หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – เดนตีสแกน 2.0 ตอบโจทย์งานทันตกรรม 360 องศา
เดนตีสแกน 2.0 ตอบโจทย์งานทันตกรรม 360 องศา “ในชีวิตผมจะไม่ทำอะไรที่ไม่มั่นใจเด็ดขาด เครื่องซีที สแกนเนอร์ (CT Scanner) ก็เช่นกัน ผมมั่นใจในทีมวิจัย มั่นใจในองค์ความรู้ที่มี มั่นใจใน สวทช. และมั่นใจว่าเราจะทำอะไรต่อไปเพื่อให้ประเทศไทย แข่งขันกับประเทศอื่นได้” ถ้อยปรารภจาก ศ. ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ นักวิจัยอาวุโสและที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการเดนตีสแกน 2.0 (DENTiiScan 2.0) เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับงานทันตกรรม ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สังกัด สวทช. นักวิจัยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนา เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบลำแสงทรงกรวยสำหรับงานทันตกรรมและศัลยกรรมบริเวณช่องปากและใบหน้า ได้สำเร็จและนำไปใช้งานในคนไข้เป็นที่ประจักษ์รายแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “เดนตีสแกน (DENTiiScan)” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงช่วยให้เห็นความสูงความหนาและความกว้างของกระดูกขากรรไกร รวมทั้งคลองเส้นประสาทอย่างชัดเจน ทันตแพทย์สามารถวางแผนก่อนการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมได้อย่างแม่นยำ สถานพยาบาลนำไปใช้ทดลองรักษาผู้ป่วยอย่างได้ผลแล้วนับพันคน ศ. ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สำหรับงานทันตกรรม อธิบายว่า เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์นี้ผู้ค้นพบ 2 คน ได้รับรางงวัลโนเบลเมื่อ ค.ศ. 1979 สมัยที่ตนเองเป็นอาจารย์ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เมื่อราวกลางยุค ค.ศ. 1980 สามารถเข้าใจในคณิตศาสตร์การสร้างภาพตัดขวางของร่างกายจนสามารถเขียนซอฟต์แวร์และพัฒนาสร้างเครื่องทดสอบกับวัตถุขนาดเล็กและหนูได้ การวิจัยและพัฒนานี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตรดีเด่น พ.ศ. 2534 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่ไม่สามารถสร้างเพื่อใช้ในมนุษย์ได้เพราะหาชิ้นส่วนที่มีขนาดเหมาะสมมาประกอบไม่ได้ ในตอนนั้นหากประเทศไทยต้องการใช้อุปกรณ์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scanner) ก็ต้องซื้อทั้งชุดราคาแพงมาก หลักร้อยล้านบาท ไม่มีใครเขาขายแยกชิ้นส่วนให้เรามาประกอบใส่ซอฟต์แวร์ของเราเอง จนกระทั่งเมื่อ 10 กว่าปีมานี้ เริ่มมีการขายแยกชิ้นที่เราต้องการ จึงได้ชวน ดร. เสาวภาคย์ ธงวิจิตรมณี นักวิจัยจากเนคเทค สวทช. มาเป็นหัวหน้าโครงการส่วนซอฟต์แวร์ ทีมนักวิจัยและวิศวกรจากเนคเทคสามารถจำลอง (simulate) การทำงานของซอฟต์แวร์สร้างภาพตัดขวางของร่างกายบนคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนต่างๆ ของเครื่องเดนตีสแกนและซอฟต์แวร์แสดงภาพสามมิติ (Viewer Software) “จากนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักวิจัยด้านกลศาสตร์ จึงชวน ดร.กฤษณ์ไกรพ์ สิทธิเสรีประทีป นักวิจัยจากเอ็มเทค สวทช. มาเป็นหัวหน้าโครงการส่วนฮาร์ดแวร์ เพื่อดูว่าชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ต้องใช้อะไรบ้าง ต้องสั่งซื้อ แหล่งกำเนิดรังสีเอกซ์ และฉากรับรังสี มาประกอบให้หมุน 360 องศา และนำไปออกแบบโครงสร้างของเครื่อง ทีมนักวิจัยและวิศวกรจากเอ็มเทค สามารถสร้างปรับปรุงแก้ไขการหมุนของเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์จนมีความเที่ยงตรงสอดคล้องกับการทำงานของซอต์แวร์ได้ภาพที่แม่นยำชัดเจนได้ จนในที่สุดเราก็สร้างเครื่องเดนตีสแกนรุ่น 1.0 ระดับห้องปฏิบัติการได้สำเร็จเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2551(ตรงกับวันที่มีพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิคที่กรุงปักกิ่งโดยบังเอิญ!!) การทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็งระหว่างเนคเทคและเอ็มเทคได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนนำมาสู่เครื่องเดนตีสแกนรุ่น 1.1 และเดนตีสแกนรุ่น 2.0 ในปัจจุบัน ที่มีขนาดเล็กลงและใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าเดิมมาก” สำหรับเครื่อง “เดนตีสแกน” ทั้งสองรุ่นนั้น มีหลักการทำงานโดยใช้รังสีเอกซ์ที่มีลำรังสีแบบทรงกรวยและฉากรับรังสีชนิดแบนราบ (Flat Panel Detector) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกัน อุปกรณ์ทั้งสองจะหมุนไปพร้อมๆ กันรอบผู้ป่วย 1 รอบครบ 360 องศาใช้เวลา 18 วินาที (ช่วงนี้เปิดรังสีเอกซ์) แล้วหมุนกลับตำแหน่งเดิมที่จุดเริ่มต้น (ช่วงนี้ปิดรังสีเอกซ์) เพื่อเก็บข้อมูลดิบบริเวณช่องปากและขากรรไกรของผู้ป่วยในแต่ละองศา แล้วป้อนให้ซอฟต์แวร์ประมวลผลสร้างเป็นภาพสามมิติ และทำการแสดงผลภาพสามมิติต่อไป ศ. ดร.ไพรัช กล่าวว่า โดยปกติ เมื่อเราถ่ายภาพเอกซเรย์ของศีรษะที่องศาใดองศาหนึ่งจะเห็นภาพดำมืดไปหมดเพราะกะโหลกจะดูดซับพลังงานเอกซเรย์แทบทั้งหมด (ต่างจาการถ่ายภาพบริเวณหน้าอกที่เราเห็นปอดได้) แต่หากเราถ่ายศีรษะทุกองศาให้ครบ 360 องศาแล้วเอาภาพที่ถ่ายได้ในแต่ละองศาป้อนเข้าไปในอัลกอริทึมที่เขียนจากคณิตศาสตร์ เราจะได้ภาพตัดขวางของศีรษะเป็นชั้นๆ บางเป็นมิลลิเมตร แล้วนำแต่ละชั้นมาประกอบเป็นภาพ 3 มิติของกะโหลกศีรษะได้ จากนั้นแพทย์สามารถจะมองมุมไหนของภาพศีรษะได้ “เรื่องของความแม่นยำและความปลอดภัย ทีมวิจัยยังได้ทดสอบความเที่ยงตรงของภาพว่าตรงกับของจริง ทั้งนี้เพื่อความแม่นยำในการผ่าตัดของแพทย์ ส่วนรังสีก็ต้องมีการวัดปริมาณรังสีที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพราะการทำเรื่องเครื่องมือที่ใช้กับคนไข้ เป็นเรื่องที่พิถีพิถันมาก ต้องไม่ให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ ช่วงแรกทีมวิจัยได้ทดลองจากแฟนทอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อจำลองศีรษะมนุษย์ จากนั้นใช้หัวหมูสดถ่ายภาพ 3 มิติ แล้วสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นำกระต่ายมาให้ทดสอบ สัตวแพทย์ท่านนี้ ปลูกถ่ายกระดูกเข้าไปในกระต่าย แล้วเมื่อท่านปลูกถ่ายเสร็จท่านก็อยากถ่ายดูว่ากระดูกที่ปลูกไปเรียบร้อยไหม ซึ่งเครื่องของเราก็สามารถถ่ายออกมาเห็นภาพได้ชัดเจน เป็นการทดลองในสัตว์มีชีวิตครั้งแรก จากนั้นเราก็ปรึกษากับแพทย์ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการทดลองด้านจริยธรรมเพื่อนำเครื่องไปใช้ประโยชน์กับมนุษย์” ศ. ดร.ไพรัช อธิบาย เครื่องเดนตีสแกน ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทางรังสีจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ความปลอดภัยทางระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จากศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) ผ่านการทดสอบในมนุษย์ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์พร้อมใบรับรอง นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 13485 (ระบบบริหารจัดการคุณภาพเครื่องมื่อแพทย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 สวทช. เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณวิจัยและพัฒนาต้นแบบเครื่องเดนตีสแกน 1.1 จากนั้นนำไปทดลองใช้ที่คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์ทันตกรรมเอสดีซี ประชาชื่น กรุงเทพ และ รพ. ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ปัจจุบันพัฒนาเป็นรุ่นที่ 2 เรียกว่า เครื่องเดนตีสแกน 2.0 ทดสอบการให้บริการที่ศูนย์ถ่ายภาพซีดีเอสของเอกชนเป็นเวลา 1 ปี สำหรับในปี พ.ศ. 2560 นี้ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนผ่านบัญชีสิ่งประดิษฐ์ 2 เครื่อง ในสถานพยาบาล 2 แห่ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) สนับสนุนการนำไปเผยแพร่ใช้งานอีก 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 6 แห่ง ได้แก่ 1) สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ 2) รพ. สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ. ชลบุรี 3) รพ. เชียงรายประชานุเคราะห์ 4) รพ. แพร่ 5) รพ. สุราษฎร์ธานี และ 6) รพ. สกลนคร เครื่อง “เดนตีสแกน” ทั้งสองรุ่น ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ฝีมือคนไทย มีคุณภาพทัดเทียมสากล ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการบริการจากเครื่องมือทางด้านทันตกรรมที่ปลอดภัย ทันสมัย เป็นประโยชน์ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตคนไทย “คนไทยมีความสามารถไม่แพ้ประเทศอื่น ทั้งนักกีฬาที่สามารถขึ้นอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงนักวิจัยไทยกลุ่มนี้ด้วย ทว่าสิ่งสำคัญคือ การมีนโยบายพรัอมกลไกการเชื่อมต่อผลงานของนักวิจัยไปสู่เอกชนได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแรกที่เข้าใจและจริงจังเรื่องนี้โดยได้ริเริ่มกลไกลบัญชีสิ่งประดิษฐ์และบัญชีนวัตกรรมเชื่อมต่อผลงานวิจัยและพัฒนาที่ประสบความสำเร็จออกสู่เอกชนโดยใช้หน่วยงานภาครัฐเป็นตลาด นโยบายดังกล่าวนี้หากปฎิบัติให้จริงจังทำนองเดียวกับที่ประเทศอื่นได้ทำมาก่อนก็จะสามารถดึงภาคเอกชนเข้ามาลงทุนการผลิตได้ เพราะมั่นใจว่ามีตลาดภาครัฐรองรับ ผมเชื่อว่าเราจะขยายผลการใช้ เดนตีสแกน 2.0 สู่โรงพยาบาลใหญ่และโรงพยาบาลในชนบททั่วทุกภูมิภาคของประเทศผ่านบัญชีทั้งสองนี้ได้” “การที่ พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีได้กรุณาเดินทางมากระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นประธานการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อผลักดันผลงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมไทยสู่การใช้งานระหว่าง 2 กระทรวงนี้ จากนั้นพรัอมด้วยพร้อมด้วย ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เดินทางไปเยี่ยมชมการทำงานของเครื่อง DentiiScan 2.0 ที่สถาบันทันตกรรม กระทรวงสาธารณสุข ย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลนี้ที่จะสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมไปสู่การใช้งานจริงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีสุขภาวะที่ดี ลดการสูญเสียเงินตราของประเทศต่อไป” ศ. ดร.ไพรัชกล่าวทิ้งท้าย “ผมมีส่วนร่วมอยู่โครงการนี้มาแต่ต้น เราก็ช่วยกันปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นตลอด จนกระทั่งเมื่อทดลองใช้เครื่องพบว่าความแม่นยำประมาณ 98 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ ไม่ต่างจากต่างประเทศที่เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำ และคนไข้ปลอดภัยแน่ๆ เพราะหลังจากที่นำมาใช้ในงานทันตกรรมรากฟันเทียม ผลงานวิจัยเราก็ยืนยันว่า ภาวะแทรกซ้อนที่เนื่องจากการมองไม่เห็นหรือที่จะไปทำอันตรายอวัยวะที่สำคัญๆ เท่ากับศูนย์เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลการใช้งานจริงจากการใช้งานเดนตีสแกน” - รศ. ทพ.ดร.ปฐวี คงขุนเทียน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ “เครื่องเดนตีสแกนหากเรื่องประโยชต่อคนไข้ผมว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ผมเข้าใจ สวทช. ที่นักวิจัยพยายามทำงานวิจัยให้ดีที่สุดและให้ใช้งานได้จริง เพื่อให้ประเทศชาติมีผลงานที่เป็นของคนไทย ซึ่งรัฐบาลต้องช่วย โดยเข้าไปเสริมแรงนักวิจัยไทย เช่น หากเครื่องเดนตีสแกน ลงไปที่หน่วยงานของรัฐ รัฐบาลต้องให้นโยบายว่าหน่วยงานของรัฐต้องใช้ นอกจากนี้ควรให้เงินสนับสนุน สวทช. ลงขันกับโรงพยาบาลคนละ 1 ล้านบาท ที่เหลือรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณวิจัยได้ นักวิจัยก็จะผลิตงานวิจัยใช้ได้จริงเพิ่มขึ้น และไปสู่จุดที่คนไข้ได้ใช้มากขึ้น ช่วยให้คนไทยเข้าถึงการรักษาโดยง่ายในราคาที่ถูกลงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” - ทพ.ยุวบูรณ์ จันทร์แจ่มจรูญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ -สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.-
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
บทความ
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – สวทช. สสวท. เชฟรอน และคีนัน จับมือพันธมิตรจัดงาน “ครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย”
สวทช. สสวท. เชฟรอน และคีนัน จับมือพันธมิตรจัดงาน "ครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย" สร้างแรงบันดาลใจ ปลูกแนวคิดวิทยาศาสตร์สู่เยาวชน 2 มิถุนายน 2560 - บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ปทุมธานี:  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงานครบ 5 ปี โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี จัดขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมกับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และมหาวิทยาลัยเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของไทย และเป็นการวางรากฐานระยะยาวเพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กราบบังคมทูลว่า โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย เป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริให้ สวทช. สสวท. และมหาวิทยาลัยเครือข่ายในประเทศไทย 8 แห่ง ริเริ่มดำเนินการนำร่องในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายถึงมัธยมศึกษาตอนต้นทำกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย โดยมีอาจารย์ นักวิจัย และพี่เลี้ยงนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอก คอยดูแลให้คำแนะนำในการทำกิจกรรม และได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2559 โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ทำให้การดำเนินงานได้ขยายเครือข่ายสู่สังคมและสาธารณะในวงกว้างมากขึ้น  โดยเพิ่มมหาวิทยาลัยในภูมิภาค อีกจำนวน 10 แห่ง ทำให้มีหน่วยงานรวมทั้งสิ้น 21 หน่วยงาน มีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาโดยคณาจารย์และนักวิจัยนักวิชาการไทย จำนวน 63 กิจกรรม โดยมีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 30,000 คน ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสะเต็ม (Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM) เป็นการต่อยอดหลักสูตรโดยบูรณาการการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง และการประกอบอาชีพในอนาคต ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กราบบังคมทูลเบิกผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเครือข่าย ผู้แทนจาก สสวท. บริษัทเชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และ สวทช. จำนวน 22 คน เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย และฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “Learning in an Extracurricular Learning Center (มหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในห้องทดลองมหาวิทยาลัย)” โดย ศาสตราจารย์ ดร.รูดอล์ฟ เฮอร์แบส จากทอยโทแล็บ มหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเสด็จฯ เปิดนิทรรศการ “5 ปีมหาวิทยาลัยเด็ก: ปลูกแนวคิดวิทยาศาสตร์สู่เยาวชน” พร้อมทอดพระเนตรการจัดกิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนในโครงการ อาทิ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวทางพระราชดำริ “เกษตรทฤษฎีใหม่” มหัศจรรย์พืชเปลี่ยนสีได้ คลอโรฟิลล์แยกร่าง สิ่งประดิษฐ์จากหลอดแอลอีดี และประดิษฐ์กล้องเพอริสโคป เป็นต้น “โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจของ สวทช. ในการพัฒนากำลังคนทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งโครงการมหาวิทยาลัยเด็กฯ นี้จะเน้นเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเยาวชนในระดับประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น โดยเด็กจะได้เรียนรู้และเปิดโลกวิทยาศาสตร์ที่นอกเหนือจากตำราในห้องเรียน ได้รู้จักการนำวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน สามารถนำไปประยุกต์และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์ในมิติต่างๆ ทางสังคม ผ่านกิจกรรมการทดลองโดยมีนักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญเป็นพี่เลี้ยงที่คอยให้คำแนะนำปรึกษาอย่างใกล้ชิด”  ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กล่าวเพิ่มเติม นายแบรด มิดเดิลตัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอนเอเชียเซ้าท์ จำกัด กล่าวว่า “เชฟรอนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือ สะเต็ม แก่เยาวชน เพื่อพัฒนา ‘พลังคน’ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ การสนับสนุนโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยของเชฟรอน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต’ ที่เชฟรอนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนส่งเสริมการศึกษาในสาขาสะเต็มผ่านการเรียนรู้ในระบบการศึกษาและกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อให้เยาวชนเห็นว่าการศึกษาในสาขานี้เป็นเรื่องสนุกน่าสนใจ เกิดแรงบันดาลใจและสนใจในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2558 เชฟรอนประเทศไทยได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 17 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย และได้ขยายขอบเขตการดำเนินโครงการไปสู่มหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงเยาวชนทั่วประเทศ” นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธาน สถาบันคีนันแห่งเอเซีย ในฐานะหน่วยงานบริหารโครงการ Chevron Enjoy Science กล่าวว่า “ในปี 2560 โครงการ Chevron Enjoy Science ได้ตั้งเป้าหมายในการขยายการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็กประเทศไทยไปสู่เยาวชนอีกกว่า 6 พันคนทั่วประเทศ พร้อมจัดอบรมแก่คณาจารย์และบุคลากรของสถาบันการศึกษาและหน่วยงานพันธมิตร เพื่อพัฒนาและสร้างเสริมศักยภาพในการออกแบบและดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยตั้งเป้าจัดการอบรมให้แก่บุคลากรปีละประมาณ 50 คน” การจัดงานครบ 5 ปีมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทยในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 มิถุนายน 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยภายในงานประกอบด้วยการบรรยายพิเศษโดยวิทยากรจากทอยโทแล็บ มหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์  / การแสดงนิทรรศการโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย / การจัดฐานการทดลองกิจกรรมโครงการมหาวิทยาลัยเด็กสำหรับนักเรียน จำนวน 20 ฐาน อาทิ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวทางพระราชดำริ “เกษตรทฤษฎีใหม่” มหัศจรรย์พืชเปลี่ยนสีได้ และประดิษฐ์เครื่องกรองน้ำอย่างง่าย เป็นต้น / กิจกรรมอบรมฝึกปฏิบัติการให้แก่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยเครือข่าย โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ ได้แก่ ข้าว และสิ่งแวดล้อม และการจัดพิมพ์หนังสือ "คู่มือกิจกรรมมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย: สนุกวิทย์ ปลูกแนวคิดวิทยาศาสตร์สู่เยาวชน" สนใจกิจกรรมในโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ได้ที่ www.childrensuniversity.in.th หรือ โทร. 0-2564-7000 ต่อ 77214 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11161-20170601
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – สวทช. – ศาลปกครอง ขยายความร่วมมือสารนิเทศด้านกฎหมาย การเมือง และการปกครอง
สวทช. - ศาลปกครอง ขยายความร่วมมือสารนิเทศด้านกฎหมาย การเมือง และการปกครอง เพื่อการเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม 30 พฤษภาคม 2560 ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ : สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STKS)  และ สํานักหอสมุดกฎหมายมหาชน สํานักงานศาลปกครอง ร่วมกันจัดการสัมมนาวิชาการ “การบริการสารสนเทศแบบเปิด : ร่วมมือ ผสานใจ เพื่อ ตอบรับไทยแลนด์ 4.0” ระหว่างวันที่ 30 – 31 พฤษภาคม 2560 เพื่อเผยแพร่ความรู้และ นำเสนอความก้าวหน้าของโครงการระบบสื่อ สาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม บรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 และขยายความร่วมมือ จนเกิดเป็นความร่วมมือเพิ่มเติมในกลุ่มเครือข่ายห้องสมุดกฎหมาย การเมือง และการปกครอง   นางกุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  แห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือกับศาลปกครองครั้งนี้ เนื่องจากเป็นด้านที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย การเมือง และการปกครอง หน่วยงานด้านศาลและกระบวนการยุติธรรมหลายๆ หน่วยงานเข้ามาร่วมด้วยก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะเรื่องกฎหมายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกๆ คน ทั้งในระดับบุคคล และสิทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละคน มีความจำเป็นที่หน่วยงานของรัฐ และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันทำสื่อการเรียน การสอนที่น่าสนใจ ซึ่งยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ อีกมาก ลำพัง สวทช. ไม่สามารถมีความรู้ด้านกฎหมายได้ ดังนั้นวันนี้เป็นโอกาสดีที่ศาลปกครอง ศาลยุตธรรม หรือองค์กรด้านสิทธิมุษยชน ที่มีเนื้อหาหลากหลายรูปแบบมาร่วมกันแชร์ความรู้ให้ประชาชน ซึ่ง สวทช. มีหน้าที่รวบรวมและทำสื่อกลางให้เป็นรูปเป็นร่างและมีความน่าสนใจมากขึ้น หากประชาชนมีโอกาสได้เข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ สิทธิเบื้องต้นส่วนบุคคลว่ามีอะไรบ้าง สามารถเข้าไปค้น ได้ในเว็บไซต์ ในรูปแบบที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน หนังสือที่หาอ่านได้ง่าย ซึ่งมีการรวบรวมอย่างเป็นหมวดหมู่และอยู่ในรูปแบบปลอดลิขสิทธิ์อีกด้วย”  อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5288-20170530-open-data
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. เดินหน้าสร้างนักศึกษา สู่สตาร์ทอัพ จัดเวทีนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมดิจิทัล
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. เดินหน้าสร้างนักศึกษา สู่สตาร์ทอัพ จัดเวทีนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อคว้าทุนต่อยอดผลงานใช้ได้จริง ณ ศูนย์ C-Asean   29 พ.ค. 60 - เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดกิจกรรม Demo Day นำเสนอแนวคิดผลงาน 9 ทีมสุดท้ายใน “โครงการพัฒนาทักษะการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจเริ่มต้น (Digital Innovation Startup Apprentice)” หวังเป็นเวทีสร้างประสบการณ์นำเสนอผลงานอย่างเป็นทางการ รวมถึงสร้างทักษะแก่นักศึกษาตรี-โท-เอก รวมถึงที่จบใหม่ และนักพัฒนาอิสระ ให้สามารถสร้างนวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ และพร้อมเติบโตเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแนวนโยบาย Thailand 4.0 ได้ต่อไป ผลทีมวอชอีซี่ (WASH’s Easy) จาก ม.ขอนแก่น ทีมปิ่นโต (Pinto) จาก ม.รังสิต และทีม (ฮัพพี่สเปซ) Huppy.Space จาก มจพ. เป็น 3 ทีมที่คว้าเงินสนับสนุนสำหรับผลงานที่สามารถต่อยอดเชิงธุรกิจได้ จำนวนทีมละ 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ โดยมี นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. เป็นผู้มอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5286-20170529-demo-day
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ก.วิทย์ฯ สวทช. ทีเซล วช. ผนึก สธ. นำร่อง 6 โรงพยาบาลทั่วประเทศหนุนใช้ “เดนตีสแกน 2.0” เครื่องแรกฝีมือคนไทย
ก.วิทย์ฯ สวทช. ทีเซล วช. ผนึก สธ. นำร่อง 6 โรงพยาบาลทั่วประเทศหนุนใช้ “เดนตีสแกน 2.0” เครื่องแรกฝีมือคนไทย ตอบโจทย์ทันตกรรมสามมิติ เพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทย 29 พฤษภาคม 2560 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 กระทรวงสาธารณสุข: พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและสักขีพยานในการลงนามระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เพื่อร่วมผลักดันผลงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมไทยสู่การใช้งานจริง ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีสุขภาวะที่ดี ลดการสูญเสียเงินตราของประเทศ โดยมี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เข้าร่วมด้วย   ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยในสังกัด สวทช. ได้ทุ่มเทแรงกายและใจเพื่อผลิตผลงานวิจัยเครื่องเดนตีสแกน 2.0 ด้านงานทันตกรรมแบบ 3 มิติ ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างช่องปากและขากรรไกรของผู้ป่วยแบบ 360  องศา ลดความผิดพลาดในการผ่าตัดในช่องปากของผู้ป่วยได้ ที่สำคัญคือ เป็น นวัตกรรมที่ผลิตได้โดยคนไทย และมี คุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล นอกจากนี้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยา ศาสตร์ (ทีเซล) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  สนับสนุนงบประมาณผลิตเครื่องเดนตีสแกน 2.0 จำนวน 6 เครื่อง โดยในปี 2560 นี้พร้อมนำไปติดตั้งและใช้ประโยชน์ในสถานพยาบาล 6 แห่ง  ได้แก่ สถาบันทันตกรรมกรมการแพทย์ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.แพร่ รพ.สกลนคร รพ.สุราษฎร์ ธานี และ รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ผู้ประกอบการที่ขอรับสิทธิอนุญาตผลิตใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5285-20170529-dentiiscan
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี 2560
นักวิจัยนาโนเทค สวทช. ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี 2560 เพื่อพัฒนาวัคซีนรักษามะเร็งปากมดลูก ร่วมกับนักวิจัย ม.ควีนส์แลนด์  ดร.มัตถกา คงขาว นักวิจัยห้องปฏิบัติการนาโนเวชสำอาง หน่วยวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อชีวิตและสุขภาพ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับทุนนักวิจัยหญิงออสเตรเลีย-เอเปค ประจำปี พ.ศ. 2560 เพื่อทำวิจัยในหัวข้อ “An development of a new delivery system for HPV vaccine candidates against cervical cancer” หรือการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ในการรักษามะเร็งปากมดลูก จากรัฐบาลออสเตรเลีย (Australia-APEC Women in Research Fellowship) กำหนดสิงหานี้ เดินหน้าทำวิจัยร่วมกับศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ตั้งเป้าให้วิธีรักษามะเร็งโดยใช้วัคซีนเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็งปากมดลูกต่อไป ดร.มัตถกา คงขาว เปิดเผยว่า “งานวิจัยที่ได้รับทุน คือเรื่อง “The development of a new delivery system for HPV vaccine candidates against cervical cancer” เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ในการรักษามะเร็งปากมดลูก เนื่องจากในปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ก่อให้เกิดการตายของผู้หญิงทั่วโลกเป็นอันดับที่ 2 การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัดร่วมกับการให้เคมีบำบัดซึ่งเป็นวิธีรักษาทั่วไปของโรคมะเร็ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาต่ำ หรือแม้กระทั่งตอบสนองในช่วงแรกและเกิดการกลับมาใหม่ของมะเร็ง ดังนั้น การหาวิธีการรักษามะเร็งปากมดลูกวิธีใหม่ จึงยังเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจของนักวิจัยด้านมะเร็ง โดยมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุเกือบ 100% มาจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า HPV หรือ Human papilloma virus ฉะนั้น การรักษาโดยใช้วัคซีนเพื่อไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เพิ่มขึ้นเพื่อทำลายไวรัสเหล่านี้หรือภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็งประเภทนี้ นอกจากนี้ วัคซีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกที่มีอยู่ท้องตลาดขณะนี้เป็นวัคซีนที่ใช้ในการป้องกัน แต่ยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ในการรักษาเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดมะเร็งเหล่านี้” “งานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นการทำงานร่วมกับ Professor Istvan Toth จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ (The University of Queensland) ในการพัฒนาวัคซีนสำหรับการรักษามะเร็งปากมดลูก พร้อมทั้งออกแบบระบบนำส่ง เพื่อนำส่งวัคซีนที่ได้ไปยังเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส HPV ของมะเร็งปากมดลูกอย่างจำเพาะเจาะจง และยังเป็นการริเริ่มการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในการต่อต้านและรักษามะเร็งปากมดลูกอีกด้วย โดยมีกำหนดจะเดินทางไปทำวิจัยที่ออสเตรเลียในเดือนสิงหาคมนี้” อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5276-20170524
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ITAP สวทช. ร่วมกับ TCELS จัดสัมมนายกระดับผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์
ITAP สวทช. ร่วมกับ TCELS จัดสัมมนายกระดับผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ เตรียมความพร้อมด้านออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 18 - 19 พฤษภาคม 2560 ณ โรงแรมโนโวเทล สุขุมวิท 20 กรุงเทพฯ - โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS จัดสัมมนาเรื่อง “Design Control for Medical Devices” โดยเป็นหัวข้อสัมมนาครั้งที่ 3 ภายใต้ซีรีส์การสัมมนา “การยกระดับต่อยอดเครื่องมือทางการแพทย์ไทยในยุค Thailand 4.0 (The Transformation of Medical Device Industry for Thailand 4.0)” เพื่อให้ความรู้และรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทั้งการทำ workshop และการนำ Design Control ไปประยุกต์ใช้จริง ตลอดจนรับคำปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดธุรกิจ แก่ผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้เกี่ยวข้อง กว่า 100 คนตลอด 2 วันเต็ม โดยมีผู้อำนวยการโปรแกรม ITAP สวทช. และรองผู้อำนวยการ TCELS กล่าวเปิดงานสัมมนา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5268-20170519-design-control-for-medical-devices
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จัดสัมมนา Smart IT for Smart Industry
ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จัดสัมมนา Smart IT for Smart Industry ใช้ไอทีแก้ปัญหาธุรกิจของผู้ประกอบการ ในงาน INTERMACH 2017 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการและสินค้าไบเทค บางนา - ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจซอฟต์แวร์ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดสัมมนาเรื่อง “Smart IT for Smart Industry” แก่ผู้ประกอบการที่สนใจการพัฒนาระบบไอทีเพื่อแก้ปัญหาธุรกิจกว่า 50 คน โดยกิจกรรมสัมมนาเริ่มต้นด้วยการบรรยายหัวข้อเรื่อง “การใช้ซอฟต์แวร์ด้าน PLC, Sensor, SCADA, Microcontroller ที่ใช้ในระบบควบคุมอัตโนมัติ เพื่อรองรับกับยุค Industry 4.0” โดย ผศ.ดร.ชานินทร์ จูฉิม สาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์, รองผู้อำนวยการสถาบันสหกิจศึกษาและพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ต่อด้วยการบรรยายหัวข้อเรื่อง “วิธีบริหารโครงการอุตสาหกรรมด้วย Delta Project Management” โดย คุณทีปกร ศิริวรรณ Senior Director บริษัท นิรมิตกรุ๊ป จำกัด จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ซักถามในประเด็นที่ต้องการพัฒนาและแก้ไขในการดำเนินธุรกิจ พร้อมนี้ ซอฟต์แวร์พาร์ค พาผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ร่วมออกบูธนำเสนอซอฟต์แวร์ ในงาน INTERMACH 2017 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 20 พฤษภาคม 2560 ที่ไบเทค บางนา
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – นักเรียนไทยเจ๋ง! คว้ารางวัลเหรียญเงิน-ทอง จากเวทีโลก I-SWEEEP 2017 สหรัฐอเมริกา
นักเรียนไทยเจ๋ง! คว้ารางวัลเหรียญเงิน-ทอง จากเวทีโลก ในการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์นานาชาติ I-SWEEEP 2017 สหรัฐอเมริกา 10 พฤษภาคม 2560 : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนจากโครงการการประกวดโครงงานของนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ครั้งที่ 19 (Young Scientist Competition : YSC) เข้าประกวดแข่งขันโครงงานด้านวิทยาศาสตร์ในงาน I-SWEEEP (The International Sustainable World (Engineering Energy Environment) Project Olympiad) ระหว่างวันที่ 3 – 8 พฤษภาคม 2560 ประเทศสหรัฐอเมริกา คว้ารางวัลเหรียญทอง-เงิน โดยมี ดร.กัลยา อุดมวิทิต รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สวทช. ให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดี ผลจากการแข่งขันนักเรียนไทยที่ได้รางวัลเหรียญทอง จาก I-SWEEEP 2017 ได้แก่ โครงงานการศึกษาชนิดพืชอาหารที่มีผลต่อองค์ประกอบของเส้นใยพืชจากมูลช้าง และ สมบัติของเซลลูโลสบริสุทธิ์สกัด เพื่อพัฒนาเป็นชีววัสดุโครงร่างเลี้ยงเซลล์วิทยาศาสตร์พืช (The Users of the Elephant’s Feces and Its Digestive System to Reduce the Extraction Process and HAZARDOUS Chemicals Used in the Extraction and Adding the Feces’ Value by Developing to Biomedical Materials) ผู้พัฒนาคือ นายณัฐวัฒน์ กว้านสกุล นายพิมา องค์ทวีเกียรติ อาจารย์ที่ปรึกษา นายชนันท์ เกียรติสิริสาสน์ ติ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย รางวัลเหรียญเงิน โครงงานการพัฒนาวัสดุชีวภาพจากเส้นใยไมซีเลียมของเห็ดสายพันธุ์ท้องถิ่นของไทย และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (Development of Bio-Based Materials from Thai local mushroom Mycelium and Agricultural Wastes) สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ผู้พัฒนาได้แก่ นายเกษมสันต์ พงศ์สุวรรณ นางสาวจิราพัชร มูลศาสตร์ และ นางสาวเบญญาภา อยู่ออง อาจารย์ที่ปรึกษา นางสาววรุณธร เชื้อบุญมี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยรังสิต (วมว.มธ.สกร.)  นอกจากนี้โครงงานที่สมาคมวิทยาศาสตร์ฯ ให้การสนับสนุนได้รับรางวัลชมเชยสาขาพลังงาน ได้แก่ โครงการการสกัดน้ำมันไบโอดีเซลจากเมล็ดสำโรงเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ (Java Olive: Low Cost High-Yield Source for Biodiesel Production) ผู้พัฒนาได้แก่ นายพชร ศรีนวลขาว นายภาณุมาศ ศรีสุวรรณ์ นางสาวบุปผา พงศ์ชนะ อาจารย์ที่ปรึกษา นายทวี มุสิกะ โรงเรียนสทิงพระวิทยา
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. ติวเข้มธุรกิจซอฟต์แวร์ หนุนสู่ไทยแลนด์ 4.0
ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. ติวเข้มธุรกิจซอฟต์แวร์ หนุนสู่ไทยแลนด์ 4.0 9 พฤษภาคม 2560 ณ อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค จ.นนทบุรี - ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดโครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ รุ่น 15 (SUCCESS2017) คว้าดาวเด่นวงการเข้าสังกัดเพียบ เตรียมแต่งตัวสตาร์ทอัพทั้งแนวลึกและแนวกว้าง เชื่อมต่อกับแหล่งทุนทุกระดับ นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. เปิดเผยว่า โครงการ Success ในปีนี้ เป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์และนวัตกรรมที่มีผลงานออกสู่ตลาดแล้ว จำนวน 57 ราย เพื่อเข้าร่วมบ่มเพาะธุรกิจ สร้างมิติใหม่ของการบ่มเพาะกลุ่ม start-up เบื้องต้น โดยเน้นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและวางรากฐานให้ธุรกิจยั่งยืน และเพิ่มมิติในด้านเงินทุน เพื่อทำให้โอกาสในการอยู่รอดมากขึ้นกว่าทุกปี โดยจะเป็นโครงการที่เกิดการร่วมทุนจากกองทุนทุกรูปแบบมากที่สุดในประเทศในปีนี้ หลังจากที่ก่อตั้งโครงการมาถึง 15 ปี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5239-20170509-success2017
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.3 – สวทช. ส่งมอบเครื่องบิน Cozy Mark IV แก่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
สวทช. ส่งมอบเครื่องบิน Cozy Mark IV แก่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เสริมทักษะฝึกปฏิบัติซ่อมบำรุงอากาศยาน ตอบสนองนโยบายอุตสาหกรรมการบินเป้าหมายใหม่   8 พฤษภาคม 2560 ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ปทุมธานี - กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. ส่งมอบเครื่องบิน Cozy Mark IV (โคซี่ มาร์ค โฟร์) ชนิด Composite (คอมโพสิท) 4 ที่นั่ง ให้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดย ดร.สาธิต พุทธชัยยงค์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนในหลักสูตรฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ นับเป็นเครื่องบินลำแรกของประเทศไทยที่ประกอบโดยเยาวชนไทย และสามารถใช้งานจริงได้ ภายใต้โครงการวิศวกรรมการออกแบบและสร้างเครื่องบิน Cozy Mark IV Thailand ของ สวทช. ที่ดำเนินการต่อเนื่องมากกว่า 7 ปี โดยมี ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. ผศ.ปราโมทย์ อนันต์วราพงษ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.กรุงเทพ และ ดร.สวัสดิ์ ตันติพันธุ์วดี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบิน ที่กำกับดูแลและควบคุมโครงการฯ ร่วมในพิธีส่งมอบ “เครื่องบิน Cozy Mark IV ชนิด Composite เป็นเครื่องบิน 4 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 360 แรงม้า สามารถรับน้ำหนักได้มากที่สุด 2,050 ปอนด์ ประกอบด้วยวัสดุ composite (คือ วัสดุที่ประกอบด้วยการรวมวัสดุมากกว่า 2 ประเภทเข้าด้วยกัน) โดยโครงการดำเนินการจนถึงขั้นเตรียมพร้อมนำไปทดสอบใช้งานจริง ได้แก่ ระบบน้ำมันเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้าเครื่องยนต์ ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง และทดสอบเครื่องยนต์พร้อมใบพัด รวมทั้งได้ทำการ taxi (ขับจริงบนถนน) แล้ว ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย นับเป็นเครื่องบินลำแรกของไทยที่ประกอบโดยเยาวชนไทยและใช้งานจริงได้ และเพื่อให้เครื่องบิน Cozy Mark IV มีการนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ได้มีความสนใจนำเครื่องบินดังกล่าว ไปใช้ในการเรียนการสอนในหลักสูตรฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน ภาควิชาวิศวกรรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/5238-201760508-cozy-mark-iv  
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
 
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 ประจำเดือน พฤษภาคม 2560
ข่าว ​ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จับมือผู้จัดงาน CommunicAsia 2017 ประเทศสิงคโปร์ ก.วิทย์ สวทช. โชว์ผลงานวิจัยบัญชีนวัตกรรม, EECi เอ็มเทค สวทช. จับมือ พพ. ขยายผลเทคโนโลยี H-FAME เพิ่มคุณภาพไบ​โอดีเซล ผู้เชี่ยวชาญ ตปท. ยก ไบโอเทค สวทช. เป็นผู้นำเทคโนโลยีชีวภาพ “กุ้งกุลาดำโอเมก้า” ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ   บทความ “KidBright” จากบอร์ดสมองกลฯ สู่ผลงานสร้างสรรค์...ผ่านจินตนาการวัยทีน   ปฏิทินกิจกรรม โครงการ YSTP เปิดรับไฟล์ข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับทุนการศึกษาวิจัย โครงการ STEM Workforce เปิดรับใบสมัคร รอบสอง กิจกรรมฝึกอบรม กิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์    Download เอกสารฉบับเต็ม [7.13 MB] NSTDA Newsletter ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.