หน้าแรก ถอดรหัสอนาคตพลังงานไทย: เมื่อนวัตกรรม นโยบาย และระบบนิเวศต้องเดินไปด้วยกัน

ถอดรหัสอนาคตพลังงานไทย: เมื่อนวัตกรรม นโยบาย และระบบนิเวศต้องเดินไปด้วยกัน

24 มิ.ย. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพ บรรยากาศในงานสัมมนา ผู้ร่วมเสวนาทั้ง 5 ท่าน นั่งเก้าอี้โซฟาบนเวที ด้านหลังเป็น Backdrop LED ของงาน ด้านหน้าเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนาในยุคที่เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนก้าวหน้าไปไกลจนต้นทุนต่ำลงอย่างไม่เคยมีมาก่อน และนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นรายวัน แต่เหตุใดโครงสร้างพลังงานของไทยจึงดูเหมือนยังคงเผชิญกับความท้าทายเดิม ๆ ทั้งในเชิงราคา นโยบาย และการแข่งขัน ความย้อนแย้งที่น่าขบคิดนี้ คือ แก่นกลางของเวทีเสวนาครบรอบ 5 ปี ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. ซึ่งได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญในการเปิดมุมมองต่อปัญหาที่หยั่งรากลึกของประเทศ

บทความนี้จะพาไปสำรวจเนื้อหาทั้งหมดจากงานเสวนา ตั้งแต่เทคโนโลยีด้านพลังงานที่ ENTEC กำลังพัฒนา ไปจนถึงการวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อตอบคำถามสำคัญว่า เหตุใดเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจึงยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าครองชีพด้านพลังงานได้อย่างเต็มที่ และนวัตกรรมไทยจะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้อย่างไร

เปิดวิสัยทัศน์ ENTEC: 5 ปีแห่งความสำเร็จและ 5 เทรนด์พลังงานแห่งอนาคต

ในงานประชุมยุทธศาสตร์เครือข่ายพันธมิตรฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี ENTEC ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ ENTEC ว่าเป็นการรวมความเชี่ยวชาญของสองศูนย์วิจัยชั้นนำอย่างเอ็มเทคและเนคเทค เพื่อเป็นแกนหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานของประเทศ โดยมีพันธกิจสำคัญคือการทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรและถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ตลอด 5 ปี ENTEC ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ใช้งานได้จริงมากมาย เช่น น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ “EnPAT” , ไบโอดีเซลเกรดพรีเมียม “Premium H-FAME” จากน้ำมันปาล์ม, ไปจนถึง แพลตฟอร์ม “Solar Sure” สำหรับบริหารจัดการแผงโซลาร์เซลล์หมดอายุ และโครงการ “Thailand BattSwap” ที่มุ่งสร้างระบบแพ็กแบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนได้จากวัสดุในประเทศ

ภาพเต็มตัว ของ ดร.สุมิตรา กำลังถือไมค์บรรยาย บนเวที ด้วยชุดสีขาวครีม ด้านหลังเป็น ข้อมูลที่ขึ้น จอ LED ด้านเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนา

จากความสำเร็จดังกล่าว ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ได้ฉายภาพอนาคตที่ท้าทายยิ่งขึ้น โดยชี้ว่าเทคโนโลยีพลังงานสะอาดคือหัวใจสำคัญที่จะนำพาประเทศบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2608 โดยเปิดเผย 5 เทรนด์เทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคตที่ ENTEC กำลังมุ่งวิจัยเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเป็นคำตอบสำหรับประเทศ ซึ่งประกอบด้วย เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF), เซลล์แสงอาทิตย์เพอรอฟสไกต์-ซิลิคอน (Perovskite-Silicon Tandem Solar Cell), พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Energy), โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMRs) และหัวใจสำคัญอย่าง ระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อโครงข่าย (Grid-scale Energy Storage)

ภาพครึ่งตัว ของ ดร.สุมิตรา กำลังยืนกล่าว ที่โพเดียมบนเวทีมีดอกไม้ประดับอยู่ การแต่งกายด้วยชุดสีขาวครีม

โจทย์ใหญ่เชิงนโยบาย เมื่อ ‘ราคา’ และ ‘โครงสร้าง’ กลายเป็นความท้าทายหลัก

แม้ภาพอนาคตทางเทคโนโลยีจะมีความหวัง แต่เวทีเสวนาได้ดึงทุกคนกลับสู่โจทย์ปัจจุบันที่ยังคงรอการแก้ไข ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้เปิดประเด็นไว้อย่างน่าสนใจว่า  การสะท้อนพฤติกรรมการบริโภคพลังงานที่สูง ควบคู่ไปกับความคาดหวังว่าราคาต้องไม่แพง ทัศนคตินี้ได้สร้างแรงกดดันทางการเมือง และนำมาซึ่งนโยบายพยุงราคาที่อาจสวนทางกับกลไกตลาด

ภาพ ดร.คุรุจิต ครึ่งตัว  ใส่สูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนคไท กำลังจับไมค์พูดคุยเสวนากัน นั่งเก้าอี้โซฟาบนเวที

ด้าน ดร.สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ให้ความเห็นว่า ใน 4 เสาหลักของนโยบายพลังงาน ได้แก่ ความมั่นคง พลังงานทดแทน ประสิทธิภาพ และราคา นั้น เสาหลักด้านราคาเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุด และการชดเชยราคาถือเป็นศัตรูของการอนุรักษ์พลังงาน แม้การชดเชยเป็นสิ่งจำเป็นในบางสถานการณ์ แต่ก็ไม่ควรทำแบบหน้ากระดาน

ภาพ ดร.สราวุธ  ครึ่งตัว  ใส่สูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนคไทลายสีน้ำเงิน กำลังจับไมค์พูดคุยเสวนากัน นั่งเก้าอี้โซฟาบนเวที

ในเชิงโครงสร้าง รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) ได้ให้ทรรศนะว่า โครงสร้างตลาดพลังงานของไทยนั้นแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาหลายสิบปี และยังคงมีลักษณะเป็นผู้ซื้อรายเดียว (Single buyer) ที่ไม่มีผู้ซื้อที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง ทำให้เกิดสภาวะที่มีการแข่งขันเพื่อเข้าสู่ตลาด แต่กลับไม่มีการแข่งขันภายในตลาดเลยแม้แต่น้อย ท่านยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เคยมีมติคณะรัฐมนตรีมาเกือบ 10 ปีแล้วให้จัดตั้งองค์กรคุมระบบไฟฟ้าที่เป็นอิสระ (ISO) เพื่อส่งเสริมการแข่งขัน แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง

ความท้าทายยุคเปลี่ยนผ่าน เมื่อเทคโนโลยีก้าวนำและความซับซ้อนเพิ่มขึ้น

รองศาสตราจารย์ ดร.วิจารณ์ หวังดี ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้านเทคโนโลยีไฟฟ้ากำลัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ฉายภาพการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว โดยชี้ว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคที่ผู้ใช้ไฟฟ้ากลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอง (Prosumer) ผ่านโซลาร์รูฟท็อป เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้มาก แต่ความก้าวหน้านี้ก็นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ “ปฏิสัมพันธ์” ระหว่างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีใหม่อย่างอินเวอร์เตอร์ ซึ่งมีพฤติกรรมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และต้องอาศัยการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้ ENTEC จึงเป็น Partner ที่แข็งแกร่งในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านวัสดุศาสตร์เข้ากับวิศวกรรมไฟฟ้า

จากห้องแล็บสู่ตลาด เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการถึง ‘ช่องว่าง’ ของนวัตกรรมไทย

แม้เทคโนโลยีจะดีเพียงใด แต่การนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ยังคงเป็นโจทย์ที่ยากที่สุด ดร.สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ได้เล่าถึงบทเรียนในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ค่ายรถยนต์เคยคาดการณ์ว่าอนาคตจะเป็นของ “พลังงานไฮโดรเจน” แต่ท้ายที่สุด “แบตเตอรี่” กลับเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนาคตทางเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวตามเสมอ นอกจากนี้ ดร.สราวุธ ยังชี้ให้เห็นถึง ‘Missing link’ หรือช่องว่างสำคัญระหว่างงานวิจัยกับการนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และมองว่า ENTEC สามารถเข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ได้

ช่องว่างนี้ถูกฉายภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้นผ่านประสบการณ์ของ นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้พยายามนำนวัตกรรมน้ำยาฆ่าเชื้อประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาร่วมกับ ENTEC ไปเสนอให้กับโรงพยาบาล แต่กลับได้รับคำตอบว่าทางโรงพยาบาลสามารถผสมใช้เองได้ เรื่องราวนี้สะท้อนถึงอุปสรรคสำคัญในการสร้างการยอมรับและตลาดให้กับนวัตกรรมที่ผลิตโดยคนไทย แม้จะมีคุณสมบัติที่ดีและปลอดภัยกว่าก็ตาม อย่างไรก็ตาม นายบุญศักดิ์ยังมองเห็นโอกาสสำคัญว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็นผู้นำในอาเซียนด้านมาตรฐานไฟฟ้า โดยหลายประเทศในภูมิภาคได้นำคู่มือที่พัฒนาโดยคนไทยไปปรับใช้แล้ว

ก้าวต่อไปของพลังงานไทย เมื่อเทคโนโลยีต้องเดินคู่ไปกับวิสัยทัศน์

ในช่วงท้ายของเวทีเสวนา ผู้ร่วมเสวนาได้ให้ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ที่เปี่ยมด้วยความหวัง โดย ดร.คุรุจิต ได้ให้กำลังใจนักวิจัยว่าต้อง “ยืนหยัดในสิ่งที่ทำ” แม้นโยบายการเมืองอาจเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ รองศาสตราจารย์ ดร.สุธรรม เสนอให้ ENTEC ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางเครือข่ายพลังงานของภูมิภาค (Regional Networking Hub) เพื่อดึงดูดเงินทุนและความร่วมมือจากทั่วโลก

มุมมองและข้อเสนอแนะจากเวทีเสวนาในครั้งนี้ ตอกย้ำให้ภารกิจของศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) มีความชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยเพียงอย่างเดียวไม่อาจนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืนทางพลังงานได้ หากปราศจากระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยและการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่เดินหน้าไปพร้อมกัน

ENTEC จึงไม่ได้วางบทบาทเป็นเพียงผู้สร้างเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นสะพานเชื่อมโยงความรู้ความเข้าใจจากห้องปฏิบัติการไปสู่ผู้กำหนดนโยบายและภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดช่องว่างและเร่งผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ENTEC พร้อมที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้ งานวิจัยไทย สามารถเติบโตและเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนให้กับประเทศต่อไป

รับชมบันทึกกิจกรรม ENTEC สวทช. ชู 5 เทรนด์พลังงานอนาคต ฉลองก้าวสำคัญ 5 ปีวิจัยเพื่อชาติ

ได้ที่ https://youtu.be/QSuW5Ge6Kxw?si=Eu39RyOIBDTUXSue

แชร์หน้านี้: