หน้าแรก ค้นหา
ผลการค้นหา :
ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วย Design for Circular Economy
สวทช. โชว์ตัวอย่างความสำเร็จการสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิด Circular Design หรือ การออกแบบเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน (Design for Circular Economy) โดยร่วมกับ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาต้นแบบ "หม้อแปลงไฟฟ้ารีแมนูแฟคเจอริ่ง (Remanufacturing Transformer)” และร่วมกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี เอส เอ็ม พลาสิเทค กรุ๊ป ในการพัฒนากระบวนการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
 
สัมมนา Food Talks 2025 “Toward Less Sodium in Thai Foods: Evidence-Led Innovation and Policy: การลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารไทย:อุปสรรค ความสำเร็จ และทิศทางในอนาคต”
📢อร่อยเหมือนเดิม แต่โซเดียมน้อยลง ทำได้จริงแค่ไหน? 🍲 📍 สวทช. โดยเมืองนวัตกรรมอาหาร ชวนคุณมาร่วมรับฟังแนวทางการลดโซเดียมโดยไม่เสียรสชาติ ที่ผู้บริโภครับได้และผู้ผลิตทำได้จริง แนวทางสื่อสารการตลาดและฉลากที่ผู้บริโภคเข้าใจ   🌱 ในกิจกรรมสัมมนา Food Talks 2025 หัวข้อ “Toward Less Sodium in Thai Foods: Evidence-Led Innovation and Policy: การลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารไทย:อุปสรรค ความสำเร็จ และทิศทางในอนาคต” 🧂🍛   🔑 Key Highlights ✅ พฤติกรรม และแนวโน้มการบริโภคโซเดียม ในไทยและทั่วโลก ✅ วิธีการลดโซเดียมและการเลือกใช้สารทดแทนเพื่อคงคุณภาพรสชาติ ของผลิตภัณฑ์อาหาร ✅ การประยุกต์ใช้ กลยุทธ์สื่อสารการตลาด และแนวทางสนับสนุนเชิงนโยบาย   👨‍🔬 โดย ดร.สมโชค กิตติสกุลนาม อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอกวิทยาศาสตร์การอาหารเพื่อสุขภาพ ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล💥 🧑🏻‍💻สัมมนาออนไลน์ผ่าน Facebook (Live) 🗓 วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 🕙 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป   📌 ลงทะเบียนฟรี! >> https://forms.gle/wxhA4aokU4WVmZwN9 📬 ข้อมูลเพิ่มเติม: Facebook: FoodInnopolis
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. ถ่ายทอดการประยุกต์ใช้ AI แก่สำนักงานอัยการสูงสุด ด้วย “NSTDA ChatAI” เสริมประสิทธิภาพงานองค์กร
วันที่ 22 กันยายน 2568 — สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ดร.มนัสชัย คุณาเศรษฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน Generative AI และการประยุกต์ใช้ NSTDA ChatAI ให้แก่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อสนับสนุนการยกระดับการทำงานในยุคดิจิทัล การบรรยายมุ่งเน้นแนวทางการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การสรุปความ การจัดทำเอกสารอัตโนมัติ การตอบคำถาม และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ซึ่งช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อนและเสริมศักยภาพด้านการสื่อสารภายในองค์กร NSTDA ChatAI พัฒนาโดย สวทช. จาก Open Source Software ให้รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับภารกิจเฉพาะของแต่ละหน่วยงาน ช่วยเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้รวดเร็วและถูกต้อง ตอบโจทย์งานด้านต่างๆ ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการบรรยาย มีการอธิบายการทำงานของ NSTDA ChatAI ทั้งการจัดการเอกสาร การสรุปข้อมูล และการสังเคราะห์สารสนเทศจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้ารับฟังของสำนักงานอัยการสูงสุด สวทช. ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ ย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้เพื่อขับเคลื่อนการบริการสาธารณะ สู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะในยุคดิจิทัล ติดตามบรรยากาศการบรรยายเพิ่มเติมได้ที่ Facebook สำนักงานอัยการสูงสุด: 👉 คลิกที่นี่
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
PhenoRobot หุ่นยนต์ตรวจวัดฟีโนไทป์พืชเพื่อการวิจัยและการผลิตพืชในระดับอุตสาหกรรม
    ที่ผ่านมาการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตพืช โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจและพืชสมุนไพรที่ให้สารสำคัญมูลค่าสูง นักวิจัยต้องวัดและจัดเก็บข้อมูลฟีโนไทป์ (phenotype) ซึ่งเป็นลักษณะปรากฏของพืช เช่น ความสูงของต้น ขนาดและสีของใบ อัตราการเจริญเติบโต ปริมาณผลผลิต และคุณสมบัติของผลผลิต ที่เป็นผลจากปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวิจัย ซึ่งทั่วไปกระบวนการนี้ต้องใช้ทั้งเวลาและแรงกายในการปฏิบัติงานมาก แต่ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ห้องปฏิบัติการชั้นนำของหลายประเทศเริ่มนำระบบ High-Throughput Phenotyping (HTPP) หรือระบบตรวจวัดและประมวลผลข้อมูลฟีโนไทป์ของพืชแบบอัตโนมัติมาใช้งานกันมากขึ้นแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการเก็บข้อมูล ยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญต่อการวิจัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น [caption id="attachment_74786" align="aligncenter" width="750"] ระบบวิเคราะห์ลักษณะฟีโนไทป์ขั้นสูงของ สวทช.[/caption] กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา PhenoRobot (ฟีโนโรบอต) หุ่นยนต์ตรวจวัดฟีโนไทป์ของพืชที่ปลูกในโรงงานผลิตพืชด้วยแสงเทียม (Plant Factory with Artificial Lighting) และระบบซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการและประมวลผลข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบพร้อมใช้งาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดสอบใช้งานจริงในพื้นที่โรงงานผลิตพืชของ สวทช.   PhenoRobot ยกหน้าที่จัดเก็บข้อมูลให้หุ่นยนต์ [caption id="attachment_74787" align="aligncenter" width="750"] ดร.ธีระ ภัทราพรนันท์ นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช.[/caption] ดร.ธีระ ภัทราพรนันท์ นักวิจัยอาวุโสทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. อธิบายว่า PhenoRobot เป็นหุ่นยนต์ต้นแบบสำหรับใช้จัดเก็บข้อมูลฟีโนไทป์ของพืชในโรงงานผลิตพืชที่มีการจัดวางพื้นที่เพาะปลูกเป็นแบบ 4 ชั้น โดย PhenoRobot มีรูปทรงกะทัดรัด สูง 2.4 เมตร น้ำหนัก 60 กิโลกรัม ลำตัวมีกล้องถ่ายภาพสองมิติและสามมิติ ติดตั้งตามแนวดิ่งจำนวน 4 ชุด แต่ละชุดห่างกันประมาณ​ 45 เซนติเมตร เพื่อเก็บข้อมูลแต่ละชั้นปลูก “PhenoRobot ผ่านการออกแบบให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวในพื้นที่จำกัด เคลื่อนที่ไปปฏิบัติงานตามจุดต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองตามเส้นทางและแผนที่ที่กำหนด โดยไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอดการทำงาน สามารถเดินถ่ายภาพภายในโรงงานขนาดประมาณ 480 ตารางเมตร พื้นที่เพาะปลูกรวมประมาณ 690 ตารางเมตร ได้เสร็จภายในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังผ่านการออกแบบเรื่องระบบจัดการพลังงานมาเป็นอย่างดี ทำให้การชาร์จหนึ่งครั้งปฏิบัติงานต่อเนื่องได้หลายวัน” [caption id="attachment_74789" align="aligncenter" width="750"] PhenoRobot[/caption] หน้าที่หลักของ PhenoRobot คือ การถ่ายภาพพืชทั้งแบบสองมิติและสามมิติเพื่อติดตามการเจริญเติบโตของพืชภายในโรงงาน ดร.ธีระ อธิบายว่า PhenoRobot จะบันทึกภาพถ่ายและส่งไฟล์ไปจัดเก็บลงฐานข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์แบบอัตโนมัติ จากนั้นซอฟต์แวร์จะวิเคราะห์ภาพ เช่น ความสูง พื้นที่ใบ เพื่อใช้ประเมินการเจริญเติบโต ทำนายน้ำหนักของผลผลิต หรือปัจจัยอื่น ๆ ตามโจทย์วิจัยที่กำหนด หลังจากนั้นจึงจัดเก็บผลการวิเคราะห์ที่อยู่ในรูปแบบพร้อมใช้งานเข้าสู่ระบบ เพื่อให้นักวิจัยหรือผู้ควบคุมการผลิตติดตามข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็วแบบวันต่อวัน การเก็บข้อมูลด้วย PhenoRobot จะเน้นไปที่การตรวจวัดลักษณะทางสัณฐานวิทยา (morphology) เป็นหลัก เช่น ความสูงของต้น พื้นที่ใบ ความหนาแน่นของพุ่ม รวมถึงสีของใบและลำต้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่ประมวลผลได้จากภาพถ่าย 2 มิติและ 3 มิติ เหมาะแก่การใช้ติดตามการเจริญเติบโตและวิเคราะห์สุขภาพของพืช โดยทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ศึกษาการตอบสนองของพืชต่อสภาพแวดล้อมหรือรูปแบบการเพาะปลูก เพิ่มฟังก์ชัน เพิ่มความสามารถในการประมวลผล ดร.ธีระ เล่าว่า นอกจากอุปกรณ์ถ่ายภาพ 2 มิติ และ 3 มิติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานแล้ว PhenoRobot ยังติดตั้งเซนเซอร์สำหรับตรวจวัดเพิ่มเติมได้อีกตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย หรือการควบคุมกระบวนการผลิต เช่น การติดตั้งกล้องถ่ายภาพความร้อน (thermal camera) เพื่อดูอุณหภูมิและตรวจจับความเครียดของพืชที่เกิดจากการขาดน้ำหรือความผิดปกติอื่น ๆ การติดตั้งกล้องมัลติสเปกตรัม (multi-spectral camera) เพื่อถ่ายช่วงคลื่นที่ตามองไม่เห็น เหมาะสำหรับใช้ตรวจสุขภาพพืชผ่านการวัดค่าดัชนีต่าง ๆ เช่น NDVI (Normalized Difference Vegetation Index) เพื่อประเมินประสิทธิภาพสังเคราะห์แสง “อย่างไรก็ตามการเลือกใช้อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ชนิดใดและรูปแบบไหนบ้างขึ้นอยู่กับโจทย์การใช้งาน โดยทีมวิจัยทั้ง 3 ทีมหลักที่ร่วมกันพัฒนา PhenoRobot และซอฟต์แวร์เพื่อการประมวลผลประกอบด้วยทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัลและทีมวิจัยสมองกลอัจฉริยะและความจริงเสมือน จากเนคเทค และกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ จากไบโอเทค พร้อมให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และกระบวนการผลิตพืช เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานมากที่สุด” การพัฒนา PhenoRobot เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยี HTPP ในประเทศไทย นอกจากสนับสนุนการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตพืชและการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรแล้ว ยังนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของพืชเศรษฐกิจและสมุนไพรไทยในตลาดโลก ผู้ที่สนใจเทคโนโลยีทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และกระบวนการผลิตพืช ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. อีเมล teera.phatrapornnant@nectec.or.th หรือเบอร์โทรศัพท์ 0 2564 6900 ต่อ 2816 เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์ คลิปสั้นโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และกุลพงษ์ อ้นมณี ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช., อัครวุฒิ ตู้วชิรกุล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. และปฏิวัติ อ่อนพุทธา ฝ่ายจัดการความรู้และสร้างความตระหนัก สวทช. ภาพประกอบโดย ชัชวาลย์ โบสุวรรณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. และเนคเทค สวทช.
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
บทความ
 
ผลงานวิจัยเด่น
 
การประชุมวิชาการนานาชาติ ASPA Annual Conference ครั้งที่ 28 ประจำปี 2025
การประชุมวิชาการนานาชาติ ASPA ครั้งที่ 28 ประจำปี 2025 วันที่ 3–6 พฤศจิกายน 2568 "The Role of Science and Technology Parks in Facilitating Corporates on the ESG Journey" โรงแรม Millennium Hilton Bangkok เชิญชวน • ผู้บริหารจากอุทยานวิทยาศาสตร์ • ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ • มหาวิทยาลัย / หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบนวัตกรรมทั้งในและต่างประเทศ • บุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับ • สิทธิ์เข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ (ได้แก่ เวิร์คช็อป, กิจกรรมการสร้างเครือข่าย, งานเลี้ยงกาลาดินเนอร์, และงานเลี้ยงต้อนรับ) • อาหารกลางวัน อาหารว่างและเครื่องดื่ม • สิทธิ์เข้าร่วม Technical & Cultural Tours • กระเป๋า และ สื่อ/สิ่งพิมพ์/เอกสารประกอบการประชุม ลงทะเบียนวันนี้! รับสิทธิ Early Bird ส่วนลดสูงสุด 1,500 บาท ก่อนวันที่ 30 กันยายน 2568 นี้ อัตราค่าลงทะเบียนรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% แล้ว สอบถามเพิ่มเติม: aspa2025@nstda.or.th ลงทะเบียน / รายละเอียดสัมมนา 👇 www.aspa2025.com/th/ 28th ASPA Annual Conference 2025 3–6 November 2025 "The Role of Science and Technology Parks in Facilitating Corporates on the ESG Journey" at Millennium Hilton Hotel Bangkok Join us • Executies from Science Parks • Business Incubation Centers • Universities / organizations related to the innovation ecosystem, both domestic and international • The general public with an interest Benefits for participants • Conference bag and printed materials/documents • Lunch, refreshments, and beverages • Access to Technical & Cultural Tours • Access to conference sessions and special activities (including networking events, gala dinner, and welcome reception) Register today! Get an Early Bird discount of up to 50 USD Before September 30, 2025 The registration fee is inclusive of 7% Value Added Tax (VAT) For more information: aspa2025@nstda.or.th #ASPA2025 #สวทช #NSTDA #สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี More infomation 👇 www.aspa2025.com/
ปฏิทินกิจกรรม
 
สวทช. จัดสัมมนา “นิติปัญญากับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐในยุคดิจิทัล” เสริมแกร่งเจ้าหน้าที่รัฐ รับมือโลกยุคใหม่
วันที่ 15 กันยายน 2568  ณ ห้องประชุม SD-601 ชั้น 6 อาคารสราญวิทย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย คลองหนึ่ง คลองหลวง ปทุมธานี: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ฝ่ายกฎหมายและสัญญา ร่วมกับฝ่ายกลยุทธ์บุคคลและพัฒนาองค์กร ได้จัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “นิติปัญญากับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐในยุคดิจิทัล” เพื่อให้บุคลากรของ สวทช. รวมถึงเจ้าหน้าที่จากทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชนและผู้ที่มีความสนใจได้รับความรู้ความเข้าใจและมุมมองที่ครอบคลุมจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ทั้งด้านการทูต ทรัพย์สินทางปัญญา การบริหารงานปกครอง และการจัดการความเสี่ยงของภาครัฐ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาผ่านทางเทปวิดีทัศน์ พร้อมด้วย ดร.ปวีณ นราเมธกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. และผู้พิพากษาสมทบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ซึ่งเป็นประธานจัดงานได้ให้เกียรติมาร่วมงานและกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ภายในงานสัมมนาได้จัดให้มีการให้ความรู้ในหัวข้อบรรยาย 3 เรื่อง โดยได้รับเกียรติจากท่านวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้ หัวข้อที่ 1 เรื่อง “โลกดิจิทัลในมุมมองนักการทูตและนักทรัพย์สินทางปัญญา” โดย ทพ.ประโยชน์ เพ็ญสุต อดีตรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และอดีตอัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา หัวข้อที่ 2 เรื่อง “การบริหารงานปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐในยุคดิจิทัล” โดย นายเอกณัฐ จิณเสน ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด และ หัวข้อที่ 3 เรื่อง “การประเมินความเสี่ยง และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงการทุจริตหน่วยงานของของรัฐ” โดย นายณัฏฐภพ ตุลยกุลโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 1 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยในวันดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมงานสัมมนากว่า 175 ท่าน ซึ่งเป็นบุคลากรภายใน สวทช. และบุคลากรภายนอกทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จากงานสัมมนาในครั้งนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้ความเข้าใจในมุมมองระหว่างด้านกฎหมายกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐมากยิ่งขึ้น อีกทั้งได้รับฟังประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าจากท่านวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ทำให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้กับ การปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง รอบคอบ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในโลกยุคที่ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญของการทำงานภาครัฐอย่างแท้จริง
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ปิดฉากอย่างสวยงาม! ค่าย ESRI Camp ปั้นนักสื่อสารวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่
วันที่ 21 กันยายน 2568 โครงการค่าย ESRI Camp “การสื่อสารวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างมีจริยธรรม” ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี หลังดำเนินกิจกรรมอย่างเข้มข้นตลอด 4 วัน 3 คืน โดยมีนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 42 คนเข้าร่วมเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และร่วมสนับสนุนการจัดค่ายโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตลอดระยะเวลาของการฝึกอบรม ผู้เข้าร่วมโครงการค่ายได้เรียนรู้แนวคิดด้านจริยธรรมการสื่อสารวิทยาศาสตร์ อีกทั้งได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมผลงานวิจัยเด่นจากศูนย์วิจัยแห่งชาติในสังกัด สวทช. ทั้ง 5 ศูนย์ ประกอบด้วย NECTEC, BIOTEC, MTEC, ENTEC และ NANOTEC พร้อมรับฟังการบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง "นักสื่อสารวิจัยรุ่นใหม่" ที่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมองค์ความรู้และนวัตกรรมไปสู่สังคม ในพิธีปิด ดร.ฉัตรฉวี คงดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สกสว. คุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ คุณอรรถกร ศิริสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. และคุณนพฤทธิ์ กมลสุวรรณ บรรณาธิการสำนักข่าวบริคอินโฟ ให้เกียรติร่วมมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน ผู้จัดโครงการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมโครงการจะนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปใช้ในการพัฒนาการสื่อสารวิทยาศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. ร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือด้านนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์จีน-อาเซียน
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 - ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์จีน-อาเซียน ครั้งที่ 3 (The 3rd Forum on China-ASEAN Artificial Intelligence Cooperation) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-21 กันยายน 2568 ณ นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ความร่วมมือจีน-อาเซียน (Forum on China-ASEAN Technology Transfer and Collaborative Innovation: FCATTCI) ครั้งที่ 13 ในโอกาสนี้ ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ "Artificial Intelligence Development" ในพิธีเปิดการประชุม FCATTCI ครั้งที่ 13 ด้วย โดยได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์และภารกิจของประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงหัวใจสำคัญที่จะนำพาภูมิภาคไปข้างหน้าว่า "ความร่วมมือ คือ กุญแจสำคัญที่สุดที่จะขับเคลื่อนนโยบายและอุตสาหกรรม AI ของเราไปข้างหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีที่เราพัฒนานั้น ไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมที่น่าตื่นตา แต่ต้องเป็นเครื่องมือที่สร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนได้อย่างแท้จริง" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนา AI อย่างรับผิดชอบ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือประโยชน์ของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของภูมิภาค และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเครือข่ายพันธมิตรนานาชาติ การเข้าร่วมของกระทรวง อว. โดย สวทช. ในครั้งนี้ มีขึ้นในช่วงเวลาสำคัญที่การประชุมได้มุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีพิธีเปิดตัวแผนปฏิบัติการ 3 ปี เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้าน AI สำหรับอาเซียน (ค.ศ. 2025-2027) และการเปิดศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมสำหรับโครงการ AI จีน-อาเซียน โดยการมีส่วนร่วมในเวทีระดับสูงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกระทรวง อว. และ สวทช. ในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน การประชุมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ความร่วมมือจีน-อาเซียน (Forum on China-ASEAN Technology Transfer and Collaborative Innovation: FCATTCI) เป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคที่ส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นบุคคลสำคัญระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน รวมถึงผู้แทนจากสำนักเลขาธิการอาเซียน นอกจากนี้ บริษัท นาโน โค๊ตติ้ง เทค จำกัด (Nano Coating Tech Co., Ltd.) สตาร์ทอัพจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. โดย ดร.ธันยกร เมืองนาโพธิ์ ดร.พิศิษฐ์ คำหน่อแก้ว และนางสาวทิพวรรณ สดใส ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 (Third Prize) จากการแข่งขันนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ จีน-อาเซียน ครั้งที่ 3 (The 3rd China-ASEAN Innovation and Entrepreneurship Competition: CAIEC) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฟ้นหานวัตกรรมและผู้ประกอบการชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนและจีน ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัล คือ “Nano Coating Tech – Advanced Nano Coating Solutions for Solar Panels and Buildings” นวัตกรรมสารเคลือบนาโนซิลิกาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ 3–20% ลดความถี่ในการทำความสะอาด ยืดอายุการใช้งานของวัสดุก่อสร้าง และคงความสวยงามของอาคาร ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำไปใช้แล้วใน กว่า 70 โครงการเชิงพาณิชย์ทั่วประเทศไทย อาทิ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด, และ อาคาร Impact Arena เมืองทองธานี เป็นต้น
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. เข้าร่วมพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 100 รูป ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 ในวันที่ 20 ก.ย. 2568 โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา, ประธานรัฐสภา, ประธานศาลฎีกา, ประธานวุฒิสภา, ประธานองค์กรอิสระและคู่สมรส, หน่วยราชการในพระองค์, คณะรัฐมนตรี (ครม.) และคู่สมรส, เลขาธิการนายกฯ, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำรวจพร้อมด้วยภริยา, ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า เข้าร่วมด้วย เมื่อประธานในพิธีเดินทางถึงบริเวณด้านในพระวิหารหลวงและเข้านั่งประจำที่นั่ง พระสงฆ์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เครื่องทองน้อยหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถวายคำนับ และถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูปให้ศีล พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ จากนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี องคมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) และประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 10 รูป ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ถวายผ้าไตรจำนวน 10 ไตร กรวดน้ำรับพร กราบนมัสการพระรัตนตรัย แล้วถวายความเคารพหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และถวายคำนับหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร โอกาสนี้ ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้เข้าร่วมในพิธี การเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ สวทช.มุ่งแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งทรงเป็นแบบอย่างแห่งความเพียร ความเรียบง่าย และความเสียสละอุทิศพระองค์เพื่อประเทศชาติและประชาชน สวทช.จะน้อมนำพระราชปณิธานและพระราชดำริมาสืบสานและประยุกต์ใช้ในการดำเนินภารกิจด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงยั่งยืนของประเทศ รัฐบาลโดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับวัดสุทัศนเทพวรารามได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 20-27 กันยายน 2568 ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติถ่ายทอดพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ การแสดงเฉลิมพระเกียรติ การสาธิตมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม การจัดแสดงนิทรรศการสวนแสงอันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา การจัดกิจกรรม Night Museum พิพิธภัณฑ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) การจัดกิจกรรมนพปูชนีย์  การประกวดโต๊ะหมู่บูชา “หมู่ 9“ การจัดร้านค้าจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ ภายในงานมีการประดับไฟตกแต่งโดยรอบบริเวณวัดสุทัศนเทพวราราม
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สวทช. ร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ถวายรายงานความคืบหน้า “ศูนย์ผลิตชีวภัณฑ์โครงการทหารพันธุ์ดี ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายภูมิพล” เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี 20 กันยายน 2568 “เฉลิมเกียรติพระบารมี 100 ปี พระอัฐมรามาธิบดินทรราชา”
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ณ โรงพยาบาลอานันทมหิดล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ครบ 100 ปี พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการ “อัฏฐมรามาธิบดินทราชา ศตวัสสาบรมราชสมภพ” ซึ่งประกอบด้วยพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ประวัติโรงพยาบาลอานันทมหิดล ประวัติโรงเรียนนายทหารเสนารักษ์ วีดิทัศน์ภาพยนตร์ส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลพระอัฐมรามาธิบดินทร มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยและมูลนิธิเด็กโรคหัวใจ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจของโรงพยาบาลอานันทมหิดล โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ คัดกรองเบาหวานเข้าจอประสาทตา คัดกรองมะเร็งเต้านม คัดกรองมะเร็งปากมดลูก และ Solar rooftop และโครงการทหารพันธุ์ดี โรงพยาบาลอานันทมหิดล ในการนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ร่วมจัดนิทรรศการ "ศูนย์ผลิตชีวภัณฑ์โครงการทหารพันธุ์ดี ค่ายภูมิพล" โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมคณะผู้บริหารมูลนิธิชัยพัฒนาได้กราบบังคมทูลนำเสนอความคืบหน้าการดำเนินงานศูนย์ผลิตชีวภัณฑ์โครงการทหารพันธุ์ดี ค่ายภูมิพล ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง สวทช. มูลนิธิชัยพัฒนา และกองทัพบก เพื่อเป็นแหล่งผลิตและใช้ชีวภัณฑ์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้ให้หน่วยงานภายใต้กำกับ เช่น โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 13 และโรงพยาบาลอนันทมหิดล ซึ่งเป็นแปลงผลิตผักส่งเข้าวังสระปทุมเพื่อผลิตผักดองสูตรพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ ผู้อำนวยการด้านกิจการพิเศษ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฉันทนา วิชรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาพันธุ์พืช มูลนิธิชัยพัฒนา และ นางสาวณิฎฐา คุ้มโต นักวิชาการอาวุโส สวทช.ได้เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จด้วย นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้รายงานผลการดำเนินงานสนองพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดตั้งศูนย์ผลิตชีวภัณฑ์ โครงการทหารพันธุ์ดี ปี 2568 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ กองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายภูมิพล จังหวัดลพบุรี และมณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี และมีแผนการดำเนินงานในปี 2569 จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โครงการอาหารพันธุ์ดีจังหวัดน่าน ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก กองพลพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์จังหวัดนครราชสีมา และโรงเรียนทหารการสัตว์ ค่ายทหารทองฑีฆายุ จังหวัดนครนายก อีกทั้งยังมีแผนยกระดับกองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นศูนย์ผลิตหัวเชื้อชีวภัณฑ์อีกด้วย   โครงการทหารพันธุ์ดี เป็นการส่งเสริมและเพิ่มพูนความรู้การบริหารงานฟาร์มผักปลอดภัยโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งให้ทหารได้เรียนรู้การจัดการแมลงศัตรูพืชในแปลงผักและกระบวนการผลิตชีวภัณฑ์ โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้และทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ (IBBG) ไบโอเทค สวทช. ร่วมให้ความรู้ เพื่อให้ทหารผู้เข้าอบรมสามารถนำไปขยายผลความรู้สู่ชุมชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบต่อไป และนำสู่การขับเคลื่อนสถานีเรียนรู้ (training hub) และการบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย และเกษตรอินทรีย์ และสร้างเครือข่ายผู้ผลิตผักและสมุนไพรอินทรีย์คุณภาพ และพัฒนาต้นแบบจุดเรียนรู้ในชุมชน  
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
ENTEC สวทช.- บี.กริม ร่วมผลักดันมาตรฐานโซลาร์เซลล์ ถ่ายทอดความรู้ทดสอบแผงใช้แล้ว สร้างต้นแบบการเรียนรู้และใช้ประโยชน์จริงในโรงเรียน
วันที่ 18 กันยายน 2568 ณ โรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี จังหวัดปทุมธานี: ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.อมรรัตน์ ลิ้มมณี (นักวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัย) พร้อมด้วย ดร.ทวีวัฒน์ กระจ่างสังข์ (นักวิจัย) ดร.นพดล สิทธิพล (นักวิจัย) และทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ กลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน ENTEC ร่วมกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บจก.บี.กริม บีโอพี เพาเวอร์ 1,2 จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เรื่อง “มาตรฐานการทดสอบความพร้อมใช้ของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผ่านการใช้งานแล้ว” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐาน กฎระเบียบ และเทคโนโลยีการจัดการแผงโซลาร์เซลล์เสื่อมสภาพให้กับบุคลากรโรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี เทศบาลเมืองบางกะดี บริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี รวมถึงอาจารย์และนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 70 คน กิจกรรมครอบคลุมทั้งการบรรยายและให้ความรู้เกี่ยวกับผลงานวิจัยจาก ENTEC สวทช. เช่น ผลงาน SEESOLAR โซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตรที่ใช้ประโยชน์ได้กับแปลงปลูกพืชขนาดเล็กและโรงเรือนเพาะปลูกขนาดใหญ่โดยติดตั้งเป็นหลังคาโรงเรือน ผลงาน Mesh PV แผงโซลาร์เซลล์น้ำหนักเบาและผลงาน PET-ACM PV Module แผงโซลาร์เซลล์ชั้นด้านหลังเป็นอะลูมิเนียมคอมโพสิต ที่ใช้งานเป็นส่วนหนึ่งของอาคารและยานพาหนะ รวมทั้งให้ความรู้เรื่องหลักการของมาตรฐานต่าง ๆ ข้อกำหนดด้านการจัดการแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่หมดอายุ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตลอดจนการสาธิตการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดค่าประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแผงที่เลิกใช้งานแล้ว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองปฏิบัติจริง เรียนรู้เทคนิคการประเมินและตรวจสอบคุณภาพแผง เพื่อสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้อย่างเป็นระบบและปลอดภัย ดร.จิรประภา กิมสุนทร ตัวแทนแผนก Special Project Support for Power Plants  บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวขอบคุณ ENTEC สวทช. ที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เรื่องมาตรฐานการทดสอบความพร้อมใช้งานของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ที่ผ่านการใช้งานแล้ว ในครั้งนี้ โดยคณะนักวิจัยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และสาธิตการทดสอบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การตรวจสอบสภาพแผงด้วยสายตา การทดสอบสมรรถนะ และการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและหน่วยงานต่าง ๆ นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ทั้งในระดับชุมชน โรงเรียน นักวิจัย และภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีแผงโซลาร์เซลล์จำนวนมากและกำลังเตรียมสู่เป้าหมาย Net Zero จึงต้องวางแผนจัดการแผงโซลาร์เซลล์ที่หมดอายุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือกำจัดอย่างปลอดภัย การเรียนรู้ครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อบริษัทฯ เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับ ENTEC สวทช. ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กึ่งโปร่งแสงและแผงโซลาร์เซลล์แบบสีสันความสวยงาม ให้กับโรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี จ.ปทุมธานี ทดลองใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของโรงเรียน เช่น งานวิจัยด้านการเกษตร เพื่อศึกษาความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิดกับคุณสมบัติของแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้ติดตั้ง โดยผลผลิตจากแปลงทดลองจะช่วยให้เด็ก ๆ และชุมชนต่อยอดสร้างรายได้เสริมได้ในอนาคต ความร่วมมือครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และภาคเอกชน เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้กับชุมชน และเป็นก้าวสำคัญสู่การจัดการพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน คุณพรรณณิษา กิจล่ำลือกุล ตัวแทนทีม Special Project Support for Power Plants  บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การร่วมกันของบริษัทฯ และ ENTEC สวทช. ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้กับโรงเรียน จะทำให้โรงเรียนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้เอง ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากระบบสายส่งของการไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โซลาร์เซลล์จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากระบบสายส่งในประเทศ ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการร่วมสร้างสังคมพลังงานสะอาดควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ส่วนด้าน คุณนุสรินทร์ อังคสิงห์ ครูชำนาญการโรงเรียนชุมชนวัดบางกะดี กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และขอขอบคุณ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ ENTEC สวทช. ที่ให้การสนับสนุน ให้ความรู้และติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้กับโรงเรียน ซึ่งไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ถูกนำไปใช้ในส่วนต่าง ๆ เช่น ในอาคารเรียน ห้องคอมพิวเตอร์ และโรงเรือนเกษตรของโรงเรียน ทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าจากเดือนละ 6,000–7,000 บาท เหลือประมาณ 3,000 บาท ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ราว 60% โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงเรียน แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็กนักเรียนได้เห็นคุณค่าของพลังงานสะอาดอีกด้วย
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์
 
สกสว. สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สวทช. และทรู เปิดโครงการค่าย ESRI Camp “การสื่อสารวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างมีจริยธรรม”
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการค่าย “การสื่อสารวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างมีจริยธรรม” สำหรับนิสิตนักศึกษา (ESRI Camp) โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สกสว. ประธานในพิธีได้กล่าวเปิดงานว่า การพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงการสร้างองค์ความรู้หรือผลงานใหม่แต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการ “สื่อสาร” ที่ถูกต้อง มีคุณธรรม และสร้างสรรค์ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและบรรยากาศที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนงานวิจัยของประเทศ จากนั้น คุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนฯ กล่าวถึงรายละเอียดและความสำคัญของโครงการและการทำงานของสภาการสื่อมวลชนฯ และคุณอรรถกร ศิริสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช. ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม แนะนำบทบาทและความสำคัญของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งเป็นขุมพลังหลักด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระดับชาติ ที่เชื่อมโยงงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริงในด้านเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้แนวคิด “สวทช. สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ในช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เยี่ยมชมผลงานเด่นของศูนย์วิจัยแห่งชาติในสังกัด สวทช. โดยมีนักวิจัยร่วมต้อนรับและนำเสนอผลงาน ดังนี้ ผลงาน LEAD Education Platform โดย คุณวุฒิพงษ์ พรสุขจันทรา นักวิจัยจากทีมวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EDT) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ภาพรวมการวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และวิศวกรรมเนื้อเยื่อ โดย ดร.ชินวิชญ์ ภมรนาค นักวิจัยจากทีมวิจัยเทคโนโลยีเซลล์และวิศวกรรมเนื้อเยื่อ (ACTE) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ผลงานวิจัยโอเลโอเคมีภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันไทย ได้แก่ PALM GREASE จาระบีจากน้ำมันปาล์มที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดย ดร.ปานชีวา อุดมทรัพย์ และ Eco-Pest สารควบคุมกำจัดแมลงศัตรูพืชจากอนุพันธ์ของน้ำมันปาล์ม โดย ดร.ชัยยุทธ แซ่กัง นักวิจัยจากทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง (CFCT) กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ (LCRG) ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ผลงานด้านอุปกรณ์และนวัตกรรมช่วยเหลือ ได้แก่ Gunther & Janine ระบบตรวจจับการล้มและท่าทางผิดปกติ RACHEL ชุดบอดีสูทช่วยเคลื่อนไหว ลดการบาดเจ็บ และอุปกรณ์ช่วยพยุงหลัง ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ โดย ดร.เปริน วันแอเลาะ นักวิจัยจากทีมวิจัยการออกแบบเพื่อการเป็นอยู่ที่ดี (WLDT) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ผลงาน Chem Sense ชุดตรวจสารเคมีปนเปื้อนในน้ำ โดย ดร.พรทิพย์ ปิยะนุช นักวิจัยจากทีมวิจัยวัสดุตอบสนองระดับนาโน (RNM) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) ในช่วงบรรยายพิเศษ ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการ สกสว. ได้บรรยายหัวข้อ “นักสื่อสารวิจัยรุ่นใหม่ : พลังของนักศึกษาในการขับเคลื่อนอนาคต ววน.” โดยเน้นย้ำว่า งานวิจัยและนวัตกรรมจะมีคุณค่าต่อเมื่อถูกนำไปใช้จริง และ “การสื่อสาร” คือกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงผลงานจากห้องแล็บสู่สังคม ทำให้ประชาชนเข้าใจ เชื่อมั่น และเปิดโอกาสให้ภาคนโยบายและธุรกิจนำไปต่อยอดได้ นักสื่อสารวิจัยรุ่นใหม่จึงไม่ใช่แค่ผู้เล่าเรื่อง แต่เป็นพลังที่จะเปลี่ยนความรู้ให้เป็นแรงขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะนักศึกษาที่มีความคิดสร้างสรรค์ ใกล้ชิดกับเทคโนโลยีใหม่ และใช้สื่อดิจิทัลได้อย่างคล่องตัว หากสามารถเล่าเรื่องงานวิจัยให้เข้าใจง่ายและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้ ผลงานวิจัยก็จะก้าวออกไปสู่สังคมจริง สกสว. ในฐานะผู้บริหารกองทุน ววน. จึงให้ความสำคัญกับการสร้างนักสื่อสารวิจัยรุ่นใหม่ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน โครงการค่าย ESRI Camp ครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 21 กันยายน 2568 รวมระยะเวลา 4 วัน 3 คืน มีนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 42 คนเข้าร่วม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักและทักษะการสื่อสารวิทยาศาสตร์อย่างมีจริยธรรมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ต่อยอดสู่นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพ พร้อมผลักดันให้ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของไทยเข้าถึงสังคมอย่างกว้างขวางและยั่งยืน
ข่าว
 
ข่าวประชาสัมพันธ์