ผลการค้นหา :

สวทช. ขอเชิญผู้ประกอบร่วมศึกษาดูงานด้านสมาร์ทโฮมที่จีน
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมศึกษาดูงานด้าน Smart Home (สมาร์ทโฮม) เพื่อสร้างแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสำหรับบ้าน-อาคาร-สำนักงาน ระหว่างวันที่ 15 - 19 ธันวาคม 2562 ณ เมืองกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าชมงาน The 8th Guangzhou International Smart Home Exhibition โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ นายพงศธร ละเอียดอ่อน ร่วมเดินทาง รับสมัครเพียง 30 ท่านเท่านั้น ภายใน 30 พฤศจิกายนนี้ ค่าใช้จ่าย 49,500 บาท/ท่าน (ไม่รวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7 % และหักภาษี ณ ที่จ่าย 3 %) พักเดี่ยวเพิ่ม 7,000 บาท/ท่าน สำรองที่นั่งได้ที่โปรแกรม ITAP สวทช. คุณวลัยรัตน์ โทร. 0 2564 7000 ต่อ 1368, 1301 / มือถือ 093 956 1556 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อีเมล chanaghan@nstda.or.th (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. คว้า 3 รางวัลในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ปี 62
23 กันยายน 2562 ณ ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี : ดร.ลดาวัลย์ กระแสร์ชล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นผู้แทนสำนักงานและผู้อำนวยการ สวทช. รับมอบ 3 รางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2562 จัดโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จำนวน 3 รางวัล จากนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธี ประกอบด้วย รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น จากกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น จากกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรางวัลผู้บริหารทุนหมุนเวียนดีเด่น ได้แก่ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. เพื่อยกย่องผู้บริหารทุนหมุนเวียนที่มีผลงานผ่านการประเมินของคณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียนในระดับดีขึ้นไป จากกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. และหน่วยงานภายใต้ กระทรวง อว. ร่วมงานมหกรรมจีน-อาเซียนครั้งที่ 16 ณ นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน หนุนการพัฒนาบุคลากรด้าน วทน. และผู้ประกอบการ
20 กันยายน 2562 ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้รับเชิญจากศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีจีน-อาเซียน (China-ASEAN Technology Transfer Center หรือ CATTC) และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (Science and Technology Department of Guangxi Zhuang Autonomous Region) สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมงาน “The 7th Forum on China-ASEAN Technology Transfer and Collaborative Innovation” ภายใต้งานมหกรรมจีน-อาเซียน ครั้งที่ 16 (The 16th China-ASEAN Expo) ณ นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำโดย รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) (ในฐานะตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ) รวมทั้งผู้ประกอบการจากประเทศไทยจำนวนมากกว่า 20 ราย (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. ร่วมกับ มจพ. จัดอบรมการพัฒนาการทำงานของพนักงานสมัยใหม่
18 ก.ย. 62 ณ ห้องอบรม อาคารอเนกประสงค์ (สำนักงานอธิการบดี) สำนักพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) จัดอบรมหัวข้อ “การพัฒนาการทำงานของพนักงานสมัยใหม่ (Worker 4.0)” ให้แก่ผู้ประกอบการ SME และโรงงานกว่า 100 คนที่มีความสนใจในการจัดการการทำงานของพนักงานในยุค 4.0 โดยมีวิทยากรจาก มจพ. ได้แก่ อ.สงกรานต์ บางศรัณย์ทิพย์ และ อ.ศรัณยู สัจจโภชน์ (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

สรพ. ร่วมกับ สวทช. มอบรางวัลนวัตกรรมดีเด่น 2P Safety Tech ให้โรงพยาบาลที่นำนวัตกรรมปรับใช้เพิ่มความปลอดภัยผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงานใน รพ.
ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ วันที่ 16-17 ก.ย. 62 - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ร่วมกับ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. จัดเวทีพิชชิ่ง 2P Safety Tech Pitching ภายใต้งาน “วันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยโลก (The 1st World Patient Safety Day)” และ “วันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขของประเทศไทย (The 3rd Thailand Patient and Personnel Safety Day)” ที่จัดโดย สรพ. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ โดยเวทีพิชชิ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมด้าน Innovation for 2P Safety ที่เปิดโอกาสให้ 12 โรงพยาบาลในโครงการ 2P Safety Tech Hospitals นำเสนอนวัตกรรม เพื่อคัดเลือกนวัตกรรมที่มีผลงานดีเด่นใน 3 ด้าน ได้แก่ Care, Change, Collaboration ผลปรากฏ รพ.หนองม่วง ลพบุรี กับผลงานรถขนส่งอาหารขับเคลื่อนไฟฟ้า คว้ารางวัลด้าน Collaboration ขณะที่ด้าน Care มี 2 แห่งคือ รพ.มหาสารคาม กับผลงาน Smart OPD และรพ.สุไหงโก-ลก กับผลงานเครื่องมือ Stop Fall ส่วนรางวัลด้าน Change คือ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ กับผลงานระบบบริหารเวรเปล ซึ่งทุกนวัตกรรมต้นแบบที่พัฒนาจะเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทปัญหาของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลมีความปลอดภัยและสะดวกยิ่งขึ้น สนับสนุนการเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ต่อไป (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

Thai search ระบบสืบค้นเบ็ดเสร็จจุดเดียว
หากคุณต้องการค้นหาข้อมูลงานวิจัย ผลงานวิจัยจากฐานข้อมูลห้องสมุดมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย และแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่สนับสนุนการเข้าถึงแบบเปิด เช่น คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด เป็นต้น ระบบ Thai search จะเป็นระบบสืบค้นเบ็ดเสร็จจุดเดียว ที่คุณสามารถพบข้อมูลที่คุณต้องการ จากฐานข้อมูลข้างต้นได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว โดยสามารถเข้าถึงหรือสืบค้นได้ที่ http://thaisearch.in.th/
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวทช. อว. นำเสนอการดำเนินงาน EECi กับนายกรัฐมนตรี ในงานสภาพัฒน์ฯ
18 กันยายน 2562 อิมแพค เมืองทองธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมจัดนิทรรศการในการประชุมวิชาการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดย สวทช. ในฐานะผู้จัดการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor of Innovation (EECi) ได้นำเสนอการดำเนินงานการก่อสร้าง EECi Phase 1A ซึ่งการดำเนินงานทุกด้านก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2564 ต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานเปิดงาน โดยมี ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา รองผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. ให้การต้อนรับและนำเสนอ (more…)
ข่าวประชาสัมพันธ์

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉบับที่ 6 ประจำเดือนกันยายน 2562
ข่าว
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือ สวทช. ลงนามความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
ผลิตไม่ทันขาย! สหกรณ์บ้านแพรกหาฯ จ.พัทลุง นำนวัตกรรม ParaFIT แปรรูป “หมอน-ที่นอนยางพารา”
สวทช. อว. จับมือ สสช. หนุนงานวิจัย Big Data
สวก. ผนึกกำลัง สวทช. อว. ดึงเกษตร-อุตสาหกรรมสัตว์น้ำ หนุน EECi
สวทช. อว. ร่วมกับ สอศ. ศธ. จัดแข่งขัน “R Cheewa Hackathon 2019”
นาโนเทค สวทช. จับมือ เอกชนเกาหลี วิจัยเครื่องสำอาง
สวทช. หนุน Tech Startup มอบ 12 ทุนพัฒนาต้นแบบนวัตกรรม AI
สวทช. ร่วมกับ สนพ. จัดสัมมนาเสนอผลงานวิจัยด้านระบบกักเก็บพลังงาน
สวทช. อว. จัดประชุมการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2019
สวทช. อว. จัดเต็ม! เปิดอย่างยิ่งใหญ่ งาน Thailand Tech Show 2019
บทความ
จับตา 10 เทคโนโลยี พลิกโฉมธุรกิจ
ปฏิทินกิจกรรม
ขอเชิญผู้ประกอบการด้านอาหารฟังก์ชั่น ผู้สูงอายุ และสุขภาพ ร่วมสัมมนา
Download เอกสารฉบับเต็ม [10.6 MB]
NSTDA Newsletter ปีที่ 5 ฉบับที่ 6 ประจำเดือนกันยายน 2562 from National Science and Technology Development Agency (NSTDA) - Thailand
จดหมายข่าว สวทช.

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.6 – ปฏิทินกิจกรรม
ขอเชิญผู้ประกอบการด้านอาหารฟังก์ชั่น ผู้สูงอายุ และสุขภาพร่วมสัมมนา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) ขอเชิญผู้ประกอบการในกลุ่มผู้ผลิตอาหารฟังก์ชั่น อาหารผู้สูงอายุ และอาหารเพื่อสุขภาพ เข้าร่วมสัมมนา Functional Food: Trend of Future - Health Claim - Market Strategy ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 08.30 - 16.00 น. ณ โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค กรุงเทพฯ งานสัมมนาที่จะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารฟังก์ชั่นได้ข้อมูลครบทุกมิติ ทั้งทิศทางสินค้าอาหารฟังก์ชั่นจากข้อมูลเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มเทคโนโลยีนวัตกรรมอาหารสุขภาพจากการวิเคราะห์แผนที่สิทธิบัตรเพื่อค้นหาโอกาสในการทำตลาดอาหารฟังก์ชั่น พร้อมเข้าใจหลักคิดและข้อกำหนดของ อย. และความเข้าใจที่ผู้ผลิตอาหารควรรู้เกี่ยวกับแนวทางทำธุรกิจอาหารฟังก์ชั่นและอาหารสำหรับผู้สูงอายุ รับจำนวนจำกัดเพียง 50 ท่าน (1 บริษัท ไม่เกิน 2 คน) ค่าลงทะเบียนท่านละ 700 บาท (รวม Vat 7%) โอนผ่านธนาคารกรุงเทพ สอบถาม โทร. 0 2564 7000 ต่อ 1388 หรือสมัครได้ที่ https://forms.gle/bc146Jr1Ubdjo239A
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.6 – จับตา 10 เทคโนโลยี พลิกโฉมธุรกิจ
จับตา 10 เทคโนโลยี พลิกโฉมธุรกิจ
นับเป็นครั้งที่ 10 แล้ว สำหรับการบรรยายเรื่อง 10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง (10 Technologies To Watch) ซึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยคณะทำงาน สวทช. คัดสรรมาเพื่อการคาดการณ์เทคโนโลยีที่จะมีผลกระทบได้อย่างชัดเจนใน 5 - 10 ปีข้างหน้า บางเทคโนโลยีอาจใกล้จะเป็นผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ๆ ได้แล้ว บางชนิดอาจจะยังเป็นต้นแบบหรือการทดสอบเบื้องต้น แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลกระทบกับชีวิตและธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้
ในปีนี้ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. บรรยายพิเศษเรื่อง 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ในงาน THAILAND TECH SHOW 2019 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 - 6 กันยายนที่ผ่านมา ณ คอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อแสดงผลงานวิจัยให้เป็นตลาดเทคโนโลยีผู้ซื้อพบนักเทคโนโลยี เชื่อมโยงงานวิจัยจาก สวทช. และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ สู่ภาคธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรม 360 องศา เพื่อความยั่งยืน" (360o Innovation X Sustainability) พร้อมต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างนวัตกรรมพร้อมขายในเชิงพาณิชย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า เริ่มจากเทคโนโลยีใกล้ตัวที่สุดคือ
1. เครือข่ายมือถือ 5G/6G (Mobile Network 5G/6G)
โทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone) กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของหลายคนไปแล้ว ระบบ 4G ที่ใช้กันในปัจจุบันก็สามารถทำความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 3G อีกราว 50 เท่า และสำหรับ 5G จะมีการรับส่งข้อมูลสูงสุดเพิ่มขึ้นไปอีก 20 เท่าจาก 4G แต่ที่พิเศษคือใช้การได้แม้แต่ขณะที่เคลื่อนที่เร็วถึง 500กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถส่งข้อมูลต่อพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 100 เท่า ดังนั้น 5G จะเป็นแพลตฟอร์ม (Platform) ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น AI, Big Data, Cloud และ IoT เป็นต้น ทำให้สามารถรองรับระบบรถยนต์ไร้คนขับ เกิดบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ล่าสุดค่ายมือถือแห่งหนึ่ง โชว์ศักยภาพความเร็วของสัญญาณ 5G บังคับรถยนต์ไร้คนขับข้ามภูมิภาค กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ซึ่งการสาธิตการบังคับรถยนต์ข้ามภูมิภาคครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ที่สั่งงานระยะไกลแบบเรียลไทม์บนเครือข่าย 5G เป็นระยะทางไกลถึง 950 กิโลเมตร และมีการตอบสนองแบบทันทีทันใด โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นผู้ลงมือขับด้วยตัวเองจากกรุงเทพฯ
2. การคำนวณและวิศวกรรมควอนตัม (Quantum Computing & Engineering)
ทศวรรษหน้า โลกจะสามารถรองรับข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับโจทย์ปัญหาต่างๆ ที่ละเอียดและยากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องการหน่วยประมวลผลที่ดีขึ้น เทคโนโลยีควอนตัม จะเข้ามามีบทบาททำให้ภาพที่เราจินตนาการไว้เกิดขึ้นได้จริง เช่น คอมพิวเตอร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นหลายพันเท่าสามารถถอดรหัสดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตที่ยาวมากเป็นพันๆ ล้านหน่วย สามารถสร้างแบบจำลองเพื่อค้นหายาใหม่ๆ ที่ใช้ได้อย่างแม่นยำกับผู้ป่วย ใช้ตรวจวินิจฉัยโรคในการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องรอผลแล็บหลายวัน รวมถึงยังมีการสร้างอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ เช่น ชิปสำหรับนาฬิกาอะตอม (Atomic Clock) ใช้เทียบค่าเวลาสากลที่มีความแม่นยำมาก ถึงระดับนาโนวินาที (nano-second) รองรับการซื้อขายในระบบธนาคาร หรือคำสั่งซื้อในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปริมาณถึง 100 ล้านคำสั่งต่อวินาที
3. เอไอแห่งอนาคต (Future AI)
ระบบปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคตหรือ Future Artificial Intelligence จะมีส่วนที่เป็นหัวใจหรือสมองของระบบได้แก่ เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง หรือ Machine Learning ด้วย เครือข่ายประสาทเทียม ที่เรียกว่า Deep Neural Network ซึ่งสร้างโดยเลียนแบบเครือข่ายเซลล์ประสาทในสมองของมนุษย์ ความสามารถของ AI ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระบบไซเบอร์-ฟิสิคัล (Cyber-Physical System) ที่ส่งผ่านข้อมูลระหว่างโลกอินเทอร์เน็ตกับโลกจริงทางกายภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ AI ประมวลผลและสั่งการควบคุมการขับรถได้ในเวลาเสี้ยววินาทีด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่อาจจะทำให้คนขับรถจำนวนมากต้องตกงาน โดยบริษัท McKinsey ประเมินว่าในปี ค.ศ. 2030 ระบบแบบนี้จะทำให้ตำแหน่งงานหายไป 400 - 800 ล้านตำแหน่ง แม้จะทำให้เกิดงานใหม่ๆ ขึ้นมาพอๆ กัน แต่จะเป็นทักษะที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
4. การเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Mobility–as–a–Service, MaaS)
ในมหานครที่การจราจรซับซ้อนการให้บริการนำผู้โดยสารไปยังที่หมายอย่างสะดวกสบายที่สุด ซึ่งเรียกรวมๆ ว่าเป็น Mobility-as-a-Service หรือ แมส (Maas) มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน ตัวอย่างผู้ให้บริการแมสรายใหญ่ 2 รายคือ อูเบอร์ (Uber) ของสหรัฐฯ กับ ตี๊ตี๊ (DiDi) ของจีน ข้อมูลปี พ.ศ. 2560 ระบุว่ามูลค่าของบริษัทตี๊ตี๊อยู่ที่ราว 56,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่อูเบอร์มากกว่าคือ 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่น่าสนใจคือ ตี๊ตี๊ เป็นบริษัทที่โตอย่างก้าวกระโดดจากการเทคโอเวอร์บริษัทอูเบอร์ในจีน เมื่อปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบัน นอกจากการนำผู้โดยสารไปยังที่หมายแล้วยังบริการส่งของต่างๆ อย่างบริการ GrabFood และ Line Man ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้
5. เซลล์แสงอาทิตย์เพอรอฟสไกต์ (Perovskite Solar Cell)
เซลล์แสงอาทิตย์แบบเพอรอฟสไกต์ มีโครงสร้างผลึกคล้ายแร่แคลเซียมไทเทเนียมออกไซด์ (CaTiO3) หรือแร่เพอรอฟสไกต์ ที่ดูดซับแสงและเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ดี ยังสามารถขึ้นรูปได้ในลักษณะสารละลายคล้ายกับน้ำหมึกพิมพ์ เพื่อนำไปพิมพ์บนแผ่นฟิล์มหรือพื้นผิวต่างๆ โดยมีต้นทุนการผลิตต่ำ คือ 30 - 50% ของเซลล์แสงอาทิตย์แบบซิลิคอน
มีการประเมินว่าในอีก 5 - 6 ปีข้างหน้าตลาดของเซลล์แสงอาทิตย์น่าจะเติบโตไปได้จนถึง 1.4 แสนล้านเหรียญ และด้วยข้อดีของเซลล์แบบนี้ที่มีน้ำหนักเบาและโค้งงอได้ไม่เสียหาย ปัจจุบันจึงมีภาคเอกชนจากสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และจีน ตั้งเป้าผลิตเซลล์แสงอาทิตย์เพอรอฟสไกท์ออกขายในปีหน้า สำหรับประเทศไทย นักวิจัย สวทช. พัฒนาทั้งส่วนที่เป็นโครงสร้างวัสดุในการส่งผ่านอิเล็กตรอน สารเคลือบผิวชนิดกันน้ำและสะท้อนความร้อน รวมทั้งพัฒนากระบวนการเคลือบฟิล์มบางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดนี้
6. แบตเตอรี่ลิเทียมยุคหน้า(Next Generation Lithium Ion Batteries)
ในปี พ.ศ. 2561 มูลค่าตลาดของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อยู่ที่ 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตปีละ 13% และจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แม้จะยังไม่มีแบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติครบทุกอย่าง แต่ก็มีแบตเตอรี่ที่น่าสนใจหลายแบบ เช่น แบตเตอรี่แบบ Solid-state Lithium Ion ที่จุพลังงานได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า และมีความปลอดภัยมากขึ้น แบตเตอรี่ลิเทียม-ซัลเฟอร์ (Lithium-sulfur) ที่คนหันมาสนใจกัน เพราะจุพลังงานได้มากกว่าแบบลิเทียมไออน 2 - 4 เท่า แต่ราคาถูกกว่า นอกจากนี้ยังมีแบเตอรี่ลิเทียม-แอร์ (Lithium-air) จุพลังงานมากขึ้นถึง 10 - 100 เท่า ทั้งนี้ เอ็มเทค สวทช. มีงานวิจัยด้านวัสดุใหม่ๆ และการออกแบบขึ้นรูปเซลล์ในแบตเตอรี่แบบ Solid-state Lithium Ion และ Lithium-air โดยเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มอายุการใช้งาน และลดราคาต้นทุน
7. โครงเสริมภายนอกกาย (Exoskeleton)
คงจะดีไม่น้อย ถ้าคนพิการที่เดินไม่ได้กลับมาเดินได้อีกครั้ง คนดูแลผู้ป่วยตัวเล็กๆ สามารถยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่น้ำหนักมากที่นอนติดเตียงได้อย่างสบายๆ ไม่ปวดหลัง เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Exoskeleton หรือโครงเสริมภายนอกกาย เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์มีพละกำลังเสริม และยังป้องกันอันตรายบางอย่างต่อร่างกายได้ ซึ่งมีการนำ Exoskeleton ใช้ช่วยเพิ่มความสามารถทำภารกิจต่างๆ ใช้ในทางทหาร ใช้กู้ภัย ใช้ช่วยเรื่องฝึกฝนและสร้างสมรรถภาพของนักกีฬาได้ และในทางการแพทย์ก็ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วย ยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการหรือผู้สูงอายุโดยทั่วไปได้อีกด้วย ตัวอย่างที่ใช้งานแล้วในระดับอุตสาหกรรม เช่น ชุด EskoVest ของ Esko Bionics ในโรงงานประกอบรถยนต์ของ Ford ทั่วโลก ชุด Chairless chair ของ Noonee ที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ติดอยู่บริเวณเอว ขา และเท้าของผู้ใช้สามารถกางออกเป็นเก้าอี้ได้ ซึ่งใช้งานแล้วมากกว่า 350 ชิ้น
8. ไฟเบอร์สารพัดประโยชน์จากจุลินทรีย์ (Microbial Multifunctional Fiber)
มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สามารถสร้างเซลลูโลส แต่เซลลูโลสในจุลินทรีย์ต่างจากเซลลูโลสในพืชตรงที่ สามารถทำออกมาให้บริสุทธิ์ได้ง่ายกว่า แข็งแรงกว่า ขึ้นรูปได้ง่ายและยังอุ้มน้ำได้ดีด้วย ตัวอย่างจุลินทรีย์ที่ผลิตเซลลูโลสได้ ได้แก่ พวก Acetobacter และ Agrobacteria โดยเซลลูโลสที่จุลินทรีย์เหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ ทั้งเป็นสารตั้งต้นทำอาหาร เช่น เติมในวุ้นมะพร้าว เต้าหู้ ไอศกรีม หรือโปรตีนเกษตร ในทางการแพทย์สามารถเปลี่ยนน้ำตาล Mannitol ได้ เมื่อผ่านกระบวนการอีก 2 - 3 ขั้นตอนจะเกิดเป็นไบโอฟิล์ม (biofilm)ที่เหมาะทำเป็นผลิตภัณฑ์ปิดแผล หรือผิวหนังเทียม (artificial Skin) นักวิจัยจาก ETH Zurich University พัฒนาเทคนิคการพิมพ์ 3 มิติ โดยใช้จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นองค์ประกอบนำมาผลิตนาโนฟิลเตอร์ ใช้กรองสารพิษได้ ส่วนในด้านอุตสาหกรรม บริษัท Nanollose ในออสเตรเลีย ตั้งต้นของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมและการเกษตรนำไฟเบอร์ที่ได้มาผลิตเป็นเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยไม่ต้องตัดพืช ซึ่งต้องอาศัยความรู้สาขาใหม่ด้านชีววิทยาการสังเคราะห์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา
9. กายจำลองทดสอบยา (Companion Diagnostics)
ในปี พ.ศ. 2558 สวทช. เคยกล่าวถึงเทคโลยีการเพาะกลุ่มเซลล์สมองที่เรียกว่า Brain Organoid ที่มีขนาดและรูปร่างคล้ายกับสมองของตัวอ่อนในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์ มีขนาดเท่าก้อนยางลบดินสอ และส่งถ่ายกระแสประสาทได้จริง จึงใช้เป็นโมเดลในการทดลองต่างๆ แก้ปัญหาจริยธรรมเรื่องการใช้มนุษย์ทดลองยาโดยตรง
ไม่เพียงแต่สมองจิ๋ว ยังมีอวัยวะอื่นๆ อีกหลายอย่างก็เพาะเลี้ยงได้เช่นกัน เรียกรวมๆ ว่าเป็น ออร์แกนอยด์ (Organoid) ที่แปลว่า “อวัยวะเล็กๆ” ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ทดสอบที่สำคัญได้ เช่น ตรวจความเป็นพิษ และศึกษาปฏิสัมพันธ์ของเซลล์กับสารออกฤทธิ์
ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้นจากระบบที่เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อออแกนอยด์ของอวัยวะต่างๆ เข้าด้วยกันผ่านระบบของเหลว จนได้ผลลัพธ์คล้ายเป็นร่างกายเทียมขนาดจิ๋ว หรือเป็น “กายจำลอง” ที่นำมาใช้ทดสอบยาได้ จุดเด่นของระบบแบบนี้คือ สามารถออกแบบให้ใช้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคนได้ จึงเป็นการแพทย์เฉพาะบุคคล (personalized medicine) แบบหนึ่ง ระบบนี้เรียกรวมๆ ว่าเป็น Companion Diagnostics หรือ “กายจำลองทดสอบยา” ทำให้การทดสอบยากับเซลล์เพาะเลี้ยงแต่ละชนิดเป็นเรื่องล้าสมัย เพราะสามารถเลียนแบบการตอบสนองของร่างกายจริงๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งการบีบตัวของเซลล์หัวใจ การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์กระดูก การส่งถ่ายและกำจัดสารต่างๆ ออกจากเซลล์ไต รวมไปถึงการเผาผลาญทำลายสารต่างๆ ในเซลล์ตับ เป็นต้น
10. วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล (Personalized Cancer Vaccine)
การรักษาโรคมะเร็ง โดยการฉายรังสี การใช้ยาเคมีบำบัด เป็นการรักษาแบบเหมารวม ไม่จำเพาะกับบุคคล แต่ละคนจึงตอบสนองกับยาหรือรังสีแตกต่างกันไป นอกจากนี้มักเกิดอาการข้างเคียงรุนแรง และบางครั้งผู้ป่วยที่หายแล้ว ก็อาจเป็นมะเร็งเดิมได้อีก
วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงมีความพยายามที่จะทำวัคซีนหรือยาสำหรับโรคมะเร็งแบบเฉพาะบุคคลขึ้น โดยมีวิธีการคือ เริ่มจากนำเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยออกมา “อ่านรหัสดีเอ็นเอ” จากนั้น เปรียบเทียบรหัสในตำแหน่งต่างๆ เพื่อหาว่ามีตำแหน่งใดที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน จากนั้นใช้ซอฟต์แวร์ทางชีวสารสนเทศ หรือ bioinformatics มาจัดลำดับความสำคัญของส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นจุดตั้งต้นในการนำมาสร้างเป็นวัคซีนชนิดพิเศษ เรียกว่า นีโอแอนติเจนวัคซีน (Neoantigen Vaccine) ซึ่งอาจจะเป็นสาย RNA หรือ DNA ก็ได้
จากนั้นจะฉีดวัคซีนดังกล่าวเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย โดยอาจจะใส่เข้าไปแบบนั้น หรืออาจห่อหุ้มด้วยสารพอลิเมอร์ หรือ ไลโปโซม (Liposome) ซึ่งวัคซีนจะไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้จดจำเซลล์มะเร็งได้ ก่อนเริ่มการค้นหาและทำลายเซลล์มะเร็งอย่างจำเพาะ โดยไม่ยุ่งกับเซลล์ปกติ
ในปี พ.ศ. 2559 บริษัท BioNTech ของเยอรมนี ร่วมมือกับบริษัท Genetech ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทยายักษ์ใหญ่ Roche เริ่มวิจัยความเป็นไปได้ที่จะสร้างวัคซีนมะเร็งแบบเฉพาะบุคคล และในปีต่อมาก็เริ่มทดสอบในผู้ป่วย 560 คน ที่เป็นมะเร็งแบบต่างๆ มากกว่า 10 ชนิด ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอสรุปผลการวิจัย
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีก้าวหน้าไปรวดเร็วมาก และเราอาจมีบทบาทเป็นผู้ใช้ประโยชน์ ผู้สร้างและสนับสนุนแล้วแต่เราจะเลือก ซึ่ง สวทช. อว. ได้ทุ่มเททรัพยากรไปกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ไม่น้อยและมีผลงานคุ้มค่ากับทรัพยากรที่ลงทุนเพื่อความเข้มแข็งของ วทน. ของประเทศไทยในอนาคตต่อไป
เรียบเรียง : อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
บทความ

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.6 – สวทช. อว. จัดเต็ม! เปิดอย่างยิ่งใหญ่ งาน Thailand Tech Show 2019 ของดีงานวิจัยเพื่อภาคเอกชนและนักลงทุน
สวทช. อว. จัดเต็ม! เปิดอย่างยิ่งใหญ่ งาน Thailand Tech Show 2019 ของดีงานวิจัยเพื่อภาคเอกชนและนักลงทุน 5 กันยายน 62 กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดยิ่งใหญ่ งาน THAILAND TECH SHOW 2019 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรม 360 องศา เพื่อความยั่งยืน” เพื่อเสริมความเข้มแข็งของธุรกิจเทคโนโลยีด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) แบบครบวงจรอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ รองปลัดกระทรวง อว. เป็นประธานเปิดงาน และมอบกิตติกรรมประกาศความสำเร็จในการถ่ายทอดเทคโนโลยี พร้อมอัพเดท 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองประจำปี 2562 โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. และร่วมโหวตผลงานที่น่าลงทุนและนำเสนอดีที่สุดกับกิจกรรม NSTDA Investors' Day 2019 ในรูปแบบพิชชิ่งจาก 11 ผลงานเด่นประจำปี (สวทช. 5 ผลงาน และหน่วยงานพันธมิตร 6 ผลงาน) รวมถึงเสวนาและบรรยายพิเศษในหลายหัวข้อเพื่อเสริมความรู้ทั้งในด้านนวัตกรรมสุขภาพ อาหาร และพลังงาน โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและอุตสาหกรรม และโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินเพื่อนวัตกรรมของ สวทช. ตลอดจนเวทีพิชชิ่งประจำปี (Technology Pitching) ที่จะนำเสนอเทคโนโลยีแก่ผู้สนใจลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี พร้อมจัดเต็ม! ตลอดงานทั้ง 2 วัน (5 - 6 กันยายน 2562 ที่ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 เซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์) พบกับบูธแสดงผลงานเทคโนโลยี สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร กว่า 240 ผลงานจากกว่า 40 หน่วยงาน ครอบคลุมในหลายเทคโนโลยี ทั้งการแพทย์ เกษตร/ประมง เครื่องประดับ เครื่องมือ/เครื่องจักร เวชสำอาง/เวชภัณฑ์ อาหาร/เครื่องดื่ม อิเล็กทรอนิกส์ และสื่อการเรียน หวังเป็นกลไกเชื่อมต่อการถ่ายทอดองค์ความรู้จากนักวิจัยและนักพัฒนาเทคโนโลยีของไทยทั้งจากภาครัฐและเอกชนให้ไปเป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สร้างประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้ประเทศนำสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/12744-20190905-thailand-tech-show-2019
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 5 ฉ.6 – สวทช. อว. จัดประชุมการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2019 พร้อมตั้ง World Business Angle Forum แหล่งเงินทุนหนุนการวิจัยและนวัตกรรม
สวทช. อว. จัดประชุมการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2019 พร้อมตั้ง World Business Angle Forum แหล่งเงินทุนหนุนการวิจัยและนวัตกรรม 28 สิงหาคม 2562 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) จัดประชุมการบริหารจัดการอุทยานวิทยาศาสตร์ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน2019 (ASEAN Science Park Management Conference 2019) ระหว่างวันที่ 28 - 30 สิงหาคม 2562 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยมีผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนจาก 9 ประเทศ (บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม) ผู้แทนอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค เขตนวัตกรรมทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมงานกว่า 100 คน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้กิจการอุทยานวิทยาศาสตร์เติบโตและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างเครือข่ายและการเชื่อมโยงระหว่างอุทยานวิทยาศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนให้เป็นเครือข่ายรูปธรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุทยานวิทยาศาสตร์ในการให้บริการต่อไป โดยมี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)กล่าวรายงานการจัดงาน ทั้งนี้ ศ. ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงร่วมกันในการจัดตั้ง World Business Angle Forum สาขาประเทศไทย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดตั้งสาขาในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นกลไกสำคัญด้านแหล่งเงินทุนสนับสนุนในการช่วยผลักดันงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่เชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.nstda.or.th/th/news/12733-20190828asean
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย