หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
อนาคตข้าวไทยเพื่อความยั่งยืน
กระทรวงพาณิชย์กาหนดจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “อนาคตข้าวไทยเพื่อความยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการปรับกระบวนทัศน์และสร้างมิติใหม่สาหรับอุตสาหกรรมข้าวไทย โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ของอุตสาหกรรมข้าวไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเสนอมุมมองแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย และการดาเนินนโยบายของภาครัฐในทุกมิติ เพื่อนาไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน กรมการค้าภายใน ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ขอเรียนว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการ ประกอบด้วยการนาเสนอภาพรวมสถานการณ์ข้าวไทย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบข้อมูล และใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการให้ข้อคิดเห็นและนาเสนอมุมมองต่ออุตสาหกรรมข้าวไทยในการประชุมกลุ่มย่อย (workshop) ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มตลาดทั่วไป (mass market) กลุ่มตลาดเฉพาะ(specialty market) และกลุ่มตลาดสินค้านวัตกรรมและมูลค่าเพิ่ม (value added and innovation market) ดังกาหนดการที่ส่งมาด้วย เพื่อให้การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการบรรลุวัตถุประสงค์ กรมการค้าภายในขอเรียนเชิญท่านหรือผู้แทนหน่วยงาน ซึ่งมีประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจ หรือเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าวไทยในตลาด 3 กลุ่มข้างต้นเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ “อนาคตข้าวไทยเพื่อความยั่งยืน” ในวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561 เวลา 08.30-16.00 น. ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ โดยท่านสามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยในทุกมิติ ให้กับกระทรวงพาณิชย์ก่อนการประชุมฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและส่งแบบตอบรับการเข้าร่วมได้ที่ นายณัฐวัฒน์ จิตตนาสวัสดิ์ โทรศัพท์ 02-507-5891 หรือ Email : rice_committee@dit.go.th
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. เชิญสัมมนาฟรี!! การยกระดับผักและผลไม้ไทยสู่มาตรฐานสากล
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ขอเชิญผู้ประกอบการผักและผลไม้ไทย ที่จดทะเบียนนิติบุคคลเท่านั้น ได้แก่ บจก. หจก. หสม. ร้านค้า สหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชน เข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ “การยกระดับผักและผลไม้ไทยสู่มาตรฐานสากล” ภายใต้โครงการยกระดับผักและผลไม้ไทย : โอกาสสำหรับพัฒนาเกษตรกรรมสู่ความยั่งยืน ในวันพุธที่ 17 มกราคม 2561 เวลา 08.30 - 16.30 น. ณ ห้องนนทรี 1 ชั้น 4 เคยู โฮม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังและทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าเกษตรซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการทั้งในด้านการผลิต การค้า การส่งออก และการตรวจรับรองตามมาตรฐานต่างๆ ผู้ประกอบการที่สนใจ สมัครฟรีได้ที่อีเมล panita@nstda.or.th หรือโทรศัพท์ 0 2564 7000 ต่อ 1301, 1368, 1381 หมดเขตรับสมัคร 10 มกราคม 2561 รับสมัครจำนวนจำกัด 50 ท่านเท่านั้น
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉบับที่ 9 ประจำเดือน ธันวาคม 2560
ข่าว สวทช. ร่วมกับ สถานทูตอิสราเอล จัดสัมมนาถอดบทเรียนความสำเร็จระดับโลก เพื่อพัฒนามะเขือเทศไทย สวทช. และ ไบโอไซ (ไทยแลนด์) ในเครือ VSNi จากอังกฤษ ร่วมมือหนุนใช้ระบบ BMS สร้างความเข้มแข็งการปรับปรุงพันธุ์พืชเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน สวทช. จัดอบรมพัฒนาครู ในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย เครือข่าย สวทช. สวทช. นำงานหนุนเอกชนด้านพัฒนานวัตกรรม และการวิจัยความหลากหลายบนผืนป่าฮาลา-บาลา แสดงในงาน วท. พัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. ติวเข้มนักวิจัยและผู้ประกอบการภาคใต้ เพิ่มศักยภาพผลงานวิจัย เพื่อโอกาสทางธุรกิจสูงสุด นักวิจัยจุฬาฯ รับทุน NSTDA Chair Professor 20 ล้านบาท พัฒนาพลังงานทางเลือกจากวัตถุดิบธรรมชาติหรือของเหลือทิ้งภาคเกษตร ITAP สวทช. จับมือ ASEIC จากเกาหลีใต้ พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้ SMEs ไทย   บทความ สวทช. เดินหน้ารุก 5 วิจัยมุ่งเน้น ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0   ปฏิทินกิจกรรม สวทช. เปิดรับสมัครทุน STEM Workforce กิจกรรมเยี่ยมชม สวทช. กิจกรรมอบรมเชิงปฎิบัติการ กิจกรรมค่ายหนึ่งวัน (One Day Camp)​    Download เอกสารฉบับเต็ม [11.8 MB] NSTDA Newsletter ปีที่ 3 ฉบับที่ 9 ประจำเดือนธันวาคม 2560 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand  
จดหมายข่าว สวทช.
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – สวทช. เดินหน้ารุก 5 วิจัยมุ่งเน้น ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0
สวทช. เดินหน้ารุก 5 วิจัยมุ่งเน้น ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ยุคประเทศไทย 4.0 ต้องยอมรับกันว่า วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาประเทศอย่างมาก รัฐบาลเห็นความสำคัญของงานวิจัยและพัฒนา ที่จะเป็นกลไกในการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเพื่อตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ล่าสุด ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำคณะผู้บริหาร สวทช. ประกอบด้วย ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ดร.วรรณี ฉินศิริกุล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) และดร.สุธี ผู้เจริญชนะชัย รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ร่วมกันแถลงผลงาน สวทช. ภายใต้แนวคิด NSTDA Beyond Limits หรือ “นวัตกรรมเหนือคาดหมาย พลิกโฉมอุตสาหกรรมไทย 4.0” @ ผนึกพันธมิตรเสริมแกร่ง R&D ดึงเอกชนลงทุนวิจัย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. เล่าว่า ตลอด 1 ปี ที่บริหารงาน สวทช. เป็นช่วงที่ สวทช. ได้รับโอกาสในการทำงานหลายๆ เรื่องจากรัฐบาล โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมผลักดันระบบวิจัยของประเทศอย่างเข้มข้น จนเกิดแผนยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ 20 ปี และเป็นที่น่ายินดีว่าในรอบปีที่ผ่านมา ผลงานที่ สวทช. ทำมาอย่างต่อเนื่องมีผลงานและตอบสนองความต้องการของภาคเกษตร บริการ และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เป็นที่น่าพอใจ เกิดเป็นผลงานที่จับต้องได้ และพร้อมใช้ ดังนี้ 1. การสนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ บริหารงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้มีเอกภาพและประสิทธิภาพ โดยเชื่อมโยงกับภาคเอกชน ซึ่งในปี 2560 สวทช. มีเป้าหมายการสร้างรายได้จากการวิจัยที่ 1,830 ล้านบาท เป็นที่น่ายินดีว่าผลการทำงานอย่างหนัก ทำให้ สวทช. สามารถสร้างรายได้จากการวิจัย ได้ถึง 1,961 ล้านบาท โดยมีที่มาที่ไปของรายได้จากการวิจัยหลายประเด็น ได้แก่ ด้านการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ในปีงบประมาณ 2560 สวทช. มีการยื่นขอจดสิทธิบัตร 301 รายการ และมีผลงานตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ จำนวน 578 ฉบับ ซึ่งในจำนวนนี้มีผลงานตีพิมพ์ที่มี Impact Factor ระดับ 34 ที่ถือว่าสูงมาก จำนวน 1 ฉบับ ทั้งนี้หากนับรวม 4 ปี ที่ผ่านมา สวทช. มีบทความตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติแล้ว 2,035 ฉบับ โดยผลงาน 1 ใน 3 ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติชั้นนำของโลก รวมถึงได้รับการนำไปใช้อ้างอิงในทางวิชาการสูงกว่าค่าเฉลี่ยภาพรวมของประเทศ สำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี สวทช. มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่การใช้ประโยชน์จำนวน 255 โครงการ ให้กับ 311 หน่วยงาน สร้างผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม 27,546 ล้านบาท เกิดการลงทุนด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ของภาคการผลิตและบริการ จำนวน 9,456 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการรับจ้างวิจัย การร่วมวิจัย การขาย IP รวมทั้งการให้คำปรึกษาต่างๆ ด้วย ด้านการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย โดย สวทช. ใช้ศักยภาพของโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ITAP ส่งผู้เชี่ยวชาญทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ เสมือนหนึ่งเป็นแผนกวิจัยของผู้ประกอบการบริษัทนั้นๆ พร้อมมีทีมวิจัยร่วมประเมินผล ซึ่งโครงการทั้งหมดจะได้รับการอนุมัติโดยผู้ประกอบการ โปรแกรม ITAP สนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณโครงการ ในวงเงิน 400,000 บาท โดยในปี 2560 จำนวน 1,551 โครงการ มูลค่าผลกระทบ 2,573 ล้านบาท และตั้งเป้าในอนาคตจะทำให้ได้ 3,000 โครงการต่อปี ทั้งนี้มีการประมาณการตัวเลขผลกระทบด้านการลงทุน โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อปี 2559 ระบุว่าทุก 1 บาท ที่ภาคเอกชนลงทุนก่อให้เกิดผลกระทบประมาณ 7.64 บาท หรือ 7 เท่า โครงการหิ้งสู่ห้าง 30,000 บาท ทุก IP โครงการนี้ สวทช. ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 แล้ว โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อนำทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ผลงานวัตกรรมของนักวิจัยไทย ทั้งจากหน่วยงานวิจัยของรัฐและมหาวิทยาลัย ออกมาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงได้โดยง่าย ลดขั้นตอนต่างๆ และตกลงราคาที่ 30,000 บาท ราคาเดียว มีเงื่อนไขจ่ายให้เจ้าของผลงานเพียง 2% ของยอดขาย มีผู้ขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยีกว่า 306 รายการ โครงการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ หรือ Start-up Voucher สวทช. เข้าไปช่วย สตาร์ทอัพ โดยสร้างหลักสูตร E-learning ให้กลุ่มสตาร์ทอัพเข้ามาเรียนได้ และสวทช. ให้ Voucher ประมาณ 800,000 บาทต่อโครงการ ได้สนับสนุนเงินด้านการตลาด 82 ราย มูลค่า 60 ล้านบาท สร้างรายได้ 80 ล้านบาท ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ในส่วนที่ 2. การปฏิรูประบบการให้สิ่งจูงใจ ระเบียบ และกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการนำงานวิจัยและพัฒนาไปต่อยอดหรือใช้ประโยชน์ โดย สวทช. ผลักดันงานวิจัยและพัฒนาไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ การกำหนดมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา หรือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยี และนวัตกรรม 300% สำหรับช่วง 2 ปี (2558 - 2560) รับรองไป 1,206 โครงการ เฉพาะในปี 2560 ปีเดียว รับรองไป 400 โครงการ การส่งเสริมนวัตกรรมสู่การใช้งานจริงใช้ในเชิงพาณิชย์ และบัญชีนวัตกรรมไทย ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงระบบการขึ้นทะเบียนได้ค่อนข้างรวดเร็ว มีผู้ยื่นขอขึ้นบัญชีนวัตกรรมรวมทั้งสิ้นจำนวน 326 รายการ รับรองโดยคณะกรรมการฯ 136 รายการ ทั้งนี้สำนักงบประมาณ ได้ขึ้นบัญชีฯ แล้วจำนวนทั้งสิ้น 105 โครงการ มียอดการจัดซื้อจัดจ้างทั้งสิ้น 487 ล้านบาท (สำรวจ ณ เดือนมกราคม 2559 – พฤษภาคม 2560) @ ผลงานเด่น 2560 ตอบโจทย์ทุกภาคส่วน สำหรับตัวอย่างผลงานวิจัยเด่นของ สวทช. ในปีงบประมาณ 2560 ในด้านต่างๆ มีดังนี้ Smart Farm: ข้าวพันธุ์ไรซ์เบอรี่ สร้างผลกระทบมากกว่า 29 ล้านบาท ข้าวพันธุ์หอมชลสิทธิ์ ข้าวทนน้ำท่วมฉับพลันเพื่อชุมชน สร้างผลกระทบมากกว่า 41 ล้านบาท ชุดโครงการศึกษาตรวจโรคกุ้ง ช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร สร้างผลกระทบมากกว่า 1,000 ล้านบาท และ ระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุกออนไลน์ หรือ Agrimap online และ Agrimap Mobile มีผู้เข้าใช้งานจำนวน 110,000 ครั้ง เบื้องต้นช่วยลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 1,300,000 บาท Smart Food: ไข่ออกแบบได้ นวัตกรรมระบบนำส่งยาสมุนไพรสำหรับสัตว์ปีกเพื่อไข่คุณภาพดี มีการผลิตและจำหน่าย มูลค่า 20 ล้านบาท ไส้กรอกไขมันต่ำ อาหารเพื่อสุขภาพทางเลือกใหม่ สร้างรายได้มูลค่า 17 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุน 10 ล้านบาท และ Active Pack บรรจุภัณฑ์เพื่อการเก็บรักษาและยืดอายุผลิตผลสด ลดการสูญเสียของเหลือทิ้งทางการเกษตร และสร้างผลกระทบมูลค่า 92 ล้านบาท Smart Health: เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับงานทันตกรรมและศัลยกรรมใบหน้าและขากรรไกร หรือ Dentii Scan 2.0 ติดตั้งในโรงพยาบาล 7 แห่ง สร้างผลกระทบมูลค่า 2,600,000 บาท รถพยาบาลปกป้องการพลิกคว่ำ ผลิตรถและจำหน่ายแล้วมากกว่า 50 คัน สร้างมูลค่า 196 ล้านบาท และ ระบบแนะนำสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ หรือ Thai School Lunch ช่วยให้นักเรียนได้รับสารอาหารครบถ้วน สุขภาพดี ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายงบประมาณ 1,700 ล้านบาท Smart Energy: การใช้วัสดุนาโนและเทคนิคการเคลือบผิวบนวัสดุสแตนเลส สำหรับแผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน มีบริษัทนำผลงานวิจัยไปใช้ปรับปรุง solar farm ช่วยลดการนำเข้าและจ้างแรงงานต่างประเทศมูลค่า 157 ล้านบาท Smart Industry: NETPIE แพลตฟอร์มสื่อสารเพื่อเชื่อมต่อทุกสรรพสิ่ง ช่วยรองรับการขยายตัวของระบบสื่อสารสำหรับอุตสาหกรรมได้อย่างไร้ขีดจำกัด มีการลงทุนเพิ่มมากกว่า 233 ล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายมูลค่ามากกว่า 14 ล้านบาท เอนบลีช (ENZBleach) เอนไซม์ทนด่างจากปลวกสำหรับฟอกเยื่อกระดาษ และเอนอีซ (ENZease) เอนไซม์ดูโอสำหรับการลอกแป้งและกำจัดสิ่งสกปรกบนผ้าฝ้ายแบบขั้นตอนเดียว ใช้แทนสารเคมีได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัท เอเชีย สตาร์ เทรด จำกัด เพื่อผลิตและจำหน่ายภายในปี 2561 นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2560 สวทช. มีหน่วยงานน้องใหม่ คือ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเกษตรกร 220 ชุมชน ใน 45 จังหวัด โดยครอบคลุมเทคโนโลยีหลัก 36 เรื่อง เช่น โครงการข้าวอินทรีย์ จ.ยโสธร ส่งเสริมผู้ผลิตข้าวอินทรีย์จำนวน 4,000 ราย สร้างผลกระทบมูลค่า 104 ล้านบาท โรงเรือนพลาสติกคัดเลือกแสง ขยายผลเทคโนโลยีจำนวน 24 โรงเรือนใน 12 จังหวัด เกษตรกรสร้างรายได้จากการปลูกผัก 7,500,000 บาท และเทคโนโลยีการผลิตบิวเวอเรียหัวเชื้อสดและก้อนเชื้อระดับมาตรฐาน โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตหัวเชื้อให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช (ศทอ.) 9 แห่ง และศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน 882 แห่งทั่วประเทศ @ ใช้ประเด็นวิจัยมุ่งเน้น 5 เรื่อง สู่การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2561 สวทช. มีนโยบายในการขับเคลื่อนด้วยประเด็นมุ่งเน้น 5 ด้าน ตามแผนกลยุทธ์ฉบับที่ 6 (2560 - 2564) โดยกำหนดประเด็นมุ่งเน้นที่ สวทช. จะมุ่งดำเนินการเพื่อสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมให้เป็นที่ประจักษ์ 5 ด้าน ได้แก่ 1. อาหารเพื่ออนาคต 2. ระบบขนส่งสมัยใหม่ 3. การสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตคนไทย 4. เคมีชีวภาพและเชื้อเพลิงชีวภาพ และ 5. นวัตกรรมเพื่อการเกษตรยั่งยืน โดยในปี 2560 สวทช. ได้สร้างกลไกเทคโนโลยีฐานแบบบูรณาการ (Integrated technology Platform) ให้มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดจากการควบรวมเทคโนโลยีหลากหลายสาขาและนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในอนาคต และได้สร้างแพลตฟอร์ม (Platform) ขึ้นมาใหม่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. Sensors เป็นการนำองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านเซนเซอร์ (sensors) ของแต่ละศูนย์แห่งชาติ มาทำงานวิจัยร่วมกัน เสริมประเด็นมุ่งเน้นในด้านการเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น 2. High-performance computing & data analytics (HPC & DA) เทคโนโลยีที่นำข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวม เช่น ข้อมูลทางชีวภาพ ข้อมูลเสียงและภาพ ฯลฯ แทนการใช้มนุษย์วิเคราะห์ เป็นต้น 3. Bio-based materials สวทช. นำเอาองค์ความรู้ในเทคโนโลยีฐานชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology) ในการควบคุมการทำงานของสิ่งมีชีวิตได้อย่างจำเพาะและมีประสิทธิภาพ ไปขยายขนาดการผลิตสารที่ต้องการ โดยต่อยอดจากฐานความเชี่ยวชาญของ 4 ศูนย์แห่งชาติ ของ สวทช. ทั้งด้าน ไบโอเทคโนโลยี ดิจิทัลเทคโนโลยี เทคโนโลยีวัสดุ และนาโนเทคโนโลยี มีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมให้ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศ ได้ใช้ประโยชน์จากผลการศึกษาวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมของไทย อาทิ โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ซึ่งมี Focus Industry อยู่ 6 อุตสาหกรรม โดยมี 3 กลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1. ARIPOLIS: ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านระบบอัติโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ 2. BIOPOLIS: ศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ ตั้งอยู่ที่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ดำเนินการโดย สวทช. และ บริษัท ปตท. 3. SPACE KRENOVAPOLIS: ศูนย์กลางและฐานในการรังสรรค์นวัตกรรมจากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ อยู่ที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ดำเนินการโดย GISDA ปัจจุบันโครงการ EECi ได้มีการลงนามร่วมกันแล้วทั้งสิ้น 63 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันพัฒนา EECi บนพื้นที่ดังกล่าว ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียว 40% พื้นที่วิจัย 40% และส่วนสนับสนุนการวิจัย (Incubation) 20% ทั้งนี้มีแผนการพัฒนาโครงการ EECi ในปี 2561 อาทิ การออกแบบอาคาร การใช้ศักยภาพของโปรแกรม ITAP ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับเอสเอ็มอีในพื้นที่ นอกจากนี้ยังนำงานวิจัยและนวัตกรรมด้านเกษตรของ หน่วยงาน สท. ลงพื้นที่ 50 ชุมชนทันที นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาแล้ว สวทช. ยังพร้อมเป็นองค์กรเปิด (Open NSTDA) ให้ภาคเอกชนและหน่วยงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยให้บริการ ด้านการบริการวิเคราะห์ทดสอบ ซึ่ง สวทช. มีศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ ให้บริการ 7 วัน 24 ชั่วโมง ให้บริการวิเคราะห์/ทดสอบมากกว่า 43,000 รายการ คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท และยังไม่หยุดที่จะพัฒนามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับรองมาตรฐาน ISO 17025 แล้วทั้งสิ้นจำนวน 47 รายการทดสอบ ในปี 2560 จะเพิ่มอีกจำนวน 34 รายการทดสอบ เพื่อรองรับภาคเอกชน และเป็นกลไกขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงและการทดสอบแบตเตอรี่ ทั้งหมดนี้ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร พร้อมที่จะ Go Beyond Limits โดยใช้ศักยภาพของ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ขับเคลื่อนทุกภาคส่วนเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวพ้นคำว่า “ประเทศกับดักรายได้ปานกลาง” ไปสู่ ประเทศไทย 4.0 อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – ITAP-สวทช. จับมือ ASEIC จากเกาหลีใต้ พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้ SMEs ไทย
ITAP สวทช. จับมือ ASEIC จากเกาหลีใต้ พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้ SMEs ไทย ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สุขุมวิท 20 : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ ศูนย์นวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเพื่อเอสเอ็มอีแห่งอาเซม (ASEIC) จากเกาหลีใต้ จัดสัมมนาเรื่อง “ITAP จับมือ เกาหลี พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้ SMEs ไทย” ภายใต้โครงการ ASEIC Eco-Innovation Capacity Building for SMEs in Thailand 2017 เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเติบโตสีเขียว และการพัฒนาที่ยั่งยืนแก่ SMEs ไทย โดยมีผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมงานกว่า 80 คน ดร.ทรงพล มั่นคงสุจริต ที่ปรึกษาอาวุโส โปรแกรม ITAP สวทช. กล่าวว่า “โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP: ไอแทป) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และศูนย์นวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเพื่อเอสเอ็มอีแห่งอาเซม หรือ ASEM SMEs Eco-Innovation Center (ASEIC) ซึ่งเป็นหน่วยงานนานาชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไรจากประเทศเกาหลีใต้ มีภารกิจในการส่งเสริมนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ SMEs ในทวีปเอเชีย ร่วมกันจัดงานสัมมนา เรื่อง “ITAP จับมือ เกาหลี พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้ SMEs ไทย” ภายใต้โครงการ ASEIC Eco-Innovation Capacity Building for SMEs in Thailand จำนวน 2 วัน ระหว่างวันที่ 16 - 17 พฤศจิกายน 2560 โดยนับเป็นปีที่สองของความร่วมมือระหว่างโปรแกรม ITAP สวทช. และ ASEIC โดยในปีนี้ได้จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความสามารถทางนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศไทย ในลักษณะการบรรยายแนะนำความรู้และกรณีศึกษาของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีการสร้างความตระหนักและความสามารถด้านนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11627-20171116-aseic
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – ปฏิทินกิจกรรม
สวทช. เปิดรับสมัครทุน STEM Workforce สนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือนช่วงทำวิจัยตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม สวทช. เปิดรับสมัครผู้สนใจซึ่งเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ ที่มีนักศึกษาระดับปริญญาโท/เอก อยู่ระหว่างศึกษา และมีโครงการวิจัย/โครงงานที่ทำร่วมกับภาคอุตสาหกรรมใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล เข้ารับสมัครทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือนให้แก่นักศึกษาใน “โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อการวิจัยและพัฒนาสำหรับภาคอุตสาหกรรม ประจำปี 2561 (STEM Workforce) รอบที่ 1” ซึ่งโครงการจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือนของนักศึกษาระหว่างร่วมทำโครงการ/งานวิจัยเท่านั้น ปริญญาโท ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน และปริญญาเอก ไม่เกิน 12,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาสนับสนุนทุน 6-12 เดือน โดยมีโครงการวิจัยดำเนินการอยู่ในช่วง 1 มีนาคม 61 - 28 กุมภาพันธ์ 62 รับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ - 30 มกราคม 2561 ประกาศผลพิจารณาภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 สมัครได้ที่ www.nstda.or.th/stemworkforce สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2564 7000 ต่อ 1461-1462 หรืออีเมล stemworkforce@nstda.or.th กิจกรรมเยี่ยมชม สวทช. “แรงบันดาลใจสู่เส้นทางนักวิทยาศาสตร์” สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ จากโรงเรียน บรรหารแจ่มใสวิทยา 3 จ.สุพรรณบุรี ในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และศูนย์แห่งชาติ สวทช. กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ “International Etiquette” สำหรับเยาวชนระยะยาว โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน (JSTP) ระหว่างวันที่ 21-22 ธันวาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จัดโดยงานส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพสูง เปิดรับสมัครเด็กและเยาวชนผู้มีความสนใจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าร่วมโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับเด็กและเยาวชน รุ่นที่ 21 ประจำปี 2561 ทั้งระดับ ม.ต้น และ ม.ปลาย ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและ download ใบสมัครได้ที่ https//wwwnstda.or.th/jstp หมดเขตรับสมัครในวันที่ 25 ธันวาคม 2560 กิจกรรม “ค่ายบูรณาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล ระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. กิจกรรมค่ายหนึ่งวัน (One Day Camp) สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียนชุมแพศึกษา จ.ขอนแก่น ในวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. กิจกรรมประชุมเตรียมความพร้อมผู้แทนประเทศไทยโครงการคัดเลือกผู้แทนเข้าร่วมการประชุมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา ประจำปี 2561 ในวันที่ 27 ธันวาคม 2560 ณ ห้องประชุม 103 อาคาร สวทช. โยธี
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – นักวิจัยจุฬาฯ รับทุน NSTDA Chair Professor 20 ล้านบาท พัฒนาพลังงานทางเลือกจากวัตถุดิบธรรมชาติหรือของเหลือทิ้งภาคเกษตร
นักวิจัยจุฬาฯ รับทุน NSTDA Chair Professor 20 ล้านบาท พัฒนาพลังงานทางเลือกจากวัตถุดิบธรรมชาติหรือของเหลือทิ้งภาคเกษตร ณ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ : มูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มอบทุน NSTDA Chair Professor หรือศาสตรเมธาจารย์ เพื่อสร้างศาสตราจารย์ที่เป็นผู้นำกลุ่ม ให้แก่ ศ.ดร.สุทธิชัย อัสสะบำรุงรัตน์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการวิจัยเรื่อง “การประยุกต์ใช้ฐานเทคโนโลยีสำหรับการเลือกและพัฒนากระบวนการและต้นแบบที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการผลิตอย่างยั่งยืนของเชื้อเพลิงทางเลือกบนฐานของไบโอรีไฟเนอรี” จำนวนเงิน 20 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี โดยมี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วยผู้บริหารต้นสังกัดผู้ได้รับทุน ร่วมแสดงความยินดี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ริเริ่มโครงการ Chair Professor กล่าวว่า “มูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัย ได้เป็นผู้ริเริ่มการสนับสนุนโครงการทุน NSTDA Chair Professor ประจำปี 2552 ขึ้น และแสดงความสนใจสานต่อโครงการฯ จนเกิดเป็นโครงการทุน NSTDA Chair Professor ประจำปี 2554 2556 2558 และ 2560 เรื่อยมา ซึ่งให้การสนับสนุนจำนวน 1 ทุนต่อทุกสองปีเป็นเงิน 20 ล้านบาท ระยะเวลารับทุนต่อเนื่อง 5 ปี โดยมี สวทช. เป็นผู้บริหารจัดการโครงการฯ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11652-20171130
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. ติวเข้มนักวิจัยและผู้ประกอบการภาคใต้ เพิ่มศักยภาพผลงานวิจัย เพื่อโอกาสทางธุรกิจสูงสุด
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. ติวเข้มนักวิจัยและผู้ประกอบการภาคใต้ เพิ่มศักยภาพผลงานวิจัย เพื่อโอกาสทางธุรกิจสูงสุด ณ โรงแรมบุรีศรีภูบูติก หาดใหญ่ จ.สงขลา : เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “R&D Optimization for Commercialization” ภายใต้โครงการสนับสนุนเร่งการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (Research Gap Fund) แก่นักวิจัยคณะทันตแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยทักษิณ และผู้ประกอบการภาคเอกชน บริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด และบริษัท เพอร์เฟค รีเสิร์ช โซลูชั่น จำกัด กว่า 30 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 7 กลุ่มผลงานวิจัย เพื่อค้นหาแนวคิดใหม่ในการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยให้เกิดศักยภาพและสร้างผลกระทบสูงสุด รวมถึงหลักการออกแบบรูปลักษณ์สินค้าให้น่าสนใจตรงความต้องการกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ภายในงาน พบกับการให้ความรู้ในหัวข้อการสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ การทำความรู้จักกับขั้นตอนการสร้างนวัตกรรม ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการสร้างนวัตกรรม ตลอดจนเรียนรู้พันธุนวัตกรรม (Innovation DNA) ที่ได้คัดเลือกให้เหมาะสมกับผู้เข้าร่วมอบรม ได้แก่ Innovation DNA ชนิดที่ 1 - 3 ที่เหมาะสมกับการลดต้นทุนการผลิต รวมถึงทดลองใช้งาน DNA ชนิดต่างๆ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11659
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – สวทช. นำงานหนุนเอกชนด้านพัฒนานวัตกรรม และการวิจัยความหลากหลายบนผืนป่าฮาลา-บาลา แสดงในงาน วท. พัฒนาพื้นที่ภาคใต้
สวทช. นำงานหนุนเอกชนด้านพัฒนานวัตกรรม และการวิจัยความหลากหลายบนผืนป่าฮาลา-บาลา แสดงในงาน วท. พัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำเสนอผลงานการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ในเรื่องการสนับสนุนภาคเอกชนในการพัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ฮาลาล การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพเตาอบไม้ การพัฒนาระบบ Portal เพื่อการจัดการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การพัฒนาระบบการผลิตปาล์มน้ำมัน การพัฒนาการปลูกพืชแนวตั้ง รวมทั้งผลงานจากสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) และไบโอเทค ที่ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาชุมชนชนบท : อ.แว้ง จ.นราธิวาส ที่ดำเนินการวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพบนผืนป่าฮาลา-บาลา จนเกิดเป็นศูนย์เรียนรู้ภายในชุมชนโดยมี รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมนิทรรศการ พร้อมด้วยบุคลากรหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ให้ความสนใจชมผลงาน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11658
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – สวทช. จัดอบรมพัฒนาครู ในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย เครือข่าย สวทช.
สวทช. จัดอบรมพัฒนาครู ในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย เครือข่าย สวทช. ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาครู “โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย เครือข่าย สวทช.” หลังการติดตามประเมินผลการใช้ชุดสื่อความลับของพืช ซึ่งเป็นหลักสูตรแนวทางการจัดกิจกรรมและประเมินทักษะการสืบเสาะหาความรู้สำหรับเด็กปฐมวัย แก่คณะครูกว่า 40 ท่านจาก 18 โรงเรียนในเครือข่ายจังหวัดปทุมธานี โดยมีนางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ สวทช. ให้การต้อนรับ นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ สวทช. กล่าวว่า กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเริ่มต้นด้วยการนำเสนอผลการติดตามประเมินการใช้ชุดสื่อความลับของพืช ที่พัฒนาขึ้นโดยฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ (AYS) สวทช. เพื่อให้คณะครูและผู้ประเมินได้ร่วมกันพูดคุยและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงผลของการนำชุดสื่อการเรียนรู้ดังกล่าวไปใช้ในชั้นเรียนเพื่อเสริมทักษะกระบวนการสืบเสาะให้กับนักเรียนระดับปฐมวัยหรือน้องๆ ในระดับอนุบาล เพื่อให้คุณครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11601-20171103
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – สวทช. และ ไบโอไซ (ไทยแลนด์) ในเครือ VSNi จากอังกฤษ ร่วมมือหนุนใช้ระบบ BMS สร้างความเข้มแข็งการปรับปรุงพันธุ์พืชเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน
สวทช. และ ไบโอไซ (ไทยแลนด์) ในเครือ VSNi จากอังกฤษ ร่วมมือหนุนใช้ระบบ BMS สร้างความเข้มแข็งการปรับปรุงพันธุ์พืชเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ณ สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท ไบโอไซ (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือ VSN international จากประเทศอังกฤษ ลงนามความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการใช้ระบบการจัดการงานวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือระบบ BMS (Breeding Management System) ในการปรับปรุงพันธุ์ในภูมิภาคอาเซียน และการประยุกต์ใช้ BMS กับโครงการปรับปรุงพันธุ์พืชแต่ละชนิด รวมถึงความร่วมมืออื่นๆ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเกษตร โดยมี Mr. Richard Porter (นายริชาร์ต พอร์เตอร์) ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต สหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เป็นตัวแทนเอกอัครราชทูตอังกฤษ ให้การต้อนรับและร่วมในพิธีลงนาม โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. และ Mr. Stewart John Andrews, Director บริษัท ไบโอไซ (ไทยแลนด์) จำกัด, ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. และ Dr. Donghui Ma, CEO บริษัท ไบโอไซ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมลงนาม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11599-20171103-mou-bms
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.9 – สวทช. ร่วมกับ สถานทูตอิสราเอล จัดสัมมนาถอดบทเรียนความสำเร็จระดับโลก เพื่อพัฒนามะเขือเทศไทย
สวทช. ร่วมกับ สถานทูตอิสราเอล จัดสัมมนาถอดบทเรียนความสำเร็จระดับโลก เพื่อพัฒนามะเขือเทศไทย ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (สท.) ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จัดสัมมนาวิชาการ “The Thai-Israeli Tomato Conference: The current status and the way forward” เพื่อบรรยายให้ความรู้ในเรื่องการปรับปรุงพันธุ์และการปลูกมะเขือเทศในระบบโรงเรือน จากประสบการณ์ของวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งอิสราเอลและไทย แก่ผู้เข้าร่วมงานกว่า 90 คนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานและขีดความสามารถของการปรับปรุงพันธุ์ การผลิตผลสด และเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศของประเทศไทย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ตลอดจนการแสวงหาโอกาสความร่วมมือทั้งในด้านการวิจัยและการค้าระหว่างกันต่อไป โดยมี ฯพณฯ ดร. เมเอียร์ ชโลโม (H.E. Dr. Meir Shlomo) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน ดร.มรกต ตันติเจริญ ประธานคลัสเตอร์เกษตรและอาหาร และที่ปรึกษาอาวุโสผู้อำนวยการ (สวทช.) กล่าวว่า มะเขือเทศเป็นพืชที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์พื้นเมือง และพันธุ์ลูกผสม สามารถเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันของประเทศไทย และความเหมาะสมของการนำไปใช้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11595-the-thai-israeli-tomato-conference
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย