทำให้ผู้บริโภคที่แพ้กลูเทนไม่สามารถรับประทานได้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบโครงสร้างอาหารมาพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเนื้อหมึกเทียมจากโปรตีนพืชรูปแบบพร้อมปรุง (Ready-to-Cook: RTC) ในชื่อ Ve-Sea เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัสและรสชาติใกล้เคียงกับหมึกจริง เหมาะแก่การเป็นอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ลดหรือเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ แพ้อาหารทะเล แพ้กลูเทน และต้องการควบคุมระดับคอเลสเตอรอล     2) ดีอย่างไร ? ผลิตภัณฑ์มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบร้อยละ 4-6 ไฟเบอร์สูง ปราศจากคอเลสเตอรอลและกลูเทน นอกจากนี้ยังมีปริมาณโซเดียมต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันในท้องตลาด Ve-Sea นำไปใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นลวก ยำ ผัด แกง ทอด ปิ้ง หรือย่าง   3) ตอบโจทย์อะไร ? ผลิตภัณฑ์นี้ตอบโจทย์เทรนด์อาหารโลกทั้งด้านการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ นำไปปรุงอาหารได้สะดวกรวดเร็ว และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้การเป็นอาหารประเภทพร้อมปรุงยังเอื้อต่อการผลิตและจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรมทั้งในตลาดไทยและตลาดโลกด้วย   4) สถานะของเทคโนโลยี ? พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแล้ว ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่ คุณชนิต วานิกานุกูล ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เบอร์โทรศัพท์ 0 2564 6500 ต่อ 4788 หรืออีเมล chanitw@mtec.or.th   รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัย >> เอ็มเทค สวทช. เปิดตัว Ve-Sea ‘หมึกจากโปรตีนพืช’ อร่อยง่าย ดีต่อสุขภาพ
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
ENTEC สวทช. รับมอบงบประมาณจาก กฟภ. สนับสนุนการดำเนินงานโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ สานต่อโครงการในพื้นที่โครงการตามพระราชดำริ ฯ
 (17 มกราคม 2568) ณ อาคารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ถนนพระรามที่ 6 (โยธี) กรุงเทพฯ : ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วย ดร.อมรรัตน์ ลิ้มมณี หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ กลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน ดร.อัศวิน หงษ์สิงห์ทอง นักวิจัย ทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ หัวหน้าโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ ด้านการบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์และระบบโทรมาตร ร่วมรับมอบงบประมาณ จำนวน 3,000,000 บาท จากนายเกรียงศักดิ์ เครือศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (กิจการองค์กร) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการฯ ในพื้นที่โครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ปีที่ 3 ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ENTEC ได้ดำเนินงานโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรในโรงเรียนด้านการดูแลและบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์และโทรคมนาคมได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ผ่านการสาธิตและฝึกปฏิบัติจริง เพื่อนำความรู้กลับไปประยุกต์ใช้ แก้ปัญหา และพึ่งพาตนเองได้ โอกาสนี้ นายเกรียงศักดิ์ เครือศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (กิจการองค์กร) กฟภ. กล่าวถึงความมุ่งหวังที่จะขยายการเข้าถึงไฟฟ้าในเขตพื้นที่ชายขอบและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนผ่านโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) น้อมรับโครงการตามพระราชดำริฯ ให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ การศึกษา และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสสร้างความร่วมมือและเป็นพันธมิตรร่วมทางวิจัยกับ กฟภ. ผ่านโครงการสำคัญต่าง ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สำเร็จ ! ไบโอเทค สวทช.พัฒนา “กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่” หวังฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งกุลาดำไทย
  อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้งเคยสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี และทำให้ไทยกลายเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะ “กุ้งกุลาดำ” ซึ่งเป็นกุ้งพันธุ์พื้นถิ่นของไทย มีเนื้อแน่น กรอบเด้ง รสชาติอร่อย เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ และเป็นกุ้งพันธุ์หลักที่เกษตรกรไทยเคยเพาะเลี้ยงและส่งออกไปทั่วโลก แต่เมื่อเจอวิกฤตโรคระบาดและปัญหาสิ่งแวดล้อมในฟาร์มกุ้ง เกษตรกรได้รับความเสียหายอย่างหนัก ฟาร์มกุ้งหลายแห่งต้องปิดตัวลง ส่งผลให้การเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำในประเทศไทยลดลงอย่างมากและถูกทดแทนด้วยการเลี้ยงกุ้งขาวดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างมหาศาล การขาดแคลนพ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำคุณภาพดีเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเลี้ยงกุ้งกุลาดำในประเทศไทยฟื้นตัวช้า ผลผลิตกุ้งส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงเป็นกุ้งขาวพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำจนประสบความสำเร็จ ได้กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่ที่ปลอดโรคและโตเร็ว   [caption id="attachment_64888" align="aligncenter" width="579"] ดร.สรวิศ เผ่าทองศุข ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพสัตว์น้ำแบบบูรณาการ ไบโอเทค สวทช.[/caption]   ดร.สรวิศ เผ่าทองศุข ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพสัตว์น้ำแบบบูรณาการ ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลว่ากุ้งกุลาดำเคยเป็นกุ้งที่ประเทศไทยส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ในอดีตเรายังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องโรค สิ่งแวดล้อม และการจัดการระบบการเลี้ยง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การเลี้ยงกุ้งกุลาดำประสบปัญหาจนต้องมีการนำกุ้งขาวจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงแทน กุ้งกุลาดำที่เป็นพันธุ์พื้นถิ่นของไทยจึงค่อย ๆ หายไป โดยปัจจุบันมีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำไม่ถึงร้อยละ 10 ของผลผลิตกุ้งทะเลทั้งหมดของประเทศ และเป็นกุ้งขาวมากกว่าร้อยละ 90   [caption id="attachment_64890" align="aligncenter" width="750"] ศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง (ศวพก.)[/caption]   “อย่างไรก็ตามกุ้งกุลาดำยังเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงในการเพาะเลี้ยงให้เป็นผลผลิตของประเทศ เพราะฉะนั้นเราจึงพยายามที่จะคงขีดความสามารถด้านการเลี้ยงกุ้งกุลาดำของประเทศไทยเอาไว้ โดยไบโอเทค สวทช. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดำเนินการก่อตั้ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง (ศวพก.)  ในพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อวิจัยและพัฒนาพันธุ์กุ้งกุลาดำ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำที่มีคุณภาพภายใต้ระบบการเลี้ยงที่ปลอดโรค จากนั้นคัดเลือกลูกกุ้งที่ผ่านการพัฒนาพันธุ์แล้วไปให้เกษตรกรเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกกุ้งตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน” ในการพัฒนาพันธุ์กุ้งกุลาดำ นักวิจัยได้รวบรวมกุ้งกุลาดำจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งจากธรรมชาติและแหล่งเพาะเลี้ยง นำมาเพาะเลี้ยงในพื้นที่กักกันและตรวจโรคกุ้งอย่างละเอียด เพื่อคัดเฉพาะกุ้งที่ปลอดโรคเท่านั้นไปเลี้ยงต่อ จากนั้นนำไปเพาะพันธุ์ให้ได้ลูกกุ้งปลอดโรค แล้วจึงเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์เพื่อผลิตเป็นพ่อแม่พันธุ์กุ้งสำหรับพัฒนาพันธุ์ต่อภายในศูนย์วิจัยฯ   [caption id="attachment_64891" align="aligncenter" width="750"] บ่อเลี้ยงกุ้งระบบปิดภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง (ศวพก.)[/caption]   “หลังจากเรานำลูกกุ้งกุลาดำปลอดโรคเข้ามาเลี้ยงภายในศูนย์วิจัยฯ จนโตเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กุ้งอายุ 9-11 เดือน จึงผสมพันธุ์เพื่อผลิตลูกกุ้งรุ่นต่อ ๆ ไป ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานานเนื่องจากว่าเราต้องการพัฒนาพันธุ์กุ้งที่โตเร็ว จึงต้องมีขั้นตอนการคัดเลือกพันธุ์ และเนื่องจากกุ้งมาจากหลายแหล่ง เราจึงต้องทำให้เป็นประชากรกุ้งกุลาดำของศูนย์วิจัยฯ และใช้เทคนิคฉีดสีทำเครื่องหมายบนตัวพ่อแม่พันธุ์ ส่วนการผสมพันธุ์กุ้งจะไม่ใช้วิธีธรรมชาติ แต่จะใช้วิธีรีดถุงสเปิร์มจากพ่อพันธุ์ไปผสมกับแม่พันธุ์กุ้งตามแผนการผสมพันธุ์ที่ออกแบบไว้ เมื่อได้ลูกกุ้งที่มาจากพ่อแม่พันธุ์แต่ละคู่ ก็จะคัดเลือกลูกกุ้งที่เติบโตดีเพื่อนำไปเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์และเข้าสู่การผสมพันธุ์รอบใหม่ ผลิตลูกกุ้งรุ่นใหม่ คัดเลือกพันธุ์จนกระทั่งได้พันธุ์ที่ตรงตามต้องการ” ดร.สรวิศ กล่าว   [caption id="attachment_64892" align="aligncenter" width="750"] พ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำที่พัฒนาโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง (ศวพก.)[/caption]   ทั้งนี้ ในปี 2567 นักวิจัย สวทช. พัฒนาพันธุ์กุ้งกุลาดำสำเร็จและได้กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่ที่มีลักษะเด่น คือ ปลอดโรค แข็งแรง โตเร็ว มีขนาดใหญ่ เนื้อแน่น และมีรสชาติอร่อย ทำให้จำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น และสร้างตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์กุ้งของไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบพันธุ์ในสภาพแวดล้อมการเพาะเลี้ยงจริงร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และฟาร์มกุ้งของเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดว่าจะขยายผลผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่ในเชิงพาณิชย์ได้ในปีถัดไป   [caption id="attachment_64889" align="aligncenter" width="750"] พ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาโดยไบโอเทค สวทช. ปลอดโรค โตไว และขนาดใหญ่[/caption]   “เป้าหมายหลักของเราคือพัฒนาพันธุ์และผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้งคุณภาพดีให้เกษตรกร ซึ่งตอนนี้เราพัฒนาพันธุ์ขั้นแรกสำเร็จแล้ว คือได้พันธุ์ที่โตเร็วและปลอดโรค เพื่อเริ่มต้นให้เกษตรกรได้ใช้ ในขั้นต่อไปเราต้องการพัฒนาพันธุ์กุ้งกุลาดำให้ทนต่อโรค เช่น โรคไวรัสตัวแดงดวงขาว ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการเลี้ยงกุ้ง รวมถึงการพัฒนาพ่อแม่พันธุ์กุ้งเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ เช่น อินเดีย ซึ่งมีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำจำนวนมาก จึงมีความต้องการพ่อแม่พันธุ์จำนวนมากด้วยเช่นกัน” ดร.สรวิศ กล่าว   [caption id="attachment_64893" align="aligncenter" width="750"] กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่จากไบโอเทค สวทช. ตัวใหญ่ เนื้อแน่น รสชาติอร่อย สามารถสร้างตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยได้[/caption]   การพัฒนาพันธุ์กุ้งกุลาดำที่แข็งแรงและต้านทานโรคจะช่วยให้เกษตรกรไทยกลับมาเลี้ยงกุ้งกุลาดำได้อีกครั้ง และช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งกุลาดำไทย สร้างรายได้และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งระดับโลก เกษตรกรและผู้ประกอบการที่สนใจพ่อแม่พันธุ์กุ้งกุลาดำพันธุ์ใหม่ของไบโอเทค สวทช. ติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง (ศวพก.) ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 0776 และติดตามข่าวสารผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง”   เรียบเรียงโดย วีณา ยศวังใจ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. อาร์ตเวิร์กโดย ฉัตรทิพย์ สุริยะ ฝ่ายผลิตสื่อสมัยใหม่, วัชราภรณ์ สนทนา ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. ภาพประกอบโดย จินตนา ศรีธิหล้า ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. และศูนย์วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง (ศวพก.)
ข่าว
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 11 ฉบับที่ 2 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
ข่าว สวทช. ผนึกกำลัง กพร. ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 สผ. – สวทช. ร่วมลงนาม MOU พัฒนาฐานข้อมูลกลางด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย เยาวชนไทยคว้าแชมป์นานาชาติ การแข่งขันเขียนโปรแกรม ควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ผู้ช่วยนักบินอวกาศ ของ NASA กพร. จับมือ เอ็มเทค สวทช. จัดสัมมนาสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยการออกแบบสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สวทช. เดินหน้ายกระดับเกษตรกร พร้อม Train the Trainer เทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียว KUML พืชทางเลือกหลังนา พร้อมใช้ ‘ตลาดนำการผลิต’ สร้างรายได้ยั่งยืน เนคเทค สวทช. -พันธมิตร โชว์ผลงาน “ต่อกล้าอาชีวะ: ปี 67 คิดค้นนวัตกรรม IoT จากโจทย์จริง” การประชุมวิชาการ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริ “ศุภมาส” เปิดการประชุมคณะทำงานการขับเคลื่อน อว. for AI ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและนวัตกรรมด้าน AI อย่างใกล้ชิด “ศุภมาส” เปิดงาน Loy Krathong: Illuminate the Future by อว.-จุฬาฯ สวทช. นำ “มะนีมะนาว ร่วมต้อนรับเทศกาลลอยกระทง” ETDA เปิดตัว ‘คู่มือพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนสำหรับกลุ่มเปราะบาง’ เร่งสร้างมาตรฐานทางดิจิทัล ที่เอื้อต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ของทุกคน เปิดตัว “Seeding-Rebirth กระทงจากเส้นใยเห็ดรา” ผสมผสานวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุและเทคโนโลยีชีวภาพจากไมซีเลียม กับ ประเพณีลอยกระทง จ.ตาก สวทช. นำเสนอ 3 ผลงานวิจัยในงานวันนิทรรศการวิชาการโรงเรียนนายร้อย จปร. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้า เยี่ยมชม PTEC สวทช นาโนเทค สวทช. ส่งมอบต้นแบบ “เครื่องกรองน้ำดื่มด้วยนาโนเทคโนโลยี” ให้ เทศบาลตำบลบูเก๊ะตา-อบต.โละจูด จ.นราธิวาส บรรเทาปัญหาน้ำดื่ม-น้ำใช้  อว. จัดงานมหกรรมการศึกษาครั้งใหญ่ One Stop Open House 2024 สวทช. ขน 3 โครงการทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปิดรับสมัครในงาน  เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย คว้ารางวัล ASOCIO Awards 2024 สะท้อนบทบาทผู้นำภาครัฐในการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล  สวทช. รับรางวัลเกียรติยศประเภทหน่วยงาน จากสัตวแพทยสมาคมฯ ในงานประชุม ICVS2024   Download เอกสารฉบับเต็ม (10.8 MB)  
จดหมายข่าว สวทช.
 
สวทช. จัดงานทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปี 2568
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. จัดงานทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปี 2568 ณ บริเวณลานกลางแจ้ง INC2 The Core โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช.  เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร  พนักงาน สวทช. และประชาคม อวท. ร่วมทำบุญตักบาตรและถวายสังฆทาน พร้อมรับฟังพระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวชิรญาณโสภณ (ม.ล.คิวปิด จรูญโรจน์ ปิยโรจโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
กระทรวง อว. คึกคัก ต้อนรับเด็กๆที่มาร่วม วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในงาน “อว. For Kids” กันอย่างเนืองแน่น
11 มกราคม 2568 วันที่สองของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ณ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้ร่วมให้การต้อนรับและมอบความสุขให้กับน้องๆที่มาร่วมงาน วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในงาน “อว. For Kids” ภายใต้สโลแกน “มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน” โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ได้นำทีมสวทช. นำผลงาน KidBright AI มาร่วมจัดกิจกรรมที่ อว.เพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชน ได้เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมที่จะสร้างโอกาสในการเรียนรู้ ฝึกจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ได้คิดค้น ทดลอง ผ่านกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่สนุกสนานมากมาย
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
‘ศุภมาส’ นำทีมกระทรวง อว. เปิดงาน ‘อว. For Kids’ รับวันเด็ก ส่งต่อความสุขและจุดประกายอนาคตเด็กไทย
งาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ปี 68 เริ่มแล้วคึกคัก เด็กเข้าร่วมงานล้นหลาม ต่อคิวนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวง อว.แน่น “ศุภมาส“ ปลื้มนำน้อง ๆ เดินชมบูธและเข้าร่วมกิจกรรมวิทยาศาสตร์พร้อมจัดเต็มของรางวัลกว่า 100,000 ชิ้น เพื่อส่งมอบความสุข จุดประกายความฝันเพื่ออนาคตของชาติ ด้าน “น้องยูกิ” ด.ญ.ปรีชญา ลาภพิทักษ์พงษ์ ร.ร.พญาไท ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวง อว.เป็นคนแรกเผยตื่นเต้น ถ้าได้เป็นรัฐมนตรีจริง ๆ คงงานเยอะมาก เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายใต้สโลแกน “มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน” ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 กระทรวง อว. ถนนโยธี โดยมี พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.อว. น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ราชการกระทรวง อว. รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. พร้อมด้วย ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ อาทิ โรงเรียนพญาไท โรงเรียนสวนมิสกวัน รวมถึงเด็ก ๆ และเยาวชนชนที่เดินทางมาเที่ยวชมงานพร้อมกับผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก โดยมีบูธกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ให้เด็ก ๆ ได้ร่วมสนุกมากมาย ซึ่งกระจายอยู่เต็มพื้นที่ ทั้งในและนอกอาคารของกระทรวง อว. เมื่อ น.ส.ศุภมาส มาถึงก็ได้สักการะพระบรมรูป ร.4 เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเริ่มต้นกิจกรรมฯ จากนั้นได้นำทีมคณะผู้บริหารมายังเวทีกลาง และร่วมชมโขน ซึ่งแสดงโดยน้อง ๆ เยาวชนจากโขนเด็กสถาบันเอกชนการละคร พร้อมมอบของรางวัลให้กับตัวแทนน้องๆ จากโรงเรียนพญาไทและโรงเรียนสวนมิสกวัน นอกจากนี้ ยังมีขบวนเหล่ากองทัพมาสคอตของหน่วยงานในกระทรวง อว. มาสร้างสีสัน เรียกเสียงฮือฮาจากน้อง ๆ ได้เป็นอย่างมาก น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า งาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 เป็นกิจกรรมที่ อว.ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชน เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมที่จะสร้างโอกาสในการเรียนรู้ ฝึกจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ได้คิดค้น ทดลอง ผ่านกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่สนุกสนานมากมาย โดยมี 22 หน่วยงานมาร่วมจัดกิจกรรม รวมถึงมีผู้ใหญ่ใจดีทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนของขวัญและของรางวัลมามอบให้น้อง ๆ กว่า 100,000 ชิ้น เพื่อสร้างความสุข ความทรงจำที่มีคุณค่าและต่อเติมความฝันให้กับเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของชาติ โดยงานจะจัดถึงวันที่ 11 ม.ค. นี้ จากนั้น รมว.อว. ได้นำน้อง ๆ เยาวชนที่มาร่วมงานเดินชมบูธและเข้าร่วมกิจกรรมที่แบ่งเป็นสถานีต่าง ๆ ตั้งแต่ SRI for All (Kids) สนุก Kids วิทยาศาสตร์ PMU-B เด็กวิทย์ช่างฝัน ปั้นจินตนาการร่วมสร้างอนาคตไทย พร้อมแจกของขวัญให้กับน้อง ๆ เช่น ตุ๊กตา จักรยาน รถบังคับ และของเล่นทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับกิจกรรมในงาน ไฮไลต์พิเศษที่เรียกความสนใจจากน้อง ๆ ได้อย่างล้นหลามคือ ขบวนพาเหรดหุ่นยนต์ ที่มีทั้งหุ่นยนต์กู้ภัยปี 2024, หุ่นยนต์น้องดาวเหนือ, หุ่นยนต์กู้ภัยจิ๋ว RMRC, หุ่นยนต์ Dubot, หุ่นยนต์ MakeX และ Unitree Go2 ที่ตบเท้ากันมาให้ความสนุกกับน้องๆ อย่างเต็มที่ ที่สำคัญยังมีตู้คีบมนุษย์ เครื่องเล่นสุดท้าทาย ที่น้องๆ จะต้องเอาตัวเข้าไปคีบของขวัญและของรางวัลด้วยตัวเอง เรียกว่าได้ลุ้นและออกแรงไปพร้อมกัน ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เรียกเสียงเชียร์ได้ตลอด และที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กิจกรรมอื่น ๆ ก็คือการเปิดห้องทำงานของ น.ส.ศุภมาส ที่ใจดีเปิดห้องทำงานของรัฐมนตรี เพื่อให้น้อง ๆ และผู้ปกครองได้เข้าไปถ่ายรูปกับโต๊ะทำงานของรัฐมนตรี มีน้อง ๆ และผู้ปกครองเข้ามาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสาย โดย ด.ญ.ปรีชญา ลาภพิทักษ์พงษ์ หรือน้องยูกิ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนพญาไทเป็นคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ได้บอกความรู้สึกว่า รู้สึกตื่นเต้นมาก คิดว่าถ้าได้เป็นรัฐมนตรีจริง ๆ คงงานเยอะมาก เพราะน่าจะมีเอกสารให้เซ็นหลายเรื่อง แต่อาชีพที่อยากเป็นในอนาคตคือโปรแกรมเกมเมอร์ เพราะชอบเล่นเกม จึงอยากสร้างเกมเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีน้อง ๆ ต่อคิวร่วมสนุกทุกบูธ ทั้งนี้ งาน “อว. For Kids” ปีนี้ นอกจากจัดที่กระทรวง อว. โยธี ในวันที่ 10 - 11 มกราคมแล้ว ในวันที่ 11 ม.ค. ยังมีจัดที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา กรุงเทพฯ และที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองห้า ปทุมธานี ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศก็มีสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในกระทรวง อว. ร่วมจัดงาน เพื่อมอบความสุขและความสนุกให้กับเด็ก ๆ ทั่วประเทศ ในทุกภูมิภาคอย่างทั่วถึง ดร.กลัยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025
เนื่องในวโรกาส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025  ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. นางฤทัย จงสฤษดิ์ กรรมการและเลขานุการโครงการการคัดเลือกผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก นำนักวิทยาศาสตร์เยาวชนไทย จำนวน 15 คน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และร่วมงานประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025 ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ได้กล่าวถึงความเป็นมาว่า มูลนิธิวิจัยแห่งชาติ (National Research Foundation – NRF) แห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ริเริ่มจัดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก (Global Young Scientists Summit - GYSS@one-north) เพื่อเป็นการประชุมระดับนานาชาติของนักวิจัยเยาวชน ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีชั้นนำของโลก นอกเหนือจากนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลแล้วยังมี นักวิทยาศาสตร์รางวัลเหรียญฟิลด์ส (Fields Medal)ด้านคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์รางวัลทูริ่งอะวอร์ด (Turing Award)ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ นักวิทยาศาสตร์รางวัลมิลลิเนียมเทคโนโลยี (Millennium Technology Prize)ด้านวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีสิงคโปร์ (President's Science & Technology Awards) ได้รับเชิญมาบรรยายและทำกิจกรรมร่วมกับนักวิจัยเยาวชน เพื่อเป็นการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิจัยเยาวชนดังกล่าว ในปี 2568 ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 13 นั้นมูลนิธิวิจัยแห่งชาติฯ ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดนักวิทยาศาสตร์เยาวชนโลก ค.ศ. 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6–10 มกราคม 2568 ณ หอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก 18 คน ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล นักวิทยาศาสตร์รางวัลเหรียญฟิลด์ส  นักวิทยาศาสตร์รางวัลทูริ่ง นักวิทยาศาสตร์รางวัลมิลลิเนียมเทคโนโลยี นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลด้านวิทยาการคำนวณของสมาคมคอมพิวเตอร์เอซีเอ็ม นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลสต็อคโฮล์มวอเทอร์ และนักวิทยาศาสตร์ที่เคยได้รับเกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในงาน Christmas Lectures ที่จัดโดยราชสมาคมแห่งสหราชอาณาจักร ในปีนี้นั้นมีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทย ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชวินิจฉัยคัดเลือกจำนวน 15 คน ปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์เยาวชนจากประเทศไทยเข้าร่วมทั้ง 13 ครั้งรวมทั้งสิ้น 115 คน อยู่ระหว่างการศึกษาต่อ จำนวน 57 คน และมีศิษย์เก่าที่ทำงานแล้ว จำนวน 58 คน กระจายอยู่ในมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคเอกชน หลายคนมีผลงานวิจัยที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศ เช่น รศ. ดร.ทวีธรรม ลิมปานุภาพ ศิษย์เก่า รุ่นที่ 1 เป็นผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2563 จากผลงานวิจัยเรื่อง “การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีและการพัฒนาสื่อการสอนวิทยาศาสตร์” ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงในการทำงานวิจัยที่มีคุณภาพ และเพื่อเชิดชูเกียรตินักวิทยาศาสตร์ไทยและเพื่อเป็นแบบอย่างให้เยาวชนเจริญรอยตามด้วย นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่า รุ่นที่ ๑ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติระดับประเทศ “ครูวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2564” คือ รศ. ดร.นัทธี สุรีย์ ศิษย์เก่า รุ่นที่ 5 คือ ผศ. ดร.ธัญญพร วงศ์เนตร ได้รับรางวัล Loreal-UNESCO for Women in Science International Awards ประจำปี 2562 ที่มุ่งผลักดันประเด็นโลกด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จากงานวิจัยด้านการค้นหาหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่อเปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นสารมูลค่าเพิ่มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รางวัล จำนวน 100,000 ยูโร เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยและส่งเสริมกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่าอีกหลายคนที่มีผลงานวิจัยในวารสารวิชาการระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัลดีเด่นด้านการวิจัยจากมหาวิทยาลัย เช่น รศ.ดร.พงษ์พิชิต จันทร์นุ้ย ศิษย์เก่ารุ่นที่ 3 และ ผศ. ดร.นายสัตวแพทย์เกริกเกียรติ จินดา ศิษย์เก่ารุ่นที่ 4 โอกาสนี้ ดร.พัชร์ลิตา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวให้กำลังใจนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่เข้าร่วมกิจกรรมให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างเครือข่ายเพื่อนนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ และนำความรู้และประสบการณ์กลับมาพัฒนางานวิจัยและเผยแพร่ความรู้ให้กับเยาวชนและสังคมต่อไป
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์