ผลการค้นหา :
สวทช. เยือน Institute of Science Tokyo กระชับความร่วมมือวิจัย พัฒนากำลังคน และหารือหลักสูตร Biomedical Engineering and AI
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 คณะผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วย ศ.ดร.วันชัย ดีเอกนามกูล ผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยภาคีในโครงการ TAIST-Science Tokyo (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล) ได้แก่ รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ รศ.ดร.ปกรณ์ โอภาประกาศิต รศ.ดร.ปรีชา การินทร์ ผศ.ดร.ดุสิต ธนเพทาย และผศ.ดร.อภิชน ไวท์ยางกูร ได้เดินทางเยือน Institute of Science Tokyo ณ Ookayama Campus กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงเช้า คณะได้เข้าชมห้องปฏิบัติการของ School of Life Science and Technology (LSST) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านวิจัยและการเรียนการสอนของ Institute of Science Tokyo ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีด้านชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ผ่านการวิจัยขั้นสูงและโครงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและสถาบันวิจัยต่างประเทศ หลังจากนั้น คณะได้เข้าพบผู้บริหารของสถาบัน ได้แก่ Prof. Naoto Otake, President and Chief Executive Officer of Science Tokyo และ Prof. Hidetoshi Sekiguchi, Executive Vice President for Education of Science Tokyo การเยือนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาทักษะและศักยภาพของกำลังคนไทย ผ่านความร่วมมือด้านวิจัย การเรียนการสอน และการแลกเปลี่ยนนักศึกษาในโครงการ TAIST-Science Tokyo
ต่อมา คณะได้เดินทางไปชม Science Tokyo Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบัน โดยจัดแสดงผลงานวิจัยล่าสุดและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาขาต่าง ๆ ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ Science Tokyo เช่น ชีววิทยา เทคโนโลยีสุขภาพ ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และวิทยาศาสตร์วัสดุ รวมถึงจัดแสดงสื่อการเรียนการสอนแบบโต้ตอบ (interactive exhibits) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้เข้าชมทุกวัย นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักวิจัย นักศึกษา และผู้สนใจจากนานาชาติ
ช่วงบ่าย คณะผู้แทนได้เยี่ยมชม ห้องปฏิบัติการ ด้าน Biomedical Engineering and Artificial Intelligence (Biomed and AI) ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อความร่วมมือสำคัญ โดยแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อเยี่ยมแลปของ Yagi Lab, Tanaka Lab และ Nishida Lab พร้อมเข้าหารือเชิงลึกกับผู้บริหารและคณาจารย์ ได้แก่ Prof. Dr. Nobuhiro Hayashi, Vice President for International Affairs of Science Tokyo Prof. Tohru Yagi, Graduate Major of Science and Technology for Health Care and Medicine (STM) และ Prof. Shun-ichiro Ogura, Graduate Major of Science and Technology for Health Care and Medicine (STM) การหารือดังกล่าวมุ่งเน้นการวางแนวทางการพัฒนาหลักสูตรใหม่ด้าน Biomed and AI และการขยายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยและญี่ปุ่นในระยะยาว โดยกิจกรรมตลอดทั้งวันสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ สวทช. และ Institute of Science Tokyo ในการยกระดับศักยภาพกำลังคนไทยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
กระทรวง อว. จัดพิธีบำเพ็ญกุศลและถวายความอาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “สุรศักดิ์” นำผู้บริหาร ข้าราชการร่วมพิธีถวายความอาลัยอย่างพร้อมเพรียง
(วันที่ 29 ตุลาคม 2568) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลพร้อมจัดพิธีถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. โดยมีนายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) พร้อมด้วย ศศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นางสาวพิมพ์พร ชีวานนท์ เลขานุการ รมว.อว. นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง อว.และคณะผู้บริหาร อว. ตลอดจนหน่วยงานในสังกัด อว. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวง อว.เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ในโอกาสนี้ ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. และ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้พิธีเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า มีการถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 10 รูป ต่อมานายสุรศักดิ์ เป็น ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและจุดเครื่องทองน้อยถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากนั้นพระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์เสร็จสิ้น ประธานในพิธีได้ทอดผ้าบังสุกุลและพระสงฆ์สดับปกรณ์ ตามด้วยการถวายจตุปัจจัยไทยธรรมและภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานในพิธีกรวดน้ำ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
ต่อมานายสุรศักดิ์ ได้นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวง อว.ร่วมพิธีถวายความอาลัยและลงนามถวายความอาลัย ณ บริเวณด้านหน้าห้องแถลงข่าว เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และการพัฒนาประเทศชาติตลอดมา
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
Advancing Flavor Delivery through Starch Chemistry and Technology Workshop
✨ Advancing Flavor Delivery through Starch Chemistry and Technology Workshop ✨
📢 Flavor Academy โดย Food Innopolis, สวทช. ขอเชิญท่านที่สนใจร่วมเรียนรู้เทคโนโลยี และเคมีของแป้งที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมและส่งผ่านกลิ่นรสในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นรสสม่ำเสมอและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และคร่ำหวอดในอุตสาหกรรมแป้ง และบริษัทอาหารชั้นนำมาอย่างยาวนาน
🧑🏫 วิทยากร: คุณเชิดศักดิ์ คมนา อดีต Asia-Pacific Regional Technical Manager, Ingredion Inc. ผู้เชี่ยวชาญด้านแป้ง และกรรมการสมาคมอุตสาหกรรมเกษตรไทย ร่วมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Flavor Academy
✨ Highlight:
• หลักการทางวิทยาศาสตร์ของกลิ่นรส
• การใช้แป้งและแป้งดัดแปรเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของกลิ่นรส
• เทคนิคการทำ Emulsion & Encapsulation
🧪 รูปแบบกิจกรรม: การบรรยายและ Workshop ลงมือปฏิบัติจริง
📅 วันที่อบรม: 13 – 14 พฤศจิกายน 2568
📍 สถานที่: โรงแรมเดอะ ควอเตอร์ ลาดพร้าว บาย ยูเฮชจี และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน)
💰 ค่าลงทะเบียน: 5,500 บาท (ไม่รวม VAT 7%)
⚡️ รับจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่านเท่านั้น!
🔗 สมัครได้ที่: https://forms.gle/7whzMpvCqzDFqA3L6
☎️ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: Facebook: FoodInnopolis หรือโทร 094-341-7111, 094-340-4333, 094-249-7333
ปฏิทินกิจกรรม
“ชวนเที่ยวงานตลาดเศรษฐกิจพอเพียง “ข้าวปลา หยูกยา ผ้าไทย”
🌾 ชวนเที่ยวงานตลาดเศรษฐกิจพอเพียง “ข้าวปลา หยูกยา ผ้าไทย”
พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ขอเชิญร่วมงาน ตลาดเศรษฐกิจพอเพียง “ข้าวปลา หยูกยา ผ้าไทย”ระหว่างวันที่ 1 – 2 พฤศจิกายน 2568🕗 เวลา 08.00 – 17.00 น.📍 ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ภายในงานพบกับองค์ความรู้ด้าน อาหาร สุขภาพ และวัฒนธรรมไทย🆓พร้อมกิจกรรม อบรมวิชาของแผ่นดินและ Workshop จำนวน 8 วิชา โดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ยังมีโซน ชม ชิม ช็อป สินค้าเกษตรปลอดภัย ผลิตภัณฑ์แปรรูปคุณภาพ และสินค้าราคาย่อมเยา จากผู้ประกอบการชุมชนกว่า 120 ร้านค้า🛒ร่วมอุดหนุนสินค้าไทย สืบสานวิถีพอเพียง และแบ่งปันความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่นวัตกรรมอย่างยั่งยืน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/share/p/17SiMqoEDk/
https://www.facebook.com/share/p/1LhHzSh44o/
https://www.facebook.com/share/p/17P6rtLKQm/
ข่าวหน่วยงานภายนอก
สัมมนา รู้ทัน… การจัดการ Carbon Footprint และการจัดการโรงงานสำหรับภาคอุตสาหกรรม” ภายใต้แนวคิด Carbon footprint and factory management for industry
ฟรี!!!!! สัมมนา แถมผู้เข้าร่วมจะได้รับของที่ระลึกฟรี!
“รู้ทัน... การจัดการ Carbon Footprint และการจัดการโรงงานสำหรับภาคอุตสาหกรรม”
ภายใต้แนวคิด Carbon footprint and factory management for industry
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2568
เวลา 13.30 – 15.30 น.
ห้อง MR216 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) บางนา
โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ
หัวข้อ: การจัดการ Carbon Footprint ในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
ดร.อัมพร โพธิ์เชีย เนคเทค สวทช.
หัวข้อ: การยกระดับโรงงานสำหรับภาคอุตสาหกรรมให้พร้อมสำหรับยุคอุตสาหกรรม 4.0
ดร.รวิภัทร ผุดห่อง สวทช.
สิทธิพิเศษ
ไม่มีค่าใช้จ่าย
รับจำนวนจำกัดเพียง 50 คน
ลงทะเบียนได้ที่: https://forms.gle/FMqTmTTFr44grq5N7
สอบถามเพิ่มเติม:
ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ สวทช.
โทร. 02-564-7000 ต่อ 71684, 081-651-6941
อีเมล: nattinee@nstda.or.th
ปฏิทินกิจกรรม
ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติ “ข้าว–ผัก” ครั้งแรกของโลก บูรณาการวิทยาศาสตร์สู่ความมั่นคงทางอาหารโลก
(24 ตุลาคม 2568) ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์สไตลิช คอนเวนชั่น จังหวัดนนทบุรี - ศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย (Hub of Rice) ร่วมกับ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเมล็ดพันธุ์ผักของประเทศไทย (Veg-SeedHub) ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “Joint International Conference on Sustainable Rice Cultivation and Vegetable Science and Innovation” เป็นครั้งแรกที่ศาสตร์ด้านข้าวและผักถูกนำมาบูรณาการบนเวทีเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมการเกษตรอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์ การจัดการเชื้อพันธุกรรม เทคโนโลยีการผลิต การเพิ่มมูลค่าผลผลิต จนถึงการเชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมอาหารและความมั่นคงทางโภชนาการ โดยมีองค์กรสำคัญระดับประเทศร่วมจัดกิจกรรมนี้ อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นต้น
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประธานในพิธี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวิทยาศาสตร์การเกษตรผ่านการบูรณาการและความร่วมมือ ซึ่งข้าวและผักเป็นรากฐานสำคัญของระบบอาหาร และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทั้งสองกลุ่มพืชนี้ คือหัวใจของความมั่นคงทางโภชนาการและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการจัดงานครั้งนี้ของ Hub of Rice และ Veg-SeedHub ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรม ตลอดจนเชื่อมโยงนักวิชาการ ภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างพันธมิตรและขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต
ด้าน ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวว่า สวทช. เป็นหนึ่งในภาคีเครือข่าย ทั้งศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย (Hub of Rice) ที่เน้นการสร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่องานวิจัยและนวัตกรรมด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าวสู่การใช้ประโยชน์ และภาคีเครือข่ายของศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเมล็ดพันธุ์ผักของประเทศไทย (Veg-SeedHub) หรือ Hub of Talents for Thai Vegetable Seeds ที่เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้และผู้เชี่ยวชาญ ด้านผักเศรษฐกิจและผักพื้นบ้านของไทย ซึ่งมุ่งผลักดันงานวิจัยด้านพืชผักตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยกระดับการผลิตเมล็ดพันธุ์ สู่ความเป็นผู้นำในอาเซียนและระดับโลก โดยในงานประชุมวิชาการนานาชาติ “ข้าว-ผัก” ในครั้งนี้ สวทช. โดยไบโอเทค ได้ให้ความร่วมมือในการดำเนินจัดงาน และนำเสนอผลงานทั้งในรูปแบบนิทรรศการ ผลงานการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกต่าง ๆ โดยทีมวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการเกษตรแบบแม่นยำ (APBT) รวมถึงผลงานวิจัยและพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปรับปรุงพันธุ์ การตรวจสอบคุณภาพและความบริสุทธิ์ ไปจนถึงการวินิจฉัยโรคพืช จากศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ (NOC) ตลอดจนนักวิจัยไบโอเทคร่วมเป็นวิทยากรบรรยายภายในงานด้วย
การประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน จาก 8 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ IRRI (International Rice Research Institute), WorldVeg (World Vegetable Center), Crop Trust, FAO (Food and Agriculture Organization of the United Nations) และ GIZ (German Agency for International Cooperation) รวมถึงภายในงานมีการนำเสนอผลงานวิจัยกว่า 100 เรื่อง และมีปาฐกถาพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของโลกด้านความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรยั่งยืน ที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกรวน ปัญหาน้ำ และศัตรูพืชที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพภูมิอากาศ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน ติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://riceveg.thailandricehub.org
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับ CSIRO และสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย จัดกิจกรรม “IPPIN Demo Day 2025 – Thailand Chapter” เสริมความร่วมมือนวัตกรรมพลาสติกยั่งยืน ไทย–ออสเตรเลียสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ (Dr. Asira Fuongfuchat) รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) พร้อมด้วยทีมวิจัยและผู้แทนเอ็มเทค เข้าร่วมกิจกรรม Indo-Pacific Plastics Innovation Network (IPPIN) Demo Day 2025 – Thailand Chapter ซึ่งเป็นเวทีจัดแสดงนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาขยะและมลพิษจากพลาสติก ต่อยอดสู่ความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้กรอบแนวคิด Gender Equality, Disability and Social Inclusion (GEDSI) framework
กิจกรรมดังกล่าวจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติของออสเตรเลีย (Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation: CSIRO) ภายในงานยังมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ประกอบด้วย สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (TISTR) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน บริษัทสตาร์ทอัพ สมาคมผู้ประกอบการด้านพลาสติก และหน่วยงานกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
ดร.แองเจลา แมคโดนัลด์ (Dr. Angela Macdonald) เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ผ่านโครงการ IPPIN มีทีมผู้ประกอบการ 8 ทีมที่ได้รับการสนับสนุนให้พัฒนานวัตกรรมสีเขียวที่หลากหลาย เช่น แอปพลิเคชันธนาคารขยะ ระบบบรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟู (regenerative tourism) และอีกมากมาย ในบรรดานักนวัตกรรมที่โดดเด่น ได้แก่ ทีม Blue Ocean Plastic ซึ่งทำงานร่วมกับผู้เก็บขยะเพื่อส่งเสริมแนวทางการรีไซเคิลที่เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงทีม Rematterso ที่แปรรูปวัสดุที่ยากต่อการรีไซเคิลให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว”
ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ รองผู้อำนวยการเอ็มเทค สวทช. กล่าวว่า “การดำเนินกิจกรรมผ่านแพลตฟอร์มอย่าง IPPIN ทำให้โครงการเหล่านี้มีคุณค่า และช่วยเปิดแนวทางใหม่ในการใช้ประโยชน์จากวัสดุ รวมถึงสร้างชุดความคิดใหม่เพื่อความยั่งยืน การที่ทุกฝ่ายมารวมตัวกันในวันนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของนักนวัตกรรมและผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันความร่วมมือในการจัดการกับวิกฤตพลาสติก ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนที่สุดในยุคปัจจุบัน โดยการสร้างสมดุลระหว่างความจำเป็นของพลาสติกในชีวิตประจำวันกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จำเป็นต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยี ความร่วมมือ และวิสัยทัศน์ร่วมกัน”
ไฮไลต์สำคัญของงาน Demo Day คือการนำเสนอผลงานนวัตกรรม (Pitching Session) จากนักวิจัย นวัตกร บริษัทสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการ รวม 8 ทีม ได้แก่ 1) Blue Ocean Plastic Recycling Co., Ltd. (BOP) 2) Ecocrew – reusable packaging system 3) GOMI Solutions Co., Ltd. 4) Local Alike 5) Namtha Aa saa 6) PETWood 7) Rematterso และ 8) Yolo โดยทุกทีมได้ผ่านการบ่มเพาะภายใต้ IPPIN Accelerator Program เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านการวางแผนธุรกิจ การวิเคราะห์ตลาด และการพัฒนาแผนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ ทีมที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการจะมีโอกาสเข้าสู่ Grow Program ซึ่งเป็นโปรแกรมสุดท้ายของ IPPIN ที่เน้นการ coaching อย่างเข้มข้น พร้อมโอกาสเข้าถึง seed funding จาก CSIRO และหน่วยงานพันธมิตร เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด
อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญของงานคือ Showcase Session การจัดแสดงผลงานวิจัยจากบริษัทผู้เข้าร่วมและหน่วยงานพันธมิตรในประเทศไทย โดยมี ดร.วิชชุดา เดาด์ และทีมนักวิจัยจากกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง เอ็มเทค สวทช. ร่วมนำผลงานวิจัยมาจัดแสดงด้วย
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 โครงการ Indo-Pacific Plastics Innovation Network (IPPIN) ได้ให้การสนับสนุนกิจการกว่า 165 แห่งทั่ว Chapter ต่าง ๆ ในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย รวมถึงกว่า 80 แห่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโครงการในการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมพลาสติกยั่งยืน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
ข้อมูลเพิ่มเติม Cohort Booklet
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
2025 GREEN VENTURE TECHBIZ PROGRAM: เชื่อมโยงเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อการลงทุนและนวัตกรรม
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ ภายใต้โมเดล BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่มีเป้าหมายทั้งการปกป้องสิ่งแวดล้อม และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นั่นหมายความว่า ภาคธุรกิจต้องเผชิญแรงกดดันมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ทันเวลา การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการจัดการของเสียเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หากองค์กรไม่สามารถปรับตัวได้ทันท่วงที ย่อมเสี่ยงที่จะเสียความสามารถในการแข่งขัน
แต่ท่ามกลางเทคโนโลยีใหม่ ๆ คำถามสำคัญยังคงอยู่: โซลูชันใดเหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจไทย?
🔑 คำตอบรออยู่ที่งาน 2025 Green Venture TechBiz Program – เวทีที่เทคโนโลยีสีเขียวนำสมัยจากเกาหลี พร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทย
สิ่งที่ธุรกิจจะได้รับจากการเข้าร่วม:
🔸 ขยายเครือข่าย: พบปะพันธมิตรโดยตรงและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
🔸 โอกาสการลงทุน: เข้าถึงเทคโนโลยีสีเขียวที่พร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์ และตอบโจทย์ความต้องการของไทยและอาเซียน
🔸 เร่งการพาณิชย์จริง: นำโซลูชันล้ำสมัยไปใช้ในปฏิบัติการจริง เพื่อสร้างความได้เปรียบระยะยาว
🚀 12 เทคโนโลยีเด่นในงาน:
✔️ Hybrid Hydrothermal Carbonization (HTC): เปลี่ยนขยะอินทรีย์ให้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและก๊าซสะอาด
✔️ Mobile Energy Storage System (ESS): ระบบกักเก็บไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ แทนเครื่องปั่นไฟดีเซล
✔️ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า & สถานีสลับแบตอัจฉริยะ: เปลี่ยนแบตได้ใน 20 วินาที ลดการปล่อยมลพิษ
✔️ AIoT Energy Management (Leaf AI): จัดการพลังงานอัจฉริยะสำหรับอาคารและโรงงาน
✔️ โซลูชันไฮโดรเจน: สถานีเติมเชื้อเพลิง เครื่องปั่นไฟ และยานไร้คนขับพลังงานไฮโดรเจน
✔️ แพลตฟอร์มบำบัดสุขภาพจิตด้วย AI: ดูแลสุขภาพจิตด้วย AI ผสานเสียงและกลิ่น
✔️ สารกำจัดก๊าซซัลเฟอร์และระบบกำจัดกลิ่นก๊าซชีวภาพ
✔️ แพลตฟอร์ม Cloud วางแผนเส้นทางอัจฉริยะ (Mobble MOD): รองรับการขนส่งร่วมแบบ On-Demand
✔️ UGV & AI สำหรับตรวจจับการรั่วไหลของน้ำ
✔️ ระบบเก็บละอองน้ำมันในครัวขั้นสูง: ติดตามด้วย IoT พร้อมรีไซเคิลน้ำมันพืชใช้แล้ว
✔️ ระบบวิเคราะห์เซลล์แบตเตอรี่: ใช้เทคโนโลยีอิมพีแดนซ์ตรวจสอบอย่างแม่นยำ
✔️ ฟิล์มฉนวนหน้าต่างนาโนโฟม & สารเติมแต่งน้ำมันเครื่องลดแรงเสียดทาน: ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
📎 รายละเอียด 12 เทคโนโลยี (คลิกลิงก์): https://mekonglink.asia/event/technology-event-in-thailand/
📅 วันและเวลา: 09:00 – 17:00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2025
📍 สถานที่: โรงแรม Holiday Inn Bangkok Sukhumvit, สุขุมวิท 22, คลองตัน, คลองเตย, กรุงเทพฯ
🔗 ลงทะเบียนที่นี่: https://forms.gle/ReTQHMK6CVCD1BV19
👉 นี่คือโอกาสทองสำหรับธุรกิจไทยในการขยายเครือข่าย และค้นพบศักยภาพการลงทุนสีเขียวในภูมิภาค! รีบลงทะเบียนตอนนี้
ปฏิทินกิจกรรม
ค่าย “Earth 2.0” สะเต็มศึกษาเชื่อมเทคโนโลยีอวกาศ สร้างอนาคตเยาวชนไทย
(วันที่ 25 ตุลาคม 2568) ณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี: นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวต้อนรับในกิจกรรมค่าย Earth 2.0 Camp: เรียนรู้กับวิศวกรด้านระบบขับเคลื่อนของ NASA จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ บริษัท SkillUp Global โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับ สะเต็มศึกษา ด้านเทคโนโลยีอวกาศและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนไทยเห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายในงานมีนายปีเตอร์ ลองสตาฟฟ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SkillUp Global นายโจนัส อาเวอร์มันน์ ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท SkillUp Global คุณ Sam Cronin และ Katy McMillan นักการศึกษา มาร่วมจัดกิจกรรม โดยมีคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนเยาวชนผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 110 คน
ในโอกาสนี้เหล่าเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ค่าย Earth 2.0 ได้รับฟัง นายชาร์ลส์ ดี. เกอมาร์ (Mr. Charles D. Gemar) อดีตนักบินอวกาศชาวอเมริกันจาก NASA ผู้มีประสบการณ์ขึ้นบินกับกระสวยอวกาศมาถึง 3 เที่ยวบิน เคยทำหน้าที่ในการเป็นผู้สื่อสารยานอวกาศ (CAPCOM) ในศูนย์ควบคุมภารกิจของกระสวยอวกาศ เพื่อสื่อสารกับนักบินอวกาศระหว่างปฏิบัติภารกิจของ NASA และเป็นเจ้าของสถิติอยู่นอกอวกาศนานกว่า 581 ชม. โดยได้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต และการทำงานในอวกาศกับเหล่าเยาวชนผ่านระบบออนไลน์ เพื่อร่วมเป็นแรงบันดาลใจและส่งเสริมศักยภาพเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมด้วย
นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สวทช. กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่านสู่ค่าย Earth 2.0 เรียนรู้กับวิศวกรด้านระบบขับเคลื่อนของ NASA ในวันนี้ โดยกิจกรรม Earth 2.0 เป็นโปรแกรมปฏิบัติการ (hands-on program) ระยะเวลา 2 วัน (ระหว่างวันที่ 25-26 ตุลาคม 2568) ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้สำรวจการค้นหาดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้ และเรียนรู้เทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตนอกโลก ผ่านกิจกรรมเกี่ยวกับการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ การสำรวจอวกาศห้วงลึก หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม และการคิดเชิงวิพากษ์ของนักเรียนได้เป็นอย่างดี
สำหรับค่าย Earth 2.0 ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นการจุดประกายความอยากรู้อยากเห็น การทำงานเป็นทีม และความคิดสร้างสรรค์ โดยนักเรียนจะได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมลงมือปฏิบัติจริง ตั้งแต่การสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ยานอวกาศห้วงลึก ไปจนถึงการทดลองกับหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และระบบการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน
“ค่าย Earth 2.0 นี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อความสนุกเท่านั้น แต่มีไว้เพื่อ สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้เรียนรู้ ได้สร้างสรรค์ และได้ฝันอย่างไร้ขีดจำกัด ประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความร่วมมือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สุดท้ายนี้ขอให้กำลังใจและส่งเสริมให้ทุกคนใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ให้มากที่สุด จงตั้งคำถาม ค้นพบสิ่งใหม่ๆ และเพลิดเพลินไปกับทุกขั้นตอนของการเดินทางแห่งการเรียนรู้ครั้งนี้ โปรดจำไว้ว่า ทุกคำถามที่คุณถามและทุกแนวคิดที่คุณลองทำ จะนำพาคุณเข้าใกล้การค้นพบศักยภาพของตนเองไปอีกก้าวหนึ่ง”
ด้าน ด.ช.อริย์ธัช เหล่าธรรมทัศน์ หรือ น้องพรีมัส อายุ 13 ปี กล่าวว่า ได้เจอเพื่อนใหม่และจับทีมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในการได้ทำงานร่วมกับคนอื่น วันนี้ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากลุงแซม นักบินอวกาศของ NASA ได้ฟังประสบการณ์และช่วยเติมเต็มความฝันที่ผมอยากเป็นนักบินอวกาศตั้งแต่เด็ก และยังได้เรียนรู้ว่าสิ่งมีชีวิตอยู่ในโลกของเราได้อย่างไรบ้าง
“ผมชอบนักบินอวกาศเป็นความฝันมาตั้งแต่เด็ก และวันนี้สนุกมาก ๆ และดีมาก ๆ ที่ได้พูดคุยกับนักบินอวกาศของ NASA กับการแบ่งประสบการณ์ของเขาซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนได้เรียนรู้เยอะมาก ๆ”
เช่นเดียวกับ ด.ญ.ฉัตรมนตร์ คลายศรี หรือน้องใบเฟิร์น อายุ12 ปี กล่าวว่า วันนี้ได้มาร่วมค่ายกับน้องสาวส่วนตัวมีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ และชอบการสำรวจดาวเคราะห์น้อย จึงมาร่วมกิจกรรม โดยได้เรียนรู้กิจกรรมการออกแบบโลโก้เกี่ยวกับอวกาศ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้จากประสบการณ์จากนักบินอวกาศ NASA ก็ทำให้เรารู้สึกสนุกไปด้วยและก็อยากไปอวกาศเหมือนกันเพราะดูเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
“สุรศักดิ์” มอบนโยบาย สวทช. นำผลงานสู่การใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ใช้ศักยภาพ สวทช. สนองต่อนโยบายรัฐบาล 5 ด้าน สร้างผลงาน Quick Big Win เห็นผลระยะสั้น
(24 ตุลาคม 2568) ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว.: นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) เป็นประธานการประชุมบอร์ด กวทช. ครั้งที่ 9/2568 พร้อมมอบนโยบายให้กับ สวทช. ว่า เพื่อให้แนวทางการดำเนินงานของ สวทช. ภายใต้กระทรวง อว. สอดคล้องกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา (เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568) ซึ่งมุ่งเน้นนโยบายการตอบสนองภัยเร่งด่วน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง ด้านสังคม ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย
ขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win ด้วยผลงาน สวทช.
สวทช. ในฐานะหนึ่งในองคาพยพสำคัญของ อว. มีศักยภาพในการตอบสนองทุกด้าน ผ่านบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการวิจัย นวัตกรรม และการพัฒนาคน กระทรวง อว. จึงมีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย โดยอาศัยกลไกการทำงานภาคราชการให้ขับเคลื่อนเดินหน้าได้โดยไม่สะดุด รวมถึงการวางรากฐานความต่อเนื่องการทำงานของรัฐบาลชุดถัดไป เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว และเร่งผลักดันโครงการ Quick Big Win ที่สามารถเห็นผลในระยะสั้น
โดยกระทรวง อว. ขอให้ สวทช. ส่งเสริมแพลตฟอร์ม Digital Healthcare และร้านขายยาคุณภาพ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์ เพื่อตอบสนองด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม โดยการเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน และนำผลงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนผู้ถือสิทธิบัตรทอง (หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ทุกที่อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนขยายผลร้านขายยาคุณภาพ โดยพัฒนาระบบส่งเสริมให้ ร้านขายยาคุณภาพ เข้าสู่ระบบการเบิกจ่ายยาตรงกับ สปสช. โดยใช้เทคโนโลยีที่ สวทช. พัฒนาให้กับหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้ประชาชนใช้เพียงบัตรประชาชนหรือบัตรทองในการเบิกจ่ายยาได้ทันที
นอกจากนี้ เพื่อพัฒนาระบบราชการและเพิ่มช่องทางในการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนจากประชาชน ให้ สวทช. นำ Traffy Fondue (ทราฟฟี ฟองดูว์) มาประยุกต์ใช้เพื่อตอบสนองด้านความมั่นคง และด้านสังคม สร้างระบบราชการที่ตอบสนองต่อภาคประชาชนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยเดินหน้าสนับสนุนทางเทคนิคและพัฒนาระบบอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อขยายผลการใช้งานแพลตฟอร์มนี้ไปทั่วประเทศ ให้เป็นกลไกในการยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมและคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง "เมืองอัจฉริยะ" และ "ระบบราชการที่รับฟังอย่างแท้จริง"
ขับเคลื่อนนโยบายเชิงโครงสร้างเพื่อความยั่งยืน
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยังมีนโยบายเชิงโครงสร้าง ที่นอกเหนือจาก Quick Big Win โดยเป็นภารกิจเชิงนโยบายที่สำคัญที่กระทรวง อว. มุ่งเน้นเพื่อให้ สวทช. ขับเคลื่อนการทำงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ
การพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัย: สนับสนุนการสร้างกำลังคนให้มีความรู้ความสามารถผ่านโครงการ Upskill-Reskill โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
การเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม: สนับสนุนความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสทางการเรียนรู้ทุกระดับสำหรับคนทุกกลุ่ม
การนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์จริง: ผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งต่อภาคธุรกิจ (SME และ Startups) และ ชุมชนคนรากหญ้า เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการอยู่รอดในโลกที่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบาย "อว. ใกล้ประชาชน" เป็นกระทรวงที่ส่งผลต่อชีวิตคนทุกกลุ่ม และสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สวทช. และหน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. จำเป็นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ โดยเน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง
สวทช. พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเสริมว่า
“ในฐานะที่ สวทช. เป็นขุมพลังหลักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เรามีความพร้อมด้านบุคลากรและองค์ความรู้ที่สามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้อย่างทันท่วงที เรามีแพลตฟอร์มและนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเชื่อมั่นว่า ชาว สวทช. จะดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ยกระดับหุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ไทย ด้วยมาตรฐาน P-mark
สวทช.– กสทช. ผนึกกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์บริการและ IoT ภายใต้โครงการ “ยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ของไทยสู่อาเซียน” จัดกิจกรรม Demo Day เปิดเวทีให้นักพัฒนาและผู้ประกอบการมานำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกิดจากการบ่มเพาะในโครงการพัฒนานวัตกรรม JumpStart ของ Software Park Thailand พร้อมรับมอบตราสัญลักษณ์ P-mark ที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานจากศูนย์ PTEC สวทช. เป็นการสนับสนุนนักพัฒนาและผู้ประกอบการไทย ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมให้มีคุณภาพได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล
คลิปสั้นทันเหตุการณ์
ขอเชิญผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร นักวิจัย นักพัฒนาเทคโนโลยี และผู้สนใจ เข้าร่วมงานสัมมนา “FOODTECH 4.0 NAVIGATOR: ปลดล็อกศักยภาพอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารไทยสู่ตลาดสากล”
“FOODTECH 4.0 NAVIGATOR: ปลดล็อกศักยภาพอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารไทยสู่ตลาดสากล”พบกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการยกระดับเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหาร การปรับตัวสู่ยุค Industry 4.0 และโอกาสใหม่ของผู้ประกอบการในตลาดโลก
📅 วันที่ 29 ตุลาคม 2568🕐 เวลา 13.00 – 17.00 น.📍 Auditorium, Software Park Thailand จังหวัดนนทบุรี
ภายในงานพบกับการบรรยายและเสวนาจากผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ
ผศ.ดร.สุลักษณ์ อัศวสุนิต
ศ.ดร.ณัฏฐนิช หาญกว่าสุวัฒน์พร้อมเปิดตัว FoodTech 4.0 Accelerator Program ที่จะช่วยผลักดันนวัตกรรมอาหารไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
📌 ลงทะเบียนเข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ – 24 ตุลาคม 2568รายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ 👉 https://forms.gle/veCGeH1gz3GAo4TM6
ปฏิทินกิจกรรม


